Sweetheart รักละมุนอุ่นหัวใจ
เมื่อความรักเป็นเรื่องไม่เข้าใครออกใคร เมื่อเจอแล้วต้องจับไว้ให้แน่น เช่นเดียวกับ 'อัษฎางค์' ที่ไม่ปล่อยให้ 'รดา' ต้องหลุดมือไป ทว่าคนที่ผิดหวังกับความรักอย่าง 'รดา' จะมั่นใจหนุ่มเจ้าสำราญอย่างเขาได้อย่างไร ความรักครั้งนี้เหมือนจะเป็นเรื่องของคนสองคน แต่ยังมี 'มิรันตี' ถูกดึงมาร่วมเกมรักอย่างเลิี่ยงไม่ได้ เรื่องราวชักจะอลหม่านแล้วสิ
Tags: Sweetheart รดา
ตอน: บทที่ี่่่ี่่่ี่ 14 ขอบใจนะ
บทที่ 14
ขอบใจนะ
แม้ว่ามิรันตีจะกลับไปอยู่กับอัษฎางค์ เพลงบรรเลงของ Mozart จากคุณยายที่ไม่ค่อยจะเห่อคุณหลานกยังคงขับกล่อมให้ความไพเราะกับผู้คนทั้งบ้านเป็นประจำทุกเช้า แต่ไม่ใช่กับลูกสาวจิตป่วนของคุณหญิงรดีสุดา
รดาเอาหมอนใบนุ่มปิดหูอย่างหงุดหงิด คิ้วเรียวขมวดอย่างขัดใจ ก่อนนึกได้ว่าความเครียดเป็นเพื่อนกับริ้วรอยที่จะมาแผ้วพานใบหน้าสวยๆ ของเธอ หญิงสาวจึงปั้นหน้ายิ้มทั้งที่ใจขุ่นคลั่กเป็นตะกอนข้น รดารู้ได้โดยไม่ต้องส่องกระจกให้เสียเวลาว่ารอยยิ้มของตนนั้นนั้นคงพิลึกเต็มทน
จะบ้าตาย เพลงบ้าอะไรเนี่ย
รดาโวยวายในใจ เห็นทีเธอต้องใช้มาตรการเด็ดขาดกับมารดา ไม่ให้เปิดเพลงสยองชวนขนลุกแบบนี้เสียแล้ว หญิงสาวกระแทกเท้าเดินเข้าห้องน้ำขณะที่เปิดเพลงจากไอพอดคู่กาย หวังให้เสียงเพลงสากลที่ตัวเองชอบขับกล่อมจิตใจไม่ให้อาละวาดด้วยการเดินไปหักแผ่นซีดีที่กำลังเล่นอยู่ขณะนี้ แล้วกระทืบซ้ำอย่างขัดใจ
“คุณหญิงแม่นะคุณหญิงแม่ ไม่มีเซ้นส์ในการเลือกเพลงซะเลย อี๋”
เป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมงที่รดาขังตัวอยู่ในห้องน้ำ หญิงสาวว่างจัดจนกระทั่งแย่งหน้าที่คนใช้ทำ จัดการล้าง ขัด ถู ทุกอณูของห้องน้ำ
“นี่แน่ะๆๆ ไอ้พี่ธามบ้า ชิ เกลียดนัก...คนสวยอารมณ์เสีย”
โดยไม่รู้ตัว รดาก็คิดถึงอัษฎางค์ แล้วนึกฉุนกับอาการโมโหแล้วพาลของชายหนุ่มไม่ได้ รดาจินตนาการว่าพื้นกระเบื้องนั้นเป็นหน้าอัษฎางค์ แล้วออกแรงถูๆ ขัดๆ เต็มแรง
“ด้วยแรงรัก แรงแค้นเลยนะเนี่ย” รดาพิจารณาห้องน้ำที่สะอาดเอี่ยมอ่องอย่างพึงพอใจ
เมื่อเห็นว่าจะคร่ำครวญต่อก็ไม่มีประโยชน์อะไร รดาจึงสุขีสโมสรกับการขัดสีฉวีวรรณตัวเอง บรรจงแต่งตัวให้สมกับเป็นสาวมั่นตลอดกาล แต่เมื่อเห็นพุงน้อยๆ ของตัวเองที่กลับมาก็ทำให้รดาเริ่มปลงกับชีวิตตัวเอง ที่มีแฟนแล้วปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้อ้วนฉุเหมือนครั้งก่อนถ่ายแบบชุดว่ายน้ำ
รดาเปิดตู้เสื้อผ้าหาชุดกีฬาที่เจ้าตัวลืมไปแล้วว่าใส่มันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ เมื่อหาเจอ หญิงสาวก็เก็บมันใส่กระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็ก จากนั้นก็จัดการโยนสารพัดขนมในกระเป๋าแคนวาสลงถังขยะ
“พร้อมกับการเหล่หนุ่มกล้ามโตอีกครั้ง” รดาให้กำลังใจตัวเองขณะแขม่วพุงตัวเองในกระจก
มือบางที่กำลังเลือกรองเท้ากีฬาในตู้รองเท้าชะงักเมื่อได้บินเสียงเคาะประตูสามครั้งที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้เป็นมารดาดังขึ้น จากนั้น คุณหญิงรดีสุดาก็เปิดประตูห้องเข้ามาเรียกลูกสาวอย่างเร่งรีบ
“สายแล้วค่ะคุณลูก”
เสียงทักทายในตอนเช้าของมารดาทำให้รดาหันไปมอง ก็พบว่ามารดาของเธอนั้นตีผมโป่ง หน้าเด้ง สวมชุดสูทสีครีมสง่าเป็นนัยว่าเตรียมไปทำงานแล้ว
“ตายแล้ว รดาลืมบอกคุณหญิงแม่ว่ารดาลาออกจากงานแล้ว” หญิงสาวทำท่านึกได้ ยกมือทาบอกพร้อมกับทำเสียงตกอกตกใจอย่างที่ซ้อมจากหน้ากระจกนานสองนาน พร้อมทั้งลนลานหาซองเอกสารสีน้ำตาลส่งให้มารดา
“หนูลาออกแล้วเหรอคะ ตั้งแต่เมื่อไหร่” คุณหญิงรดีสุดาก็พลอยตกใจไปด้วย ก็เห็นอยู่ว่าลูกสาวของเธอมีความสุขกับงานมากแค่ไหน
“เมื่อวานนี้ค่ะ” ใจจริงเธออยากบอกว่าเมื่อกี้นี้ แต่คำตอบนี้คงไม่ผ่านเซ็นเซอร์จากคุณแม่ขาแน่นอน
“อะไรกันลูกสาวคนนี้ ทำงานนะคะคุณลูก ไม่ได้เล่นขายของ” น้ำเสียงบ่นอย่างไม่จริงจังนักของมารดาทำให้เธอหน้างอ
“โธ่ คุณหญิงแม่ก็...รดาไม่ได้เล่นขายของนะคะ รดารู้ว่าอะไรเหมาะหรือไม่เหมาะกับรดา ในเมื่อมันไม่ใช่ รดาก็ไม่ทู่ซี้ทำต่อหรอกค่ะ”
“เฮ้อ...” คุณหญิงรดีสุดามองลูกสาวคนเล็กอย่างค้นคว้า ก่อนพูดต่อว่า “ไม่เหมาะก็ไม่เหมาะ แม่ก็ว่าอะไรไม่ได้อยู่แล้วนี่”
“ขอบคุณนะคะที่เข้าใจรดา” รดาเอาใจมารดาด้วยกันหอมแก้มฟอดใหญ่
“ไม่ต้องมาอ้อนเลยนะ”
“รดาไม่ได้อ้อนสักหน่อย...รดาแค่อยากหอมแก้มคุณหญิงแม่ที่เข้าใจรดา” รดาทำตาโตบอกกับคุณหญิงรดีสุดาด้วยมาดนางเอกแสนซื่อ ก่อนทำท่านึกขึ้นได้ แล้วเข้าไปหยิบซองเอกสารส่งให้มารดา “รดาฝากคนขับรถเอาซองนี้ให้พี่ธามด้วยนะคะ...ไปทำงานดีๆ นะคะคุณแม่ สายแล้ว เดี๋ยวรถจะติดค่ะ”
คุณหญิงรดีสุดาผู้เกลียดรถติดยิ่งชีพบ้าจี้รับซองเอกสารจากลูกสาว แล้วรีบไปทำงาน ไม่ได้สนใจว่าโรงแรมเศวตกุลกับ Disco พาเพลินอยู่คนละมุมเมืองกันเลย!!
