โซ่รักสีรุ้ง
"เด็กคนนั้น...เป็นลูกใคร" ห้าปีผ่านมา เธอคิดว่าชินชากับความเจ็บปวดแล้ว แต่ความจริงความรู้สึกนั้นเพียงแต่ตกตะกอนอยู่ก้นบึ้งหัวใจรอเวลาที่ใครสักคนจะกวนตะกอนนั้นขึ้นมา ให้เจ็บรวดร้าวยอกแสลงไปทั้งหัวใจ
Tags: ศศิภา,อรุณฉาย,ท้อง,หย่า,หนี,แต่งงาน,ศศิอักษร

ตอน: บทที่ ๗.๒ - หัวใจอันซับซ้อน ๒

หายหน้าหายตาไปคลอดมาค่า ^^
กลับมาลงให้อ่านต่อแล้ว
เรื่องนี้เปิดจองถึง 15 ธันวานะคะ สนใจจองได้ที่ www.sasiaksornbook.com ค่ะ



วงหน้านวลที่แหงนเงยมองเขา ห่างเพียงคืบ...ช่างดึงดูดใจ

ช่วยไม่ได้ที่เขานึกอยากจะจูบกลีบปากเต็มอิ่มคู่นั้นอย่างแทบห้ามใจไว้ไม่ได้

“รองเท้าสูงไปนิด เดินไม่ถนัดเลยค่ะ”

“ไม่เห็นเป็นไร เกาะแขนพี่ไว้สิ” เขาปล่อยมือจากเอวบาง แล้วจับมือหล่อนคล้องแขนไว้ “อยู่ใกล้พี่ ไม่ต้องกลัวว่าจะล้ม พี่จะคอยดูแลรุ้งเอง”

เขายิ้มใส่ตาหล่อน ก่อนหันไปขอบคุณซินดี้ ไม่ลืมที่จะนัดแนะว่าจะพาไปเลี้ยงอาหารขอบคุณในครั้งหน้า เอ่ยลากันอีกสองสามประโยคจึงพาสายรุ้งเดินตรงไปยังลิฟต์ที่อยู่สุดทางเดิน

ไม่นานนัก เขาก็พาหล่อนเดินผ่านประตูกระจกออกสู่ลานกว้างบนชั้นดาดฟ้าที่บัดนี้ถูกตกแต่งด้วยธงประดับหลากสี ดอกไม้ประดิษฐ์ และลูกโป่งจำนวนหนึ่ง

ตะวันกำลังระเรี่ยอยู่ริมขอบฟ้า แสงสีส้มอมทองทำให้บริเวณโดยรอบเริ่มสลัวราง ดังนั้นเมื่อหล่อนก้าวขาเข้าไปในงาน แสงไฟจึงสว่างพรึ่บ ทั้งแสงสีส้มจากโคมไฟประดับ และแสงสปอตไลท์สว่างจ้าจนหล่อนต้องหยีตา มือที่คล้องแขนคนข้างกายกอดรัดแน่นกว่าเดิม

พนมกรปลอบประโลมหล่อนด้วยการไล้ปลายนิ้วบนแก้มนุ่ม

“เป็นไงบ้าง แสบตาหรือคะ”

สายรุ้งกะพริบตาถี่ๆ เพื่อปรับสายตาให้คุ้นกับแสงจ้านั้นแล้วส่ายหน้า

“ไม่เป็นไรแล้วค่ะ”

ว่าพลางยืดตัวขึ้น และหันไปมองบรรยากาศในงานอีกครั้ง...จึงได้พบว่าตนกลายเป็นจุดสนใจของแขกที่มาร่วมงานเสียแล้ว

ใจของหล่อนเต้นระรัว ทั้งประหม่าทั้งตื่นเต้น หล่อนกวาดสายตามองไปรอบๆ จนสะดุดเข้ากับใครคนหนึ่ง...คนที่ทำให้หัวใจของหล่อนเต้นแรงโลดขึ้นมาอย่างตื่นเต้นและยินดี

