เจ้าหัวใจแดนเถื่อน
เพราะเงื่อนไขของบุพการี ‘ทรรศิกา’ จำต้องไปใช้ชีวิตที่บ้านนอกคอกนา เป็นเวลาหนึ่งเดือน และที่นั่นเองเธอก็ได้พบกับ ‘เขา’ หนุ่มหล่อคมเข้ม ที่มีทั้งความเถื่อนและอ่อนโยนจนเริ่มทำให้หัวใจของเธอหวั่นไหว

เพราะคิดว่าเป็นคุณหนูจากเมืองกรุงประเภทเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ทำให้ ‘อคิราภ์’ รู้สึกไม่ชอบ ‘ทรรศิกา’ ตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า
แต่ตัวจริงที่สวยราวกับนางฟ้าเดินดิน ทำเอาหัวใจเขาถึงกับหวั่นไหว นานวันยิ่งใกล้ชิดเขาก็ไม่อยากให้เธอจากไป อยากให้มาเป็น เจ้าหัวใจในแดนเถื่อน แห่งนี้ แต่ทว่าเขาจะทำอย่างไร เมื่อสาวเจ้ากลับมีเจ้าของจับจองหัวใจอยู่แล้ว

“วันหลังเวลาขอของจากผู้ใหญ่หัดพูดให้มันเพราะๆ หน่อยสิ...เอ้า เอาไปไม่เห็นน่าพิศวาสตรงไหนไซส์อนุบาลซะขนาดนั้น”
หลังจากแกล้งจนพอใจ มือหนาจึงวางเสื้อชั้นในตัวน้อยพาดลงบนบ่าของหญิงสาว ที่ยืนหน้าตูมหายใจฟืดฟาด ก่อนจะพาร่างสูงของตัวเองเดินหายเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่สนใจคนที่ยืนตัวสั่น เพราะโกรธและอายที่โดนดูถูก
“อะ...ไอ้บ้า! ไซส์อนุบาลบ้านคุณนะสิคัพบี จำไว้เลยนะ...โธ่เอ๊ย! ตัวเองเหมือนกับหนอนใบชาล่ะสิถึงได้มาว่าคนอื่นทุเรศ”
มือหนาที่กำลังจะดึงผ้าเช็ดตัวออกจากเอว เปลี่ยนมายืนถอนหายใจหนักๆ เอากับเขาสิยัยคุณหนูผู้ไม่รู้จักแพ้ เดี๋ยวได้รู้สึก ชายหนุ่มคิดอย่าหมั่นเขี้ยว
“ดูถูกใช่ไหม หนอนใบชาใช่ไหม...ได้...อย่างนี้มันต้องพิสูจน์ให้เห็นกับตา”
Tags: นิยายรัก,โรแมนติก,เกศมณี,รดามณี,ไหมขวัญ,ทำมือ,บ้านนอก

ตอน: ตอนที่ 3 >>> 100%

ตอนที่ 3 (ต่อ)

“อื้อหือ นี่ของแถมหรือเนี่ยคัพบีซะด้วย อืม...ก็พอได้นะ ถ้าจะให้ดีผมขอเป็นคัพซีได้เปล่า”

“คุณพูดอะไรของคุณคัพบีคัพซี” หญิงสาวถามเบิกตามองสิ่งที่ถูกแกว่งลอยไปลอยมาตรงหน้า ที่สำคัญมันอยู่ในมือของผู้ชายที่เธอเพิ่งกล่าวหาว่าเขาเป็นโรคจิต ทรรศิกาถึงกรีดร้องอย่างตกใจ

“กรี๊ดดด! ไอ้บ้าคุณมันโรคจิตจริงๆ คุณแอบเอามันไปตั้งแต่ตอนไหนเอาคืนมาเดี๋ยวนี้เลยนะ” หญิงสาวตวาดเสียงดังลั่นมองเสื้อชั้นในในมือชายหนุ่มด้วยหน้าที่แดงระเรื่อ เกิดมาไม่มีผู้ชายคนไหนเคยได้เห็นได้จับแม้แต่บิดาของเธอเธอก็ยังไม่เคยให้เห็น แต่นี้เพิ่งแค่วันแรกเขาก็เห็นไปถึงไหนต่อไหนแล้ว

