แรงรักบุษบา (รอก่อนนะคะ)
การพบกันอย่างมีปริศนา
แต่ได้นำพา ความรัก มาสู่หัวใจทั้งสอง
"ธรรศ" นายแบบ-นักแสดงสุดหล่อ
เกิดความสนใจ "รวินท์รดา" สาวครีเอทีฟมาดห้าว
แต่เรื่องนี้ไม่ง่าย รวินท์รดา พยายามหนีให้ห่างจาก ธรรศ
ยิ่งเขาตามติด เธอก็ยิ่งวิ่งหนี
ถ้าหนีไปนอกโลกได้แล้วเขาไม่ตามเธอก็จะทำ!
แต่มันก็ไม่ง่ายสำหรับ รวินท์รดา เช่นกัน
เมื่อเธอยิ่งหนี กลับพบว่ายิ่งกลายเป็นวิ่งสามขา
ถ้าคนใดคนหนึ่งล้ม อีกคนก็เจ็บเหมือนกัน
นอกจากจะไขปริศนา "ลึกลับ"
ก็ไม่มีทางอื่น
และหัวใจก็ไม่อาจปฏิเสธ "ความรัก"
ที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน
แต่ได้นำพา ความรัก มาสู่หัวใจทั้งสอง
"ธรรศ" นายแบบ-นักแสดงสุดหล่อ
เกิดความสนใจ "รวินท์รดา" สาวครีเอทีฟมาดห้าว
แต่เรื่องนี้ไม่ง่าย รวินท์รดา พยายามหนีให้ห่างจาก ธรรศ
ยิ่งเขาตามติด เธอก็ยิ่งวิ่งหนี
ถ้าหนีไปนอกโลกได้แล้วเขาไม่ตามเธอก็จะทำ!
แต่มันก็ไม่ง่ายสำหรับ รวินท์รดา เช่นกัน
เมื่อเธอยิ่งหนี กลับพบว่ายิ่งกลายเป็นวิ่งสามขา
ถ้าคนใดคนหนึ่งล้ม อีกคนก็เจ็บเหมือนกัน
นอกจากจะไขปริศนา "ลึกลับ"
ก็ไม่มีทางอื่น
และหัวใจก็ไม่อาจปฏิเสธ "ความรัก"
ที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน
Tags: ปิ่นนลิน ลึกลับ ปริศนา
ตอน: บทนำ - ตอนที่ 1 - เธอคือใคร?
ปริศนารักบุษบา
บทนำ
ห้องโถงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ปูด้วยพื้นไม้สีเข้มมันวาว ฝาผนังไม้ทาสีเขียวอ่อน ๆ ตามกรอบประตูหน้าต่างมีลวดลายฉลุปราณีตงดงาม ม่านสีแดงเข้มตามประตูหน้าต่างถูกรวบไว้สองฝั่งอย่างเรียบร้อย ธรรศมองไปรอบตัว ดวงตาคมกริบเลื่อนมองตั้งแต่รายละเอียดเล็กน้อยกระทั่งรูปภาพประดับ ของตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์หรูหราก็จริงแต่ค่อนข้างล้าสมัย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ธรรศมาที่นี่แน่นอน ธรรศย่นคิ้วกับความคุ้นเคย แต่แล้วความคิดของธรรศก็สะดุดกับการปรากฎตัวของหญิงสาวคนหนึ่ง เธออยู่ในชุดไทยสมัยรัชกาลที่ 5 ร่างแบบบาง แขนขาเล็ก ส่วนสูงพ้นคางของเขาเพียงนิดหน่อย ผมยาวถูกถักเปียสองข้าง ธรรศบอกไม่ถูก เขาพูดได้ไม่เต็มปากว่าไม่รู้จักหญิงสาวเบื้องหน้า แต่ก็จำไม่ได้ว่ารู้จักกันจากไหน ชื่อเสียงเรียงนามก็ติดอยู่ที่ริมฝีปาก
ร่างสูงมองหญิงสาวอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนเผลอไผลยิ้มตอบรอยยิ้มละไมของเธอ นอกจากรอยยิ้มอ่อนหวานแล้วอีกสิ่งที่ตราตรึงให้ธรรศไม่อาจละสายตาได้เลยก็คงเป็นดวงตากลมเป็นประกายระยิบระยับ สวยงาม จับตา ธรรศยกมือยื่นไปหา ทุกอย่างกลับฟุ้งหายกลายเป็นควัน ทำให้ธรรศตกใจสะดุ้งตื่นขึ้นมา
ธรรศหันซ้ายหันขวา พบว่าตัวเองยังนอนอยู่บนเตียงภายในห้องนอนโรงแรมใจกลางกรุงปารีส อากาศในห้องนอนค่อนข้างเย็น แต่ความฝันก็ทำให้เหงื่อพรายเต็มวงหน้าคม ร่างสูงขยับตัวขึ้นนั่ง หยิบโทรศัพท์มือถือมากดดูเวลา เขาซบหน้าลงบนฝ่ามือเมื่อเห็นว่าเป็นเวลาตีห้ากว่า ๆ
… นี่ไม่ใช่ครั้งแรก!
ธรรศไม่แน่ใจว่าเขากำลังรู้เช่นไรกันแน่ระหว่างหวั่นใจ หวาดกลัว หรือสงสัย ตั้งแต่ธรรศอายุสามสิบเต็ม เขาก็ฝันเห็นเธอคนนั้นนับครั้งไม่ถ้วนจนจำหน้าหญิงสาวได้แม่นยำ
… เธอคือใคร? มาจากไหน?
ธรรศถามคำถามนี้มาหลายสิบครั้งแต่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้สักที!
