เทพบุตรกิเลนไฟ
เพราะหนี้ก้อนโตที่มีอยู่ทำให้ ดรัญญา คุณหมอสาวสวยที่คนในวงการอาชญากรรมแห่งชลบุรีรู้จักในนามหมอเถื่อน ไม่มีทางเลือกนอกจากยอมรับข้อเสนอเป็นหมอประจำแก๊งให้กับนักเลงอย่าง ศาเวธน์ มาเฟียหนุ่มหล่อผู้ได้ฉายาว่ากิเลนไฟ ที่มาพร้อมมาดเงียบขรึมน่าหมั่นไส้เกินใคร
มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หากว่าเขากับเธอจะไม่ได้เริ่มใกล้ชิดกัน และยิ่งกว่านั้น ...
ถ้าเขาจะไม่ได้มีคู่หมั้นผู้สุดแสนเพอร์เฟ็กต์อย่าง 'บุศลินทร์' อยู่ก่อนแล้ว!
เอาละสิ หลายคนพากันแซวนี่เธอกำลังจะแย่งแฟนชาวบ้านหรือไง แต่สาวมั่นอย่างเธอจะให้ยอมรับว่าชอบเขาจริงก็ฝันไปเถอะ ขี้เก๊กขนาดนั้น ใจร้อนเป็นที่หนึ่ง มุทะลุไม่มีใครเกิน ... เหอะ รอไว้ชาติหน้าละกัน
แต่ท่ามกลางปัญหาหัวใจที่ก่อเกิด ใครจะรู้ เงามืดก็เคลื่อนมาครอบทับพัทยาถิ่นของเขาจากฝีมือของอาชญากรนาม 'ฟีนิกซ์'
ขณะรักษาชีวิตให้ผู้คนทั้งในและนอกเงามืด ดรัญญาพบว่าตนเองตกอยู่ในวังวนการแย่งชิงอำนาจที่ดุเดือดระหว่างแก๊งมาเฟียนานาชาติ อีกทั้งโชคชะตายังได้นำพาให้เธอค้นพบปมอดีตของครอบครัวตนเอง ที่โยงใยไปถึงปมอดีตของศาเวธน์อีกด้วย
อะไรกัน ทำไมเรื่องราวมันวุ่นวายขึ้นทุกทีแบบนี้!
ขอเชิญลุ้นระทึกไปกับการผจญภัยของคุณหมอสาวสวยสุดห้าว ในดงเพชณฆาตปืนไว และการหักเหลี่ยมเฉือนคมที่ซ่อนกระสุนมรณะในรอยยิ้ม รวมถึงการเรียนรู้ความหมายของคำว่าความรัก ในแบบฉบับเคล้าควันปืน กับ เทพบุตรกิเลนไฟ นวนิยายโรแมนซ์แอ็คชั่น - ดราม่า ที่จะพาทุกหัวใจสั่นไหวไปพร้อมกัน!
------------------------------------------------------------------------------------------------------
มันไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร หากว่าเขากับเธอจะไม่ได้เริ่มใกล้ชิดกัน และยิ่งกว่านั้น ...
ถ้าเขาจะไม่ได้มีคู่หมั้นผู้สุดแสนเพอร์เฟ็กต์อย่าง 'บุศลินทร์' อยู่ก่อนแล้ว!
เอาละสิ หลายคนพากันแซวนี่เธอกำลังจะแย่งแฟนชาวบ้านหรือไง แต่สาวมั่นอย่างเธอจะให้ยอมรับว่าชอบเขาจริงก็ฝันไปเถอะ ขี้เก๊กขนาดนั้น ใจร้อนเป็นที่หนึ่ง มุทะลุไม่มีใครเกิน ... เหอะ รอไว้ชาติหน้าละกัน
แต่ท่ามกลางปัญหาหัวใจที่ก่อเกิด ใครจะรู้ เงามืดก็เคลื่อนมาครอบทับพัทยาถิ่นของเขาจากฝีมือของอาชญากรนาม 'ฟีนิกซ์'
ขณะรักษาชีวิตให้ผู้คนทั้งในและนอกเงามืด ดรัญญาพบว่าตนเองตกอยู่ในวังวนการแย่งชิงอำนาจที่ดุเดือดระหว่างแก๊งมาเฟียนานาชาติ อีกทั้งโชคชะตายังได้นำพาให้เธอค้นพบปมอดีตของครอบครัวตนเอง ที่โยงใยไปถึงปมอดีตของศาเวธน์อีกด้วย
อะไรกัน ทำไมเรื่องราวมันวุ่นวายขึ้นทุกทีแบบนี้!
