เล่ห์บุพเพ
พันธนาการที่ไม่ได้เริ่มต้นด้วยความรัก ทำให้มนต์พระจันทร์ต้องการอิสรภาพคืน ทว่ามันไม่ง่ายอย่างที่คิด เมื่อการพบกันอีกครั้งระหว่างเธอและเขามีกฏเกณฑ์ทางหน้าที่กำหนดไว้ว่าระหว่างคอนซัลและวิศวกรห้ามมีความสัมพันธ์กันนอกเหนือจากเพื่อนร่วมงานธรรมดา มนต์พระจันทร์จึงไม่อาจทวงถามถึงอิสรภาพที่รอคอยได้เสียที ในขณะที่วิณรุจน์เองก็ทำราวกับไม่รู้จักเธอ..ซ้ำยังกลายมาเป็นชู้ เรื่องวุ่นๆจึงเกิดขึ้น
ตัวอย่างจ้า
"อยากหย่านักใช่มั้ย" วิณรุจน์เอ่ยถามหลังจากมีโอกาสอยู่กันตามลำพัง
"ค่ะ ทะเบียนสมรสมันทำให้พระจันทร์ลำบาก"เธอเอ่ยราบเรียบ
ตัวอย่างจ้า
"อยากหย่านักใช่มั้ย" วิณรุจน์เอ่ยถามหลังจากมีโอกาสอยู่กันตามลำพัง
"ค่ะ ทะเบียนสมรสมันทำให้พระจันทร์ลำบาก"เธอเอ่ยราบเรียบ
Tags: มนต์พระจันทร์/วิณรุจน์/คอนซัล/โปรเจ็คแมนเนเจอร์
ตอน: บทที่8----------เล่ห์บุพเพ--------100%
ต่อค่า จบบทที่8
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
วันนั้นทั้งวัน เธอกับวิณรุจน์ก็ไม่ได้เจอกัน ทั้งที่ต่างก็อยู่บ้านพักไม่มีใครขยับออกไปไหน แต่ห้องใครห้องมัน ระเบียงก็ไม่มีใครคิดจะออกไปยืนชมนกชมไม้อีก มนต์พระจันทร์ง่วนอยู่กับการตรวจสอบรายงานต่างๆที่หอบกลับมาทำที่บ้านด้วย กระทั่งช่วงเย็น ภาวิทย์ก็มาเคาะประตูห้องพักพร้อมกับสารพัดถุงในมือซึ่งมนต์พระจันทร์เองก็กำลังหิว
“ซื้อมาเยอะเชียว จะกินยังไงหมดคะเนี่ย” เธอพูดขณะที่สำรวจว่ามีอะไรบ้าง
“ก็ผมไม่รู้นี่ฮะว่าคุณชอบอะไร พอเห็นว่าอะไรน่ากินก็ซื้อมาหมดเลย” เขาตอบแล้วยิ้มกว้าง มนต์พระจันทร์ยิ้มละมุนซึ้งน้ำใจที่เขาห่วงเธอ ทั้งสองช่วยกันจัดขนมและอาหารใส่จาน จะโทร.ไปชวนสองสาวก็เกรงใจคนซื้อ
“ถ้ากินไม่หมดก็แช่ตู้ไว้ หิวเมื่อไหร่ก็เวฟได้ ของพวกนี้เก็บได้หลายวัน” เขาบอกยิ้มๆก่อนที่เสียงประตูระเบียงหลังบ้านจากห้องพักติดกันจะขยับเปิด
วิณรุจน์ออกมาสูดอากาศข้างนอกบ้าง เขานั่งจมกองเอกสารมาตั้งแต่ช่วงบ่ายจนท้ายทอยชักตึงจึงอยากจะยืดเส้นยืดสายซักหน่อย เปล่าตั้งใจมาขัดจังหวะใครเสียหน่อย
“อ้าว! คุณรุจน์ ไม่ยักรู้นะครับว่าวันนี้คุณอยู่ห้องพักด้วย ปกติแล้วเห็นค้างแต่ที่ไซต์งาน” ภาวิทย์ทักทายพร้อมส่งรอยยิ้มเป็นมิตรไปให้
“ครับ มันสะดวกดี แต่นอนไม่สบายนัก” เขาตอบ เหลือบมองร่างบางที่กำลังยกจานอาหารออกมาที่ระเบียงหลังห้อง มนต์พระจันทร์มองตอบเขานิดก่อนจะเลิกสนใจไป
“คุณทานอะไรรึยังครับ ทานกับพวกเราก็ได้ ซื้อมาเยอะเลย ผมกับคุณพระจันทร์ทานไม่หมดหรอก” เขาเอ่ยชวน
