รัตนมณีแห่งหัวใจ (รัตน)
Tags: ความรักเดียวที่กษัตริย์แดนเถื่อนมีต่อเจ้าหญิงแห่งรัตนที่ตราตรึงในหัวใจ
ตอน: ตอนที่ 14/1
ตอนที่ 14/1
ในเวลาเดียวกันองค์อคินทรงอุ้มว่าที่ราชินีกลับเข้าสู่ชายหาดพลันสายพระเนตรก็เห็นอาวุธซัดกำลัง
แล่นเข้าหาถ้าทรงหลบผู้ที่ต้องรับอาวุธซัดแทนคือคนในอ้อมพระกร ทรงไม่มีวันยอมเป็นอันขาด ครั้นจะหลบก็
ไม่ทันแล้วที่ทรงทำได้ก็แค่เบี่ยงพระวรกายสูงใหญ่หลบเล็กน้อยเพื่อให้อาวุธซัดปักถูกพระพาหา(ต้นแขน)แทน
ทันทีที่ลูกดอกอาบยาพิษฝังลงในพระพาหาแข็งแรงทรงรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป จะเป็นอะไรก็ช่างขอเพียง
ว่าที่ราชินีปลอดภัยก็พอ
สองพระบาทลุยน้ำไปเรื่อยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนกระทั่งมาถึงชายหาด ทรงวางว่าที่ราชินีลง
ดวงเนตรกลมโตคู่งามเหลือบไปเห็นชายชุดดำกำลังง้างสายธนูมาที่องค์อคิน หนึ่งในชายชุดดำสี่คนหัวเราะ
เบาๆ
“จ้าวสุริยะ วันนี้ถึงวันดับของท่านแล้ว ต้องโทษที่มัวแต่หลงหญิงงามจนลืมตัว ฮ่า! ฮ่า!” เสียงหัวเราะนี้
ช่างน่าเกลียดพิลึกในความรู้สึกของว่าที่ราชินี องค์อคินทรงรู้ว่าลูกดอกนั้นอาบยาพิษแต่ทรงฝืนไว้ จะเป็นอะไร
ไปไม่ได้ ต้องให้ว่าที่ราชินีของพระองค์รอด ชาครมัวทำอะไรอยู่ สั่งแล้วไม่เป็นสั่ง พระหัตถ์ใหญ่แข็งแรงล้วงเข้า
ไปในฉลองพระองค์ตัวในหยิบยาเม็ดสีดำออกมาแล้วเสวยทันที
“ถ้าจ้าวสุริยะให้พวกเจ้าลอบสังหารง่ายๆ ก็คิดผิดแล้ว” มีดสั้นเล่มเล็กในพระหัตถ์ถูกซัดออกไปปักอก
ชายทั้งสี่อย่างรวดเร็วแต่มิคาดหนึ่งในนั้นกลับใช้ปากรับได้ ส่วนที่เหลือตายเรียบ แทนที่จะกลัวชายผู้นี้กลับ
หัวเราะลั่น
“ลงมือได้ไวเสมอนะจ้าวสุริยะ จะบอกอะไรให้ ยิ่งออกแรงมากเท่าไหร่ พิษที่ต้นแขนยิ่งซึมเข้าสู่หัวใจ
เร็วขึ้นต่อให้ท่านกินยาระงับพิษ สุดท้ายก็ตายอยู่ดี” เสียงขู่เหี้ยมเกรียมนักทว่าสายตากลับจ้องมองว่าที่ราชินี
หิรัณย์นิ่ง
น้ำเสียงของชายผู้นี้ช่างคุ้นนักในความรู้สึกของว่าที่ราชินี องค์อคินยังคงนิ่งสงบผิดกับพระเนตรคมเข้ม
สีนิลฉายแววดุดันน่ากลัวเมื่อเห็นนัยน์ตาของชายชุดดำที่จ้องมองว่าที่ราชินีของพระองค์
“ เก็บความหวังดีของเจ้าไปรายงานยมบาลแทนเถอะ ไอ้พวกหมาลอบกัดชาวสินธุ” ทรงซัดมีดสั้นไป
อย่างรวดเร็ว อีกฝ่ายรีบเบี่ยตัวหลบถึงกระนั้นมีดก็ยังถากแขนไปจนเลือดซิบๆจึงสร้างความโกรธแค้นให้ชาย
ชุดดำมาก
“จะตายแล้วยังฤทธิ์มากอีกไอ้อคิน ยิ่งออกแรงมากเท่าไรยิ่งเร่งให้พิษแพร่เร็วขึ้น”
ว่าที่ราชินีพอได้ยินแล้วพระพักตร์ก็เริ่มถอดสี ทอดพระเนตรองค์อคินด้วยความเป็นห่วง ความกลัวเริ่ม
จับพระหทัย
‘ไม่นะ!! อย่าทรงเป็นอะไรไปนะ!!’ น้ำพระเนตรเริ่มคลอดวงเนตรกลมโตคู่งาม องค์อคินทรงยื่น
