โซ่รักสีรุ้ง
"เด็กคนนั้น...เป็นลูกใคร" ห้าปีผ่านมา เธอคิดว่าชินชากับความเจ็บปวดแล้ว แต่ความจริงความรู้สึกนั้นเพียงแต่ตกตะกอนอยู่ก้นบึ้งหัวใจรอเวลาที่ใครสักคนจะกวนตะกอนนั้นขึ้นมา ให้เจ็บรวดร้าวยอกแสลงไปทั้งหัวใจ
Tags: ศศิภา,อรุณฉาย,ท้อง,หย่า,หนี,แต่งงาน,ศศิอักษร
ตอน: บทที่ ๗.๑ - หัวใจอันซับซ้อน ๒
หลังจากได้ชุดที่พนมกรพอใจ เขาก็ให้โยษิตากับซินดี้ช่วยกันออกแบบทรงผมให้หล่อน ทั้งปล่อยยาวสยาย ดัดเป็นลอน และเกล้าเป็นมวยกลางศีรษะ ลองอยู่หลายทรงกว่าจะพบทรงที่ถูกใจ
ครั้นพนมกรพยักหน้า ทั้งโยษิตาและซินดี้ต่างพากันพรูลมออกจากปากอย่างโล่งอก
“ขอบคุณพี่โยมากครับ ซินดี้ด้วยนะ” พนมกรเอ่ยขอบคุณขณะเดินผ่านประตูออกมานอกร้าน ประตูรถเปิดอ้าเพื่อให้ซินดี้นำชุดที่ถือในมือไปวางไว้ตรงเบาะหลัง หนึ่งในนั้นเป็นชุดของหล่อน ส่วนอีกชุดนั้นเป็นชุดของเขาซึ่งโยษิตาเตรียมไว้ก่อนหน้านี้แล้ว
‘ลองสักหน่อยไหมกร ไม่รู้ว่าจะถูกใจกรหรือเปล่า’
เจ้าหล่อนเสนอ หากพนมกรกลับสั่นศีรษะโดยไม่เสียเวลาคิด
‘ไม่ละครับ เสียเวลาเปล่าๆ...’ จากนั้นก็ลงท้ายด้วยประโยคที่ทำให้คนฟังหน้าบาน ‘ผมเชื่อมือพี่โย’
ถ้อยคำสนทนาระหว่างกันบอกชัดว่าทั้งสองคงรู้จักคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่จะนานเท่าไร สายรุ้งไม่รู้ เพราะพนมกรไม่เคยพูดถึงโยษิตามาก่อน และครั้งนี้ก็เป็นครั้งแรกที่หล่อนได้พบกับผู้หญิงคนนี้...สาวใหญ่วัยสามสิบปลายๆ ไม่แน่ใจว่าแต่งงานแล้วหรือยัง ทว่าเสน่ห์ของเธอยังเต็มเปี่ยม
ทั้งใบหน้าที่แต่งแต้มเครื่องสำอางอย่างประณีต ทั้งท่าทางการเดินเหิน...สง่างามชวนมอง แม้แต่เวลาหล่อนยืนพักขาและยกมือกอดอก หล่อนรู้สึกราวกับมองนางแบบผู้หนึ่งยืนโพสต์ท่าก็ไม่ปาน โยษิตามีความเก๋ไก๋ ทันสมัย เตะตา และสำหรับหนุ่มๆ แล้วคงจะถูกตาต้องใจได้ไม่ยาก
ช่วยไม่ได้ที่หล่อนไพล่คิดไปว่าบางที...พนมกรเองก็เคยติดตาต้องใจ ‘พี่โย’ คนนี้มาแล้ว
“ไว้ว่างๆ ผมจะพาไปเลี้ยง...ตอนนี้แยกย้ายกันก่อนแล้วกันครับ” เสียงของพนมกร รวมถึงสัมผัสร้อนผ่าวจากมือของเขาที่แตะลงบนต้นแขนของหล่อน ทำให้สายรุ้งต้องสลัดความคิดฟุ้งซ่านนั้นทิ้งไป “บ่ายสองไปเจอกันที่...”