ความจริงแล้ววิณรุจน์เป็นคนน่าคบไม่น้อย เขานับถือในความสามารถของวิณรุจน์ เก่งทีเดียวในสายตาภาวิทย์ มิน่า..จึงได้ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งของบริษัทดัง รัฐบาลถึงได้ไว้ใจเลือกให้เขามาดูแลโครงการใหญ่ขนาดนี้ทั้งที่อายุยังน้อย อายุอานามคงจะไล่เลี่ยกับเขา ได้ยินชื่อมานานแล้ว ทว่าไม่เคยได้ร่วมงานกัน หลายๆครั้งที่ประสบปัญหาวิณรุจน์ก็มักจะแก้ไขได้เสมอ
“ขอบคุณครับ เชิญคุณตามสบายเถอะ ผมสั่งอาหารจากทางรีสอร์ทแล้ว” เขาตอบแล้วยิ้มมุมปากเพียงนิดก่อนจะเดินกลับเข้าห้องพักดังเดิม
มนต์พระจันทร์แอบโล่งอกที่เขาไม่ตอบรับคำชวนของภาวิทย์ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นเธอคงจะกินไม่อร่อย ต้องคอยเกร็งกับสายตาเฉยชาที่ยากจะคาดเดา คงอึดอัดไม่น้อย แต่ไหนแต่ไรมา..ดวงตายาวรีคมกริบสีนิลคู่นี้มักจะทำให้เธออึดอัดได้เสมอ
ทั้งสองรับประทานอาหารที่ระบียงหลังบ้าน จบจากมื้ออาหารก็ตามด้วยขนมและผลไม้ที่ภาวิทย์หอบหิ้วมาฝากจนแน่นตู้เย็น
จากตะวันยังไม่ตกดินจนพลบค่ำ นั่งคุยกันเรื่อยเปื่อยไม่หยุดปาก ภาวิทย์คุยสนุกไม่น้อยในความคิดมนต์พระจันทร์มีมุกตลกชวนขันไม่ได้ขาด แรกๆเธอก็เกร็ง หลังๆเริ่มเป็นกันเองก็หายเกร็งโดยปริยาย แม้จะมีสายตาเย็นชาจากห้องข้างๆที่เดินไปมาในห้องชำเลืองมาบ้าง ทว่าเธอก็ไม่ได้กลัวเกรง เพราะเธอไม่ได้ทำอะไรผิด
จวบจนล่วงเวลามาเกือบสามทุ่ม ภาวิทย์จึงขอตัวกลับ เพราะเหนื่อยกับการเดินทาง บ้านของเขาอยู่ห่างจากที่นี่ราวเจ็ดสิบกิโล เดินทางไปกลับก็ใช้เวลาพอสมควร เธอออกมาส่งภาวิทย์ที่หน้าห้องพักขณะที่ห้องข้างๆก็ยังไม่นอน ประตูห้องพักเปิดทิ้งไว้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เหลือบเห็นเขานั่งจมแป้นอยู่กับโน้ตบุ๊ก
ภาวิทย์กลับไปแล้วเธอจึงเดินขึ้นบ้านพักขณะที่ร่างสูงของวิณรุจน์ผละจากจอโน้ตบุ๊กลุกมาที่ประตูพอดี เธอสบตาเขานิด ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึมและเฉยชาอย่างที่เคยเป็น จากวันวานจนถึงเดี๋ยวนี้ เธอก็ไม่เคยอ่านสายตาคู่นี้ออกซักหน เธออยากรู้ว่าในหัวเขาคิดอะไรอยู่บ้าง ทว่าวิณรุจน์ก็เลือกที่จะปิดประตูห้องแทบเป็นกระแทกเสียงดังใส่เธอ
มนต์พระจันทร์ได้แต่ส่ายหน้าเบาๆเอือมระอากับอารมณ์ลักปิดลักเปิดของวิณรุจน์ที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ยังแก้ไม่หาย
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
“หนูพระจันทร์ แอบมาเอากีตาร์คุณรุจน์ไปเล่นอีกแล้วใช่มั้ยคะ” เสียงนมแจ่มดังแว่วเข้ามาขณะที่ร่างบางกำลังหอบกีตาร์ตัวโปรดของวิณรุจน์ลงไปที่สวนหลังบ้าน มนต์พระจันทร์ยิ้มแหยๆเพราะจะปฏิเสธก็ไม่ได้ กีตาร์ตัวโตเกือบเท่าเธอจะซ่อนก็คงไม่มิด
