เจ้าหัวใจแดนเถื่อน
เพราะเงื่อนไขของบุพการี ‘ทรรศิกา’ จำต้องไปใช้ชีวิตที่บ้านนอกคอกนา เป็นเวลาหนึ่งเดือน และที่นั่นเองเธอก็ได้พบกับ ‘เขา’ หนุ่มหล่อคมเข้ม ที่มีทั้งความเถื่อนและอ่อนโยนจนเริ่มทำให้หัวใจของเธอหวั่นไหว

เพราะคิดว่าเป็นคุณหนูจากเมืองกรุงประเภทเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ทำให้ ‘อคิราภ์’ รู้สึกไม่ชอบ ‘ทรรศิกา’ ตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า
แต่ตัวจริงที่สวยราวกับนางฟ้าเดินดิน ทำเอาหัวใจเขาถึงกับหวั่นไหว นานวันยิ่งใกล้ชิดเขาก็ไม่อยากให้เธอจากไป อยากให้มาเป็น เจ้าหัวใจในแดนเถื่อน แห่งนี้ แต่ทว่าเขาจะทำอย่างไร เมื่อสาวเจ้ากลับมีเจ้าของจับจองหัวใจอยู่แล้ว

“วันหลังเวลาขอของจากผู้ใหญ่หัดพูดให้มันเพราะๆ หน่อยสิ...เอ้า เอาไปไม่เห็นน่าพิศวาสตรงไหนไซส์อนุบาลซะขนาดนั้น”
หลังจากแกล้งจนพอใจ มือหนาจึงวางเสื้อชั้นในตัวน้อยพาดลงบนบ่าของหญิงสาว ที่ยืนหน้าตูมหายใจฟืดฟาด ก่อนจะพาร่างสูงของตัวเองเดินหายเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่สนใจคนที่ยืนตัวสั่น เพราะโกรธและอายที่โดนดูถูก
“อะ...ไอ้บ้า! ไซส์อนุบาลบ้านคุณนะสิคัพบี จำไว้เลยนะ...โธ่เอ๊ย! ตัวเองเหมือนกับหนอนใบชาล่ะสิถึงได้มาว่าคนอื่นทุเรศ”
มือหนาที่กำลังจะดึงผ้าเช็ดตัวออกจากเอว เปลี่ยนมายืนถอนหายใจหนักๆ เอากับเขาสิยัยคุณหนูผู้ไม่รู้จักแพ้ เดี๋ยวได้รู้สึก ชายหนุ่มคิดอย่าหมั่นเขี้ยว
“ดูถูกใช่ไหม หนอนใบชาใช่ไหม...ได้...อย่างนี้มันต้องพิสูจน์ให้เห็นกับตา”
Tags: นิยายรัก,โรแมนติก,เกศมณี,รดามณี,ไหมขวัญ,ทำมือ,บ้านนอก

ตอน: ตอนที่ 5 >>> 50%

ตอนที่ 5

ภายในห้องชุดสุดหรูใจกลางกรุงเทพบนโซฟาสีน้ำตาลเข้าชุดกับของตกแต่งภายในห้องร่างอ้วนท้วมลงพุงของนายเดชาในวัยห้าสิบต้นๆ กำลังกอดรัดฟัดเหวี่ยงอยู่กับสาวสวยหุ่นอวบอันอายุรุ่นราวคราวลูกอย่างเมามัน ขณะที่มืออวบอูมและใบหน้าของเขากำลังฟอนเฟ้นอยู่กับอกขาวอวบอิ่มจนล้นทะลักของหญิงสาวอยู่นั้นนประตูห้องที่ปิดสนิทก็ถูกเปิดออก พร้อมกับร่างสูงของเดชาธรผู้เป็นลูกชายปรากฏขึ้น ชายหนุ่มชะงักนิดหนึ่งเมื่อเห็นภาพบิดากับคู่ขาตรงหน้า เดชาธรไม่คิดที่จะถอยหลังกลับแล้วปิด

ประตูไว้เหมือนเดิมอย่างที่ควรจะเป็น เพราะภาพอย่างนี้เขาเห็นบ่อยจนชินตาไปเสียแล้ว ฉะนั้นมันก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติทั่วๆ ไปเขาเองก็ไม่คิดที่จะสนใจอะไรมากมาย ขายาวๆ จึงเดินเข้าไปภายในห้องด้วยสีหน้าราบเรียบและตามหลังมาด้วยนายโตมือขวาคนสนิท ซึ่งก็มีสีหน้าไม่ต่างกันกับผู้เป็นเจ้านาย

