โซ่รักสีรุ้ง
"เด็กคนนั้น...เป็นลูกใคร" ห้าปีผ่านมา เธอคิดว่าชินชากับความเจ็บปวดแล้ว แต่ความจริงความรู้สึกนั้นเพียงแต่ตกตะกอนอยู่ก้นบึ้งหัวใจรอเวลาที่ใครสักคนจะกวนตะกอนนั้นขึ้นมา ให้เจ็บรวดร้าวยอกแสลงไปทั้งหัวใจ
Tags: ศศิภา,อรุณฉาย,ท้อง,หย่า,หนี,แต่งงาน,ศศิอักษร

ตอน: บทที่ ๓.๒ - เดตแรก


พนมกรเพิ่งรู้สึกว่าตัวเองแก่อย่างจริงๆจังๆก็วันนี้เอง หนำซ้ำยังนึกอยากจะลดอายุตัวเองลงไปอีกสักสิบปี!

หลังจากลงจากรถไฟเหาะแล้ว เขาก็เดินตามเด็กสาวตรงหน้าด้วยอาการมึนงง หัวหมุนติ้วๆ ท้องไส้ปั่นป่วน อยากจะอาเจียนออกมาเสียตรงนั้นเลย แต่ก็ต้องข่มมันไว้ และแสดงท่าทีแบบ ‘สบายมาก’ ‘ไม่มีปัญหา’ ‘แค่นี้จิ๊บๆ’ อะไรเทือกนั้น เพื่อรักษาภาพลักษณ์อย่างสุดความสามารถ

แต่เดินมาไม่ถึงสิบก้าว ชายหนุ่มก็ทนไม่ไหว เดินโผเผไปเกาะเสาต้นหนึ่ง ทำท่าโก่งคอเหมือนจะอาเจียน เจ้าตัวรีบยกมือตะครุบปากไว้ กล้ำกลืนความพะอืดพะอมอย่างทรมาน สายรุ้งซึ่งเดินนำไปไกลแล้วเพิ่งเอะใจ จึงหันมามอง พอเห็นคนตัวโตท่าทางย่ำแย่จนดูไม่ได้ ก็วิ่งกระหืดกระหอบเข้ามาถามอย่างเป็นห่วง

“คุณกร! เป็นยังไงบ้างคะ ไม่สบายเหรอคะ”

สายรุ้งเข้ามาประคอง...พูดให้ถูกน่าจะเป็นหิ้วปีกมากกว่า

เธอหิ้วปีกเขา และหยิบทิชชู่ในกระเป๋าออกมา ซับเหงื่อที่ผุดขึ้นมาอย่างชุ่มโชกบนใบหน้าของเขา

“ถ้าเล่นไม่ได้ ทำไมไม่บอกรุ้งคะ”

พนมกรฝืนยิ้ม มองสบตาที่เบิกโตและเต็มไปด้วยความกังวลกึ่งสงสารของเธอแล้ว ก็อดเวทนาตัวเองไม่ได้

ปกติเขาห่วงภาพลักษณ์ของตัวเองยิ่งกว่าสิ่งใด ...นักธุรกิจหนุ่ม เจ้าของบริษัทเอสพีกรุ๊ป หล่อเหลาปานเทพบุตร กิริยาท่าทางนุ่มนวล รอยยิ้มทรงเสน่ห์ ดวงตาแพรวพราวชวนหลงใหล ใครๆก็ว่ากันว่าเขาเปรียบดั่งพระเอกที่หลุดออกมาจากนิยายสักเรื่อง แต่จะมาเสียก็ตรงนี้แหละ...

‘หมดสภาพ’ ต่อหน้าเด็กสาวที่เขาเพียรพยายามล่อหลอกอย่างสุดความสามารถ

จะมีอะไรแย่ไปกว่านี้ไหม!

