มาลาเนรมิตร
มิรันตีจะทำอย่างไร เมื่อนางฟ้าแสนสวย ใจดี(ตรงไหน?)มาบอกว่าหล่อนมีหน้าที่ตามหาบุคคลสำคัญของสวรรค์ ที่ต้องมาจุติบนโลกกลมๆของมนุษย์ ชีวิตที่เคยสงบสุขของหล่อนจะมาเปลี่ยนไป เพราะอีตานั่นคนเดียว!
มิรันตีจะทำอย่างไร เมื่อนางฟ้าแสนสวย ใจดี(ตรงไหน?)มาบอกว่าหล่อนมีหน้าที่ตามหาบุคคลสำคัญของสวรรค์ ที่ต้องมาจุติบนโลกกลมๆของมนุษย์ ชีวิตที่เคยสงบสุขของหล่อนจะมาเปลี่ยนไป เพราะอีตานั่นคนเดียว!

“ทำไมต้องเป็นฉันด้วยคะ เทวดามีปัญหาก็ต้องให้เทวดาช่วยกันเองสิค่ะ มนุษย์ธรรมดาๆอย่างมิรันตี จะอาจหาญไปช่วยเทวดาได้ยังไง งานนี้ฉันไม่รับค่ะ”
นางฟ้าหันมามองหล่อนช้าๆ ก่อนจะกล่อมแกมขู่
“ถ้าเจ้าช่วยตามหาองค์ ‘ปรภาธร’ได้เจ้าก็จะได้กลับสู่สรรค์ตามเดิม แต่ถ้าเจ้าไม่ทำหรือทำไม่สำเร็จอย่าหวังว่าจะได้เป็นมิรันตีคนธรรมดาสามัญต่อไปเลย เพราะเจ้าจะต้องกลายเป็นดอกไม้สวรรค์ตามเดิม เหมือนที่นางมัทนาถูกสาปให้กลายเป็นดอกกุหลาบตลอดกาลเพราะเรื่องยุ่งๆที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของเจ้าเอง”

ลองแต่งนิยายเป็นครั้งแรกค่ะอยากให้ลองอ่านกันดู คอมเม้นท์จากผู้อ่านคือกำลังใจสำคัญของผู้เขียน อยากรู้ว่าเพื่อนชอบอ่านนิยายของเข็มคำหรือไม่ ถ้าเรื่องไม่สนุกก็บอกได้นะคะจะได้นำเอาไปปรับปรุง ถ้าไม่ชอบก็บอกได้ตรงๆนะคะ จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง ไม่ต้องกลัวว่าจะเสียใจ เพราะยังไงเข็มคำก็จะสู้ต่อไปจ้า ประสบการณ์ทำให้เราเข้มแข็งถ้าเราคิดจะเรียนรู้ (ยังไงก็เม้นท์บอกกันมาบ้างนะค่ะ เพราะลงมาสองเว็บแล้วไม่ค่อยมีคนเม้นท์เลย อยากรู้ว่าเป็นเพราะว่านิยายของเข็มไม่สนุกหรือว่าพล้อตเรื่องไม่ตรงใจคนอ่าน)

Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้

ตอน: ภารกิจสำคัญ 100%

ตันหยงนั่งมองน้องสาวคนเดียวด้วยอาการแปลกใจ วันนี้มิรันตีมีอาการแปลกๆ ปกติถ้าอยู่ในช่วงกินข้าวมิรันตีจะตั้งหน้าตั้งตากิน พร้อมชวนคนในบ้านคุยเรื่องนั้นเรื่องนี้ ยิ่งเจอของโปรดอย่างข้าวต้มปลาวันนี้มิรันตีซัดเรียบไปสองชามแล้ว ไม่ใช้เอาแต่นั่งเหม่อถือช้อนคนข้าวต้มในชามไปคนมาอย่างนี้แน่

“ยายดาว เป็นอะไรไปย่ะ นั่งเหม่อเชียว เดี๋ยวก็ไปทำงานสายกันพอดี”

“เปล่าหรอกพี่กุล ดาวคิดถึงเรื่องฝันเมื่อคืนน่ะ ฝันแปลกๆ”

“ฝันว่าอะไรล่ะ งูรัดหรือเปล่า”

“เปล่า ดาวฝันว่าเจอนางฟ้าอ่ะ เค้าบอกว่าดาวมีภารกิจที่ต้องทำ” ในฝันเหมือนจริงมากทีเดียว จนอดเอามาคิดไม่ได้ ดีนะที่หล่อนจำได้ว่านางฟ้าองค์นั้นมอบดอกไม้สีชมพูกลีบบางแต้มละอองทองให้ ถ้าตื่นมาหล่อนพบดอกไม้นั่นอยู่ในมือหล่อนคงเชื่อว่าเป็นเรื่องจริงไม่ใช่ความฝัน

