คำสาปขังรัก
คุณจะทำอย่างไร...ถ้ารู้ว่าตัวเองต้องคำสาป ไม่สามารถจะมีรักที่ดีได้
ถ้ารู้ว่าทางเดินของรักโรยด้วยหนามและคราบน้ำตา
เราควรจะหยุด...หรือเดินต่อแม้จะกลัวจนใจสั่น
Tags: คำสาป ความรัก พยากรณ์

ตอน: ไพ่ใบสุดท้าย The Strength

The Strength

ภาษิตบทหนึ่งของต่างประเทศกล่าวว่า เราไม่จำเป็นต้องเฝ้ารอให้ฝนผ่าน แต่น่าจะหันมาเต้นรำใต้สายฝน
แม้จะเหน็บหนาวเท่าไร แต่บางคนก็ยังเชิดหน้าขึ้น ส่งยิ้มให้สายฝน แล้วเต้นรำอย่างอ่อนหวาน

ชนิศาเอนตัวพิงร่างบอบบางกับเก้าอี้บาร์ตัวสูงอย่างหมิ่น ๆ ทอดสายตามองออกไปที่คุ้งน้ำเบื้องล่างซึ่งเลื้อยยาวไปในเงามืด มุมปากคลี่ยิ้มบางคล้ายชื่นชมแต่ปนด้วยอารมณ์อ่อนไหวบางอย่างที่ทำให้คนมองเผลอมองตามอย่างต้องการค้นหา

บาร์เล็ก ๆ แห่งนี้ตั้งอยู่ชั้นบนสุดของโรงแรมเล็ก ๆ ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นหนึ่งในร้านอาหารที่ชนิศาชื่นชอบ แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาอยู่ที่นี่เพียงลำพัง ในยามค่ำคืนที่ดึกเกินเวลานอนปกติ

เสียงเพลงสากลดังเบา ๆ จากนักดนตรีที่เล่นเพลงอยู่ไม่ไกล ชนิศาเอ่ยสั่งเครื่องดื่มแล้วดันตัวขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ที่อยู่หน้าบาร์ซึ่งเปิดออกสู่ริมฝั่งน้ำด้านหน้า

หญิงสาวบอบบางในชุดกระโปรงคอเต่าเข้ารูปสีขาวที่นั่งนิ่งอยู่เพียงลำพังในที่แบบนี้ดูแปลกจนหลายคนอดมองไม่ได้ แต่เธอยังนั่งมองฟ้านิ่งราวไร้ซึ่งความสนใจต่อทุกสิ่ง เช่นเดียวกับพนักงานบาร์ที่ดูคุ้นเคย เขาแค่ยิ้มให้เมื่อส่งเครื่องดื่มให้เธอ

"รอใครอยู่หรือเปล่าครับ มิส..."

"เปล่าค่ะ..." เธอตอบเรียบ ๆ พร้อมเอ่ยขอบคุณ ไม่ใยดีกับรอยยิ้มที่อีกฝ่ายส่งให้

เมื่อชนิศานั่งนิ่ง ๆ ดวงตาคมดุของเธอก็คล้ายจะเป็นกำแพงชั้นดีที่ช่วยรักษาความเป็นส่วนตัวของหญิงสาวไว้ไม่ให้ใครก้าวเข้ามา

"มาคนเดียวหรือครับ" ชายหนุ่มยังไม่หยุดถาม

ชนิศานิ่งไปครู่ ก่อนตวัดสายตามองเขาด้วยดวงตาดุ ผู้ชายที่ทำงานแบบนี้มีหรือจะไม่รู้ว่าผู้หญิงที่ยอมรับว่ามาอยู่ในที่แบบนี้คนเดียวคือการหาเรื่องใส่ตัว

แม้จะเป็นบาร์หรูชั้นบนของโรงแรมชื่อดัง แต่ไม่มีอะไรการันตีความปลอดภัยในยามวิกาล

"ขอเทรามิสุที่นึงค่ะ" เธอเอ่ยเสียงเรียบ ปลายเสียงสะบัดเบาฟังดุอย่างคนที่ชินกับการเอ่ยคำสั่ง