“ว่าไงธรเรื่องงานที่ฉันมอบหมายให้แก่ให้ไปจัดการเรียบร้อยดีใช่ไหม” นายเดชาถามเสียงอู้อี้ ขณะที่ใบหน้ายังไม่ละออกจากเนินอกเพราะรู้ดีว่าคนที่เข้าห้องนี้โดยไม่เคาะประตูมีเพียงคนเดียว

“ครับพ่อ” ชายหนุ่มตอบขณะทิ้งตัวลงนั่งกางแขนเอนหลังพิงพนักโซฟายกขายาวๆ ขึ้นพาดกับโต๊ะเล็ก ๆ ตรงหน้า ก่อนจะหันไปรับแก้วเครื่องดื่มจากนายโตที่คอยยืนบริการอย่างรู้หน้าที่

“แกนี่เก่งสมเป็นลูกชายฉันจริงๆ เลย” นายเดชาเงยหน้าขึ้นหัวเราะดังลั่นอย่างพอใจ ก่อนจะหันไปหอมแก้มหญิงสาวที่นั่งทำท่าเหนียมอายอย่างมีจริตฟอดใหญ่

“ขอบคุณครับ” เดชาธรกดยิ้มลึกที่มุมปากตวัดสายตามองผู้หญิงคนใหม่ของผู้เป็นพ่อแล้วหัวเราะหึๆ ในลำคอ พ่อเขาขยันเปลี่ยนผู้หญิงยิ่งกว่าเปลี่ยนเสื้อผ้าซะอีกเช้าคนเย็นคน ถ้าป่านนี้แม่ของเขายังอยู่คงนั่งร้องไห้ช้ำใจอยู่ที่บ้านวันละหลายๆ หน

“เอ้อ แล้วเรื่องเรียนต่อแกจะเอาจริงหรือฉันว่าคนฉลาดอย่างแกจบแค่ปริญญาตรีก็พอแล้วมั้ง สู้เอาเวลาที่แกจะไปเรียนหนังสือมาเรียนรู้การทำงานกับฉันจะดีกว่าไหม...หรือแกว่าไง” นายเดชาเอ่ยถึงเรื่องที่ผู้เป็นลูกชายขอไปเรียนต่อปริญญาโทที่ต่างประเทศกับแฟนสาว ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้ขัด แต่ก็ไม่เห็นด้วยซะทีเดียว

“ถ้าพ่ออยากเป็นทองแผ่นเดียวกันกับเจ้าพ่อโรงแรมอย่างนายทัดเทพเร็วๆ ละก็ ทำตามที่ผมบอก...แต่ถ้าไม่ผมก็คงช่วยอะไรไม่ได้” ชายหนุ่มเบ้ ปากพลางยักไหล่

“จัดการรวบหัวรวบหางให้ลูกสาวมันเป็นเมียของแกจะไม่เร็วกว่าหรื อ...ฉันว่าอันที่จริงแกน่าจะจัดการตั้งแต่สมัยเรียนเสียด้วยซ้ำ” ผู้เป็นพ่อเสนอ

“ถ้ามันง่ายอย่างนั้นผมก็ทำไปนานแล้วไม่ปล่อยให้รอดมาได้ตั้งหลายปี อย่างนี้หรอก”

“มันจะไปยากอะไรวะกับอีแค่ผู้หญิงตัวเล็กๆ คนเดียว แถมผู้หญิงคนนั้นก็เป็นคนรักของแกด้วยไม่ใช่หรือ”

“มันก็ใช่ แต่พ่อรู้ไหมว่าศิเขาเป็นคนรักของผมก็จริง แต่เขาไม่ได้หลงผมจนหัวปักหัวปำเหมือนผู้หญิงหิวเงินทั่วไปบางครั้งดูจะไม่ได้สนใจผมมากไปกว่าบรรดาเพื่อนสนิทของเธอเลยด้วยซ้ำอีกอย่างสมัยเรียนผมมีเวลาอยู่กับเธอตามลำพังเสียที่ไหน ไปไหนมาไหนเป็นต้องมียัยแพมกับยัยดาวตามติดไปด้วยตลอด...พอเรียนจบนึกว่าจะอะไรๆ จะง่ายขึ้น แต่เปล่าเลยนัดเจอกับเธอแต่ละทียากมากอ้างโน่นอ้างนี่ตลอดหากมาได้ก็พกบอดี้การ์ดมาเป็นฝูงถึงเธอจะไม่รู้ตัวว่ามีคนคอยคุ้มกัน แต่คนระวังตัวอย่างผมรู้ได้ทันที แล้วอย่างนี้จะให้ผมทำยังไงล่ะ”