“กินมากก็นอนมาก นอนมากก็ฝันมาก อย่าคิดมากเลยรีบกินข้าววันนี้พี่หน่อยขอให้เข้าออฟฟิคเร็วหน่อย ต้องไปดูไซด์งานกัน ถ้าช้าเดี๋ยวพี่ไม่รอนะนั่งรถเมล์ไปเองแล้วกัน” พี่สาวคนสวยของมิรันตีกำชับน้องสาวก่อนจะยกข้ามข้าวของตนไปล้าง

“พี่กุลวันนี้แม่ไปไหนค่ะ พี่กริชก็ด้วย” พูดจบก็ตั้งหน้าตั้งตากินข้าว กลัวพี่สาวทิ้งให้นั่งรถเมล์ไปทำงานเอง

“ก็มัวแต่เหม่อ ไม่เห็นโน้ตที่ตู้เย็นหรือไง แม่เขียนบอกไว้ว่าไปบ้านป้าดา เห็นว่าจะมีงานอะไรเนี่ยแหละ พี่กริชเป็นคนไปส่งแม่แล้วเลยไปที่มอเลย”
น้องสาวตันหยงพยักหน้า รีบจัดการกับอาหารเช้าของตนโดยเร็ว


“น้องดาวเรืองจ้ะ เดี๋ยวเข้าไปห้องพี่จุ๊บพี่ฝากแฟ้มให้พี่เค้าทีนะ พี่มีนัดสัมภาษณ์น่ะกลัวจะไปไม่ทัน” เลอสรวงสาวประเภทสองประจำบริษัท มักจะเรียกชื่อเล่นเต็มๆของมิรันตีอยู่เสมอโดยให้เหตุผลว่าชื่อดาวเรืองเพราะดี เหมือนนางเอกเรื่องสายโลหิต (พี่เค้าปลื้มนางเอกเรื่องนี้มาก เรียกว่าแฟนพันธุ์แท้ได้เลย) ทั้งนี้ก็ต้องยกความดีให้มารดาของหล่อนคุณนีรา ที่ตั้งชื่อลูกตามอารมณ์นักเขียนของท่าน ท่านชอบชื่อภาษาชวา พี่ชายของหล่อนจึงได้ชื่อว่าฉายกริช หรือกริช อาจารย์มหาวิทยาลัยรัฐมีชื่อแห่งหนึ่ง สาวน้อยในมหาวิทยาลัยต่างตั้งตารออาจารย์ประภาควิชาบริหารธุรกิจคนใหม่ เพราะแน่ใจว่าเจ้าของชื่อต้องหล่อแน่ๆเพราะแค่ชื่อก็ชวนเคลิ้มเสียแล้ว และก็ไม่ผิดหวังอาจารย์ฉายกริชชายหนุ่มวัย 33 เจ้าของร่างสูง หน้าตาคมเข้มตามเชื้อสายชาวตะวันออกกลางของคุณปู่ทวดมิรันตี ทำให้สาวๆในมหาวิทยาลัยอยากป็นลูกสะใภ้คุณนีรากันเป็นแถว ส่วนตันหยงพี่สาวคนเดียว ชื่อเล่นของหล่อนคือพิกุลตามความหมายชื่อจริง แต่มักเรียกกันสั้นๆว่า ‘กุล’ หล่อนบอกว่าถ้าอยากเรียกยาวๆก็เรียกชื่อจริงไปเลย คนอะไรชื่อจริงกับชื่อเล่นยาวพอๆกัน ตันหยงไม่ได้หวานอย่างชื่อออกจะห้าวๆตามประสาสาววิศวกร มิรันตีจำได้ว่าในชั้นเรียนของตันหยงมีนิสิต 60 คน ตันหยังมีเพื่อนเพศเดียวกันแค่ 7คน แม้จะเป็นสาวห้าวนิสัยลุยๆแบบผู้ชาย แต่ก็มีคนอยากจ้างวานให้พี่สาวมิรันตีออกแบบเรือนหอให้ โดยมีคนออกแบบเป็นเจ้าสาวเสียเองๆ อยู่เสมอ เพราะตันหยงสวยคม ดูดีเก๋ไก๋แบบสาวทำงานสมัยใหม่ แต่ตันหยงก็ยังไม่มีวี่แววจะมีคนรู้ใจเสียที

