เจ้าหัวใจมาเฟีย (ฉบับรีไรต์)
“ผมใช่ไก่อ่อนวัยตื่นเพศ ตื่นฮอร์โมน เพราะฉะนั้นอย่าบังคับให้ต้องจีบเมียตัวเองแต่คุณควรจะใช้งานมือโปรคนนี้ให้ถูกหน้าที่ อย่างน้อยจะได้ไม่เสียของ”
การพบหน้ากันครั้งแรก แพรวา ต้องกลายเป็นสาวเอสคอร์ตที่เขาใช้เป็นเครื่องมือเขี่ยผู้หญิงอีกคนทิ้ง
ในครั้งที่สองเขากลับลากเธอขึ้นเตียง ช่วงชิงเอาความสาวไปโดยที่เธอไม่ทันได้ทัดทาน นั่นก็เป็นเหตุผลอันยอดเยี่ยมแล้วที่ควรต้องอยู่ให้ห่างจากมาเฟียผู้ดุดัน อันตราย
ถึงแม้ว่านักกายภาพบำบัดสาวจะประพฤติตัวตามเหตุผลข้างต้นนั้นได้ดีสักเพียงใด
เธอควรต้องรู้เอาไว้ว่า... นอกจากเขาจะเป็นมาเฟียผู้ดุดัน อันตรายแล้ว ยังเชี่ยวชาญในการบังคับข่มขู่!
เมื่อหญิงสาวใบหน้างดงามหล่นลงกลางเตียงให้เขาได้ตักตวงเอาความหอมหวานจากเรือนกายแล้ว จึงไม่มีเหตุผลใดที่ อาเชอร์ เฟร์นานโด จะหันหลังกลับไปใส่ใจในลำดับขั้นก่อนหลังของความสัมพันธ์จากค่ำคืนอันเริงร้อนนั้น
สาวบริสุทธ์ควรต้องหัวอ่อน ว่านอนสอนง่าย หลงใหลได้ปลื้มกับความร้อนแรงทางกาย เรียนรู้ชั้นเชิงจากผู้เชี่ยวชาญเรื่องบนเตียงซึ่งผู้หญิงค่อนโลกใฝ่หาแล้วหันมาปรนเปรอเขาให้พึงใจในคราวเดียวกัน
ให้สมกับข้อได้เปรียบที่เธอมีเวลาอยู่บนเตียงของเขาเนิ่นนานกว่าผู้หญิงทั่วไป
...แม้จะถูกอบรมเลี้ยงดูให้เติบโตมาเป็นอย่างดี แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ชายที่สร้างรอยอัปยศไว้บนเรือนกายอย่างน่าอดสูใจแล้ว แพรวาไม่เกรงกลัวที่จะตอบโต้เขาแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน เธอสร้างกำแพงขึ้นมาป้องกันตัวเองอย่างหนาแน่นเสียจนลืมไปว่า ทุกย่างก้าวของเธออยู่ในสายตาของมาเฟียผู้ทรงอิทธิพล
การต่อต้าน หลีกหนีของเธอกำลังสั่นคลอนความเชื่อมั่นที่เกิดขึ้นตลอดวัยหนุ่ม
หรือเขาต้องหันกลับไปมองหา ดอกไม้ เครื่องเพชร การดินเนอร์ใต้แสงเทียนเพื่อใช้ล่อลวงเมียตัวเองให้ปีนขึ้นเตียงอีกครั้ง!?
เช่นนี้แล้วเธอจะต้านทานมาเฟียผู้ขยันใช้เสน่ห์ทางกาย ‘ล่อลวงให้หลงใหล’ ทุกครั้งที่เผลอ... เขาจะใช้อาวุธอันร้ายกาจกะเทาะกำแพงหัวใจให้พังทลายจนไม่เหลือชิ้นดีได้อย่างไร
เจ้าหัวใจมาเฟีย ฉบับรีไรต์นี้เพิ่มฉากหวานที่ทำให้ต้องอมยิ้มไปกับความรักของอาเชอร์และเบนเซม่าที่มีให้นางเอก เพิ่มเนื้อหาให้เต็มอิ่ม เพิ่มตอนพิเศษอย่างจุใจ ตามคำเรียกร้องของนักอ่านที่อยากเก็บสะสมแทนเล่มเดิมหรือบางท่านยังไม่เคยได้สัมผัสกับความรักของดอนอาเชอร์และนักฟุตบอลหนุ่มซึ่งเคยตีพิมพ์มาแล้วครั้งหนึ่ง
การพบหน้ากันครั้งแรก แพรวา ต้องกลายเป็นสาวเอสคอร์ตที่เขาใช้เป็นเครื่องมือเขี่ยผู้หญิงอีกคนทิ้ง
ในครั้งที่สองเขากลับลากเธอขึ้นเตียง ช่วงชิงเอาความสาวไปโดยที่เธอไม่ทันได้ทัดทาน นั่นก็เป็นเหตุผลอันยอดเยี่ยมแล้วที่ควรต้องอยู่ให้ห่างจากมาเฟียผู้ดุดัน อันตราย
ถึงแม้ว่านักกายภาพบำบัดสาวจะประพฤติตัวตามเหตุผลข้างต้นนั้นได้ดีสักเพียงใด
เธอควรต้องรู้เอาไว้ว่า... นอกจากเขาจะเป็นมาเฟียผู้ดุดัน อันตรายแล้ว ยังเชี่ยวชาญในการบังคับข่มขู่!