ขอเชิญลุ้นระทึกไปกับการผจญภัยของคุณหมอสาวสวยสุดห้าว ในดงเพชณฆาตปืนไว และการหักเหลี่ยมเฉือนคมที่ซ่อนกระสุนมรณะในรอยยิ้ม รวมถึงการเรียนรู้ความหมายของคำว่าความรัก ในแบบฉบับเคล้าควันปืน กับ เทพบุตรกิเลนไฟ นวนิยายโรแมนซ์แอ็คชั่น - ดราม่า ที่จะพาทุกหัวใจสั่นไหวไปพร้อมกัน!
------------------------------------------------------------------------------------------------------
Tags: โรแมนซ์ แอ็คชั่น ดราม่า หมอ นักเลง อันธพาล
ตอน: บทที่ 3 (60%)
บทที่ 3 (60%)
“หมอคะ คนไข้ด่วนค่ะ ผู้ป่วยโรคหัวใจ” เสียงพยาบาลร้องเรียกจากด้านหลังตอนที่ดรัญญากำลังก้มหยิบกระป๋องน้ำอัดลม จากตู้หยอดเหรียญอัตโนมัติ ดังมาเข้าหูบ่งถึงความเร่งรีบ
“อาการเป็นยังไง” ดรัญญาซึ่งมีกำหนดออกเวรในอีกหนึ่งชั่วโมงถาม พร้อมกับแงะฝาปิดกระป๋องขึ้น ดื่มอั๊กๆ ขณะเดินกึ่งวิ่งไปยังห้องฉุกเฉินพร้อมกับฟังรายงานไปด้วย ตอนนี้เกือบจะห้าทุ่มพอดี ในวันนี้ไม่มีอะไรจะเรียกความตื่นเต้นจากเธอได้มากไปกว่าการช่วยชีวิตคุณแม่ลูกอ่อนเมื่อตอนกลางวันได้อีกแล้ว
“ผู้ป่วยมีภาวะแน่นหน้าอก จุกเสียดช่วงท้อง ความดันสูง หายใจไม่ออก แล้วก็ตัวบวมค่ะ” พยาบาลผู้ย้อมผมสีน้ำตาลอ่อนที่รวบมวยสูง วิ่งตามมากล่าวอาการเบื้องต้น หยุดยั้งภาพเจ้าของช่อดอกคาร์เนชั่นที่บัดนี้ถูกเก็บอยู่ในตู้ล็อคเกอร์ประจำตัวแพทย์ของดรัญญา
แต่ไม่วายคำพูดของชายหนุ่ม ผู้ช่วยดึงร่างของหญิงแม่ลูกอ่อนกลับขึ้นจากขอบดาดฟ้า ก็ยังคงก้องในสองหูอยู่ดี
“เดือดร้อนอะไรก็บอกมา คนที่คุณช่วยชีวิตเมื่อคืนเป็นญาติผู้ใหญ่ของผม ทางเราแก๊งกิเลนจะตอบแทนให้เต็มที่”
“ฉันไม่ต้องการอะไรหรอกค่ะ คุณเอาดอกไม้กลับไปเถอะ โรงพยาบาลเรามีนโยบายห้ามรับของจากญาติคนไข้ค่ะ”
“ดอกไม้ช่อนี้ผมตั้งใจเอามาให้ ไม่ได้ตั้งใจมารับคืน คุณเก็บไว้ อย่าบอกว่าไม่มีเรื่องเดือดร้อน ไม่มีหมอปกติคนไหนจะไปเป็นหมอเถื่อนรักษาพวกนักเลงติดคดีหรอกมั้ง ถ้าไม่มีเหตุจำเป็น...”
คุณหมอสาวสลัดห้วงคิดของคนที่แนะนำตัวว่าชื่อศาเวธน์ออกไป ก่อนโยนกระป๋องเปล่าใส่ถังขยะข้างทางเดิน “ให้ออกซิเจนแล้วใช่ไหม?”
