แรงรักบุษบา (รอก่อนนะคะ)
การพบกันอย่างมีปริศนา
แต่ได้นำพา ความรัก มาสู่หัวใจทั้งสอง
"ธรรศ" นายแบบ-นักแสดงสุดหล่อ
เกิดความสนใจ "รวินท์รดา" สาวครีเอทีฟมาดห้าว
แต่เรื่องนี้ไม่ง่าย รวินท์รดา พยายามหนีให้ห่างจาก ธรรศ
ยิ่งเขาตามติด เธอก็ยิ่งวิ่งหนี
ถ้าหนีไปนอกโลกได้แล้วเขาไม่ตามเธอก็จะทำ!
แต่มันก็ไม่ง่ายสำหรับ รวินท์รดา เช่นกัน
เมื่อเธอยิ่งหนี กลับพบว่ายิ่งกลายเป็นวิ่งสามขา
ถ้าคนใดคนหนึ่งล้ม อีกคนก็เจ็บเหมือนกัน
นอกจากจะไขปริศนา "ลึกลับ"
ก็ไม่มีทางอื่น
และหัวใจก็ไม่อาจปฏิเสธ "ความรัก"
ที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน
แต่ได้นำพา ความรัก มาสู่หัวใจทั้งสอง
"ธรรศ" นายแบบ-นักแสดงสุดหล่อ
เกิดความสนใจ "รวินท์รดา" สาวครีเอทีฟมาดห้าว
แต่เรื่องนี้ไม่ง่าย รวินท์รดา พยายามหนีให้ห่างจาก ธรรศ
ยิ่งเขาตามติด เธอก็ยิ่งวิ่งหนี
ถ้าหนีไปนอกโลกได้แล้วเขาไม่ตามเธอก็จะทำ!
แต่มันก็ไม่ง่ายสำหรับ รวินท์รดา เช่นกัน
เมื่อเธอยิ่งหนี กลับพบว่ายิ่งกลายเป็นวิ่งสามขา
ถ้าคนใดคนหนึ่งล้ม อีกคนก็เจ็บเหมือนกัน
นอกจากจะไขปริศนา "ลึกลับ"
ก็ไม่มีทางอื่น
และหัวใจก็ไม่อาจปฏิเสธ "ความรัก"
ที่เกิดขึ้นได้เช่นกัน
Tags: ปิ่นนลิน ลึกลับ ปริศนา
ตอน: ตอนที่ 2 – การพบกันที่ไม่โอเคครั้งที่สอง!!
ตอนที่ 2 – การพบกันที่ไม่โอเคครั้งที่สอง!!
“ฮึ้ย!” รวินท์รดาร้องระบายอารมณ์โมโหในใจ เธอกระแทกเอกสารกับโต๊ะทำงาน สีหน้าเหมือนไปตีกับใครมา ริมฝีปากสีหวานขบเม้ม นึกถึงพระเอกตกรุ่นนั่นแล้วก็โมโหแทบอยากกระโดดงับคอคน คงจะดีถ้าคนคนนั้นคือคนกวนโมโหเธอ!
“เป็นอะไรไปน้องบัว ใครทำอะไรหรือจ๊ะ” เสียงพี่ใบตอง โปรดิวเซอร์สาวผมบ๊อบวัยเกือบสี่สิบปีถามเมื่อเห็นครีเอทีฟสาวฮึ่มฮั่มกลับมาจากห้องประชุม ใบตองทำงานกับกองถ่ายมาตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรี ตอนนี้ใบตองเลยเป็นอีกหนึ่งมือฉมังการออกกองถ่ายของเลมอนพาย
“บัวไปเจอคนชีกอมาค่ะ น่าหงุดหงิดมากเลยนะคะพี่ตอง” รวินท์รดาตอบพลางกระแทกก้นกับเก้าอี้ทำงาน นั่งเท้าคาง ทำหน้าตูมเพราะยังไม่หายหงุดหงิดเสียที
“ที่ไหน ที่บริษัทเนี่ยนะ” พี่ใบตองถามอย่างแปลกใจ เท่าที่รู้จักพนักงานเลมอนพายทั้งหมดห้าสิบกว่าชีวิต แม้จะมีพวกทะลึ่งตึงตัง แซวขำ ๆ ตามประสาผู้ชายปากไวบ้าง แต่ไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนชีกอใส่พนักงานผู้หญิงด้วยกันเลย
“ที่บริษัทค่ะ แต่ไม่ใช่พนักงานเราหรอกค่ะ เขาเป็นเพื่อนพี่นุค่ะ” รวินท์รดาตอบคำถาม เป็นจังหวะพอดีที่ดนุวัศเดินมาหาเธอพอดี ดนุวัศได้ยินคำตอบของรวินท์รดาก็หัวเราะร่า
“บัวหมายถึงนายธรรศน่ะครับคุณตอง” พร้อมเฉลยให้โปรดิวเซอร์มือฉมังซึ่งอยู่มาตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ใบตองรู้จักคุ้นเคยกับธรรศดี เมื่อก่อนก็เคยได้ธรรศมาถ่ายโฆษณาบ้าง อัดเสียงบ้าง แต่รวินท์รดาเพิ่งเข้ามาทำงานได้สองปีกว่าจึงไม่ทันได้ทำงานกับธรรศ
“เอ๊ะ น้องธรรศหรือคะ น้องธรรศเนี่ยนะคะ นิ่ง ๆ แบบนั้นชีกอจีบสาวเป็นด้วยหรือคะ” ใบตองแปลกใจจนตาโต
“เขาเงียบและนิ่งหรือคะ บัวว่าไม่น่าใช่นะคะ” ครีเอทีฟสาวย้อนถาม ก่อนจะเอะใจเกิดคำถามว่า … หรือเพราะจีบสาวไม่เป็นเลยใช้มุกหน้าคุ้นแสนเชยนั่นกันนะ
“ค่ะ พี่ใบตองทำงานกับน้องธรรศมาหลายงาน ทั้งก่อนน้องธรรศจะดังเป็นพลุแตก พอดังแล้วเราก็ไม่กล้าจ้างน้องธรรศหรอกนะคะ ค่าตัวแพงมาก แต่น้องธรรศก็ยังรับงานของเราอยู่ น่ารักนะคะน้องธรรศ น้องบัวเข้าใจผิดล่ะมั้งคะ” โปรดิวเซอร์สาวมั่นใจว่าดูคนไม่ผิดแน่นอน ก่อนจะหันไปทางบอสหนุ่ม
“พอพูดแล้วก็อยากทำงานกับน้องธรรศนะคะ คิดถึงอดีตมุ้งมิ้งสมัยพี่คอยดูแลน้องธรรศ” ใบตองเคลิ้มกับวันวาน ผิดกับรวินท์รดา เธอเดาว่าถ้าได้ทำงานกับพระเอกตกรุ่นนั่นคงไม่มีโมเมนท์มุ้งมิ้งแน่ ๆ แล้วครีเอทีฟสาวตัวเล็กก็ขอบายไม่ทำงานด้วยดีกว่า ไม่ถูกชะตาด้วยเล้ย!