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
อัษฎางค์ยังงงๆ กับคำพูดของคนขับรถบ้านนั้นที่แวบไปแวบมาราวกับนินจา เผลอแป๊บเดียวก็สตาร์ทรถขับบรืนออกไปแล้ว
‘บ้านนั้น’ คือบ้านของว่าที่แม่ยายของเขานั่นเอง ที่บอกว่าซองจดหมายของรดาที่ฝากคุณหญิงรดีสุดามา แล้วคุณหญิงรดีสุดาฝากเขามาให้อัษฎางค์อีกที ถึงตอนนี้ชายหนุ่มเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมบางครั้งรดาถึงพูดไม่ค่อยจะรู้เรื่อง คงมีผลมาจากสภาพแวดล้อมนั่นเอง!
ซองเอกสารสีน้ำตาลขนาดกระดาษเอสี่ที่วางอยู่บนโต๊ะ อัษฎางค์กำลังพิจารณามันอย่างแปลกใจ เขานึกว่าเธอจะส่งซองสีขาวมาซะอีก
ค่อยโล่งใจหน่อย
เสียงคัตเตอร์เสียวไส้ ชายหนุ่มค่อยๆ กรีดมันอย่างระมัดระวังราวกับซองสีน้ำตาลเข้มเป็นสมบัติพันล้านจนต้องระมัดระวังไม่ให้เสียหาย อาจเป็นจดหมายของเธอก็ได้ ทว่าเมื่อสิ้นคมของคัตเตอร์ มือหนาคลี่ซองออก ข้างในซองนั้นมีเพียงซีดี
ใช่ซีดี...ซีดีเปล่าๆ แผ่นสีข่าว ที่มีคำว่า Princo
เหอๆ วงดังซะด้วย Princo เชียวนะไอ้ธาม
Princo Oh Oh Oh!!?
เสียงกระซิบที่ก่อกวนจู่โจมด้วยน้ำเสียงกวนๆ ยั่วโทสะคนที่กำลังผิดหวังในความรักได้ดีเยี่ยม เขาไม่อยากหงุดหงิดใจไปมากกว่านี้ ใช้นิ้วชี้ดึงแผ่นซีดี เปิดคอมพิวเตอร์
เสียงดนตรีเพราะๆ ตามด้วยเสียงใสๆ ของแพรว คณิตกุลหงุงหงิงทำให้อัษฎางค์ที่ตั้งใจฟังทุกคำ ทุกประโยคเกือบลืมหายใจไปชั่วขณะ
...อย่ายื้อให้เหนื่อยใจ หากเธอไม่เป็นตัวเอง
อย่าฝืนทำต่อไปอีกเลย เพื่อให้เรารักกัน
ขอบใจนะที่ครั้งหนึ่งเธอเคยยอมฝืนใจตัวเอง
ขอบใจนะฉันรู้ว่าเธอทำดีที่สุดแล้ว
อย่างน้อย ครั้งหนึ่งที่พยายามทุ่มเท
อดทนให้กัน แค่นั้นก็ดีมากมาย...
โอ้ว ไม่นะ เขายังไม่อยากเลิกกับเธอ เขายังไม่ได้อืม...เธอเลย เอ๊ย เขาร๊ากเธอ เออ เออ
เสียงเอคโคของหัวใจอัษฎางค์เรียกร้องให้ชายหนุ่มรีบทำอะไรสักอย่างก่อนที่จะสูญเสียเธอไปตลอดชีวิต ครั้นจะไปตามง้อสาวเจ้าก็ไม่อาจทำได้ เพราะต้องรับภาระดูแลน้องสาวอย่างมิรันตี อีกทั้งยังต้องดูแลการทำงานของทีมบริหารที่เขาจ้างมาบริหาร Disco พาเพลินอีกต่างหาก
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
สองเดือนต่อมา
เคี้ยงนั่งหน้าเครียด ลูบหนวดตรงปลายคางที่เริ่มทิ่มแทงเนื้ออ่อนๆ ของเขา นึกเกลียดชังหญิงสาวที่ผมดำขลับยาวถึงกลางหลังยิ่งหนัก ภาพเสื้อผ้าที่ไม่เรียบร้อยของเธอฉายอีกครั้งในหัว
ใบหน้าของเคี้ยงเครียด และเย็นชาจนน่ากลัว เขาเองก็ใช่ว่าจะสนิทกับครอบครัวของเรวัตนัก แต่สิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นทำมันไม่ถูกต้อง
บ่ายวันนั้น เขามีธุระจะคุยกับเรวัต จะว่าไปแล้ว เขาไปถึงโรงแรมพร้อมๆ กับมิรันตีเลยด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนร่างบาง ใบหน้าซีดเซียว ทำหน้าครุ่นคิดราวกับมีเรื่องในใจจนไม่ได้สังเกตว่า ‘เขา’ อยู่ตรงนั้น
เคี้ยงทราบจากเรวัตว่าวันๆ น้องสาวคนเดียวของเรวัตเอาแต่หมกตัวอยู่ที่ฟิตเนส จนตอนนี้หุ่นของเธอเพรียวระหง ไม่ใช่สาวอวบคนเดิมอีกต่อไป แต่น้ำหนักที่หายไปของรดาก็เหมือนว่าจะพาความสดใสของเธอไปด้วย ดังนั้นชายหนุ่มตัดสินใจเข้าไป ‘แส่’ เรื่องนี้ เนื่องจากเอ็นดูน้องสาวร่วมโลกอย่างรดาที่หนังสือพิมพ์ลงข่าวถึงความสัมพันธ์ที่อึมครึมกับคู่หมั้น
‘อ้าวพี่เคี้ยง พี่เรยังไม่กลับมาเลยค่ะ’ รดาเข้าใจว่าเขามาหาพี่ชาย เคี้ยงรีบแถลงไขว่าเขามีธุระกับเธอนั่นแหละ
‘รดาไปทำอะไรกับผมมาน่ะ’
‘อากาศร้อนๆ น่ะค่ะ’ เขาหรี่ตามองอย่างไม่อยากเชื่อนัก
‘นี่มันหน้าหนาวนะครับคุณน้อง ไม่เนียนเลย’ เมื่อโกหกอีกฝ่ายไม่ได้ จึงยอมเปิดปากเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้เคี้ยงฟัง
รดาไม่รู้เลยว่านั่นเป็นสิ่งที่เธอพลาดไปถนัด เพราะภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยที่นิ่งฟังเรื่องราวจากปากเธอนั้น ในหัวกลับหาเรื่องไปฟาดฟันกับสาวสวยนางนั้น
เธอสมควรจะชดใช้!!?