“ระวังเถอะค่ะ เดี๋ยวคุณรุจน์กลับมาก็เป็นเรื่องอีกหรอก” นมแจ่มเตือน
คราวที่แล้วที่แอบเอาไปหัดดีดเล่น หัดไปหัดมาสายดันมาขาดซะนี่ พอวิณรุจน์รู้เข้าก็เป็นเรื่องบ้านแทบแตก ทว่าตอนนั้นก็ยังทำอะไรเธอไม่ได้เพราะทุกคนช่วยกันปิดไว้
“ถ้านมแจ่มไม่พูด ทุกคนไม่พูด พี่รุจน์ก็ไม่รู้ พระจันทร์เอาไปหัดแป๊บเดียวเอง เดี๋ยวก็เอามาคืนรับรองก่อนพี่รุจน์กลับแน่นอน” เธอบอกยิ้มประจบนมแจ่ม ก่อนจะหอบกีตาร์วิ่งจู๊ดหายไปที่สวนหลังบ้าน
เคยแอบฟังเขาเล่นที่สวนหลังบ้านบ่อยๆเท่ห์ดี เธอจึงอยากเล่นเป็นบ้าง ครั้นพอขอให้ป้าภาวินีซื้อให้ ท่านก็ปฏิเสธ บอกว่าไม่
สมกับเป็นลูกผู้หญิง มันห้าวไปไม่น่ารัก เธอก็เลยต้องแอบเอาของวิณรุจน์มาหัด ทว่าก็ยังไม่เป็นเพลงเสียที ร่างบางนั่งหัดนั่งเกาไปเรื่อยตามโน้ตในหนังสือเพลง กระทั่งเสียงเข้มดุดังขึ้นมาเหนือหัว ทำให้มือบางแทบจะทิ้งกีตาร์ร่วงหลุดมือ
“จับได้ซะทีโจรที่ทำสายกีตาร์ฉันขาด”
มนต์พระจันทร์หันมายิ้มแหยๆใส่เขา หน้าซีดราวกระดาษ นึกแปลกใจทำไมวันนี้กลับเร็วได้ ทั้งที่ปกติถ้าตะวันไม่ตกดินไม่มีทางเห็นเงาของวิณรุจน์เดินเข้าบ้าน ยกเว้น..คำสั่งของคุณป้า
“คราวนี้จะปฏิเสธอีกมั้ยว่าไม่ได้ทำ ยัยตัวแสบ” เขาเอ่ยเสียงห้วนเกือบจะเป็นตะคอก สีหน้าตึง มนต์พระจันทร์ตั้งท่าจะวิ่งหนีเหมือนเช่นทุกครั้ง ทว่าหนนี้ช้ากว่ามือหนาเมื่อวิณรุจน์คว้าหมับเข้าที่ต้นแขนเธอได้ก่อน
“จะอะไรนักหนาเล่า แค่ยืมหัดบ้างทำเป็นหวงไปได้” เธอโต้กลับ ไม่คิดจะสำนึกผิด
“ไม่ได้หวง แต่ไม่ชอบให้เธอมายุ่งกับของๆฉันต่างหาก” เขาตอบตามตรง
ตั้งแต่เด็กคนนี้เข้ามาร่วมชายคาเดียวกับเขาก็มีแต่เรื่องชวนปวดหัว เคยขับรถไปเรียนลำพัง นี่บางครั้งเขาต้องตื่นแต่เช้าตรู่
มาส่งยัยตัวแสบไปโรงเรียนยามที่มารดาออกไปทำงานแต่เช้าแล้วคนขับรถของบ้านก็มีแค่คนเดียว บอกให้รับเพิ่ม มารดาก็ไม่ยอม บางวันก็ต้องฝ่ารถติดไปรับทั้งที่ทางคนละเส้น ต้องมาสอนการบ้าน เพราะถูกมารดาบังคับ พอโดนดุมากๆเข้าก็ไปฟ้องคุณนายภาวินี แล้วเขาก็โดนบ่น ชีวิตที่เคยเงียบสงบเพราะการเป็นลูกคนเดียวมาตลอดโดนยัยตัวแสบทำลายไปสิ้น เอะอะอะไรมารดาก็บังคับให้เขาช่วยเหลือดูแลมนต์พระจันทร์ รักหลานนอกไส้ยิ่งกว่าลูกตัวเอง
“อยากเล่นเป็นเหรอ” จู่ๆวิณรุจน์ก็เปลี่ยนน้ำเสียงจากที่ดุกลายเป็นห้วนตามปกติวิสัย ซ้ำยังยิ้มมุมปากแปลกๆด้วย มนต์พระจันทร์งงไปนิด ไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหน ทว่าก็ตอบกลับแววตาใสซื่อ
“ค่ะ พระจันทร์อยากเล่นเป็น” ยามที่เขาพูดดีกับเธอ เธอก็มักจะเรียกแทนตัวเองแบบนี้เสมอ ซึ่งวิณรุจน์ก็ชอบที่จะได้ยินแบบนั้น ทว่าเขา..จะใจดีกับเธอบ่อยๆนักก็ไม่ได้เดี๋ยวจะเหลิง มือหนาคลายต้นแขนให้เป็นอิสระ
