เจ้าหัวใจแดนเถื่อน
เพราะเงื่อนไขของบุพการี ‘ทรรศิกา’ จำต้องไปใช้ชีวิตที่บ้านนอกคอกนา เป็นเวลาหนึ่งเดือน และที่นั่นเองเธอก็ได้พบกับ ‘เขา’ หนุ่มหล่อคมเข้ม ที่มีทั้งความเถื่อนและอ่อนโยนจนเริ่มทำให้หัวใจของเธอหวั่นไหว

เพราะคิดว่าเป็นคุณหนูจากเมืองกรุงประเภทเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ ทำให้ ‘อคิราภ์’ รู้สึกไม่ชอบ ‘ทรรศิกา’ ตั้งแต่ยังไม่เห็นหน้า
แต่ตัวจริงที่สวยราวกับนางฟ้าเดินดิน ทำเอาหัวใจเขาถึงกับหวั่นไหว นานวันยิ่งใกล้ชิดเขาก็ไม่อยากให้เธอจากไป อยากให้มาเป็น เจ้าหัวใจในแดนเถื่อน แห่งนี้ แต่ทว่าเขาจะทำอย่างไร เมื่อสาวเจ้ากลับมีเจ้าของจับจองหัวใจอยู่แล้ว

“วันหลังเวลาขอของจากผู้ใหญ่หัดพูดให้มันเพราะๆ หน่อยสิ...เอ้า เอาไปไม่เห็นน่าพิศวาสตรงไหนไซส์อนุบาลซะขนาดนั้น”
หลังจากแกล้งจนพอใจ มือหนาจึงวางเสื้อชั้นในตัวน้อยพาดลงบนบ่าของหญิงสาว ที่ยืนหน้าตูมหายใจฟืดฟาด ก่อนจะพาร่างสูงของตัวเองเดินหายเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่สนใจคนที่ยืนตัวสั่น เพราะโกรธและอายที่โดนดูถูก
“อะ...ไอ้บ้า! ไซส์อนุบาลบ้านคุณนะสิคัพบี จำไว้เลยนะ...โธ่เอ๊ย! ตัวเองเหมือนกับหนอนใบชาล่ะสิถึงได้มาว่าคนอื่นทุเรศ”
มือหนาที่กำลังจะดึงผ้าเช็ดตัวออกจากเอว เปลี่ยนมายืนถอนหายใจหนักๆ เอากับเขาสิยัยคุณหนูผู้ไม่รู้จักแพ้ เดี๋ยวได้รู้สึก ชายหนุ่มคิดอย่าหมั่นเขี้ยว
“ดูถูกใช่ไหม หนอนใบชาใช่ไหม...ได้...อย่างนี้มันต้องพิสูจน์ให้เห็นกับตา”
Tags: นิยายรัก,โรแมนติก,เกศมณี,รดามณี,ไหมขวัญ,ทำมือ,บ้านนอก

ตอน: ตอนที่ 6 >>> 50%

6



เช้ามืดวันรุ่งขึ้นทรรศิการีบตื่นขึ้นมาอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันตั้งแต่ตีสองครึ่ง เพื่อว่าตีสามเธอจะได้ออกเดินทางไปตลาดพร้อมอคิราภ์ โดยที่ชายหนุ่มจะมากล่าวหาว่าเธอตื่นสายไม่ได้



เมื่อแต่งตัวเสร็จหญิงสาวจึงรีบลงมานั่งรอชายหนุ่มที่แคร่ด้านล่าง ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดู ก่อนจะสอดส่องสายตาไปที่บ้านทรงไทยหลังเล็ก แล้วริมฝีปากบางก็ขยับบ่นงึมงำ เพราะอีกไม่กี่นาทีเข็มสั้นก็จะชี้เลขสามอยู่แล้ว เธอยังเห็นแม้เงาของคนที่กลัวคนอื่นจะตื่นสายโผล่มา เบื่อจริงๆ เลยพวกชอบว่าคนอื่นตัวเองกลับมาสายเองซะนี่