“คุณตองอย่าฝันเลยครับ” ดนุวัศแกล้งดับฝันโปรดิวเซอร์สาว ใบตองจึงกระเง้ากระงอดใส่บอส ก่อนบอสขี้แกล้งจะยอมบอกความจริง
“เพราะนายธรรศเพิ่งตอบตกลงว่าจะรับโฆษณาบัตรเครดิตที่เราเพิ่งขายแบบลูกค้าได้ ถือว่าจังหวะดีจริง ๆ ที่ลูกค้าบ่นกับผมว่าอยากได้นายธรรศมาเป็นพรีเซนเตอร์ แล้วนายธรรศก็หมดสัญญาเมืองนอกกลับมาหาผมพอดี แถมนายธรรศก็ตอบตกลงจะกลับวงการด้วยโฆษณาบริษัทเราเป็นเจ้าแรกด้วย”
ดนุวัศประกาศข่าวดีจบ นอกจากใบตอง พวกสาวฝ่ายการตลาดคนอื่น ๆ ก็ร้องไชโยกันออกมาลั่นออฟฟิศ ทุกคนดูดีใจมาก ยกเว้นรวินท์รดาเอาแต่ทำหน้าเหรอหราขณะเงยหน้ามองพวกรุ่นพี่โห่ดีใจกัน เธอไม่รู้มาก่อนเลยว่าจะมีคนดีใจเรื่องพระเอกตกรุ่นยอมรับงานโฆษณาบัตรเครดิตมากมายขนาดนี้
โฆษณาบัตรเครดิตงั้นหรือ รวินท์รดาชะงักนิ่ง ดวงตากลมเริ่มเบิกกว้างเพราะเพิ่งระลึกได้ว่าเธอก็เป็นหนึ่งในทีมออกแบบโฆษณาตัวนี้ และถ้ามีการออกกองเธอก็ต้องไปทำงานด้วย!
“นี่ยังต้องเจอกันอีกหรือเนี่ย”
เพียงแค่คิดว่าจะต้องเจอพระเอกตกรุ่นชีกอคนนั่นอีก เธอก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกจนได้!
หญิงสาวยกมือขึ้นแปะหน้าเซ็ง ๆ ก่อนจะรู้สึกว่ามีอะไรแปลกตาไป เธอลดสายตามองข้อมือขวา เพียงเห็นความว่างเปล่า ไม่มี ‘สร้อยข้อมือทองโบราณเส้นเล็ก ๆ’ คล้องอยู่อย่างทุกวันก็ตกใจจนลุกขึ้นยืน เธอไม่ต้องคิดนานก็คาดเดาได้ว่าน่าจะตกอยู่แถวไหนจึงรีบวิ่งออกไปตรงจุดที่เธอชนกับธรรศ รวินท์รดาแทบจะเอามือกวาดไปทั่วพื้นแต่ก็ไม่พบสร้อยข้อมือของเธอตกอยู่เลย แม่บ้านชื่อพี่อรเดินผ่านมาเห็นครีเอทีฟสาวคลานไปมาอยู่ที่พื้นจึงถามอย่างสงสัย
“หาอะไรอยู่คะคุณบัว”
“สร้อยข้อมือค่ะ เป็นทองเก่า ๆ ล้อมทับทิมออกสีชมพูหน่อยน่ะค่ะ พี่อรเห็นบ้างไหมคะ” รวินท์รดาค้างในท่าคลานแล้วเงยหน้าถามพี่แม่บ้านวัยสามสิบห้าปี ของสำคัญหายไปทำให้ดวงตาของเธอแดงก่ำแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว
“ไม่เห็นเลยค่ะ หล่นอยู่แถวนี้หรือคะ พี่อรช่วยหานะคะ” แม่บ้านจึงมาก้ม ๆ เงย ๆ ช่วยหาของด้วยอีกคน แต่จนแล้วจนรอดก็มีแต่ความผิดหวัง
“ไม่เจอเลยค่ะคุณบัว ทำหล่นที่อื่น หรือลืมใส่มาจากบ้านหรือเปล่าคะ” พี่อรถามเผื่อว่าครีเอทีฟสาวอาจจะเผลอลืมไปเอง
“ไม่ค่ะ บัวไม่เคยถอดเลยค่ะ ขนาดอาบน้ำยังใส่ไว้เลย เมื่อตอนมื้อเที่ยงก่อนเข้าประชุมบัวยังเห็นอยู่เลย บัวว่าต้องหล่นตอนชนกับเพื่อนพี่นุแน่ ๆ หายไปไหนน้า” รวินท์รดาไม่ใช่คนโก๊ะกังขนาดนั้น ซึ่งเธอก็ไม่มีทางไปไหนมาไหนโดยขาดสร้อยข้อมือทับทิบเก่าจากคุณยายได้หรอก ถ้าไม่มีสร้อยข้อมือคุณยาย ชีวิตของเธอคงลำบากขึ้นอีกหลายร้อยเท่าเลยล่ะ!
“ถ้าหล่นในออฟฟิศ เดี๋ยวพี่จะทำความสะอาดแถวนี้ ถ้าหาเจอพี่จะเก็บให้นะคะคุณบัว” พี่อร แม่บ้านรับปากด้วยความเห็นอกเห็นใจ
“ขอบคุณมากนะคะพี่อร สร้อยนั่นสำคัญกับบัวมากด้วย ถ้าพี่อรเจอรบกวนเก็บไว้ให้บัวด้วยนะคะ” รวินท์รดาคงต้องฝากความหวังไว้กับแม่บ้านแล้วล่ะ
“บัว พี่นุเรียกประชุมจ้ะ” พี่สา พี่ร่วมงานฝ่ายขายเดินมาตามทำให้รวินท์รดาต้องหยุดหาของ เดินคอตกตามพี่สาไปประชุมกับคุณบอสหนุ่ม รวินท์รดากังวลจนแทบไม่มีสมาธิกับการประชุมเลย
ต้าหลิงขับรถพาธรรศกลับบ้าน … บ้านของเขา … บ้านในรั้วของอัศวชยภัทร ธรรศเงยหน้ามองบ้านสไตล์โคโรเนียลสีขาว คงเพิ่งมีการทาสีใหม่ เพราะบ้านหลังนี้ตกทอดมาตั้งแต่สมัยทวดจึงเก่ามาก ทวดของธรรศเป็นพ่อค้าผู้ร่ำรวยที่ดิน และเป็นเจ้าของเงินทุนให้ปู่ก่อตั้งบริษัทยาง สยาม อาร์ทีที อีกด้วย
ธรรศอดยิ้มไม่ได้ เป็นยิ้มที่เต็มไปด้วยความขมปร่าในอกเมื่อนึกย้อนไปวันที่เขาได้ทำงานในวงการบันเทิงครั้งแรก เขาโดนทั้งย่าและน้าสาวต่อว่าดูถูกจนธรรศยังสงสัยว่าตัวเองผ่านช่วงเวลานรกนั้นมาได้อย่างไร แต่หลังจากนั้นสองปี ธรรศได้รับโอกาสรับบทพระเอกภาพยนตร์โด่งดัง มีชื่อเสียง เป็นพรีเซนเตอร์สินค้ามากมาย น้าสาวก็หยิบเอาชื่อของเขาไปสร้างผลประโยชน์ให้บริษัทเหมือนไม่เคยถ่มน้ำลายดูถูกเขามาก่อน แต่ธรรศก็ไม่คิดติดใจ ทวงชื่อคืนหรืออย่างไร ธรรศถือว่าเป็นการตอบแทนปู่และลุงที่เลี้ยงดูเขามาก็เท่านั้น