เพียงไม่นาน เค้กที่เธอสั่งก็ถูกนำมาวางตรงหน้า ของหวานผสมแอลกอฮอล์ปริมาณไม่มาก พอเข้ากับบรรยากาศและเครื่องดื่มเบา ๆ

ชนิศานั่งละเลียดชิมเค้กเนื้อนุ่มอย่างเชื่องช้า หูแว่วเสียงดนตรีเบา ๆ ทำให้ผ่อนคลาย ไม่แปลกเลยที่เขาชอบที่นี่นัก

ผู้ชายร่างสูงในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว ปลดกระดุมคอกว้างเดินตรงเข้ามาหาเธอ เขายกแก้วเหล้าในมือขึ้นเล็กน้อยก่อนวางแก้วหนึ่งลงตรงหน้าเธอ

"นั่งด้วยได้ไหมครับ" เขาเลื่อนตัวขึ้นนั่งบนเก้าอี้โดยไม่รอคำตอบ แล้วเลื่อนแก้วเหล้าตรงหน้ามาใกล้เธอ "นี่ให้คุณ"

หญิงสาวกระพริบตาปริบ ๆ เธอไม่คุ้นกับคนกลางคืนและสถานการณ์แบบนี้ สัญชาตญาณความระแวดระวังทำให้เธอหรี่ตามอง ก่อนส่ายหน้าช้า ๆ

"ขอบคุณ...แต่เราไม่รับของจากคนไม่รู้จัก"

ถ้อยคำตรงไปตรงมาทำให้คนฟังหัวเราะเบา ๆ เขายกมือขึ้นเสยผมคล้ายเก้อเขินเล็กน้อย ก่อนคลี่ยิ้มบอก "ผมไนท์ครับ..."

"ชื่อจริงชื่อรัตติกาลหรือเปล่าคะ"

เขานิ่งไปครู่ก็หัวเราะกับคำล้อของเธอ "อย่างนั้นคุณจะเป็นเจ้าหญิงพระจันทร์ของผมไหม"

ชนิศาถอนใจเบา ๆ เหลือบมองหน้าชายหนุ่มอยู่ครู่ ก็ตัดสินใจเอียงคอเอ่ยแนะนำตัว "เชรีค่ะ..."

"ที่รัก..." เขาทอดเสียงเอ่ยคล้ายล้อเลียน เมื่อเธอขมวดคิ้วมองจึงยิ้มตอบ "เชรี...เป็นภาษาฝรั่งเศส แปลว่าที่รักไม่ใช่หรือครับ"
"ค่ะ"

"เชรีเป็นลูกครึ่งเหรอ"

หญิงสาวกระพริบตาปริบ ๆ นึกสงสัยว่าเบ้าหน้าส่วนไหนของเธอทำให้เขาคิดแบบนั้น "คุณไม่ได้คิดจะเล่นมุกครึ่งผีครึ่งคนใช่ไหม"

ชายหนุ่มเลิกคิ้วมองก่อนหัวเราะลั่นอย่างไม่เกรงใจใคร "คุณนี่ตลกดีนะครับ"

"อืม...ก็มีคนบอกแบบนี้เยอะเหมือนกัน"

"ผมชักสงสัยแล้วสิ...ทำไมผู้หญิงอย่างคุณถึงมานั่งอยู่ตรงนี้คนเดียว" เขาโน้มตัวเข้ามาใกล้ ราวจะตั้งใจค้นหาคำตอบ

ชนิศาเพียงมองนิ่ง ก่อนคลี่ยิ้มบาง "มารอพบคุณมั้งคะ"

"อกหักเหรอครับ"

"เปล่า...เราหักอกตัวเอง" เธอถอนใจเบา ๆ ก่อนหยิบเหรียญออกมาจากกระเป๋า "โยนเหรียญหน่อยสิคะ"

ศตวรรษมองอย่างมึนงง เมื่อหญิงสาวใช้นิ้วเลื่อนเหรียญมาตรงหน้าเขาแล้วย้ำ "ลองโยนดูสิคะ"

ชายหนุ่มรับเหรียญมาโยนขึ้นฟ้าเบา ๆ เมื่อเหรียญร่วงลงบนโต๊ะแล้วหมุนอยู่ระหว่างคนทั้งคู่ ชนิศาก็ยกมือขึ้นตะปบเหรียญไว้บนโต๊ะ

"คุณว่า...หัวหรือก้อย"

"หัว..."