เขานัดแนะสถานที่ซึ่งเป็นโรงแรมชื่อดังติดชายทะเลแห่งหนึ่งในหัวหิน
ฝ่ายนั้นรับคำก่อนโบกไม้โบกมือลา ขณะที่พนมกรทำเพียงโปรยยิ้ม ผงกศีรษะ แล้วพาหล่อนขึ้นรถ
พนมกรพารถแล่นออกจากถนนสายนั้นได้ไม่นานก็หักพวงมาลัยเลี้ยวผ่านประตูไม้เข้าไปจอดในลานจอดรถแห่งหนึ่ง
“กินข้าวกันก่อนนะรุ้ง จะบ่ายโมงแล้ว รุ้งคงหิวจนท้องกิ่วแล้วมั้ง”
“นิดหน่อยค่ะ”
หล่อนตอบเสียงเบา ก่อนจะหันไปจ้องเขาตาแป๋ว ความสงสัยที่โชนฉายในดวงตาคู่นั้นทำให้คนมองหัวเราะแผ่วๆ ในลำคอ
“สงสัยว่าพี่จะพาไปออกงานที่ไหนล่ะสิ”
“ค่ะ ทำไมพี่กรไม่บอกรุ้งก่อนล่ะคะ”
“พี่รู้ว่ารุ้งไม่ชอบออกงาน ถ้าพี่บอกก่อน รุ้งก็คงไม่ยอมมาด้วย”
“เป็นงานสำคัญหรือคะ พี่กรถึงอยากให้รุ้งมาด้วย”
เป็นคำถามที่ทำให้พนมกรทอดถอนใจยาว เอนกายพิงพนัก พลางยกมือข้างหนึ่งนวดท้ายทอย
“ก็ไม่เชิง”
“ก็ไม่เชิง? แปลว่าอะไรคะ สำคัญหรือไม่สำคัญ”
คิ้วเข้มขมวดเข้าหากันอยู่พักหนึ่งราวกับหาคำตอบที่ตนเองพึงพอใจไม่ได้ หากเพียงไม่นานมันก็คลายออก
“เอาน่า จะสำคัญหรือไม่สำคัญพี่ก็อยากให้รุ้งมาด้วย”
เขาตัดบทด้วยการก้าวลงจากรถ เดินอ้อมไปเปิดประตูรถให้หล่อน วางมือลงบนศีรษะเล็ก แล้วยิ้มใส่ตาหล่อนเพราะรู้ดีว่าจะทำให้หล่อนเลิกซักไซ้หาคำตอบ
“แค่เหตุผลว่าพี่อยากอยู่กับรุ้งก็ไม่พอหรือคะ”
ทิ้งท้ายด้วยประโยคนี้ สายรุ้งก็ไม่กล้าถามอะไรแล้ว พนมกรรีบฉวยโอกาสนั้นโอดครวญ
“พี่หิวจนแสบท้องไปหมดแล้ว รีบไปกินข้าวกันเถอะ”
ไม่รอให้หล่อนได้ตั้งตัว เขารีบดึงร่างเล็กให้ลุกยืน ปิดประตูรถ ล็อกเรียบร้อยก็ลากหล่อนเดินตรงไปยังร้านอาหารกรุกระจกตรงหน้าในทันที
พนมกรให้คำตอบตัวเองไม่ได้จนกระทั่งบัดนี้
ชายหนุ่มยืนมองตัวเองในชุดทักซิโด้...เสื้อเชิ้ตขาวสวมทับด้วยสูทสีดำและผูกหูกระต่ายตรงลำคอ ผมลองทรงที่เคยปล่อยอย่างสบาย บัดนี้ถูกเสยขึ้นไปด้านบนและใส่เจลจนเงาวับ
ใบหน้าที่มักจะมีความละมุนอยู่เสมอ กลับดูเคร่งเครียด เพราะผู้เป็นเจ้าของขมวดคิ้วจนแทบเป็นปม
‘เป็นงานสำคัญหรือคะ พี่กรถึงอยากให้รุ้งมาด้วย’
คำถามของสายรุ้งดังก้องขึ้นมาในหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า...ครั้งนี้เป็นครั้งที่เท่าไรก็คร้านจะนับ หากเขาก็ยังหาคำตอบไม่ได้อยู่นั่นเอง
คราแรกเขาไม่ได้ตั้งใจจะพาหล่อนมาออกงานด้วยหรอก พูดตามตรงคือเขาไม่คิดจะมาร่วมงานนี้ด้วยซ้ำ เขาแค่คิดจะพาหล่อนไปเที่ยวที่ไหนสักแห่งสองต่อสอง เพื่อกระชับความสัมพันธ์ และเพื่อ...โน้มน้าว หลอกล่อ หรือเร่งเร้าให้หล่อนยอมตกลงแต่งงานเสียที
แต่เพราะเหตุผลบางอย่าง...เหตุผลที่ทำให้อารมณ์ของเขาขุ่นมัว และมีความอยากเอาชนะจนตัดสินใจส่งไลน์ไปบอกโยษิตาว่าเตรียมเดรสสวยๆ พร้อมกับช่างแต่งหน้าฝีเมือเยี่ยมไว้ให้ด้วย
‘เตรียมให้ใครจ๊ะกร’
‘แฟนผมครับ’
‘อ้อ...หนูรุ้งน่ะหรือ งานอะไรล่ะ’
‘งานวันเกิดเพื่อนครับ’
‘เพื่อน’ เขาแค้นยิ้ม เกือบจะเปล่งเสียงหัวเราะอย่างเยาะหยัน
กับผู้ชายคนนั้น เขาไม่เคยนับว่าเป็นเพื่อนแม้สักครั้งเดียว!