เมื่อหญิงสาวใบหน้างดงามหล่นลงกลางเตียงให้เขาได้ตักตวงเอาความหอมหวานจากเรือนกายแล้ว จึงไม่มีเหตุผลใดที่ อาเชอร์ เฟร์นานโด จะหันหลังกลับไปใส่ใจในลำดับขั้นก่อนหลังของความสัมพันธ์จากค่ำคืนอันเริงร้อนนั้น
สาวบริสุทธ์ควรต้องหัวอ่อน ว่านอนสอนง่าย หลงใหลได้ปลื้มกับความร้อนแรงทางกาย เรียนรู้ชั้นเชิงจากผู้เชี่ยวชาญเรื่องบนเตียงซึ่งผู้หญิงค่อนโลกใฝ่หาแล้วหันมาปรนเปรอเขาให้พึงใจในคราวเดียวกัน
ให้สมกับข้อได้เปรียบที่เธอมีเวลาอยู่บนเตียงของเขาเนิ่นนานกว่าผู้หญิงทั่วไป
...แม้จะถูกอบรมเลี้ยงดูให้เติบโตมาเป็นอย่างดี แต่เมื่อต้องเผชิญหน้ากับผู้ชายที่สร้างรอยอัปยศไว้บนเรือนกายอย่างน่าอดสูใจแล้ว แพรวาไม่เกรงกลัวที่จะตอบโต้เขาแบบตาต่อตาฟันต่อฟัน เธอสร้างกำแพงขึ้นมาป้องกันตัวเองอย่างหนาแน่นเสียจนลืมไปว่า ทุกย่างก้าวของเธออยู่ในสายตาของมาเฟียผู้ทรงอิทธิพล
การต่อต้าน หลีกหนีของเธอกำลังสั่นคลอนความเชื่อมั่นที่เกิดขึ้นตลอดวัยหนุ่ม
หรือเขาต้องหันกลับไปมองหา ดอกไม้ เครื่องเพชร การดินเนอร์ใต้แสงเทียนเพื่อใช้ล่อลวงเมียตัวเองให้ปีนขึ้นเตียงอีกครั้ง!?
เช่นนี้แล้วเธอจะต้านทานมาเฟียผู้ขยันใช้เสน่ห์ทางกาย ‘ล่อลวงให้หลงใหล’ ทุกครั้งที่เผลอ... เขาจะใช้อาวุธอันร้ายกาจกะเทาะกำแพงหัวใจให้พังทลายจนไม่เหลือชิ้นดีได้อย่างไร
เจ้าหัวใจมาเฟีย ฉบับรีไรต์นี้เพิ่มฉากหวานที่ทำให้ต้องอมยิ้มไปกับความรักของอาเชอร์และเบนเซม่าที่มีให้นางเอก เพิ่มเนื้อหาให้เต็มอิ่ม เพิ่มตอนพิเศษอย่างจุใจ ตามคำเรียกร้องของนักอ่านที่อยากเก็บสะสมแทนเล่มเดิมหรือบางท่านยังไม่เคยได้สัมผัสกับความรักของดอนอาเชอร์และนักฟุตบอลหนุ่มซึ่งเคยตีพิมพ์มาแล้วครั้งหนึ่ง
Tags: ดอนอาเชอร์, นักฟุตบอล, มาเฟีย,
ตอน: ตอนที่ 4 50%
น่าอับอายและอดสูใจยิ่งนัก เมื่อสามารถหลับใหลได้อย่างสนิทใจในอ้อมกอดของมาเฟียชั่วร้ายที่พรากเอาความสาวไป ความเปลือยเปล่าที่พบตอนรู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของเขายิ่งทำให้เธอละอายใจมากขึ้น
ทุกย่างก้าวเกิดความหน่วงตึง ตอกย้ำให้ได้คิดถึงภาพเหตุการณ์ที่ผ่านมาจนเธอต้องมองผู้ชายที่เดินสวนเข้าไปในห้องน้ำเป็นธาตุอากาศ แม้จะนั่งมองภาพข่าวจากจอทีวีขนาดใหญ่ที่ติดอยู่ผนังห้อง แต่ความคิดเธอกลับวกวน ขบคิดในเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไป สิ่งแรกคือพาตัวเองไปให้ไกลจากอาณาบริเวณของเขา
อาเชอร์อยู่ในเสื้อเชิ้ตสีครีมแขนยาวผูกเนกไทสีน้ำตาลไหม้เข้าชุดกับสีของกางเกงสแล็ก ดวงตาคู่คมจ้องมองที่ใบหน้างดงามซึ่งบึ้งตึง นั่งนิ่งจมจ่อมอยู่กับความคิดของตัวเอง กระทั่งเขาเดินผ่านหน้ามายังโต๊ะอาหาร เธอยังไม่ไหวติงแม้แต่น้อย