ชายหนุ่มถอนหายใจเฮือก ปิกเปลือกตาลงแล้วส่ายหน้าน้อยๆ

“ไม่ใช่ความผิดของคุณหรอกครับ ผมมัน...” เขาค่อยๆ ลืมตาขึ้น ยักไหล่ทีหนึ่งและเอ่ยด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ “ใช้ไม่ได้เอง”

สีหน้าของสายรุ้งยังไม่ดีขึ้น เธอคงรู้สึกผิดเต็มหัวใจ เห็นดังนั้นเขาจึงพยายามฉวยโอกาสนี้เพื่อให้ได้ใกล้ชิดเธอมากขึ้น

“คุณรุ้งช่วยโทร.เรียกคนของผมหน่อยได้ไหม ผมจะให้มันมารับ”

หญิงสาวรับคำ และทำตามอย่างกระตือรือร้น เธอล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของเขา หยิบไอโฟนขึ้นมา กดหาชื่อปกป้องตามที่เขาบอก เมื่อกดโทร.ออกและทางปลายสายกดรับหลังจากสัญญาณดังเพียงครั้งเดียว เธอก็กรอกเสียงลงไปว่า

“ช่วยมารับคุณกรหน่อยค่ะ คุณกรไม่สบาย”

ชายคนนั้นดูเหมือนจะตกใจเล็กน้อย ก่อนจะแจ้งจุดนัดพบซึ่งก็คือด้านหน้าดรีมเวิลด์นั่นเอง

หลังจากกดวาง สายรุ้งก็ประคองพนมกรเดินไปที่ห้องจำหน่ายบัตรเพื่อรอรถโดยสารสองชั้นที่จะพาไปส่งด้านหน้า



เพียงไม่นานทั้งสองก็มายืนรอตรงจุดนัดพบแล้ว ประจวบเหมาะกับปกป้องขับรถมาถึงพอดี พนมกรจึงไม่จำเป็นต้องยืนรอนาน สายรุ้งรอจนเขานั่งเรียบร้อย จึงผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก

เธอไม่คิดเลยว่าการที่ชวนเขานั่งรถไฟเหาะจะทำให้สภาพเขาย่ำแย่ขนาดนี้ เธอรู้สึกผิดมาก อยากทำอะไรสักอย่างไถ่โทษ แต่ก็คงต้องรอวันหลัง วันนี้เขาคงไม่มีกะจิตกะใจทำอะไร แม้แต่ไปทำงาน

คิดมาถึงตรงนี้ก็ต้องถอนใจเฮือก เมื่อรู้ว่าตนเองอาจจะเป็นต้นเหตุให้เขาเสียงานอีกด้วย

สายรุ้งบีบมือของเขาเป็นการขอโทษเบื้องต้นและบอกลา จากนั้นจึงกระซิบว่า

“หายไวๆนะคะ” แต่ก่อนที่จะผละไป เขาก็คว้ามือเธอไว้เสียก่อน

“ผมจะไปส่ง”

อุ้งมือของเขาร้อนจัด และหยาบกร้านเกินกว่าจะเป็นของนักธุรกิจที่ร่ำรวยอันดับต้นๆของประเทศ

“ไม่เป็นไรค่ะ รุ้งกลับเองได้” หญิงสาวพยายามดึงมือออก แต่น่าแปลกเหลือเกิน แม้เขาเหมือนจะจับเธอเพียงเบาๆ แต่เธอกลับไม่อาจสลัดมือออกจากมือของเขาได้เลย

“ไม่ได้ครับ”

เป็นครั้งแรกก็ว่าได้ที่เธอได้ยินสุ้มเสียงเช่นนี้จากเขา...ละม้ายเป็นการออกคำสั่ง มันก้องกังวานและดุดันเล็กน้อย

“แต่รุ้ง...”

เขาไม่รอให้เธอพูดจนจบประโยค เมื่อเขยิบกายเข้าไปด้านใน พร้อมทั้งดึงเธออย่างไม่เบานัก ร่างเล็กเซซวนล้มลงบนเบาะ แม้ขาทั้งสองจะยังอยู่ข้างนอกก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับเขา พนมกรจับเอวของเธอแล้วลากเธอเข้ามาในตัวรถโดยไม่ให้เธอตั้งตัว จากนั้นจึงทำสัญญาณมือเล็กน้อย ปกป้องซึ่งยืนอยู่ด้านนอกก็ปิดประตูลงทันที

สายรุ้งอุทานเบาๆ ก่อนจะหันมามองเขาอย่างตกใจ แต่ปรากฏว่า...