เสียงบีบแตรดังลั่นทำให้ร่างสมส่วนที่นอนฟังเพลงจากมือถือรออยู่บนแคร่รีบลนลานลุกขึ้นทันที ก่อนจะปลดสมอลทอล์คออกจากหูแล้วดึงมันยัดเข้ากระเป๋าสะพายใบเล็ก แล้ววิ่งไปหารถกระบะกลางเก่ากลางใหม่แต่ดูดีกว่าคันที่เขาขับไปรับเธอที่สถานีรถไฟวันนั้นเยอะ ด้วยใบหน้าบึ้งตึง



“นี่คุณทำไมมาช้าจัง ฉันรอจนจะหลับอยู่แล้วนะ บอกให้คนอื่นตื่นเร็วๆ ทีตัวเองล่ะตื่นสาย”



หญิงสาวบ่นเขาพลางสะบัดหน้าหนีอย่างเคืองๆ



“ผมขอโทษแล้วกัน พอดีผมท้องเสียนิดหน่อย”



ทรรศิกาเอียงหน้ามองอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อคำแก้ตัวของเขามากนัก ก่อนจะก้มหน้าเข้าไปใกล้ๆ แล้วหรี่ตามองหน้าคมเข้มนั้นอย่างจับผิด



“จริงหรือ...”



“แล้วแต่จะคิด”



เสียงทุ้มตอบกลับอย่างไม่แยแสว่าคนฟังจะเชื่อหรือไม่เชื่อ ขณะนั้นเองอคิราภ์ก็ต้องตกใจ เมื่อมือบางยื่นมาประคองใบหน้าของเขาเอาไว้ พร้อมกับจับเอียงซ้ายเอียงขวา ราวกับว่ากำลังเลือกแตงโมอยู่กระนั้น ดีไม่เคาะดูว่าถ้าผ่ามาแล้วเนื้อข้างในจะแดงหรือเปล่า



“แล้วจะไปตลาดไหวหรือเปล่า ถ้าไม่ไหวฉันขึ้นไปบอกคุณน้าให้เอาไหม”



หญิงสาวถามอย่างเป็นห่วง ยิ่งเห็นใบหน้าที่ซีดในตอนแรกเปลี่ยนเป็นแดงก่ำก็ยิ่งใจไม่ดี อคิราภ์เงยหน้าขึ้นมองใบหน้าตื่นที่กำลังจ้องหน้าเขาอย่างพินิจพิเคราะห์ ก่อนจะใช้นิ้วดีดหน้าผากมนของเธอที่ยื่นเข้าใกล้เกินความจำเป็น ไปหนึ่งที



“โอ๊ย! อีตาบ้าดีดเข้ามาได้ฉันเจ็บนะ คนอุตส่าห์เป็นห่วง”



ทรรศิกาถอยออกห่างจากชายหนุ่มโดยอัตโนมัติพร้อมกับใช้มือลูบบริเวณที่โดดดีดป้อยๆ



“แค่นี้เองผมไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกน่า...มาขึ้นรถซะทีสิ เสียเวลาไปเยอะแล้วนะ หรือเปลี่ยนใจจะไม่ไป”



“ไปสิ ถ้าไม่ไปจะมานั่งรอนอนรอคุณตั้งแต่ไก่ยังไม่ขันทำไมกัน”



หญิงสาวเดินปั้นปึ่งอ้อมไปขึ้นรถอีกฝั่ง เมื่อขึ้นมานั่งในรถ เธอก็กอดอกเชิดหน้าใส่เขาอย่างขัดใจ



“เอาเป็นว่าผมขอโทษอีกครั้งแล้วกัน และต่อไปอย่าทำอย่างนี้อีกมันอันตรายรู้ไหม”



อคิราภ์หมายถึงการที่หญิงสาวลงมารอเขาข้างล่างตามลำพังทั้งที่ฟ้ายังไม่สาง และรวมไปถึงที่เธอยื่นหน้าเข้ามาใกล้เขาจนเกินไป โดยไม่ระวังตัวแม้แต่น้อย



“เรื่องอะไร” หญิงสาวถามเสียงกระแทก



“แล้วเรื่องอะไรล่ะที่ผู้หญิงเขาไม่ควรทำน่ะ”