ส่วนชื่อของหล่อนนะหรือ มิรันตี แปลว่าดอกดาวเรือง มารดาของหล่อนเล่าให้ฟังว่าตอนที่ตั้งท้องลูกสาวคนเล็ก คุณนีราฝันว่ามีคนมอบดอกไม้สีชมพูดอกเล็ก กลีบบางเรียงซ้อนกันคล้ายดอกคาร์เนชั่น คนกลีบเป็นสีขาว ปลายกลีบเป็นสีชมพูระเรื่อ ตรงกลางดอกมีเกสรสีแดง ทั้งกลีบดอกและเกสรแต้มละอองทองสว่างเหมือนดอกดาวเรือง มิรันตีมีชื่อนี้เพราะเหตุนี้เอง มิรันตีมีหน้าตาแตกต่างจากพี่น้องพอสมควร หล่อนไม่ได้มีดวงหน้าสวยคมแบบพี่ชายหรือพี่สาว แต่กลับมีใบหน้าที่สวยหวาน รูปร่างแบบบาง แต่มีสวยเว้าส่วนโค้ง ความอวบอิ่มในส่วนที่พึงมีของผู้หญิงเหมือนนางในวรรณคดีเสียมากกว่า

นั่งตรวจทานงานจนเป็นที่พอใจ ร่างบางจึงเดินไปยังห้อง ‘พี่จุ๊บ’ หรือ ‘จุฑาพร’ บรรณาธิการนิตยสาร ‘นานาสไตล์’ นิตยสารที่นำเสนอรูปแบบการใช้ชีวิตคนหลากหลายอาชีพในสังคมต่างๆ เพื่อตอบสนองความต้องการผู้อ่านที่ต้องการอ่านหนังสือแนวใหม่ ‘นานาสไตล์’ ถือว่าได้รับการตอบสนองที่ดีจากผู้อ่านในระดับเป็นที่หน้าพอใจ มิรันตีเคาะประตูห้องขออนุญาตก่อนจะก้าวเข้าไป

“พี่จุ๊บค่ะ งานสัมภาษณ์คุณกมลพรเสร็จแล้วนะค่ะ ส่วนนี่แฟ้มพี่ของพี่สรวงฝากมาให้พะ....พี่” เสียงหวานหยุดลงเมื่อพบว่าคนที่หล่อนคุยด้วยไม่ใช่พี่จุ๊บ แต่เป็นผู้หญิงแสนสวยที่หล่อนพบในความฝัน

‘ตายแล้ว ยายดาวฝันค้างฝันยาวจนถึงที่ทำงานเลยหรือ’ เมื่อกี้หล่อนจะเอางานไปให้บ.ก.ของหล่อนนี่น่า แล้วทำไมมาโผล่ในป่าหิมพานต์อย่างความฝันของคืนก่อน
“เจ้าไม่ได้ฝันไปหรอก ทิพย์มาลา อืม เรียกมิรันตีน่าจะดีกว่า ก็ตอนนี้เจ้าเป็นมนุษย์นี่”
“ไม่ได้ฝัน แล้วจะเรียกว่าอะไรดีล่ะค่ะ หิมพานต์มีจริงที่ไหนถึงมีจริงฉันก็ไปไม่ได้หรอกค่ะ”

นางอัปสรมิสรเกศีหัวเราะเบาๆ เลื่อนกายเข้ามาใกล้มองมิรันตีนิ่งๆ

“หิมพานต์หรือ ก็อยู่ตรงหน้าเจ้านี่ไง แล้วก็ไม่ต้องหยิกแขนตัวเองอีกล่ะเจ็บเปล่าๆ” มิสรเกศีกล่าวเสียงหวาน ก่อนจะเอ่ยประโยคต่อไปด้วยน้ำเสียงเป็นการเป็นงานขึ้นพลางสืบเท้าเดินไปข้างหน้า “เราพาเจ้ามาที่นี่เพราะเรื่องที่เจ้าต้องทำเป็นความลับจะให้ใครล่วงรู้มิได้ บริวารพรรคพวกของฝ่ายอสูรอาจซ่อนตัวอยู่ในมนุษยภูมิ หากพวกนั้นล่วงรู้องค์ปรภาธรจะไม่ปลอดภัย”

มิรันตีเริ่มทำอะไรไม่ถูกที่จู่ๆถูกพามาในที่ๆมนุษย์ในยุควิทยาศาสตร์ก้าวหน้าไม่มีทางเชื่อว่าเป็นสถานที่ๆมีอยู่จริง เทพ อสูร สวรรค์ ป่าหิมพานต์ เป็นเรื่องเล่าในตำนานเท่านั้น

“องค์ปรภาธรทีคุณพูดถึง เค้าเป็นใครหรือค่ะ”

มิสรเกศีหันกลับมาประจันหน้ามิรันตี ชูสิ่งหนึ่งในมือ เป็นแหวนทับทิมน้ำงามบนเรือนทองที่สลักลายลวดลายเถาวัลย์อ่อนช้อยละเอียดยิบ

