เทพบุตรกิเลนไฟ
เพราะหนี้ก้อนโตที่มีอยู่ทำให้ ดรัญญา คุณหมอสาวสวยที่คนในวงการอาชญากรรมแห่งชลบุรีรู้จักในนามหมอเถื่อน ไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับข้อเสนอเป็นหมอประจำแก๊งให้กับนักเลงอย่าง ศาเวธน์ มาเฟียหนุ่มหล่อผู้ได้ฉายาว่ากิเลนไฟ ที่มาพร้อมมาดเงียบขรึมน่าหมั่นไส้เกินใคร


มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หากว่าเขากับเธอจะไม่ได้เริ่มใกล้ชิดกัน และยิ่งกว่านั้น ...


ถ้าเขาจะไม่ได้มีคู่หมั้นผู้สุดแสนเพอร์เฟ็กต์อย่าง 'บุศลินทร์' อยู่ก่อนแล้ว!


เอาละสิ หลายคนพากันแซวนี่เธอกำลังจะแย่งแฟนชาวบ้านหรือไง แต่สาวมั่นอย่างเธอจะให้ยอมรับว่าชอบเขาจริงก็ฝันไปเถอะ ขี้เก๊กขนาดนั้น ใจร้อนเป็นที่หนึ่ง มุทะลุไม่มีใครเกิน ... เหอะ รอไว้ชาติหน้าละกัน


แต่ท่ามกลางปัญหาหัวใจที่ก่อเกิด ใครจะรู้ เงามืดก็เคลื่อนมาครอบทับพัทยาถิ่นของเขาจากฝีมือของอาชญากรนาม 'ฟีนิกซ์'


ขณะรักษาชีวิตให้ผู้คนทั้งในและนอกเงามืด ดรัญญาพบว่าตนเองตกอยู่ในวังวนการแย่งชิงอำนาจที่ดุเดือดระหว่างแก๊งมาเฟียนานาชาติ อีกทั้งโชคชะตายังได้นำพาให้เธอค้นพบปมอดีตของครอบครัวตนเอง ที่โยงใยไปถึงปมอดีตของศาเวธน์อีกด้วย


อะไรกัน ทำไมเรื่องราวมันวุ่นวายขึ้นทุกทีแบบนี้!


ขอเชิญลุ้นระทึกไปกับการผจญภัยของคุณหมอสาวสวยสุดห้าว ในดงเพชณฆาตปืนไว และการหักเหลี่ยมเฉือนคมที่ซ่อนกระสุนมรณะในรอยยิ้ม รวมถึงการเรียนรู้ความหมายของคำว่าความรัก ในแบบฉบับเคล้าควันปืน กับ เทพบุตรกิเลนไฟ นวนิยายโรแมนซ์แอ็คชั่น - ดราม่า ที่จะพาทุกหัวใจสั่นไหวไปพร้อมกัน!


------------------------------------------------------------------------------------------------------


Tags: โรแมนซ์ แอ็คชั่น ดราม่า หมอ นักเลง อันธพาล

ตอน: บทที่ 1 - Anaphylaxis 3/3

แยกไฟแดงตลาดโสภณ ดรัญญาอยู่บนเบาะหลังในรถแท็กซี่ที่กำลังรอสัญญาณไฟจราจรสีเขียว เธอใช้เวลานี้กำลังแง้มซองสีขาวเพื่อนับธนบัตรด้านในอย่างบรรจง

...หมื่นสาม หมื่นสี่ หมื่นห้า...

หนึ่งหมื่นห้าพันบาท!

พระเจ้าช่วย ฮิปโปเครตีสทรงโปรด ดรัญญาอดทึ่งไม่ได้ เกิดมาจากท้องพ่อท้องแม่เพิ่งเคยได้ค่าปลาสเตอร์ยาแพงขนาดนี้ เธอไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเมื่อคืนก่อน ตนเองเพิ่งต้องเย็บแผลให้นักเลงสิบกว่าคนแลกเงินสองพันบาท แถมโดนหักค่านายหน้าจากไอ้ปื้ดเด็กส่งยาอีกห้าร้อย

ถ้ามีลูกค้ารวยๆ ไฮโซแบบคุณหนูฉัตรธิราคนนี้บ่อยๆ ก็คงดีนะ แอบหนีพ่อมาเที่ยว บอดีการ์ดตามมาพบตอนกำลังถูกผู้ชายมอมเหล้า แม่คุณล้มหมดสติ มือโดนแก้วบาดกระจึ๋งนึง หัวหน้าบอดีการ์ดเป็นห่วงแต่ไม่อยากพาไปโรงพยาบาลเพราะกลัวรู้ไปถึงหูเสี่ยขุนพล สุดท้ายจึงลงเอยเป็นลาภลอยของดรัญญา