“แกก็เลยออกอุบายชวนเขาไปเรียนต่อ เพื่อที่จะได้จัดการง่ายขึ้น”

“เปล่า ศิเป็นคนชวนต่างหาก ผมคิดว่านี่เป็นโอกาสผมกะว่าสองปีนี้จะทำให้ เธอท้องให้ได้นายทัดเทพจะได้ไม่เล่นแง่” เดชาธรพูดพลางใช้มือลูบคางสบสายตากับผู้เป็นพ่ออย่างเจ้าเล่ห์

“ฉลาดมาก ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามหมากที่เราวางไว้ฉันจะดูสิว่าพวกตำรวจยังจะกล้ามายุ่งกับเราอีกไหม” พูดจบสองพ่อลูกก็หัวเราะประสานเสียงกันอย่างพอใจ ใครๆ ก็รู้ว่าตระกูลพรหมพิริยะมีอิทธิพลขนาดไหน แต่ถึงอย่างนั้นนายทัดเทพผู้กุมอำนาจนั้นไว้ในมือก็ไม่เคยคิดที่จะใช้อำนาจหรืออิทธิพลที่มีไปใช้ในทางที่ผิด ด้วยเหตุนี้เองที่ทำให้นายเดชากับลูกชายรู้สึกกระหายอำนาจในมือของนายทัดเทพเป็นอย่างมาก ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่คิดอิทธิพลที่ดูขาวสะอาดจะเป็นฉากบังหน้าให้พวกเขาดำเนินการธุรกิจในด้านมืดได้สะดวกสบายยิ่งขึ้น

“แล้ วของล๊อตต่อไปล่ะเมื่อไหร่” นายเดชาถามขึ้นอีกครั้ง

“ราวๆ ต้นเดือนหน้าครับ”

“ดี ถ้าแกกลับมาฉันจะวางมือและจะมอบหมายให้ แกเป็นคนดูแลทุกอย่างแทน ฉันจะได้มีเวลาไปสร้างภาพให้กับพวกหน้าโง่มันดูมากขึ้น”

ได้ยินอย่างนั้นเดชาธรถึงกับเหยียดยิ้มออกมา พ่อของเขาถือว่าเป็นสส. ที่

ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนมาหลายสมัย และถือว่าเป็นนักแสดงตัวยง น่าจะได้ รางวัลตุ๊กตาทองเสียด้วยซ้ำ นั่นเพราะต่อหน้าสื่อและประชาชนท่านจะเป็นผู้ใหญ่ใจดีมี เมตตาคอยแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่ถูกร้องเรียนมา แต่ใครเลยจะรู้ว่าภายใต้หน้ ากากสส. ผู้ ใจดีจะเป็นปิศาจร้ายบ่อนทำลายประเทศและชุมชนโดยแท้

“ขอบคุณครับที่ไว้ใจ ผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้พ่อผิดหวัง...ว่าแต่พ่อมีอะไรกับผมอีกหรือเปล่า ถ้าไม่มีวันนี้ผมคงต้องขอตัวกลับก่อนแล้วนะครับจะไปทำธุระต่อ” ชายหนุ่มพูดพร้อมกับหยัดตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง

นายเดชาหรี่ตามอง ก่อนจะเอ่ยอย่างรู้ทันขึ้นว่า “ธุระของแกคงไม่พ้นเรื่องผู้หญิงล่ะสิ...เสือก็ยังเป็นเสืออยู่วันยังค่ำจะให้ไปเป็นลูกแมวเชื่องๆ ของคนใดคนหนึ่งก็คงจะเป็นไปไม่ได้ ใช่ไหมไอ้เสือซ่อนเล็บ”

“หึๆ จะว่าผมเหมือนใครดีละ ถ้าไม่ใช่พ่อ” ชายหนุ่มพูดพลางยักไหล่ ก่อนจะพาร่างสูงของตัวเองเดินออกจากห้องไปทันที

“ก็แกลูกฉันนี่หว่า ถ้าไม่เหมือนฉันแล้วจะไปเหมือนแมวที่ไหนละ” นายเดชาตะโกนตามหลังลูกชายพร้อมกับหัวเราะในลำคออย่างรู้สึกภูมิใจที่ลูกชายคนเดียวของตนคนนี้ ได้นิสัยของเขาไปเต็มๆ ไม่ว่าจะเป็นนิสัยฉลาดแกมโกงความกระหายในอำนาจ และที่เห็นเด่นชัดก็คงจะเป็นความเจ้าชู้ที่ตกทอดมาจากรุ่นสู่รุ่นจนกลายเป็นเอกลักษณ์ ของผู้ชายตระกูลสุธาสินีอย่างที่คนในวงสังคมรู้กันเป็นอย่างดี