“นี่คือแหวนขององค์ ปรภาธร พระองค์เป็นเทวะชั้นสูงที่ทรงฤทธิ์มาก ดังนั้นการที่พระองค์ลงมาจุติบนโลกมนุษย์อย่างไม่คาดคิด ไม่ได้จุติเพราะเสวยผลบุญจนสิ้นสุดตามบารมีที่พระองค์สร้างมา อิทธิฤทธิ์ของพระองค์จึงยังคงอยู่กับดวงจิตเจ้ามีหน้าที่ตามหาพระองค์ให้พบ แล้วถวายแหวนวงนี้ให้พระองค์ ก่อนที่ ‘องค์อารยะวัตร’หรือเล่าอสูรพบพระองค์ พวกนั้นจะนำอิทธิบารมีของพระองค์ไปใช้ในทางที่ผิด เมื่อนั้นสวรรค์ย่อมปั่นป่วน”

“ถ้าเรื่องที่คุณพูดมาเป็นเรื่องจริง ทำไมพวกเทพเทวดาอย่างคุณถึงไม่ตามหาท่านเองล่ะคะน่าจะง่ายกว่าให้คนธรรมดาเสียอีก ”

“เรื่องนี้เป็นภารกิจของเจ้าโดยตรง จะให้เทพหรือใครอื่นทำได้อย่างไร เราเองทำได้เพียงให้การช่วยเหลือเจ้าได้เท่าที่จะทำได้เท่านั้น” มิสรเกศีในชุดสีม่วงเหลือบชมพูที่ดูคล้ายชุดไทยห่มสไบจีบหน้านาง หรือชุดส่าหรีแบบอินเดียมิรันตีเองก็ไม่สามารถบอกได้พามิรันตีไปหยุดตรงสระดอกบัวหลากสีที่ชูช่ออวดความงามสะพรั่งเต็มสระ

“ทำไมต้องเป็นฉันด้วยคะ เทวดามีปัญหาก็ต้องให้เทวดาช่วยกันเองสิค่ะ มนุษย์ธรรมดาๆอย่างมิรันตี จะอาจหาญไปช่วยเทวดาได้ยังไง งานนี้ฉันไม่รับค่ะ” ชักจะฉุนจนไม่มีอารมณ์ชื่นชมป่าในตำนานเสียแล้ว

นางฟ้าหันมามองหล่อนช้าๆ ก่อนจะกล่อมแกมขู่

“ถ้าเจ้าช่วยตามหาองค์ ‘ปรภาธร’ได้เจ้าก็จะได้เป็นนางเนรมิตรตามเดิมดังที่เจ้าเคยเป็นมา แต่ถ้าเจ้าไม่ทำหรือทำไม่สำเร็จอย่าหวังว่าจะได้เป็นมิรันตีคนธรรมดาสามัญต่อไปเลย เพราะเจ้าจะต้องกลายเป็นดอกไม้สวรรค์ เหมือนที่นางมัทนาถูกสาปให้กลายเป็นดอกกุหลาบตลอดกาลตามเดิม เพราะเรื่องยุ่งๆที่เกิดขึ้นเป็นฝีมือของเจ้าเอง เจ้าต้องรับผิดชอบในการกระทำของเจ้า ”

“ฉันทำอะไรหรือค่ะ ไม่มีทางค่ะ ฉันเป็นคนจะขึ้นไปสวรรค์ได้ยังไง องค์ปรภาธรอะไรของคุณเนี่ยฉันเพิ่งเคยได้ยินก็จากคุณนี่แหล่ะ คุณอาจจะเข้าใจอะไรผิดไป” มิรันตีแทบจะยกมืออีกข้างที่ไม่ได้ถือแฟ้มไว้ขึ้นมาเกาหัวแบบที่หล่อนชอบทำเวลาขัดใจหรือตอนที่ไม่เข้าใจอะไรบางอย่างในสิ่งที่หล่อนต้องการจะรู้

“มิมีทางผิด เพราะตอนที่เจ้าลงมาจุติเราก็ตามลงเจ้ามาแทบจะในทันที”

“กรุณาอธิบายให้ฉันเข้าใจหน่อยจะได้ไหมค่ะ ฉันจำได้ว่าฉันเกิดมาบนโลกนี้จนอายุจะ 24 อยู่แล้ว ถ้าคุณตามฉันมาจริงๆตอนนี้ฉันคงยังไม่เกิดแน่ๆเลยค่ะ เพราะมนุษย์ต้องอยู่ในท้องแม่เก้าเดือนสิบเดือน ไม่ใช่โอปปาติกะสักหน่อย จะได้เกิดเองแล้วโตเลย”

“เจ้าคือทิพย์มาลา”