“ค่ะ”
“ผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจชนิดไหน”
“โรคหัวใจเรื้อรัง รักษามาได้สองปีแล้วค่ะ”
“ไปแจ้งห้องเอกซ์เรย์ไว้ก่อน เราต้องส่งผู้ป่วยไป”
“ค่ะ”
เมื่อมาถึงทางแยกของอาคาร ดรัญญาเลี้ยวซ้าย พยาบาลสาวเลี้ยวขวา ร่างบางในเสื้อกาวน์หยิบหูฟังจากกระเป๋าขึ้นมาคล้องคอ เช่นเดียวกับหน้ากากปิดจมูกป้องกันเชื้อโรค เมื่อเข้าสู่ห้องฉุกเฉินในนาทีต่อมา เจ้าหน้าที่ภายในห้องก็นำเธอไปยังเตียงหนึ่งข้างผนังขวามือ
เพราะ ที่นี่เป็นโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่แพงมาก คนไข้ในห้องฉุกเฉินจึงไม่เยอะเหมือนโรงพยาบาลรัฐที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมดรัญญาถึงสามารถแอบหนีเวรไปเป็นหมอเถื่อนยามราตรี โดยไม่เคยถูกจับได้สักครั้งนั่นเอง
“ขออนุญาตนะคะคุณลุง” ดรัญญากล่าวกับชายชราที่นอนอยู่บนเตียงซึ่งมีสายออกซิเจนที่จมูก นอนกึ่งนั่งด้วยหมอนที่รองด้านหลังหลายใบ คุณหมอสาวรับแท็บเลตบรรจุแฟ้มประวัติที่พยาบาลด้านข้างส่งมาให้ เลื่อนนิ้วดูข้อมูลการรักษาที่ผ่านมา ดวงตาอ่านตัวหนังสือ แต่ปากสนทนากับผู้ป่วยต่อไป “ตอนนี้พอพูดคุยไหวไหมเอ่ย?”
ดรัญญาชำเลืองมองเห็นผู้สูงวัยส่ายหน้าอ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรง เธอคืนแท็บเล็ตกลับไป เท่าที่ตาเปล่าตรวจพบ คือมีอาการเท้าบวมมาก คุณหมอสาวลองเอื้อมมือกดดูรอยบุ๋ม ก่อนจะนำหูฟังที่คล้องคอขึ้นสวม และลองฟังเสียงหัวใจของคนไข้
หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ และมีเสียงฟู่เบาๆ
เธอขยับปลายหูฟังเลื่อนต่ำลงมาอีกเล็กน้อยเพื่อฟังเสียงปอด มีเสียงรบกวนหรือ crepitation ดังชัดพอสมควร ดรัญญายืดกายกลับเต็มความสูง 168 เซนติเมตรของเธอ ลองคลำบริเวณท้องด้านข้างผู้ป่วยมีความผิดปกติ เป็นไปได้สูงว่าจะเกิดอาการตับโตแทรกซ้อนจากภาวะโรคหัวใจเรื้อรัง
“ฉีดฟูโรซีไมด์สองหลอดก่อนนะ แล้วก็ให้...” ดรัญญารับแท็บเล็ตมาจดชื่อยาเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยสำหรับสั่งงานพยาบาล “เสร็จแล้วก็ส่งตัวไปเอกซ์เรย์ดูปอดกับการโตของตับ ให้ไปตรวจคลื่นหัวใจด้วย ยังไงคืนนี้แอดมิตไว้ก่อนปลอดภัยกว่า”
“ค่ะหมอดรีม”
เมื่อพยาบาลเข้าใจคำสั่งเรียบร้อย ดรัญญาก็หันกลับมาที่ผู้ป่วย “คุณลุงคะ คืนนี้คงอยู่ที่นี่ก่อนนะ เดี่ยวหมอจะให้พยาบาลไปแจ้งญาติให้เนาะ”