นักสืบเจ้าเดิมที่เคี้ยงใช้บริการยังให้การบริการดีเยี่ยม ภายในสี่สิบแปดชั่วโมง ชายหนุ่มนั่งอ่านข้อมูลของศัตรูในห้องนอน แสงไฟสลัว กลิ่นเหล้าคลุ้งไปทั่ว ขวดเบียร์จำนวนไม่น้อยกองเกลื่อนที่มุมห้อง แทบไม่มีเค้าของหนุ่มเจ้าเสน่ห์คนเดิมเลย
สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดคือ การหักหลัง ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือว่าลับหลังก็ตาม
เคี้ยงฉีกรูปที่เพิ่งได้รับมาเป็นชิ้นๆ นึกเสียดายว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เขาหมายตาไว้ ใบหน้าเก๋ๆ นั่นทำให้เขาผิดหวังมากทีเดียว
แฟนคนแรก เลิกรากันไปเพราะเธอมีใครอีกคนที่ดีกว่าเขา
แฟนคนที่สอง เลิกกันไปทั้งๆ ที่กำลังจะหมั้น เพราะเขาจับได้ว่าเธอ ‘ทรยศ’
หึ ผู้หญิง...เลี้ยงไม่เชื่อง
สำหรับผู้หญิงคนนี้ที่กำลังทำตัวเป็นมือที่สามของความรักคนอื่น ทำให้คู่รักของคนสองคู่แตกหัก เลวร้ายกว่าใครทั้งหมด
ไม่ใช่สิ เธอเป็นมือที่ห้าต่างหาก
ขณะเดียวกันนั้น ‘มือที่ห้า’ ของเคี้ยงกำลังถูกคิดบัญชีจากเรวัตโทษฐานที่ทำให้ทั้งเขา และน้องสาวต้องอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่เหลือเกิน
“โอ๊ย เจ็บนะ ไอ้บ้า” เปิ้ลลูบหัวตัวเอง หลับตาปี๋เมื่อเรวัตเตรียมเขกมะเหงกเธออีกรอบ
“แผนของแกไม่เห็นได้ผลเลยยัยไม้แขวนเสื้อ ฉันจะฆ่าแก แง่ง”
“ว้ายๆๆๆ อย่าทำฉันนะ” เปิ้ลเอามือง้างปากเรวัตที่เตรียมงับหูเธอ กระโดดลงจากเก้าอี้ทรงสูงติดเคาน์เตอร์ของบาร์ใต้โรงแรม
“ฮึ่ม ยัยไม้แขวนเสื้อ” เสียงห้าวทุ้มต่ำเมื่อเขากำลังเป็นจุดสนใจของคนทั้งร้าน
“โอ๊ะโอ เพื่อนฉันกลายเป็นหนุ่มขี้โมโหตั้งแต่เมื่อไหร่ แค่เมียไม่ยอมไปฮันนีมูนด้วยแค่เนี้ย คิดอะไรเพี้ยนๆ น่า”
“หึ แกจะรู้อะไรยัยไม้แขวนเสื้อ คนไม่มีแฟนอย่างเธอ”
เพี๊ยะ...เลือดไหลจากมุมปาก
“เอ่อ ช้านขอโทษ ปากเร็วไปหน่อย” เรวัตรีบขอโทษเปิ้ลที่นิ่งงัน
เปิ้ลหน้าชาราวกับโดนตบหน้าหงาย คนไม่มีแฟนยิ้มบางๆ ว่าไม่คิดมาก แต่ลึกลงไปใครจะรู้
“หลังจากแต่งงาน มิไม่ยอมไปฮันนีมูนกับฉัน โรมเชียวนะโรม เมื่อวานคิดว่าแผนรักหอมหวานของแกจะเป็นผล ที่ไหนได้ แม่คุณงอนฉันไปหาไอ้ธาม”
“อือฮึ” เปิ้ลทำท่ารับรู้
“แกก็รู้อยู่ว่าไอ้ธามกำลังดูๆ กับรดาอยู่ ไอ้หมอนั่นบ้าดีเดือดด่าน้องสาวฉันจนความรักร่อแร่แล้วก็เลิกรา”
“โอ้ ไม่นะ” เปิ้ลอุทาน ไม่คิดว่าเรื่องราวมันจะอีลุงตุงนังขนาดนี้
นี่เธอทำให้คู่ตุนาหงันแห่งปีต้องเลิกกันหรอ โอ้ จอร์จ??!
“เพราะฉะนั้น แก-ต้อง-รับ-ผิด-ชอบ” เรวัตเน้นทีละคำ
“อือ รู้แล้วน่า ขอเวลาฉันหน่อยสิ” เปิ้ลดูดแอปเปิ้ลนมสดที่เหลือครึ่งแก้วจนหมดแล้วกัดหลอดดูดอย่างใช้ความคิด
“คิดออกยัง” อีกฝ่ายเร่งเร้าเอาคำตอบ
“เดี๋ยวสิไอ้โง่ ของแบบนี้มันต้องใช้เวลาหน่อย ไม่ได้จู่ๆ จะคิดออก เข้าใจไหม”
วิญญาณผีกรรไกรเข้าสิงเปิ้ล ด้วยวิชาฝีปากเพราะที่สืบต่อกันจากรุ่นสู่รุ่นทำเอาเรวัตหัวหด เขาฝ่อกับคำว่า ‘ไอ้โง่’ ของเธอยิ่งนัก
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
บรรยากาศในคฤหาสน์หลังงามของคุณหญิงรดีสุดาช่างเงียบเหงาผิดกับเทศกาลครึกครื้นเช่นทุกปี คุณหญิงรดีสุดามองลูกสาวที่นั่งใจลอย วันๆ ไม่พูดไม่จา ส่วนลูกชายก็กำลังใช้ความพยายามในการตามหาหัวใจตัวเองกลับคืนมา
คุณหญิงรดีสุดามีคุณระรินทิพย์เป็นพรายกระซิบว่ารดากับอัษฎางค์กำลังงอนกันอยู่ แต่ดูเหมือนว่า ‘ทางนู้น’ ยุ่งจัดจนไม่มีเวลาง้อจนทำให้ ‘ทางนี้’ งอนหนักไปเลย
อัษฎางค์เพิ่งจะสามารถปลีกตัวมาจากงานกองโตได้ จึงเข้ามากราบเรียนคุณหญิงรดีสุดาโดยตรงว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับรดา ซึ่งคุณหญิงรดีสุดาก็ไม่ได้ว่าอะไร กลับให้กำลังใจชายหนุ่มให้ทำให้รดาใจอ่อน แถมยังอาสาเป็นกาวใจชั้นเยี่ยมอีกต่างหาก
“รดาเอ๊ย เรื่องความรักมันละเอียดอ่อนมากนะลูก อะไรนิดอะไรหน่อย ยอมได้ก็ยอมให้กันไป”
“โธ่คุณแม่คะ” รดาร้องอย่างขัดใจ นึกโทษอัษฎางค์ที่ง้อเธอไม่สำเร็จก็เข้าทางคุณหญิงแม่ที่ปลื้มลูกเขยคนนี้นักหนา
“คบแฟนให้เหมือนเพื่อน หนูทำได้ไหม”
“แฟนก็แฟนสิคะ เพื่อน...รดามีเยอะแล้วค่ะ” รดายังยวนมารดาไม่เลิก เพราะยังเคืองอัษฎางค์ไม่หายนั่นเอง