“เรื่องที่ฉันนอนรอคุณอยู่ใต้ถุนบ้านใช่ไหม ฉันไม่เห็นว่ามันจะเลวร้ายตรงไหนเลยไม่ได้ไปนอนที่อื่นสักหน่อย ใต้ถุนก็สว่างโล่ซะขนาดนั้น”



หญิงสาวเบ้ปากพลางยักไหล่ ไม่สนใจสายตาดุที่เขาส่งมา



“ถึงจะที่บ้านก็เถอะอาจจะถูกทำมิดีมิร้ายเอาก็ได้ ข่าวตามหน้าหนังสือหรือทีวีมีให้เห็นถมไป นอนอยู่ในบ้านยังถูกข่มขืนได้เลย”



อคิราภ์พูดเตือนอย่างหวังดี แม้เธอจะเดาเรื่องที่เขาอยากจะเตือน ถูกเพียงแค่เรื่องเดียวก็ตาม ขณะที่มือก็บังคับพวงมาลัยให้เคลื่อนรถออกจากบริเวณหน้าบ้าน มุ่งหน้าไปยังตลาดที่อยู่ในตัวอำเภอ



“ขอบคุณที่เป็นห่วง ว่าแต่คุณเถอะอาการเป็นไงบ้าง...บ่นได้ขนาดนี้แสดงว่าคงไม่เป็นไรแล้วมั้ง”



ทรรศิการับปากเสียไม่ได้ มาคิดดูแล้วมันก็จริงอย่างที่เขาบอก แต่ก็อดหมั่นไส้ท่าทีถือดีนั้นไม่ได้เธอจึงพูดกัดเขาไปบ้างนิดหน่อย



“ทำไม เป็นห่วงผมเหรอ”



ชายหนุ่มละสายตาจากถนนหันมาเลิกคิ้วถามอย่างยียวน



“บ้า ไม่ใช่ซะหน่อย ฉันแค่กลัวไม่มีใครพาไปเที่ยวตลาดต่างหากล่ะ”



ทรรศิกาเอ่ยแก้ตัวพร้อมกับมองค้อนชายหนุ่มตาคว่ำ



“นึกว่าจะมีคนเป็นห่วงเราซะอีก...แต่ถ้าจำไม่ผิดก่อนขึ้นรถใครกันนะ ที่บอกว่าเป็นห่วงเรา สงสัยจะหูฝาด”



ชายหนุ่มหันไปมองถนนอย่างเดิม พร้อมกับเอ่ยขึ้นลอยๆ แต่สายตาแพรวพราวก็คอยเหลือบมองใบหน้าที่เริ่มแดงระเรื่อของทรรศิกาเป็นระยะ



“ฉันไม่พูดกับคุณแล้ว...นอนดีกว่า...ถึงตลาดอย่าลืมปลุกฉันด้วยละ”



หญิงสาวตัดบทปฏิเสธการสนทนา โดยการปิดเปลือกตาลงหนีความอาย ในตอนแรกหญิงสาวกะว่าจะแกล้งหลับ เพื่อหลบสายตาคมนั้น แต่ผ่านไปไม่นานเธอก็หลับคอพับแบบไม่รู้เรื่อง ลำบากอคิราภ์ต้องจอดรถแล้วปรับเบาะเพื่อให้หญิงสาวได้นอนสบายขึ้น



ชายหนุ่มมองหน้าสวยใส ที่อยู่ตรงหน้าห่างเพียงไม่กี่คืบพยายามหักห้ามใจ เพราะการที่เขาจะปรับเบาะมันต้องคร่อมผ่านร่างสมส่วนที่นอนหลับอยู่ โดยที่เจ้าตัวไม่ได้รู้เรื่องเลยว่ากลิ่นหอมอ่อนๆ จากแก้มนวลนั้น ได้สร้างความหวั่นไหวให้ผู้ชายตัวโตๆ อย่างเขามากมายนัก และในจังหวะที่อคิราภ์กำลังจะผละออกมาหญิงสาวก็ขยับตัวเป็นผลให้ปลายจมูกโด่งของเขาเฉียดไปโดนแก้มนวลอย่างไม่ได้ตั้งใจ ร่างสูงชะงักอยู่เพียงครู่ ก่อนริมฝีปากหนาจะแย้มยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์



“ไหนๆ ก็ได้โดนแบบเฉียดๆ แล้ว ขอแบบเต็มๆ สักครั้งเถอะนะคุณหนู”