พระหัตถ์ใหญ่ไปกุมพระหัตถ์เล็กนุ่มนิ่มไว้แล้วบีบเบาๆอย่างปลอบประโลม
“ไม่ต้องห่วงองค์หญิง หม่อมฉันดวงแข็ง ชาวหิรัณย์ไม่ตายง่ายๆหรอก” พระสุรเสียงมั่นคงดุจดังคำมั่น
สัญญาแม้จะรู้ว่าเวลาของพระองค์เหลือไม่มากแล้ว ทรงฝืนพระวรกายข่มความเจ็บปวดไม่ให้อีกฝ่ายรับรู้
ชายชุดดำเห็นแล้วทนไม่ได้ขึ้นมาเฉยๆ
“ไม่ต้องมาหลอกข้า ถึงอย่างไรวันนี้ก็เป็นวันตายของท่าน แล้วไม่ต้องห่วงว่าที่ราชินีคนงามของท่าน
จะไม่มีใครดูแล ข้าจะดูแลให้เป็นอย่างดี แต่..ในฐานะนางบำเรอชาวสินธุ ขอให้ตายตาหลับนะ ฮ่า! ฮ่า! “
“ไอ้คนชั่วเจ้าอย่าหวังจะได้ตัวข้าไป ตัวข้าเป็นของหิรัณย์ถึงตายก็เป็นของหิรัณย์ เจ้าอย่าหวังได้แตะ
ต้องตัวข้าแม้แต่ปลายก้อย” สุรเสียงหวานด่าทออย่างเหลืออด
ชายชุดดำขยับเท้าเข้ามาใกล้แล้วหยุดไว้ก่อนเมื่อเห็นองค์อคินประทับยืนนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
‘คนเจ้าเล่ห์อย่างไอ้อคินไว้ใจไม่ได้’
“จุ๊ๆ องค์หญิงคนสวย พูดจาไม่สมกับเป็นองค์หญิงสูงศักดิ์เลยหรือว่า อยู่กับคนเถื่อนเลยติดนิสัย
เถื่อนๆมา”
เสียงเย้ยนั้นช่างยั่วพระอารมณ์องค์อคินนักนัก พระหัตถ์กำแน่นอย่างกริ้วจัด วันนี้ ณ แผ่นดินหิรัณย์
กลับถูกชาวสินธุมาหยามถึงที่ หากไม่ทำอะไรจะไม่หายแค้นและอย่าได้มาเรียกจ้าวสุริยะอีกต่อไป เพลิงโทสะ
เข้าครอบงำพระองค์เลยทำให้พิษแพร่เร็วขึ้น พระบาทเริ่มชาจึงรีบระงับพระอารมย์เสีย พระสติเริ่มกลับมา
หากทรงเป็นอะไรไปในตอนนี้ ว่าที่ราชินีจะเป็นอันตราย ในเมื่อไม่อยู่ในสภาพที่จะสู้ได้ก็จำเป็นต้องใช้วิธีอื่น
จึงทรงพระสรวลเบาๆ
“หึ! หึ! เจ้านี่ช่างน่าสมเพชนัก ตัวเองจะรอดหรือไม่ยังทำเป็นปากกล้าอีก คิดหรือว่าแผ่นดินของข้า
จะให้เจ้าเข้ามาเหยียบได้ง่ายๆ เพื่อนของเจ้าต่างเอาชีวิตมาสังเวยในแผ่นดินของข้าและเจ้าจะเป็นรายต่อไป”
พระสุรเสียงเรียบเย็นขู่ขึ้น ชายชุดดำมีท่าทีลังเล หรือว่า ไอ้อคินไม่ได้ถูกพิษ เป็นไปไม่ได้ คิดพลางทอด
สายตามองไปรอบๆ กองกำลังที่มาสมทบทำไมยังไม่มาอีก ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าควบมาแต่ไกลจึง
ทำให้ชายชุดดำยิ้มออก
“ไม่ต้องมาขู่ข้า คนของข้ามาแล้วอีกสักครู่ข้าจะเชิญว่าที่ราชินีคนงามของท่านไปรับใช้ข้าที่สินธุ
วางใจได้ข้าจะถนอมอย่างดีในฐานะนางบำเรอ”
ว่าที่ราชินีกริ้วจัด ขยับพระโอษฐ์จะต่อว่าหากองค์อคินทรงห้ามก่อน ทรงเป็นฝ่ายขยับเข้าหาชายชุดดำ
เองแต่ยังไม่ทันที่จะถึงพระพาหาอีกข้างก็ถูกลูกธนูปักจากชายชุดดำบนหลังม้าอีกหลายสิบคน องค์อคินทรง
ใช้พระหัตถ์อีกข้างดึงลูกธนูออก ว่าที่ราชินีรีบขยับเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง ทรงฉีกภูษาทรงปิดรัดแผลให้