ปลายจมูกที่อยู่ห่างจากใบหน้าของเธอไม่ถึงคืบนั้นทำให้เธอตกใจยิ่งกว่า...หัวใจแทบหยุดเต้น

“ผมบอกแล้วว่าจะไปส่ง อย่าดื้อสิครับรุ้ง”

จากคุณรุ้ง เขาเปลี่ยนมาเรียกเธอว่ารุ้งอย่างสนิทสนม...เร่งเร้าให้หัวใจที่เกือบหยุดเต้นเมื่อครู่ เต้นแรงขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล

แน่แล้ว...เธอต้องไม่สบายแน่ๆ

หัวใจเธอกำลังป่วย หรือไม่ก็กำลังจับไข้อยู่ มันถึงได้ปั่นป่วนขนาดนี้

สายรุ้งรีบขยับตัวออกห่างจากเขาอีกนิด พยายามปลดมือของเขาที่เกาะเธอไว้อย่างสุภาพ พนมกรยอมปล่อยแต่โดยดี และหันไปบอกที่อยู่ของเธอให้กับปกป้อง...น่าสงสัยไม่น้อยว่าเขารู้จักบ้านเธอได้อย่างไร แต่เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นสำคัญ เพราะเรื่องสำคัญคืออาการของเขามากกว่า

“รุ้งกลับเองได้จริงๆ นะคะ”

“อย่าเถียงสิครับ ผมไม่มีแรงเถียงรุ้งหรอกนะ”

เขาไม่เปิดโอกาสให้เธอพูดอีกครั้งแล้ว หนำซ้ำยังทำให้เธอรู้สึกผิดหนักกว่าเดิม สายรุ้งรีบหยิบทิชชู่ออกมาซับเหงื่อให้กับเขาอย่างร้อนรน

“ดื่มอะไรเย็นๆ หรือเปรี้ยวๆ น่าจะดีขึ้นนะคะ” พูดจบก็กัดริมฝีปากเล็กน้อย แล้วหันไปบอกกับปกป้องว่า “ไม่ต้องไปส่งรุ้งหรอกค่ะ เดี๋ยวรุ้งขึ้นแท็กซี่หน้าบ้านคุณกรก็ได้”

“รุ้ง” เขาเรียกชื่อเธออย่างเน้นหนัก มองสบดวงตากลมโตที่แสนบริสุทธ์นั้นครู่หนึ่ง ก่อนถอนหายใจเฮือก สั่งปกป้องว่าให้เปลี่ยนเส้นทางจากไปบ้านเธอเป็นไปบ้านเขาแทน

“ตกลงครับ ไปบ้านผมก็ได้ แต่รุ้งต้องอยู่รอจนผมหายจากอาการบ้าๆ นี่ก่อน แล้วผมจะขับรถไปส่งรุ้งเอง”

สายรุ้งไม่ยอมแน่นอน เธออ้าปากจะเถียง แต่เขาก็ยกมือห้ามปรามเสียก่อน

“ผมบอกแล้วไงว่าไม่มีแรงเถียง” จากนั้นก็ตัดบทด้วยการเอนตัวมาข้างๆ พิงศีรษะซบกับบ่าของเธอ

ไม่เคยมีผู้ชายคนไหนนอนซบเธอแบบนี้มาก่อน สายรุ้งถึงกับนั่งตัวแข็งทื่อ ใจเต้นตึกตักรัวเร็วจนไม่มีทีท่าว่าจะช้าลงเลย

“ขอผมใช้บ่ารุ้งเป็นหมอนสักพักนะ บางทีผมอาจรู้สึกจะดีขึ้น”

เมื่อเธอนั่งนิ่งไม่ขยับเขยื้อน พนมกรก็ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อย...ปกป้องซึ่งเงยหน้าขึ้นมามองกระจก เห็นรอยยิ้มนั้นชัดเจน...มันคือรอยยิ้มที่เปี่ยมไปด้วยความมั่นใจว่าจะได้ครอบครองสิ่งที่ปรารถนาในเร็ววัน!