“มากินมื้อเช้าก่อนสิ แล้วค่อยกลับไปหลับต่อสักงีบ” อาเชอร์เลือกใช้น้ำเสียงราบเรียบราวกับว่าเมื่อคืนนี้ไม่ได้เกิดเหตุการณ์ผิดปกติใดๆ ขึ้นพร้อมทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้หัวโต๊ะอาหาร
แพรวาหันขวับไปมองเขาด้วยสายตาชิงชัง สงวนคำพูดอย่างที่สุดเพราะไม่อยากจะเสวนาหรือข้องเกี่ยวใดๆ กับเขาแม้แต่น้อย เช่นนี้แล้วจะหวังให้เธอนั่งร่วมโต๊ะอาหารกับเขาได้อย่างไร
“ฉันจะกลับบ้าน เปิดประตู” หญิงสาวสั่งเสียงห้วน
“ก็บอกว่ามาหาอะไรรองท้องก่อนแล้วค่อยไปนอนต่อ... เช้านี้ผมมีประชุมแล้วตอนเที่ยงจะมารับ” น้ำเสียงเขาเอื่อยเฉื่อยเหมือนสามีพูดคุยกับภรรยา หนำซ้ำท่าทางติดรำคาญใจนั้นเธอยังกลายเป็นภรรยาที่พูดไม่รู้เรื่อง
“ไม่กิน แล้วต่อจากนี้อย่าหวังว่าจะบังคับฉันได้อีก ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้นะ”
“ก็คุณยังไม่อยากให้ผมบังคับ แล้วมีสิทธิ์อะไรมาออกคำสั่งให้ผมทำโน่นทำนี่ เก่งนักก็หาทางออกไปเองสิ”
เอสเพรสโซ่อันเข้มข้นที่คลายความร้อนลงไปมากโขยังเป็นมื้อเช้าที่จำเป็นสำหรับเขาเช่นเคย หากท่าทางทองไม่รู้ร้อนนี้กลับก่อกวนให้อารมณ์ของแพรวาคุกรุ่น ผุดลุกขึ้นจากโซฟาตัวใหญ่ ก้าวฉับๆ เข้าไปหยุดตรงหน้าเขา แม้ว่าจะมีโต๊ะอาหารกั้นกลางแต่แพรวาก็มองเห็นเขาได้อย่างชัดเจน ทั้งสายตายังส่งผ่านความเกลียดชังให้เขาได้รับรู้จนมาเฟียหนุ่มรู้สึกอึดอัดราวกับภายในห้องมีออกซิเจนเหลือน้อยลงทุกที
“คุณก็รู้ว่าฉันจะเดินออกจากห้องนี้ไม่ได้ถ้าไม่มีรหัสเปิดประตู คุณได้จากฉันไปทุกอย่างแล้วยังจะต้องการอะไรอีก” ทั้งร้องขอและแสนรวดร้าวหัวใจในการกระทำของเขา
หากตอนนี้มีใครสักคนมาเห็นคงจะไม่อยากเชื่อสายตา หรือเชื่อว่าเขาจะมีความอดทนมากถึงเพียงนี้ แม้สิ่งที่เธอส่งผ่านมานั้นจะบีบคั้นหัวใจสักแค่ไหนแต่เขาก็ยังควบคุมน้ำเสียงให้ราบเรียบได้เช่นเดิม
“แล้วจะย้ายมาอยู่กับผมเมื่อไหร่?” อาเชอร์เริ่มคำถามใหม่ เมื่อเธอไม่ยอมทำตามที่บอก
แพรวาหัวเราะพรืดออกมา เหมือนว่ากำลังคุยกันคนละภาษา “ฉันไม่เคยคิดที่จะอยู่กับคนแบบคุณ”
คำตอบนั้นทำให้คนที่วางท่าเฉยมาโดยตลอดหรี่ตาแคบ มองด้วยสายตาประเมิน
“คนแบบผม... มันเป็นยังไง?” ถามกลับพาลๆ
“ไร้อารยธรรม ทำตัวยังกับอยู่บ้านป่าเมืองเถื่อน ฉุดฉันมาเพื่อสนองตัณหาบ้าๆ ไม่สนใจว่าคนอื่นเขาจะรู้สึกยังไง ฉันไม่เคยรู้จักมักคุ้นกับคุณมาก่อน แต่แค่มีเวลาอยู่ด้วยไม่นานยังรู้สึกย่ำแย่ได้ถึงขนาดนี้ เพราะฉะนั้นอย่าว่าแต่ให้นั่งร่วมโต๊ะอาหารเลย อากาศที่แชร์กันหายใจ ฉันยังรังเกียจ”
เยี่ยม! ไม่ใช่แค่ทำให้เขาพึงใจได้มากที่สุดแต่เธอกำลังทำให้เขาเดือดจัดด้วยความโกรธได้รวดเร็วที่สุดเช่นกัน