พร้อมกับฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี คุณหมอสาวผู้ประจำอยู่โรงพยาบาลเอกชนชื่อดังประจำชลบุรียัดซองเงินใส่กระเป๋าด้านในเสื้อ ตอนนี้เธอถอดหมวกแก๊ปออกและปล่อยผมที่รวบหางม้าให้ยาวสยาย หยิบตลับแป้งออกมาส่องกระจกขยี้ผมให้แลดูยุ่งเหยิง ตอนไปถึงโรงพยาบาลเผื่อมีใครเห็นจะได้ไม่น่าสงสัยนักเมื่อบอกว่าออกมาซื้อกาแฟกระป๋องหลังงีบหลับขณะเข้าเวร

“น้องทำงานที่ไนต์คลับเหรอจ๊ะ” เสียงของคนขับแท็กซี่ดังขึ้น ทำเอาหญิงสาวหยุดยีผมตัวเอง “พี่จำได้ว่าเคยรับน้องมาบ่อยๆ แถวนั้น”

“เปล่าค่ะ” ดรัญญาปิดตลับแป้ง เสียงแข็งด้วยไม่ชอบใจสายตากรุ้มกริ่มที่มองเธอในกระจกส่องหลัง

“หรอ ไม่ได้ทำที่ไนต์คลับ แสดงว่ารับงานอิสระใช่มะ” คนขับรถหน้าหื่นเคาะนิ้วกับขอบพวงมาลัย “เท่าไหร่ล่ะ พี่ขอสักสองชั่วโมง”

“หยุด พอเลยค่ะพอ ฉันไม่ได้ทำงานแบบนั้น!” หมอสาวเดือดปุด ล้วงหยิบกระเป๋าตังค์ออกจากกระเป๋าสะพาย “ค่าแท็กซี่เท่าไหร่คะ จะลงแล้ว”

“น้องแน่ใจเหรอ นี่มันกลางสี่แยกนะ แถมข้างหน้าก็มีอุบัติเหตุ นี่ไม่สังเกตหรือไงว่ารถติดมาสิบกว่านาทีแล้ว” สารถียิ้มย่อง พยักหน้าไปที่หน้ารถ

ดรัญญาแนบหน้ากับหน้าต่างมองออกไปนอกรถ พบว่าตนเองมัวแต่นั่งนับเงิน ไม่ได้สังเกตว่าหน้าไฟแดงมีรถชนกันสี่คันรวด การจราจรเป็นอัมพาต ส่งผลให้รถที่เข้าคิวรอสัญญาณไฟติดค้าง จะเดินหน้าก็ไม่ได้ จะถอยหลังก็ไม่ได้ ทำได้เพียงติดเครื่องยนต์จอดอยู่กับที่เท่านั้น

“ว่าไง วันนี้เหนื่อยไม่เป็นไร พี่รอพรุ่งนี้ได้นะ” คนขับจอมหื่นเล้าโลมด้วยวาจาและสายตาไม่หยุด

คุณหมอสาวนับหนึ่งถึงสิบในใจ เพ่งสายตามองตัวเลขบนมิเตอร์ หยิบเงินออกมาวางไว้ที่ช่องใส่ของข้างเบาะคนขับ “ค่าโดยสารร้อยเจ็ดสิบหก ให้ร้อยแปดสิบบาทไม่ต้องทอนนะคะ หวังว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่คุณลุงจะมาพูดจาปากไม่มีหูรูดแบบนี้อีก”

เมื่อเน้นคำว่าคุณลุงจนเห็นคนฟังหน้าเหยเกแล้ว ดรัญญาก็ลงจากรถ กระแทกประตูปิดปัง

“หน็อย หน้าแก่ยิ่งกว่ารุ่นพ่อ มาเรียกฉันน้อง บ้านไม่มีกระจกรึไง!” หญิงสาวบ่นระบายอารมณ์ กำลังจะเดินข้ามถนนไปที่อีกฝั่งหนึ่ง ก็เป็นจังหวะเดียวกับที่ประตูผู้โดยสารด้านหลังของรถบีเอ็มดับบลิวคันหนึ่งเปิดผวะออกมา พร้อมกับที่ร่างของใครบางคนร่วงหล่นออกจากรถ มากองอยู่แทบเท้าของเธอ

“คุณหม่าครับ คุณหม่า!”