ชนิศาไหวไหล่ เปิดมือออกให้เห็นหน้าเหรียญอย่างชัดเจน

ศตวรรษไม่รู้ ชนิศาใช้เหรียญแทนการทำนาย หากออกก้อยเธอจะเก็บกระเป๋ากลับบ้านทันที แต่เมื่อออกหัว ก็ถือเสียว่าผู้ชายคนนี้ไม่ได้เลวร้ายจนไม่ควรรู้จัก

เธอเก็บเหรียญใส่กระเป่า เลื่อนแก้วเหล้าตรงหน้าคืนชายหนุ่ม "โทนิคจินไม่ใช่อะไรที่ควรถือมาให้ผู้หญิงหรอกนะคะ"

ชายหนุ่มหัวเราะ "รู้ได้ยังไงครับ"

"เรานั่งหน้าบาร์มาเกือบชั่วโมงแล้ว ถ้าสังเกตสักหน่อยเหล้าที่นี่จะใช้แก้วต่างกันตามชนิดน่ะค่ะ"

"คุณเป็นคนช่างสังเกตมาก" เขาเลิกคิ้วมองอย่างจับสังเกต "นี่...ไม่ใช่ตำรวจหญิงปลอมตัวมาใช่ไหมครับ"

"ไม่ใช่ค่ะ"

"อา...แล้วคุณทำงานอะไรเหรอครับ"

หญิงสาวนิ่งไปครู่ ก่อนตอบ "พวก...งานศิลปะน่ะค่ะ"

คราวนี้เขาหัวเราะเบา ๆ อย่างอดไม่อยู่ "ดูเหมาะกับคุณดี...สาวติสท์..."

ชนิศากลอกตาอย่างประหลาดใจ ไม่ค่อยมีใครนิยามเธอด้วยคำนี้ หากเขารู้ว่างานศิลป์ที่เธอทำคืองานที่ใช้ใบประกอบโรคศิลปะ จะยังนิยามเธอด้วยคำนี้ไหมนะ

หญิงสาวหรี่ตามองปลายนิ้วยาวที่ยกขึ้นจรดกันอยู่หน้าใบหน้าขาวได้รูป รอยหมึกสีดำจาง ๆ ที่ปลายนิ้วกับแขนเสื้อทำให้หญิงสาวเลื่อนสายตาต่อไปที่กระเป๋าเสื้อเชิ้ตซึ่งเหน็บปากกาไว้

"คุณทำงานการเงินเหรอคะ"

"หืม...คุณรู้ได้ไง" เขายื่นหน้ามาใกล้ด้วยท่าทางประหลาดใจอย่างจริงจัง

ชนิศาไหวไหล่เบา ๆ "กลิ่นเงินติดมามั้งคะ"

ชายหนุ่มรีบก้มลงแตะปลายจมูกกับแขนเสื้ออย่างพยายามค้นหา เรียกเสียงหัวเราะเบา ๆ จากหญิงสาว

"เชรีแค่ลองเดาดูน่ะค่ะ ปากกาที่คุณใช้สลักชื่อไว้ใต้ตราของธนาคารไม่ใช่หรือคะ"

เขาก้มมองปากกา ก่อนหยิบออกมาดูชื่อที่สลักไว้ "คุณมั่นใจได้ยังไงว่าเป็นชื่อผม อาจเป็นของคนอื่นที่แจกแล้วผมเอามาใช้ก็ได้"

"มีไม่กี่อาชีพหรอกค่ะที่ใช้ปากกาแจกฟรีแปะยี่ห้อคนอื่นโดยไม่สนใจภาพลักษณ์" เธอค้านจะบอกว่าเธอเองก็เป็นหนึ่งในนั้น
"หรือหากนี่เป็นของแจก คุณที่ได้รับแจกก็เป็นคนที่อยู่ในแวดวงการเงินอยู่ดี ใครบ้างล่ะคะไม่ได้ทำงานเพื่อการเงิน"

