ม่านนทีปรารถนา
เมื่อโพไซดอนเทพเจ้าแห่งท้องทะเล ก่อเรื่องวิวาทกับอพอลโลจนถูกอัปเปหิลงมาอยู่ในร่างมนุษย์ในดินแดนที่เขาแสนเกลียดชัง พร้อมกับโดนริบพลังไปเสียกว่าครึ่ง ทางเดียวที่จะกลับคืนสู่โอลิมปัสและได้พลังทั้งหมดกลับมา เขาจะต้องร่วมมือกับอพอลโลทำภารกิจบางอย่างให้สำเร็จ
เรื่องคงไม่ยากนักถ้ารู้ว่าภารกิจนั้นคืออะไร แต่นี่เขาไม่รู้อะไรสักอย่างต้องคำตอบด้วยตัวเอง เปรียบไปก็เหมือนกับงมเข็มในมหาสมุทร ซ้ำอพอลโลยังไม่ตั้งใจคิดจะช่วยเสียอีก งานนี้ราชันแห่งท้องทะเลจะทำสำเร็จหรือไม่ เพราะจู่ๆ ก็มีตัวแปรหน้าใสผู้มีลมหายใจแห่งท้องทะเลติดกาย มาปรากฏในภารกิจครั้งนี้ด้วย
มาร่วมติดตามลุ้นกันได้ใน "ม่านนทีปรารถนา" ค่ะ
เรื่องคงไม่ยากนักถ้ารู้ว่าภารกิจนั้นคืออะไร แต่นี่เขาไม่รู้อะไรสักอย่างต้องคำตอบด้วยตัวเอง เปรียบไปก็เหมือนกับงมเข็มในมหาสมุทร ซ้ำอพอลโลยังไม่ตั้งใจคิดจะช่วยเสียอีก งานนี้ราชันแห่งท้องทะเลจะทำสำเร็จหรือไม่ เพราะจู่ๆ ก็มีตัวแปรหน้าใสผู้มีลมหายใจแห่งท้องทะเลติดกาย มาปรากฏในภารกิจครั้งนี้ด้วย
มาร่วมติดตามลุ้นกันได้ใน "ม่านนทีปรารถนา" ค่ะ
Tags: โพไซดอน เทพเจ้ากรีก รักหวาน ฟิน
ตอน: 28 รายงานให้ทราบ
เมื่อเมดาสไปแล้ว ครู่เดียวก็บังเกิดแสงเรื่อเรืองขึ้นที่มุมห้องอีกครั้ง แต่คราวนี้ผู้ที่ก้าวออกมากจากกลุ่มแสงนั่น คือเทพีบริวารคนสนิท
“ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท” เธติสเทพีแห่งปากน้ำทะเลยอบกายลงทำความเคารพ
“ตามสบายเถอะเธติส แล้วนี่เกิดอะไรขึ้นรึถึงได้พากันมาเข้าเฝ้าข้าไล่เลี่ยแบบนี้” เทพแห่งท้องทะเลสงสัยนักว่าวันนี้เป็นวันอะไร บรรดาเทพและเทพีบริวารถึงมาหาเข้าในเวลาไล่เลี่ยกัน
“พระองค์ทรงมีงานให้หม่อมฉันไปทำไงเพคะ ทรงลืมไปแล้วหรือ” เธติสเอ่ยทวงถามถึงเรื่องที่เขาเคยสั่งให้นางไปทำ
“งาน อ้อ เรื่องแอมฟริตริติ นางเป็นอย่างไรบ้าง” หากเทพีเธติสไม่เอ่ยถามถึงงานที่สั่งไปตั้งแต่เมื่อคราวมาอยู่บนโลกมนุษย์ใหม่ๆ เขาก็คงจะลืมไปเสียสนิท น่าแปลกนักทั้งที่ก่อนหน้านี้ร้อนรนกระวนกระวายใจเสียมาก เมื่อต้องนางจากที่หมายปองอยากจะครองคู่ ทว่าตอนนี้ความคิดกังวลนั่นกลับหายไปเสียเฉยๆ