ในขณะที่ดรัญญาถอยหลังมาสองก้าวด้วยความตกใจ คนขับรถบีเอ็มดับบลิวก็เปิดประตูวิ่งอ้อมมาประคองร่างบนพื้นหน้าตาเหลอ

ดรัญญาเพ่งพินิจมองชายที่หล่นจากรถ เขาเป็นชายสูงวัย ใบหน้าบวมแดงผิดปกติ มีอาการตาเหลือก ก่อนที่จะหมดสติไป

“คุณหม่าครับ คุณหม่า จะทำยังไงดี ใครก็ได้ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยที!” คนขับรถเขย่าร่างชายชราอย่างทำอะไรไม่ถูก หันมองรอบข้าง ก่อนเงยมองที่หญิงสาวซึ่งอยู่ใกล้ที่สุด “คุณครับ ช่วยผมด้วย ถ้าคุณหม่าเป็นอะไรไป ท่านซือเป่าเล่นงานผมตายแน่”

“ใจเย็นก่อนค่ะ วางผู้ป่วยนอนบนพื้นก่อนนะคะ” สัญชาตญาณของการเป็นผู้รักษาชีวิต ทำให้ดรัญญาย่อกายลงนั่งคุกเข่าข้างเดียวบนพื้น เธอคุ้นหูว่าซือเป่านี่น่าจะเป็นชื่อหัวหน้าแก๊งนักเลงที่มีอิทธิพลมากคนนึงในพัทยา แต่ผู้ป่วยที่อาการน่าเป็นห่วงอยู่ตรงหน้า ทำให้เธอไม่มีเวลาคิดอะไรอื่น นอกจากรูดซิปเปิดกระเป๋าสะพาย หยิบไฟฉายปากกาออกมาส่องม่านตาของชายชราผู้หมดสติ

ม่านตาไม่ตอบสนอง แถมมีอาการบวม

“ผู้ป่วยมีอาการเป็นยังไงก่อนหมดสติคะ แล้วมีโรคประจำตัวอะไรบ้างหรือเปล่า” ดรัญญาซักประวัติเบื้องต้นขณะหยิบหูฟังขึ้นมาสวมและแตะหน้าอกของผู้ป่วย ก่อนจะจับชีพจรที่คอพร้อมกับมองนาฬิกาข้อมือของตัวเองเพื่อนับจังหวะการเต้น

“โรคประจำตัวไม่น่ามีครับ แต่... ผมก็ไม่แน่ใจ คุณหม่าเพิ่งมาจากฮ่องกงเมื่อสัปดาห์ก่อน ผมเห็นเขาแข็งแรงดี คุณผู้หญิงเป็นหมอหรือครับ?” คนขับรถวัยห้าสิบถามอย่างมีความหวัง

“ค่ะ” หญิงสาวรับคำเบาๆ กำลังพิจารณาใบหน้าของชายชราที่บวมแดงและมีอาการปากบวมเจ่ออย่างเห็นได้ชัด เธอลองดูที่ฝ่ามือและถอดรองเท้าของเขาออกดูที่ฝ่าเท้า ก็พบกับผื่นแดงที่ลุกลามเร็วมากจนน่ากลัว ประกอบกับชีพจรที่เต้นเร็ว หายใจเข้าออกมีเสียงวี้ด ทุกอย่างชี้ไปยังทิศทางเดียวว่าชายชราคนนี้มีอาการแพ้ขั้นรุนแรงที่เรียกว่าแอนาฟีแล็กซิส ( Anaphylaxis ) ซึ่งอาจเป็นได้จากการแพ้อาหารทะเล ถั่ว หรือถูกแมลงสัตว์มีพิษกัดต่อย

“ผู้ป่วยเพิ่งทานอาหารอะไรหรือโดนตัวอะไรกัดไหมคะ” ดรัญญาถาม นำถุงมือยางชุดใหม่มาสวมอย่างรวดเร็ว ความจริงเธออยากเรียกรถพยาบาลมาให้เร็วสุดที่ทำได้ แต่โรงพยาบาลที่ใกล้แยกตลาดโสภณที่สุดคือโรงพยาบาลบางละมุง ซึ่งอยู่ห่างไปเกือบสิบกิโลเมตร แถมตอนนี้มีการปิดถนนเพื่อเคลียร์อุบัติเหตุด้วยแล้ว อย่าหวังเลยว่าผู้ป่วยคนนี้จะไปถึงโรงพยาบาลได้ในสภาพที่มีลมหายใจ