ศตวรรษนิ่งไปนานอย่างคาดไม่ถึง เมื่อคิดตามคำพูดของเธอและได้เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์เขาก็หัวเราะออกมา "ต่อให้ผมทำงานด้านอื่น...คุณก็ถือว่าเป็นงานการเงินอยู่ดี"

"หรือคุณเป็นเอ็นจีโอ จิตอาสาล่ะคะ" เธอไหวไหล่เบา ๆ กึ่งขัน

"อย่างนี้...งานศิลปะของคุณคืองานศิลปะจริง ๆ หรือเปล่าครับ"

"งานศิลปะจริง ๆ ค่ะ" การตัดสินใจรักษาโรค การเจรจากับผู้ป่วย ล้วนเป็นศิลปะของความเป็นแพทย์ทั้งสิ้น

"ด้านไหนครับ..."

"อืม...คุณว่าการสร้างสรรค์เป็นงานศิลปะไหมล่ะ"

"ครีเอทีฟเหรอครับ"

"ไม่เชิง...แบบ...การหาทางแก้ปัญหา" เธอพยายามหาคำอธิบาย

ศตวรรษหรี่ตามอง หัวเราะเบา ๆ "ผมเริ่มสังหรณ์ใจว่าศิลปะของคุณจะเป็นอะไรที่ลึกซึ้งกว่าศิลปะของผมแล้วล่ะ"

"อย่างนั้นก็อย่าถามต่อเลย เชรีขี้เกียจอธิบาย"

ชายหนุ่มนิ่งมองหน้าหญิงสาวอยู่นาน เขารู้ว่าเธอไม่อยากเปิดเผยเรื่องส่วนตัว และผู้หญิงยิ่งลึกลับเท่าไรยิ่งมีเสน่ห์ให้อยากค้นหา
"ขอเบอร์ได้ไหมครับ"

ชนิศานิ่งงันไป เลิกคิ้วมองหน้าเขาก่อนส่ายหน้าช้า ๆ

"ไม่ให้ได้ไหม"

"ไลน์ไอดี..."

"นั่นใกล้ ๆ กับเบอร์นะ"

"เรารู้จักกันมากกว่าวันนี้ไม่ได้เหรอ" เขาทำเสียงออดอ้อน อย่างที่น้อยคนจะกล้าปฏิเสธ แต่ผู้หญิงในร้ายตรงหน้าเขาส่ายหน้าเร็ว ๆ

"อย่าเลย..." ชนิศาถอนใจเบา ๆ ก่อนมองหน้าเขานิ่ง "ถ้ารู้จักกันมากกว่านี้ คุณอาจจะผิดหวังก็ได้"

"ยังไม่ได้ลองเลยนี่"

"ลองอะไรเหรอ" เสียงเย็นชาดังขึ้นเหนือศีรษะของชนิศา หญิงสาวแทบลืมหายใจเมื่อหันไปมองร่างสูงของผู้ชายที่มาใหม่

"รอนานไหม...พี่เพิ่งเสร็จงาน" เขาถือวิสาสะเลื่อนตัวเข้ามาใกล้ ใช้สองแขนโอบไหล่เธออย่างคุ้นเคย

ชนิศากัดริมฝีปาก ดวงตาวาวจัดเมื่อสะบัดตัวออกห่าง เธอไม่คิดว่าจะพบเขาที่นี่ แม้จะรู้ว่าชายหนุ่มชอบมานั่งเล่นที่นี่ แต่ไม่ควรมีความบังเอิญที่โหดร้ายแบบนี้

"เราไม่ได้รอคุณ" เสียงดุปนร่องรอยของความห่างเหิน

"เชรี..." เขาเน้นเสียงดุเช่นกัน "หยุดบั่นทอนกันเสียทีเถอะ"

เธอคลี่ยิ้มเย็นชา "ถามตัวเองก่อนดีกว่าไหมคะ ใครกันแน่ที่บั่นทอน" เธอมองสบตาเขานิ่ง สูดลมหายใจเข้ายาว ก่อนตัดสินใจหยิบแหวนวงเล็กออกมาจากกระเป๋า

"เอาคืนไปเถอะค่ะ...ของบางอย่างมีค่าเพราะความรู้สึก ไม่ใช่แค่สิ่งของ"

"เชรี..." เขากลับจับมือเธอไว้แน่น แววตาที่เต็มไปด้วยความโกรธทำให้เธออยากเดินหนี "ไม่รักพี่แล้วเหรอ..."

