รัตนมณีแห่งหัวใจ (รัตน)

Tags: ความรักเดียวที่กษัตริย์แดนเถื่อนมีต่อเจ้าหญิงแห่งรัตนที่ตราตรึงในหัวใจ

ตอน: ตอนที่ 13/2

ตอนที่ 13/2
ในเขตพระราชฐานแห่งสินธุนคร องค์จิรัชย์กริ้วจัดเมื่อทราบคำตอบจากรัตนนคร สองพระหัตถ์กำแน่น
ผิดกับกษัตริย์สินนพผู้เป็นพระราชบิดาที่ยังคงนิ่งเฉย

“พ่อว่าลูกควรใจเย็นมากกว่านี้ การใช้อารมณ์อย่างเดียวไม่ทำให้อะไรดีขึ้น อย่าลืมสิตอนนี้รัตนเท่ากับ
มีหิรัณย์เป็นเกราะป้องกันตัว แต่พ่อเชื่อว่าตีรณธรยังไม่กล้าตัดสินใจบุ่มบ่ามเลือกข้างและกล้าประกาศความ
เป็นศัตรูกับเราแน่ จิรัชย์ถ้าลูกใจเย็นได้เท่าตีรณธรก็จะดี” ทรงเตือนสติพระราชโอรสด้วยความเป็นห่วง

“ท่านพ่อ ถ้ามัวแต่ใจเย็น อีกหน่อยเราจะแย่หากปล่อยให้รัตนผูกมิตรกับหิรัณย์ได้” พระอารมณ์
ขององค์รัชทายาทยังคงกรุ่นจัด

“เป็นไปไม่ได้หรอก ลูกก็รู้ชาวรัตนรบกับใครไม่เป็น ลำพังหิรัณย์อย่างเดียวไม่สามารถสู้กองทัพอัน
เกรียงไกรของเราได้ สู้รอจังหวะเหมาะๆค่อยหาทางรวบรวมกำลังคนยกทัพใหญ่ไปบุกหิรัณย์ ระหว่างนี้เรา
ก็หาเรื่องป่วนทั้งรัตนกับหิรัณย์ไปเรื่อยๆ เอาให้นั่งไม่ติด คิดดูสิหากรัตนเกิดเรื่องมีหรือหิรัณย์จะไม่รีบยื่นมือ
เข้าไปช่วยเหมือนครั้งนี้” กษัตริย์สินนพรับสั่งเตือนให้รัชทายาทของพระองค์ได้คิดบ้าง

“เรื่องป่วนหรือท่านพ่อ ไม่ได้ผลหรอก ท่านพ่อก็เห็น เรือของเราสามลำที่ส่งไปก่อกวนทัพเรือหิรัณย์
ยังพ่ายยับกลับมา ช่างน่าละอายนัก ลูกน่าจะไปด้วยตัวเองมากกว่า” องค์จิรัชย์ตรัสด้วยแค้นพระทัยยิ่งนัก

“เสียเรือรบแค่สามลำ ลูกไม่น่าเก็บมาเป็นอารมณ์ เมื่อแลกกับข่าวที่เราได้มา พ่อได้ข่าวว่าอคินจะพา
เจ้าสาวคนงามลงเรือกลับเมืองหลวง ลูกคิดดูสิ จะมีโอกาสไหนที่จะกำจัดจ้าวสุริยะได้ดีกว่านี้อีก มันกำลังมี
ความสุข คงลืมคิดป้องกันตัว” กษัตริย์สินนพทรงพยายามทำให้รัชทายาทของพระองค์พระทัยเย็นลงและมี
ความคิดรอบคอบกว่านี้