“ฉันสอนให้ก็ได้ แต่มีขอแลกเปลี่ยน”
มนต์พระจันทร์ตาเป็นประกายด้วยความดีใจ ก่อนจะตีสีหน้าฉงนสงสัยกับข้อแลกเปลี่ยนของเขาแล้วถามด้วยคามไม่แน่ใจนัก
“อะไรคะ”
“ฉันจะไม่สอนการบ้านเธออีกเพราะแลกกับการสอนเล่นกีตาร์แล้ว” อะไรไม่รู้ที่ทำให้เขาเกิดอยากรักษาระยะห่างระหว่างเขากับมนต์พระจันทร์
มนต์พระจันทร์ตีหน้ายุ่งนิด เธออ่อนวิชาคำนวณ แล้ววิณรุจน์ก็เก่งคำนวณเอามากๆถ้าเขาไม่สอนแล้วเธอจะรอดได้ยังไง แต่ช่างเถอะ เธอค่อยขอคุณป้าไปเรียนเสริมเอาก็ได้
“ก็ได้ ไม่สอนก็ไม่สอน แต่รับปากแล้วนะว่าจะหัดกีตาร์ให้ ห้ามเบี้ยวพระจันทร์ก็แล้วกัน” เธอยอมตกลงพร้อมทั้งย้ำกับเขายิ้มแป้นแล้นนัยน์ตากระจ่างใส
วิณรุจน์กระตุกยิ้มมุมปากนิดที่มนต์พระจันทร์ตกหลุมพรางเขา คุณนายภาวินีไม่ชอบให้มนต์พระจันทร์เล่นกีตาร์ ถ้ารู้เข้าจะต้องถูกสั่งห้าม เพราะฉะนั้นเขาก็จะหลุดพ้นจากบ่วงทั้งปวงโดยไม่ผิดคำพูด ทว่าวันนี้เขาจำต้องแสร้งทำตัวเป็นครูสอนเธอไปก่อน แต่เพียงไม่นานนัก กำไลสาวใช้ในบ้านก็ถือโทรศัพท์แบบไร้สายเข้ามาหามนต์พระจันทร์
“คุณพระจันทร์คะ มีเพื่อนโทร.มาหาค่ะ”
“ใครคะ” มนต์พระจันทร์ถาม
“เขาบอกว่าชื่อติณค่ะ” กำไลแจ้ง
วิณรุจน์ชะงักมือที่กำลังเกาสายกีตาร์ลงทันที เขาจำได้หมอนี่เคยถือดอกกุหลาบมาให้มนต์พระจันทร์ในวันวาเลนไทน์ ซึ่งวันนั้นเขาต้องไปรับเธอที่โรงเรียนตามคำสั่งของคุณนายภาวินีและทันได้เห็นได้ยินทั้งคู่คุยกันพอดี
มนต์พระจันทร์ตีสีหน้างุนงงนิดเพราะเธอไม่เคยให้เบอร์ แล้วเขาไปเอามาจากไหน มือบางรับโทรศัพท์ขึ้นแนบหู เธอเลี่ยงเข้ามาคุยในบ้านเพราะกะจะวางสายแล้วเอาไปเก็บเสียทีเดียว เธออยากเรียนกีตาร์มากกว่า ขืนมัวชักช้าโอ้เอ้ วิณรุจน์ก็จะหนีขึ้นห้องอีก
มนต์พระจันทร์กลับมาที่สวนหลังบ้านทว่าไม่พบแม้เงาของวิณรุจน์ซะแล้ว แค่สองนาทีเอง ทำไมเขาถึงไม่รอ ร่างบางเดินแกมวิ่งขึ้นบันได เขาคิดจะเบี้ยวไม่สอนรึไง เธอเพิ่งจะจับได้ขอดเดียวเอง มือบางเคาะประตูรัวๆเพื่อให้คนข้างในเปิด วิณรุจน์เปิดประตูจนร่างบางแทบจะพุ่งเข้าหาเขา หัวคิ้วหนาขมวดยุ่งขึ้นมาทันที เรียกว่าทุบประตูก็ไม่น่าจะผิด หูเขาแทบจะแตก
“ไหนว่าจะสอนไง เบี้ยวเหรอ” เธอโวยวายเอาเรื่อง เพราะกว่าที่ป้าภาวินีจะกลับเธอคงเรียนไปได้หลายขอด
“ไม่ได้เบี้ยว แต่ไม่สอน มีไรมั้ย” วิณรุจน์ตอบพาลๆก่อนจะปิดประตูใส่หน้าเธอเสียงดัง เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องหงุดหงิดด้วย รู้แค่ว่า..ไม่มีอารมณ์จะสอน