“อ้าว...ก็นึกว่าคุณให้ผมเป็นที่ระลึกซะอีกเห็นมันกระเด็นมาพร้อมกับผ้าเช็ดตัว” ชายหนุ่มบอกด้วยน้ำเสียงยียวน

“ฉันจะให้คุณไปทำไมกัน เอาคืนมานะ” ทรรศิกาขอเสียงห้วน ก่อนจะเดินเข้าไปหวังจะคว้าเอาของของเธอกลับคืนมาด้วยความอาย แต่ด้วยความสูงที่ต่างกันมากพอสมควรเมื่อคนตัวเล็กยิ่งแย่ง เขาก็ยิ่งชูมันขึ้นสูงสุดแขน ต่อให้เธอพยายามคว้าเท่าไหร่ก็ไม่มีทางได้คืน

“วันหลังเวลาขอของจากผู้ใหญ่หัดพูดให้เพราะๆ หน่อยสิ...เอ้าเอาไปไม่เห็นน่าพิศวาสตรงไหนไซส์อนุบาลซะขนาดนั้น” หลังจากแกล้งจนพอใจมือหนาจึงวางเสื้อชั้นในตัวน้อยพาดลงบนบ่าของหญิงสาว ที่ยืนหน้าตูมหายใจฟืดฟาด เพราะเหนื่อยจากการยื้อแย่งที่ไม่สำเร็จ ก่อนจะพาร่างสูงของตัวเองเดินหายเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่สนใจ

คนที่ยืนตัวสัน เพราะโกรธและอายที่โดนดูถูก

“อะ...ไอ้บ้า! ไซส์อนุบาลบ้านคุณนะสิคัพบีจําไว้เลยนะ...โธ่เอ๊ย! ของตัวเองเหมือนกับหนอนใบชาล่ะสิถึงได้มาว่าคนอื่นทุเรศ”

มือหนาที่กำลังจะดึงผ้าเช็ดตัวออกจากเอว เปลี่ยนมายืนถอนหายใจหนักๆ เอากับเขาสิ ยัยคุณหนูผู้ไม่รู้จักแพ้ เดี๋ยวได้รู้สึก ชายหนุ่มคิดอย่างหมั่นเขี้ยว

“ดูถูกใช่ไหม หนอนใบชาใช่ไหม...ได้...อย่างนี้มันต้องพิสูจน์ให้เห็นกับตา” เสียงตะโกนออกมาพร้อมกับเสียงปลดล็อคกลอนประตูดัง คลิ๊ก! ทำเอาหญิงสาวถึงกับหน้าเหวอ กลัวเขาออกมาโชว์หนอนใบชาจริงๆ เธอจึงรีบก้มลงรวบกองเสื้อผ้าที่อยู่บนพื้นขึ้นมากอดไว้แน่น ก่อนวิ่งเผ่นแนบไปชนิดที่ว่าไม่คิดจะเหลียวหลังกลับมามองคนที่ยืนกอดอกพิงขอบประตูหัวเราะอย่างชอบใจ

“กลับมาดูก่อนสิจะรีบไปไหนล่ะ โธ่เอ๊ย ยัยคุณหนูอ่อนหัดนึกว่าจะแน่” ร่างสูงยืนอมยิ้มอยู่ตรงนั้นจนร่างสมส่วนของหญิงสาวหายขึ้นไปบนบ้าน เขาจึงหันหลังกลับเข้าไปข้างในห้องน้ำอีกครั้งอย่างอารมณ์ดี