ชายหนุ่มค่อยๆผ่อนลมหายใจยาว แล้วปิดเปลือกตาลง ก่อนจะสูดความหอมราวกับกลิ่นแป้งเด็กนั้นจนชุ่มปอด

ความหอมนั้นช่างเชิญชวนและยั่วเย้าให้เขาซุกซบใบหน้ากับผิวกายอันเนียนนุ่มของเธอเหลือเกิน ใกล้แค่เอื้อม...ซอกคอขาวผ่องของเธออยู่ตรงนี้เอง เพียงแค่ขยับเข้าไปใกล้อีกหน่อย เบนศีรษะอีกนิด ปลายจมูกของเขาก็คงคลอเคลียกับผิวนุ่มๆของเธอแล้ว

พนมกรไม่ใช่พระอิฐพระปูน และถึงแม้ไม่ได้ให้ความสนใจกับหญิงสาวที่ยังคงเหมือนเด็กในสายตาของเขาอย่างจริงๆจังๆ แต่เมื่อได้อยู่ใกล้ชิดขนาดนี้ก็ช่วยไม่ได้ที่เขาจะ ‘รู้สึกรู้สา’ ขึ้นมาบ้าง

อาจจะไม่เหมือนผู้หญิงคนอื่นที่ทำให้เขารุ่มร้อน อยากจะครอบครองหล่อนอย่างตะกละตะกราม และทำให้มันเสร็จๆไปโดยไม่สนใจความรู้สึกของใครคนนั้นเลยแม้แต่นิดเดียว

กับสายรุ้งแล้ว...ความรู้สึกของเขามันต่างออกไป

เขาอยากจะละเลียดชิมเธอทีละน้อยๆ สัมผัสทุกตารางนิ้วบนเรือนกายของเธออย่างนุ่มนวล ครอบครองริมฝีปากเต็มอิ่มให้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้ อยากให้เธอกอดเขา เรียกชื่อเขาด้วยเสียงแผ่วหวานราวเสียงนกไนติงเกล แล้วเขาอยากจะปรนเปรอให้เธอมีความสุขครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่รู้เบื่อ

เขาไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใคร...เธอน่าจะเป็นคนแรก

พนมกรลืมตาโพลง...ความปั่นป่วนในหัวใจและความรู้สึกทำให้เขาเครียดเขม็งขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

สายรุ้งคงรู้สึกจึงแตะหลังมือลงบนแก้มที่มีเหงื่อเกาะพราวของเขา

“เป็นไงบ้างคะ ไปหาหมอไหม”

“ไม่เป็นไรครับ” เขาถือวิสาสะจับมือของหล่อนไว้ พลิกให้ฝ่ามือแนบอยู่บนแก้มสากๆนั้น “อยู่แบบนี้อีกสักพักได้ไหมรุ้ง”

“คะ?”

เขาไม่ตอบแต่ปิดเปลือกตาลงอีกครั้ง ส่วนเธอยอมให้เขายึดมือไว้เช่นนั้น ไม่รู้เพราะสงสาร อยากช่วย หรือไม่กล้าปฏิเสธเขากันแน่ แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร...เขาก็ถือว่าได้เข้าใกล้หัวใจของเธอไปอีกก้าวแล้ว!



ศศิภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ส.ค. 2559, 05:33:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ส.ค. 2559, 05:33:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 1162





<< บทที่ ๓.๑ - เดตแรก    บทที่ ๔ - จุดเริ่มต้นของความรัก >>
Zephyr 1 ก.ย. 2559, 22:41:12 น.
พี่กรเนียนตลอด


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account