“จริงสิ ลูกลืมไป เหมาะมากลูกจะเอาเจ้าสาวคนงามของไอ้อคินมาเป็นของลูกให้ได้ จะครองทั้งพี่
ทั้งน้อง อยากรู้นักตีรณธรจะรู้สึกอย่างไรที่น้องสาวสองคนมีพระสวามีคนเดียวกัน คงเจ็บปวดพิลึก
ท่านพ่องานนี้ลูกขออาสาทำเอง” ได้ผลองค์รัชทายาททรงมีท่าทีกระตือรือร้นขึ้นมาทันที

“อย่าเลย ลูกต้องอยู่เตรียมงานราชพิธีอภิเษกเจ้าสาวเชลยสูงศักดิ์จากรัตนนคร พ่อยังอยากได้สะใภ้
หลวงที่ดูเหมาะสมกับเกียรติของสินธุอยู่ ส่วนเจ้าสาวของอคินถือเป็นของแถมให้กับลูกก่อนพิธีวิวาห์สะใภ้หลวง”

ครั้งนี้องค์รัชทายาททรงเห็นด้วย ‘จะไปรักชอบหญิงที่เคยผ่านมือชายมาแล้วให้เสียเกียรติทำไม ให้เป็น
แค่นางบำเรอก็พอแล้ว แต่ถ้าทำตัวดีๆจะยกย่องให้เป็นพระสนม แต่ถ้าฤทธิ์มากนักจะสั่งสอนให้หราบจำ’

\ องค์รัชทายาททรงคิดอย่างหมายมั่น แต่ความหวังของพระองค์จะสมหวังหรือไม่นั้นคำตอบอยู่ที่
องค์อคินเท่านั้น
==================================================================

ที่หิรัณย์นคร องค์อคินทรงพาว่าที่ราชินีกับนางกำนัลอุษาผู้ซึ่งไม่เคยเห็นทะเลมาบนหน้าผาสูงซึ่ง
เป็นจุดที่เห็นทะเลได้สวยที่สุด โดยมีทหารราชองครักษ์จำนวนหนึ่งกับนางกำนัลในพระตำหนักติดตามมาด้วย
อีกทั้งยังมีชาครมาคอยเฝ้าคุ้มกันดูอยู่ใกล้ๆ สำหรับชาวหิรัณย์คงไม่มีอะไรตื่นเต้น แต่สำหรับชาวรัตนกลับ
น่าอภิรมย์ที่สุด

ว่าที่ราชินีผู้กลัวความสูงทอดพระเนตรมองลงไปยังหน้าผาด้านล่างซึ่งเป็นหาดทรายขาวมีคลื่นจาก
ทะเลสาดสัดน้ำทะเลสีเขียวใสมากระทบเป็นระยะๆแล้วทรงรู้สึกหวาดๆ สองพระบาทไม่กล้าขยับเข้าไปใกล้
กว่านั้น เห็นหน้าผาสูงทีไรทรงรู้สึกแหยงๆทุกที แต่นางกำนัลอุษากลับเดินเข้าไปใกล้หน้าผาจ้องมองท้องทะเล
กว้างใหญ่อย่างตื่นเต้น

“องค์หญิงเพคะ ตรงนี้เห็นชัดกว่า ไม่นึกเลยว่าทะเลจะสวยงามกว้างใหญ่อย่างนี้” อุษากราบทูล
อย่างตื่นเต้น ว่าที่ราชินีเตรียมขยับตามเพื่อจะไปดูแต่พอทอดพระเนตรความสูงชันของหน้าผาก็ทรงหยุด
อยู่ที่เดิม

“ไม่ล่ะอุษา เรายืนดูอยู่ตรงนี้ดีกว่า เจ้ายืนชิดริมผาอย่างนั้นระวังจะตกลงไป ถอยออกมาหน่อยอุษา”
รับสั่งเตือนด้วยความเป็นห่วง อุษาจึงรู้ตัวรีบขยับเท้าถอยออกมาหน่อยหนึ่ง