“คะ?” งงหนักกว่าเดิม

“เจ้าเกิดจากการเนรมิตรของพระกฤษณะ ...” เรื่องเกิดจากฤาษีนารทนำดอกปาริชาตไปถวายพระกฤษณะ ได้ประทานดอกปาริชาตดอกนั้นให้แก่นางรุกขมินิชายาของพระองค์ พระฤาษีทราบเรื่องจริงนำความนี้ไปแจ้งแก่พระนางสัตยมาภาพระชายาอีกองค์ของพระกฤษณะ พระนางทราบเรื่องจึงเกิดอาการน้อยพระทัยพระสวามี พระกฤษณะจึงถอนต้นปาริชาตจากปุณฑริกวันสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ที่พระอินทร์ปกครองอยู่ ไปปลูกในสวนของพระนางสัตยมาภา แต่ก็ให้กิ่งต้นปาริชาตนี้หันไปทางทิศสวนของนางรุกขมินีด้วย เพื่อว่าเมื่อต้นปริชาตออกดอกดอกปาริชาตจะได้ร่วงหล่นไปยังสวนของนางรุกขมินีเช่นกัน นอกจากนี้พระกฤษณะได้เด็ดดอกไม้ดอกหนึ่งจากสวรรค์เนรมิตให้กลายเป็นสาวน้อยแสนโสภา เพื่อให้เป็นผู้รับใช้ใกล้ชิดพระนางสัตยมาภา ผู้ที่เกิดจากมาลาเนรมิตรดอกนั้น คือ ทิพย์มาลา

“ตกลงฉันเป็นนางเนรมิตหรือค่ะ ถ้าต้องอยู่แล้วทำไมฉันต้องมาเกิดเป็นมนุษย์ด้วยล่ะ”

“เพราะความซุกซนของเจ้านะสิ เจ้าเป็นนางเนรมิตรของพระกฤษณะอันเป็นอีกปางอวตารหนึ่งของพระมหานารายณ์เจ้า เจ้าย่อมมีฤทธิ์เช่นเทพธิดา มีที่พำนักบนสวรรค์ หลังจากเข้าเฝ้าพระนางสัตยมาภา เจ้าจึงมามักมาเที่ยวเล่นบนสวรรค์ และหิมพานต์ เพื่อนฝูงของเจ้าจึงมีอยู่ไม่น้อย ทั้งนางฟ้า นางกินรี และความที่เจ้ามีเพื่อนมากนี่แหละ ทำให้เจ้าต้องขึ้นไปถึงปุณฑริกวันจนเกิดเรื่องขึ้น”

มิสรเกศีลดตัวลงนั่งบนโขดหินสีทองก้อนหนึ่งข้างสระบัว มิรันตีจึงลดตัวลงนั่งโขดหินข้างตาม ข้างสระน้ำดาดาษไปด้วยกรวดหินหลากสีดูคล้ายอัญมณีน้ำงามส่งประกายหยอกล้อกับแสงอาทิตย์ที่กำลังทอประกายอ่อนๆ มิรันตีอดใจเอื้อมมือลงไปสัมผัสไม่ได้

รอยยิ้มอ่อนๆปรากฏบนปากรูปกระจับบางๆของนางอัปสรมิสรเกศี “เจ้ายังคงเป็นเด็กซุกซนที่อยากรู้ อยากเห็นเป็นเสียทุกอย่าง เจ้ารู้จักดอกปาริชาตใช่ไหม มิรันตี”
“รู้จักค่ะ แม่เคยเอามาปลูกที่บ้านหลังเก่า เห็นเค้าเรียกกันหลายชื่อ ทองหลางบ้าง ปาริฉัตรบ้าง ปาริชาตบ้าง”

"ต้นปาริฉัตร เป็นต้นไม้สวรรค์ที่ 100 ปี ถึงจะออกดอกสักครั้ง”

“โอโฮ นานจัง แต่ที่ฉันเคยเห็นมาก็เห็นว่าออกดอกทุกปีนี่คะ”


“เราหมายถึงปาริฉัตรตกพฤกษ์ต้นไม้สวรรค์ ที่อยู่ในสวนขององค์อินทร์ มีความพิเศษตรงของปาริชาติคือทำให้ผู้สูดดมดอกทิพย์นี้สามารถระลึกชาติของตนได้” มือเรียวบางราวกับสลักเสลาด้วยฝีมือนักนักประติมากรรมมือดี โบกสะบัดไปมาในอากาศแสงหนึ่งส่องประกายในมือเรียวนั้น กลายเป็นดอกไม้สีขาวปลายแต้มสีแดงแสดสีสด สัณฐานเหมือนดอกแค มิสรเกศียื่นดอกไม้ดอกไม้มนมือให้คนร่างบางที่นั่งอยู่ข้างๆ “ดอกปาริชาตช่วยให้เจ้าจำอดีตได้ ลองดมกลิ่นดอกปาริชาติสิ เจ้าจะได้รู้ว่าเหตุใดเจ้าจึงต้องเป็นผู้ตามหาปรภาธรเทวา”

มิรันตีเอื้อมมือรับดอกไม้สีขาวคล้ายดอกแคที่ปลายกลีบดอกนั้นแต้มสีแดงแสดไว้ในมือขวา ขณะที่มือซ้ายยังกอดแฟ้มงานกับอกไว้แน่น ก้มหน้าพิจารณาดอกไม้สวรรค์ในมือ