นี่ละ!วิณรุจน์เอาแน่เอานอนกับเขาไม่ได้ อารมณ์ขึ้นๆลงๆราวกับผู้หญิงมีประจำเดือน มนต์พระจันทร์คิดขณะที่กำลังแปรงผมก่อนจะปิดไฟลงแล้วขึ้นเตียงนอน
-------------------------------------------------------------รจนาไฉน-----------------------------------------------------------------
ด้วยรักและคิดถึงนักอ่านค่ะ
..................รจนาไฉน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
วันนั้นทั้งวัน เธอกับวิณรุจน์ก็ไม่ได้เจอกัน ทั้งที่ต่างก็อยู่บ้านพักไม่มีใครขยับออกไปไหน แต่ห้องใครห้องมัน ระเบียงก็ไม่มีใครคิดจะออกไปยืนชมนกชมไม้อีก มนต์พระจันทร์ง่วนอยู่กับการตรวจสอบรายงานต่างๆที่หอบกลับมาทำที่บ้านด้วย กระทั่งช่วงเย็น ภาวิทย์ก็มาเคาะประตูห้องพักพร้อมกับสารพัดถุงในมือซึ่งมนต์พระจันทร์เองก็กำลังหิว
“ซื้อมาเยอะเชียว จะกินยังไงหมดคะเนี่ย” เธอพูดขณะที่สำรวจว่ามีอะไรบ้าง
“ก็ผมไม่รู้นี่ฮะว่าคุณชอบอะไร พอเห็นว่าอะไรน่ากินก็ซื้อมาหมดเลย” เขาตอบแล้วยิ้มกว้าง มนต์พระจันทร์ยิ้มละมุนซึ้งน้ำใจที่เขาห่วงเธอ ทั้งสองช่วยกันจัดขนมและอาหารใส่จาน จะโทร.ไปชวนสองสาวก็เกรงใจคนซื้อ
“ถ้ากินไม่หมดก็แช่ตู้ไว้ หิวเมื่อไหร่ก็เวฟได้ ของพวกนี้เก็บได้หลายวัน” เขาบอกยิ้มๆก่อนที่เสียงประตูระเบียงหลังบ้านจากห้องพักติดกันจะขยับเปิด
วิณรุจน์ออกมาสูดอากาศข้างนอกบ้าง เขานั่งจมกองเอกสารมาตั้งแต่ช่วงบ่ายจนท้ายทอยชักตึงจึงอยากจะยืดเส้นยืดสายซักหน่อย เปล่าตั้งใจมาขัดจังหวะใครเสียหน่อย
“อ้าว! คุณรุจน์ ไม่ยักรู้นะครับว่าวันนี้คุณอยู่ห้องพักด้วย ปกติแล้วเห็นค้างแต่ที่ไซต์งาน” ภาวิทย์ทักทายพร้อมส่งรอยยิ้มเป็นมิตรไปให้
“ครับ มันสะดวกดี แต่นอนไม่สบายนัก” เขาตอบ เหลือบมองร่างบางที่กำลังยกจานอาหารออกมาที่ระเบียงหลังห้อง มนต์พระจันทร์มองตอบเขานิดก่อนจะเลิกสนใจไป
“คุณทานอะไรรึยังครับ ทานกับพวกเราก็ได้ ซื้อมาเยอะเลย ผมกับคุณพระจันทร์ทานไม่หมดหรอก” เขาเอ่ยชวน
ความจริงแล้ววิณรุจน์เป็นคนน่าคบไม่น้อย เขานับถือในความสามารถของวิณรุจน์ เก่งทีเดียวในสายตาภาวิทย์ มิน่า..จึงได้ขึ้นแท่นเบอร์หนึ่งของบริษัทดัง รัฐบาลถึงได้ไว้ใจเลือกให้เขามาดูแลโครงการใหญ่ขนาดนี้ทั้งที่อายุยังน้อย อายุอานามคงจะไล่เลี่ยกับเขา ได้ยินชื่อมานานแล้ว ทว่าไม่เคยได้ร่วมงานกัน หลายๆครั้งที่ประสบปัญหาวิณรุจน์ก็มักจะแก้ไขได้เสมอ
“ขอบคุณครับ เชิญคุณตามสบายเถอะ ผมสั่งอาหารจากทางรีสอร์ทแล้ว” เขาตอบแล้วยิ้มมุมปากเพียงนิดก่อนจะเดินกลับเข้าห้องพักดังเดิม