ตอนที่ 1
ท่ามกลางความวุ่นวายในท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิบ่ายวันธรรมดาวันหนึ่ง
ร่างสูงโปร่งในเสื้อเชิ้ตสีเข้มและกางเกงยีนส์เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาออกมาจากทางออกผู้โดยสารขาเข้าประเทศ วงหน้าคมผสมผสานระหว่างตะวันตกกับตะวันออกได้อย่างลงตัว ชายหนุ่มผู้มีใบหน้า ดวงตา จมูกโด่งสวยรับกับริมฝีปากโค้ง และมีรูปร่างงดงามดุจดั่งรูปปั้นศิลปินระดับโลกหยิบแว่นตากันแดดขึ้นมาสวม อาศัยแว่นกันแดดยี่ห้อแพงบดบังดวงตาประกายพราวเสน่ห์ที่ดึงดูดใจสาว ๆ มานักต่อนัก เขายังไม่ต้องการสบตากับคนรอบ ๆ เวลานี้ ร่างสูงเดินหน้าตรงไม่สนว่าจะมีใครจดจำเขาได้หรือไม่ โดยมีหนุ่มหน้าตี๋ตัวเล็กกะทัดรัดเข็นรถเข็นที่บรรทุกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ๆ สามใบตามหลัง
“พี่ธรรศครับ พี่ธรรศ เดี๋ยวออกจากสนามบินแล้วเรารีบไปบ้านใหญ่กันเลยนะครับ” หนุ่มตัวเล็กรีบร้อนบอกขณะพยายามก้าวเท้าให้ทันบอสร่างสูง “ผมรู้ว่าพี่ธรรศอาจจะเหนื่อยจากการเดินทาง แต่เราก็ต้องรีบไป”
“ไม่ต้องรีบหรอก ต้าหลิง” ธรรศแย้งต้าหลินด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ
“ทำไมล่ะครับ แต่คุณธราดลสั่งให้พี่ธรรศรีบไปหานะครับ” ต้าหลิงงุนงง เขาไม่น่าได้ยินคำสั่งของธราคล ลุงของธรรศผิดหรอกนะ
“ก็บอกว่าไม่ต้องรีบยังไงล่ะ” ธรรศหันมาย้ำชัดเจน น้ำเสียงเย็น ๆ ไม่สนว่าจะมีคนสำคัญรอคอยอยู่ ต้าหลิงไม่ทันได้ถามต่อก็ได้รับโทรศัพท์จากอีกคนในบทสนทนาพอดี ต้าหลิงขยับปากบอกธรรศว่า ‘คุณธราดล’ ทำเอาธรรศถอนหายใจเซ็ง ๆ ออกมาอย่างไม่ปิดบัง แต่ก็หยุดรอฟังว่าธราดลจะพูดคุยอะไรกับผู้จัดการส่วนตัวหนุ่มตี๋ของเขา
“สวัสดีครับคุณธราดล ผมเพิ่งลงเครื่องเองครับ” ต้าหลิงรับสาย ระหว่างสนทนากับคนในสายมีการช้อนตามองธรรศเป็นระยะ ๆ “ผมจะรีบไปครับ ครับผม สวัสดีครับคุณธราดล”
“ลุงคงโทรมาเร่งสินะ” ธรรศคาดเดาด้วยหน้าตาเบื่อโลก
“ใช่ครับ ผมว่าเรารีบไปหาคุณลุงของพี่ธรรศดีกว่านะครับ” ต้าหลิงเห็นธรรศจะปฏิเสธอีก ก็รีบบอกต่อว่า “คุณธราดลย้ำว่าถ้าพี่ธรรศถึงไทยแล้วให้รีบไปพบท่านด่วน คุณธราดลยังบอกอีกว่าคุณปู่เองก็คิดถึงพี่ธรรศมากนะครับ”
“ก็ได้ ๆ ต้าหลิง พี่จะไปพบคุณลุงและคุณปู่วันนี้” ธรรศกอดอก น้ำเสียงห้าวนั้นค่อนข้างขึ้นจมูก
“ไม่ดื้อแบบนี้สิครับถึงน่ารัก” ต้าหลิงยิ้มกว้างหวังเอาใจคนหงุดหงิดตัวโต แต่รีบหุบยิ้มฉับเมื่อสบสายตาขุ่นจากคนตัวโต
“แต่พี่อยากไปที่นึงก่อน เสร็จจากที่นั่นแล้วค่อยไป ถ้าลุงโทรตามนายก็บอกว่ามีธุระร้อยล้านต้องไปจัดการก็แล้วกัน”
ธรรศสั่งเสร็จสรรพก็หมุนกายเดินต่อ แม้ต้าหลิงจะอ้าปากพะงาบ ๆ เพราะพูดหรืบโต้แย้งคนตัวสูงกว่าไม่ทัน ต้าหลิงถอนหายใจ เหนื่อยอ่อนกับอารยะขัดขืนที่ธรรศมีต่อครอบครัวเหลือเกิน แม้จะผ่านมาเก้าปีกว่า แม้ว่าจะต้องลำบากแค่ไหน ธรรศก็ยังเลือกจะตัดขาดครอบครัวของตัวเองอยู่วันยังค่ำ
รถเอสยูวีสีดำขลับจอดหน้าบริษัทผลิตโฆษณา เลมอนพาย สตูดิโอ ซึ่งดัดแปลงบ้านไม้สองชั้นเก่ามาเป็นโฮมออฟฟิศ เลมอนพายเพิ่งก่อตั้งและเปิดรับออกแบบ ผลิตสื่อโฆษณาทั้งออนไลน์และออฟไลน์มาห้าปีกว่าแล้ว แต่ด้วยความคิดสร้างสรรค์ทำให้จากเลมอนพาย สตูดิโอเล็ก ๆ เติบโตขึ้นมาก จากที่มีเพียงเจ้าของและพนักงานไม่ถึงสิบคน ตอนนี้มีพนักงานร่วมห้าสิบกว่าชีวิตแล้ว ธรรศเองก็ไม่ได้กลับมาไทยร่วมสามปีกว่า ทำให้เพิ่งมีโอกาสมาเยี่ยมเพื่อนเก่าแก่เจ้าของบริษัทผลิตโฆษณาแห่งนี้
“ไง ธรรศ นี่อย่าบอกนะว่าหนีลุงมาหาเราอีกแล้วน่ะ” ดนุวัศทักทายเพื่อนเก่าสมัยเรียนมัธยมปลายหลังจากพามานั่งในห้องทำงานส่วนตัว ห้องทำงานของดนุวัศซึ่งผนังทำด้วยไม้ แต่กั้นกับส่วนของพนักงานด้วยกระจกใส โดยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้คนในห้องด้วยการติดแถบสติกเกอร์สีขาวคาดยาวในระดับสายตา ทำให้ลดความรู้สึกถูกจ้องเวลานั่งทำงานได้ ทางโต๊ะพนักงานก็วางเรียงกันไป มีพาร์ทิชั่นกั้นไว้แบ่งแผนกต่าง ๆ ดีไซน์ค่อนข้างเรียบและสะอาดตา
“เราไม่อยากกลับไปที่นั่น เราไม่อยากเข้าไปยุ่งอะไรด้วยเลย”
ดนุวัศมีแววตาเห็นใจหลังธรรษระบายความอึดอัดออกมา
เพื่อนสนิทรู้ดีว่าธรรศไม่ถูกกับครอบครัวตั้งแต่สูญเสียบิดามารดาไปกะทันหัน แม้คุณลุงธราดล พี่ชายบิดาของธรรศจะเอ็นดูธรรศมากแค่ไหน แต่นอกจากลุงธราดลแล้วก็ไม่เหลือใครที่ต้อนรับเขาสักคน ไม่ว่าจะคุณป้า ภรรยาของลุงธราดล หรือน้าสาว ซึ่งเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของบิดา ญาติพี่น้องของพ่อคงกลัวว่าเขาจะไปแย่งสมบัติลูก ๆ ของเขา ซึ่งธรรศสาบานได้เลยว่าไม่เคยอยากได้สักนิด!
