โซ่รักสีรุ้ง
"เด็กคนนั้น...เป็นลูกใคร" ห้าปีผ่านมา เธอคิดว่าชินชากับความเจ็บปวดแล้ว แต่ความจริงความรู้สึกนั้นเพียงแต่ตกตะกอนอยู่ก้นบึ้งหัวใจรอเวลาที่ใครสักคนจะกวนตะกอนนั้นขึ้นมา ให้เจ็บรวดร้าวยอกแสลงไปทั้งหัวใจ
Tags: ศศิภา,อรุณฉาย,ท้อง,หย่า,หนี,แต่งงาน,ศศิอักษร
ตอน: บทที่ ๕.๑ - จูบแสนหวาน
ในตอนเริ่มแรกก่อนที่จะเลยเถิดมาจนถึงขั้นนี้...สายรุ้งแทบไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเขาจรดปลายจมูกลงบนแก้มของตนตั้งแต่เมื่อไร ไม่รู้แม้กระทั่งสองแขนของเขาโอบรัดรอบกายของเธอแนบแน่นจนแทบทุดสัดส่วนของเธอเบียดชิดอยู่กับเรือนกายอันใหญ่โต ดูภายนอกเขาค่อนข้างผอม แต่พอได้ใกล้ชิดกันจริงๆ แล้ว เรือนร่างของพนมกรกลับแข็งแกร่ง เต็มไปด้วยมัดกล้าม เขาทำให้เธอสะท้านสั่นไหว ไม่ใช่แค่จูบหรอก แต่กายอันรุ่มร้อนนั้นด้วย
ใจของเธอเต้นโครมคราม เมื่อเขาขยับปลายลิ้น
ทำอะไร?
พลันที่คำถามผุดขึ้น คำตอบก็กระจ่างแก่ใจ เมื่อพนมกรแทรกเรียวลิ้นเข้ามาในโพรงปากของเธอ แตะปลายลิ้นของเธออย่างยั่วเย้า เพียงแค่นั้นสมองของสายรุ้งก็ขาวโพลนไปหมด
สายรุ้งตัวสั่นสะท้านอยู่ในอ้อมกอดของบุรุษผู้ช่ำชองในการหว่านเสน่ห์สาวๆ
ตัวของเธอสะบัดร้อนสะบัดหนาวราวกับจับไข้ บางคราก็รุ่มร้อนจนแทบหลอมละลาย ยิ่งเมื่อเขาแทรกเรียวลิ้นเข้ามา แตะเพียงปลายลิ้นของเธอแผ่วเบา สายรุ้งถึงกับเข่าอ่อน เธอไม่อาจยืนทรงตัวอยู่...คงทรุดฮวบลงกับพื้นไปแล้วถ้าไม่ใช่เพราะเขาตระกองกอดไว้
มากเกินไป...เธอบอกตัวเอง เมื่อเขารุกรานหนังขึ้น
บางคราละเลียดชิมอย่างอ่อนหวาน หากอีกครากลับรุกเร้าดุดันจนทำให้เธอแทบขาดใจตาย
เธอไม่เคยสัมผัสกับความรู้สึกเช่นนี้มาก่อน...ความรู้สึกของความปรารถนาที่เต้นเร่าจากภายใน เป็นสัญชาตญาณดิบของมนุษย์ที่เมื่อถูกปลุกเร้าขึ้นมาแล้ว ก็ยากที่จะดับได้
พนมกรเก่งกาจในเรื่องนี้ เขากำลังทำให้เธอเพริดไปกับสิ่งที่เขาปรนเปรอ
บ้านทรงโคโลเนียลที่เธอโปรดปราน แสงไฟหลากสีแสนงดงาม ลมเย็นที่โชยมาปะทะผิวกาย ทุกอย่างเลือนหายไปจนหมดสิ้น เธอรับรู้เพียงแต่...อ้อมกอดรัดรึง ลมหายใจอุ่นร้อน เสียงครางผะแผ่วที่ไม่แน่ใจว่าเป็นของใคร และรสจูบที่สั่นคลอนหัวใจของเธอเหลือคณา