มนต์พระจันทร์แอบโล่งอกที่เขาไม่ตอบรับคำชวนของภาวิทย์ เพราะถ้าเป็นเช่นนั้นเธอคงจะกินไม่อร่อย ต้องคอยเกร็งกับสายตาเฉยชาที่ยากจะคาดเดา คงอึดอัดไม่น้อย แต่ไหนแต่ไรมา..ดวงตายาวรีคมกริบสีนิลคู่นี้มักจะทำให้เธออึดอัดได้เสมอ
ทั้งสองรับประทานอาหารที่ระบียงหลังบ้าน จบจากมื้ออาหารก็ตามด้วยขนมและผลไม้ที่ภาวิทย์หอบหิ้วมาฝากจนแน่นตู้เย็น
จากตะวันยังไม่ตกดินจนพลบค่ำ นั่งคุยกันเรื่อยเปื่อยไม่หยุดปาก ภาวิทย์คุยสนุกไม่น้อยในความคิดมนต์พระจันทร์มีมุกตลกชวนขันไม่ได้ขาด แรกๆเธอก็เกร็ง หลังๆเริ่มเป็นกันเองก็หายเกร็งโดยปริยาย แม้จะมีสายตาเย็นชาจากห้องข้างๆที่เดินไปมาในห้องชำเลืองมาบ้าง ทว่าเธอก็ไม่ได้กลัวเกรง เพราะเธอไม่ได้ทำอะไรผิด
จวบจนล่วงเวลามาเกือบสามทุ่ม ภาวิทย์จึงขอตัวกลับ เพราะเหนื่อยกับการเดินทาง บ้านของเขาอยู่ห่างจากที่นี่ราวเจ็ดสิบกิโล เดินทางไปกลับก็ใช้เวลาพอสมควร เธอออกมาส่งภาวิทย์ที่หน้าห้องพักขณะที่ห้องข้างๆก็ยังไม่นอน ประตูห้องพักเปิดทิ้งไว้ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง เหลือบเห็นเขานั่งจมแป้นอยู่กับโน้ตบุ๊ก
ภาวิทย์กลับไปแล้วเธอจึงเดินขึ้นบ้านพักขณะที่ร่างสูงของวิณรุจน์ผละจากจอโน้ตบุ๊กลุกมาที่ประตูพอดี เธอสบตาเขานิด ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึมและเฉยชาอย่างที่เคยเป็น จากวันวานจนถึงเดี๋ยวนี้ เธอก็ไม่เคยอ่านสายตาคู่นี้ออกซักหน เธออยากรู้ว่าในหัวเขาคิดอะไรอยู่บ้าง ทว่าวิณรุจน์ก็เลือกที่จะปิดประตูห้องแทบเป็นกระแทกเสียงดังใส่เธอ
มนต์พระจันทร์ได้แต่ส่ายหน้าเบาๆเอือมระอากับอารมณ์ลักปิดลักเปิดของวิณรุจน์ที่ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ปีก็ยังแก้ไม่หาย
-----------------------------------------------------------------------------------------------------
“หนูพระจันทร์ แอบมาเอากีตาร์คุณรุจน์ไปเล่นอีกแล้วใช่มั้ยคะ” เสียงนมแจ่มดังแว่วเข้ามาขณะที่ร่างบางกำลังหอบกีตาร์ตัวโปรดของวิณรุจน์ลงไปที่สวนหลังบ้าน มนต์พระจันทร์ยิ้มแหยๆเพราะจะปฏิเสธก็ไม่ได้ กีตาร์ตัวโตเกือบเท่าเธอจะซ่อนก็คงไม่มิด
“ระวังเถอะค่ะ เดี๋ยวคุณรุจน์กลับมาก็เป็นเรื่องอีกหรอก” นมแจ่มเตือน
คราวที่แล้วที่แอบเอาไปหัดดีดเล่น หัดไปหัดมาสายดันมาขาดซะนี่ พอวิณรุจน์รู้เข้าก็เป็นเรื่องบ้านแทบแตก ทว่าตอนนั้นก็ยังทำอะไรเธอไม่ได้เพราะทุกคนช่วยกันปิดไว้
“ถ้านมแจ่มไม่พูด ทุกคนไม่พูด พี่รุจน์ก็ไม่รู้ พระจันทร์เอาไปหัดแป๊บเดียวเอง เดี๋ยวก็เอามาคืนรับรองก่อนพี่รุจน์กลับแน่นอน” เธอบอกยิ้มประจบนมแจ่ม ก่อนจะหอบกีตาร์วิ่งจู๊ดหายไปที่สวนหลังบ้าน
เคยแอบฟังเขาเล่นที่สวนหลังบ้านบ่อยๆเท่ห์ดี เธอจึงอยากเล่นเป็นบ้าง ครั้นพอขอให้ป้าภาวินีซื้อให้ ท่านก็ปฏิเสธ บอกว่าไม่