“อุตส่าห์หนีไปได้สามปีน้า พองานเดินแบบจบก็กลับมาเจอปัญหาเดิม ๆ อยู่ดี นายไม่เซ็นสัญญากับทางโน้นไปเลยล่ะ จะได้ไม่ต้องโดนตามกลับมาทำงานที่บ้านอีก” ดนุวัศลองเสนอความคิด แต่ธรรศก็ส่ายหน้า
“เราเป็นห่วงคุณปู่ รับปากว่าจะไม่หนีไปอยู่ต่างประเทศจนกว่าแกจะสิ้นบุญ เพียงแต่พอได้ยินคนพวกนั้นว่าแม่เราเป็นสาเหตุให้พ่อต้องตาย เราก็รู้สึกแย่จนไม่ยุ่งอะไรกับคนในตระกูลอัศวชยภัทรอีกดีกว่า สู้ยอมถูกตัดขาดยังสบายใจกว่านะ”
ดวงสีน้ำตาลหม่นหมองกับตราบาปที่เขาและมารดาต้องถูกตราไว้ในชีวิต ธรรศกลายเป็นตัวซวยตั้งแต่ยังไม่ลืมตาดูโลกเลยด้วยซ้ำ
พัชนีกร มารดาของธรรศเป็นนางเอกลูกครึ่งชื่อดัง หลังจากตัดสินใจแต่งงานกับ ธนวิทย์ บิดาก็ออกจากวงการบันเทิง เป็นแม่เลี้ยงลูก คอยดูแลสามี
เวลานั้นข่าวการแต่งงานของนางเอกสาวกับนักธุรกิจบริษัทผลิตและจัดจำหน่ายยางรถผู้ร่ำรวยเป็นข่าวดังมาก พ่อแม่ของธรรศเองก็มีความสุขในการแต่งงานมากเช่นกัน
หากความชื่นมื่นแปรเปลี่ยนเป็นความทุกข์โศกทันทีที่คุณย่าพาหมอดูมาดูดวงที่บ้าน หมอดูคนนั้นทักว่าแม่ซึ่งมีเขาอยู่ในท้องราวห้าเดือนนั้นมีผีติดตามอยู่ และอาจจะนำความเดือดร้อนมาสู่บ้านอัศวชยภัทรได้ คุณย่าได้ยินอย่างนั้นก็ตั้งแง่ทั้งแม่และเขามาตลอด ถ้าไม่ติดว่าบิดาของเขาเป็นลูกรักย่า คงได้มีไล่แม่ของเขาออกจากบ้านเป็นแน่
จนธรรศอายุได้สี่ขวบ พ่อกับแม่พาเขาไปเที่ยวต่างจังหวัด โรงแรมที่พักไฟไหม้แรงมาก โชคดีหรือเป็นเวรกรรมก็ไม่รู้ที่ธรรศรอดตายมาได้ แต่พ่อแม่ก็จากไปกันหมด ธรรศได้ลุงธราดลรับเลี้ยงจนเติบใหญ่
แต่ธรรศก็ยังฝังใจกัยคำที่ย่าและน้าสาวด่าเขาได้ไม่มีลืม
‘เพราะแม่แก เพราะแก ทำให้ตาวิทย์ต้องตาย! ไอ้เด็กผีสิง!’
ธรรศไม่รู้ว่าทำไมย่ากับน้าสาวถึงเรียกเขาว่าเด็กผีสิง กะทั่งตอนอายุสิบหกปี ธรรศบังเอิญได้ยินพวกญาติคนอื่นนินทากัน ธรรศเสียใจมาก เขาตั้งใจจะหาทางออกจากบ้านที่ไม่ต้องการเขาให้ได้
แต่ธรรศก็ยังเกรงใจสองคนที่รักเขา นั้นคือ ปู่ และลุงธราดล จึงต้องอดทนอยู่อย่างนึ้
“นายก็กลับไปเยี่ยมลุง เยี่ยมปู่แค่นั้นก็พอนี่ ไม่ต้องไปสนปากคนอื่น ๆ หรอก อีกอย่างเราว่าคนอื่น ๆ ก็ไม่อยากให้นายหนีหายไปไหนหรอกน่ะ นายน่ะดาราดังเชียวนะ ยางบ้านแกก็ขายดีเพราะใช้ชื่อ ธรรษ อัศวชยภัทร ขายออกสื่อบ่อย ๆ ด้วยนี่คงใช้กันเพลิน จนลืมไปเลยล่ะมั้งว่าเคยด่านายว่าเป็นเด็กผีสิง” ดนุวัศตบไหล่ให้กำลังใจเพื่อนซี้
“ยางมันก็ขายดีอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับเราหรอก” ธรรศยิ้ม แต่ก็ส่ายหน้าปฏิเสธความดีความชอบเอาไว้ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย ”ว่าแต่บริษัทนายเป็นยังไงบ้าง”
“ก็โอเคนะ โชคดีตอนนี้มีคอนเนคชั่นเยอะ แล้วบริษัทเราก็เล็ก ๆ พนักงานไม่เยอะเท่าบริษัทที่อื่น เลยไม่เน้นรับงานเยอะมากแต่อยากทำงานสนุก ๆ มากกว่า ลูกค้าเองก็ชอบจุดขายของเรา เราก็เลยไปได้เรื่อย ๆ น่ะ”
ดนุวัศตอบตามความจริง เขาอยากให้พนักงานทำงานให้เต็มที่ทีละงานมากกว่ารับงานมากมายแล้วไม่ดีสักงาน ซึ่งผลที่ได้ก็ดีมากทีเดียว งานโฆษณาจากเลมอนพายติดกระแสทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ได้ลูกค้าเจ้าใหม่และลูกค้าเจ้าเดิมก็ยังจ้างงานอยู่เช่นเดิม
“แล้วนี่นายจะกลับมารับงานแสดงที่ไทยอีกหรือเปล่า หรือจะเอาดีทางเดินแบบถ่ายแบบเลย” ดนุวัศรับรู้ว่าธรรศเลือกจะไปจริงจังด้านนายแบบต่างประเทศ เพราะจะได้ใช้เป็นข้ออ้างห่างบ้านได้
“ยังไม่แน่ใจเลย ถ้ามีบทดี ๆ ก็อาจจะรับนะ แต่ตอนนี้ว่าจะพักสักสองสามเดือน ค่อยดูอีกที” ธรรศตอบ
“ถ้าเราจะชวนนายมาทำงานให้เรา นายจะสนใจหรือเปล่าวะ ธรรศ” ผู้บริหารบริษัทออกแบบโฆษณายักคิ้วถาม “แต่ค่าตัวอาจจะไม่ได้สูงเท่าที่นายเคยรับนะ ถ้านายรับได้ก็โอเค แต่ถ้าไม่โอก็ไม่ต้องฝืน”
“ขอดูโปรดักส์ก่อนดีกว่า เดี๋ยวเราขอตามต้าหลิงมาคุยด้วยเลยดีกว่านะ”
ธรรศไม่ปฏิเสธแต่แรก แต่ขอทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อการตัดสินใจ โดยให้ผู้จัดการส่วนตัวรับรู้ไปด้วย พอต้าหลิงเข้ามาฟังรายละเอียด โดยดนุวัฒน์ไม่ลืมเรียกพนักงานที่ดูแลงานงานนี้มาคุยเรื่องค่าจ้างจำนวนเงินต่าง ๆ ธรรศปล่อยให้ต้าหลิงจัดการแทนเป็นปกติ ไม่อยากยุ่งเรื่องการเงินเท่าไหร่จึงปลีกตัวแว่บออกมาเข้าห้องน้ำเพียงลำพัง
ระหว่างทางเดินไปห้องน้ำนั้น ธรรศชนกับหญิงสาวร่างเล็กซึ่งรีนร้อนสวนทางมา ทำให้เอกสารในมือของเธอหล่นกระจายเต็มพื้นไปหมด หญิงสาวในเสื้อเชิ้ตขาว กางเกงยีนส์ขายาวเองก็ร่วงไปนั่งกับพื้นด้วยเช่นกัน
“ขอโทษครับ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
ธรรศจะช่วยดึงหญิงสาว หากเพียงฝ่ามือสัมผัสแขนกลมกลึงผิวขาวเนียน รวมถึงได้เห็นใบหน้าหวานของเธอ สบดวงตากลม ๆ สีดำแวววาว ธรรศก็คล้ายถูกไฟช้อตไปทั้งตัวจนต้องรีบชักแขนกลับ ขนแขน ขนหน้าของเขาพากันลุกพรึ่บพั่บ ก็หญิงสาวที่ชนกับเขานั้นมีใบหน้าและรูปร่างพิมพ์เดียวกับสาวปริศนาในความฝัน แม้เธอจะไม่ได้สวมชุดไทย แต่ทุกอย่างก็ใช่มาก จนหัวใจของธรรศร้องออกมาดังมากว่า
‘เจอแล้ว!’
เขาเจอผู้หญิงในความฝันแล้ว!!