คุณหมอสาวเอื้อมมือตบแขนชายชราอย่างให้กำลังใจ โดยไม่รู้ว่าประตูห้องฉุกเฉินที่พยาบาลเผลอเปิดแง้มทิ้งไว้นั้น มีสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมองเธอด้วยความสนใจเป็นอย่างมาก
“เฮีย กลับมาแล้วเหรอคะ”
ศาเวธน์ได้ยินคำทักทายนั้นจากคู่หมั้นสาวผู้นั่งไขว่ห้างจิบไวน์อยู่บนอยู่บนโซฟาหนังแท้สีน้ำตาลสไตล์โมเดิร์นขนาดสี่ที่นั่ง ทันทีที่เปิดประตูเข้าสู่ห้องพักในคอนโดหรูเลียบถนนสุขุมวิทติดกับทะเลอ่าวไทย ซึ่งเป็นอาคารสี่สิบชั้นที่มีความสูงที่สุดในเมืองศรีราชา
“ยังไม่นอนเหรอ ทำไมนอนดึก” ชายหนุ่มกล่าวพลางพาดเสื้อคลุมไว้กับพนักพิงของอาร์มแชร์ที่ตั้งอยู่ด้านข้าง บุศลินทร์เอื้อมมือวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะหน้าโซฟาสีไม้โอ๊ค แสงไฟสลัวจากโคมไฟข้างโซฟา ส่องไล้เรียวขาขาวเนียนที่โผล่พ้นเสื้อคลุมใยฝ้ายแบบผูกเอวสีกรมท่า
“หลินรอเฮีย เมื่อคืนหลินก็รอ แต่เฮียไม่มา” ร่างบางเจ้าของผมยาวประบ่าลุกขึ้นและเคลื่อนกายมาสวมกอดคู่หมั้นหนุ่มแนบเนื้อชิดใกล้ ใบหน้านวลวางลงบนหน้าอกของเขา
“รอทำไม ฉันบอกว่าไม่ต้องรอไง” ศาเวธน์กระซิบข้างหูขณะกอดตอบเธอ “ช่วงนี้ฉันมีเรื่องให้ทำหลายอย่าง แต่เธออย่าถามเลยว่าเรื่องอะไร”
กล่าวแล้วก็ถอนหายใจแผ่วเบา การพักร้อนของหม่าหยงเล่อในประเทศไทยถือเป็นความลับสูงสุด เท่าที่นับดูอาทิตย์ก่อน มีคนในแก๊งกิเลนทราบถึงเซฟเฮ้าส์ประจำพัทยาของเสือเฒ่าแห่งเกาลูนไม่ถึงสิบคน แต่การแอบหนีไปท่องราตรีกับคนรถเพียงลำพังจนนำมาสู่ความวุ่นวายที่ตามมานั้น ทำให้ศาเวธน์ต้องพบเจอความยุ่งยากที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
นับตั้งแต่มีคลิปช่วยชีวิตหม่าหยงเล่อโดยคุณหมอนางฟ้าหลุดไปทั่วอินเตอร์เน็ต มีแก๊งนักเลงมากมายติดต่อมาขอเข้าพบเพื่อ ‘ฝากตัว’ กับลุงใหญ่ของเขา และมีอีกไม่น้อยที่รอจังหวะอยาก ‘ฝากคืน’ ความแค้นซึ่งลุงหม่ากับหัวหน้าแก๊งกิเลนคนปัจจุบัน หรือพูดง่ายๆ คือพ่อของเขา เคยร่วมมือกันเพาะพันธุ์เมล็ดไว้ในอดีต
วันนี้เป็นวันหนึ่งที่ศาเวธน์เหนื่อยล้า แต่เป็นความเหนื่อยล้าที่ภูมิใจ พ่อยกความรับผิดชอบในการรับหน้านักเลงทุกฝ่ายไว้ให้เขา ซึ่งชายหนุ่มมั่นใจว่าตนเองทำออกมาได้ดีทีเดียว
ยกเว้นการพูดคุยกับยัยหมอดรีมอวดดีนั่นน่ะนะ
“จ้ะ หลินจะไม่ถาม หลินจะทำทุกอย่างตามที่เฮียบอก ยกเว้นไม่ให้หลินรอเฮียกับไม่ให้หลินรักเฮียเท่านั้น” หญิงสาวที่สูงไม่ถึงไหล่ของชายหนุ่มคลายกอดออก พูดน้ำเสียงอ่อนหวาน จูงมือเขาไปนั่งบนโซฟา “เฮียนั่งพักก่อนนะจ๊ะ หลินจะนวดให้...”