หลังจากจอดรถแล้ว สถานที่แรกที่ธรรศตรงดิ่งไปก็คือ เรือนไม้ฝั่งขวา คุณปู่กับคุณย่าแยกไปพักอยู่ที่นั่น
“สวัสดี กลับมาคราวนี้ต้องกลับไปอีกหรือเปล่าล่ะ” คุณธีระถามหลานชาย หลังจากรับไหว้เรียบร้อยแล้ว เวลานี้ปู่หลานนั่งคุยกับสบาย ๆ บนเฉลียงริมน้ำตกจำลอง คนสูงวัยมักยึดเก้าอี้โยกตรงนี้อ่านหนังสือพักผ่อนในช่วงบั้นปลายชีวิต คุณธีระทำงานหนักมาเกือบทั้งชีวิต พอลูกหลานเข้ามารับช่วงต่อได้ จึงขอหยุดแล้วพักอย่างสงบบ้างดีกว่า
ธรรศประสานมือไว้บนตัก เขานั่งบนเก้าอี้หวายตรงข้ามเก้าอี้โยกของคุณปู่ ตอบคำถามด้วยน้ำเสียงเรียบร้อย
“ผมหมดสัญญากับทางปารีสแล้วครับคุณปู่ ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะต่อหรือไปเซ็นที่ไหน คงพักสักสองเดือนแล้วค่อยตัดสินใจอีกทีครับ”
“งานสนุกไหม” คุณปู่ถามอย่างใจดีเช่นเดิม ท่านสงสารหลานคนนี้จนอะไรก็ตามที่ทำให้ธรรศมีความสุข ท่านจะสนับสนุนทุกอย่าง
“ครับ คุณปู่สบายดีนะครับ ผมมัวแต่ทำงานจนแทบไม่ได้ดูแลคุณปู่เลย” ธรรศรู้สึกละอายใจ เมื่อธรรศหนีจากครอบครัวไป ก็แปลว่าธรรศก็ห่างกับปู่เช่นกัน
“ปู่เข้าใจดี ถ้าธรรศว่างก็แวะมาหาปู่บ้างละกันนะ บอกตรง ๆ ปู่ก็คิดถึงธรรศ เห็นหน้าแล้วรู้สึกว่าเหมือนพ่อเรายังอยู่ใกล้ ๆ ปู่”
แม้คุณปู่จะไม่ได้พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าอะไร แต่สำหรับธรรศนั้น ยามใดใครเอ่ยถึงบิดาจะเหมือนหัวใจโดนบีบทุกครั้งไป
แต่บรรยากาศหมองหม่นก็ถูกปัดทิ้ง คุณปู่เปลี่ยนเรื่องคุยเป็นเรื่องงานของธรรศ พอได้ยินว่าปู่เอาเขาไปอวดเพื่อน ๆ ว่ามีหลานชายเป็นพระเอกละครในงานสังสรรค์ หลานชายวัยสามสิบปีกับหกเดือนเริ่มหัวเราะ ปู่หลานคุยกันครู่ใหญ่ ธรรศจึงขอตัวไปพบลุงธราดลต่อ ซึ่งธราดลก็นั่งอ่านหนังสือพิมพ์รออยู่ในห้องนั่งเล่น ณ บ้านหลังใหญ่
ธรรศลอบถอนหายใจเมื่อทรุดนั่งบนโซฟาด้านข้าง ธราดลเปิดบทสนทนาเรื่องเดิม ๆ คืออยากให้เขาเข้าไปทำงานที่บริษัท ครอบครัวอัศวชยภัทรทำกิจการผลิตและจำหน่ายยางรถ โดยปู่ของธรรศเป็นผู้ก่อตั้ง เป็นหนึ่งในรายใหญ่ ๆ อันดับต้น ๆ ของประเทศเลยทีเดียว
“มาสานต่อกิจการของพ่อแกเถอะ ธรรศ ลุงรู้ว่าแกอาจจะชอบงานวงการบันเทิง แต่ก็อยากให้มารู้จักกิจการของครอบครัวเราบ้าง”
ธราดลพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ธรรศยังคงนิ่ง และฟังเงียบ ๆ เมื่อธราดลยังพูดต่ออีกว่า
“งานในวงการมันไม่เที่ยงหรอกนะ วันใดวันหนึ่งแกก็ต้องมีครอบครัวที่ดูแล บริษัทของเราจะเป็นรากฐานมั่นคงสำหรับแกนะ”
“จะไปตื๊อให้หลานลำบากใจทำไมล่ะคะ” เสียงของทิพวรรณ ภรรยาของธราดลแหลมแทรกขึ้นมา พร้อมย้ายร่างจากประตูห้องนั่งเล่นมานั่งเคียงสามีบนโซฟา ดวงตาเรียวพยายามมองหลานด้วยแววตาเป็นมิตร โดยในใจ ทิพวรรณกลัวหนักหนาว่าถ้าธรรศเข้ามาแสดงฝีมือในบริษัท แล้วส่วนแบ่งทรัพย์สมบัติของลูกชายทั้งสองจะลดลง
“หลานชอบอะไรก็ให้หลานทำไปเถอะค่ะ ธรรศเองก็เก่ง ไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองไปตกระกำลำบากหรอกนะคะ จริงไหมธรรศ” ทิพวรรณหันมาถามน้ำเสียงหวานเลี่ยน
“ครับคุณป้า ผมเอาตัวรอดได้เสมอ ผมเองก็อดข้าวจนชินแล้ว ต่อให้หลังจากนี้จะอดอีกสักมื้อสองมื้อ ผมก็ทนไหว แล้วผมก็ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว ผมไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองทนหิวอีกแล้วล่ะครับ” ธรรศตอบโต้ทิพวรรณทั้งคำพูดและสายตา น้ำเสียงสบาย ๆ หากก็ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าทิพวรรณบิดเบี้ยวไปทันที
“อดข้าว? นี่ธรรศเคยถูกปล่อยให้อดข้าวหิวโซหรือคุณทิพย์” ธราดลไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน หันไปถามภรรยาด้วยสายตา และก่อนที่ภรรยาจะแก้ตัวอะไร หลานชายก็รีบอธิบาย
“ตอนเด็ก ๆ ผมมัวแต่ห่วงเล่นน่ะครับคุณลุง ไม่มีอะไรหรอกครับ” พูดจบ ธรรศก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “ผมมีนัดคุยงานต่อครับ และผมก็เหนื่อยจากการเดินทางมากเลย ผมขอตัวก่อนนะครับคุณลุง”