ชายชุดดำคนเดิมเห็นเข้ารีบเดินเข้ามาใกล้แล้วระเบิดเสียงหัวเราะดังๆ
“เป็นอย่างไรบ้างล่ะจ้าวสุริยะ ในที่สุดแผ่นดินหิรัณย์ของท่านก็ถูกชาวสินธุอย่างข้าย่ำยีจนได้ ท่านรัก
องค์หญิงปากกล้าผู้นี้นัก วันนี้ข้าจะพรากไปอยู่กับข้า ไป!! ไปกับข้าเสียดีๆ องค์หญิงปากกล้า” ก่อนที่มือ
ของชายผู้นี้จะสัมผัสพระหัตถ์เรียวงาม มีดเล่มเล็กๆก็ปักเข้าที่ข้อมือชายชุดดำด้วยฝีมือขององค์อคิน
ทรงปกป้องว่าที่ราชินีของพระองค์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนพระวรกายสูงใหญ่จะล้มลงบนพื้นทราย
ว่าที่ราชินทรงทรุดลงตาม สองพระหัตถ์เขย่าพระวรกายสูงใหญ่ด้วยความกลัวและตกพระทัย
ดวงพักตร์งดงามซีดเผือด
“ทรงฟื้นสิ อย่าเป็นอะไรไปนะ ทิ้งหม่อมฉันได้อย่างไร หม่อมฉันไม่ยอม” สุรเสียงสั่นเครือเรียกองค์อคิน
ปานจะขาดใจ น้ำพระเนตรเริ่มไหลเป็นทาง ก้มพระพักตร์ลงซบพระอุระแข็งแกร่ง
ชายชุดดำเห็นแล้วเปล่งเสียงหัวเราะดังๆอย่างสะใจขณะที่มืออีกข้างพยายามดึงมีดเล่มเล็กที่ฝังลึก
ลงที่แขนอีกข้างอย่างเจ็บปวดแล้วสั่งคนของตน
“เฮ้ย!! พวกเจ้ามัวทำอะไรอยู่ รีบจับตัวว่าที่ราชินีหิรัณย์ไปสินธุก่อนที่ทหารชาวหิรัณย์จะแห่กันมา”
สั่งจบชายคนหนึ่งก็รีบลงจากหลังม้าเดินเข้าไปใกล้ว่าที่ราชินีแ แต่ยังไม่ทันที่จะได้เข้าใกล้เสียงฝีเท้าม้า
หลายสิบตัวก็ควบเข้ามาพร้อมกับลูกธนูพุ่งมาปักอกชายชุดดำบนหลังม้าร่วงลงหลายคน
“รีบหนีเถอะท่าน ทหารหิรัณย์มาแล้ว หนีก่อนที่ทัพใหญ่ของพวกมันจะยกมา เรือรออยู่ชายฝั่งแล้ว
ท่าน” ชายชุดดำที่มาใหม่เตือน
“ได้แต่ต้องเอาตัวว่าที่ราชินีหิรัณย์ไปด้วย” อีกฝ่ายยังไม่วายทำตามใจปรารถนา
“ปล่อยว่าที่ราชินีไปก่อนเถอะ ไว้คราวหลังก็ได้ หนีเอาตัวรอดก่อน รีบขึ้นม้าเถอะ พวกข้าจะกันให้”
คำเตือนของพวกที่มาทีหลังทำให้จำยอมขึ้นม้าควบออกไปภายใต้การคุ้มกันของพวกที่มาสมทบที่พากัน
ร่วงลงจากหลังม้าไปทีละคน
ชาครเห็นชายชุดดำสิบกว่าคนฝ่าวงล้อมหนีไปได้จึงรีบสั่งทหารให้ติดตามไป ส่วนตัวเองกับทหาร
ราชองครักษ์รีบเข้าไปหาว่าที่ราชินี แต่พอเห็นพระวรกายสูงใหญ่แห่งองค์อคินทอดราบกับผืนทรายโดยมี
ว่าที่ราชินีประทับนั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่ข้างๆพระหัตถ์เล็กกุมพระหัตถ์ใหญ่ไว้ก็ตกใจ
ไม่...จ้าวสุริยะต้องไม่เป็นไร หากจ้าวสุริยะทรงเป็นอะไรไป หิรัณย์ถึงกาลดับแน่ เพราะความเขลาไม่ทัน
กลสินธุแท้ๆ ถึงได้สั่งให้ทหารทั้งหมดไปช่วยดับไฟที่หมู่บ้านชาวประมงกับเรือพระที่นั่ง เหลือทหารไว้เฝ้าชาย
หาดที่นี่เพียงไม่กี่คน กว่าจะคิดได้ว่าเป็นแผนล่อสือออกจากถ้ำและตามมาช่วย...องค์อคินก็.....สายเสียแล้ว....