“เทพีแอมฟริตริติ ทรงกังวลและเป็นห่วงพระองค์มากเพคะ พระนางกลัวว่าเรื่องที่ทรงถูกลงทัณฑ์บนโลกมนุษย์นี้จะยาวนานไม่มีกำหนด แม้ว่าก่อนหน้านี้จะปฏิเสธการขอแต่งงานของพระองค์ไปก็ตาม แต่ก็เห็นได้ชัดว่าพระนางมีหทัยรักมั่นอยู่กับพระองค์มากนัก”
ได้ฟังคำรายงานของเทพีบริวาร ทหัยของเทพแห่งท้องทะเลก็ประหวัดไปนึกถึงดวงหน้างามผุดผาดหาใครเทียบเทียมได้ แม้เทียบกับเทพีแห่งความรักและความงามเช่นอโฟรไดท์ เทพีแอมฟริตริติก็ไม่ได้ด้อยกว่า
“เรื่องกำหนดลงโทษทัณฑ์นั่นก็คงแล้วแต่ซูส แต่ถ้าหากจะเร่งเวลาให้มันจบลงโดยเร็ว ข้าก็คงต้องทำภารกิจบางอย่างที่ซูสเอ่ยถึงให้สำเร็จ แต่ปัญหาตอนนี้คือข้ายังไม่เห็นวี่แววเลยว่าภารกิจนั่นมันคืออะไร”
“หม่อมฉันพร้อมจะช่วยพระองค์ ขอเพียงทรงมีรับสั่งมาเท่านั้น”
“ข้าขอบใจเจ้ามากเธติส แต่ภารกิจนั้นมีเพียงข้ากับอพอลโลเท่านั้นที่มีส่วนร่วมได้ มิเช่นนั้นระยะเวลาการอยู่บนโลกของข้าก็ต้องยาวนานต่อไปอีก แต่ตอนนี้ข้ายังไม่รู้เลยว่าเจ้าเทพจอมเสเพลนั่นหายไปอยู่ที่ไหน”
“มิต้องทรงกังวลเพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันจะไปสืบหาให้เองว่า ท่านเทพอพอลโลไปอยู่ที่ใด แต่คิดว่าไม่น่าจะไกลมากนัก เพราะอย่างไรเสียท่านอพอลโลก็คงต้องกังวลเกี่ยวกับภารกิจที่ต้องร่วมมือกับพระองค์เช่นกัน”
“ข้าก็หวังเช่นนั้น แต่จะเอาอะไรแน่นอนกับอพอลโลไม่ได้นัก เจ้านั่นแลดูเหมือนจะสนุกเสียด้วยซ้ำเมื่อต้องลงมาอยู่ในโลกมนุษย์” เทพผู้เป็นใหญ่เหนือน่านน้ำยังจำได้ดีถึงหน้าตาท่าทางของอพอลโลในร่างมนุษย์ที่ดูจะสนุกสนานและรื่นเริงเป็นอันมากเมื่อได้ลงมาอยู่ในโลกมนุษย์แม้จะมีเงื่อนไขจากซูสมากมายหลายข้อ แต่ไม่ได้ทำให้อพอลโลเครียดเลยสักนิด เทพสุริยันยังหัวเราะร่าและดูจะชอบที่เห็นเขาเคร่งเครียดโต้เถียงกับซูสเกี่ยวกับการลงทัณฑ์คราวนี้
“ด้วยวิสัยเทพผู้รักสนุกอย่างท่านอพอลโล หม่อมฉันจะไปลองสืบหาแถบเมืองท่องเที่ยวที่มีผู้คนมาเยือนกันมากหน้าหลายตา และตามสถานที่รื่นเริงต่างๆ เชื่อว่าไม่นานต้องพบท่านอพอลโลแน่เพคะ” เธติสเสนอความคิดพร้อมยืนยันว่าการสืบหาตัวเทพสุริยันไม่ใช่เรื่องยาก