“ในเมื่อเขาสำนึกผิดแล้ว รดาก็ควรให้โอกาสเขา เขาอาจจะพูดรุนแรงไปหน่อย สมควรที่รดาจะโกรธเขา”
“สำนึกผิด...หึ ไม่สายไปหน่อยหรือคะ ตอนทำไม่รู้จักคิด” รดาว่าอย่างคนมีอารมณ์
“เขาก็บอกแล้วว่าตอนนั้นเขาอารมณ์ไม่ดี”
“ตอนนี้รดาก็อารมณ์ไม่ดีค่ะ แล้วก็จะอารมณ์ไม่ดีมากด้วยถ้าคุณหญิงแม่ยังไม่หยุดเห็นคนอื่นดีกว่าลูกตัวเอง”
“ที่แม่พูด เพราะว่าแม่เป็นห่วงรดานะคะ แม่รู้นะว่ารดาเองก็ไม่ได้มีความสุขไปกว่าตาธามนักหรอก รดาจะทรมานตัวเอง และคนที่รดารักทำไมล่ะคะ” คุณหญิงรดีสุดาพูดด้วยเหตุผล ไม่อยากให้ลูกสาวตัดสินใจเรื่องของหัวใจด้วยอารมณ์
“คุณหญิงแม่คิดผิดแล้วค่ะ รดามีความสุขดี...อาจจะมากกว่าตอนเป็นแฟนกับพี่ธามเสียด้วย” น้องสาวของเรวัตยังคงไม่ยอมรับความจริง และความเจ็บปวดที่ก่อตัวในจิตใจตลอดเวลาที่ไม่เจออัษฎางค์
“เรื่องที่ตาธามทำ...มันก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรนี่คะ ถ้าเป็นแม่หรือพี่เราที่พูดแบบนี้กับเรา เราคงไม่โกรธจนไม่ให้อภัยพวกเราแบบนี้ใช่ไหม” คุณหญิงรดีพยายามโน้มน้าวลูกสาวตัวเองสุดชีวิต
“ก็จริงค่ะ แต่...” รดาคล้ายจะใจอ่อน หากคำพูดร้ายๆ นั้นยังดังอยู่ในหัว “เกิดจากท้องพ่อท้องแม่ยังไม่เคยมีใครว่ารดาแบบนั้นเลย รดาโกรธเขา โกรธมากๆ ด้วย”
“รั้นไม่มีใครเกินเลยลูกคนนี้” คุณหญิงรดีสุดามองตามหลังลูกสาวที่กระแทกเท้าขึ้นไปบนบ้านเครียดๆ เธอรู้ดีว่าลูกสาวคนนี้นอกจากจะเอาแต่ใจ แล้วยังใจน้อยอย่างร้ายกาจ
เย็นวันนั้นเคี้ยงก็สร้างความแปลกใจให้รดาเมื่อเคี้ยงโทรมานัดไปทานข้าว แรกทีเดียวเธออยากปฏิเสธนักแต่เมื่อแลกกับการนั่งซังกะตายอยู่บ้านแบบนี้ การเปลี่ยนบรรยากาศนอกบ้านก็คงดี เทศกาลแบบนี้ปกติเธอคงไปเย้วๆ ในผับกับเพื่อน
“สวัสดีค่ะพี่เคี้ยง” รดายกมือไหว้เพื่อนพี่ชายที่มาถึงก่อนไม่นาน รดาเดาจากน้ำเปล่าของเขาพร่องแก้วแล้วกว่าเกือบครึ่ง
“สวัสดีครับ”
“รดามาสายรึเปล่าคะ” หญิงสาวถามอย่างเกรงใจ อย่างไรเสียเพื่อนพี่ชายคนนี้ก็เป็นคนที่เธอนับถือ
“ไม่หรอกจ้ะ คือพี่มาก่อนเวลาน่ะ” เคี้ยงยิ้มโชว์เขี้ยวเสน่ห์ยืนยัน
“ค่อยโล่งใจหน่อยค่ะ พอดีรถติด รดาเลยมาสาย”
“แค่สิบห้านาทีเอง ไม่เป็นไรค่ะ...สั่งอะไรดื่มคลายร้อนดีคะ” คำพูดอย่างคนใจดีไม่ได้ทำให้รดาอึกอัด แต่รดาต้องรู้สึกอึดอัดเมื่อเคี้ยงทำท่าจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ละล้าละลัง
“ขอน้ำมะนาวปั่นค่ะ”
เคี้ยงหันไปสั่งน้ำมะนาวปั่นจากบริกรให้รดา
“รดาเปลี่ยนไปนะ” เคี้ยงเปิดฉากสนทนาขณะพิจารณาคนตรงหน้า
รดาไม่ใช่คนโง่ เธอดูออกว่าสิ่งที่เพื่อนของพี่ชายจะพูดต่อไปนี้คือเรื่องอะไร หญิงสาวอดเกร็งไม่ได้กับสายการประเมินจากฝ่ายตรงข้าม เธอหายใจลึกๆ เรียกสติ
“พี่คงไม่ได้ชวนรดามาทานข้าวอย่างเดียวใช่ไหมคะ”
“ครับ พี่มีเรื่องจะคุยกับรดาเรื่องของเรากับนายธามน่ะ” เขาไม่รู้ว่าจะปฏิเสธเธอเพื่ออะไร สู้ยอมรับ แล้วจัดการเคลียร์คนตรงหน้าให้รู้เรื่องจะดีกว่า
“รดาไม่มีอะไรจะคุยหรอกค่ะ เรื่องของรดากับเขามันจบไปแล้ว” รดาบอกอย่างเบื่อๆ เบื่อที่จะต้องพูดประโยคนี้ซ้ำๆ กับทุกคน ตอนนี้นักข่าวเริ่มสงสัยความสัมพันธ์ของเขากับอัษฎางค์ เพราะฐานะทางบ้านบ้านของทั้งคู่ล้วนมีหน้ามีตาทางสังคม
“ใช่ มันจบตอน แต่ไม่ใช่จบบริบูรณ์” เคี้ยงพูดอย่างเจ้าเล่ห์
“แต่...”
เมื่อสาวหัวดื้อทำท่าจะท้วง เคี้ยงไม่รอช้า ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดอะไรทั้งสิ้น “ไม่มีแต่ พี่แค่อยากพูดในฐานะพี่ชาย และคน...ที่รู้สึกผิด”
“พี่รู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุของเรื่องราวหรือคะ” รดาไม่อยากเชื่อนักว่าพี่ชายของเธอจะเล่าให้เพื่อนคนนี้ฟังหมดเปลือก
“เปล่าหรอก รู้สึกผิดที่มีส่วนไม่ใช่ต้นเหตุหรอก ต้นเหตุน่ะ ‘ผู้หญิง’ คนนั้นต่างหาก” เขาเน้นคำว่าผู้หญิงจนเธอกลัวแทนผู้หญิงคนนั้น
“พี่รู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะให้อภัยคนที่เราทั้งรักทั้งเกลียด” เคี้ยงเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบก็เริ่มเห็นใจ รู้สึกดีหน่อยที่อย่างน้อยเธอก็ยอมฟังเขาบ้าง
“...”