ฤว่าหิรัณย์จะถึงกาลสิ้นแล้วจริงๆ... สิ้นแล้วซึ่งจ้าวสุริยะแล้วหรือไร.....ชาครหลับตาลงอย่างเจ็บปวดโศรกเศร้า
ว่าที่ราชินีทรงกุมพระหัตถ์ใหญ่ไว้บีบเบาๆ น้ำพระเนตรหยุดหลั่งเหลือเพียงพระหทัยอันเวิ้งว้าง
ทุกข์ระทมเกินกว่าจะเอื้อนเอ่ยออกมา
‘พระทัยร้ายนัก ทิ้งหม่อมฉันกับชาวหิรัณย์ได้ลงคอ ต่อไปหม่อมฉันกับประชาชนของพระองค์จะ
อยู่กันอย่างไร ทรงสัญญาจะไม่ตายง่ายๆ ทำไมไม่รักษาสัญญา ทรงโกหกหม่อมฉัน ถ้าไม่ฟื้นขึ้นมาหม่อมฉัน
จะไม่ให้อภัยพระองค์อีกเลย คนใจร้ายแห่งหิรัณย์’ น้ำพระเนตรไหลนองอาบดวงพักตร์งดงามก่อนหยดลงบน
พระหัตถ์ใหญ่
ชาครกับเหล่าทหารราชองครักษ์พอเห็นแล้วต่างคุกเข่าลง ใบหน้าโศรกเศร้านัก น้ำตาชายชาติทหาร
แม้จะไม่หลั่งออกมาให้เห็นแต่กลับหลั่งในใจแทน
...โอ้องค์อคิน...เหตุใดพระองค์ทรงทิ้งชาวหิรัณย์ให้อยู่อย่างเดียวดาย....
ทหารทุกคนต่างแหงนหน้ามองดวงสุริยะวิงวอนร้องขอองค์สุริยะเทพ
“ขอองค์สุริยะเทพโปรดอย่าเอาชีวิตจ้าวสุริยะไปเลย” ชาวหิรัณย์นับถือพระอาทิตย์เป็นแสงสว่างนำพา
ชีวิตให้รุ่งเรือง กษัตริย์ทุกองค์จึงมีพระนามเกี่ยวข้องกับพระอาทิตย์ทั้งสิ้น แต่คำวิงวอนของพวกเขาจะได้ผลหรือ
ไม่นั้นก็ยากจะคาดเดาหากในใจทหารทุกคนก็อยากให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น..เพื่อแผ่นดินหิรันย์และด้วยใจภักดิ์ที่มีต่อ
องค์เจ้าเหนือหัวที่พวกเขารัก..ทว่า..คงเลือนลางเต็มที..แล้วแผ่นดินที่ไร้ซึ่งองค์อคินจะเป็นอย่างไร..หัวใจคนทั้ง
แผ่นดินมีเจ้าสุริยะมาตลอด...สิ้นเจ้าสุริยะ..เหมือนดั่งใจปวงประชาแหลกสลาย ยากจะดำรงตนรักษาแผ่นดิน
หิรัณย์ที่พระองค์ทรงปกป้องได้อีกต่อไป..ฤจะถึงกาลอวสานแห่งหิรัณย์แก่สินธุ..โอ้เจ้าสุริยะได้โปรดทรงฟื้นขึ้นมา
เถอะ..ขอองค์สุริยะเทพโปรดเมตตาส่งคืนเจ้าสุริยะคืนมาสู่ชาวหิรัณย์เถอะ...
======================================================================
********************** ขอบคุณทุกกำลังใจที่ให้ ขอบคุณทุกเม้มที่มีมา จริงๆแล้วตอนนี้แทบไม่อยากทำอะไรด้วยซ้ำ
แต่เพราะเห็นว่าเรื่องนี้แต่งด้วยใจรัก และอยากแสดงให้เห็นถึงการปกครองระบอบกษัตริย์ที่ทรงปกป้องแผ่นดิน
และพัฒนาแผ่นดินในรูปแบบที่ต่างกันและสุดท้ายก็ทุกอย่างเพื่อประชาชน กับความเหนื่อยยากลำบากและ
อดทนอดกลั้นของพระมหากษัตริย์...โชคดีที่เรายังมีกษัตริย์ประเทศไทยถึงรอดพ้นปากเหยี่ยวปากกามาถึงทุกวันนี้
หากเป็นการปกครองแบบปชตหรือไม่มีกษัตริย์ ป่านนี้คงยกแผ่นดินให้ต่างชาติหมดแล้ว..อ่านประวัติศาตร์จะเข้าใจ
ถึงความลำบากของกษัตริย์ทุกพระองค์...