“ขอบใจเจ้ามากเธติส วันนี้ข้าไม่มีอะไรจะใช้เจ้าแล้ว เจ้าไปเถอะข้าอยากพักผ่อน” เทพแห่งท้องทะเลเอ่ยขอบใจบริวาร
“หม่อมฉันทูลลาเพคะ” เธติสยอบกายทำความเคารพก่อนจะเลือนหายไปในแสงเรื่อเรือง
เมื่อเทพและเทพีบริวารไปกันหมดแล้ว เทพโพไซดอนก็เอนวรกายลงบนเตียง ในหทัยครุ่นคิดถึงเทพีแอมฟริตริติโฉมงาม บุตรสาวของเทพโอเชียนัส ด้วยตระหนักดีว่าป่านนี้นางคงจะกังวลเป็นห่วง แต่ก็สุดวิสัยที่จะทำอะไรได้เพราะติดเงื่อนไขที่ซูสวางไว้ ทว่าในขณะนั้นเองกลับปรากฏภาพของกันธิชาขึ้นมาในห้วงคำนึงแทน จนเทพผู้ซึ่งกำหนดและควบคุมพายุ ฝนฟ้าและน้ำทะเลได้อย่างที่ประสงค์ ยังต้องแปลกพระทัยที่จู่ๆ เกิดเรื่องเช่นนี้ได้ และไม่สามารถกำหนดให้ภาพนั้นเลือนหายไปจากพระทัยได้เสียด้วย
“กันธิชา เธอเป็นใครกันแน่” โอษฐ์หยักรูปกระจับเอ่ยชื่อหญิงสาวออกมาเบาๆ ในขณะที่ใบหน้าของกันธิชาก็ยังคงเด่นชัดอยู่ในห้วงคำนึง
ภายในห้องบรรทมของเทพีแอมฟริตริติ เพลานี้ผู้เป็นเจ้าของห้องกำลังว้าวุ่นหทัยนัก เพราะนางพรายน้ำบริวารแสนสัตย์ซื่อ ยังไม่กลับมารายงานเรื่องที่ให้ไปคอยตามอยู่ใกล้ชิดเทพโพไซดอนในร่างมนุษย์ เพื่อที่ว่าจะสามารถช่วยอะไรได้บ้าง หากเทพแห่งท้องทะเลเจอปัญหาหรือเรื่องเดือดร้อนใจ เทพีโฉมสะคราญดำเนินไปมาในห้องอยู่ครู่ใหญ่ แล้วพักตร์งามที่ดูบึ้งตึงที่ไม่มีรอยยิ้มประดับมาเลยตลอดทั้งวัน ก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นแล้ว เมื่อนางพรายน้ำไลลิสมาปรากฏกาย
“ไลลิสเจ้าหายไปไหนมา เรารอเจ้ามาเกือบทั้งวัน” เมื่อบริวารปรากฏกายเทพีโฉมงามก็ต่อว่าทันที
“หม่อมฉันมีเหตุให้ต้องเสียเวลาไปทั้งวัน องค์เทพีอย่าทรงกริ้วหม่อมฉันเลยนะเพคะ”
“เจ้ามีเรื่องอะไรถึงได้เสียเวลาตลอดวัน จงบอกเรามา”
“หม่อมฉันไปตามอยู่ใกล้ๆ องค์โพไซดอน แล้วก็ได้รู้ว่าท่านเทพโพไซดอนในร่างมนุษย์หนุ่มชื่อคีรีลนั้น นอกจากทำงานที่ฟาร์มม้าแล้ว ยังทรงมีหน้าที่พานักท่องเที่ยวไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ในเกาะครีตด้วยเพคะ”