คำถามปนรอยบังคับอย่างมั่นใจว่าเธอยังรู้สึกเช่นเดิม

ชนิศาเม้มริมฝีปากแน่น หันมามองหน้าเขาอย่างเย็นชา

"รักคุณเหรอ...." เธอคลี่ยิ้มบาง "เราจำไม่เห็นได้เลยว่าเคยมีความรู้สึกที่ไร้ราคาแบบนั้น"

ร่างบางลุกจากที่นั่ง วางแหวนวงเล็กลงบนเคาท์เตอร์บาร์ คว้ากระเป๋าและเสื้อคลุมหมุนตัวจากมาอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจต่อใครที่อยู่ข้างหลัง

ขอบคุณที่ระบบบาร์ที่นี่ต้องจ่ายค่าอาหารทันทีที่ยกมาเสิร์ฟ เธอจึงไม่ต้องรอคิดเงิน

ชนิศารู้ว่าเขาไม่มีวันตามมา ผู้ชายอย่างเขาเย่อหยิ่งเกินกว่าจะยอมรับคำปฏิเสธ และทระนงเกินกว่าจะวิ่งตามใคร

เมื่อเธอลงมาถึงชั้นล่าง กลับเป็นผู้ชายอีกคนที่มายืนหอบอยู่ข้าง ๆ เธอ

"โอย...ถึงขนาดต้องหนีลงบันไดกันเลยเหรอครับ ไม่เห็นใจผมบ้างเหรอ"

"ใครให้คุณตามมาล่ะ" หญิงสาวหรี่ตามองอย่างอ่อนใจ

"จะให้คุณกลับคนเดียวได้ยังไง"

"เชรีมาคนเดียวได้ก็กลับคนเดียวได้"

ศตวรรษกลอกตาอย่างอ่อนใจ "นี่กรุงเทพฯนะคุณ...มหานครที่ปลอดภัยที่สุดในโลก ผู้หญิงสวย ๆ เดินคนเดียวดึกดื่นค่ำคืนไม่มีวันถูกฉุด เรียกรถคันไหนก็ได้ไปถึงที่หมาย"

ชนิศากระพริบตาปริบ ๆ "นี่คุณประชดหรือแช่ง"

"เปล่า ผมเป็นห่วงคุณ..."

"คุณดื่มไปกี่แก้ว" หญิงสาวจ้องหน้าเขาอย่างจริงจัง

ชายหนุ่มนิ่งคิดเพียงครู่

"ไม่ถึงครึ่งแก้ว..." เขามองเธออย่างรู้ทัน "ผมไม่เมาแล้วขับหรอก ไม่ได้เอารถมาแต่แรกอยู่แล้ว"

เขาถือวิสาสะยกมือขึ้นคว้าแขนเธอ "เดี๋ยวผมเรียกรถไปส่ง"

เขาจูงมือเธอมาถึงหน้าถนน โบกมือเรียกรถแท็กซี่ ชนิศาก้มลงไปบอกสถานที่ปลายทาง ก่อนหันมาหาชายหนุ่ม ยกมือคว้าปากกาในกระเป๋าเขาขึ้นมาจับมือเขาให้แบออก แล้วเขียนข้อความลงไป

Cherie_98_

"ไปเติมเลขในช่องว่างเองแล้วกันนะคะ"