ช่วงบ่ายแก่ ๆ ทรรศิกานั่งมองเหล่าแม่ไก่พาลูกเจี๊ยบมาจิกกินเม็ดข้าวสารที่เธอเพิ่งหว่านลงบนพื้นดิน หญิงสาวนั่งพิจารณาอยู่นานก่อนจะหลุดเสียงหัวเราะออกมาเบาๆ ทั้งๆ ที่เม็ดข้าวก็เกลื่อนพื้น แต่ทำไม๊ทำไมแม่ไก่จะต้องทำท่าคุ้ยเขี่ยด้วยนะ ไม่เข้าใจจริงๆ เลย

“ให้อาหารไก่อยู่หรือหนูศิ...แล้วนี่น้าของหนูเขาไปไหนเสียล่ะ”

หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองคนถาม ด้วยใบหน้าที่ยังเปือนรอยยิ้ม ก่อนจะตอบกลับไปว่า “เห็นคุณน้าบอกว่าของในตู้เย็นหมดเกลี้ยงเลยเข้าไปในหมู่บ้านหาซื้อของมาทำอาหารเย็นน่ะค่ะ...แล้วนี่น้าภพกำลังจะไปไหนหรือคะ”

“น้าว่าจะเดินไปสวนซะหน่อยและจะแวะไปดูพี่เขาทำงานด้วย”

ได้ยินคําว่า ‘สวน’ หญิงสาวรีบวางถ้วยข้าวสารอยู่ในมือแล้วหันมาถามผู้เป็นน้าอย่างสนใจ

“สวนหรือคะ ศิได้ยินคุณน้าคุยกันว่าไปสวนไปสวนแต่ไม่เคยได้ไปดูสักทีขอศิไปด้วยคนนะคะ” แค่นายเอกภพพยักหน้าอนุญาตร่างสมส่วนก็วิ่งเอาข้าวสารเข้าไปเก็บในห้องครัว ก่อนจะวิ่งออกมายืนยืดตัวตรงข้างแคร่

“ไปกันค่ะ…” หญิงสาวพูดพร้อมพยักหน้าทำให้นายเอกภพที่หันมาเจอสีหน้า

ตื่นเต้นคล้ายเด็กของหญิงสาวก็อดที่จะยิ้มออกมาไม่ได้

“ไปสิ” นายเอกภพเอ่ยขณะยกจอบขึ้นพาดบ่าแล้วเดินนำหน้าออกไปก่อน โดยมีร่างสมส่วนของทรรศิกาเดินตามหลังไปติดๆ

“แล้วสวนของคุณน้าปลูกอะไรคะ” หญิงสาวถามขึ้น ขณะเดินออกมาได้สักพัก

“ก็ปลูกหลายอย่าง อย่างละเล็กละน้อยเอาไว้กินเองน่ะ ก็มีมะพร้าวมะม่วงฝรั่ง ผักสวนครัวจำพวกข่าตะไคร้โหระพากะเพราสะระแหน่อื่นๆ อีกอย่างละนิดละหน่อยนอกจากนี้ก็ยังมีบ่อเลี้ยงกบเลี้ยงปลา มีเป็ดแล้วก็ไก่อีกนะ...เป็นไงสวนของน้า” เจ้าของสวนถามกลั้วหัวเราะ

“ดีจังเลยนะคะ ปลุกเองไม่ต้องเสียเงินซื้อ”

“แต่ก่อนมันเป็นสวนใบหม่อน แต่เดี๋ยวนี้ไม่ได้ทำแล้วเลยดัดแปลงมาปลูกอย่างอื่นแทนเพราะไม่มีเวลา...เอาถึงแล้ว เดี๋ยวหนูศิไปนั่งรอน้าที่กระท่อมเล็กๆ นั้นก่อนนะ น้าจะเดินไปดูพี่เขาหน่อย” นายเอกภพเอ่ยขณะใช้มือข้างที่ว่างยกไม้ที่วางพาดเป็นประตูรั้วแบบง่ายๆ ลง

“บรรยากาศเย็นสบายน่านอนมากๆ เลยนะคะ” หญิงสาวยืนหลับตาพริ้มสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด นานเท่าไหร่แล้วนะที่เธอไม่ได้สูดอากาศบริสุทธิ์สดชื่นอย่างนี้ เพราะอย่างนี้มั้งพิมพ์ดาวเพื่อนของเธอถึงได้ชื่นชอบชีวิตในต่างจังหวัด ว่าแล้วต่างจังหวัดมันก็ต้องมีไอ้ทุยสินะ ว่าแต่มันอยู่ไหนกันล่ะ อยากเห็นอยากเห็น