“ขอบพระทัยที่ทรงเตือนเพคะ” อุษากราบทูลแล้วหันไปชื่นชมทะเลต่อ

ว่าที่ราชินีทรงขยับพระบาทหลายครั้งอยากเข้าไปใกล้หน้าผามากกว่านี้เพื่อจะได้เห็นทะเลชัดๆแต่กลับ
ไม่กล้า องค์อคินประทับยืนนิ่งทอดพระเนตรกิริยาของว่าที่ราชินีแล้วทรงพระสรวลเล็กน้อย ส่ายพระพักตร์เบาๆ

‘เด็กเอ๋ยเด็ก ก่อนมาก็ซักโน่นซักนี่อย่างตื่นเต้น พอมาถึงกลับกลัวความสูง แล้วอย่างนี้จะได้ชม
ความงามของทะเลไหม’ สองพระบาทแข็งแรงค่อยๆก้าวไปใกล้คนกลัวความสูง พระหัตถ์ใหญ่แข็งแรง
กุมพระหัตถ์เล็กนุ่มนิ่มพาเดินเข้าไปใกล้หน้าผาสูงชัน อุษาพอเห็นรีบถอนสายบัวถวายบังคมก่อนค่อยๆล่า
ถอยออกมา ชาครยืนอยู่ใกล้ๆจึงเอ่ยถามขึ้น

“อุษาเจ้าอยากเห็นทะเลใกล้ๆไหม”

“อยากสิ อยู่ไหนล่ะท่านชาคร” อุษามีสีหน้าท่าทางตื่นเต้นไม่น้อย

ชาครมองใบหน้างามฉายแววตื่นเต้นจนออกนอกหน้าแล้วรู้สึกบอกไม่ถูก นางกำนัลอุษาดูผิดจาก
ครั้งมาหิรัณย์ใหม่ๆ ในเวลานั้นดูไร้ชีวิตชีวา ดวงตาคู่งามมีแววหม่นหมองเป็นนิจ แต่หลายสิ่งหลายอย่าง
ในหิรัณย์ก็ค่อยๆเรียกคืนความสดชื่นมีชีวิตชีวากลับคืนมาสู่นางกำนัลผู้นี้ อาจเป็นเพราะมิตรภาพอันอบอุ่นที่
ทุกคนมีให้ก็ได้ และดูจะมีความสุขมากขึ้นเมื่อว่าที่ราชินีเสด็จมาถึง แต่วันนี้ความมีชีวิตชีวานั้นคงมาจาก
คำว่า “ทะเล” แน่นอน

“ถ้าอย่างนั้นตามข้ามา รับรองเจ้าจะได้สัมผัสน้ำทะเลจริงๆ” พูดจบก็ถือวิสาสะจับข้อมือเรียวเล็ก
พาไปขึ้นม้าและควบลงจากเขาไป นักรบผู้ไม่เคยชินกับการปฏิบัติต่อสตรียังคงเหมือนเดิม นึกจะทำอะไร
ก็ทำโดยไม่คำนึงว่าฝ่ายหญิงจะรู้สึกอย่างไร ชาครไม่ใช่นัการทูตและช่างพูดอย่างวรธรกับชยธร แต่ทุกอย่าง
ที่ทำล้วนมาจากใจจริง หากครั้งนี้การแยกนางกำนัลอุษาออกจากว่าที่ราชินีเป็นสิ่งจำเป็นอย่างยิ่ง

ว่าที่ราชินีทรงหลับพระเนตรทันทีที่มาถึงขอบหน้าผาสูงไม่กล้าทอดพระเนตรท้องทะเลภายใต้หน้าผา
สูงชันขณะที่พระเนตรคมเข้มสีนิลทอดมองไปรอบๆก่อนก้มพระพักตร์เข้าไปใกล้ดวงพักตร์งดงามของคนกลัว
ความสูงที่ยืนอยู่ข้างๆแล้วทรงกระซิบขู่ขึ้น