‘เอาวะเป็นไงเป็นกัน ไม่ลองไม่รู้’ ตัดสินใจแล้ว จึงยกดอกไม้ในมือจ่อปลายจมูกสุดกลิ่นหอมเอียนที่ทำให้เกิดความวิงเวียนนั้น มิรันตีรู้สึกร่างตนเองเบาขึ้น ก่อนจะหมุนคว้างไปในอากาศ

ปลายเท้าเรียวของใครคนหนึ่งค่อยแตะบนหญ้าเขียวนุ่มราวกับกำมะหยี่ หน้าร่างบางในชุดสีชมพูปรากฏรัศมีสีม่วงแกมทองอ่อนๆอยู่รอบกาย รอยฉงนปรากฏบนดวงหน้าใสผ่อง หลังจากเข้าเฝ้าพระนางสัตยมาภาเสร็จ นางมักจะมาพบเพื่อนทั้งสองสร้อยสุวรรณ และมณีเทวาที่เชิงเขาไกรลาสอยู่เสมอ แต่วันนี้นางกินรีทั้งสองไม่ปรากฏว่าอยู่ที่นี่

ทิพย์มาลานางเนรมิตแห่งองค์พระกฤษณะ ส่งเสียงเรียกนางกินรีทั้งสองได้ไม่นาน ร่างหญิงสาวที่ร่างกายครึ่งบนเป็นมนุษย์แต่ท่อนล่างเป็นนกค่อยๆเลื่อนตัวลงเบื้องหน้าหล่อน ปีกสีขาวพราวระยับสีรุ้งค่อยๆหุบลงแนบตัวข้างสะโพกของทั้งสองนาง

“มาแล้วหรือทิพย์มาลา ข้านึกว่าวันนี้เจ้าจะไม่มาที่นี่เสียอีก” มณีเทวาส่งเสียงหวานถามนางเนรมิตเบื้องหน้า

“มาสิ หลังจากเข้าเฝ้าเสร็จก็รีบมาที่นี่ แล้วเจ้าทั้งสองไปไหนมา”

“ไปพบวโรราชคนธรรพ์มา ท่านเพิ่งกลับมาจากการบรรเลงสังคีตงานสมโภชต้นปาริชาตบนดาวดึงส์” สร้อยสุวรรณเป็นฝ่ายตอบบ้าง

ทิพย์มาลางุนงงต้นปาริชาตอย่างนั้นหรือ ที่สวนของพระนางสัตยมาภาก็มีเหมือนกัน ไม่เห็นต้องมีการสมโภชเลย “ทำไมต้องสมโภชกันด้วยเล่า ต้นปาริชาตในอุทยานพระนางสัตยมาภาเมื่อถึงคราวออกดอก ไม่เห็นมีการสมโภชเช่นปาริชาตบนสรรค์เลย”

มณีเทวากินรีหัวเราะกิ๊กก่อนอธิบายว่า “ต้นปาริชาตบนดาวดึงเป็นต้นไม้ทิพย์ เมื่อครบ 100ปี ถึงจะออกดอกสักครา ดอกปาริชาตจะทำให้ผู้ที่ได้กลิ่นสามารถระลึกอดีตชาติของตนได้” มองนางเนรมิตด้วยความเอ็นดู “เจ้ามีอายุร้อยกว่าปีเองจึงไม่แปลกที่เจ้าจะไม่รู้เรื่องนี้”

สร้อยสุวรรณชวนทิพย์มาลาไปเที่ยวชมต้นมักกะลีผล นางเนรมิตพยักหน้ารับ ทั้งสามเดินเรื่อยๆ จนมาหยุดตรงต้นไม้ใหญ่ กิ่งก้านแผ่ขยายร่มรื่นไปบริเวณกว้าง
“วันนี้ทำไมพาเรามาดูต้นมักกะลีผลได้ล่ะ ทุกทีเราชวนพวกเจ้าไม่ยอมพามา” ทิพย์มาลามองต้นไม้ใหญ่เบื้องหน้า ทั่วบริเวณอบอวลไปด้วยกลิ่นดอกมักกะลีผล ผลที่โตแล้วมีรุปร่างเป็นหญิงสาว วัย 16 รูปร่างอรชร ผิวสีมะปรางสุก ดวงตาขาวเป็นสีฟ้าตรงกลางดวงตาเป็นสีทอง ส่วนศีรษะมีขั้วเหมือนมังคุด นิ้วมือทั้งห้ายาวเสมอกัน บางนางส่งยิ้มให้ผู้มาเยือนทั้งสาม