“คุณหม่าทานผัดไทกุ้งสด แกงเรียง หมูหัน ป่อเปี๊ยะทอด ยำสามกรอบฮ่องเต้ เท่าที่ผมจำได้นะ” คนขับรถเหงื่อตกเมื่อเห็นหญิงสาวหยิบกล่องเก็บมีดผ่าตัดออกมาเปิด พร้อมด้วยขวดแอลกอฮอลล์ฆ่าเชื้อ และปากกาลูกลื่นด้ามหนึ่ง “ดะ เดี๋ยว นี่คุณผู้หญิงจะทำอะไรครับ”

“หนูต้องเจาะเยื่อไครโคไทรอยด์ผู้ป่วยค่ะลุง ตอนนี้ใบหน้าบวมจนหายใจไม่ได้แล้ว ต่อให้มีสายออกซิเจนตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์” คุณหมอสาวตอบพลางเทแอลกอฮอลล์ราดใบมีด

“แล้วไอ้เจาะเยื่อไคๆ รอยๆ นั่นคืออะไรเหรอครับ?” ลุงคนขับรถมีสีหน้าเป็นกังวลสุดขีด “อันตรายมั้ย ถ้าคุณหม่าเป็นอะไรไป ผมตายแน่”

“ถ้าปล่อยไว้ไม่ทำอะไรเลยต่างหากค่ะที่ตายแน่” ดรัญญาสั่ง “คุณลุงช่วยประคองศีรษะผู้ป่วยทีค่ะ ที่เหลือหนูจัดการเอง”

“ครับ”

คนขับรถสูงวัยรับคำตะกุกตะกักใบหน้าซีดเผือด ดรัญญาใช้เวลาที่ลุงจับศีรษะผู้ป่วยให้ได้องศาที่เธอต้องการ นำสำลีชุบแอลกอฮอลล์ทาตรงบริเวณลูกกระเดือกของชายชราที่ชื่อหม่า เธอลงมือด้วยสมาธิที่แน่วแน่ไม่วอกแวกและความเยือกเย็นที่ทำให้จบแพทย์ศาสตร์ด้วยคะแนนเกินหน้าเกินตาหมอผ่าตัดรุ่นเดียวกัน

มีดของดรัญญากรีดลงไปบนชั้นผิวหนังที่ลำคอของผู้ป่วย แม่นยำและเที่ยงตรง เธอวางมีดลงและหยิบปากกามาถอดไส้ออก แล้วจึงเสียบปลอกปากกานั้นผ่านช่องว่างที่กรีดเปิดไว้เมื่อครู่ ปลอกปากกาเคลื่อนเข้าสู่หลอดลมและทำหน้าที่ท่อสำหรับการหายใจชั่วคราวได้อย่างสมบูรณ์แบบ

เพียงเท่านี้ก็รอดแล้ว ดรัญญาถอนหายใจโล่งอก ที่ต้องทำทั้งหมดในตอนนี้ คือรอคอยให้รถพยาบาลมาถึง โดยที่เธอเป็นคนคุยโทรศัพท์และบรีฟอาการกับหมอจากโรงพยาบาลบางละมุงด้วยตัวเอง

เมื่อวางโทรศัพท์และเช็คอาการของคุณหม่าเรียบร้อย ดรัญญาจึงเพิ่งรู้ตัวว่าขณะนี้ ผู้ที่อยู่บนรถราที่จอดติดบนถนน ได้พากันลงจากรถมาเฝ้ามองการรักษาของเธอด้วยความสนใจ และบางคนถึงกับควักสมาร์ทโฟนขึ้นมาถ่ายวิดีโอ และหนำซ้ำ บางคนกำลังถ่ายทอดสดลงโซเชียลมาพักใหญ่แล้วอีกด้วย




อังค์จิก
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ก.ย. 2559, 15:16:59 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ก.ย. 2559, 15:16:59 น.

จำนวนการเข้าชม : 881





<< บทที่ 1 - Anaphylaxis 2/3   บทที่ 2 - Baby Blue 1/3 >>
ปริยาธร 21 ก.ย. 2559, 19:33:55 น.
รอตอนต่อไปจ้า


อังค์จิก 21 ก.ย. 2559, 21:00:03 น.
ขอบคุณครับพี่นุ้ย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account