“องค์หญิงลืมตาได้แล้ว ไม่อย่างนั้นหม่อมฉันจะจับโยนลงไปข้างล่าง” ทรงย่อพระวรกายสูงใหญ่
ลงสองพระหัตถ์ใหญ่แข็งแรงทำท่าจะอุ้มคนกลัวความสูงจริงๆ ดวงเนตรงดงามลืมขึ้นทันที พระหัตถ์เรียวงาม
รีบยกขึ้นทำท่าห้าม

“อย่านะเพคะ เดี๋ยวศพไม่สวย พระทัยร้ายนักแค่นี้ก็คิดฆ่าด้วย” สุรเสียงหวานตัดเพ้อทันที

“ไม่รู้หรือ ที่หิรัณย์มีกฏอยู่ข้อหนึ่ง ผู้ใดมาเที่ยวทะเลแล้วไม่ยอมดูทะเลต้องถูกโยนลงหน้าผา โทษฐาน
ดูถูกความงามของทะเลหิรัณย์” พระสุรเสียงราบเรียบจริงจังบอกจนคนฟังเริ่มสงสัยว่าจริงหรือมั่วนิ่มกันแน่

ทำไมถึงได้มีกฏที่ไร้เหตุผลอย่างนี้นะ ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะชอบหรือไม่ชอบนี่นา ทำไมต้องบังคับกันด้วย
แต่..พระเนตรพราวระยับนี่สิบอกให้รู้ว่าถูกคนเจ้าเล่ห์หลอกอีกแล้ว

“ถ้ากฏนี้มีอยู่จริง หม่อมฉันว่าคนที่น่าจะถูกโยนลงหน้าผาคนแรกคือพระองค์ โทษฐานทำลาย
ความงามของท้องทะเลทำให้น้ำทะเลเน่าเสีย” องค์อคินทรงพระสรวลเบาๆ ร้ายจริงๆ เข้าใจโยนความผิด

“หึ!หึ!หึ! องค์หญิงคงหายกลัวแล้วกระมัง” ตรัสเย้าคนกลัวความสูงเล่น

“ต่อให้หายกลัวหม่อมฉันก็ไม่สะดวกใจชมทะเลบนที่สูงเหมือนพระองค์” สุรเสียงหวานเริ่มขุ่น

“แย่จัง หม่อมฉันอุตส่าห์ตั้งใจพามาดูจูดชมวิวที่สวยที่สุด ไม่ชอบก็ไม่เป็นไร หม่อมฉันจะพาไปสัมผัส
ทะเลของจริงเลยดีกว่า” ทรงอุ้มคนหน้าง้ำไปประทับนั่งบนหลังอาชาคู่พระทัยแล้วควบพาไปหาดทรายขาวทันที

อาชาตัวใหญ่พาสองพระองค์มาถึงชายหาดที่ปกคลุมไปด้วยทรายละเอียดสีขาวสะอาดโอบล้อม
ด้วยต้นไม้ใหญ่เป็นแนวยาวจนสุดสายตา น้ำทะเลสีฟ้าใสสะท้อนต้องแสงอาทิตย์ส่องประกายระยิบระยับ
ณ ที่นี้ อุษากับเพื่อนนางกำนัลชาวหิรัณย์กำลังย่ำเท้าเปล่าลงบนผืนทรายสีขาวโดยมีคลื่นจากทะเลสาดซัดน้ำ
ทะเลใสแจ๋วเข้าสู่ฝั่งมากระทบฝ่าเท้าดูแล้วน่าสนุกนัก

ว่าที่ราชินีทอดพระเนตรแล้วทรงสะกิดเจ้าของอาชาทันที

“ดูสิเพคะ พวกนางกำนัลกำลังเล่นน้ำสนุกเชียว น่าอิจฉานะเพคะ” สุรเสียงหวานเปรยเหมือนจะบอก
ให้เจ้าของอาชารู้ว่าตนเองก็อยากมีส่วนร่วมในการเล่นน้ำด้วย