การรับประทานอาหารค่ำกับกับข้าวพื้นๆ ไม่ได้เลิศหรูอะไรทุกคนนั่งล้อมวงกันกินบนแคร่ไม้ สําหรับทรรศิกาแล้วมันช่างเป็นบรรยากาศในการทานข้าวที่ดูอบอุ่นและเป็นกันเองยิ่งนัก ด้วยเหตุนี้นี่เองมันจึงทำให้เธอเจริญอาหารและไม่รู้สึกเคอะเขินกับการทานข้าวมือแรกร่วมกับคนอื่นนอกเหนือจากบิดามารดาและเพื่อนสนิท

“เป็นไงบ้างอร่อยไหมหนูศิกับข้าวฝีมือน้ารดาเขาละ” นายเอกภพเอ่ยอย่างนำเสนอฝีมือศรีภรรยา

“อร่อยมากๆ เลยค่ะคุณน้า อย่างนี้ศิต้องขอเป็นลูกศิษย์ซะแล้วละค่ะ กลับไปจะได้ไปทำให้คุณพ่อและคุณแม่ทานท่านจะได้ภูมิใจว่าไม่เสียแรงที่ส่งศิมาเรียนรู้การใช้ชีวิตที่นี่ไงคะ” หญิงสาวพูดแล้วยิ้มจนตาหยี ก่อนรอยยิ้มนั้นจะหุบฉับลงทันที เมื่อชายหนุ่มอีกคน ที่นั่งก้มหน้าก้มตาทานอย่างไม่สนใจใครเงยหน้าขึ้นมามองเธอเล็กน้อย แล้วก้มลงไปสนใจจานข้าวอย่างเดิม โดยไม่มีคำพูดใดๆ หลุดออกมา

“นี่ตาดินไม่คิดจะพูดคุยกับใครเขาเลยหรือไง นั่งกินไม่พูดไม่จาหรือกลัวความผิด...นี่แม่ยังไม่ได้คาดโทษเราเลยนะ”

“โทษอะไรครับแม่ ผมยังไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย” อคิราภ์ตีหน้าซื่อเงยหน้าขึ้นมาถามผู้เป็นแม่ที่นั่งมองเขาตาเขียวอย่างงงๆ

“ก็เมื่อตอนเย็นไงแกล้งน้องใช่ไหมเรา แม่ได้ยินเสียงหนูศิร้องดังลั่นตั้งสองสามครั้งแน่ะ อย่านึกว่าแม่ไม่รู้ไม่เห็นนะ”

อคิราภ์หันไปสบตากับทรรศิกาที่มองมาพอดี ก่อนเขาจะเลิกคิ้วคล้ายกำลังถามเธอว่าจะเอาไงจะให้เขาตอบหรือเธอจะตอบเอง เห็นสายตาวิบวับจากดวงตาคมทรรศิกาเลยชิงพูดขึ้นก่อนอย่างรู้ความหมายขืนให้ เขาตอบมีหวังเธอต้องอายจนแทรกแผ่นดินหนีแน่ๆ

“เอ่อ...คุณน้าค่ะ อย่าไปว่าพี่ดินเลยค่ะพอดีศิเห็นตุ๊กแกมันอยู่ในห้องน้ำเลยตกใจเผลอร้องออกมา...พี่ดินเขาจะมาอาบน้ำพอดีเลยเข้ามาช่วยไล่ตุ๊กแกให้น่ะค่ะ พี่เขาไม่ได้แกล้งอะไรศิเลยจริงๆ นะคะ” หญิงสาวเน้นเสียงหนักท้ายประโยคอย่างต้องการย้ำคำพูดของตัวเองว่ามันไม่ใช่เรื่องโกหก

“จริงหรือตาดิน” นางรดาหรี่ตามองบุตรชายอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อ

“มั้งครับ” ชายหนุ่มยักไหล่ตอบแบบขอไปที

“เอ๊ะ! แล้วทำไมเราไม่อาบที่บ้านหลังเล็กของเราล่ะ” นายเอกภพถามอย่างสงสัย

“สงสัยท่อห้องน้ำผมมันจะตันนะครับพ่อ น้ำนองเต็มพื้นเลย ถ้าผมอาบน้ำซ้ำลงไปอีกมีหวังน้ำที่อยู่ด้านในคงล้นทะลักออกมาด้านนอกแน่ๆ”