“พี่ฝน...พี่ฝนนี่คะ!” หล่อนว่าพลางชี้มือชี้ไม้ไปทางนั้น “พี่ฝนก็มาด้วยหรือคะ”

“เอ...บังเอิญจริง” เขาว่าราวกับประหลาดใจที่ได้พบสายฝนในงานนี้ ทว่าแววตากลับวาววะวับสมใจ “ไม่นึกว่าพี่ของรุ้งจะมางานนี้ด้วย ไปทักทายหน่อยไหม”

ไม่ใช่คำถาม เพราะสิ้นเสียงนั้นเขาก็วางมือลงบนมือหล่อนแล้วพาออกเดินตรงไปยังสาวชุดแดงรัดรูปอวดทรวดทรงองค์เอวผู้นั้นทันที

สายรุ้งไม่สวยเซ็กซี่อย่างสายฝน แต่อย่างน้อยก็งามสง่าราวกับเจ้าหญิง และน่าดึงดูดใจมากพอที่จะทำให้หนุ่มๆ ในงานเหลียวมอง

แม้แต่สายฝนเอง ยามเห็นน้องสาวของตนในเวลานี้ จึงมีทั้งความประหลาดใจ คาดไม่ถึงและไม่พอใจอยู่นิดๆ

พนมกรยกมุมปากเป็นรอยยิ้มเพียงนิด...รู้สึกราวกับเป็นผู้ชนะ

อย่างน้อยๆ...เขาก็ทำให้สายรุ้งโดดเด่นขึ้นมาเทียบเคียงผู้เป็นพี่สาวได้!

หล่อนไม่จำเป็นต้องเป็น ‘เงา’ ของพี่สาวเหมือนเช่นที่เคยเป็นมา!

ทำไมเขาจึงทำเช่นนั้น ทำไมถึงเดือดเนื้อร้อนใจกับเรื่องนี้นัก...พนมกรไม่คิดหาคำตอบ

เขาสนแต่ว่า...ผู้หญิงของเขาต้องไม่โดนดูถูกหรือกลืนไปกับฝูงชนเหมือนเมื่อก่อนอีก

สายรุ้งจะต้องเฉิดฉาย...เป็นประติมากรรมชั้นเยี่ยม...เป็นเพชรล้ำค่าจนหนุ่มๆ ซึ่งเคยมองข้ามหล่อนต้องอิจฉาที่เขาได้หล่อนมาครอง!





“รุ้ง” ผู้เป็นพี่สาวร้องทัก สีหน้าเรียบเฉย มีเพียงแววตาเท่านั้นที่แสดงความประหลาดใจยามกวาดมองคนตรงหน้า “ไม่คิดว่าจะเจอรุ้งที่นี่ ไม่เห็นบอกพี่เลยว่าจะมา”

น้ำเสียงกึ่งตำหนิทำให้รอยยิ้มของคนเป็นน้องหุบฉับทันควัน ความไม่มั่นใจและรู้สึกผิดโชนฉายอยู่ในดวงตาคู่สวย

เจ้าหล่อนเม้มริมฝีปากน้อย แล้วหันไปมองคนรักราวกับต้องการความช่วยเหลือ

“ผมเป็นคนชวนรุ้งมาเองแหละครับ ไปหารุ้งที่บ้านแล้วก็ลากรุ้งมาที่นี่เลย ฉุกละหุกไปหน่อย รุ้งเลยไม่ทันได้บอกคุณ”

“อ้อ...” สายฝนพึมพำในลำคอ ก่อนคลี่ยิ้ม...เป็นยิ้มที่ลดทอนความงามสง่าในตัวหล่อนเสียเกือบครึ่งในความรู้สึกของพนมกร