ความเกรี้ยวกราดที่ฉายแววในดวงตาคู่คมทำแพรวาหวาดหวั่นไม่น้อยเพราะรู้ดีว่าหากต้องปะทะกับเขาอีกครั้ง เธอต้องพ่ายแพ้อย่างราบคาบแต่ก็ไม่อาจปล่อยให้เขาบงการชีวิตได้เช่นนี้
“หึ...สสารมันมีหลายสถานะ” อาเชอร์เหยียดยิ้มให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ ซึ่งยั่วโมโหเขาได้อย่างยอดเยี่ยมพอๆกับท่าทีอวดดีของเธอ “ผมไม่เกี่ยงหรอกถ้าคุณรังเกียจที่จะแชร์ก๊าซกับผม แต่ติดใจจนถึงขั้นปลื้ม ออกจะเรียกร้องแชร์ของเหลวกับผมอย่างเมื่อคืน”
แพรวากัดริมฝีปากล่างจนแน่น ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าไม่ใช่แค่พละกำลังที่ด้อยกว่า แต่ถ้าเกี่ยวกับเรื่องชั่วร้ายแล้วเธอด้อยกว่าเขาทั้งความคิด การกระทำและคำพูด
“เพราะฉันสู้แรงคุณไม่ได้ คุณบังคับใจฉัน ฉันไม่ได้เต็มใจ ไม่เคยเต็มใจ แล้วจะเอาอะไรจากฉันอีก...” มันคือความอัดอั้นตันใจ แม้ตั้งใจว่าจะไม่ยอมให้เขาได้เห็นน้ำตาอีกแต่แพรวาก็รู้ดีว่าหยดน้ำใสๆ กำลังไหลอาบสองแก้ม “ขอร้องล่ะ ปล่อยฉันกลับไปอยู่ในที่ของตัวเอง ฉันต้องเรียนต้องทำงาน แล้วถ้าคิดจะขังฉันไว้สนองความต้องการบ้าๆ ของคุณ ก็ฆ่าฉันให้ตายซะดีกว่า”
เธออาจจะเจ็บปวดรวดร้าวเพราะความสูญเสีย ไม่อาจต่อกรกับเขาได้ในสักทางแต่จงรู้เอาไว้ว่าเขาก็เจ็บปวดราวกับมีคีมเหล็กอันใหญ่มาบีบคั้นหัวใจ เมื่อได้เห็นน้ำตาของเธอ ทั้งที่ความจริงแล้วเขาไม่ได้ความจำเสื่อม ไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนั้นต่างก็ได้รับความสุขสมเต็มอิ่มด้วยกัน
“แล้วถ้าเกิดท้องจะทำยังไง” อาเชอร์โพล่งถามออกไป เลือกใช้คำถามที่คิดว่าจะทำให้เธอเริ่มเปลี่ยนใจ
หากเขาไม่รู้หรอกว่าคำถามร้ายกาจที่หลุดออกจากปากนั้น ทำร้ายเธอ บังคับขู่เข็ญให้อับจนหนทางไม่ต่างจากหันปลายกระบอกปืนจ่อเข้าที่หน้าอกข้างซ้าย
“ฉันโชคร้ายที่ต้องมาเจอคุณ เจอกับเรื่องยอดแย่ในชีวิตแล้วถ้าต่อไปจะมีเรื่องไม่คาดฝันอะไรเกิดขึ้น มันก็คงจะดีกว่าต้องทนอยู่กับคุณแน่นอน”
อวดดีทั้งที่ไม่มีอะไรเทียบเคียงเขาได้สักนิด ทิฐิและความโกรธที่เธอเป็นคนก่อทำให้อาเชอร์ถูกผลักดันจนมายืนอยู่ปากเหวลึก “ถ้าเลือกที่จะก้าวขาออกจากห้องนี้แล้วเกิดมีเด็ก ควรรู้เอาไว้ว่าผม-ไม่-เอา”
แพรวาเข่าอ่อนแทบล้มทั้งยืน นี่สินะคือความใจดำอำมหิตของมาเฟียโดยแท้จริง กระทั่งลูก... เขายังเรียกว่าเด็ก! แล้วมีเหตุผลสมควรอันใดที่เธอจะให้เลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองเกิดมาแล้วเรียกผู้ชายคนนี้ว่าพ่อ ถึงแม้ว่าลูกของเธอจะเกิดขึ้นจากความพลาดพลั้งไม่ได้ตั้งใจก็ตาม อารมณ์ยอดแย่ทุกอย่างที่อัดแน่นในตัวแพรวา ผลักดันให้เธอก้าวเข้าไปใกล้มาเฟียชั่ว ความโกรธผสมโมโหสั่งให้เธอต้องทำการสักอย่างเพื่อสั่งสอนให้สาสม
เพียะ!... เพียะ!...