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอโทษนะคะฉันไม่ดูทางเอง” เธอส่ายหน้า โบกไม้โบกมือ ยิ้มแย้มให้ก่อนจะรีบเก็บเอกสารเกลื่อนพื้น น้ำเสียงใส ๆ เหมือนน้ำเย็นฉ่ำปลุกให้ธรรศหลุดออกจากภวังค์ ธรรศมัวแต่อึ้งเลยไม่ทันได้ช่วยเธอเก็บเอกสารบนพื้นเลย หญิงสาวยิ้มให้เขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินผ่านตัวเขาไป
ธรรศจะยอมปล่อยสาวในฝันไปง่าย ๆ หรือ?
ไม่มีทาง!!
ไวเท่าความคิด มือของธรรศยื่นไปคว้าแขนเธอไว้แน่น และจ้องตาเธออย่างจริงจังมาก
“คะ? มีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอถามอย่างแปลกใจ
“เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า ผมคุ้นหน้าคุณมาก มากจริงๆ”
เขาต้องการคำตอบของความฝันคาใจมาเกือบครึ่งปี “หรือคุณเคยไปถ่ายแบบ เป็นแบบที่ไหนหรือเปล่า” ธรรศขมวดคิ้วเมื่อเขามั่นใจว่าไม่น่าจะรู้จักสาวตรงหน้าลึกซึ้ง อาจจะแค่เดินผ่าน เคยเห็นรูปถ่าย แล้วติดอกติดใจประมาณนั้น แม้ว่าเธอจะไม่ตรงสเปคเขาเลยก็ตาม
หญิงสาวเบิกตากว้าง เธอลดสายตามองมือของเขาแล้วกลอกตามองขึ้นไปบนเพดาน ถอนหายใจคล้ายเจอเรื่องน่าเบื่อที่สุดในชีวิต
“นี่! มุขจีบสาวนี้มันเชยแล้วค่ะคุณ! ไปหามาใหม่ไป๊!!” เธอสะบัดแขนออก จุดยิ้มมุมปากขันกับคำถามของเขา
“เดี๋ยวก่อน ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น” ธรรศอยากแก้ความเข้าใจผิด ยิ่งมองเธอตั้งแต่รองเท้าผ้าใบสีเหลืองไข่ไก่มอม ๆ กางเกงยีนส์ซีด ๆ เสื้อเชิ้ตขาวดูแมนเกินหญิง ผมยาวย้อมสีน้ำตาลประกายทองถูกรวบไว้ลวก ๆ ใบหน้าขาวของคนหน้าหวานไม่มีเครื่องสำอางอะไรเลย ตัวเล็ก เตี้ย ผอม บาง น่ากลัวจะขาดสารอาหาร และริมฝีปากยื่น ๆ หาเรื่องนั่น มันใช่สเปคของนายแบบอย่างธรรศซะที่ไหนกัน!
“คุณไม่ใช่แบบที่ผมชอบ ผมแค่เหมือนเคยเจอคุณมาก่อนแค่นั้น” เขาย้ำชัด ๆ ก่อนคนฟังจะเปลี่ยรอยยิ้มขัน ๆ มาถลึงตาใส่เขาแทน
“ธรรศ! มีอะไรหรือเปล่า เห็นหายออกมานาน” ดนุวัศโผล่มาเคาะระฆังพักรบ “อ้าว บัวมีอะไรหรือ อย่าบอกนะว่าเป็นแฟนเจ้าธรรศน่ะ” ดนุวัศคาดเดาไปเรื่อย
“แฟน? ทำไมพี่นุถามแบบนี้ล่ะคะ” บัว หรือ รวินท์รดา ถามเจ้านายเธออย่างไม่เข้าใจ
“อ้าว ก็เห็นหยุดคุยกัน พี่ก็นึกว่าบัวเป็นแฟนคลับนายธรรศ นี่ ธรรศ อัศวชยภัทร เคยเป็นพระเอกละครหลายเรื่องเลยนะ”
“บัวไม่รู้จักหรอกค่ะพี่นุ บัวไม่ค่อยดูละครเก่า ๆ เลยค่ะ ยิ่งตกรุ่นไปแล้วยิ่งไม่รู้จักเลยค่ะ” รวินท์รดาตอบโดยไม่มองหน้า ‘พระเอกละครเก่า ๆ’ ซึ่งกำลังตาวาวขึ้นเรื่อย ๆ
“ตกรุ่น?”
“โธ่บัวเอ๊ย! ไม่ได้เก่าตกรุ่นอะไรขนาดนั้น ธรรศเพิ่งห่างงานละครไปสามปีเอง แล้วนายธรรศก็อายุเท่าพี่นะ” ดนุวัศหัวเราะขำกับมุกของพนักงาน แต่อีกคนไม่ขำด้วยเลย หน้าตึงยิ่งกว่าเพิ่งไปโบทอกซ์มา!!
“ค่ะ บัวจะลองไปหาละครคุณธรรศดูนะคะ … ถ้าไม่มีอะไรแล้ว บัวขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ สวัสดีค่ะคุณธรรศ” รวินท์รดายกมือไหว้ธรรศหนึ่งทีก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป
“พนักงานของนายหรือ นุ” ธรรศถามขณะมองตามร่างเล็กเดินห่างออกไปเรื่อย ๆ “ไม่น่ารักเลย” ธรรศยื่นปากใส่สาวที่หาว่าเขาเป็นพระเอกตกรุ่น!!
“ใช่ ชื่อบัวน่ะ เป็นครีเอทีฟคิดคอนเซปต์โฆษนา ถ้านายรับงาน นายก็จะได้ทำงานกับเธอนี่แหละ แต่เห็นกวน ๆ แบบนั้น หนูบัวทำงานดีนะ น่ารักใช้ได้ทีเดียว”
พอได้ยินดนุวัศแนะนำเช่นนี้แล้ว หลังจากเจอหน้าต้าหลิงซึ่งบ่นว่าค่าตัวน้อยไปหน่อย แต่ธรรศก็มีคำตอบให้ต้าหลิงโดยไม่สนใจเรื่องค่าตัวเลย
“พี่จะรับงานของนายนุ ต้าหลิง”
ต้าหลิงไม่ค่อยเห็นด้วย แต่ก็ยอมตามใจพระเอกคนดัง แค่ยอมเริ่มทำงานวงการบังเทิงออกโทรทัศน์ได้อย่างเดิม ต้าหลิงก็ดีใจมากแล้ว บางทีธรรศอาจจะคิดถึงงานในวงการแล้วก็ได้
หากต้าหลิงไม่รู้เลยว่าธรรศไม่ได้คิดอย่างเดียวกัน ที่ยอมรับงานนี้ก็เพราะธรรศจะต้องรู้ให้ได้ว่าทำไมเขาถึงฝันเห็นรวินท์รดาอยู่แทบทุกคืน!