“พาเที่ยว แล้วคนที่ท่านโพไซดอนพาเที่ยวนั่นผู้หญิงหรือผู้ชาย “เมื่อนางพรายน้ำเล่ามาถึงตอนนี้ก็เกิดคำถามขึ้นทันที พร้อมกับพระขนงที่ขมวดมุ่น
“ผู้หญิงเพคะ เป็นนางมนุษย์ที่หน้าตามิอาจเทียบกับพระองค์ได้ แต่ท่านเทพโพไซดอนกลับดูแลนางผู้นั้นเป็นพิเศษ”
“แล้วเจ้าได้ทำอะไรบ้าง หรือเพียงแค่ลอบมองอยู่ห่างๆ”
“มิต้องทรงเป็นห่วงเพคะ หม่อมฉันทำแน่นอน เพราะตอนนั้นหม่อมฉันแปลงกายเป็นแมว นางมนุษย์คนนั้นเห็นหม่อมฉันเข้าก็อยากจะเข้ามาหยอกล้อ หม่อมฉันเลยตะปบนางไปจนเกิดเป็นผลทางยาวที่หลังมือ”
“ข่วน เจ้าแค่ข่วนมันนี่นะ ทำไมไม่ทำอะไรให้มันเข้าท่ากว่านี้” ฟังสิ่งที่บริวารเล่าเหมือนจะภาคภูมิใจกับผลงาน เทพีแอมฟริตริติก็รู้สึกโกรธเสียนัก
“หม่อมฉันอยากทำให้มากกว่านี้ แต่เป็นเพราะท่านโพไซดอนเสด็จมาทันทีที่ได้ยินเสียงนางร้อง หม่อมฉันจึงไม่กล้าทำอะไรมากเพคะ”
“ไลลิส เจ้านี่ช่างโง่เง่านัก เสียแรงข้าใช้ไปทำงาน เจ้าควรจะรู้ว่าไม่มีหญิงใดที่คู่ควรกับท่านโพไซดอน นอกจากข้าแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น เทพีหรือนางมนุษย์คนไหนก็ไม่สมควรมาอยู่ใกล้ชิดพระองค์” สุรเสียงที่เคยหวานไพเราะเสนาะหูตอนนี้เปลี่ยนเป็นห้วนกระด้างและเต็มไปด้วยโทสะ
“อย่ากริ้วหม่อมฉันเลยนะคะเพคะ หม่อมฉันจะหาโอกาสเล่นงานนางมนุษย์นั่นให้ได้” ไลลิสอ้อนวอนเพราะกลัวโทษทัณฑ์จากผู้เป็นนาย
“เจ้าควรจัดการนางคนนั้นให้ข้าเสียโดยเร็ว ข้าไม่อยากเสียท่านโพไซดอนให้กับใครหน้าไหนทั้งนั้น เข้าใจไหม” เสียงยังคงเข้มเขียวและดังลั่นห้อง
ในขณะที่โทสะของแอมฟริตริติพุ่งทะลุขีด เทพโอเชียนัสก็ปรากฏองค์ขึ้นเสียก่อน
“ถวายบังคมเพคะฝ่าบาท” เธติสเทพีแห่งปากน้ำทะเลยอบกายลงทำความเคารพ
“ตามสบายเถอะเธติส แล้วนี่เกิดอะไรขึ้นรึถึงได้พากันมาเข้าเฝ้าข้าไล่เลี่ยแบบนี้” เทพแห่งท้องทะเลสงสัยนักว่าวันนี้เป็นวันอะไร บรรดาเทพและเทพีบริวารถึงมาหาเข้าในเวลาไล่เลี่ยกัน
“พระองค์ทรงมีงานให้หม่อมฉันไปทำไงเพคะ ทรงลืมไปแล้วหรือ” เธติสเอ่ยทวงถามถึงเรื่องที่เขาเคยสั่งให้นางไปทำ