พูดจบชายหนุ่มก็ก้มลงสูดความหอมจากแก้มนวลทั้งสองข้างฟอดใหญ่ แล้วผละออกมาทิ้งตัวลงนั่งกลับไปที่เดิม ด้วยใบหน้าที่เปื้อนรอยยิ้ม เขาไม่คิดว่าตัวเองจะบ้าขนาดแอบหอมแก้มผู้หญิงตอนหลับ ชายหนุ่มคิดพลางหัวเราะหึๆ ในลำคอ แล้วหันไปมองคนถูกเขาแอบหอมแก้มด้วยความรู้สึกที่บอกไม่ถูกอีกครั้ง ก่อนจะค่อยๆ เคลื่อนรถออกจากบริเวณนั้น พร้อมกับฮัมเพลงไปตลอดการเดินทางอย่างอารมณ์ดี







หลังจากขับรถวนหาที่จอดอยู่นาน รถกระบะกลางเก่ากลางใหม่ของอคิราภ์ก็วิ่งไปเสียบแทนที่รถอีกคันที่เพิ่งวิ่งออกไป ชายหนุ่มขยับรถจนเข้าที่แล้วดับเครื่องเตรียมจะลง แต่ก่อนลงก็ไม่ลืมที่จะปลุกที่นอนหลับสบายมาตลอดทาง



“คุณ...คุณตื่นได้แล้ว ถึงแล้วนะ”



เงียบไม่มีเสียงตอบรับ มีเพียงการการขยับตัวเปลี่ยนอิริยาบถเล็กน้อยของคนที่ถูกเรียก หลังจากนั้นก็นอนนิ่งหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ แสดงให้รู้ว่าหญิงสาวหลับลึกจริงๆ



“เจ้าหญิงขี้เซาสงสัยต้องให้เจ้าชายปลุกด้วยจุมพิตซะละมั้งถึงจะตื่น ถ้าปลุกอีกครั้งไม่ตื่นจะทำจริงๆ เลยเอ้า”



อคิราภ์ยิ้มอย่างเจ้าเล่ห์ พร้อมกับเขย่าร่างสมส่วนนั้นอีกครั้ง



“คุณๆ ตื่นๆ หลับลึกขนาดนี้คิดว่านอนอยู่ที่บ้านหรือไงกัน...ตื่นสิคุณ ถ้าไม่ตื่นจะจูบละนะ”



ไม่ขู่เปล่าชายหนุ่มยังยื่นหน้าเข้าไปใกล้จนได้กลิ่นหอม ที่เขาเคยได้ลิ้มลองมันมาแล้วครั้งหนึ่ง จนติดใจอยากจะลองอีกสักครั้ง และในจังหวะที่เขากำลังสูดกลิ่นหอมนั้นอย่างเพลินๆ เปลือกตาที่ปิดของทรรศิกาก็เปิดขึ้น



“กรี๊ดดด! / เฮ้ย!”



เสียงทุ้มกับเสียงแหลมร้องขึ้นมาพร้อมกัน ขณะที่มือบางก็ตบตีไปทั่ว ไม่ว่าจะเป็นที่หน้าหรืออกกว้าง โดยคนที่ถูกทำร้ายอย่างอคิราภ์ไม่ทันตั้งตัวจึงโดนไปหลายดอก



“ไอ้บ้า คุณกำลังจะทำอะไรฉัน! หรือว่า...หรือว่าคุณกำลังจะลักหลับฉัน...ไอ้คนลามกจกเปรต แม้แต่ในรถก็ไม่เว้น ไม่รู้จักอาย”



“โอ๊ย! คุณหยุดบ้าได้แล้ว ใครจะไปทำอะไร ผมแค่ปลุกคุณให้ตื่นเฉยๆ และที่ยื่นหน้าเข้าไปใกล้แค่จะพิสูจน์ดูว่ายังมีชีวิตอยู่หรือเปล่าก็เท่านั้นเอง”



มือหนารวบมือบางเอาไว้ แล้วดึงร่างสมส่วนมาชิดอก ก่อนจะตะคอกเสียงดัง เพื่อระงับอาการคลุ้มคลั่งคิดเองเออเองฝ่ายเดียวของหญิงสาว