ทันทีที่ใบหน้าสะบัดตามแรงฝ่ามือบอบบาง อาเชอร์จึงผุดลุกขึ้นด้วยความโมโหโกรธา เธอบังอาจตบหน้าเขาเป็นครั้งที่สอง แล้วดูท่าทางที่เธอทำตอนนี้
หลับตาแน่นจนหัวคิ้วแทบจะจรดกัน เกร็งตัวราวกับว่าเขาจะทำร้ายกลับ ไม่นับน้ำตาที่ไหลออกมาราวกับเขื่อนทำนบพัง อย่าว่าจะทำร้ายเธอแม้แต่ปลายก้อยเลยแค่ต่อสู้กับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสายเขายังทำไม่ได้ สุดท้ายต้องเบือนหน้าหนีและเป็นฝ่ายเลี่ยงที่จะเผชิญหน้าแล้วเดินไปกดปุ่มเรียกคนสนิทให้เข้ามาในห้อง
แพรวาไม่รู้ตัวว่าโทษทัณฑ์ที่จะได้รับนั้นจะเจ็บปวดสักแค่ไหนแต่มันคงไม่สาหัสสากรรจ์ไปกว่าคำพูดที่เขาใช้ทิ่มแทงหัวใจเธอ แต่เสียงห้วนจัดที่ออกคำสั่งให้คนสนิทไปส่งเธอนั้น ทำให้แพรวารีบลืมตาทั้งดีใจและประหลาดใจ
“เชิญครับ” บิลผายมือเชื้อเชิญหญิงสาวด้วยความสุภาพ
“คุณเลือกแบบนี้เองนะแพรวา” เสียงห้วนจัดเจือไว้ด้วยความหงุดหงิดใจอย่างที่สุดดังขึ้น แม้ว่าเขาจะหันหน้าไปยังกระจกใสซึ่งมองเห็นวิวของมาดริดแต่ยังได้ยินเสียงฝีเท้าของเธอรีบก้าวออกไปจากห้อง ก่อนจะหยุดชะงักอยู่ชั่วครู่หลังจากคำพูดเขาจบลง
แพรวาชะงักการก้าวเดินเพียงแค่ชั่วอึดใจเดียวเท่านั้น จิตใจไม่ไขว้เขวไปกับเศษเดนความปรานีที่เขาโยนมาให้เลยแม้แต่น้อย ไม่แม้กระทั่งหันหลังกลับไปมองเมื่อก้าวพ้นจากเพนต์เฮาส์สุดหรู
...แม้จะมีประชุมนัดสำคัญรออยู่ แต่อาเชอร์ยังยืนนิ่ง มองไกลออกไปอย่างไร้จุดหมาย กระทั่งสิ่งมีชีวิตที่อาจจะเกิดขึ้นยังไม่อาจเหนี่ยวรั้งเธอเอาไว้ หยิ่งยโส จองหอง อวดเก่ง คือสิ่งที่เขาต้องยอมรับว่ามีอยู่ในตัวเธอเต็มเปี่ยม เมื่อเธอเลือกที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบจากเขา กล้าตบหน้าท้าทายอำนาจที่ไม่เคยมีผู้ใดบังอาจทำกับเขามาก่อน เช่นนี้แล้วยังจะต้องสนใจ เก็บมาเป็นอารมณ์อีกทำไม
ราวครึ่งชั่วโมงต่อมาอาเชอร์จึงเดินออกจากเพนต์เฮาส์ด้วยสีหน้าบึ้งตึง กระทั่งคนสนิทที่ทำงานข้างกายมาหลายปียังเข้าหน้าไม่ติด
ตลอดระยะเวลาที่เดินทางจากโรงแรมไปยังออฟฟิศ ไมค์ลอบมองเจ้านายซึ่งนั่งอยู่บนเบาะหลังผ่านกระจกเงาอยู่บ่อยครั้ง แม้เดาว่าความหงุดหงิดใจจะเกิดจากสาวเอเชียคนนั้นแต่อีกใจ ไมค์ยังไม่อยากเชื่อว่าจะมีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธมาเฟียผู้เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติเช่นนี้
แม้จะบังคับตัวเองให้ตัดเธอออกไปจากความคิดแต่จนแล้วจนรอด ความภูมิใจและความหวงแหนยังชูธงแห่งชัยชนะเหนือความคิด
“ไมค์ แกหาใครสักคนให้ตามดูแลเธอห่างๆ แต่อย่าให้คลาดสายตา” หลังคำพูดอาเชอร์ต้องหลับตาลงยอมรับกับความพ่ายแพ้ของตัวเอง
ทุกย่างก้าวเกิดความหน่วงตึง ตอกย้ำให้ได้คิดถึงภาพเหตุการณ์ที่ผ่านมาจนเธอต้องมองผู้ชายที่เดินสวนเข้าไปในห้องน้ำเป็นธาตุอากาศ แม้จะนั่งมองภาพข่าวจากจอทีวีขนาดใหญ่ที่ติดอยู่ผนังห้อง แต่ความคิดเธอกลับวกวน ขบคิดในเหตุการณ์ที่เพิ่งผ่านพ้นไป สิ่งแรกคือพาตัวเองไปให้ไกลจากอาณาบริเวณของเขา