สมกับเป็นลูกผู้หญิง มันห้าวไปไม่น่ารัก เธอก็เลยต้องแอบเอาของวิณรุจน์มาหัด ทว่าก็ยังไม่เป็นเพลงเสียที ร่างบางนั่งหัดนั่งเกาไปเรื่อยตามโน้ตในหนังสือเพลง กระทั่งเสียงเข้มดุดังขึ้นมาเหนือหัว ทำให้มือบางแทบจะทิ้งกีตาร์ร่วงหลุดมือ
“จับได้ซะทีโจรที่ทำสายกีตาร์ฉันขาด”
มนต์พระจันทร์หันมายิ้มแหยๆใส่เขา หน้าซีดราวกระดาษ นึกแปลกใจทำไมวันนี้กลับเร็วได้ ทั้งที่ปกติถ้าตะวันไม่ตกดินไม่มีทางเห็นเงาของวิณรุจน์เดินเข้าบ้าน ยกเว้น..คำสั่งของคุณป้า
“คราวนี้จะปฏิเสธอีกมั้ยว่าไม่ได้ทำ ยัยตัวแสบ” เขาเอ่ยเสียงห้วนเกือบจะเป็นตะคอก สีหน้าตึง มนต์พระจันทร์ตั้งท่าจะวิ่งหนีเหมือนเช่นทุกครั้ง ทว่าหนนี้ช้ากว่ามือหนาเมื่อวิณรุจน์คว้าหมับเข้าที่ต้นแขนเธอได้ก่อน
“จะอะไรนักหนาเล่า แค่ยืมหัดบ้างทำเป็นหวงไปได้” เธอโต้กลับ ไม่คิดจะสำนึกผิด
“ไม่ได้หวง แต่ไม่ชอบให้เธอมายุ่งกับของๆฉันต่างหาก” เขาตอบตามตรง
ตั้งแต่เด็กคนนี้เข้ามาร่วมชายคาเดียวกับเขาก็มีแต่เรื่องชวนปวดหัว เคยขับรถไปเรียนลำพัง นี่บางครั้งเขาต้องตื่นแต่เช้าตรู่
มาส่งยัยตัวแสบไปโรงเรียนยามที่มารดาออกไปทำงานแต่เช้าแล้วคนขับรถของบ้านก็มีแค่คนเดียว บอกให้รับเพิ่ม มารดาก็ไม่ยอม บางวันก็ต้องฝ่ารถติดไปรับทั้งที่ทางคนละเส้น ต้องมาสอนการบ้าน เพราะถูกมารดาบังคับ พอโดนดุมากๆเข้าก็ไปฟ้องคุณนายภาวินี แล้วเขาก็โดนบ่น ชีวิตที่เคยเงียบสงบเพราะการเป็นลูกคนเดียวมาตลอดโดนยัยตัวแสบทำลายไปสิ้น เอะอะอะไรมารดาก็บังคับให้เขาช่วยเหลือดูแลมนต์พระจันทร์ รักหลานนอกไส้ยิ่งกว่าลูกตัวเอง
“อยากเล่นเป็นเหรอ” จู่ๆวิณรุจน์ก็เปลี่ยนน้ำเสียงจากที่ดุกลายเป็นห้วนตามปกติวิสัย ซ้ำยังยิ้มมุมปากแปลกๆด้วย มนต์พระจันทร์งงไปนิด ไม่รู้ว่าเขาจะมาไม้ไหน ทว่าก็ตอบกลับแววตาใสซื่อ
“ค่ะ พระจันทร์อยากเล่นเป็น” ยามที่เขาพูดดีกับเธอ เธอก็มักจะเรียกแทนตัวเองแบบนี้เสมอ ซึ่งวิณรุจน์ก็ชอบที่จะได้ยินแบบนั้น ทว่าเขา..จะใจดีกับเธอบ่อยๆนักก็ไม่ได้เดี๋ยวจะเหลิง มือหนาคลายต้นแขนให้เป็นอิสระ
“ฉันสอนให้ก็ได้ แต่มีขอแลกเปลี่ยน”
มนต์พระจันทร์ตาเป็นประกายด้วยความดีใจ ก่อนจะตีสีหน้าฉงนสงสัยกับข้อแลกเปลี่ยนของเขาแล้วถามด้วยคามไม่แน่ใจนัก
“อะไรคะ”
“ฉันจะไม่สอนการบ้านเธออีกเพราะแลกกับการสอนเล่นกีตาร์แล้ว” อะไรไม่รู้ที่ทำให้เขาเกิดอยากรักษาระยะห่างระหว่างเขากับมนต์พระจันทร์
มนต์พระจันทร์ตีหน้ายุ่งนิด เธออ่อนวิชาคำนวณ แล้ววิณรุจน์ก็เก่งคำนวณเอามากๆถ้าเขาไม่สอนแล้วเธอจะรอดได้ยังไง แต่ช่างเถอะ เธอค่อยขอคุณป้าไปเรียนเสริมเอาก็ได้