“กะ...ก็ใครจะไปรู้ละ ลืมตาตื่นขึ้นมาก็เห็นหน้าคุณอยู่แค่คืบ ก็นึกว่าคุณกำลังจะทำมิดีมิร้ายฉัน”



ใบหน้าสวยที่แดงก่ำเพราะความอายผสมความโกรธ สะบัดเชิดขึ้นอย่างถือดีความง่วงงัวเงียไม่มีให้เห็น เพราะมันหายไปตั้งแต่ลืมตาขึ้นมาก็เจอใบหน้าเข้มๆ เถื่อนๆ ลอยอยู่ใกล้แค่คืบ และมันก็ใกล้ซะจนรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นๆ ของเขา ที่เป่ารดบริเวณพวงแก้ม พานทำให้เธอใจเต้นระส่ำไม่เป็นจังหวะ



“ช่างมันเถอะ ตอนนี้เราเสียเวลามากแล้ว นี่ดูสิออกจากบ้านมาตั้งแต่ตีสี่กว่าตอนนี้จะตีห้าอยู่แล้วยังไม่ได้ลงจากรถเลย”



“เพราะคุณนั่นแหละ” เธอโยนความผิดให้กับอีกฝ่าย สะบัดมือให้หลุดออกจากเกาะกุม แล้วผลักเข้าที่อกกว้างนั้นเต็มแรง ก่อนจะรีบเปิดประตูลงจากรถทันที



“ยัยบ้าเอ๊ย มาโทษเราได้เพราะตัวเองนั่นแหละนอนขี้เซา”



อคิราภ์บ่นงึมงำตามหลังคนที่ชิงลงรถไปก่อน ขณะที่ตัวเองยังง่วนหาโพยจดรายการของที่จะต้องซื้อ เขาจำได้ว่า เมื่อเช้ารีบมากเลยโยนมันใส่ลิ้นชักหน้ารถพร้อมกับกระเป๋าเงินนี่นา แต่ทำไมมันเจอแต่กระเป๋าเงินละเนี่ย



ผ่านไปพักใหญ่ทรรศิกาที่ลงมายืนรอนอกรถ ก็ได้แต่รอแล้วรอเล่าเฝ้าแต่รอๆๆๆ ก็ยังไม่เห็นร่างสูงของชายหนุ่มโผล่ลงมาจากรถเสียที เมื่อเห็นว่ามันนานมากเธอจึงตัดสินใจกลับไปกระชากประตูรถให้เปิดออก แล้วชะโงกหน้าเข้าไปเรียกเขาอย่างหงุดหงิด



“นี่คุณจะซื้อไหมของน่ะ หรือจะรอให้ตลาดวายก่อน เร็วๆ”



“เออๆ เจอแล้วๆ”



อคิราภ์รีบพับเก็บโพยกระดาษที่ตัวเองเป็นคนยัดมันใส่กระเป๋าเงินเอาไว้เองแล้วลืมกลับเข้าไปที่เดิม ก่อนจะลงจากรถไปอย่างเร่งรีบ



“เอาคุณ ไปกันได้แล้ว”



เรียกเสร็จร่างสูงก็เดินดุ่มๆ ไปโดยไม่คิดจะรอคนถูกเรียกแม้แต่น้อย ปล่อยให้เธอต้องวิ่งตามอย่างกลัวหลง



“นี่คุณรอฉันด้วยสิ จะรีบไปไหน ควายหายหรือไง ห๊า!”



“อ้าว...ก็นึกว่าเดินตามหลังมา ใครจะรู้ว่าคุณตามไม่ทันล่ะ...กลัวหลงใช่ไหม มา”



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ดาวโหลด Ebook ได้ที่
- MEB
- hytexst
- ebook

ขอบคุณทุกการติดตามนะคะ ^_^



เกศมณี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 30 พ.ย. 2559, 20:42:27 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 พ.ย. 2559, 20:42:27 น.

จำนวนการเข้าชม : 817





<< ตอนที่ 5 >>> 100%   ตอนที่ 6 >>> 100% >>
แว่นใส 30 พ.ย. 2559, 21:25:19 น.
จับมือเดินเลย


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account