แล้วหญิงสาวก็ก้าวขึ้นรถ ปิดประตูอย่างรวดเร็ว


ชนิศาทิ้งตัวลงบนเตียงนอน ถอนใจเบา ๆ เธอเข้าใจแล้วว่าหกไม้เท้าและหกถ้วยที่ปรากฏเมื่อหยิบไพ่ก่อนออกมาหมายถึงอะไร เพียงแต่ที่ยังไม่เข้าใจคือ เขาต้องการกลับมาเพื่ออะไร

หญิงสาวไม่เชื่อว่าหนังสือเล่มเก่าจะมีตอนจบที่ต่างไปจากเดิม เมื่อเขาทำร้ายเธอได้ครั้งหนึ่ง เธอก็ไม่มีเหตุผลที่จะยอมกลับไปให้เขากรีดหัวใจเธอเล่นอีก

ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ชนิศาเชื่อว่าคนที่รักกันจะไม่มีวันทำร้ายกัน

เธอพลิกตัวบนเตียงอยู่ไม่นาน โทรศัพท์ก็สั่นเบา ๆ เมื่อหยิบมาจึงเห็นข้อความจากใครบางคนที่เธอไม่รู้จัก

Knight : ผมชื่อศตวรรษ ไม่ใช่รัตติกาลนะครับ

ชนิศาอมยิ้มบาง ๆ อยากรู้นักว่าเขาลองกดไอดีกี่ครั้งจึงพบเธอ

Che'rie : Who are you?
Knight : อัศวินของคุณมั้งครับ

หญิงสาวหัวเราะอย่างอดไม่ได้ เธอย่นจมูกใส่จอโทรศัพท์ ส่ายหน้าอย่างนึกหมันไส้ผู้ชายตัวโต ก่อนจะคิดได้ว่าเธอเพิ่งเปลี่ยนภาพโพรไฟล์จากแมวเหมียวตัวดำเป็นภาพตัวเธอเองเมื่อสามวันก่อน การจะแกล้งทำไม่รู้จักหรือไม่ใช่เชรีที่เขาพบเป็นอันว่าตกไป

Che'rie : ค่าตัวคุณคงแพง เชรีไม่กล้ารับหรอกค่ะ

ปลายทางส่งรูปหัวใจดวงหนึ่งมาให้ ก่อนพิมพ์ข้อความต่อ
Knight : แค่นี้เองครับ

ชนิศากลอกตาอย่างอ่อนใจ เธอนอนห้อยหัวอยู่ที่ขอบเตียงจึงสามารถมองออกไปนอกหน้าต่าง เห็นเสี้ยวจันทร์เป็นรูปเคียวสีเงินสวยอย่างชัดเจน

"นี่...ตาเฒ่า...ผู้ชายที่มีคำรักกับเครื่องโรเนียวน่ะ เชรีก็ไม่เอานะ"

เธอไม่ใช่ผู้หญิงงี่เง่าที่จะเชื่อคำหวานของผู้ชายที่เพิ่งได้พบ

"ถ้าหาใครมาผูกปลายด้ายไม่ได้...ก็ตัดมันทิ้งเถอะ"

พอกันทีกับคำว่ารัก เธอเหนื่อยแล้วกับการวิ่งตามหา ถ้าชีวิตที่มีใครอีกคนมันวุ่นวายและทำให้หัวใจต้องเหนื่อยนัก การเลือกอยู่นิ่ง ๆ เพียงลำพังคงไม่แย่เท่าไร


ชนิศาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา เปิดแอพลิเคชันที่เธอใช้เขียนข้อความเล่น

...แด่ใครบางคน ที่หลงวนในโลกอันกว้างใหญ่...

คุณเหนื่อยหรือยังกับการวิ่งตามหา สักที่ให้หัวใจได้พักพิง
มันน่าเศร้านะ ถ้าเราจะฝากความสุขไว้กับใครบางคนที่เรายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเป็นใคร
หัวใจบางดวงอาจสบายใจกับการหยุดพัก ในที่ที่ห้อมล้อมด้วยความรักและอบอุ่น

แต่อาจมีหัวใจบางดวง...ที่มีความสุขกับการโบยบินอย่างเสรี มากกว่าจะอยู่ที่ไหนสักแห่ง

บางครั้ง...บางคน...หัวใจบางดวง...