ขอบคุณที่ยังติดตามแม้คนะเขียนจะไม่ค่อยมีเวลามาลงให้บ่อยเพราะไม่ค่อยมีเวลา...หลั่งน้ำตากับตอนนี้บ้างไหม
ในเวลาเดียวกันองค์อคินทรงอุ้มว่าที่ราชินีกลับเข้าสู่ชายหาดพลันสายพระเนตรก็เห็นอาวุธซัดกำลัง
แล่นเข้าหาถ้าทรงหลบผู้ที่ต้องรับอาวุธซัดแทนคือคนในอ้อมพระกร ทรงไม่มีวันยอมเป็นอันขาด ครั้นจะหลบก็
ไม่ทันแล้วที่ทรงทำได้ก็แค่เบี่ยงพระวรกายสูงใหญ่หลบเล็กน้อยเพื่อให้อาวุธซัดปักถูกพระพาหา(ต้นแขน)แทน
ทันทีที่ลูกดอกอาบยาพิษฝังลงในพระพาหาแข็งแรงทรงรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป จะเป็นอะไรก็ช่างขอเพียง
ว่าที่ราชินีปลอดภัยก็พอ
สองพระบาทลุยน้ำไปเรื่อยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นจนกระทั่งมาถึงชายหาด ทรงวางว่าที่ราชินีลง
ดวงเนตรกลมโตคู่งามเหลือบไปเห็นชายชุดดำกำลังง้างสายธนูมาที่องค์อคิน หนึ่งในชายชุดดำสี่คนหัวเราะ
เบาๆ
“จ้าวสุริยะ วันนี้ถึงวันดับของท่านแล้ว ต้องโทษที่มัวแต่หลงหญิงงามจนลืมตัว ฮ่า! ฮ่า!” เสียงหัวเราะนี้
ช่างน่าเกลียดพิลึกในความรู้สึกของว่าที่ราชินี องค์อคินทรงรู้ว่าลูกดอกนั้นอาบยาพิษแต่ทรงฝืนไว้ จะเป็นอะไร
ไปไม่ได้ ต้องให้ว่าที่ราชินีของพระองค์รอด ชาครมัวทำอะไรอยู่ สั่งแล้วไม่เป็นสั่ง พระหัตถ์ใหญ่แข็งแรงล้วงเข้า
ไปในฉลองพระองค์ตัวในหยิบยาเม็ดสีดำออกมาแล้วเสวยทันที
“ถ้าจ้าวสุริยะให้พวกเจ้าลอบสังหารง่ายๆ ก็คิดผิดแล้ว” มีดสั้นเล่มเล็กในพระหัตถ์ถูกซัดออกไปปักอก
ชายทั้งสี่อย่างรวดเร็วแต่มิคาดหนึ่งในนั้นกลับใช้ปากรับได้ ส่วนที่เหลือตายเรียบ แทนที่จะกลัวชายผู้นี้กลับ
หัวเราะลั่น
“ลงมือได้ไวเสมอนะจ้าวสุริยะ จะบอกอะไรให้ ยิ่งออกแรงมากเท่าไหร่ พิษที่ต้นแขนยิ่งซึมเข้าสู่หัวใจ
เร็วขึ้นต่อให้ท่านกินยาระงับพิษ สุดท้ายก็ตายอยู่ดี” เสียงขู่เหี้ยมเกรียมนักทว่าสายตากลับจ้องมองว่าที่ราชินี
หิรัณย์นิ่ง
น้ำเสียงของชายผู้นี้ช่างคุ้นนักในความรู้สึกของว่าที่ราชินี องค์อคินยังคงนิ่งสงบผิดกับพระเนตรคมเข้ม
สีนิลฉายแววดุดันน่ากลัวเมื่อเห็นนัยน์ตาของชายชุดดำที่จ้องมองว่าที่ราชินีของพระองค์
“ เก็บความหวังดีของเจ้าไปรายงานยมบาลแทนเถอะ ไอ้พวกหมาลอบกัดชาวสินธุ” ทรงซัดมีดสั้นไป
อย่างรวดเร็ว อีกฝ่ายรีบเบี่ยตัวหลบถึงกระนั้นมีดก็ยังถากแขนไปจนเลือดซิบๆจึงสร้างความโกรธแค้นให้ชาย
ชุดดำมาก
“จะตายแล้วยังฤทธิ์มากอีกไอ้อคิน ยิ่งออกแรงมากเท่าไรยิ่งเร่งให้พิษแพร่เร็วขึ้น”
ว่าที่ราชินีพอได้ยินแล้วพระพักตร์ก็เริ่มถอดสี ทอดพระเนตรองค์อคินด้วยความเป็นห่วง ความกลัวเริ่ม
จับพระหทัย