นาฬิกาข้อมือของศาเวธน์ ซึ่งก่อนที่จะถูกบุศลินทร์ปลดออกไปเก็บบอกเวลาว่าเที่ยงคืน ที่นี่เป็นห้องหอชั่วคราวของเขากับเธอที่หัวหน้าแก๊งกิเลนมอบเป็นของขวัญสำหรับการหมั้น ส่วนห้องหอของจริงเป็นคฤหาสน์กลางเมืองพัทยาที่อยู่ในระหว่างก่อสร้าง และน่าจะเสร็จก่อนกำหนดวันแต่งงานสองสามเดือนพอดี
ทุกคนทราบดีว่า ศาเวธน์กับหญิงสาวเจ้าของร้านอาหาร ‘ครัวกิเลน’ อยู่ด้วยกันมาหนึ่งเดือนแล้ว
ชายหนุ่มเจ้าของฉายาเทพบุตรกิเลนไฟรับแก้วไวน์ที่คู่หมั้นสาวบรรจงรินมาให้ เขาวนแก้วในมือเล็กน้อยก่อนจะยกขึ้นจิบ ขณะเดียวกันนั้นอาหลินหายไปทางด้านหลัง ก่อนจะกลับมาอีกทีก็เอื้อมสองมือมาปลดกระดุมเสื้อของเขาจากด้านหลัง ศาเวธน์รับรู้ได้ถึงก้อนเนื้อนุ่มนิ่มที่บดลงมาบนต้นคออุ่นวาบ
“ผ่อนคลายนะคะ หลินรู้ว่าวันนี้เฮียคงเหนื่อยมาเยอะแล้ว” บุศลินทร์กระซิบแผ่วเบาหลังใบหู เมื่อปลดเสื้อเชิ้ตของเขาออก มือเรียวบางของเธอก็เริ่มต้นลูบไล่กล้ามเนื้อบนไหล่ที่ตึงแน่น รอยสักกิเลนของเขายังคงโดดเด่นแม้จะอยู่ในแสงสลัวของโคมไฟ
“ขอบใจ” ศาเวธน์ปล่อยตัวตามสบาย เอนกายพิงพนักโซฟา หลับตาลง ความหอมของน้ำมันอโรม่ากลิ่นวานิลลาโชยจากมือของอาหลินขณะเธอวางฝ่ามือบนบ่า และกดน้ำหนักลงมาด้วยความเชี่ยวชาญ...
“หมอคะ คนไข้ด่วนค่ะ ผู้ป่วยโรคหัวใจ” เสียงพยาบาลร้องเรียกจากด้านหลังตอนที่ดรัญญากำลังก้มหยิบกระป๋องน้ำอัดลม จากตู้หยอดเหรียญอัตโนมัติ ดังมาเข้าหูบ่งถึงความเร่งรีบ
“อาการเป็นยังไง” ดรัญญาซึ่งมีกำหนดออกเวรในอีกหนึ่งชั่วโมงถาม พร้อมกับแงะฝาปิดกระป๋องขึ้น ดื่มอั๊กๆ ขณะเดินกึ่งวิ่งไปยังห้องฉุกเฉินพร้อมกับฟังรายงานไปด้วย ตอนนี้เกือบจะห้าทุ่มพอดี ในวันนี้ไม่มีอะไรจะเรียกความตื่นเต้นจากเธอได้มากไปกว่าการช่วยชีวิตคุณแม่ลูกอ่อนเมื่อตอนกลางวันได้อีกแล้ว
“ผู้ป่วยมีภาวะแน่นหน้าอก จุกเสียดช่วงท้อง ความดันสูง หายใจไม่ออก แล้วก็ตัวบวมค่ะ” พยาบาลผู้ย้อมผมสีน้ำตาลอ่อนที่รวบมวยสูง วิ่งตามมากล่าวอาการเบื้องต้น หยุดยั้งภาพเจ้าของช่อดอกคาร์เนชั่นที่บัดนี้ถูกเก็บอยู่ในตู้ล็อคเกอร์ประจำตัวแพทย์ของดรัญญา
แต่ไม่วายคำพูดของชายหนุ่ม ผู้ช่วยดึงร่างของหญิงแม่ลูกอ่อนกลับขึ้นจากขอบดาดฟ้า ก็ยังคงก้องในสองหูอยู่ดี
“เดือดร้อนอะไรก็บอกมา คนที่คุณช่วยชีวิตเมื่อคืนเป็นญาติผู้ใหญ่ของผม ทางเราแก๊งกิเลนจะตอบแทนให้เต็มที่”
“ฉันไม่ต้องการอะไรหรอกค่ะ คุณเอาดอกไม้กลับไปเถอะ โรงพยาบาลเรามีนโยบายห้ามรับของจากญาติคนไข้ค่ะ”
“ดอกไม้ช่อนี้ผมตั้งใจเอามาให้ ไม่ได้ตั้งใจมารับคืน คุณเก็บไว้ อย่าบอกว่าไม่มีเรื่องเดือดร้อน ไม่มีหมอปกติคนไหนจะไปเป็นหมอเถื่อนรักษาพวกนักเลงติดคดีหรอกมั้ง ถ้าไม่มีเหตุจำเป็น...”