ยิ้มนี้เป็นยิ้มที่ปรุงแต่งขึ้นมา ไม่ใช่ยิ้มที่เป็นธรรมชาติและแสนจริงใจอย่างรอยยิ้มของสายรุ้ง

“ออกงานก็ดีเหมือนนะเรา จะได้เปิดหูเปิดตาบ้าง...ต้องขอบคุณคุณกรมากนะคะที่พารุ้งมา ไม่อย่างนั้นคงไม่คิดจะไปออกงานที่ไหน วันๆ เอาแต่จับเจ่าอยู่ในบ้านจนฉันเป็นห่วง” ว่าพลงกวาดตามองสำรวจน้องสาว คิ้วเรียวสวยขมวดเข้าหากันเล็กน้อย ขณะที่รอยยิ้มยังคงประดับบนริมฝีปาก

“ชุดนี้พี่ไม่เคยเห็นเลย ชุดใหม่เหรอ”

“ค่ะ พี่กรเตรียมไว้ให้”

สายฝนเลิกคิ้ว หันไปทางคนรักของน้องสาว

“คุณกรนี่ตาถึงนะคะ เลือกชุดได้เหมาะกับรุ้งมากเลย” มือข้างหนึ่งวางบนต้นแขนสายรุ้ง ก่อนเบือนสายตากลับมามอง “รุ้งเหมือนเจ้าหญิงเลยนะวันนี้” คนพูดถอนหายใจบางเบาและรวดเร็วเสียจนแทบไม่มีใครสังเกต “สวย”

คำชมนั้นทำให้คนถูกชมยิ้มแป้น แก้มแดงปลั่ง ตาเป็นประกายอย่างยินดี เพราะน้อยครั้งนักที่ผู้เป็นพี่สาวจะเอ่ยชมหล่อนเช่นนี้

“ขอบคุณค่ะพี่ฝน” เจ้าหล่อนเอ่ยเสียงสดใส พลางหันไปมองคนรัก “ต้องขอบคุณพี่กรด้วยค่ะ”

พนมกรแสดงความรักด้วยการโอบเอวของหล่อนไว้ คลี่ยิ้มทรงเสน่ห์ และโน้มหน้าลงมากระซิบข้างหู

“เปลี่ยนคำขอบคุณเป็นหอมแก้มพี่สักฟอดได้หรือเปล่า หืม?”

คนถูกถามยิ่งหน้าแดงซ่าน ยิ้มเอียงอายขวยเขิน ขณะนั้นสายฝนจ้องทั้งสองเขม็งก่อนเมินมองไปทางอื่น เธออุทานเล็กน้อยเมื่อเห็นใครบางคน

“บีม! บีมคะ! ทางนี้ค่ะ”

คนที่ก้าวฉับๆ ตรงมานั้นเป็นหนุ่มหน้าตี๋ รูปร่างสูงโปร่ง แต่งกายด้วยชุดทักซิโด้ ผมลองทรงใส่เจลจนมันวับ

“ขอโทษทีฝน มาช้าไปนิด รอนานไหมครับ”

ชายผู้นั้นเข้ามากอดเอาสายฝนเอาไว้ พลางจรดปลายจจมูกลงบนแก้มที่ปัดบลัชออนไว้อย่างชัดเจนนั้น ความสนิทสนมที่แสดงออกมาบอกชัดว่าทั้งสองเป็นมากกว่าเพื่อน แต่จะถึงขั้นแฟนหรือไม่ ยังไม่อาจสรุปได้

“ไม่นานหรอกค่ะ ฝนก็ยืนคุยกับเพื่อนๆ ระหว่างรอคุณ” พูดจบก็หันมาแนะนำสายรุ้ง “นี่น้องสาวฝนค่ะ ส่วนนี่...คุณพนมกร แฟนของรุ้งค่ะ”

ทั้งสามทักทายกันตามมารยาทเรียบร้อยแล้ว สายฝนก็สาธยายความร่ำรวยของหนุ่มที่ชื่อบีมให้ฟัง