“ถ้าเป็นอย่างนั้นพรุ่งนี้อย่าลืมจัดการให้เรียบร้อยละ”

“ครับ ผมอิ่มแล้วขอตัวก่อนนะครับมีงานต้องไปทำต่อ” พูดจบร่างสูงก็ลุกขึ้นถือจานข้าวของตัวเองที่เหลือเพียงความว่างเปล่าเข้าไปในห้องครัว ก่อนจะเดินกลับออกไปที่บ้านทรงไทยหลังเล็กของตัวเองที่เป็นเหมือนอาณาจักรที่ไม่มีใครกล้าเข้าไปรบกวน

ทรรศิกาเหลือบตามองตามแผ่นหลังกว้างของชายหนุ่มที่เพิ่งเดินผ่านหน้าไปอย่างโล่งอก ความอับอายที่เพิ่งผ่านพ้นไปไม่นานมันทำให้เธอไม่ค่อยอยากเผชิญหน้ากับเขาสักเท่าไหร่และยิ่งคิดมาถึงตอนนี้หน้าเธอก็แดงซ่านขึ้น เมื่อภาพเหตุการณ์ช่วงเย็นมันวาบเข้ามาในหัวสมองอีกครั้ง เธอสะบัดศีรษะแรงๆ เพื่อสลัดภาพอันอุจาดตาและน่าอายนั้นให้หลุดออกไป

“มีอะไรกับพี่เขาหรือเปล่าจ๊ะหนูศิ” คำถามทำลายความเงียบของนางรดาทำให้ คนถูกถามถึงกับสะดุ้งโหย่งดึงสายตาให้กลับมาที่เดิมแทบจะทันที

“ปะ...เปล่าค่ะ คือศิสนใจบ้านพี่เขามันดูสวยดีค่ะ” หญิงสาวตอบพลางส่งยิ้มแหยๆ ก่อนจะแสร้งก้มหน้าก้มตาตักข้าวใส่ปาก เพื่อหลบสายตาคล้ายจับผิดของผู้ใหญ่ทั้งสองด้วยใบหน้าที่แดงกํ่า

“อ๋อ...บ้ านหลังนั้นพี่เขาออกแบบเองเชียวนะสวยใช่ไหมล่ะ ถ้าสนใจวันหลังน้าจะให้พี่เขาพาไปดู ว่าแต่สนใจแค่บ้านหรือแล้วเจ้าของบ้านล่ะ หนูศิคิดว่าลูกชายน้าเป็นคนยังไง”

“เอ่อ...ก็ดีค่ะ” แต่ชอบแกล้งและปากจัดไปหน่อย หญิงสาวต่อประโยคนี้ในใจ

“หรือจ้ะ แล้วดีพอที่จะเป็นแฟนหนูได้หรือเปล่าล่ะ”

คำถามตรงไปตรงมาขวานผ่าซากของนางรดาทำเอาคนถูกถามและคนนั่งฟัง อย่างทรรศิกากับนายเอกภพแทบจะสำลักข้าวออกมาพร้อมกัน

“แค่กๆ...แม่ถามอะไรอย่างนั้น หนูศิเขาเพิ่งมาถึงวันนี้วันแรกเองนะ”

“วันแรกแล้วไง ไม่เคยได้ยินคำว่ารักแรกพบหรือไงคุณนี่” นางรดาพูดพลางส่งค้อนให้สามีวงใหญ่ ก่อนจะหันมาส่งยิ้มหวานให้กับหญิงสาวที่ตัวเองหมายมั่นปั้นมือ จะจับมาเป็นลูกสะใภ้อย่างรอคำตอบ

“เอ่อ...ขอโทษนะคะคุณน้าทั้งสองอาจจะไม่ทราบว่าศิมีแฟนแล้วและเราก็จะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศด้วยกันด้วยค่ะ” ทรรศิกาตอบด้วยทำสีหน้าลำบากใจ เธอไม่คิดว่าเพื่อนสนิทของผู้เป็นพ่อจะคาดหวังเรื่องระหว่างเธอกับผู้ชายหน้าตาดีแต่ปากจัดคนนั้น