คุณหมอสาวสลัดห้วงคิดของคนที่แนะนำตัวว่าชื่อศาเวธน์ออกไป ก่อนโยนกระป๋องเปล่าใส่ถังขยะข้างทางเดิน “ให้ออกซิเจนแล้วใช่ไหม?”
“ค่ะ”
“ผู้ป่วยเป็นโรคหัวใจชนิดไหน”
“โรคหัวใจเรื้อรัง รักษามาได้สองปีแล้วค่ะ”
“ไปแจ้งห้องเอกซ์เรย์ไว้ก่อน เราต้องส่งผู้ป่วยไป”
“ค่ะ”
เมื่อมาถึงทางแยกของอาคาร ดรัญญาเลี้ยวซ้าย พยาบาลสาวเลี้ยวขวา ร่างบางในเสื้อกาวน์หยิบหูฟังจากกระเป๋าขึ้นมาคล้องคอ เช่นเดียวกับหน้ากากปิดจมูกป้องกันเชื้อโรค เมื่อเข้าสู่ห้องฉุกเฉินในนาทีต่อมา เจ้าหน้าที่ภายในห้องก็นำเธอไปยังเตียงหนึ่งข้างผนังขวามือ
เพราะ ที่นี่เป็นโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่แพงมาก คนไข้ในห้องฉุกเฉินจึงไม่เยอะเหมือนโรงพยาบาลรัฐที่อยู่ห่างออกไปไม่ไกล นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมดรัญญาถึงสามารถแอบหนีเวรไปเป็นหมอเถื่อนยามราตรี โดยไม่เคยถูกจับได้สักครั้งนั่นเอง
“ขออนุญาตนะคะคุณลุง” ดรัญญากล่าวกับชายชราที่นอนอยู่บนเตียงซึ่งมีสายออกซิเจนที่จมูก นอนกึ่งนั่งด้วยหมอนที่รองด้านหลังหลายใบ คุณหมอสาวรับแท็บเลตบรรจุแฟ้มประวัติที่พยาบาลด้านข้างส่งมาให้ เลื่อนนิ้วดูข้อมูลการรักษาที่ผ่านมา ดวงตาอ่านตัวหนังสือ แต่ปากสนทนากับผู้ป่วยต่อไป “ตอนนี้พอพูดคุยไหวไหมเอ่ย?”
ดรัญญาชำเลืองมองเห็นผู้สูงวัยส่ายหน้าอ่อนเพลียไร้เรี่ยวแรง เธอคืนแท็บเล็ตกลับไป เท่าที่ตาเปล่าตรวจพบ คือมีอาการเท้าบวมมาก คุณหมอสาวลองเอื้อมมือกดดูรอยบุ๋ม ก่อนจะนำหูฟังที่คล้องคอขึ้นสวม และลองฟังเสียงหัวใจของคนไข้
หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ และมีเสียงฟู่เบาๆ
เธอขยับปลายหูฟังเลื่อนต่ำลงมาอีกเล็กน้อยเพื่อฟังเสียงปอด มีเสียงรบกวนหรือ crepitation ดังชัดพอสมควร ดรัญญายืดกายกลับเต็มความสูง 168 เซนติเมตรของเธอ ลองคลำบริเวณท้องด้านข้างผู้ป่วยมีความผิดปกติ เป็นไปได้สูงว่าจะเกิดอาการตับโตแทรกซ้อนจากภาวะโรคหัวใจเรื้อรัง
“ฉีดฟูโรซีไมด์สองหลอดก่อนนะ แล้วก็ให้...” ดรัญญารับแท็บเล็ตมาจดชื่อยาเพิ่มเติมอีกเล็กน้อยสำหรับสั่งงานพยาบาล “เสร็จแล้วก็ส่งตัวไปเอกซ์เรย์ดูปอดกับการโตของตับ ให้ไปตรวจคลื่นหัวใจด้วย ยังไงคืนนี้แอดมิตไว้ก่อนปลอดภัยกว่า”
“ค่ะหมอดรีม”
เมื่อพยาบาลเข้าใจคำสั่งเรียบร้อย ดรัญญาก็หันกลับมาที่ผู้ป่วย “คุณลุงคะ คืนนี้คงอยู่ที่นี่ก่อนนะ เดี่ยวหมอจะให้พยาบาลไปแจ้งญาติให้เนาะ”