‘ไม่นะ!! อย่าทรงเป็นอะไรไปนะ!!’ น้ำพระเนตรเริ่มคลอดวงเนตรกลมโตคู่งาม องค์อคินทรงยื่น
พระหัตถ์ใหญ่ไปกุมพระหัตถ์เล็กนุ่มนิ่มไว้แล้วบีบเบาๆอย่างปลอบประโลม
“ไม่ต้องห่วงองค์หญิง หม่อมฉันดวงแข็ง ชาวหิรัณย์ไม่ตายง่ายๆหรอก” พระสุรเสียงมั่นคงดุจดังคำมั่น
สัญญาแม้จะรู้ว่าเวลาของพระองค์เหลือไม่มากแล้ว ทรงฝืนพระวรกายข่มความเจ็บปวดไม่ให้อีกฝ่ายรับรู้
ชายชุดดำเห็นแล้วทนไม่ได้ขึ้นมาเฉยๆ
“ไม่ต้องมาหลอกข้า ถึงอย่างไรวันนี้ก็เป็นวันตายของท่าน แล้วไม่ต้องห่วงว่าที่ราชินีคนงามของท่าน
จะไม่มีใครดูแล ข้าจะดูแลให้เป็นอย่างดี แต่..ในฐานะนางบำเรอชาวสินธุ ขอให้ตายตาหลับนะ ฮ่า! ฮ่า! “
“ไอ้คนชั่วเจ้าอย่าหวังจะได้ตัวข้าไป ตัวข้าเป็นของหิรัณย์ถึงตายก็เป็นของหิรัณย์ เจ้าอย่าหวังได้แตะ
ต้องตัวข้าแม้แต่ปลายก้อย” สุรเสียงหวานด่าทออย่างเหลืออด
ชายชุดดำขยับเท้าเข้ามาใกล้แล้วหยุดไว้ก่อนเมื่อเห็นองค์อคินประทับยืนนิ่งเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
‘คนเจ้าเล่ห์อย่างไอ้อคินไว้ใจไม่ได้’
“จุ๊ๆ องค์หญิงคนสวย พูดจาไม่สมกับเป็นองค์หญิงสูงศักดิ์เลยหรือว่า อยู่กับคนเถื่อนเลยติดนิสัย
เถื่อนๆมา”
เสียงเย้ยนั้นช่างยั่วพระอารมณ์องค์อคินนักนัก พระหัตถ์กำแน่นอย่างกริ้วจัด วันนี้ ณ แผ่นดินหิรัณย์
กลับถูกชาวสินธุมาหยามถึงที่ หากไม่ทำอะไรจะไม่หายแค้นและอย่าได้มาเรียกจ้าวสุริยะอีกต่อไป เพลิงโทสะ
เข้าครอบงำพระองค์เลยทำให้พิษแพร่เร็วขึ้น พระบาทเริ่มชาจึงรีบระงับพระอารมย์เสีย พระสติเริ่มกลับมา
หากทรงเป็นอะไรไปในตอนนี้ ว่าที่ราชินีจะเป็นอันตราย ในเมื่อไม่อยู่ในสภาพที่จะสู้ได้ก็จำเป็นต้องใช้วิธีอื่น
จึงทรงพระสรวลเบาๆ
“หึ! หึ! เจ้านี่ช่างน่าสมเพชนัก ตัวเองจะรอดหรือไม่ยังทำเป็นปากกล้าอีก คิดหรือว่าแผ่นดินของข้า
จะให้เจ้าเข้ามาเหยียบได้ง่ายๆ เพื่อนของเจ้าต่างเอาชีวิตมาสังเวยในแผ่นดินของข้าและเจ้าจะเป็นรายต่อไป”
พระสุรเสียงเรียบเย็นขู่ขึ้น ชายชุดดำมีท่าทีลังเล หรือว่า ไอ้อคินไม่ได้ถูกพิษ เป็นไปไม่ได้ คิดพลางทอด
สายตามองไปรอบๆ กองกำลังที่มาสมทบทำไมยังไม่มาอีก ทันใดนั้นเองก็ได้ยินเสียงฝีเท้าม้าควบมาแต่ไกลจึง
ทำให้ชายชุดดำยิ้มออก
“ไม่ต้องมาขู่ข้า คนของข้ามาแล้วอีกสักครู่ข้าจะเชิญว่าที่ราชินีคนงามของท่านไปรับใช้ข้าที่สินธุ
วางใจได้ข้าจะถนอมอย่างดีในฐานะนางบำเรอ”
ว่าที่ราชินีกริ้วจัด ขยับพระโอษฐ์จะต่อว่าหากองค์อคินทรงห้ามก่อน ทรงเป็นฝ่ายขยับเข้าหาชายชุดดำ
เองแต่ยังไม่ทันที่จะถึงพระพาหาอีกข้างก็ถูกลูกธนูปักจากชายชุดดำบนหลังม้าอีกหลายสิบคน องค์อคินทรง