“ไม่นอนที่บ้านหรือธรรศ ลุงให้คนจัดห้องไว้แล้วนะ บ้านของพ่อเราก็ให้คนไปทำความสะอาดตลอด” ธราดลไม่สบายใจเลยที่หลานชายแยกตัวออกไปเช่นนี้ ทำเหมือนไม่มีครอบครัว จริงอยู่ ธนวิทย์ บิดาของธรรศ และเป็นน้องชายคนกลางของธราดลเสียไปแล้ว ธรรศกลายเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่ แต่ธรรศก็ยังมีปู่ มีลุง มีน้าเป็นครอบครัวอยู่
นั่นเป็นเพราะธราดลไม่เคยรับรู้ว่าธรรศเคยถูกปฏิบัติจากป้าสะใภ้และน้าสาวอย่างใจร้ายขนาดไหนมาก่อน
หากธรรศก็ไม่อยากรื้อฟื้นอะไรอีก
“ไว้โอกาสหน้านะครับ วันนี้ผมต้องกลับไปเคลียร์อะไรหลายอย่าง สวัสดีนะครับคุณลุง คุณป้า”
พอลับร่างของหลานชาย ทิพยวรรณก็ถอนหายใจเสียงดัง
“มีอะไรหรือคุณทิพย์” สามีแปลกใจในการถอนหายใจและสีหน้ากลัดกลุ้มของภรรยา
“สงสารหลานน่ะค่ะ แกคงอึดอัดเพราะคุณแม่ไม่ชอบแกเลย ก็เรื่องที่เล่าว่าตาธรรศมีผีตามอยู่ไงคะ”
“เหลวไหล!” ธราดลตวาดลั่น ร่างท้วมลุกขึ้นยืน พร้อมสั่งเสียงเฉียบ “อย่าให้ได้ยินใครในบ้านพูดเรื่องเพ้อเจ้อนี้อีกนะ ผมไม่อยากให้หลานได้ยิน”
ทิพวรรณขานรับอย่างจ๋อย ๆ มองสามีเดินตึงตังออกจากห้องนั่งเล่นไปก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดหาใครบางคนทันที
ถึงเวลาเลิกงานแล้ว แต่รวินท์รดาก็ยังหาสร้อยข้อมือไม่เจอเสียที เธอเดินตามหาพี่อร แม่บ้านเพื่อถามความคืบหน้าเรื่องสร้อยข้อมือก็พบว่ากลับบ้านไปแล้ว รวินท์รดาจึงต้องกลับบ้านอย่างเซ็ง ๆ
หญิงสาวมีมอเตอร์ไซค์เวสป้าเป็นพาหนะคู่ใจ เธอขี่รถจากบริษัทไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็กลับถึงคอนโดมิเมียมที่พักของเธอแล้ว
และขณะที่เธอกำลังรถอยู่ดี ๆ เธอก็รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว มือที่กำแฮนด์รถมอเตอร์ไซด์ถูกอำนาจปริศนาบังคับให้รถออกนอกเส้นทางกลับที่พัก รวินท์รดาหันไปด้านข้างก็พบวิญญาณสาวคนหนึ่งนั่งซ้อนท้ายรถเธอยู่!
รวินท์รดามองไม่เห็นใบหน้าของวิญญาณสาวที่กำลังก่อกวนเธออยู่ เธอโกรธธรรศขึ้นมาอีกระลอก เพราะการเจอธรรศทำให้สร้อยข้อมือเธอหล่นหาย สร้อยข้อมือเส้นนั้นมีอาคมช่วยให้รวินท์รดาไม่ต้องพบเจอภูติผีวิญญาณใด ๆ สามารถใช้ชีวิตเหมือนคนปกติได้!
พอไม่มีสร้อยข้อมือล้อมทับทิมเส้นนั้น รวินท์รดาคนเห็นผีจึบงต้องมาถูกผีก่อกวนอยู่แบบนี้!!
“เธอเป็นใคร! แล้วจะไปไหน!!” รวินท์รดาตะโกนถาม เวลานี้เธอไม่สามารถขัดขืนเปลี่ยนเส้นทางการเดินทางได้เลย เวสป้าสีแดงเข้มของเธอแล่นไปอย่างไม่รู้จุดหมาย
“ฉันถามไง ตอบมาสิ! เธอไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้นะ เธอไม่รู้ใช่ไหมว่าฉันมีมาเฟียขาใหญ่เป็นพวก!! ถ้าฉันเรียกมาเฟียออกมา เธอเสร็จแน่ ยัยผีติงต๊อง!!” ครีเอทีฟสาวหงุดหงิด และเอา ‘มาเฟียใหญ่แห่งโลกนรก’ มาขู่ แต่ไม่ได้ผล วิญญาณหญิงสาวปริศนายังไม่ยอมเลิกแกล้งเธออยู่ดี
กะทั่งรถเวสป้าแล่นมาถึงถนนเล็ก ๆ ข้างหนึ่งคือกำแพงบ้านคน ส่วนอีกด้านเป็นทุ่งรกร้าง บรรยากศค่อนข้างวังเวงน่ากลัว แต่รวินท์รดาไม่กลัว เธอถอดหมวกกันน็อค ก้าวลงจากรถ แล้วหันไปวีนใส่ผีทันทีที่หลุดพ้นการถูกผีสิงมือ!
“มันจะมากไปแล้วนะ! เธอเป็นใคร พาฉันมาที่แบบนี้ทำไม อย่าบอกนะว่าให้ช่วยตามหาศพเธอน่ะ!”
ผีสาวไม่ตอบคำถามหันหลังเดินหนีไปตรงสามแยกดื้อ ๆ ครีเอทีฟสาวคว่ำปากใส่อย่างหงุดหงิด สงสัยเธอจะเจอผีขี้เหงามาก่อกวนชวนเล่นด้วยเสียแล้ว
“อะไรของเขา!” เธอบ่นขณะขึ้นคร่อมเวสป้าคันโปรด และทันใดนั้นเองเธอต้องชะงักกับเสียงโครมดังมาก
รวินท์รดาลงจากเวสป้าอีกครั้ง แล้วเดินตามเสียงเหมือนรถชนกับอะไรสักอย่างไป ก่อนดวงตากลมจะเบิกกว้างกับที่มาของเสียงชนโครมที่ได้ยิน ภาพรถเอสยูวีสีดำคันหนึ่งหงายเก๋งในสภาพกระจกแตกและคนขับหมดสติ รวินท์รดารีบวิ่งเข้าไปดู เธอรู้ว่าต้องรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ แต่ระหว่างมองหาคนเจ็บในรถ เธอก็ต้องสะดุ้งอีกรอบกับการเห็นร่างสูงที่หมดสติจมกองเลือดคาซากรถเอสยูวี
นายพระเอกตกรุ่น เพื่อนของดนุวัศ!!
“คุณ … คุณธรรศ!” รวินท์รดาตาโต เรียกชื่อชายหนุ่มดังลั่นก่อนจะย่อตัวนั่งกับพื้น
“คุณธรรศ คุณอย่าเป็นอะไรนะ อดทนไว้ก่อนนะ!!”
ธรรศปรือตาขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงของเธอ เขายังไม่หมดสติ และพยายามบอกเธอด้วยเสียงแหบแห้งจวนหมดแรง
“… ช่วยต้าหลิงด้วย ช่วย …”
ชายหนุ่มพูดได้แค่นั้นก็หมดสติไปในที่สุด
จบตอน
นำตอนต่อมาส่งแล้วค่า
มาอ่านแล้วแวะทักทายกันบ้างนะค้า
^^
คุณ แว่นใส - ปิ่นก็ชอบแนวปริศนาเยอะ ๆ ค่ะ ฮ่าๆๆๆ
ฝากหนุ่มธรรศ กับสาวบัว ด้วยนะค้า ^^
พบกันใหม่ตอนหน้าค่า
“ฮึ้ย!” รวินท์รดาร้องระบายอารมณ์โมโหในใจ เธอกระแทกเอกสารกับโต๊ะทำงาน สีหน้าเหมือนไปตีกับใครมา ริมฝีปากสีหวานขบเม้ม นึกถึงพระเอกตกรุ่นนั่นแล้วก็โมโหแทบอยากกระโดดงับคอคน คงจะดีถ้าคนคนนั้นคือคนกวนโมโหเธอ!
“เป็นอะไรไปน้องบัว ใครทำอะไรหรือจ๊ะ” เสียงพี่ใบตอง โปรดิวเซอร์สาวผมบ๊อบวัยเกือบสี่สิบปีถามเมื่อเห็นครีเอทีฟสาวฮึ่มฮั่มกลับมาจากห้องประชุม ใบตองทำงานกับกองถ่ายมาตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรี ตอนนี้ใบตองเลยเป็นอีกหนึ่งมือฉมังการออกกองถ่ายของเลมอนพาย
“บัวไปเจอคนชีกอมาค่ะ น่าหงุดหงิดมากเลยนะคะพี่ตอง” รวินท์รดาตอบพลางกระแทกก้นกับเก้าอี้ทำงาน นั่งเท้าคาง ทำหน้าตูมเพราะยังไม่หายหงุดหงิดเสียที
“ที่ไหน ที่บริษัทเนี่ยนะ” พี่ใบตองถามอย่างแปลกใจ เท่าที่รู้จักพนักงานเลมอนพายทั้งหมดห้าสิบกว่าชีวิต แม้จะมีพวกทะลึ่งตึงตัง แซวขำ ๆ ตามประสาผู้ชายปากไวบ้าง แต่ไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนชีกอใส่พนักงานผู้หญิงด้วยกันเลย
“ที่บริษัทค่ะ แต่ไม่ใช่พนักงานเราหรอกค่ะ เขาเป็นเพื่อนพี่นุค่ะ” รวินท์รดาตอบคำถาม เป็นจังหวะพอดีที่ดนุวัศเดินมาหาเธอพอดี ดนุวัศได้ยินคำตอบของรวินท์รดาก็หัวเราะร่า
“บัวหมายถึงนายธรรศน่ะครับคุณตอง” พร้อมเฉลยให้โปรดิวเซอร์มือฉมังซึ่งอยู่มาตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ใบตองรู้จักคุ้นเคยกับธรรศดี เมื่อก่อนก็เคยได้ธรรศมาถ่ายโฆษณาบ้าง อัดเสียงบ้าง แต่รวินท์รดาเพิ่งเข้ามาทำงานได้สองปีกว่าจึงไม่ทันได้ทำงานกับธรรศ
“เอ๊ะ น้องธรรศหรือคะ น้องธรรศเนี่ยนะคะ นิ่ง ๆ แบบนั้นชีกอจีบสาวเป็นด้วยหรือคะ” ใบตองแปลกใจจนตาโต
“เขาเงียบและนิ่งหรือคะ บัวว่าไม่น่าใช่นะคะ” ครีเอทีฟสาวย้อนถาม ก่อนจะเอะใจเกิดคำถามว่า … หรือเพราะจีบสาวไม่เป็นเลยใช้มุกหน้าคุ้นแสนเชยนั่นกันนะ
“ค่ะ พี่ใบตองทำงานกับน้องธรรศมาหลายงาน ทั้งก่อนน้องธรรศจะดังเป็นพลุแตก พอดังแล้วเราก็ไม่กล้าจ้างน้องธรรศหรอกนะคะ ค่าตัวแพงมาก แต่น้องธรรศก็ยังรับงานของเราอยู่ น่ารักนะคะน้องธรรศ น้องบัวเข้าใจผิดล่ะมั้งคะ” โปรดิวเซอร์สาวมั่นใจว่าดูคนไม่ผิดแน่นอน ก่อนจะหันไปทางบอสหนุ่ม
“พอพูดแล้วก็อยากทำงานกับน้องธรรศนะคะ คิดถึงอดีตมุ้งมิ้งสมัยพี่คอยดูแลน้องธรรศ” ใบตองเคลิ้มกับวันวาน ผิดกับรวินท์รดา เธอเดาว่าถ้าได้ทำงานกับพระเอกตกรุ่นนั่นคงไม่มีโมเมนท์มุ้งมิ้งแน่ ๆ แล้วครีเอทีฟสาวตัวเล็กก็ขอบายไม่ทำงานด้วยดีกว่า ไม่ถูกชะตาด้วยเล้ย!
“คุณตองอย่าฝันเลยครับ” ดนุวัศแกล้งดับฝันโปรดิวเซอร์สาว ใบตองจึงกระเง้ากระงอดใส่บอส ก่อนบอสขี้แกล้งจะยอมบอกความจริง
“เพราะนายธรรศเพิ่งตอบตกลงว่าจะรับโฆษณาบัตรเครดิตที่เราเพิ่งขายแบบลูกค้าได้ ถือว่าจังหวะดีจริง ๆ ที่ลูกค้าบ่นกับผมว่าอยากได้นายธรรศมาเป็นพรีเซนเตอร์ แล้วนายธรรศก็หมดสัญญาเมืองนอกกลับมาหาผมพอดี แถมนายธรรศก็ตอบตกลงจะกลับวงการด้วยโฆษณาบริษัทเราเป็นเจ้าแรกด้วย”
ดนุวัศประกาศข่าวดีจบ นอกจากใบตอง พวกสาวฝ่ายการตลาดคนอื่น ๆ ก็ร้องไชโยกันออกมาลั่นออฟฟิศ ทุกคนดูดีใจมาก ยกเว้นรวินท์รดาเอาแต่ทำหน้าเหรอหราขณะเงยหน้ามองพวกรุ่นพี่โห่ดีใจกัน เธอไม่รู้มาก่อนเลยว่าจะมีคนดีใจเรื่องพระเอกตกรุ่นยอมรับงานโฆษณาบัตรเครดิตมากมายขนาดนี้
โฆษณาบัตรเครดิตงั้นหรือ รวินท์รดาชะงักนิ่ง ดวงตากลมเริ่มเบิกกว้างเพราะเพิ่งระลึกได้ว่าเธอก็เป็นหนึ่งในทีมออกแบบโฆษณาตัวนี้ และถ้ามีการออกกองเธอก็ต้องไปทำงานด้วย!