สายรุ้งแทบไม่รู้ว่าเขาดันตัวเธอให้ก้าวถอยหลัง จนแผ่นหลังแนบกับตัวรถตั้งแต่เมื่อไร มารู้ตัวอีกทีก็สัมผัสกับความเย็นเยียบนั้นแล้ว มือของเขาไม่ได้กอดเธอไว้อีก แต่เปลี่ยนไปเท้าแขนกับประตูรถทั้งสองข้าง แต่เป็นเธอเองที่กลับเกาะกอดเขา ยื้อยุดเขาไว้ราวกับปรารถนาให้เขาจูบเธอให้มากกว่านี้ นานกว่านี้...และล้ำลึกกว่านี้
ความรวดร้าวทรมานที่สายรุ้งเพิ่งสัมผัสเป็นครั้งแรกทำให้เธอไม่รู้ว่าจะปลดปล่อยมันได้อย่างไร จะหลีกหนีก็อ่อนแรงเกินกว่าจะทำ จะเดินหน้าก็ไม่รู้ว่าควรจะเดินไปในทางใด เธอได้แต่หลับตานิ่ง...รอให้เขาจับจูงให้เดินไปตามแต่ใจเขาปรารถนา
แต่แล้ว...ในที่สุด ความวาบหวามเร่าร้อนก็สะดุดหยุดลงเมื่อเขาถอนริมฝีปาก
เรียวลิ้นอันรุกรานหยุดลงแล้ว เหลือเพียงจูบแผ่วๆ ที่ทำให้เธอสะท้านได้เช่นกัน
“รุ้งจ๋า ถ้าขืนไปต่ออีก พี่คงหยุดแค่จูบไม่ได้แล้ว” เขากระซิบเสียงสั่นพร่าชิดริมฝีปากของเธอ ขณะที่สายรุ้งพยายามรวบรวมสติของตัวเองอย่างสุดความสามารถ “ตกลงเราเป็นแฟนกันแล้วนะ”
ยามลืมตา เห็นดวงตาที่ทอดมองมาเต็มไปด้วยอารมณ์อันร้อนแรง เรือนกายของเธอก็พลันรวดร้าว ตอบสนองต่อสายตาของเขาอย่างน่าอัศจรรย์
สายรุ้งเผยอริมฝีปาก อยากพูดอะไรสักอย่างแต่ก็พูดไม่ออก
เธอทั้งงุนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น ประหม่ากับสายตาอันร้อนแรง ขัดเขินที่ปล่อยให้เขาจูบตามอำเภอใจเช่นนั้น และอับอายที่ปรารถนาให้เขาทำมากกว่านี้...นี่ไม่ใช่ตัวตนของเธอเลย
หญิงสาวสะดุ้งเล็กน้อย เมื่อพนมกรใช้หลังมือไล้บนแก้มของเธอ โน้มหน้าลงมาจุมพิตเบาๆ และกระซิบบอกด้วยเสียงแหบพร่า
“พี่ให้เวลาแค่หนึ่งปีนะรุ้ง อีกหนึ่งปีเราแต่งงานกันนะ”
ระหว่างทางกลับบ้าน จากชานเมืองมุ่งสู่ใจกลางกรุง เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องผจญกับรถติด พนมกรชวนเธอคุยนู่นคุยนี่มาเกือบตลอดทาง แต่สายรุ้งทำเพียงพยักหน้ารับ หรือไม่ก็ส่งเสียงอือออโดยที่คำพูดของเขาไม่ได้เข้าหัวเลยแม้แต่น้อย เธอได้ยินแค่ประโยคก่อนหน้านี้...มันสะท้อนกลับไปกลับมาอยู่ในหัวของเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า
อีกหนึ่งปีเราแต่งงานกันนะ!...