“รดาไม่เสียใจเหรอที่คบกับเขามานาน แล้วจะมาหมางใจกันกับเรื่องเล็กๆ แค่นี้ พี่ว่าเหตุผลไม่ผ่าน พี่เองก็ใช่ว่าจะดี พี่รู้ว่าหมอนั่นหึงรดาแต่พี่ก็ยังอยากยั่วให้หมอนั่นลมออกหู พี่ชอบนะเวลาหมอนั่นทำตาขวาง มันทำให้พี่รู้ว่าน้องสาวคนนี้ของพี่โชคดีที่สุดเลย” เหตุผลนานาประการของเคี้ยงทำให้อีกฝ่ายใจอ่อนได้อย่างไม่ยากเย็น เพราะเธอเองก็รักเขามากเช่นกัน
“ค่ะ รดาจะลองคิดดู”
“ไม่ใช่แค่ลองคิด เอาเป็นว่าพี่ขอก็แล้วกัน ถือซะว่าเป็นของขวัญปีใหม่ให้พี่นะ พี่ขอให้รดาเชื่อพี่ เพราะพี่ไม่แนะนำสิ่งเลวร้ายให้น้องสาวของพี่หรอก” เมื่อเห็นว่ารดาจะไม่ยอมเข้าใจอะไรง่ายๆ ‘ไม้ตาย’ ของเคี้ยงก็ถูกเขานำมาใช้
แน่ล่ะว่าหล่อนไม่ปฏิเสธ
เมื่อกลับมาถึงบ้าน รดาไม่แปลกใจเลยที่เห็นอดีตคู่หมั้นนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องรับแขกโดยมีเรวัตอยู่เป็นเพื่อนคุย เพราะเธอเห็นรถวีออสของเขาจอดอยู่ข้างนอก
“โน่นไง...กว่าจะกลับได้นะแม่คุณ” เรวัตอดประชดน้องสาวที่พักหลังมานี้ ริอ่านทำตัวเป็นเด็กเที่ยว
“อย่าทำเสียเรื่องสิ” อัษฎางค์หันไปกระซิบกระซาบเรวัต เพราะชายหนุ่มไม่อยากให้รดาอารมณ์เสียก่อนที่เธอจะคุยกับเขานั่นเอง “เอ่อ คือว่าพี่มีเรื่องจะคุยกับรดาหน่อย”
“ค่ะ รดาก็มีเรื่องจะคุยกับพี่” คำพูดของรดาทำให้อัษฎางค์ใจหายวาบ กลัวว่าหล่อนจะสั่งให้เขาเลิกทำตัวบ้าๆ คอยตามง้องอนเสียที
รดาเดินนำอัษฎางค์ไปที่สวนหย่อมหน้าบ้าน เรวัตส่งสายตาเอาใจช่วยว่าที่น้องเขย อัษฎางค์ยิ้มอ่อนๆ แล้วคอตก เดินตามรดาไปอย่างว่าง่าย
“พี่มีธุระอะไรกับรดาคะ” หญิงสาวกอดอกหันหลังพูดทำให้ชายหนุ่มใจเสีย ฝืนยิ้มก่อนบอกเธออย่างอ่อนโยน
“รดาคุยเรื่องของรดาก่อนดีกว่า เรื่องของพี่ พี่รอได้” อัษฎางค์ฝืนพูดออกไปด้วยคิดว่าถ้าเธอปฏิเสธเขาทุกกรณี เห็นทีเขาคงต้องกลับไปเสียที คำพูดของเขาอาจไม่มีความหมาย เขาเคารพการตัดสินใจของเธอเสมอ
“คุยเรื่องของพี่ก่อนดีกว่า บางทีเรื่องของรดาอาจไม่ใช่เรื่องสำคัญก็ได้”
“ไม่หรอก ธุระของรดาสำคัญกว่าพี่เสมอ”
“ค่ะ รดาตัดสินใจแล้ว สำหรับเรื่องของเรา” อัษฎางค์หายใจเฮือกใหญ่ พร้อมฟังคำพิพากษาจากเธอ “โอกาสค่ะ รดาอยากให้โอกาสพี่ธามอีกครั้ง รดาหวังว่าพี่ธามจะไม่ทำให้รดาผิดหวัง”
“โอ แน่นอนครับ” ชายหนุ่มซ่อนรอยยิ้มยินดีไว้เมื่อเธอหันกลับมา เขาไม่อยากดูดีใจเกินเหตุ
มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเขาดีใจแค่ไหน
“ไหนลองคุยธุระของพี่” รดาเพิ่งนึกได้ว่าเขาก็มีเรื่องจะคุยกับเธอ
คงไม่มาบอกเลิกเธอหรอกนะ
“คงไม่ต้องพูดแล้วล่ะ ก็รดาให้โอกาสพี่แล้วนี่”
“ทำไมพี่ธามถึงอยากได้โอกาสรดาล่ะคะ แบบว่าพี่ธามอาจไปหาผู้หญิงคนอื่นที่สวยกว่า นิสัย แล้วก็เข้าใจพี่” รดาเหล่ตามอง
“นั่นสิ เพราะอะไร” ต่างฝ่ายต่างเหล่กันไปเหล่กันมา ทำให้คนที่ความอดทนน้อยอย่างรดาอดใจไม่ไหว
“โธ่ ไม่ตลกนะ คนกำลังซีเรียส”
“ก็พี่รักรดาไง เพียงพอไหม รักผู้หญิงที่เอาแบรนด์ซุปไก่สกัดมายัดใส่มือแล้วด่าปาวๆ ตรงหน้า” รดาหน้าแดงกับคำพูดของเขา
อ๊าย...ทำไมเมื่อก่อนเธอนิสัยแย่ขนาดนี้เนี่ย เอ๊ะ แล้วมันเกี่ยวอะไรกันล่ะ
“พี่ธามยังไม่ได้บอกรดาเลยว่าเมื่อกี้พี่ตั้งใจจะพูดอะไร” ถ้าเธออยากรู้อะไร เธอก็ต้องรู้ให้จงได้
“อ๋อ พี่แค่จะพูดว่า รดาครับพี่ขอโอกาสนะครับ พี่ไม่ยอมให้เรื่องราวของเราจบลงแบบนี้” อัษฎางค์กระแอมทำเสียงเก๊กหล่อแล้วคุกเข่าในท่าขอความรักทำให้หญิงสาวหมั่นไส้ขึ้นมาตะหงิดใจ
“โอ๊ย น้ำเน่าสิ้นดี” เธอฉุดเขาให้ลุกขึ้น เพราะกลัวจะสำรอกอาหารมื้อใหญ่ออกมา
“รู้มั้ยว่าเพราะอะไร” ชายหนุ่มยอมลุกแต่โดยดี “ก็เพราะว่าเราผ่านเรื่องราวมาเยอะมาก แล้วพี่ไม่ยอมให้เรื่องของเราต้องจบลงแบบโศกนาฏกรรมหรอก อ้อ พี่ลืมบอกรดาไปว่าพี่ชอบเรื่องราวที่ตอนจบเป็นแฮปปี้เอ็นดิ้ง”
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
สวัสดีงามๆ ค่ะ สำหรับแฟนนิยายของนุ่นทุกท่าน ตอนนี้นุ่นหายดี...หมดห่วงแล้วค่ะ :]
คาดว่าจะกลับมาอัพนิยายได้ตามปกติ (เพิ่งพ้นจากการสอบกลางภาคครั้งหฤโหดมา)
นุ่นก็ขอขอบคุณสำหรับทุกการติดตาม ทุกกำลังใจ และทุกคอมเม้นต์นะคะ (เป็นกำลังใจที่ดีเยี่ยม)
เรื่องนี้เป็นเรื่องไม่ยาวมาก แต่มีภาคต่อแล้ว จะเป็นใคร คงเดาได้ไม่ยากนะคะ อิอิ