“นี่ยังต้องเจอกันอีกหรือเนี่ย”
เพียงแค่คิดว่าจะต้องเจอพระเอกตกรุ่นชีกอคนนั่นอีก เธอก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกจนได้!
หญิงสาวยกมือขึ้นแปะหน้าเซ็ง ๆ ก่อนจะรู้สึกว่ามีอะไรแปลกตาไป เธอลดสายตามองข้อมือขวา เพียงเห็นความว่างเปล่า ไม่มี ‘สร้อยข้อมือทองโบราณเส้นเล็ก ๆ’ คล้องอยู่อย่างทุกวันก็ตกใจจนลุกขึ้นยืน เธอไม่ต้องคิดนานก็คาดเดาได้ว่าน่าจะตกอยู่แถวไหนจึงรีบวิ่งออกไปตรงจุดที่เธอชนกับธรรศ รวินท์รดาแทบจะเอามือกวาดไปทั่วพื้นแต่ก็ไม่พบสร้อยข้อมือของเธอตกอยู่เลย แม่บ้านชื่อพี่อรเดินผ่านมาเห็นครีเอทีฟสาวคลานไปมาอยู่ที่พื้นจึงถามอย่างสงสัย
“หาอะไรอยู่คะคุณบัว”
“สร้อยข้อมือค่ะ เป็นทองเก่า ๆ ล้อมทับทิมออกสีชมพูหน่อยน่ะค่ะ พี่อรเห็นบ้างไหมคะ” รวินท์รดาค้างในท่าคลานแล้วเงยหน้าถามพี่แม่บ้านวัยสามสิบห้าปี ของสำคัญหายไปทำให้ดวงตาของเธอแดงก่ำแทบจะร้องไห้ออกมาอยู่แล้ว
“ไม่เห็นเลยค่ะ หล่นอยู่แถวนี้หรือคะ พี่อรช่วยหานะคะ” แม่บ้านจึงมาก้ม ๆ เงย ๆ ช่วยหาของด้วยอีกคน แต่จนแล้วจนรอดก็มีแต่ความผิดหวัง
“ไม่เจอเลยค่ะคุณบัว ทำหล่นที่อื่น หรือลืมใส่มาจากบ้านหรือเปล่าคะ” พี่อรถามเผื่อว่าครีเอทีฟสาวอาจจะเผลอลืมไปเอง
“ไม่ค่ะ บัวไม่เคยถอดเลยค่ะ ขนาดอาบน้ำยังใส่ไว้เลย เมื่อตอนมื้อเที่ยงก่อนเข้าประชุมบัวยังเห็นอยู่เลย บัวว่าต้องหล่นตอนชนกับเพื่อนพี่นุแน่ ๆ หายไปไหนน้า” รวินท์รดาไม่ใช่คนโก๊ะกังขนาดนั้น ซึ่งเธอก็ไม่มีทางไปไหนมาไหนโดยขาดสร้อยข้อมือทับทิบเก่าจากคุณยายได้หรอก ถ้าไม่มีสร้อยข้อมือคุณยาย ชีวิตของเธอคงลำบากขึ้นอีกหลายร้อยเท่าเลยล่ะ!
“ถ้าหล่นในออฟฟิศ เดี๋ยวพี่จะทำความสะอาดแถวนี้ ถ้าหาเจอพี่จะเก็บให้นะคะคุณบัว” พี่อร แม่บ้านรับปากด้วยความเห็นอกเห็นใจ
“ขอบคุณมากนะคะพี่อร สร้อยนั่นสำคัญกับบัวมากด้วย ถ้าพี่อรเจอรบกวนเก็บไว้ให้บัวด้วยนะคะ” รวินท์รดาคงต้องฝากความหวังไว้กับแม่บ้านแล้วล่ะ
“บัว พี่นุเรียกประชุมจ้ะ” พี่สา พี่ร่วมงานฝ่ายขายเดินมาตามทำให้รวินท์รดาต้องหยุดหาของ เดินคอตกตามพี่สาไปประชุมกับคุณบอสหนุ่ม รวินท์รดากังวลจนแทบไม่มีสมาธิกับการประชุมเลย
ต้าหลิงขับรถพาธรรศกลับบ้าน … บ้านของเขา … บ้านในรั้วของอัศวชยภัทร ธรรศเงยหน้ามองบ้านสไตล์โคโรเนียลสีขาว คงเพิ่งมีการทาสีใหม่ เพราะบ้านหลังนี้ตกทอดมาตั้งแต่สมัยทวดจึงเก่ามาก ทวดของธรรศเป็นพ่อค้าผู้ร่ำรวยที่ดิน และเป็นเจ้าของเงินทุนให้ปู่ก่อตั้งบริษัทยาง สยาม อาร์ทีที อีกด้วย
ธรรศอดยิ้มไม่ได้ เป็นยิ้มที่เต็มไปด้วยความขมปร่าในอกเมื่อนึกย้อนไปวันที่เขาได้ทำงานในวงการบันเทิงครั้งแรก เขาโดนทั้งย่าและน้าสาวต่อว่าดูถูกจนธรรศยังสงสัยว่าตัวเองผ่านช่วงเวลานรกนั้นมาได้อย่างไร แต่หลังจากนั้นสองปี ธรรศได้รับโอกาสรับบทพระเอกภาพยนตร์โด่งดัง มีชื่อเสียง เป็นพรีเซนเตอร์สินค้ามากมาย น้าสาวก็หยิบเอาชื่อของเขาไปสร้างผลประโยชน์ให้บริษัทเหมือนไม่เคยถ่มน้ำลายดูถูกเขามาก่อน แต่ธรรศก็ไม่คิดติดใจ ทวงชื่อคืนหรืออย่างไร ธรรศถือว่าเป็นการตอบแทนปู่และลุงที่เลี้ยงดูเขามาก็เท่านั้น
หลังจากจอดรถแล้ว สถานที่แรกที่ธรรศตรงดิ่งไปก็คือ เรือนไม้ฝั่งขวา คุณปู่กับคุณย่าแยกไปพักอยู่ที่นั่น
“สวัสดี กลับมาคราวนี้ต้องกลับไปอีกหรือเปล่าล่ะ” คุณธีระถามหลานชาย หลังจากรับไหว้เรียบร้อยแล้ว เวลานี้ปู่หลานนั่งคุยกับสบาย ๆ บนเฉลียงริมน้ำตกจำลอง คนสูงวัยมักยึดเก้าอี้โยกตรงนี้อ่านหนังสือพักผ่อนในช่วงบั้นปลายชีวิต คุณธีระทำงานหนักมาเกือบทั้งชีวิต พอลูกหลานเข้ามารับช่วงต่อได้ จึงขอหยุดแล้วพักอย่างสงบบ้างดีกว่า
ธรรศประสานมือไว้บนตัก เขานั่งบนเก้าอี้หวายตรงข้ามเก้าอี้โยกของคุณปู่ ตอบคำถามด้วยน้ำเสียงเรียบร้อย
“ผมหมดสัญญากับทางปารีสแล้วครับคุณปู่ ยังไม่ได้ตัดสินใจว่าจะต่อหรือไปเซ็นที่ไหน คงพักสักสองเดือนแล้วค่อยตัดสินใจอีกทีครับ”
“งานสนุกไหม” คุณปู่ถามอย่างใจดีเช่นเดิม ท่านสงสารหลานคนนี้จนอะไรก็ตามที่ทำให้ธรรศมีความสุข ท่านจะสนับสนุนทุกอย่าง
“ครับ คุณปู่สบายดีนะครับ ผมมัวแต่ทำงานจนแทบไม่ได้ดูแลคุณปู่เลย” ธรรศรู้สึกละอายใจ เมื่อธรรศหนีจากครอบครัวไป ก็แปลว่าธรรศก็ห่างกับปู่เช่นกัน
“ปู่เข้าใจดี ถ้าธรรศว่างก็แวะมาหาปู่บ้างละกันนะ บอกตรง ๆ ปู่ก็คิดถึงธรรศ เห็นหน้าแล้วรู้สึกว่าเหมือนพ่อเรายังอยู่ใกล้ ๆ ปู่”