“เห็นทีองค์หญิงคงอยากสัมผัสน้ำทะเลเร็วๆ ถ้าอย่างนั้นเรารีบไปกัน” องค์อคินตรัสอย่างรู้ทันแล้ว
ทรงกระโดดลงจากหลังอาชาตัวใหญ่อุ้มว่าที่ราชินีลงมา พอพระบาทบอบบางสัมผัสพื้นก็รีบวิ่งไปยังหาดทราย
ขาวทันที

เสด็จถึงก็ทรงถอดฉลองพระบาทเหลือแค่ฝ่าพระบาทบอบบางเปลือยเปล่าสัมผัสพื้นทรายละเอียด
สีขาวโดยมีคลื่นจากทะเลสาดซัดน้ำทะเลมาต้องพระบาทจนฉลองพระองค์ท่อนล่างเปียกไปหมด ดวงพักตร์
งดงามนั้นสดใสแช่มชื่นนัก องค์อคินทอดพระเนตรแล้วทรงส่ายพระพักตร์ ‘เด็กตื่นทะเล’ จากนั้นเสด็จไปหา
ชาครที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่มองดูเหล่านางกำนัลเล่นน้ำอย่างสนุกสนานเพลิน

“ชาคร ให้ทหารพานางกำนัลไปขึ้นเรือได้แล้ว เดี๋ยวข้าจะตามไป อย่าลืมคอยดูแลสอดส่องบริเวณนี้
ให้ดี ข้าสังหรณ์ใจชอบกล” สายพระเนตรทอดมองไปทั่วบริเวณชายหาดที่เต็มไปด้วยต้นไม้และแนวป่า

“พ่ะย่ะค่ะ ” ชาครกราบบังคมทูลจบก็รีบไปทันที สักพักเหล่านางกำนัลกับอุษาก็ตามทหารราชองค
รักษ์ไปขึ้นเรือ

ว่าที่ราชินีทรงกำลังเพลินกับการย่างพระบาทไปบนพื้นทรายโดยมีคลื่นจากทะเลพัดพาน้ำทะเลมา
ต้องฝ่าพระบาทไปเรื่อยๆ จึงไม่ทันสังเกตว่าพระวรกายสูงใหญ่กับพระบาทหนาใหญ่เปลือยเปล่าเดินย่ำบน
พื้นทรายตามหลังมาเรื่อยๆจนกระทั่งพระสุรเสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นใกล้ๆ

“สัมผัสน้ำทะเลครั้งแรก องค์หญิงรู้สึกอย่างไรบ้าง”

“บอกไม่ถูกเพคะ รู้แต่ว่า ดี ให้ความรู้สึกปลอดโปร่ง สบายใจจนหม่อมฉันเริ่มอิจฉาชาวหิรัณย์แล้วสิ
นึกไม่ถึงเพคะ นครลึกลับอย่างหิรัณย์จะมีอะไรมากมายน่าค้นหา มีทรัพยากรมากมาย ไม่ว่าจะเป็นสินแร่
เช่น เงิน เหล็ก ทอง กับเส้นทางติดต่อกับภายนอกที่ไปได้หลายทาง ทำไมไม่ทรงเปิดเผยให้คนภายนอก
รู้ล่ะเพคะ คิดว่าน่าจะดีกว่า อย่างน้อยก็ทำให้อำนาจของสินธุถูกตัดทอนลง“

ไม่น่าเชื่อเวลาเพียงไม่กี่วันว่าที่ราชินีกลับเรียนรู้เรื่องราวของหิรัณย์ได้มากมาย ต่อไปทรงไม่ต้อง
บริหารบ้านเมืองตามลำพังอีกแล้ว แต่จะมีราชินีคู่พระทัยมาช่วยพัฒนาแผ่นดินหิรัณย์ด้วยกัน