“งาน อ้อ เรื่องแอมฟริตริติ นางเป็นอย่างไรบ้าง” หากเทพีเธติสไม่เอ่ยถามถึงงานที่สั่งไปตั้งแต่เมื่อคราวมาอยู่บนโลกมนุษย์ใหม่ๆ เขาก็คงจะลืมไปเสียสนิท น่าแปลกนักทั้งที่ก่อนหน้านี้ร้อนรนกระวนกระวายใจเสียมาก เมื่อต้องนางจากที่หมายปองอยากจะครองคู่ ทว่าตอนนี้ความคิดกังวลนั่นกลับหายไปเสียเฉยๆ
“เทพีแอมฟริตริติ ทรงกังวลและเป็นห่วงพระองค์มากเพคะ พระนางกลัวว่าเรื่องที่ทรงถูกลงทัณฑ์บนโลกมนุษย์นี้จะยาวนานไม่มีกำหนด แม้ว่าก่อนหน้านี้จะปฏิเสธการขอแต่งงานของพระองค์ไปก็ตาม แต่ก็เห็นได้ชัดว่าพระนางมีหทัยรักมั่นอยู่กับพระองค์มากนัก”
ได้ฟังคำรายงานของเทพีบริวาร ทหัยของเทพแห่งท้องทะเลก็ประหวัดไปนึกถึงดวงหน้างามผุดผาดหาใครเทียบเทียมได้ แม้เทียบกับเทพีแห่งความรักและความงามเช่นอโฟรไดท์ เทพีแอมฟริตริติก็ไม่ได้ด้อยกว่า
“เรื่องกำหนดลงโทษทัณฑ์นั่นก็คงแล้วแต่ซูส แต่ถ้าหากจะเร่งเวลาให้มันจบลงโดยเร็ว ข้าก็คงต้องทำภารกิจบางอย่างที่ซูสเอ่ยถึงให้สำเร็จ แต่ปัญหาตอนนี้คือข้ายังไม่เห็นวี่แววเลยว่าภารกิจนั่นมันคืออะไร”
“หม่อมฉันพร้อมจะช่วยพระองค์ ขอเพียงทรงมีรับสั่งมาเท่านั้น”
“ข้าขอบใจเจ้ามากเธติส แต่ภารกิจนั้นมีเพียงข้ากับอพอลโลเท่านั้นที่มีส่วนร่วมได้ มิเช่นนั้นระยะเวลาการอยู่บนโลกของข้าก็ต้องยาวนานต่อไปอีก แต่ตอนนี้ข้ายังไม่รู้เลยว่าเจ้าเทพจอมเสเพลนั่นหายไปอยู่ที่ไหน”
“มิต้องทรงกังวลเพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันจะไปสืบหาให้เองว่า ท่านเทพอพอลโลไปอยู่ที่ใด แต่คิดว่าไม่น่าจะไกลมากนัก เพราะอย่างไรเสียท่านอพอลโลก็คงต้องกังวลเกี่ยวกับภารกิจที่ต้องร่วมมือกับพระองค์เช่นกัน”
“ข้าก็หวังเช่นนั้น แต่จะเอาอะไรแน่นอนกับอพอลโลไม่ได้นัก เจ้านั่นแลดูเหมือนจะสนุกเสียด้วยซ้ำเมื่อต้องลงมาอยู่ในโลกมนุษย์” เทพผู้เป็นใหญ่เหนือน่านน้ำยังจำได้ดีถึงหน้าตาท่าทางของอพอลโลในร่างมนุษย์ที่ดูจะสนุกสนานและรื่นเริงเป็นอันมากเมื่อได้ลงมาอยู่ในโลกมนุษย์แม้จะมีเงื่อนไขจากซูสมากมายหลายข้อ แต่ไม่ได้ทำให้อพอลโลเครียดเลยสักนิด เทพสุริยันยังหัวเราะร่าและดูจะชอบที่เห็นเขาเคร่งเครียดโต้เถียงกับซูสเกี่ยวกับการลงทัณฑ์คราวนี้