แม้คุณปู่จะไม่ได้พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าอะไร แต่สำหรับธรรศนั้น ยามใดใครเอ่ยถึงบิดาจะเหมือนหัวใจโดนบีบทุกครั้งไป
แต่บรรยากาศหมองหม่นก็ถูกปัดทิ้ง คุณปู่เปลี่ยนเรื่องคุยเป็นเรื่องงานของธรรศ พอได้ยินว่าปู่เอาเขาไปอวดเพื่อน ๆ ว่ามีหลานชายเป็นพระเอกละครในงานสังสรรค์ หลานชายวัยสามสิบปีกับหกเดือนเริ่มหัวเราะ ปู่หลานคุยกันครู่ใหญ่ ธรรศจึงขอตัวไปพบลุงธราดลต่อ ซึ่งธราดลก็นั่งอ่านหนังสือพิมพ์รออยู่ในห้องนั่งเล่น ณ บ้านหลังใหญ่
ธรรศลอบถอนหายใจเมื่อทรุดนั่งบนโซฟาด้านข้าง ธราดลเปิดบทสนทนาเรื่องเดิม ๆ คืออยากให้เขาเข้าไปทำงานที่บริษัท ครอบครัวอัศวชยภัทรทำกิจการผลิตและจำหน่ายยางรถ โดยปู่ของธรรศเป็นผู้ก่อตั้ง เป็นหนึ่งในรายใหญ่ ๆ อันดับต้น ๆ ของประเทศเลยทีเดียว
“มาสานต่อกิจการของพ่อแกเถอะ ธรรศ ลุงรู้ว่าแกอาจจะชอบงานวงการบันเทิง แต่ก็อยากให้มารู้จักกิจการของครอบครัวเราบ้าง”
ธราดลพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ธรรศยังคงนิ่ง และฟังเงียบ ๆ เมื่อธราดลยังพูดต่ออีกว่า
“งานในวงการมันไม่เที่ยงหรอกนะ วันใดวันหนึ่งแกก็ต้องมีครอบครัวที่ดูแล บริษัทของเราจะเป็นรากฐานมั่นคงสำหรับแกนะ”
“จะไปตื๊อให้หลานลำบากใจทำไมล่ะคะ” เสียงของทิพวรรณ ภรรยาของธราดลแหลมแทรกขึ้นมา พร้อมย้ายร่างจากประตูห้องนั่งเล่นมานั่งเคียงสามีบนโซฟา ดวงตาเรียวพยายามมองหลานด้วยแววตาเป็นมิตร โดยในใจ ทิพวรรณกลัวหนักหนาว่าถ้าธรรศเข้ามาแสดงฝีมือในบริษัท แล้วส่วนแบ่งทรัพย์สมบัติของลูกชายทั้งสองจะลดลง
“หลานชอบอะไรก็ให้หลานทำไปเถอะค่ะ ธรรศเองก็เก่ง ไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองไปตกระกำลำบากหรอกนะคะ จริงไหมธรรศ” ทิพวรรณหันมาถามน้ำเสียงหวานเลี่ยน
“ครับคุณป้า ผมเอาตัวรอดได้เสมอ ผมเองก็อดข้าวจนชินแล้ว ต่อให้หลังจากนี้จะอดอีกสักมื้อสองมื้อ ผมก็ทนไหว แล้วผมก็ไม่ใช่เด็ก ๆ แล้ว ผมไม่มีทางปล่อยให้ตัวเองทนหิวอีกแล้วล่ะครับ” ธรรศตอบโต้ทิพวรรณทั้งคำพูดและสายตา น้ำเสียงสบาย ๆ หากก็ทำให้รอยยิ้มบนใบหน้าทิพวรรณบิดเบี้ยวไปทันที
“อดข้าว? นี่ธรรศเคยถูกปล่อยให้อดข้าวหิวโซหรือคุณทิพย์” ธราดลไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน หันไปถามภรรยาด้วยสายตา และก่อนที่ภรรยาจะแก้ตัวอะไร หลานชายก็รีบอธิบาย
“ตอนเด็ก ๆ ผมมัวแต่ห่วงเล่นน่ะครับคุณลุง ไม่มีอะไรหรอกครับ” พูดจบ ธรรศก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “ผมมีนัดคุยงานต่อครับ และผมก็เหนื่อยจากการเดินทางมากเลย ผมขอตัวก่อนนะครับคุณลุง”
“ไม่นอนที่บ้านหรือธรรศ ลุงให้คนจัดห้องไว้แล้วนะ บ้านของพ่อเราก็ให้คนไปทำความสะอาดตลอด” ธราดลไม่สบายใจเลยที่หลานชายแยกตัวออกไปเช่นนี้ ทำเหมือนไม่มีครอบครัว จริงอยู่ ธนวิทย์ บิดาของธรรศ และเป็นน้องชายคนกลางของธราดลเสียไปแล้ว ธรรศกลายเป็นเด็กกำพร้าพ่อแม่ แต่ธรรศก็ยังมีปู่ มีลุง มีน้าเป็นครอบครัวอยู่
นั่นเป็นเพราะธราดลไม่เคยรับรู้ว่าธรรศเคยถูกปฏิบัติจากป้าสะใภ้และน้าสาวอย่างใจร้ายขนาดไหนมาก่อน
หากธรรศก็ไม่อยากรื้อฟื้นอะไรอีก
“ไว้โอกาสหน้านะครับ วันนี้ผมต้องกลับไปเคลียร์อะไรหลายอย่าง สวัสดีนะครับคุณลุง คุณป้า”
พอลับร่างของหลานชาย ทิพยวรรณก็ถอนหายใจเสียงดัง
“มีอะไรหรือคุณทิพย์” สามีแปลกใจในการถอนหายใจและสีหน้ากลัดกลุ้มของภรรยา
“สงสารหลานน่ะค่ะ แกคงอึดอัดเพราะคุณแม่ไม่ชอบแกเลย ก็เรื่องที่เล่าว่าตาธรรศมีผีตามอยู่ไงคะ”
“เหลวไหล!” ธราดลตวาดลั่น ร่างท้วมลุกขึ้นยืน พร้อมสั่งเสียงเฉียบ “อย่าให้ได้ยินใครในบ้านพูดเรื่องเพ้อเจ้อนี้อีกนะ ผมไม่อยากให้หลานได้ยิน”
ทิพวรรณขานรับอย่างจ๋อย ๆ มองสามีเดินตึงตังออกจากห้องนั่งเล่นไปก็รีบหยิบโทรศัพท์มือถือออกมากดหาใครบางคนทันที
ถึงเวลาเลิกงานแล้ว แต่รวินท์รดาก็ยังหาสร้อยข้อมือไม่เจอเสียที เธอเดินตามหาพี่อร แม่บ้านเพื่อถามความคืบหน้าเรื่องสร้อยข้อมือก็พบว่ากลับบ้านไปแล้ว รวินท์รดาจึงต้องกลับบ้านอย่างเซ็ง ๆ
หญิงสาวมีมอเตอร์ไซค์เวสป้าเป็นพาหนะคู่ใจ เธอขี่รถจากบริษัทไม่ถึงครึ่งชั่วโมงก็กลับถึงคอนโดมิเมียมที่พักของเธอแล้ว
และขณะที่เธอกำลังรถอยู่ดี ๆ เธอก็รู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว มือที่กำแฮนด์รถมอเตอร์ไซด์ถูกอำนาจปริศนาบังคับให้รถออกนอกเส้นทางกลับที่พัก รวินท์รดาหันไปด้านข้างก็พบวิญญาณสาวคนหนึ่งนั่งซ้อนท้ายรถเธอยู่!