เธอไม่คิดว่าพนมกรจะคิดไปไกลถึงขั้นแต่งงาน คิดไม่ถึงด้วยซ้ำว่าเธอจะตบกับเขามาได้ตั้งหนึ่งปี
ว่ากันตามจริง เธอไม่มั่นใจเลยว่าพนมกรจะชอบเธอจริงๆ ในตอนแรกเธอยังคิดด้วยซ้ำว่าเขามาตีสนิทกับเธอก็เพราะอยากทำความรู้จักกับพี่สาว แต่พอเวลาผ่านไป เขาก็ทำให้รู้ว่าสิ่งที่เธอคิดนั้นมันไม่ใช่เลย พนมกรไม่มีทีท่าจะสนใจสายฝนแม้แต่น้อย หากพบหน้ากันด้วยความบังเอิญก็จะทักทายตามมารยาท ไม่เคยมองจนเหลียวหลัง ไม่เคยทำสายตากรุ้มกริ่มเจ้าชู้ สายตาของเขายึดมั่นแต่กับเธอเพียงผู้เดียว และหากไม่เป็นการเข้าข้างตัวเองจนเกินไป เธอก็คิดว่าพนมกรสนใจเธอ ทว่า...ความสนใจนั้นมากถึงขั้นรักและอยากแต่งงานด้วยรึเปล่า เธอไม่แน่ใจจริงๆ
สายรุ้งยังไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ตนเองได้ยิน
เขาอยากแต่งงานกับเธอจริงๆ น่ะหรือ? ...ผู้หญิงจืดชืด ค่อนข้างขี้อายและเข้าสังคมไม่เป็นแบบเธอน่ะหรือ?
...จะเป็นได้อย่างไร
ครั้งหนึ่งชฎาภรณ์เพื่อนสนิทของเธอก็ยังเคยเปรยๆ ว่า
‘พี่กรเขาจีบแกแน่ๆ แต่ฉันไม่รู้ว่าเขารักแกจริงรึเปล่า’
‘ฮื่อ จีบเจิบอะไร ไม่มั้ง’ ตอนนั้นเธอแย้งไปทั้งที่ใจสั่นไหว เพราะแม้แต่คนที่ซื่อบื้อที่สุดก็น่าจะรู้ว่าการตามรับตามส่ง และเทียวไล้เทียวขื่อทุกวี่ทุกวันนั้นหมายถึงสิ่งใด
‘โห...ยายรุ้ง! ใครเห็นใครก็รู้ พี่กรแสดงออกชัดขนาดนั้น!’
‘แต่เขาไม่เคยบอกว่าชอบฉันเลยนะมิ้ม เขาอาจจะแค่เห็นฉันเป็นน้องสาวก็ได้’
‘ถ้าเขาเห็นว่าแกเป็นน้องสาวจริงๆ ก็ดี ฉันจะได้หมดห่วง แต่ฉันกลัวว่าเขาจะมาหลอกแกน่ะสิ แกยิ่งเชื่อคนง่ายอยู่ด้วย’
สายรุ้งไม่เถียงในเรื่องนี้ กระนั้นเธอก็ยังโต้กลับไปว่า
‘พี่กรไม่ใช่คนแบบนั้น เขาไม่มีวันหลอกฉันหรอก แกอย่าห่วงเลยมิ้ม’
มาถึงวันนี้...ชายที่คอยดูแลและตามติดเธอมาเกือบหนึ่งปี ทั้งบอกรัก และขอเธอแต่งงาน นั่นหมายถึงเขาจริงใจกับเธอใช่ไหม...เขาไม่ใช่คนแบบที่ชฎาภรณ์พูดให้เธอฟังใช่หรือเปล่า
‘ผู้ชายสมัยนี้หลอกฟันแล้วทิ้งเยอะแยะ แกต้องระวังไว้นะรุ้ง’
เขาไม่ใช่ผู้ชายแบบนั้นแน่...เพราะถ้าต้องการจะหลอกฟัน คงไม่ยอมหยุดแค่จูบ คงไม่สร้างเรือนหอและคงไม่ขอประกาศว่าอยากแต่งงานกับเธออย่างแน่นอน
ถึงกระนั้นเธอก็ยังลังเลว่าควรจะเชื่อและไว้ใจเขาหรือเปล่า
สายรุ้งไม่เคยคิดว่าจะมีผู้ชายคนไหนมาชอบเธออย่างจริงๆ จังๆ...เพราะตอนมัธยมปลายและตอนปีหนึ่งเธอเกือบจะเคยมีแฟน แต่ทั้งสองคนก็ชิ่งหนีก่อนที่จะตกลงเป็นแฟนกันเสียอีก เหมือนมาจีบเล่นๆ พอเบื่อก็หายเข้ากลีบเมฆไปเลย หรือไม่ก็เบื่อเธอเสียก่อน...ก็อย่างที่ใครๆ นินทานั่นแหละ เธอจืดชืดเกินไป
เทียบกับสายฝนแล้ว คำที่เธอมักจะได้ยินทุกครั้งก็คือ
‘สวยว่ะ!’