อาจต้องการเพียงแค่ค้นพบ ความสุข และความรักในคุณค่าของตนเท่านั้นเอง
เราอาจไม่ได้ต้องการความรักจากใคร...มากไปกว่าสักเหตุผลที่ทำให้เรารักตัวเอง

ฉันรักเธอ...เชรี...


-----
สวัสดีค่ะ....ไอซ์ชอบคำนี้มากกว่า ลาก่อน
เชรีเป็นหนึ่งในตัวละคนที่ไอซ์รัก เธอเป็นแค่เด็กผู้หญิงที่ยังคงค้นหาหัวใจตัวเอง งี่เง่าบ้าง งอแงหน่อย อ่อยมากไปนิด แต่เธอก็เป็นแค่เด็กผู้หญิงธรรมดา ๆ คนหนึ่ง

ที่บางครั้ง...ความรักถูกนำไปเป็นเงื่อนไขของความสุข
จนกว่าเธอจะรักตัวเองเป็น จนกว่าเธอจะหยุดค้นหาและเข้าใจ

ว่าสำหรับหัวใจบางดวง การได้รัก แต่งงาน มีครอบครัว ไม่ได้สำคัญเท่าการค้นพบความฝัน และความสุขของตนเอง

ไอซ์เป็นคนหนึ่งที่ลุ้นให้พี่กานต์กับเชรีรักกัน แต่ต้องขอโทษจริง ๆ ค่ะ ไอซ์ไม่สามารถเปลี่ยนใจใครได้
พี่กานต์วางเชรีไว้ในเฟรนด์โซนตั้งแต่แรก และไม่ได้ใส่ใจเธอมากพอจะเดินเข้ามาหา หรือยื่นมือเข้ามาก่อน
เชรีเอง...ก็ไม่ได้รักพี่กานต์ตั้งแต่แรกแล้ว สิ่งที่เธออยากได้ก็แค่การเคียงข้าง และศรัทธาที่เท่าเทียมกัน

ขอบคุณทุกท่านที่ให้ความเอ็นดูเชรีมาโดยตลอดนะคะ

คุณปรางขวัญ : มิน่าล่ะ ตาเฒ่าบ่นว่าตั้งแต่ไอซ์เขียนให้เชรีบ่นถึง ตาเฒ่าก็จามบ่อยขึ้นเหมือนจะเป็นหวัดล่ะค่ะ

คุณคิมหันตุ์ : นี่ไอซ์แทบจะปั้นตุ๊กตาดินผูกด้ายแดง ลงยันต์ตราสังข์เลยนะคะ แต่คนไม่ใช่ยังไงก็ไม่ใช่เนอะ

คุณ goszy : ถถถ จริง ๆ ตอนเขียนบทนี้ไอซ์เชียร์คุณไนท์ล่ะค่ะ


----
แอบฝากเรื่องใหม่ เพิ่งพิมพ์ได้แค่ชื่อเรื่อง ถถถ
เซียงกั่งแมน ไอเลิฟยู

แล้วมาแอ่วหนุ่มฮ่องกงด้วยกันนะคะ

คิดถึงทุกท่านค่ะ



ลิขิตรา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 พ.ย. 2559, 10:42:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 พ.ย. 2559, 10:42:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 1343





<< The Temperance   
ปรางขวัญ 30 พ.ย. 2559, 00:17:37 น.
รักเชรี และคิดถึงตาเฒ่าจันทราค่ะ


คิมหันตุ์ 30 พ.ย. 2559, 00:29:27 น.
เดี๋ยววววววววววววว พาคุณไนท์มาให้อยาก แล้วพรากเขาไปซะงั้น...งอแงใส่ได้ไหมคะขุ่นไอซ์.....

สงสารเชรี แต่บางทีรักตัวเองก่อนก็จะดีกว่าจริงๆค่ะ


goszy 3 ธ.ค. 2559, 19:48:51 น.
ตกลงแฟนเก่าเชรีชื่อไรหว่าาา


sunflower 8 ส.ค. 2560, 03:25:32 น.
กลับมาอ่านอีกรอบบ คิดถึงมากค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account