อาเชอร์อยู่ในเสื้อเชิ้ตสีครีมแขนยาวผูกเนกไทสีน้ำตาลไหม้เข้าชุดกับสีของกางเกงสแล็ก ดวงตาคู่คมจ้องมองที่ใบหน้างดงามซึ่งบึ้งตึง นั่งนิ่งจมจ่อมอยู่กับความคิดของตัวเอง กระทั่งเขาเดินผ่านหน้ามายังโต๊ะอาหาร เธอยังไม่ไหวติงแม้แต่น้อย
“มากินมื้อเช้าก่อนสิ แล้วค่อยกลับไปหลับต่อสักงีบ” อาเชอร์เลือกใช้น้ำเสียงราบเรียบราวกับว่าเมื่อคืนนี้ไม่ได้เกิดเหตุการณ์ผิดปกติใดๆ ขึ้นพร้อมทรุดตัวนั่งลงบนเก้าอี้หัวโต๊ะอาหาร
แพรวาหันขวับไปมองเขาด้วยสายตาชิงชัง สงวนคำพูดอย่างที่สุดเพราะไม่อยากจะเสวนาหรือข้องเกี่ยวใดๆ กับเขาแม้แต่น้อย เช่นนี้แล้วจะหวังให้เธอนั่งร่วมโต๊ะอาหารกับเขาได้อย่างไร
“ฉันจะกลับบ้าน เปิดประตู” หญิงสาวสั่งเสียงห้วน
“ก็บอกว่ามาหาอะไรรองท้องก่อนแล้วค่อยไปนอนต่อ... เช้านี้ผมมีประชุมแล้วตอนเที่ยงจะมารับ” น้ำเสียงเขาเอื่อยเฉื่อยเหมือนสามีพูดคุยกับภรรยา หนำซ้ำท่าทางติดรำคาญใจนั้นเธอยังกลายเป็นภรรยาที่พูดไม่รู้เรื่อง
“ไม่กิน แล้วต่อจากนี้อย่าหวังว่าจะบังคับฉันได้อีก ปล่อยฉันไปเดี๋ยวนี้นะ”
“ก็คุณยังไม่อยากให้ผมบังคับ แล้วมีสิทธิ์อะไรมาออกคำสั่งให้ผมทำโน่นทำนี่ เก่งนักก็หาทางออกไปเองสิ”
เอสเพรสโซ่อันเข้มข้นที่คลายความร้อนลงไปมากโขยังเป็นมื้อเช้าที่จำเป็นสำหรับเขาเช่นเคย หากท่าทางทองไม่รู้ร้อนนี้กลับก่อกวนให้อารมณ์ของแพรวาคุกรุ่น ผุดลุกขึ้นจากโซฟาตัวใหญ่ ก้าวฉับๆ เข้าไปหยุดตรงหน้าเขา แม้ว่าจะมีโต๊ะอาหารกั้นกลางแต่แพรวาก็มองเห็นเขาได้อย่างชัดเจน ทั้งสายตายังส่งผ่านความเกลียดชังให้เขาได้รับรู้จนมาเฟียหนุ่มรู้สึกอึดอัดราวกับภายในห้องมีออกซิเจนเหลือน้อยลงทุกที
“คุณก็รู้ว่าฉันจะเดินออกจากห้องนี้ไม่ได้ถ้าไม่มีรหัสเปิดประตู คุณได้จากฉันไปทุกอย่างแล้วยังจะต้องการอะไรอีก” ทั้งร้องขอและแสนรวดร้าวหัวใจในการกระทำของเขา
หากตอนนี้มีใครสักคนมาเห็นคงจะไม่อยากเชื่อสายตา หรือเชื่อว่าเขาจะมีความอดทนมากถึงเพียงนี้ แม้สิ่งที่เธอส่งผ่านมานั้นจะบีบคั้นหัวใจสักแค่ไหนแต่เขาก็ยังควบคุมน้ำเสียงให้ราบเรียบได้เช่นเดิม
“แล้วจะย้ายมาอยู่กับผมเมื่อไหร่?” อาเชอร์เริ่มคำถามใหม่ เมื่อเธอไม่ยอมทำตามที่บอก
แพรวาหัวเราะพรืดออกมา เหมือนว่ากำลังคุยกันคนละภาษา “ฉันไม่เคยคิดที่จะอยู่กับคนแบบคุณ”
คำตอบนั้นทำให้คนที่วางท่าเฉยมาโดยตลอดหรี่ตาแคบ มองด้วยสายตาประเมิน
“คนแบบผม... มันเป็นยังไง?” ถามกลับพาลๆ
“ไร้อารยธรรม ทำตัวยังกับอยู่บ้านป่าเมืองเถื่อน ฉุดฉันมาเพื่อสนองตัณหาบ้าๆ ไม่สนใจว่าคนอื่นเขาจะรู้สึกยังไง ฉันไม่เคยรู้จักมักคุ้นกับคุณมาก่อน แต่แค่มีเวลาอยู่ด้วยไม่นานยังรู้สึกย่ำแย่ได้ถึงขนาดนี้ เพราะฉะนั้นอย่าว่าแต่ให้นั่งร่วมโต๊ะอาหารเลย อากาศที่แชร์กันหายใจ ฉันยังรังเกียจ”