สร้อยสุวรรณตอนนี้อารมณ์ดีเป็นพิเศษเนื่องจาก ไม่ต้องถูกคนธรรพ์มาเกี้ยวพาราสีดังเช่นทุกวัน ตอบว่า“หากเป็นช่วงปกติเราจะไม่พาเจ้ามาที่นี่แน่ แต่ตอนนี้พิทยาธรและคนธรรพ์ส่วนใหญ่ยังคงสมโภชต้นปาริชาตในสวนปุณฑริกวัน คงไม่ลงมาหิมพานต์ตอนนี้ดอก ยิ่งตอนมักกะลีผลสุกพร้อมเด็ดไปสังวาสอย่างตอนนี้ หากเราพาเจ้ามาเราจะไม่ปลอดภัยจากการแย่งยิงนางมักกะลีผลของเหล่าคนธรรพ์และพิทยาธร" พร้อมชี้ชวนให้ดูมักกะลีผลร่างเล็กงอตัวคู้เนื่องจากที่ยังไม่แก่จัด

“มีใครมาเด็ดเพื่อนๆเจ้าไปหรือยัง” สร้อยสุวรรณกินรีถามนางมักกะลีผลที่ส่งยิ้มมาให้

มักกะลีผลยิ้มแย้มตอบว่า“ยังมิมีผู้ใดมาเด็ดมักกะลีผลสักนาง มีแต่พิเชษฐ์เทพบุตรหัวหน้าคนธรรพ์และบริวารมาแวะดูเท่านั้นก่อนจะขึ้นไปดาวดึงส์” นารีผลชี้นิ้วไปทางเบื้องบน “ท่านทั้งสามเล่าไม่ปรารถนาจะชื่นชมหรือมีดอกปาริชาตแซมผมกันบ้างหรือ”

“เราเองก็หวังจะได้เห็นดอกปาริชาตสักครา แต่เราเป็นเพียงกินรีมิสามารถขึ้นไปถึงสวนขององค์อินทร์ได้ดอก” กินรีนางหนึ่งตอบ

ทิพย์มาลามองสหายทั้งสอง คนอยู่ไม่สุขตั้งใจแต่แรกว่าจะแอบขึ้นไปดู ปาริฉัตตกพฤกษ์เสียหน่อยจึงตัดสินใจจะนำดอกปาริชาตมากำนัลสหายรัก จึงบอกให้กินรีทั้งสองรออยู่ที่เชิงเขาไกรลาส นางจะนำดอกปาริชาตมาให้นางกินรีทั้งคู่

แสงสว่างปรากฏโดยรอบต้นไม้ใหญ่ ดอกไม้สีขาวแต้มแดงออกดอกพราวทั่วทั้งต้น ส่งกลิ่นหอมตามลมได้ไกลถึงพันโยชน์ ทิพย์มาลาเคลื่อนตัวเข้าใกล้เหล่าเทพและนางอัปสรใต้ต้นไม้แห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ บ้างขับร้องบรรเลงเพลง บ้างหยอกล้อกันสนุกสนาน

ทิพย์มาลาแหงนหน้ามองพฤกษาต้นใหญ่ แบมือเรียวผ่องอมชมพูนิดๆตามดอกไม้มี่ตนถูกเนรมิตร ดอกไม้ทิพย์ก็ทิ้งตัวจากต้นตกลงมาในมืออย่างนุ่มนวล เมื่อได้ดอกปาริชาตสองดอกตามที่ปรารถนา ตั้งใจว่าจะลงไปยังหิมพานต์เพื่อมอบดอกปาริชาตให้นางกินรีทั้งสองตามสัญญา แต่มีแสงบางอย่างส่องประกายเข้าทางหางตา ทิพย์มาลาจึงเลื่อนกายไปยังแสงนั้นด้วยความอยากรู้ตามวิสัย

“แสงอะไรนะ”พึมพำกับตัวเองเสียงเบา

ร่างนางเนรมิตตามแสงนั้นมาจนมาหยุดในห้องรโหฐานของใครสักคน ทิพย์มาลามิได้สนใจความวิจิตรของห้องที่ประดับประดาด้วยมณีมีค่า แต่สายตามุ่งไปสู่ผอบแก้วที่ปรากฏแสงสีรุ้งเป็นรัศมีดวงใหญ่ เหมือนมีแรงดึงดูดร่างทิพย์มาลาเข้าไปใกล้ผอบนั้น มือน้อยประคองผอบแก้วขึ้นพิจารณาอย่างเพ่งพิศ คิดในใจว่า

‘ในนี้มีอะไรนะ ถ้าเราเปิดดูจะเป็นอะไรหรือเปล่า’

ยังไม่ทันได้เปิดดู เสียงใครคนหนึ่งก็ดังขึ้นเสียก่อน

“ทำอะไรนะ!”