คุณหมอสาวเอื้อมมือตบแขนชายชราอย่างให้กำลังใจ โดยไม่รู้ว่าประตูห้องฉุกเฉินที่พยาบาลเผลอเปิดแง้มทิ้งไว้นั้น มีสายตาคู่หนึ่งกำลังจับจ้องมองเธอด้วยความสนใจเป็นอย่างมาก
“เฮีย กลับมาแล้วเหรอคะ”
ศาเวธน์ได้ยินคำทักทายนั้นจากคู่หมั้นสาวผู้นั่งไขว่ห้างจิบไวน์อยู่บนอยู่บนโซฟาหนังแท้สีน้ำตาลสไตล์โมเดิร์นขนาดสี่ที่นั่ง ทันทีที่เปิดประตูเข้าสู่ห้องพักในคอนโดหรูเลียบถนนสุขุมวิทติดกับทะเลอ่าวไทย ซึ่งเป็นอาคารสี่สิบชั้นที่มีความสูงที่สุดในเมืองศรีราชา
“ยังไม่นอนเหรอ ทำไมนอนดึก” ชายหนุ่มกล่าวพลางพาดเสื้อคลุมไว้กับพนักพิงของอาร์มแชร์ที่ตั้งอยู่ด้านข้าง บุศลินทร์เอื้อมมือวางแก้วไวน์ลงบนโต๊ะหน้าโซฟาสีไม้โอ๊ค แสงไฟสลัวจากโคมไฟข้างโซฟา ส่องไล้เรียวขาขาวเนียนที่โผล่พ้นเสื้อคลุมใยฝ้ายแบบผูกเอวสีกรมท่า
“หลินรอเฮีย เมื่อคืนหลินก็รอ แต่เฮียไม่มา” ร่างบางเจ้าของผมยาวประบ่าลุกขึ้นและเคลื่อนกายมาสวมกอดคู่หมั้นหนุ่มแนบเนื้อชิดใกล้ ใบหน้านวลวางลงบนหน้าอกของเขา
“รอทำไม ฉันบอกว่าไม่ต้องรอไง” ศาเวธน์กระซิบข้างหูขณะกอดตอบเธอ “ช่วงนี้ฉันมีเรื่องให้ทำหลายอย่าง แต่เธออย่าถามเลยว่าเรื่องอะไร”
กล่าวแล้วก็ถอนหายใจแผ่วเบา การพักร้อนของหม่าหยงเล่อในประเทศไทยถือเป็นความลับสูงสุด เท่าที่นับดูอาทิตย์ก่อน มีคนในแก๊งกิเลนทราบถึงเซฟเฮ้าส์ประจำพัทยาของเสือเฒ่าแห่งเกาลูนไม่ถึงสิบคน แต่การแอบหนีไปท่องราตรีกับคนรถเพียงลำพังจนนำมาสู่ความวุ่นวายที่ตามมานั้น ทำให้ศาเวธน์ต้องพบเจอความยุ่งยากที่หลีกเลี่ยงไม่ได้
นับตั้งแต่มีคลิปช่วยชีวิตหม่าหยงเล่อโดยคุณหมอนางฟ้าหลุดไปทั่วอินเตอร์เน็ต มีแก๊งนักเลงมากมายติดต่อมาขอเข้าพบเพื่อ ‘ฝากตัว’ กับลุงใหญ่ของเขา และมีอีกไม่น้อยที่รอจังหวะอยาก ‘ฝากคืน’ ความแค้นซึ่งลุงหม่ากับหัวหน้าแก๊งกิเลนคนปัจจุบัน หรือพูดง่ายๆ คือพ่อของเขา เคยร่วมมือกันเพาะพันธุ์เมล็ดไว้ในอดีต
วันนี้เป็นวันหนึ่งที่ศาเวธน์เหนื่อยล้า แต่เป็นความเหนื่อยล้าที่ภูมิใจ พ่อยกความรับผิดชอบในการรับหน้านักเลงทุกฝ่ายไว้ให้เขา ซึ่งชายหนุ่มมั่นใจว่าตนเองทำออกมาได้ดีทีเดียว
ยกเว้นการพูดคุยกับยัยหมอดรีมอวดดีนั่นน่ะนะ
“จ้ะ หลินจะไม่ถาม หลินจะทำทุกอย่างตามที่เฮียบอก ยกเว้นไม่ให้หลินรอเฮียกับไม่ให้หลินรักเฮียเท่านั้น” หญิงสาวที่สูงไม่ถึงไหล่ของชายหนุ่มคลายกอดออก พูดน้ำเสียงอ่อนหวาน จูงมือเขาไปนั่งบนโซฟา “เฮียนั่งพักก่อนนะจ๊ะ หลินจะนวดให้...”