‘งามทั้งพักตร์ งามทั้งกิริยา งามทั้งปัญญา นี่สิที่ทรงใฝ่ฝันหามาเป็นราชินีคู่พระทัย’

“หม่อมฉันเริ่มกลัวองค์หญิงแล้วสิ มาหิรัณย์ไม่กี่วันก็รู้จักหิรัณย์ได้ทะลุปรุโปร่ง อันที่จริงหม่อมฉันก็
อยากทำอย่างนั้นเหมือนกัน แต่ยังไม่ถึงเวลา ที่เห็นเป็นเพียงความพร้อมด้านภูมิศาสตร์กับทรัพยากรเท่านั้น
ยังต้องพัฒนาอีกมากมายมาย ไม่ว่าคนหรือชีวิตความเป็นอยู่ของราษฎร หม่อมฉันทำคนเดียวไม่ไหว ต้องการ
ผู้ช่วยเพราะลำพังแค่รับศึกเกือบทุกวันก็ไม่มีเวลาแล้ว หม่อมฉันอยากให้องค์หญิงช่วย จะช่วยหม่อมฉันได้หรือ
ไม่” พระเนตรคมเข้มสีนิลทอดมองเข้าไปในดวงเนตรกลมโตคู่งามอย่างวิงวอน เจ้าของดวงเนตรกลมโตงดงาม
แย้มพระโอษฐ์เล็กน้อย

“ทรงลืมไปแล้วหรือเพคะว่าหม่อมฉันเป็นส่วนหนึ่งของหิรัณย์ ไม่จำเป็นต้องขอร้องหม่อมฉัน ขอเพียง
ทรงอนุญาต หม่อมฉันจะทำสุดความสามารถ หวังว่าพระองค์คงไม่ใช้หม่อมฉันไปจับอาวุธรบกับศัตรูนะเพคะ
บอกตรงๆไม่ชำนาญ”

องค์อคินทรงพระสรวลเบาๆ “คิดเหลวไหล หม่อมฉันไม่คิดใช้คนตัวเท่ามดอย่างองค์หญิงไปรบกับ
ผู้ชายตัวยักษ์หรอก มีหวังแพ้ราบคาบตั้งแต่ยังไม่รบ ช่วยพัฒนาคนให้หม่อมฉันดีกว่า” ตรัสยั่วแล้วทรงร้อง
“ซี๊ด” ดังๆเมื่อท่อนพระกรแข็งแรงถูกบิดอย่างแรงจากคนตัวเท่ามด

“เป็นอย่างไรบ้างเพคะ การสบประมาทคนตัวเท่ามด ..ว๊าย” รับสั่งได้แค่นั้นก็ถูกองค์อคินอุ้มตัวลอยพา
ลุยน้ำไปในทะเลจนน้ำทะเลสูงเท่าบั้นพระเอวแล้วทำท่าจะปล่อยคนตัวเท่ามดลงทะเล คนตัวเท่ามดเห็นว่า
หมดทางสู้จึงรีบทูลออดอ้อนเอาตัวรอด

“หม่อมฉันขอประทานอภัยเพคะ อย่าปล่อยนะเพคะ หม่อมฉันกลัวจมน้ำตาย”