“น้าภพคะ แถวนี้ไม่มีควายบ้างเลยหรือคะ ศิอยากเห็นตัวเป็นๆ น่ะค่ะ” ดวงตาสดใสสอดส่ายสายตาไปทั่ว เพื่อจะมองหาวัวควายตัวเป็นๆ สักตัว แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะบริเวณนั้นไม่มีแม้เงาของมัน

“นั่งรออยู่ตรงนี้แหละ อีกสักพักชาวบ้านก็คงจะต้อนมันกลับเข้าคอกพอถึงตอนนั้นจะดูกี่ตัวก็ดูเอาตามสบาย...นั่งเล่นนอนเล่นรอไปก่อนนะเดี๋ยวน้ากลับมา” นายเอกภพสั่งเสร็จก็เดินแบกจอบออกไปปล่อยให้หญิงสาวได้เดินสำรวจสวนตามลำพัง

ร่างสมส่วนเดินมาหยุดตรงบ่อปลาขนาดจะว่าเล็กมันก็ไม่เล็กมากกำลังพอดีสำหรับบ่อปลาที่เลี้ยงไว้กินเอง หญิงสาวขยับหาที่เหมาะๆ ก่อนจะนั่งยองๆ ลงตรงขอบบ่อ จากนั้นก็โยนอาหารเม็ด ที่กำติดมือมาจากกระท่อมลงไป ฝูงปลาที่โผล่ขึ้นมาแย่งอาหารกัน มองแล้วเพลินตาเพลินใจบวกกับลมพัดเอื่อยเย็นสบา ไม่แปลกใจเลยทำไมน้าเอกภพถึงชอบมาขลุกอยู่แต่ที่นี่



ฝูงควายที่ถูกไล่ต้อนโดยชาวบ้านหรือไม่ก็เด็กๆ ที่เธอเห็นแล้วต้องบอกเลยว่าเด็กมากๆ อายุแค่เจ็ดแปดขวบเท่านั้น ที่รู้ก็ไม่ใช่อะไร เพราะเธอไปยืนเกาะขอบรั้วแล้วถามตอนที่เด็กเหล่านั้นกำลังจะเดินผ่าน ซึ่งสิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นเลยว่าเด็กชนบทมีวิถีการดำเนินชีวิตที่แตกต่างกันกับเด็กกรุงเทพอย่างเธอเป็นอย่างมาก เด็กเหล่านี้เลิกเรียนแล้วได้ช่วยแบ่งเบาภาระพ่อแม่ แต่ในขณะเดียวกันตัวเธอและเหล่าผองเพื่อนตอนอายุ

เท่านี้ยังเป็นเด็กที่ช่วยเหลือตัวเองได้ไม่มากนัก มีหน้าที่เดียวคือเรียนแล้วก็เรียนพิเศษตามคอร์สต่างๆ ตามแต่ผู้เป็นพ่อแม่จะสรรหามาให้

“น้องคะ น้องต้องมาต้อนควายอย่างนี้ทุกวันเลยหรือแล้วพ่อแม่หนูล่ะไปไหน” ทรรศิกาถามเด็กชายคนหนึ่งที่ถือไม้เรียวเดินตามฝูงควายฝูงใหญ่ ขณะที่คนถูกถามหันมามองทรรศิกาอย่างแปลกใจ แต่ถึงอย่างนั้นเด็กชายก็ยอมตอบในสิ่งที่หญิงสาวต้องการรู้ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มปนอายนิดๆ

“พ่อไปไหนก็ไม่รู้ ส่วนแม่ก็หุงข้าวทำกับข้าวอยู่ที่บ้านครับ”

“แล้วเราเรียนอยู่ชั้นไหนล่ะเนี่ย”

“ป.สองครับ” ตอบเสร็จเด็กชายก็รีบวิ่งถือไม้เรียวอันเล็กๆ ตามหลังฝูงควายที่ทิ้ง

ห่างไปทันที

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ดาวโหลด Ebook ได้ที่
- MEB
- hytexst
- ebook

ขอบคุณทุกการติดตามนะคะ ^_^



เกศมณี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 31 ต.ค. 2559, 18:40:01 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 31 ต.ค. 2559, 18:40:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 910





<< ตอนที่ 4 >>> 100%   ตอนที่ 5 >>> 100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account