“ก็ได้ ไม่สอนก็ไม่สอน แต่รับปากแล้วนะว่าจะหัดกีตาร์ให้ ห้ามเบี้ยวพระจันทร์ก็แล้วกัน” เธอยอมตกลงพร้อมทั้งย้ำกับเขายิ้มแป้นแล้นนัยน์ตากระจ่างใส
วิณรุจน์กระตุกยิ้มมุมปากนิดที่มนต์พระจันทร์ตกหลุมพรางเขา คุณนายภาวินีไม่ชอบให้มนต์พระจันทร์เล่นกีตาร์ ถ้ารู้เข้าจะต้องถูกสั่งห้าม เพราะฉะนั้นเขาก็จะหลุดพ้นจากบ่วงทั้งปวงโดยไม่ผิดคำพูด ทว่าวันนี้เขาจำต้องแสร้งทำตัวเป็นครูสอนเธอไปก่อน แต่เพียงไม่นานนัก กำไลสาวใช้ในบ้านก็ถือโทรศัพท์แบบไร้สายเข้ามาหามนต์พระจันทร์
“คุณพระจันทร์คะ มีเพื่อนโทร.มาหาค่ะ”
“ใครคะ” มนต์พระจันทร์ถาม
“เขาบอกว่าชื่อติณค่ะ” กำไลแจ้ง
วิณรุจน์ชะงักมือที่กำลังเกาสายกีตาร์ลงทันที เขาจำได้หมอนี่เคยถือดอกกุหลาบมาให้มนต์พระจันทร์ในวันวาเลนไทน์ ซึ่งวันนั้นเขาต้องไปรับเธอที่โรงเรียนตามคำสั่งของคุณนายภาวินีและทันได้เห็นได้ยินทั้งคู่คุยกันพอดี
มนต์พระจันทร์ตีสีหน้างุนงงนิดเพราะเธอไม่เคยให้เบอร์ แล้วเขาไปเอามาจากไหน มือบางรับโทรศัพท์ขึ้นแนบหู เธอเลี่ยงเข้ามาคุยในบ้านเพราะกะจะวางสายแล้วเอาไปเก็บเสียทีเดียว เธออยากเรียนกีตาร์มากกว่า ขืนมัวชักช้าโอ้เอ้ วิณรุจน์ก็จะหนีขึ้นห้องอีก
มนต์พระจันทร์กลับมาที่สวนหลังบ้านทว่าไม่พบแม้เงาของวิณรุจน์ซะแล้ว แค่สองนาทีเอง ทำไมเขาถึงไม่รอ ร่างบางเดินแกมวิ่งขึ้นบันได เขาคิดจะเบี้ยวไม่สอนรึไง เธอเพิ่งจะจับได้ขอดเดียวเอง มือบางเคาะประตูรัวๆเพื่อให้คนข้างในเปิด วิณรุจน์เปิดประตูจนร่างบางแทบจะพุ่งเข้าหาเขา หัวคิ้วหนาขมวดยุ่งขึ้นมาทันที เรียกว่าทุบประตูก็ไม่น่าจะผิด หูเขาแทบจะแตก
“ไหนว่าจะสอนไง เบี้ยวเหรอ” เธอโวยวายเอาเรื่อง เพราะกว่าที่ป้าภาวินีจะกลับเธอคงเรียนไปได้หลายขอด
“ไม่ได้เบี้ยว แต่ไม่สอน มีไรมั้ย” วิณรุจน์ตอบพาลๆก่อนจะปิดประตูใส่หน้าเธอเสียงดัง เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมต้องหงุดหงิดด้วย รู้แค่ว่า..ไม่มีอารมณ์จะสอน
นี่ละ!วิณรุจน์เอาแน่เอานอนกับเขาไม่ได้ อารมณ์ขึ้นๆลงๆราวกับผู้หญิงมีประจำเดือน มนต์พระจันทร์คิดขณะที่กำลังแปรงผมก่อนจะปิดไฟลงแล้วขึ้นเตียงนอน
-------------------------------------------------------------รจนาไฉน-----------------------------------------------------------------
ด้วยรักและคิดถึงนักอ่านค่ะ
..................รจนาไฉน

เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 พ.ย. 2559, 19:50:56 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 พ.ย. 2559, 19:52:18 น.
จำนวนการเข้าชม : 1077
<< บทที่8----------เล่ห์บุพเพ--------40% |