‘เซ็กซี่ชะมัด!’
‘หุ่นดีฉิบ!’
‘สงสัยคนจีบเป็นล้าน แบบนี้สิค่อยท้าทายหน่อย!’
ผู้ชายคงชอบความสวยงามอันฉูดฉาด และชอบที่จะแข่งกับคนอื่นมากกว่าตามจีบคนที่ไม่มีใครสนใจอย่างเธอ
แต่สำหรับพนมกรแล้ว เขาไม่ใช่ผู้ชายประเภทนั้นเลย ...เขาไม่เคยออกนอกลู่นอกทาง ไม่เคยทำให้เธอระแวง ไม่เคยทำให้เสียน้ำตาหรือลำบากใจ เขาทั้งเอาใจใส่ ดูแล ให้ความอบอุ่นกับเธออย่างที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน แม้แต่บิดาก็ตาม...อยู่ต่อหน้าท่าน เธอต้องวางท่าสง่า นั่งหลังไหล่ตรง วางมาดเป็นคุณหนูและสุขุม แต่ต่อหน้าผู้ชายคนนี้ เธอจะทำตัวเป็นเด็ก แสดงความรู้สึกต่างๆ ออกมาอย่างไม่ต้องสะกดกลั้น ไม่ต้องแม้แต่แสร้งทำวางท่าสง่าหรือเข้มแข็ง
พอเธอล้ม เขาก็จะช่วยพยุงเธอขึ้นมาโดยไม่มีคำตำหนิ
พอเธอก้าวพลาด มือของเขาจะเข้ามาประคองเอวเธออย่างว่องไว
พอเธอดีใจ ก็ไม่จำเป็นต้องเพียงแค่ยิ้มมุมปาก จะกระโดดโลดเต้น ส่งเสียงตะโกนแบบไหนก็ได้ตามแต่ใจต้องการ
หรือแม้แต่ตอนเสียใจ เธอไม่จำเป็นต้องกลั้นน้ำตาไว้เฉกเช่นยามอยู่ต่อหน้าบิดา
‘อย่ามาทำอ่อนแอต่อหน้าพ่อนะ พ่อไม่ชอบ!’
เธอไม่ต้องกล้ำกลืนฝืนทน แต่ปล่อยโฮออกมาได้เลยเต็มที่ โดยที่เขาไม่ได้มองเธออย่างดูแคลนเลยสักนิด
ทุกโมงยาม ทุกวินาทีที่ได้อยู่ด้วยกัน สายรุ้งยอมรับว่ามีความสุขและอุ่นใจเป็นที่สุด
เป็นความอุ่นใจที่เธออยากจะเก็บไว้กับตัว...เก็บไว้ข้างหัวใจไปตลอดชีวิต
มันจะเป็นจริงได้ไหมหนอ?
ความรักของเขา ความรักของเราจะมั่นคงดั่งหินผาและคงอยู่ชั่วนิรันดร์ได้หรือเปล่า?
คำถามนั้นไม่มีใครตอบได้ แม้แต่ตัวเธอเอง หญิงสาวระบายลมหายใจยาว ทอดสายตามองออกไปนอกตัวรถอย่างไร้จุดหมาย ครั้นใกล้ถึงบ้านเธอก็พยายามสลัดความฟุ้งซ่านในหัวทิ้งไปโดยเร็วที่สุด
เมื่อพนมกรนำรถมาจอดเทียบตรงหน้าตึก เธอก็หันไปมองเขา ยกมือไหว้และส่งยิ้มที่หวานที่สุดไปให้
“ขอบคุณค่ะพี่กร”
เธอสะพายกระเป๋า เปิดประตู กำลังจะก้าวลงไป อะไรบางอย่างก็มากระทบพวงแก้ม สายรุ้งสะดุ้งเล็กน้อย ก่อนจะร้อนวาบไปทั้งกายเมื่อพบว่ามันคือปลายจมูกของเขา
“ชื่นใจจริง” เขากระซิบชิดริมใบหูของเธอ “อยากชื่นใจมากกว่านี้...”