ใช้พระหัตถ์อีกข้างดึงลูกธนูออก ว่าที่ราชินีรีบขยับเข้าไปหาด้วยความเป็นห่วง ทรงฉีกภูษาทรงปิดรัดแผลให้
ชายชุดดำคนเดิมเห็นเข้ารีบเดินเข้ามาใกล้แล้วระเบิดเสียงหัวเราะดังๆ
“เป็นอย่างไรบ้างล่ะจ้าวสุริยะ ในที่สุดแผ่นดินหิรัณย์ของท่านก็ถูกชาวสินธุอย่างข้าย่ำยีจนได้ ท่านรัก
องค์หญิงปากกล้าผู้นี้นัก วันนี้ข้าจะพรากไปอยู่กับข้า ไป!! ไปกับข้าเสียดีๆ องค์หญิงปากกล้า” ก่อนที่มือ
ของชายผู้นี้จะสัมผัสพระหัตถ์เรียวงาม มีดเล่มเล็กๆก็ปักเข้าที่ข้อมือชายชุดดำด้วยฝีมือขององค์อคิน
ทรงปกป้องว่าที่ราชินีของพระองค์เป็นครั้งสุดท้ายก่อนพระวรกายสูงใหญ่จะล้มลงบนพื้นทราย
ว่าที่ราชินทรงทรุดลงตาม สองพระหัตถ์เขย่าพระวรกายสูงใหญ่ด้วยความกลัวและตกพระทัย
ดวงพักตร์งดงามซีดเผือด
“ทรงฟื้นสิ อย่าเป็นอะไรไปนะ ทิ้งหม่อมฉันได้อย่างไร หม่อมฉันไม่ยอม” สุรเสียงสั่นเครือเรียกองค์อคิน
ปานจะขาดใจ น้ำพระเนตรเริ่มไหลเป็นทาง ก้มพระพักตร์ลงซบพระอุระแข็งแกร่ง
ชายชุดดำเห็นแล้วเปล่งเสียงหัวเราะดังๆอย่างสะใจขณะที่มืออีกข้างพยายามดึงมีดเล่มเล็กที่ฝังลึก
ลงที่แขนอีกข้างอย่างเจ็บปวดแล้วสั่งคนของตน
“เฮ้ย!! พวกเจ้ามัวทำอะไรอยู่ รีบจับตัวว่าที่ราชินีหิรัณย์ไปสินธุก่อนที่ทหารชาวหิรัณย์จะแห่กันมา”
สั่งจบชายคนหนึ่งก็รีบลงจากหลังม้าเดินเข้าไปใกล้ว่าที่ราชินีแ แต่ยังไม่ทันที่จะได้เข้าใกล้เสียงฝีเท้าม้า
หลายสิบตัวก็ควบเข้ามาพร้อมกับลูกธนูพุ่งมาปักอกชายชุดดำบนหลังม้าร่วงลงหลายคน
“รีบหนีเถอะท่าน ทหารหิรัณย์มาแล้ว หนีก่อนที่ทัพใหญ่ของพวกมันจะยกมา เรือรออยู่ชายฝั่งแล้ว
ท่าน” ชายชุดดำที่มาใหม่เตือน
“ได้แต่ต้องเอาตัวว่าที่ราชินีหิรัณย์ไปด้วย” อีกฝ่ายยังไม่วายทำตามใจปรารถนา
“ปล่อยว่าที่ราชินีไปก่อนเถอะ ไว้คราวหลังก็ได้ หนีเอาตัวรอดก่อน รีบขึ้นม้าเถอะ พวกข้าจะกันให้”
คำเตือนของพวกที่มาทีหลังทำให้จำยอมขึ้นม้าควบออกไปภายใต้การคุ้มกันของพวกที่มาสมทบที่พากัน
ร่วงลงจากหลังม้าไปทีละคน
ชาครเห็นชายชุดดำสิบกว่าคนฝ่าวงล้อมหนีไปได้จึงรีบสั่งทหารให้ติดตามไป ส่วนตัวเองกับทหาร
ราชองครักษ์รีบเข้าไปหาว่าที่ราชินี แต่พอเห็นพระวรกายสูงใหญ่แห่งองค์อคินทอดราบกับผืนทรายโดยมี
ว่าที่ราชินีประทับนั่งนิ่งไม่ไหวติงอยู่ข้างๆพระหัตถ์เล็กกุมพระหัตถ์ใหญ่ไว้ก็ตกใจ
ไม่...จ้าวสุริยะต้องไม่เป็นไร หากจ้าวสุริยะทรงเป็นอะไรไป หิรัณย์ถึงกาลดับแน่ เพราะความเขลาไม่ทัน
กลสินธุแท้ๆ ถึงได้สั่งให้ทหารทั้งหมดไปช่วยดับไฟที่หมู่บ้านชาวประมงกับเรือพระที่นั่ง เหลือทหารไว้เฝ้าชาย
หาดที่นี่เพียงไม่กี่คน กว่าจะคิดได้ว่าเป็นแผนล่อสือออกจากถ้ำและตามมาช่วย...องค์อคินก็.....สายเสียแล้ว....