องค์อคินทรงกลั้นพระสรวลไม่อยู่ ทรงเอาคืนได้แล้ว ว่าที่ราชินีทุบแรงๆไปที่พระอุระแข็งแกร่งด้วยความฉุน
ที่ถูกแกล้งอีกแล้ว ทรงร้ายนัก เจ้าเล่ห์ที่สุด ทั้งสองพระองค์กำลังมีความสุขจึงไม่รู้ว่ามีชายชุดดำปิดหน้าเหลือ
แค่ลูกตาสี่คนเข้ามาใกล้ ในมือทุกคนถือคันธนู หนึ่งในนั้นพยักหน้าบอกให้ชายอีกคนลงมือ ดังนั้นลูกดอก
อาบยาพิษจึงถูกปาออกไปโดยพุ่งเป้าไปที่พระวรกายสูงใหญ่แห่งองค์อคิน
===============================================================================
===============================================================================
**********เศร้า โศกา โดดเดี่ยว ดวงจิตอ้างว้าง เหลือจะกล่าว ไม่อยากจะทำอะไร พ่อหลวงจากไป หลั่งน้ำตาด้วยความอาลัยรัก
เคารพพ่อของแผ่นดิน นับจากนาทีที่รู้ข่าว ชีวิตเหมือนไร้ซึ่งแสงสว่าง ไม่รู้จะเป็นอย่างไรต่อไป ต้องขอเวลาทำใจ จิตใจหดหู่ท้อแท้
แต่พอมาคิดอีกทีพระองค์ท่านยังอยู่กับเราเสมอ อยู่กับคนไทยทุกคน คำสอนกับคุณงามความดี ความรักของพระองค์ท่านที่มีต่อ
ลูกๆทั้งแผ่นดินจะอยู่ในใจคนไทยทุกคน...ขอน้อมทำความดีถวายพระองค์ท่านหากมีโอกาสทุกครั้งไป ....เวลานี้หัวใจคนไทยเหมือน
กันหมด เศร้า เสียใจ อ้างว้าง หัวใจที่ขาดพ่อของแผ่นดินมันสลายไปหมดแล้ว แต่คิดว่าไม่นานหัวใจแหลกสลายของทุกคนจะกลับมาแกร่ง
เหมือนเดิมโดยมีพระองค์ท่านเป็นกำลังใจเพราะพระองค์ท่านอยู่ในหัวใจคนไทยทุกคน ไม่ว่าจะเป็นบนฟ้าเบื้องบน พื้นน้ำเบื้องล่าง พื้นดินทั่วทั้ง
แผ่นดิน ยามเหยียบย่ำไปไหน ทุกที่ทุกลมหายใจมีจิตวิญญาณของพระองค์่ท่านคอยดูแลปกป้องคนไทยเสมอ
...... อันที่จริง สาเหตุที่แต่งเรื่องนี้ ส่วนหนึ่งก็มาจากความรักในพระมหากษัตริย์เพราะไทยมีพ่อของแผ่นดินที่ดีที่สุดในโลก น่าภาคภูมิใจเลยอยาก
แต่งเรื่องแนวเจ้าชายเจ้าหญิงที่สะท้อนถึงการเป็นเจ้าแผ่นดินที่ต้องแบกรับปัญหาของประเทศมากมายด้วยความอดทน ทว่าเป็นแบบน่ารัก...แต่ฝีมือ
คงไม่ดีเรื่องนี้จึงไม่มีใครสนใจ แต่ก็ตั้งใจแต่งด้วยใจรัก ขอแค่คนอ่าน ๆ แล้วรู้สึกได้และเข้าใจข้อคิดดีๆ จากเรื่องก็พอ ที่สำคัญหากเป็นได้ อยากให้
คนอ่านรักสถาบันมากขึ้น เพราะประเทศเราจะอยู่ได้ก็เพราะสามสถาบันหลักเท่านั้นซึงปัจจุบันมีหลายประเทศที่ล่มสลายไปเพราะขาดสถาบันพระมหากษัตริย์
อันเป็นศุนย์ยึดเหนี่ยวจิตใจของประชาชน.........*******************************






เพลงใบไม้
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 23 ต.ค. 2559, 15:01:56 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 23 ต.ค. 2559, 15:02:04 น.

จำนวนการเข้าชม : 905





<< ตอนที่ 13/1   ตอนที่ 14/1 >>
Zephyr 23 ต.ค. 2559, 21:35:01 น.
เราตามอ่านอยู่นะ ออกจะชอบองค์อคิน
กวนๆ ทะเล้น ดีค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account