จบตอน
ขออนุญาตลงเรื่องใหม่นะคะ ^^
เรื่องที่เคยลง ไม่ลงต่อเพราะนึกไม่ออกค่ะ 5555 เขียนไปกลางเรื่องแล้วแป้กเอง เลยขอเอาเรื่องใหม่มาส่งแทน
แต่งได้กลาง ๆ เรื่อง และมีความเป็นไปได้ว่าจะไปได้จนจบ
ถนัดแนวนี้นี่นา ฮ่าๆๆ ลึกลับ ความรัก ^^
ฝาก พี่ธรรศ พระเอกที่เหมือนจะเพียบพร้อมแต่ชีวิตน่าสงสาร
และ หนูบัว นางเอกที่เหมือนจะน่าสงสารแต่เธอพอใจกับชีวิต
กับปริศนา ผู้หญิงอีกคน ที่ธรรศตามหาด้วยนะค้า
พักนี้ไม่ค่อยยุ่งเท่าก่อนหน้านี้ คงมาลงได้วันละตอน สองวันตอนค่ะ ^^
ฝากนิยายด้วยนะคะ
บทนำ
ห้องโถงสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ปูด้วยพื้นไม้สีเข้มมันวาว ฝาผนังไม้ทาสีเขียวอ่อน ๆ ตามกรอบประตูหน้าต่างมีลวดลายฉลุปราณีตงดงาม ม่านสีแดงเข้มตามประตูหน้าต่างถูกรวบไว้สองฝั่งอย่างเรียบร้อย ธรรศมองไปรอบตัว ดวงตาคมกริบเลื่อนมองตั้งแต่รายละเอียดเล็กน้อยกระทั่งรูปภาพประดับ ของตกแต่ง เฟอร์นิเจอร์หรูหราก็จริงแต่ค่อนข้างล้าสมัย
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ธรรศมาที่นี่แน่นอน ธรรศย่นคิ้วกับความคุ้นเคย แต่แล้วความคิดของธรรศก็สะดุดกับการปรากฎตัวของหญิงสาวคนหนึ่ง เธออยู่ในชุดไทยสมัยรัชกาลที่ 5 ร่างแบบบาง แขนขาเล็ก ส่วนสูงพ้นคางของเขาเพียงนิดหน่อย ผมยาวถูกถักเปียสองข้าง ธรรศบอกไม่ถูก เขาพูดได้ไม่เต็มปากว่าไม่รู้จักหญิงสาวเบื้องหน้า แต่ก็จำไม่ได้ว่ารู้จักกันจากไหน ชื่อเสียงเรียงนามก็ติดอยู่ที่ริมฝีปาก
ร่างสูงมองหญิงสาวอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนเผลอไผลยิ้มตอบรอยยิ้มละไมของเธอ นอกจากรอยยิ้มอ่อนหวานแล้วอีกสิ่งที่ตราตรึงให้ธรรศไม่อาจละสายตาได้เลยก็คงเป็นดวงตากลมเป็นประกายระยิบระยับ สวยงาม จับตา ธรรศยกมือยื่นไปหา ทุกอย่างกลับฟุ้งหายกลายเป็นควัน ทำให้ธรรศตกใจสะดุ้งตื่นขึ้นมา
ธรรศหันซ้ายหันขวา พบว่าตัวเองยังนอนอยู่บนเตียงภายในห้องนอนโรงแรมใจกลางกรุงปารีส อากาศในห้องนอนค่อนข้างเย็น แต่ความฝันก็ทำให้เหงื่อพรายเต็มวงหน้าคม ร่างสูงขยับตัวขึ้นนั่ง หยิบโทรศัพท์มือถือมากดดูเวลา เขาซบหน้าลงบนฝ่ามือเมื่อเห็นว่าเป็นเวลาตีห้ากว่า ๆ
… นี่ไม่ใช่ครั้งแรก!
ธรรศไม่แน่ใจว่าเขากำลังรู้เช่นไรกันแน่ระหว่างหวั่นใจ หวาดกลัว หรือสงสัย ตั้งแต่ธรรศอายุสามสิบเต็ม เขาก็ฝันเห็นเธอคนนั้นนับครั้งไม่ถ้วนจนจำหน้าหญิงสาวได้แม่นยำ
… เธอคือใคร? มาจากไหน?
ธรรศถามคำถามนี้มาหลายสิบครั้งแต่ก็ยังหาคำตอบไม่ได้สักที!
ตอนที่ 1
ท่ามกลางความวุ่นวายในท่าอากาศยานนานาชาติสุวรรณภูมิบ่ายวันธรรมดาวันหนึ่ง
ร่างสูงโปร่งในเสื้อเชิ้ตสีเข้มและกางเกงยีนส์เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาออกมาจากทางออกผู้โดยสารขาเข้าประเทศ วงหน้าคมผสมผสานระหว่างตะวันตกกับตะวันออกได้อย่างลงตัว ชายหนุ่มผู้มีใบหน้า ดวงตา จมูกโด่งสวยรับกับริมฝีปากโค้ง และมีรูปร่างงดงามดุจดั่งรูปปั้นศิลปินระดับโลกหยิบแว่นตากันแดดขึ้นมาสวม อาศัยแว่นกันแดดยี่ห้อแพงบดบังดวงตาประกายพราวเสน่ห์ที่ดึงดูดใจสาว ๆ มานักต่อนัก เขายังไม่ต้องการสบตากับคนรอบ ๆ เวลานี้ ร่างสูงเดินหน้าตรงไม่สนว่าจะมีใครจดจำเขาได้หรือไม่ โดยมีหนุ่มหน้าตี๋ตัวเล็กกะทัดรัดเข็นรถเข็นที่บรรทุกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ ๆ สามใบตามหลัง
“พี่ธรรศครับ พี่ธรรศ เดี๋ยวออกจากสนามบินแล้วเรารีบไปบ้านใหญ่กันเลยนะครับ” หนุ่มตัวเล็กรีบร้อนบอกขณะพยายามก้าวเท้าให้ทันบอสร่างสูง “ผมรู้ว่าพี่ธรรศอาจจะเหนื่อยจากการเดินทาง แต่เราก็ต้องรีบไป”
“ไม่ต้องรีบหรอก ต้าหลิง” ธรรศแย้งต้าหลินด้วยน้ำเสียงสบาย ๆ
“ทำไมล่ะครับ แต่คุณธราดลสั่งให้พี่ธรรศรีบไปหานะครับ” ต้าหลิงงุนงง เขาไม่น่าได้ยินคำสั่งของธราคล ลุงของธรรศผิดหรอกนะ
“ก็บอกว่าไม่ต้องรีบยังไงล่ะ” ธรรศหันมาย้ำชัดเจน น้ำเสียงเย็น ๆ ไม่สนว่าจะมีคนสำคัญรอคอยอยู่ ต้าหลิงไม่ทันได้ถามต่อก็ได้รับโทรศัพท์จากอีกคนในบทสนทนาพอดี ต้าหลิงขยับปากบอกธรรศว่า ‘คุณธราดล’ ทำเอาธรรศถอนหายใจเซ็ง ๆ ออกมาอย่างไม่ปิดบัง แต่ก็หยุดรอฟังว่าธราดลจะพูดคุยอะไรกับผู้จัดการส่วนตัวหนุ่มตี๋ของเขา
“สวัสดีครับคุณธราดล ผมเพิ่งลงเครื่องเองครับ” ต้าหลิงรับสาย ระหว่างสนทนากับคนในสายมีการช้อนตามองธรรศเป็นระยะ ๆ “ผมจะรีบไปครับ ครับผม สวัสดีครับคุณธราดล”