“หรือจ้ะ...น่าเสียดายจังเลย” นางรดาแสร้งทำหน้าผิดหวัง ส่วนนายเอกภพที่ยังนั่งตักข้าวใส่ปากเรื่อยๆ เหลือบตามองแล้วส่ายหน้าพลางอมยิ้มขำกับการแสดงละครขั้นเทพของผู้เป็นภรรยาที่สามารถตีบทแตกกระจุย

“อย่าทําหน้าอย่างนั้นสิคะคุณน้า ศิว่ารออีกหน่อยคงจะมีผู้หญิงดีๆ และคู่ควรกับพี่เขาโผล่มาสักคนสองคนมั้งคะ”

“นี่น้าก็รอมาจนพี่เขาอายุจะเข้าเลขสามอยู่แล้วยังไม่มีวี่แววเลย ไม่รู้จะหล่อเลือกได้ไปนานแค่ไหน...นี่น้าก็เห็นว่ายัยวิตาแม่ของหนูเขาโทรมาว่าหนูจะมาที่นี่ นึกว่าจะได้ เกี่ยวดองซะแล้ว แต่แหม...พลาดไปนิดเดียวหนูน่าจะมาให้เร็วกว่านี้หน่อย” นางรดาตบเข่าบอกอย่างเจ็บใจ

“เอาน่าแม่ ตัดใจซะเถอะก็หนูศิเขาบอกว่ามีแฟนแล้วอย่าไปพูดกดดันและพยายามยัดเยียดเจ้าลูกชายปากจัดให้หนูศิอย่างนั้นสิ ปากอย่างนั้นคงมีคนอยากได้มันหรอก” นายเอกภพพูดแทรกขึ้น เมื่อเห็นว่ายิ่งภรรยาของตนพูดเกี่ยวกับเรื่องนี้เท่าไหร่ ยิ่งจะทำให้หญิงสาววางตัวกับคนในบ้านลำบาก

“น้าขอโทษนะที่ทำให้หนูรู้สึกอย่างนั้น น้าไม่ได้ตั้งใจ เอาเป็นว่าหนูศิลืมๆ เรื่องที่น้าพูดมาเมื่อกี้ให้หมดเลยนะ แล้วเรามาคุยกันเรื่องอื่นดีกว่า”

“ค่ะ” ทรรศิกาตอบด้วยสีหน้าที่ดีขึ้น เธอไม่ได้รู้สึกโกรธอะไรเลยเพียงแต่ตกใจและตั้งรับไม่ทนกับคำพูดคำถามที่ตรงซะยิ่งกว่าไม้บรรทัดของน้ารดาที่ดูท่าว่าอยากจะจับคู่เธอกับลูกชายของตัวเองซะเหลือเกิน่

“งั้นน้าถามเลยดีกว่าว่ามาอยู่ที่นี่หนูศิอยากทำอะไร”

“ศิอยากหัดทำทุกอย่างเลยค่ะที่สามารถพิสูจน์ให้เห็นว่าถ้าศิไปอยู่คนเดียวแล้วสามารถเอาตัวรอดได้โดยเฉพาะเรื่องงานบ้านอันนี้สำคัญที่สุด” หญิงสาวบอกวามตั้งใจเสียงหนักแน่น

“ตกลงงั้นเริ่มจากจานพวกนี้เลยก็แล้วกันนะ”

“ค่ะ”

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ดาวโหลด Ebook ได้ที่
- MEB
- hytexst
- ebook

ขอบคุณทุกการติดตามนะคะ ^_^



เกศมณี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 14 ต.ค. 2559, 16:53:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 14 ต.ค. 2559, 16:53:35 น.

จำนวนการเข้าชม : 1173





<< ตอนที่ 3 >>> 50%   ตอนที่ 4 >>> 50% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account