ความตกใจทำให้ผอบแก้วในมือหล่นลง ฝาที่ทำจากทับทิมน้ำงามเปิดออก ดวงแสงสีรุ้งหลุดออกจากผอบแก้วลอยขึ้นเหนือศีรษะทิพย์มาลา วนเวียนไปมาในวิมานก่อนจะหลุดลอยไปตามลม

“เจ้าทำอะไรลงไปรู้ตัวหรือไม่” นางอัปสรในชุดสีม่วงเหลือบชมพูระยิบระยับกล่าวด้วยน้ำเสียงขุ่นเคือง มองแสงสีรุ้งด้วยอาการหนักใจ

ผู้มาใหม่ที่ปรากฏตัวในพัตราภรณ์สีขาว วรกายสีเขียวดุจมรกตดูน่าเกรงขาม ประทับบนแท่นแก้ว “องค์อินทรา”นางอัปสรนางนั้นทรุดกายหมอบกราบลงอย่างรวดเร็ว ทิพย์มาลาเห็นอาการดังนั้นก็ลงตัวหมอบตาม

“เราให้เจ้าดูแลดวงจิตของพระปรภาธรเทพบุตรเป็นอย่างดีไม่ใช่หรือมิสรเกศี เหตุใดปล่อยให้นางผู้นี้เข้ามาถึงในนี้ได้”

“ขอประทานอภัยเพคะ หม่อมฉันเลินเล่อมัวแต่ไปชมดอกปาริชาต มิทันได้ระวังว่าจะมีผู้อื่นเข้ามาในวิมานนี้”นางอัปสรยอมรับความผิดแต่โดยดี

ท้าวสักกะเทวราชหรือพระอินทร์หลับพระเนตรลงแล้วตรัสว่า “องค์ปรภาธรลงไปจุติในมนุษยภูมิแล้ว” พระองค์ทอดพระเนตรไปยังทิพย์มาลา “เจ้าเป็นผู้ทำให้เทพบุตรต้องไปจุติ เจ้าจะยอมรับผิดหรือไม่”

“หม่อมฉันยอมรับผิดเพคะ หม่อมฉันมิได้มีเจตนาให้เกิดเรื่องขึ้น” ทิพย์มาลายอมรับผิดแต่โดยดี

“ดี เมื่อเจ้ายอมรับผิด เจ้าต้องเป็นผู้แก้ไข เราจะให้เจ้าลงไปจุติเป็นมนุษย์เพื่อตามหาองค์ปรภาธร”

ร่างของทิพย์มาลากลายเป็นดวงจิตสีชมพูแกมทอง ลอยล่องลงไปยังโลกพิภพ


มิรันตีลืมตาขึ้น พบว่าตนเองยังคงนั่งอยู่ที่โขดหิน ขณะที่มิสรเกศียืนขึ้นมองดอกไม้ในมือ

“มิสรเกศี ” มิรันตีเรียก

“เจ้ารู้อดีตของเจ้าแล้วสินะ ตอนนี้ยังจะปฏิเสธการตามหาพระปรภาธรอยู่หรือไม่”

“ไม่แล้วละค่ะ” คนตอบยิ้มแห้งๆ

“เจ้าต้องตามหาพระองค์ให้พบ แล้วมอบแหวนนี้ให้พระองค์” มิสรเกศีมอบแหวนในมือให้ พร้อมมอบดอกไม้โคนขามปลายกลีบสีชมพูแต้มละอองทองให้

“ต้องมอบดอกไม้ให้ด้วยหรือคะ”

“บุษบาสวรรค์นี้เป็นของเจ้าต่างหาก ดอกไม้ดอกนี้จะช่วยปกป้องเหล่าอสูรได้”
“ของฉันหรือค่ะ” เจ้าของดอกไม้ตื่นเต้น

“ใช่ เราเอามาให้เจ้า คราวก่อนที่เรามอบให้ เจ้าดันทำตกลงที่หิมพานต์เสียก่อน”มิสรเกศีถอนใจเบาๆ “เอาล่ะตอนนี้เจ้ากลับไปที่ของเจ้าได้แล้ว” สิ้นเสียงสายหมอกบางเบาก็ปรากฏขึ้นไปทั่วบริเวณและหนาแน่นขึ้นจนมิรันตีมองไม่เห็นสิ่งรอบตัว
“ เดี๋ยวก่อนค่ะ อย่าเพิ่งไป ฉันต้องเริ่มตามหาเทพบุตรองค์นั้นได้เมื่อไหร่คะ”
เสียงลอยมาตามลายลมอ่อนๆตอบหล่อนว่า “เริ่มตั้งแต่บัดนี้ มิรันตี....”

ภารกิจของหล่อนเริ่มต้นแล้ว............




เข็มคำสร้อย
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 ส.ค. 2554, 22:51:28 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 ส.ค. 2554, 22:51:49 น.

จำนวนการเข้าชม : 1474





<< ภารกิจสำคัญ   
longah 26 พ.ค. 2555, 23:41:18 น.
น่าสนุกดีนะค่ะ น่าสนใจมากๆ ถ้ายังไงมาอัพต่อนะค่ะ ^^


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account