นายพิมุกข์ อิสรรัตนันท์! หนุ่มไฮโซบุตรชายนักธุรกิจพันล้านอันดับต้นๆ ของประเทศไทย...เพื่อนร่วมชั้นเรียนของเขาที่ทั้งโอ้อวด เย่อหยิ่ง และมักมองคนอื่นต่ำต้อยกว่าอยู่เสมอ
เขาไม่ชอบนายพิมุกข์คนนี้ ถึงขั้นชิงชังเลยด้วยซ้ำกระมัง แต่ก็เพราะสิ่งที่เขายึดมั่นมาเกือบตลอดชีวิต...คำว่าผลประโยชน์เท่านั้นที่ทำให้เขาต้องเก็บความไม่ชอบใจไว้ในส่วนลึก และทำตัวเป็นเพื่อนผู้ชื่นชมและปลาบปลื้มกับความร่ำรวยของฝ่ายนั้นอย่างเสแสร้ง
เถอะ...ก็แค่ละครฉากหนึ่งเท่านั้น!
เขาบอกตัวเอง พลางตอกย้ำซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่า...ผลประโยชน์คือสิ่งที่เขาต้องการ ไม่ควรตัดความสัมพันธ์ให้ขาดสะบั้นเพียงเพราะความรู้สึกส่วนตัว!
เช่นนี้แล้ว เขาจะอยากมาร่วมงานวันเกิดของคนผู้นั้นเพื่ออะไรเล่า
เหตุผลที่เขานึกได้ในตอนนี้...คงมีเพียงเหตุผลเดียว
ดวงตาเรียวฉายวาบถึงความคาดหวังและสาแก่ใจ
หากก็เพียงชั่วขณะเท่านั้น เมื่อมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น หน้ากากแห่งความเป็นมิตรก็ถูกสวมกลับคืนดังเดิม
พนมกรเดินไปเปิดประตู จึงเห็นซินดี้ยืนยิ้มแฉ่ง ดวงตาเป็นประกายอย่างภูมิอกภูมิใจ
“เรียบร้อยแล้วค่ะคุณกร ประติมากรรมชั้นเยี่ยมของซินดี้”
‘ประติมากรรมชั้นเยี่ยม’ เป็นการเอ่ยเกินจริงแบบที่ทำให้พนมกรเกือบจะหลุดหัวเราะออกมา
“ขนาดนั้นเลยหรือซินดี้”
คนตรงหน้ายักคิ้ว ยิ้มกว้างขวางจนแทบเห็นฟันทุกซี่ก่อนจะจีบปากจีบคอพูด
“ถ้าคุณกรเห็นคุณรุ้งตอนนี้ละก็จะต้องตะลึงแน่ๆ เชื่อมือซินดี้เถอะค่ะ!”
สายรุ้งแต่งหน้าแต่งตัวอยู่ห้องข้างๆ เดินเพียงสามก้าว เขาก็มาหยุดยืนตรงประตูหน้าห้องหล่อนแล้ว เขายืนเอามือล้วงกระเป๋าในท่วงท่าสบายๆ ไม่ได้ตื่นเต้นอะไรมากนักกับ ‘ประติมากรรมชั้นเยี่ยม’ อย่างซินดี้อวดอ้าง คงมีแค่ความอยากรู้เท่านั้น...ว่าสาวน้อยที่แสนจืดชืดอย่างสายรุ้ง ยามถูกจับแต่งองค์ทรงเครื่องจากช่างแต่งหน้าฝีมือดีแล้วจะสวยขึ้นมากน้อยเพียงใด
ซินดี้เคาะประตูห้องสองครั้ง พลางร้องเรียก
“คุณรุ้งขา คุณรุ้ง...ออกมาได้แล้วค่า”
เพียงอึดใจ ประตูก็เปิดแง้มออก พร้อมกับใบหน้าอันผุดผ่องของสายรุ้งโผล่ออกมา
วงหน้านวลถูกแต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างพอดิบพอดี ไม่บางจนไร้สีสัน หากก็ไม่เข้มจนขัดตา
ดวงตากลมโตภายใต้อายไลเนอร์ที่ได้รับการกรีดอย่างมืออาชีพมีแววประหม่าขัดเขินอย่างเห็นได้ชัด แก้มของหล่อนแดงปลั่ง...ทั้งสีจากบลัชออนและความขวยเขิน กลีบปากของหล่อนซึ่งเคลือบลิปสติกสีแดงอมส้มนั้นเม้มน้อยๆ บางคราก็เหมือนจะยิ้มแหยๆ ราวกับหวาดหวั่นไม่มั่นใจ