“ลุงคงโทรมาเร่งสินะ” ธรรศคาดเดาด้วยหน้าตาเบื่อโลก
“ใช่ครับ ผมว่าเรารีบไปหาคุณลุงของพี่ธรรศดีกว่านะครับ” ต้าหลิงเห็นธรรศจะปฏิเสธอีก ก็รีบบอกต่อว่า “คุณธราดลย้ำว่าถ้าพี่ธรรศถึงไทยแล้วให้รีบไปพบท่านด่วน คุณธราดลยังบอกอีกว่าคุณปู่เองก็คิดถึงพี่ธรรศมากนะครับ”
“ก็ได้ ๆ ต้าหลิง พี่จะไปพบคุณลุงและคุณปู่วันนี้” ธรรศกอดอก น้ำเสียงห้าวนั้นค่อนข้างขึ้นจมูก
“ไม่ดื้อแบบนี้สิครับถึงน่ารัก” ต้าหลิงยิ้มกว้างหวังเอาใจคนหงุดหงิดตัวโต แต่รีบหุบยิ้มฉับเมื่อสบสายตาขุ่นจากคนตัวโต
“แต่พี่อยากไปที่นึงก่อน เสร็จจากที่นั่นแล้วค่อยไป ถ้าลุงโทรตามนายก็บอกว่ามีธุระร้อยล้านต้องไปจัดการก็แล้วกัน”
ธรรศสั่งเสร็จสรรพก็หมุนกายเดินต่อ แม้ต้าหลิงจะอ้าปากพะงาบ ๆ เพราะพูดหรืบโต้แย้งคนตัวสูงกว่าไม่ทัน ต้าหลิงถอนหายใจ เหนื่อยอ่อนกับอารยะขัดขืนที่ธรรศมีต่อครอบครัวเหลือเกิน แม้จะผ่านมาเก้าปีกว่า แม้ว่าจะต้องลำบากแค่ไหน ธรรศก็ยังเลือกจะตัดขาดครอบครัวของตัวเองอยู่วันยังค่ำ
รถเอสยูวีสีดำขลับจอดหน้าบริษัทผลิตโฆษณา เลมอนพาย สตูดิโอ ซึ่งดัดแปลงบ้านไม้สองชั้นเก่ามาเป็นโฮมออฟฟิศ เลมอนพายเพิ่งก่อตั้งและเปิดรับออกแบบ ผลิตสื่อโฆษณาทั้งออนไลน์และออฟไลน์มาห้าปีกว่าแล้ว แต่ด้วยความคิดสร้างสรรค์ทำให้จากเลมอนพาย สตูดิโอเล็ก ๆ เติบโตขึ้นมาก จากที่มีเพียงเจ้าของและพนักงานไม่ถึงสิบคน ตอนนี้มีพนักงานร่วมห้าสิบกว่าชีวิตแล้ว ธรรศเองก็ไม่ได้กลับมาไทยร่วมสามปีกว่า ทำให้เพิ่งมีโอกาสมาเยี่ยมเพื่อนเก่าแก่เจ้าของบริษัทผลิตโฆษณาแห่งนี้
“ไง ธรรศ นี่อย่าบอกนะว่าหนีลุงมาหาเราอีกแล้วน่ะ” ดนุวัศทักทายเพื่อนเก่าสมัยเรียนมัธยมปลายหลังจากพามานั่งในห้องทำงานส่วนตัว ห้องทำงานของดนุวัศซึ่งผนังทำด้วยไม้ แต่กั้นกับส่วนของพนักงานด้วยกระจกใส โดยเพิ่มความเป็นส่วนตัวให้คนในห้องด้วยการติดแถบสติกเกอร์สีขาวคาดยาวในระดับสายตา ทำให้ลดความรู้สึกถูกจ้องเวลานั่งทำงานได้ ทางโต๊ะพนักงานก็วางเรียงกันไป มีพาร์ทิชั่นกั้นไว้แบ่งแผนกต่าง ๆ ดีไซน์ค่อนข้างเรียบและสะอาดตา
“เราไม่อยากกลับไปที่นั่น เราไม่อยากเข้าไปยุ่งอะไรด้วยเลย”
ดนุวัศมีแววตาเห็นใจหลังธรรษระบายความอึดอัดออกมา
เพื่อนสนิทรู้ดีว่าธรรศไม่ถูกกับครอบครัวตั้งแต่สูญเสียบิดามารดาไปกะทันหัน แม้คุณลุงธราดล พี่ชายบิดาของธรรศจะเอ็นดูธรรศมากแค่ไหน แต่นอกจากลุงธราดลแล้วก็ไม่เหลือใครที่ต้อนรับเขาสักคน ไม่ว่าจะคุณป้า ภรรยาของลุงธราดล หรือน้าสาว ซึ่งเป็นน้องสาวแท้ ๆ ของบิดา ญาติพี่น้องของพ่อคงกลัวว่าเขาจะไปแย่งสมบัติลูก ๆ ของเขา ซึ่งธรรศสาบานได้เลยว่าไม่เคยอยากได้สักนิด!
“อุตส่าห์หนีไปได้สามปีน้า พองานเดินแบบจบก็กลับมาเจอปัญหาเดิม ๆ อยู่ดี นายไม่เซ็นสัญญากับทางโน้นไปเลยล่ะ จะได้ไม่ต้องโดนตามกลับมาทำงานที่บ้านอีก” ดนุวัศลองเสนอความคิด แต่ธรรศก็ส่ายหน้า
“เราเป็นห่วงคุณปู่ รับปากว่าจะไม่หนีไปอยู่ต่างประเทศจนกว่าแกจะสิ้นบุญ เพียงแต่พอได้ยินคนพวกนั้นว่าแม่เราเป็นสาเหตุให้พ่อต้องตาย เราก็รู้สึกแย่จนไม่ยุ่งอะไรกับคนในตระกูลอัศวชยภัทรอีกดีกว่า สู้ยอมถูกตัดขาดยังสบายใจกว่านะ”
ดวงสีน้ำตาลหม่นหมองกับตราบาปที่เขาและมารดาต้องถูกตราไว้ในชีวิต ธรรศกลายเป็นตัวซวยตั้งแต่ยังไม่ลืมตาดูโลกเลยด้วยซ้ำ
พัชนีกร มารดาของธรรศเป็นนางเอกลูกครึ่งชื่อดัง หลังจากตัดสินใจแต่งงานกับ ธนวิทย์ บิดาก็ออกจากวงการบันเทิง เป็นแม่เลี้ยงลูก คอยดูแลสามี
เวลานั้นข่าวการแต่งงานของนางเอกสาวกับนักธุรกิจบริษัทผลิตและจัดจำหน่ายยางรถผู้ร่ำรวยเป็นข่าวดังมาก พ่อแม่ของธรรศเองก็มีความสุขในการแต่งงานมากเช่นกัน
หากความชื่นมื่นแปรเปลี่ยนเป็นความทุกข์โศกทันทีที่คุณย่าพาหมอดูมาดูดวงที่บ้าน หมอดูคนนั้นทักว่าแม่ซึ่งมีเขาอยู่ในท้องราวห้าเดือนนั้นมีผีติดตามอยู่ และอาจจะนำความเดือดร้อนมาสู่บ้านอัศวชยภัทรได้ คุณย่าได้ยินอย่างนั้นก็ตั้งแง่ทั้งแม่และเขามาตลอด ถ้าไม่ติดว่าบิดาของเขาเป็นลูกรักย่า คงได้มีไล่แม่ของเขาออกจากบ้านเป็นแน่
จนธรรศอายุได้สี่ขวบ พ่อกับแม่พาเขาไปเที่ยวต่างจังหวัด โรงแรมที่พักไฟไหม้แรงมาก โชคดีหรือเป็นเวรกรรมก็ไม่รู้ที่ธรรศรอดตายมาได้ แต่พ่อแม่ก็จากไปกันหมด ธรรศได้ลุงธราดลรับเลี้ยงจนเติบใหญ่
แต่ธรรศก็ยังฝังใจกัยคำที่ย่าและน้าสาวด่าเขาได้ไม่มีลืม
‘เพราะแม่แก เพราะแก ทำให้ตาวิทย์ต้องตาย! ไอ้เด็กผีสิง!’