ขอบใจนะ
แม้ว่ามิรันตีจะกลับไปอยู่กับอัษฎางค์ เพลงบรรเลงของ Mozart จากคุณยายที่ไม่ค่อยจะเห่อคุณหลานกยังคงขับกล่อมให้ความไพเราะกับผู้คนทั้งบ้านเป็นประจำทุกเช้า แต่ไม่ใช่กับลูกสาวจิตป่วนของคุณหญิงรดีสุดา
รดาเอาหมอนใบนุ่มปิดหูอย่างหงุดหงิด คิ้วเรียวขมวดอย่างขัดใจ ก่อนนึกได้ว่าความเครียดเป็นเพื่อนกับริ้วรอยที่จะมาแผ้วพานใบหน้าสวยๆ ของเธอ หญิงสาวจึงปั้นหน้ายิ้มทั้งที่ใจขุ่นคลั่กเป็นตะกอนข้น รดารู้ได้โดยไม่ต้องส่องกระจกให้เสียเวลาว่ารอยยิ้มของตนนั้นนั้นคงพิลึกเต็มทน
จะบ้าตาย เพลงบ้าอะไรเนี่ย
รดาโวยวายในใจ เห็นทีเธอต้องใช้มาตรการเด็ดขาดกับมารดา ไม่ให้เปิดเพลงสยองชวนขนลุกแบบนี้เสียแล้ว หญิงสาวกระแทกเท้าเดินเข้าห้องน้ำขณะที่เปิดเพลงจากไอพอดคู่กาย หวังให้เสียงเพลงสากลที่ตัวเองชอบขับกล่อมจิตใจไม่ให้อาละวาดด้วยการเดินไปหักแผ่นซีดีที่กำลังเล่นอยู่ขณะนี้ แล้วกระทืบซ้ำอย่างขัดใจ
“คุณหญิงแม่นะคุณหญิงแม่ ไม่มีเซ้นส์ในการเลือกเพลงซะเลย อี๋”
เป็นเวลากว่าหนึ่งชั่วโมงที่รดาขังตัวอยู่ในห้องน้ำ หญิงสาวว่างจัดจนกระทั่งแย่งหน้าที่คนใช้ทำ จัดการล้าง ขัด ถู ทุกอณูของห้องน้ำ
“นี่แน่ะๆๆ ไอ้พี่ธามบ้า ชิ เกลียดนัก...คนสวยอารมณ์เสีย”
โดยไม่รู้ตัว รดาก็คิดถึงอัษฎางค์ แล้วนึกฉุนกับอาการโมโหแล้วพาลของชายหนุ่มไม่ได้ รดาจินตนาการว่าพื้นกระเบื้องนั้นเป็นหน้าอัษฎางค์ แล้วออกแรงถูๆ ขัดๆ เต็มแรง
“ด้วยแรงรัก แรงแค้นเลยนะเนี่ย” รดาพิจารณาห้องน้ำที่สะอาดเอี่ยมอ่องอย่างพึงพอใจ
เมื่อเห็นว่าจะคร่ำครวญต่อก็ไม่มีประโยชน์อะไร รดาจึงสุขีสโมสรกับการขัดสีฉวีวรรณตัวเอง บรรจงแต่งตัวให้สมกับเป็นสาวมั่นตลอดกาล แต่เมื่อเห็นพุงน้อยๆ ของตัวเองที่กลับมาก็ทำให้รดาเริ่มปลงกับชีวิตตัวเอง ที่มีแฟนแล้วปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้อ้วนฉุเหมือนครั้งก่อนถ่ายแบบชุดว่ายน้ำ
รดาเปิดตู้เสื้อผ้าหาชุดกีฬาที่เจ้าตัวลืมไปแล้วว่าใส่มันครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่ เมื่อหาเจอ หญิงสาวก็เก็บมันใส่กระเป๋าเสื้อผ้าใบเล็ก จากนั้นก็จัดการโยนสารพัดขนมในกระเป๋าแคนวาสลงถังขยะ
“พร้อมกับการเหล่หนุ่มกล้ามโตอีกครั้ง” รดาให้กำลังใจตัวเองขณะแขม่วพุงตัวเองในกระจก
มือบางที่กำลังเลือกรองเท้ากีฬาในตู้รองเท้าชะงักเมื่อได้บินเสียงเคาะประตูสามครั้งที่เป็นเอกลักษณ์ของผู้เป็นมารดาดังขึ้น จากนั้น คุณหญิงรดีสุดาก็เปิดประตูห้องเข้ามาเรียกลูกสาวอย่างเร่งรีบ
“สายแล้วค่ะคุณลูก”
เสียงทักทายในตอนเช้าของมารดาทำให้รดาหันไปมอง ก็พบว่ามารดาของเธอนั้นตีผมโป่ง หน้าเด้ง สวมชุดสูทสีครีมสง่าเป็นนัยว่าเตรียมไปทำงานแล้ว
“ตายแล้ว รดาลืมบอกคุณหญิงแม่ว่ารดาลาออกจากงานแล้ว” หญิงสาวทำท่านึกได้ ยกมือทาบอกพร้อมกับทำเสียงตกอกตกใจอย่างที่ซ้อมจากหน้ากระจกนานสองนาน พร้อมทั้งลนลานหาซองเอกสารสีน้ำตาลส่งให้มารดา
“หนูลาออกแล้วเหรอคะ ตั้งแต่เมื่อไหร่” คุณหญิงรดีสุดาก็พลอยตกใจไปด้วย ก็เห็นอยู่ว่าลูกสาวของเธอมีความสุขกับงานมากแค่ไหน
“เมื่อวานนี้ค่ะ” ใจจริงเธออยากบอกว่าเมื่อกี้นี้ แต่คำตอบนี้คงไม่ผ่านเซ็นเซอร์จากคุณแม่ขาแน่นอน
“อะไรกันลูกสาวคนนี้ ทำงานนะคะคุณลูก ไม่ได้เล่นขายของ” น้ำเสียงบ่นอย่างไม่จริงจังนักของมารดาทำให้เธอหน้างอ
“โธ่ คุณหญิงแม่ก็...รดาไม่ได้เล่นขายของนะคะ รดารู้ว่าอะไรเหมาะหรือไม่เหมาะกับรดา ในเมื่อมันไม่ใช่ รดาก็ไม่ทู่ซี้ทำต่อหรอกค่ะ”
“เฮ้อ...” คุณหญิงรดีสุดามองลูกสาวคนเล็กอย่างค้นคว้า ก่อนพูดต่อว่า “ไม่เหมาะก็ไม่เหมาะ แม่ก็ว่าอะไรไม่ได้อยู่แล้วนี่”
“ขอบคุณนะคะที่เข้าใจรดา” รดาเอาใจมารดาด้วยกันหอมแก้มฟอดใหญ่
“ไม่ต้องมาอ้อนเลยนะ”
“รดาไม่ได้อ้อนสักหน่อย...รดาแค่อยากหอมแก้มคุณหญิงแม่ที่เข้าใจรดา” รดาทำตาโตบอกกับคุณหญิงรดีสุดาด้วยมาดนางเอกแสนซื่อ ก่อนทำท่านึกขึ้นได้ แล้วเข้าไปหยิบซองเอกสารส่งให้มารดา “รดาฝากคนขับรถเอาซองนี้ให้พี่ธามด้วยนะคะ...ไปทำงานดีๆ นะคะคุณแม่ สายแล้ว เดี๋ยวรถจะติดค่ะ”
คุณหญิงรดีสุดาผู้เกลียดรถติดยิ่งชีพบ้าจี้รับซองเอกสารจากลูกสาว แล้วรีบไปทำงาน ไม่ได้สนใจว่าโรงแรมเศวตกุลกับ Disco พาเพลินอยู่คนละมุมเมืองกันเลย!!