เยี่ยม! ไม่ใช่แค่ทำให้เขาพึงใจได้มากที่สุดแต่เธอกำลังทำให้เขาเดือดจัดด้วยความโกรธได้รวดเร็วที่สุดเช่นกัน
ความเกรี้ยวกราดที่ฉายแววในดวงตาคู่คมทำแพรวาหวาดหวั่นไม่น้อยเพราะรู้ดีว่าหากต้องปะทะกับเขาอีกครั้ง เธอต้องพ่ายแพ้อย่างราบคาบแต่ก็ไม่อาจปล่อยให้เขาบงการชีวิตได้เช่นนี้
“หึ...สสารมันมีหลายสถานะ” อาเชอร์เหยียดยิ้มให้ผู้หญิงตัวเล็กๆ ซึ่งยั่วโมโหเขาได้อย่างยอดเยี่ยมพอๆกับท่าทีอวดดีของเธอ “ผมไม่เกี่ยงหรอกถ้าคุณรังเกียจที่จะแชร์ก๊าซกับผม แต่ติดใจจนถึงขั้นปลื้ม ออกจะเรียกร้องแชร์ของเหลวกับผมอย่างเมื่อคืน”
แพรวากัดริมฝีปากล่างจนแน่น ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าไม่ใช่แค่พละกำลังที่ด้อยกว่า แต่ถ้าเกี่ยวกับเรื่องชั่วร้ายแล้วเธอด้อยกว่าเขาทั้งความคิด การกระทำและคำพูด
“เพราะฉันสู้แรงคุณไม่ได้ คุณบังคับใจฉัน ฉันไม่ได้เต็มใจ ไม่เคยเต็มใจ แล้วจะเอาอะไรจากฉันอีก...” มันคือความอัดอั้นตันใจ แม้ตั้งใจว่าจะไม่ยอมให้เขาได้เห็นน้ำตาอีกแต่แพรวาก็รู้ดีว่าหยดน้ำใสๆ กำลังไหลอาบสองแก้ม “ขอร้องล่ะ ปล่อยฉันกลับไปอยู่ในที่ของตัวเอง ฉันต้องเรียนต้องทำงาน แล้วถ้าคิดจะขังฉันไว้สนองความต้องการบ้าๆ ของคุณ ก็ฆ่าฉันให้ตายซะดีกว่า”
เธออาจจะเจ็บปวดรวดร้าวเพราะความสูญเสีย ไม่อาจต่อกรกับเขาได้ในสักทางแต่จงรู้เอาไว้ว่าเขาก็เจ็บปวดราวกับมีคีมเหล็กอันใหญ่มาบีบคั้นหัวใจ เมื่อได้เห็นน้ำตาของเธอ ทั้งที่ความจริงแล้วเขาไม่ได้ความจำเสื่อม ไม่ได้คิดเข้าข้างตัวเองว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนนั้นต่างก็ได้รับความสุขสมเต็มอิ่มด้วยกัน
“แล้วถ้าเกิดท้องจะทำยังไง” อาเชอร์โพล่งถามออกไป เลือกใช้คำถามที่คิดว่าจะทำให้เธอเริ่มเปลี่ยนใจ
หากเขาไม่รู้หรอกว่าคำถามร้ายกาจที่หลุดออกจากปากนั้น ทำร้ายเธอ บังคับขู่เข็ญให้อับจนหนทางไม่ต่างจากหันปลายกระบอกปืนจ่อเข้าที่หน้าอกข้างซ้าย
“ฉันโชคร้ายที่ต้องมาเจอคุณ เจอกับเรื่องยอดแย่ในชีวิตแล้วถ้าต่อไปจะมีเรื่องไม่คาดฝันอะไรเกิดขึ้น มันก็คงจะดีกว่าต้องทนอยู่กับคุณแน่นอน”
อวดดีทั้งที่ไม่มีอะไรเทียบเคียงเขาได้สักนิด ทิฐิและความโกรธที่เธอเป็นคนก่อทำให้อาเชอร์ถูกผลักดันจนมายืนอยู่ปากเหวลึก “ถ้าเลือกที่จะก้าวขาออกจากห้องนี้แล้วเกิดมีเด็ก ควรรู้เอาไว้ว่าผม-ไม่-เอา”
แพรวาเข่าอ่อนแทบล้มทั้งยืน นี่สินะคือความใจดำอำมหิตของมาเฟียโดยแท้จริง กระทั่งลูก... เขายังเรียกว่าเด็ก! แล้วมีเหตุผลสมควรอันใดที่เธอจะให้เลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเองเกิดมาแล้วเรียกผู้ชายคนนี้ว่าพ่อ ถึงแม้ว่าลูกของเธอจะเกิดขึ้นจากความพลาดพลั้งไม่ได้ตั้งใจก็ตาม อารมณ์ยอดแย่ทุกอย่างที่อัดแน่นในตัวแพรวา ผลักดันให้เธอก้าวเข้าไปใกล้มาเฟียชั่ว ความโกรธผสมโมโหสั่งให้เธอต้องทำการสักอย่างเพื่อสั่งสอนให้สาสม
เพียะ!... เพียะ!...