ธรรศไม่รู้ว่าทำไมย่ากับน้าสาวถึงเรียกเขาว่าเด็กผีสิง กะทั่งตอนอายุสิบหกปี ธรรศบังเอิญได้ยินพวกญาติคนอื่นนินทากัน ธรรศเสียใจมาก เขาตั้งใจจะหาทางออกจากบ้านที่ไม่ต้องการเขาให้ได้
แต่ธรรศก็ยังเกรงใจสองคนที่รักเขา นั้นคือ ปู่ และลุงธราดล จึงต้องอดทนอยู่อย่างนึ้
“นายก็กลับไปเยี่ยมลุง เยี่ยมปู่แค่นั้นก็พอนี่ ไม่ต้องไปสนปากคนอื่น ๆ หรอก อีกอย่างเราว่าคนอื่น ๆ ก็ไม่อยากให้นายหนีหายไปไหนหรอกน่ะ นายน่ะดาราดังเชียวนะ ยางบ้านแกก็ขายดีเพราะใช้ชื่อ ธรรษ อัศวชยภัทร ขายออกสื่อบ่อย ๆ ด้วยนี่คงใช้กันเพลิน จนลืมไปเลยล่ะมั้งว่าเคยด่านายว่าเป็นเด็กผีสิง” ดนุวัศตบไหล่ให้กำลังใจเพื่อนซี้
“ยางมันก็ขายดีอยู่แล้ว ไม่เกี่ยวกับเราหรอก” ธรรศยิ้ม แต่ก็ส่ายหน้าปฏิเสธความดีความชอบเอาไว้ ก่อนจะเปลี่ยนเรื่องคุย ”ว่าแต่บริษัทนายเป็นยังไงบ้าง”
“ก็โอเคนะ โชคดีตอนนี้มีคอนเนคชั่นเยอะ แล้วบริษัทเราก็เล็ก ๆ พนักงานไม่เยอะเท่าบริษัทที่อื่น เลยไม่เน้นรับงานเยอะมากแต่อยากทำงานสนุก ๆ มากกว่า ลูกค้าเองก็ชอบจุดขายของเรา เราก็เลยไปได้เรื่อย ๆ น่ะ”
ดนุวัศตอบตามความจริง เขาอยากให้พนักงานทำงานให้เต็มที่ทีละงานมากกว่ารับงานมากมายแล้วไม่ดีสักงาน ซึ่งผลที่ได้ก็ดีมากทีเดียว งานโฆษณาจากเลมอนพายติดกระแสทั้งออนไลน์และออฟไลน์ ได้ลูกค้าเจ้าใหม่และลูกค้าเจ้าเดิมก็ยังจ้างงานอยู่เช่นเดิม
“แล้วนี่นายจะกลับมารับงานแสดงที่ไทยอีกหรือเปล่า หรือจะเอาดีทางเดินแบบถ่ายแบบเลย” ดนุวัศรับรู้ว่าธรรศเลือกจะไปจริงจังด้านนายแบบต่างประเทศ เพราะจะได้ใช้เป็นข้ออ้างห่างบ้านได้
“ยังไม่แน่ใจเลย ถ้ามีบทดี ๆ ก็อาจจะรับนะ แต่ตอนนี้ว่าจะพักสักสองสามเดือน ค่อยดูอีกที” ธรรศตอบ
“ถ้าเราจะชวนนายมาทำงานให้เรา นายจะสนใจหรือเปล่าวะ ธรรศ” ผู้บริหารบริษัทออกแบบโฆษณายักคิ้วถาม “แต่ค่าตัวอาจจะไม่ได้สูงเท่าที่นายเคยรับนะ ถ้านายรับได้ก็โอเค แต่ถ้าไม่โอก็ไม่ต้องฝืน”
“ขอดูโปรดักส์ก่อนดีกว่า เดี๋ยวเราขอตามต้าหลิงมาคุยด้วยเลยดีกว่านะ”
ธรรศไม่ปฏิเสธแต่แรก แต่ขอทราบรายละเอียดเพิ่มเติมเพื่อการตัดสินใจ โดยให้ผู้จัดการส่วนตัวรับรู้ไปด้วย พอต้าหลิงเข้ามาฟังรายละเอียด โดยดนุวัฒน์ไม่ลืมเรียกพนักงานที่ดูแลงานงานนี้มาคุยเรื่องค่าจ้างจำนวนเงินต่าง ๆ ธรรศปล่อยให้ต้าหลิงจัดการแทนเป็นปกติ ไม่อยากยุ่งเรื่องการเงินเท่าไหร่จึงปลีกตัวแว่บออกมาเข้าห้องน้ำเพียงลำพัง
ระหว่างทางเดินไปห้องน้ำนั้น ธรรศชนกับหญิงสาวร่างเล็กซึ่งรีนร้อนสวนทางมา ทำให้เอกสารในมือของเธอหล่นกระจายเต็มพื้นไปหมด หญิงสาวในเสื้อเชิ้ตขาว กางเกงยีนส์ขายาวเองก็ร่วงไปนั่งกับพื้นด้วยเช่นกัน
“ขอโทษครับ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า”
ธรรศจะช่วยดึงหญิงสาว หากเพียงฝ่ามือสัมผัสแขนกลมกลึงผิวขาวเนียน รวมถึงได้เห็นใบหน้าหวานของเธอ สบดวงตากลม ๆ สีดำแวววาว ธรรศก็คล้ายถูกไฟช้อตไปทั้งตัวจนต้องรีบชักแขนกลับ ขนแขน ขนหน้าของเขาพากันลุกพรึ่บพั่บ ก็หญิงสาวที่ชนกับเขานั้นมีใบหน้าและรูปร่างพิมพ์เดียวกับสาวปริศนาในความฝัน แม้เธอจะไม่ได้สวมชุดไทย แต่ทุกอย่างก็ใช่มาก จนหัวใจของธรรศร้องออกมาดังมากว่า
‘เจอแล้ว!’
เขาเจอผู้หญิงในความฝันแล้ว!!
“ไม่เป็นไรค่ะ ขอโทษนะคะฉันไม่ดูทางเอง” เธอส่ายหน้า โบกไม้โบกมือ ยิ้มแย้มให้ก่อนจะรีบเก็บเอกสารเกลื่อนพื้น น้ำเสียงใส ๆ เหมือนน้ำเย็นฉ่ำปลุกให้ธรรศหลุดออกจากภวังค์ ธรรศมัวแต่อึ้งเลยไม่ทันได้ช่วยเธอเก็บเอกสารบนพื้นเลย หญิงสาวยิ้มให้เขาเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินผ่านตัวเขาไป
ธรรศจะยอมปล่อยสาวในฝันไปง่าย ๆ หรือ?
ไม่มีทาง!!