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
อัษฎางค์ยังงงๆ กับคำพูดของคนขับรถบ้านนั้นที่แวบไปแวบมาราวกับนินจา เผลอแป๊บเดียวก็สตาร์ทรถขับบรืนออกไปแล้ว
‘บ้านนั้น’ คือบ้านของว่าที่แม่ยายของเขานั่นเอง ที่บอกว่าซองจดหมายของรดาที่ฝากคุณหญิงรดีสุดามา แล้วคุณหญิงรดีสุดาฝากเขามาให้อัษฎางค์อีกที ถึงตอนนี้ชายหนุ่มเริ่มเข้าใจแล้วว่าทำไมบางครั้งรดาถึงพูดไม่ค่อยจะรู้เรื่อง คงมีผลมาจากสภาพแวดล้อมนั่นเอง!
ซองเอกสารสีน้ำตาลขนาดกระดาษเอสี่ที่วางอยู่บนโต๊ะ อัษฎางค์กำลังพิจารณามันอย่างแปลกใจ เขานึกว่าเธอจะส่งซองสีขาวมาซะอีก
ค่อยโล่งใจหน่อย
เสียงคัตเตอร์เสียวไส้ ชายหนุ่มค่อยๆ กรีดมันอย่างระมัดระวังราวกับซองสีน้ำตาลเข้มเป็นสมบัติพันล้านจนต้องระมัดระวังไม่ให้เสียหาย อาจเป็นจดหมายของเธอก็ได้ ทว่าเมื่อสิ้นคมของคัตเตอร์ มือหนาคลี่ซองออก ข้างในซองนั้นมีเพียงซีดี
ใช่ซีดี...ซีดีเปล่าๆ แผ่นสีข่าว ที่มีคำว่า Princo
เหอๆ วงดังซะด้วย Princo เชียวนะไอ้ธาม
Princo Oh Oh Oh!!?
เสียงกระซิบที่ก่อกวนจู่โจมด้วยน้ำเสียงกวนๆ ยั่วโทสะคนที่กำลังผิดหวังในความรักได้ดีเยี่ยม เขาไม่อยากหงุดหงิดใจไปมากกว่านี้ ใช้นิ้วชี้ดึงแผ่นซีดี เปิดคอมพิวเตอร์
เสียงดนตรีเพราะๆ ตามด้วยเสียงใสๆ ของแพรว คณิตกุลหงุงหงิงทำให้อัษฎางค์ที่ตั้งใจฟังทุกคำ ทุกประโยคเกือบลืมหายใจไปชั่วขณะ
...อย่ายื้อให้เหนื่อยใจ หากเธอไม่เป็นตัวเอง
อย่าฝืนทำต่อไปอีกเลย เพื่อให้เรารักกัน
ขอบใจนะที่ครั้งหนึ่งเธอเคยยอมฝืนใจตัวเอง
ขอบใจนะฉันรู้ว่าเธอทำดีที่สุดแล้ว
อย่างน้อย ครั้งหนึ่งที่พยายามทุ่มเท
อดทนให้กัน แค่นั้นก็ดีมากมาย...
โอ้ว ไม่นะ เขายังไม่อยากเลิกกับเธอ เขายังไม่ได้อืม...เธอเลย เอ๊ย เขาร๊ากเธอ เออ เออ
เสียงเอคโคของหัวใจอัษฎางค์เรียกร้องให้ชายหนุ่มรีบทำอะไรสักอย่างก่อนที่จะสูญเสียเธอไปตลอดชีวิต ครั้นจะไปตามง้อสาวเจ้าก็ไม่อาจทำได้ เพราะต้องรับภาระดูแลน้องสาวอย่างมิรันตี อีกทั้งยังต้องดูแลการทำงานของทีมบริหารที่เขาจ้างมาบริหาร Disco พาเพลินอีกต่างหาก
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
สองเดือนต่อมา
เคี้ยงนั่งหน้าเครียด ลูบหนวดตรงปลายคางที่เริ่มทิ่มแทงเนื้ออ่อนๆ ของเขา นึกเกลียดชังหญิงสาวที่ผมดำขลับยาวถึงกลางหลังยิ่งหนัก ภาพเสื้อผ้าที่ไม่เรียบร้อยของเธอฉายอีกครั้งในหัว
ใบหน้าของเคี้ยงเครียด และเย็นชาจนน่ากลัว เขาเองก็ใช่ว่าจะสนิทกับครอบครัวของเรวัตนัก แต่สิ่งที่ผู้หญิงคนนั้นทำมันไม่ถูกต้อง
บ่ายวันนั้น เขามีธุระจะคุยกับเรวัต จะว่าไปแล้ว เขาไปถึงโรงแรมพร้อมๆ กับมิรันตีเลยด้วยซ้ำ แต่ดูเหมือนร่างบาง ใบหน้าซีดเซียว ทำหน้าครุ่นคิดราวกับมีเรื่องในใจจนไม่ได้สังเกตว่า ‘เขา’ อยู่ตรงนั้น
เคี้ยงทราบจากเรวัตว่าวันๆ น้องสาวคนเดียวของเรวัตเอาแต่หมกตัวอยู่ที่ฟิตเนส จนตอนนี้หุ่นของเธอเพรียวระหง ไม่ใช่สาวอวบคนเดิมอีกต่อไป แต่น้ำหนักที่หายไปของรดาก็เหมือนว่าจะพาความสดใสของเธอไปด้วย ดังนั้นชายหนุ่มตัดสินใจเข้าไป ‘แส่’ เรื่องนี้ เนื่องจากเอ็นดูน้องสาวร่วมโลกอย่างรดาที่หนังสือพิมพ์ลงข่าวถึงความสัมพันธ์ที่อึมครึมกับคู่หมั้น
‘อ้าวพี่เคี้ยง พี่เรยังไม่กลับมาเลยค่ะ’ รดาเข้าใจว่าเขามาหาพี่ชาย เคี้ยงรีบแถลงไขว่าเขามีธุระกับเธอนั่นแหละ
‘รดาไปทำอะไรกับผมมาน่ะ’
‘อากาศร้อนๆ น่ะค่ะ’ เขาหรี่ตามองอย่างไม่อยากเชื่อนัก
‘นี่มันหน้าหนาวนะครับคุณน้อง ไม่เนียนเลย’ เมื่อโกหกอีกฝ่ายไม่ได้ จึงยอมเปิดปากเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดให้เคี้ยงฟัง
รดาไม่รู้เลยว่านั่นเป็นสิ่งที่เธอพลาดไปถนัด เพราะภายใต้ใบหน้าเรียบเฉยที่นิ่งฟังเรื่องราวจากปากเธอนั้น ในหัวกลับหาเรื่องไปฟาดฟันกับสาวสวยนางนั้น
เธอสมควรจะชดใช้!!?