ทันทีที่ใบหน้าสะบัดตามแรงฝ่ามือบอบบาง อาเชอร์จึงผุดลุกขึ้นด้วยความโมโหโกรธา เธอบังอาจตบหน้าเขาเป็นครั้งที่สอง แล้วดูท่าทางที่เธอทำตอนนี้
หลับตาแน่นจนหัวคิ้วแทบจะจรดกัน เกร็งตัวราวกับว่าเขาจะทำร้ายกลับ ไม่นับน้ำตาที่ไหลออกมาราวกับเขื่อนทำนบพัง อย่าว่าจะทำร้ายเธอแม้แต่ปลายก้อยเลยแค่ต่อสู้กับน้ำตาที่ไหลออกมาไม่ขาดสายเขายังทำไม่ได้ สุดท้ายต้องเบือนหน้าหนีและเป็นฝ่ายเลี่ยงที่จะเผชิญหน้าแล้วเดินไปกดปุ่มเรียกคนสนิทให้เข้ามาในห้อง
แพรวาไม่รู้ตัวว่าโทษทัณฑ์ที่จะได้รับนั้นจะเจ็บปวดสักแค่ไหนแต่มันคงไม่สาหัสสากรรจ์ไปกว่าคำพูดที่เขาใช้ทิ่มแทงหัวใจเธอ แต่เสียงห้วนจัดที่ออกคำสั่งให้คนสนิทไปส่งเธอนั้น ทำให้แพรวารีบลืมตาทั้งดีใจและประหลาดใจ
“เชิญครับ” บิลผายมือเชื้อเชิญหญิงสาวด้วยความสุภาพ
“คุณเลือกแบบนี้เองนะแพรวา” เสียงห้วนจัดเจือไว้ด้วยความหงุดหงิดใจอย่างที่สุดดังขึ้น แม้ว่าเขาจะหันหน้าไปยังกระจกใสซึ่งมองเห็นวิวของมาดริดแต่ยังได้ยินเสียงฝีเท้าของเธอรีบก้าวออกไปจากห้อง ก่อนจะหยุดชะงักอยู่ชั่วครู่หลังจากคำพูดเขาจบลง
แพรวาชะงักการก้าวเดินเพียงแค่ชั่วอึดใจเดียวเท่านั้น จิตใจไม่ไขว้เขวไปกับเศษเดนความปรานีที่เขาโยนมาให้เลยแม้แต่น้อย ไม่แม้กระทั่งหันหลังกลับไปมองเมื่อก้าวพ้นจากเพนต์เฮาส์สุดหรู
...แม้จะมีประชุมนัดสำคัญรออยู่ แต่อาเชอร์ยังยืนนิ่ง มองไกลออกไปอย่างไร้จุดหมาย กระทั่งสิ่งมีชีวิตที่อาจจะเกิดขึ้นยังไม่อาจเหนี่ยวรั้งเธอเอาไว้ หยิ่งยโส จองหอง อวดเก่ง คือสิ่งที่เขาต้องยอมรับว่ามีอยู่ในตัวเธอเต็มเปี่ยม เมื่อเธอเลือกที่จะปฏิเสธความรับผิดชอบจากเขา กล้าตบหน้าท้าทายอำนาจที่ไม่เคยมีผู้ใดบังอาจทำกับเขามาก่อน เช่นนี้แล้วยังจะต้องสนใจ เก็บมาเป็นอารมณ์อีกทำไม
ราวครึ่งชั่วโมงต่อมาอาเชอร์จึงเดินออกจากเพนต์เฮาส์ด้วยสีหน้าบึ้งตึง กระทั่งคนสนิทที่ทำงานข้างกายมาหลายปียังเข้าหน้าไม่ติด
ตลอดระยะเวลาที่เดินทางจากโรงแรมไปยังออฟฟิศ ไมค์ลอบมองเจ้านายซึ่งนั่งอยู่บนเบาะหลังผ่านกระจกเงาอยู่บ่อยครั้ง แม้เดาว่าความหงุดหงิดใจจะเกิดจากสาวเอเชียคนนั้นแต่อีกใจ ไมค์ยังไม่อยากเชื่อว่าจะมีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธมาเฟียผู้เพียบพร้อมไปด้วยคุณสมบัติเช่นนี้
แม้จะบังคับตัวเองให้ตัดเธอออกไปจากความคิดแต่จนแล้วจนรอด ความภูมิใจและความหวงแหนยังชูธงแห่งชัยชนะเหนือความคิด
“ไมค์ แกหาใครสักคนให้ตามดูแลเธอห่างๆ แต่อย่าให้คลาดสายตา” หลังคำพูดอาเชอร์ต้องหลับตาลงยอมรับกับความพ่ายแพ้ของตัวเอง
ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ส.ค. 2559, 11:45:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ส.ค. 2559, 11:45:34 น.
จำนวนการเข้าชม : 1311
<< ตอนที่ 3 100% | ตอนที่ 4 100% >> |
แว่นใส 30 ส.ค. 2559, 16:48:14 น.
จะมีอะไรต่อน๊า ลุ้นจัง
จะมีอะไรต่อน๊า ลุ้นจัง