รวินท์รดามองไม่เห็นใบหน้าของวิญญาณสาวที่กำลังก่อกวนเธออยู่ เธอโกรธธรรศขึ้นมาอีกระลอก เพราะการเจอธรรศทำให้สร้อยข้อมือเธอหล่นหาย สร้อยข้อมือเส้นนั้นมีอาคมช่วยให้รวินท์รดาไม่ต้องพบเจอภูติผีวิญญาณใด ๆ สามารถใช้ชีวิตเหมือนคนปกติได้!
พอไม่มีสร้อยข้อมือล้อมทับทิมเส้นนั้น รวินท์รดาคนเห็นผีจึบงต้องมาถูกผีก่อกวนอยู่แบบนี้!!
“เธอเป็นใคร! แล้วจะไปไหน!!” รวินท์รดาตะโกนถาม เวลานี้เธอไม่สามารถขัดขืนเปลี่ยนเส้นทางการเดินทางได้เลย เวสป้าสีแดงเข้มของเธอแล่นไปอย่างไม่รู้จุดหมาย
“ฉันถามไง ตอบมาสิ! เธอไม่มีสิทธิ์ทำแบบนี้นะ เธอไม่รู้ใช่ไหมว่าฉันมีมาเฟียขาใหญ่เป็นพวก!! ถ้าฉันเรียกมาเฟียออกมา เธอเสร็จแน่ ยัยผีติงต๊อง!!” ครีเอทีฟสาวหงุดหงิด และเอา ‘มาเฟียใหญ่แห่งโลกนรก’ มาขู่ แต่ไม่ได้ผล วิญญาณหญิงสาวปริศนายังไม่ยอมเลิกแกล้งเธออยู่ดี
กะทั่งรถเวสป้าแล่นมาถึงถนนเล็ก ๆ ข้างหนึ่งคือกำแพงบ้านคน ส่วนอีกด้านเป็นทุ่งรกร้าง บรรยากศค่อนข้างวังเวงน่ากลัว แต่รวินท์รดาไม่กลัว เธอถอดหมวกกันน็อค ก้าวลงจากรถ แล้วหันไปวีนใส่ผีทันทีที่หลุดพ้นการถูกผีสิงมือ!
“มันจะมากไปแล้วนะ! เธอเป็นใคร พาฉันมาที่แบบนี้ทำไม อย่าบอกนะว่าให้ช่วยตามหาศพเธอน่ะ!”
ผีสาวไม่ตอบคำถามหันหลังเดินหนีไปตรงสามแยกดื้อ ๆ ครีเอทีฟสาวคว่ำปากใส่อย่างหงุดหงิด สงสัยเธอจะเจอผีขี้เหงามาก่อกวนชวนเล่นด้วยเสียแล้ว
“อะไรของเขา!” เธอบ่นขณะขึ้นคร่อมเวสป้าคันโปรด และทันใดนั้นเองเธอต้องชะงักกับเสียงโครมดังมาก
รวินท์รดาลงจากเวสป้าอีกครั้ง แล้วเดินตามเสียงเหมือนรถชนกับอะไรสักอย่างไป ก่อนดวงตากลมจะเบิกกว้างกับที่มาของเสียงชนโครมที่ได้ยิน ภาพรถเอสยูวีสีดำคันหนึ่งหงายเก๋งในสภาพกระจกแตกและคนขับหมดสติ รวินท์รดารีบวิ่งเข้าไปดู เธอรู้ว่าต้องรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ แต่ระหว่างมองหาคนเจ็บในรถ เธอก็ต้องสะดุ้งอีกรอบกับการเห็นร่างสูงที่หมดสติจมกองเลือดคาซากรถเอสยูวี
นายพระเอกตกรุ่น เพื่อนของดนุวัศ!!
“คุณ … คุณธรรศ!” รวินท์รดาตาโต เรียกชื่อชายหนุ่มดังลั่นก่อนจะย่อตัวนั่งกับพื้น
“คุณธรรศ คุณอย่าเป็นอะไรนะ อดทนไว้ก่อนนะ!!”
ธรรศปรือตาขึ้นมองเมื่อได้ยินเสียงของเธอ เขายังไม่หมดสติ และพยายามบอกเธอด้วยเสียงแหบแห้งจวนหมดแรง
“… ช่วยต้าหลิงด้วย ช่วย …”
ชายหนุ่มพูดได้แค่นั้นก็หมดสติไปในที่สุด
จบตอน
นำตอนต่อมาส่งแล้วค่า
มาอ่านแล้วแวะทักทายกันบ้างนะค้า
^^
คุณ แว่นใส - ปิ่นก็ชอบแนวปริศนาเยอะ ๆ ค่ะ ฮ่าๆๆๆ
ฝากหนุ่มธรรศ กับสาวบัว ด้วยนะค้า ^^
พบกันใหม่ตอนหน้าค่า
ปิ่นนลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 12 ต.ค. 2559, 02:44:05 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ต.ค. 2559, 03:02:11 น.
จำนวนการเข้าชม : 1155
<< บทนำ - ตอนที่ 1 - เธอคือใคร? | ตอนที่ 3 – 50% >> |
แว่นใส 12 ต.ค. 2559, 07:16:10 น.
ถึงขนาดต้องสั่งเก็บเลยเหรอคุณป้า น่าจะไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา
ถึงขนาดต้องสั่งเก็บเลยเหรอคุณป้า น่าจะไม่ใช่อุบัติเหตุธรรมดา