“ด้วยวิสัยเทพผู้รักสนุกอย่างท่านอพอลโล หม่อมฉันจะไปลองสืบหาแถบเมืองท่องเที่ยวที่มีผู้คนมาเยือนกันมากหน้าหลายตา และตามสถานที่รื่นเริงต่างๆ เชื่อว่าไม่นานต้องพบท่านอพอลโลแน่เพคะ” เธติสเสนอความคิดพร้อมยืนยันว่าการสืบหาตัวเทพสุริยันไม่ใช่เรื่องยาก
“ขอบใจเจ้ามากเธติส วันนี้ข้าไม่มีอะไรจะใช้เจ้าแล้ว เจ้าไปเถอะข้าอยากพักผ่อน” เทพแห่งท้องทะเลเอ่ยขอบใจบริวาร
“หม่อมฉันทูลลาเพคะ” เธติสยอบกายทำความเคารพก่อนจะเลือนหายไปในแสงเรื่อเรือง
เมื่อเทพและเทพีบริวารไปกันหมดแล้ว เทพโพไซดอนก็เอนวรกายลงบนเตียง ในหทัยครุ่นคิดถึงเทพีแอมฟริตริติโฉมงาม บุตรสาวของเทพโอเชียนัส ด้วยตระหนักดีว่าป่านนี้นางคงจะกังวลเป็นห่วง แต่ก็สุดวิสัยที่จะทำอะไรได้เพราะติดเงื่อนไขที่ซูสวางไว้ ทว่าในขณะนั้นเองกลับปรากฏภาพของกันธิชาขึ้นมาในห้วงคำนึงแทน จนเทพผู้ซึ่งกำหนดและควบคุมพายุ ฝนฟ้าและน้ำทะเลได้อย่างที่ประสงค์ ยังต้องแปลกพระทัยที่จู่ๆ เกิดเรื่องเช่นนี้ได้ และไม่สามารถกำหนดให้ภาพนั้นเลือนหายไปจากพระทัยได้เสียด้วย
“กันธิชา เธอเป็นใครกันแน่” โอษฐ์หยักรูปกระจับเอ่ยชื่อหญิงสาวออกมาเบาๆ ในขณะที่ใบหน้าของกันธิชาก็ยังคงเด่นชัดอยู่ในห้วงคำนึง
ภายในห้องบรรทมของเทพีแอมฟริตริติ เพลานี้ผู้เป็นเจ้าของห้องกำลังว้าวุ่นหทัยนัก เพราะนางพรายน้ำบริวารแสนสัตย์ซื่อ ยังไม่กลับมารายงานเรื่องที่ให้ไปคอยตามอยู่ใกล้ชิดเทพโพไซดอนในร่างมนุษย์ เพื่อที่ว่าจะสามารถช่วยอะไรได้บ้าง หากเทพแห่งท้องทะเลเจอปัญหาหรือเรื่องเดือดร้อนใจ เทพีโฉมสะคราญดำเนินไปมาในห้องอยู่ครู่ใหญ่ แล้วพักตร์งามที่ดูบึ้งตึงที่ไม่มีรอยยิ้มประดับมาเลยตลอดทั้งวัน ก็มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นแล้ว เมื่อนางพรายน้ำไลลิสมาปรากฏกาย
“ไลลิสเจ้าหายไปไหนมา เรารอเจ้ามาเกือบทั้งวัน” เมื่อบริวารปรากฏกายเทพีโฉมงามก็ต่อว่าทันที
“หม่อมฉันมีเหตุให้ต้องเสียเวลาไปทั้งวัน องค์เทพีอย่าทรงกริ้วหม่อมฉันเลยนะเพคะ”
“เจ้ามีเรื่องอะไรถึงได้เสียเวลาตลอดวัน จงบอกเรามา”