“ออกมาสิรุ้ง ให้พี่ดูหน่อยซิว่ารุ้งของพี่สวยขนาดไหน”
พนมกรขยับกาย เดินเข้าไปใกล้ประตู พลางยืนมือออกไป มือใหญ่หยาบกร้าน และมีร่องรอยของการทำงานหนักมากกว่าจะเป็นมือของผู้บริหารที่มีทรัพย์สินมูลค่าหลายร้อยล้าน
‘มือพี่หยาบไปหน่อย...ว่าไหม’
เขาเคยพูดกับหล่อนด้วยน้ำเสียงไม่มั่นใจ...จะเรียกว่าอับอายก็คงได้ เพราะมือคู่นี้เป็นสิ่งตอกย้ำอดีตของเขา...ความจน ความลำบากตรากตรำ ความแร้นแค้น อดีตเหล่านี้เขาอยากจะลืมเลือนมันให้หมด ยิ่งความทรงจำเกี่ยวกับมารดาเขายิ่งอยากลืม หากฝังมันลงในก้นบึ้งหัวใจได้ เขาจะล็อกมันด้วยกุญแจหลายสิบชั้นเพื่อไม่ให้มันผุดพลุ่งขึ้นมาได้อีก!
‘มือผู้ชาย...ก็เป็นแบบนี้ทุกคนไม่ใช่หรือคะ’
‘เคยจับมือผู้ชายคนอื่นแล้วหรือ’
คำถามนั้นทำให้สายรุ้งหัวเราะ ส่ายหน้าเร็วรี่
‘ไม่เคยหรอกค่ะ...หรือถ้าเคยก็คงเป็นตอนอนุบาล’ หล่อนว่าพลางวางมือลงบนมือเขา ‘ถึงมือพี่กรจะหยาบแค่ไหน รุ้งก็ไม่เคยรังเกียจ’
‘จริงหรือ?’
‘จริงสิคะ’
หล่อนยืนยันคำพูดนั้นด้วยการสอดมือประสานกับมือเขาอย่างแนบแน่น
พนมกรรู้สึกซาบซึ้งขึ้นมาหน่อยๆ...สายรุ้งก็เป็นแบบนี้ หัวใจอันอ่อนโยนของหล่อนช่วยลดความแข็งกระด้างในหัวใจเขาลงได้
“ออกมาเถอะค่ะ ไม่ต้องอาย”
หล่อนลังเลเล็กน้อย ก่อนจะยื่นมือออกมา วางมือลงบนมือเขา แล้วค่อยๆ ก้าวเท้าออกมา รองเท้าส้นสูงสีขาวสร้างความลำบากให้หล่อนไม่น้อย สายรุ้งเดินอย่างไม่มั่นใจ เกือบจะเซซวนหลายครั้ง หากเขาก็รีบใช้อ้อมแขนประคองเอวหล่อนไว้ได้ทัน
พนมกรได้เห็นหล่อนเต็มตา ‘ประติมากรรมชั้นเยี่ยม’ อย่างซินดี้ว่า...เขาเห็นจริงตามนั้น
ถึงหล่อนจะไม่ได้สวยสง่าหรือเซ็กซี่อย่างนางแบบบนแคทวอล์ค แต่ที่เขาเห็นอยู่ตอนนี้ก็นับว่าน่าเหลือเชื่อแล้ว
หล่อนประหนึ่งตุ๊กตากระเบื้องเคลือบ บอบบางน่าทะนุถนอม ผมดำขลับที่เกล้าเป็นมวยไว้กลางศีรษะเผยให้เห็นลำคอระหง เพิ่มความสง่าให้หล่อนอีกนิด
วงหน้านวลที่แหงนเงยมองเขา ห่างเพียงคืบ...ช่างดึงดูดใจ
ช่วยไม่ได้ที่เขานึกอยากจะจูบกลีบปากเต็มอิ่มคู่นั้นอย่างแทบห้ามใจไว้ไม่ได้

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 21 ก.ย. 2559, 09:29:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 21 ก.ย. 2559, 09:29:32 น.
จำนวนการเข้าชม : 1209
<< บทที่ ๖ - หัวใจอันซับซ้อน ๑ | บทที่ ๗.๒ - หัวใจอันซับซ้อน ๒ >> |

Zephyr 24 ก.ย. 2559, 20:23:39 น.
นั่นๆๆๆๆ รอดูวันพี่กรลงแดงเพราะแผนตัวเอง
นั่นๆๆๆๆ รอดูวันพี่กรลงแดงเพราะแผนตัวเอง