นาฬิกาข้อมือของศาเวธน์ ซึ่งก่อนที่จะถูกบุศลินทร์ปลดออกไปเก็บบอกเวลาว่าเที่ยงคืน ที่นี่เป็นห้องหอชั่วคราวของเขากับเธอที่หัวหน้าแก๊งกิเลนมอบเป็นของขวัญสำหรับการหมั้น ส่วนห้องหอของจริงเป็นคฤหาสน์กลางเมืองพัทยาที่อยู่ในระหว่างก่อสร้าง และน่าจะเสร็จก่อนกำหนดวันแต่งงานสองสามเดือนพอดี
ทุกคนทราบดีว่า ศาเวธน์กับหญิงสาวเจ้าของร้านอาหาร ‘ครัวกิเลน’ อยู่ด้วยกันมาหนึ่งเดือนแล้ว
ชายหนุ่มเจ้าของฉายาเทพบุตรกิเลนไฟรับแก้วไวน์ที่คู่หมั้นสาวบรรจงรินมาให้ เขาวนแก้วในมือเล็กน้อยก่อนจะยกขึ้นจิบ ขณะเดียวกันนั้นอาหลินหายไปทางด้านหลัง ก่อนจะกลับมาอีกทีก็เอื้อมสองมือมาปลดกระดุมเสื้อของเขาจากด้านหลัง ศาเวธน์รับรู้ได้ถึงก้อนเนื้อนุ่มนิ่มที่บดลงมาบนต้นคออุ่นวาบ
“ผ่อนคลายนะคะ หลินรู้ว่าวันนี้เฮียคงเหนื่อยมาเยอะแล้ว” บุศลินทร์กระซิบแผ่วเบาหลังใบหู เมื่อปลดเสื้อเชิ้ตของเขาออก มือเรียวบางของเธอก็เริ่มต้นลูบไล่กล้ามเนื้อบนไหล่ที่ตึงแน่น รอยสักกิเลนของเขายังคงโดดเด่นแม้จะอยู่ในแสงสลัวของโคมไฟ
“ขอบใจ” ศาเวธน์ปล่อยตัวตามสบาย เอนกายพิงพนักโซฟา หลับตาลง ความหอมของน้ำมันอโรม่ากลิ่นวานิลลาโชยจากมือของอาหลินขณะเธอวางฝ่ามือบนบ่า และกดน้ำหนักลงมาด้วยความเชี่ยวชาญ...
อังค์จิก
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 พ.ย. 2559, 16:30:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 พ.ย. 2559, 16:30:00 น.
จำนวนการเข้าชม : 919
<< บทที่ 3 - Congestive Heart failure (25%) [ภาพบาดตา] |
lovereason2 1 พ.ย. 2559, 23:50:40 น.
กิเลนนะ มีคู่หมั้นอยู่แล้วแถมอยุ่ด้วยกันอีก
แล้วหมอดรีมจะไปอยู่ตรงไหน
กิเลนนะ มีคู่หมั้นอยู่แล้วแถมอยุ่ด้วยกันอีก
แล้วหมอดรีมจะไปอยู่ตรงไหน
ปริยาธร 2 พ.ย. 2559, 11:07:06 น.
อาหลินก็พยายามเป็นคนรักที่ดีอยู่นะ #ทีมเมียหลวง
อาหลินก็พยายามเป็นคนรักที่ดีอยู่นะ #ทีมเมียหลวง
tiger 3 พ.ย. 2559, 15:11:51 น.
พล็อตสามเส้าคล้ายละคร ไปๆมาๆตัวร้ายโดนแย่งแฟนก่อนซะงั้น
พล็อตสามเส้าคล้ายละคร ไปๆมาๆตัวร้ายโดนแย่งแฟนก่อนซะงั้น
อังค์จิก 3 พ.ย. 2559, 17:04:16 น.
@คุณไทเกอร์
เรื่องนี้ตัวร้ายน่าเห็นใจอยู่นะครับ
แต่ทุกคนล้วนมีเหตุผลของตัวเองเนอะ ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ
@คุณไทเกอร์
เรื่องนี้ตัวร้ายน่าเห็นใจอยู่นะครับ
แต่ทุกคนล้วนมีเหตุผลของตัวเองเนอะ ขอบคุณสำหรับการติดตามครับ