“บีมเป็นลูกชายของคุณธาตรีไงคะ คุณกรคงรู้จักแล้วมั้งคะ”

“ทำไมจะไม่รู้จักครับ เจ้าของรีสอร์ตธารแสงดาวที่เชียงใหม่ เชียงราย ลำปาง ตอนนี้กำลังมีแพลนจะเปิดที่น่านอีกใช่ไหมครับ ไหนจะโรงแรมทั้งที่ภูเก็ต พังงา กระบี่ หัวหิน ระยอง พัทยา จันทบุรีก็มีนี่ครับ ท่านเป็นนักธุรกิจที่เก่งมากเลยนะครับ”

คำชมนั้นทำให้สายฝนเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อย เปี่ยมด้วยความภูมิใจในส่วนลึก เช่นเดียวกับบุริม หรือบีมที่ยิ้มรับคำชมนั้นอย่างยินดี

“ชอบคุณครับ คุณพ่อของผมท่านเก่ง ผมก็ตั้งใจจะเก่งให้ได้เหมือนท่าน...สักเสี้ยวก็ยังดีครับ”

พูดพลางหัวเราะพลาง ก่อนถามไถ่นู่นนี่นั่นอีกสองสามประโยค บุริมกับสายฝนก็ขอแยกตัวไปรวมกลุ่มกับบรรดาเพื่อนๆ

พนมกรยังปักหลักยืนอยู่ที่เดิม วงแขนโอบเอวของสายรุ้งไว้มั่น...เป็นการกอดที่แนบแน่นจนคนถูกกอดเริ่มหายใจไม่ออก

“พี่กร...พี่กรคะ”

หล่อนต้องเรียกถึงสามครั้งว่าพนมกรจะได้สติ เขากะพริบตาปริบ แล้วหันมามองหล่อน

“คะ...ว่าไงคะ”

“เป็นอะไรไปคะ” เจ้าหล่อนเอียงคอถาม “คิดอะไรอยู่”

“ไม่มีอะไรหรอก” เขาปฏิเสธพลางคลายอ้อมกอดออกเล็กน้อย “แค่คิดว่าอีกหน่อยพี่จะทำให้ได้แบบนั้น”

“แบบนั้น?”

“แบบคุณธาตรีไง พี่จะต้องยิ่งใหญ่แบบนั้น หรือมากกว่านั้นได้ยิ่งดี!”

น้ำเสียงหมายมาด ประกายตาแรงกล้าและเต็มเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น

“รุ้งเชื่อว่าพี่กรทำได้”

“จริงหรือคะ”

“จริงที่สุดค่ะ”

รางวัลสำหรับถ้อยคำนั้นคือจุมพิตแผ่วเบาบนปลายจมูกของหล่อน แต่ก่อนที่หล่อนจะเผลอไผลกับสัมผัสฉาบฉวย พนมกรก็โบกไม้โบกมือเรียกใครบางคน

“เฮ้ย! ไอ้พิ! ทางนี้!!” ตะโกนพลางพาหล่อนออกเดิน และกระซิบบอกเบาๆ “เจ้าของงานวันเกิด เพื่อนพี่เอง”

นับเป็นครั้งแรกที่หล่อนได้รู้จักเพื่อนของพนมกร และครั้งนี้ก็ทำให้หล่อนฉุกใจคิด...คบกันมาเกือบสองปีแต่หล่อนกลับไม่รู้จักเพื่อนของเขาเลยแม้แต่คนเดียว!!!




ศศิภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 22 พ.ย. 2559, 14:37:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 22 พ.ย. 2559, 14:42:07 น.

จำนวนการเข้าชม : 1146





<< บทที่ ๗.๑ - หัวใจอันซับซ้อน ๒   บทที่ ๘.๑ - ล่อลวง >>
Zephyr 18 ธ.ค. 2559, 21:43:30 น.
พี่กรเริ่มหลุดมาด


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account