“พี่กร...”
“พี่รู้...” พนมกรพูดขัดขึ้นมาก่อนที่เธอจะพูดจบ “ว่าต้องรอหลังแต่งงาน...พี่จะรอ” เขากระซิบคำสุดท้ายอย่างแผ่วหวาน แล้วจุ๊บเบาๆ บนแก้มของเธอ
สายรุ้งรีบก้าวลงจากรถ ปิดประตูเรียบร้อย แต่ไม่ได้หันมาโบกมือลาเขาแบบที่ทำอยู่ทุกวัน กลับจ้ำอ้าวเดินเข้าบ้านไปเรียกรอยขบขันจากแววตาของคนมองตามได้เป็นอย่างดี
พนมกรผิวปากหวือ มองตามร่างเล็กจนเธอลับตา จึงหักพวงมาลัยขับรถอ้อมน้ำพุสไตล์โรมันรูปกามเทพน้อยกำลังง้าวคันศร เขาชะลอความเร็วรถ เพื่อจะมองรูปปั้นกามเทพที่กำลังเล็กปลายศรมาทางเขาอย่างพอดิบพอดี
“ศรรักปักอกงั้นเหรอ?” พึมพำกับตัวเอง แล้วกระตุกยิ้มมุมปาก พลางส่ายหน้า
“ลูกศรแค่นี้ทำอะไรฉันไม่ได้หรอกคิวปิดน้อย แต่ก็ขอบคุณนะที่ทำให้สาวน้อยคนนั้นรักฉัน”
ว่าพลางเงยหน้าขึ้น ตรงระเบียงชั้นบนนั่นเอง เขาเห็นสายรุ้งเดินออกมาจึงลดกระจกลงแล้วโบกมือ แถมท้ายด้วยการส่งจูบ ทำให้คนรับจูบวิ่งผลุบหายเข้าไปในห้องแทบไม่ทัน
สนุก! ไล่ต้อนสาวใสซื่ออ่อนต่อโลกสนุกกว่าที่คิด!
ยิ่งเมื่อมีหนทางแห่งความสำเร็จอยู่เบื้องหน้าด้วยแล้ว เขาก็ยิ่งสนุก
รถค่อยๆ เคลื่อนตัวออกจากบ้านนาฏยรัตน์ มุ่งหน้าสู่ถนนซึ่งทอดตรงสู่บ้านของเขา
พนมกรโปรยยิ้มมาตลอดทาง...เหมือนคนบ้า!
คิดแล้วก็ขำตัวเองไม่น้อย...จากวันแรกที่เขาวางแผนจะจีบสายรุ้ง เขาเคยคิดว่าคงจะงานที่น่าเบื่อและซังกะตายที่สุดในโลก แต่เอาเข้าจริง เขากลับสนุกกับการหยอดนิดหยอดหน่อย...เพลิดเพลินกับแก้มแดงระเรื่อราวกับลูกตำลึงสุก...และตื่นเต้นกับการได้ทำอะไรแบบคู่รักวัยรุ่นเขาทำกัน
...ก็ไม่น่าแปลกอะไร เขาห่างหายจากการออกเดทมาหลายปี ทั้งกินข้าว ดูหนัง ทานไอศกรีม เดินเล่น หรือไปปิคนิคเขาไม่ได้ทำสิ่งเหล่านี้มานานแล้ว เพราะถ้าพบผู้หญิงคนไหนถูกใจเขาก็สามารถหิ้วขึ้นห้องได้ง่ายๆ โดยไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลย แต่สายรุ้งเป็นคนพิเศษ...เขาก็ต้องปฏิบัติต่อเธอแบบพิเศษๆ ด้วยเช่นกัน ช่วงแรกๆ อาจจะต้องทนๆ เอาบ้าง แต่พอชินแล้ว เขากลับสนุกไม่น้อย ต้องขอบคุณเธอทำให้เขารู้สึกเหมือนอายุน้อยลงไปสักสิบปี!

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 ก.ย. 2559, 08:18:42 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 ก.ย. 2559, 08:18:42 น.
จำนวนการเข้าชม : 1434
<< บทที่ ๔ - จุดเริ่มต้นของความรัก | บทที่ ๕.๒ - จูบแสนหวาน >> |