ฤว่าหิรัณย์จะถึงกาลสิ้นแล้วจริงๆ... สิ้นแล้วซึ่งจ้าวสุริยะแล้วหรือไร.....ชาครหลับตาลงอย่างเจ็บปวดโศรกเศร้า
ว่าที่ราชินีทรงกุมพระหัตถ์ใหญ่ไว้บีบเบาๆ น้ำพระเนตรหยุดหลั่งเหลือเพียงพระหทัยอันเวิ้งว้าง
ทุกข์ระทมเกินกว่าจะเอื้อนเอ่ยออกมา
‘พระทัยร้ายนัก ทิ้งหม่อมฉันกับชาวหิรัณย์ได้ลงคอ ต่อไปหม่อมฉันกับประชาชนของพระองค์จะ
อยู่กันอย่างไร ทรงสัญญาจะไม่ตายง่ายๆ ทำไมไม่รักษาสัญญา ทรงโกหกหม่อมฉัน ถ้าไม่ฟื้นขึ้นมาหม่อมฉัน
จะไม่ให้อภัยพระองค์อีกเลย คนใจร้ายแห่งหิรัณย์’ น้ำพระเนตรไหลนองอาบดวงพักตร์งดงามก่อนหยดลงบน
พระหัตถ์ใหญ่
ชาครกับเหล่าทหารราชองครักษ์พอเห็นแล้วต่างคุกเข่าลง ใบหน้าโศรกเศร้านัก น้ำตาชายชาติทหาร
แม้จะไม่หลั่งออกมาให้เห็นแต่กลับหลั่งในใจแทน
...โอ้องค์อคิน...เหตุใดพระองค์ทรงทิ้งชาวหิรัณย์ให้อยู่อย่างเดียวดาย....
ทหารทุกคนต่างแหงนหน้ามองดวงสุริยะวิงวอนร้องขอองค์สุริยะเทพ
“ขอองค์สุริยะเทพโปรดอย่าเอาชีวิตจ้าวสุริยะไปเลย” ชาวหิรัณย์นับถือพระอาทิตย์เป็นแสงสว่างนำพา
ชีวิตให้รุ่งเรือง กษัตริย์ทุกองค์จึงมีพระนามเกี่ยวข้องกับพระอาทิตย์ทั้งสิ้น แต่คำวิงวอนของพวกเขาจะได้ผลหรือ
ไม่นั้นก็ยากจะคาดเดาหากในใจทหารทุกคนก็อยากให้ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น..เพื่อแผ่นดินหิรันย์และด้วยใจภักดิ์ที่มีต่อ
องค์เจ้าเหนือหัวที่พวกเขารัก..ทว่า..คงเลือนลางเต็มที..แล้วแผ่นดินที่ไร้ซึ่งองค์อคินจะเป็นอย่างไร..หัวใจคนทั้ง
แผ่นดินมีเจ้าสุริยะมาตลอด...สิ้นเจ้าสุริยะ..เหมือนดั่งใจปวงประชาแหลกสลาย ยากจะดำรงตนรักษาแผ่นดิน
หิรัณย์ที่พระองค์ทรงปกป้องได้อีกต่อไป..ฤจะถึงกาลอวสานแห่งหิรัณย์แก่สินธุ..โอ้เจ้าสุริยะได้โปรดทรงฟื้นขึ้นมา
เถอะ..ขอองค์สุริยะเทพโปรดเมตตาส่งคืนเจ้าสุริยะคืนมาสู่ชาวหิรัณย์เถอะ...
======================================================================
********************** ขอบคุณทุกกำลังใจที่ให้ ขอบคุณทุกเม้มที่มีมา จริงๆแล้วตอนนี้แทบไม่อยากทำอะไรด้วยซ้ำ
แต่เพราะเห็นว่าเรื่องนี้แต่งด้วยใจรัก และอยากแสดงให้เห็นถึงการปกครองระบอบกษัตริย์ที่ทรงปกป้องแผ่นดิน
และพัฒนาแผ่นดินในรูปแบบที่ต่างกันและสุดท้ายก็ทุกอย่างเพื่อประชาชน กับความเหนื่อยยากลำบากและ
อดทนอดกลั้นของพระมหากษัตริย์...โชคดีที่เรายังมีกษัตริย์ประเทศไทยถึงรอดพ้นปากเหยี่ยวปากกามาถึงทุกวันนี้
หากเป็นการปกครองแบบปชตหรือไม่มีกษัตริย์ ป่านนี้คงยกแผ่นดินให้ต่างชาติหมดแล้ว..อ่านประวัติศาตร์จะเข้าใจ
ถึงความลำบากของกษัตริย์ทุกพระองค์...
ขอบคุณที่ยังติดตามแม้คนะเขียนจะไม่ค่อยมีเวลามาลงให้บ่อยเพราะไม่ค่อยมีเวลา...หลั่งน้ำตากับตอนนี้บ้างไหม
เพลงใบไม้
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 ต.ค. 2559, 16:15:36 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ต.ค. 2559, 16:15:36 น.
จำนวนการเข้าชม : 1030
<< ตอนที่ 13/2 | ตอนที่ 14/2 >> |
แว่นใส 31 ต.ค. 2559, 07:05:32 น.
จะตายจริง ๆ เหรอ
จะตายจริง ๆ เหรอ
Zephyr 1 พ.ย. 2559, 00:12:11 น.
สลบพอนะคะ อย่าตายเลยน้า
สลบพอนะคะ อย่าตายเลยน้า