“หม่อมฉันไปตามอยู่ใกล้ๆ องค์โพไซดอน แล้วก็ได้รู้ว่าท่านเทพโพไซดอนในร่างมนุษย์หนุ่มชื่อคีรีลนั้น นอกจากทำงานที่ฟาร์มม้าแล้ว ยังทรงมีหน้าที่พานักท่องเที่ยวไปเที่ยวชมสถานที่ต่างๆ ในเกาะครีตด้วยเพคะ”
“พาเที่ยว แล้วคนที่ท่านโพไซดอนพาเที่ยวนั่นผู้หญิงหรือผู้ชาย “เมื่อนางพรายน้ำเล่ามาถึงตอนนี้ก็เกิดคำถามขึ้นทันที พร้อมกับพระขนงที่ขมวดมุ่น
“ผู้หญิงเพคะ เป็นนางมนุษย์ที่หน้าตามิอาจเทียบกับพระองค์ได้ แต่ท่านเทพโพไซดอนกลับดูแลนางผู้นั้นเป็นพิเศษ”
“แล้วเจ้าได้ทำอะไรบ้าง หรือเพียงแค่ลอบมองอยู่ห่างๆ”
“มิต้องทรงเป็นห่วงเพคะ หม่อมฉันทำแน่นอน เพราะตอนนั้นหม่อมฉันแปลงกายเป็นแมว นางมนุษย์คนนั้นเห็นหม่อมฉันเข้าก็อยากจะเข้ามาหยอกล้อ หม่อมฉันเลยตะปบนางไปจนเกิดเป็นผลทางยาวที่หลังมือ”
“ข่วน เจ้าแค่ข่วนมันนี่นะ ทำไมไม่ทำอะไรให้มันเข้าท่ากว่านี้” ฟังสิ่งที่บริวารเล่าเหมือนจะภาคภูมิใจกับผลงาน เทพีแอมฟริตริติก็รู้สึกโกรธเสียนัก
“หม่อมฉันอยากทำให้มากกว่านี้ แต่เป็นเพราะท่านโพไซดอนเสด็จมาทันทีที่ได้ยินเสียงนางร้อง หม่อมฉันจึงไม่กล้าทำอะไรมากเพคะ”
“ไลลิส เจ้านี่ช่างโง่เง่านัก เสียแรงข้าใช้ไปทำงาน เจ้าควรจะรู้ว่าไม่มีหญิงใดที่คู่ควรกับท่านโพไซดอน นอกจากข้าแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น เทพีหรือนางมนุษย์คนไหนก็ไม่สมควรมาอยู่ใกล้ชิดพระองค์” สุรเสียงที่เคยหวานไพเราะเสนาะหูตอนนี้เปลี่ยนเป็นห้วนกระด้างและเต็มไปด้วยโทสะ
“อย่ากริ้วหม่อมฉันเลยนะคะเพคะ หม่อมฉันจะหาโอกาสเล่นงานนางมนุษย์นั่นให้ได้” ไลลิสอ้อนวอนเพราะกลัวโทษทัณฑ์จากผู้เป็นนาย
“เจ้าควรจัดการนางคนนั้นให้ข้าเสียโดยเร็ว ข้าไม่อยากเสียท่านโพไซดอนให้กับใครหน้าไหนทั้งนั้น เข้าใจไหม” เสียงยังคงเข้มเขียวและดังลั่นห้อง
ในขณะที่โทสะของแอมฟริตริติพุ่งทะลุขีด เทพโอเชียนัสก็ปรากฏองค์ขึ้นเสียก่อน

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 28 ก.ย. 2559, 00:16:45 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 ก.ย. 2559, 00:16:45 น.
จำนวนการเข้าชม : 1163
<< 27 เหตุประหลาด |

Zephyr 9 ต.ค. 2559, 22:18:53 น.
หนิ่งใส่เค้าไปแล้วยังจะหวงก้าง
หนิ่งใส่เค้าไปแล้วยังจะหวงก้าง