ไวเท่าความคิด มือของธรรศยื่นไปคว้าแขนเธอไว้แน่น และจ้องตาเธออย่างจริงจังมาก
“คะ? มีอะไรหรือเปล่าคะ” เธอถามอย่างแปลกใจ
“เราเคยเจอกันที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า ผมคุ้นหน้าคุณมาก มากจริงๆ”
เขาต้องการคำตอบของความฝันคาใจมาเกือบครึ่งปี “หรือคุณเคยไปถ่ายแบบ เป็นแบบที่ไหนหรือเปล่า” ธรรศขมวดคิ้วเมื่อเขามั่นใจว่าไม่น่าจะรู้จักสาวตรงหน้าลึกซึ้ง อาจจะแค่เดินผ่าน เคยเห็นรูปถ่าย แล้วติดอกติดใจประมาณนั้น แม้ว่าเธอจะไม่ตรงสเปคเขาเลยก็ตาม
หญิงสาวเบิกตากว้าง เธอลดสายตามองมือของเขาแล้วกลอกตามองขึ้นไปบนเพดาน ถอนหายใจคล้ายเจอเรื่องน่าเบื่อที่สุดในชีวิต
“นี่! มุขจีบสาวนี้มันเชยแล้วค่ะคุณ! ไปหามาใหม่ไป๊!!” เธอสะบัดแขนออก จุดยิ้มมุมปากขันกับคำถามของเขา
“เดี๋ยวก่อน ผมไม่ได้หมายความแบบนั้น” ธรรศอยากแก้ความเข้าใจผิด ยิ่งมองเธอตั้งแต่รองเท้าผ้าใบสีเหลืองไข่ไก่มอม ๆ กางเกงยีนส์ซีด ๆ เสื้อเชิ้ตขาวดูแมนเกินหญิง ผมยาวย้อมสีน้ำตาลประกายทองถูกรวบไว้ลวก ๆ ใบหน้าขาวของคนหน้าหวานไม่มีเครื่องสำอางอะไรเลย ตัวเล็ก เตี้ย ผอม บาง น่ากลัวจะขาดสารอาหาร และริมฝีปากยื่น ๆ หาเรื่องนั่น มันใช่สเปคของนายแบบอย่างธรรศซะที่ไหนกัน!
“คุณไม่ใช่แบบที่ผมชอบ ผมแค่เหมือนเคยเจอคุณมาก่อนแค่นั้น” เขาย้ำชัด ๆ ก่อนคนฟังจะเปลี่ยรอยยิ้มขัน ๆ มาถลึงตาใส่เขาแทน
“ธรรศ! มีอะไรหรือเปล่า เห็นหายออกมานาน” ดนุวัศโผล่มาเคาะระฆังพักรบ “อ้าว บัวมีอะไรหรือ อย่าบอกนะว่าเป็นแฟนเจ้าธรรศน่ะ” ดนุวัศคาดเดาไปเรื่อย
“แฟน? ทำไมพี่นุถามแบบนี้ล่ะคะ” บัว หรือ รวินท์รดา ถามเจ้านายเธออย่างไม่เข้าใจ
“อ้าว ก็เห็นหยุดคุยกัน พี่ก็นึกว่าบัวเป็นแฟนคลับนายธรรศ นี่ ธรรศ อัศวชยภัทร เคยเป็นพระเอกละครหลายเรื่องเลยนะ”
“บัวไม่รู้จักหรอกค่ะพี่นุ บัวไม่ค่อยดูละครเก่า ๆ เลยค่ะ ยิ่งตกรุ่นไปแล้วยิ่งไม่รู้จักเลยค่ะ” รวินท์รดาตอบโดยไม่มองหน้า ‘พระเอกละครเก่า ๆ’ ซึ่งกำลังตาวาวขึ้นเรื่อย ๆ
“ตกรุ่น?”
“โธ่บัวเอ๊ย! ไม่ได้เก่าตกรุ่นอะไรขนาดนั้น ธรรศเพิ่งห่างงานละครไปสามปีเอง แล้วนายธรรศก็อายุเท่าพี่นะ” ดนุวัศหัวเราะขำกับมุกของพนักงาน แต่อีกคนไม่ขำด้วยเลย หน้าตึงยิ่งกว่าเพิ่งไปโบทอกซ์มา!!
“ค่ะ บัวจะลองไปหาละครคุณธรรศดูนะคะ … ถ้าไม่มีอะไรแล้ว บัวขอตัวไปทำงานก่อนนะคะ สวัสดีค่ะคุณธรรศ” รวินท์รดายกมือไหว้ธรรศหนึ่งทีก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป
“พนักงานของนายหรือ นุ” ธรรศถามขณะมองตามร่างเล็กเดินห่างออกไปเรื่อย ๆ “ไม่น่ารักเลย” ธรรศยื่นปากใส่สาวที่หาว่าเขาเป็นพระเอกตกรุ่น!!
“ใช่ ชื่อบัวน่ะ เป็นครีเอทีฟคิดคอนเซปต์โฆษนา ถ้านายรับงาน นายก็จะได้ทำงานกับเธอนี่แหละ แต่เห็นกวน ๆ แบบนั้น หนูบัวทำงานดีนะ น่ารักใช้ได้ทีเดียว”
พอได้ยินดนุวัศแนะนำเช่นนี้แล้ว หลังจากเจอหน้าต้าหลิงซึ่งบ่นว่าค่าตัวน้อยไปหน่อย แต่ธรรศก็มีคำตอบให้ต้าหลิงโดยไม่สนใจเรื่องค่าตัวเลย
“พี่จะรับงานของนายนุ ต้าหลิง”
ต้าหลิงไม่ค่อยเห็นด้วย แต่ก็ยอมตามใจพระเอกคนดัง แค่ยอมเริ่มทำงานวงการบังเทิงออกโทรทัศน์ได้อย่างเดิม ต้าหลิงก็ดีใจมากแล้ว บางทีธรรศอาจจะคิดถึงงานในวงการแล้วก็ได้
หากต้าหลิงไม่รู้เลยว่าธรรศไม่ได้คิดอย่างเดียวกัน ที่ยอมรับงานนี้ก็เพราะธรรศจะต้องรู้ให้ได้ว่าทำไมเขาถึงฝันเห็นรวินท์รดาอยู่แทบทุกคืน!
จบตอน
ขออนุญาตลงเรื่องใหม่นะคะ ^^
เรื่องที่เคยลง ไม่ลงต่อเพราะนึกไม่ออกค่ะ 5555 เขียนไปกลางเรื่องแล้วแป้กเอง เลยขอเอาเรื่องใหม่มาส่งแทน
แต่งได้กลาง ๆ เรื่อง และมีความเป็นไปได้ว่าจะไปได้จนจบ
ถนัดแนวนี้นี่นา ฮ่าๆๆ ลึกลับ ความรัก ^^
ฝาก พี่ธรรศ พระเอกที่เหมือนจะเพียบพร้อมแต่ชีวิตน่าสงสาร
และ หนูบัว นางเอกที่เหมือนจะน่าสงสารแต่เธอพอใจกับชีวิต
กับปริศนา ผู้หญิงอีกคน ที่ธรรศตามหาด้วยนะค้า
พักนี้ไม่ค่อยยุ่งเท่าก่อนหน้านี้ คงมาลงได้วันละตอน สองวันตอนค่ะ ^^
ฝากนิยายด้วยนะคะ
ปิ่นนลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ต.ค. 2559, 00:43:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ต.ค. 2559, 00:48:24 น.
จำนวนการเข้าชม : 1370
ตอนที่ 2 – การพบกันที่ไม่โอเคครั้งที่สอง!! >> |
แว่นใส 11 ต.ค. 2559, 07:11:02 น.
น่าจะสนุกกว่านะ มันลึกลับแต่มีมุมหวานนะ
น่าจะสนุกกว่านะ มันลึกลับแต่มีมุมหวานนะ
Zephyr 20 ต.ค. 2559, 17:04:17 น.
แน่ะๆๆ ยังไงก็อ่านค่ะ
แต่เรื่องน้องพามนี่จบรึยังคะ
เราไม่ได้เข้าเวบนานหลายเดือนเลย
แน่ะๆๆ ยังไงก็อ่านค่ะ
แต่เรื่องน้องพามนี่จบรึยังคะ
เราไม่ได้เข้าเวบนานหลายเดือนเลย