นักสืบเจ้าเดิมที่เคี้ยงใช้บริการยังให้การบริการดีเยี่ยม ภายในสี่สิบแปดชั่วโมง ชายหนุ่มนั่งอ่านข้อมูลของศัตรูในห้องนอน แสงไฟสลัว กลิ่นเหล้าคลุ้งไปทั่ว ขวดเบียร์จำนวนไม่น้อยกองเกลื่อนที่มุมห้อง แทบไม่มีเค้าของหนุ่มเจ้าเสน่ห์คนเดิมเลย
สิ่งที่เขาเกลียดที่สุดคือ การหักหลัง ไม่ว่าจะต่อหน้าหรือว่าลับหลังก็ตาม
เคี้ยงฉีกรูปที่เพิ่งได้รับมาเป็นชิ้นๆ นึกเสียดายว่าเธอเป็นผู้หญิงที่เขาหมายตาไว้ ใบหน้าเก๋ๆ นั่นทำให้เขาผิดหวังมากทีเดียว
แฟนคนแรก เลิกรากันไปเพราะเธอมีใครอีกคนที่ดีกว่าเขา
แฟนคนที่สอง เลิกกันไปทั้งๆ ที่กำลังจะหมั้น เพราะเขาจับได้ว่าเธอ ‘ทรยศ’
หึ ผู้หญิง...เลี้ยงไม่เชื่อง
สำหรับผู้หญิงคนนี้ที่กำลังทำตัวเป็นมือที่สามของความรักคนอื่น ทำให้คู่รักของคนสองคู่แตกหัก เลวร้ายกว่าใครทั้งหมด
ไม่ใช่สิ เธอเป็นมือที่ห้าต่างหาก
ขณะเดียวกันนั้น ‘มือที่ห้า’ ของเคี้ยงกำลังถูกคิดบัญชีจากเรวัตโทษฐานที่ทำให้ทั้งเขา และน้องสาวต้องอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่เหลือเกิน
“โอ๊ย เจ็บนะ ไอ้บ้า” เปิ้ลลูบหัวตัวเอง หลับตาปี๋เมื่อเรวัตเตรียมเขกมะเหงกเธออีกรอบ
“แผนของแกไม่เห็นได้ผลเลยยัยไม้แขวนเสื้อ ฉันจะฆ่าแก แง่ง”
“ว้ายๆๆๆ อย่าทำฉันนะ” เปิ้ลเอามือง้างปากเรวัตที่เตรียมงับหูเธอ กระโดดลงจากเก้าอี้ทรงสูงติดเคาน์เตอร์ของบาร์ใต้โรงแรม
“ฮึ่ม ยัยไม้แขวนเสื้อ” เสียงห้าวทุ้มต่ำเมื่อเขากำลังเป็นจุดสนใจของคนทั้งร้าน
“โอ๊ะโอ เพื่อนฉันกลายเป็นหนุ่มขี้โมโหตั้งแต่เมื่อไหร่ แค่เมียไม่ยอมไปฮันนีมูนด้วยแค่เนี้ย คิดอะไรเพี้ยนๆ น่า”
“หึ แกจะรู้อะไรยัยไม้แขวนเสื้อ คนไม่มีแฟนอย่างเธอ”
เพี๊ยะ...เลือดไหลจากมุมปาก
“เอ่อ ช้านขอโทษ ปากเร็วไปหน่อย” เรวัตรีบขอโทษเปิ้ลที่นิ่งงัน
เปิ้ลหน้าชาราวกับโดนตบหน้าหงาย คนไม่มีแฟนยิ้มบางๆ ว่าไม่คิดมาก แต่ลึกลงไปใครจะรู้
“หลังจากแต่งงาน มิไม่ยอมไปฮันนีมูนกับฉัน โรมเชียวนะโรม เมื่อวานคิดว่าแผนรักหอมหวานของแกจะเป็นผล ที่ไหนได้ แม่คุณงอนฉันไปหาไอ้ธาม”
“อือฮึ” เปิ้ลทำท่ารับรู้
“แกก็รู้อยู่ว่าไอ้ธามกำลังดูๆ กับรดาอยู่ ไอ้หมอนั่นบ้าดีเดือดด่าน้องสาวฉันจนความรักร่อแร่แล้วก็เลิกรา”
“โอ้ ไม่นะ” เปิ้ลอุทาน ไม่คิดว่าเรื่องราวมันจะอีลุงตุงนังขนาดนี้
นี่เธอทำให้คู่ตุนาหงันแห่งปีต้องเลิกกันหรอ โอ้ จอร์จ??!
“เพราะฉะนั้น แก-ต้อง-รับ-ผิด-ชอบ” เรวัตเน้นทีละคำ
“อือ รู้แล้วน่า ขอเวลาฉันหน่อยสิ” เปิ้ลดูดแอปเปิ้ลนมสดที่เหลือครึ่งแก้วจนหมดแล้วกัดหลอดดูดอย่างใช้ความคิด
“คิดออกยัง” อีกฝ่ายเร่งเร้าเอาคำตอบ
“เดี๋ยวสิไอ้โง่ ของแบบนี้มันต้องใช้เวลาหน่อย ไม่ได้จู่ๆ จะคิดออก เข้าใจไหม”
วิญญาณผีกรรไกรเข้าสิงเปิ้ล ด้วยวิชาฝีปากเพราะที่สืบต่อกันจากรุ่นสู่รุ่นทำเอาเรวัตหัวหด เขาฝ่อกับคำว่า ‘ไอ้โง่’ ของเธอยิ่งนัก
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
บรรยากาศในคฤหาสน์หลังงามของคุณหญิงรดีสุดาช่างเงียบเหงาผิดกับเทศกาลครึกครื้นเช่นทุกปี คุณหญิงรดีสุดามองลูกสาวที่นั่งใจลอย วันๆ ไม่พูดไม่จา ส่วนลูกชายก็กำลังใช้ความพยายามในการตามหาหัวใจตัวเองกลับคืนมา
คุณหญิงรดีสุดามีคุณระรินทิพย์เป็นพรายกระซิบว่ารดากับอัษฎางค์กำลังงอนกันอยู่ แต่ดูเหมือนว่า ‘ทางนู้น’ ยุ่งจัดจนไม่มีเวลาง้อจนทำให้ ‘ทางนี้’ งอนหนักไปเลย
อัษฎางค์เพิ่งจะสามารถปลีกตัวมาจากงานกองโตได้ จึงเข้ามากราบเรียนคุณหญิงรดีสุดาโดยตรงว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขากับรดา ซึ่งคุณหญิงรดีสุดาก็ไม่ได้ว่าอะไร กลับให้กำลังใจชายหนุ่มให้ทำให้รดาใจอ่อน แถมยังอาสาเป็นกาวใจชั้นเยี่ยมอีกต่างหาก
“รดาเอ๊ย เรื่องความรักมันละเอียดอ่อนมากนะลูก อะไรนิดอะไรหน่อย ยอมได้ก็ยอมให้กันไป”
“โธ่คุณแม่คะ” รดาร้องอย่างขัดใจ นึกโทษอัษฎางค์ที่ง้อเธอไม่สำเร็จก็เข้าทางคุณหญิงแม่ที่ปลื้มลูกเขยคนนี้นักหนา
“คบแฟนให้เหมือนเพื่อน หนูทำได้ไหม”
“แฟนก็แฟนสิคะ เพื่อน...รดามีเยอะแล้วค่ะ” รดายังยวนมารดาไม่เลิก เพราะยังเคืองอัษฎางค์ไม่หายนั่นเอง
“ในเมื่อเขาสำนึกผิดแล้ว รดาก็ควรให้โอกาสเขา เขาอาจจะพูดรุนแรงไปหน่อย สมควรที่รดาจะโกรธเขา”
“สำนึกผิด...หึ ไม่สายไปหน่อยหรือคะ ตอนทำไม่รู้จักคิด” รดาว่าอย่างคนมีอารมณ์
“เขาก็บอกแล้วว่าตอนนั้นเขาอารมณ์ไม่ดี”
“ตอนนี้รดาก็อารมณ์ไม่ดีค่ะ แล้วก็จะอารมณ์ไม่ดีมากด้วยถ้าคุณหญิงแม่ยังไม่หยุดเห็นคนอื่นดีกว่าลูกตัวเอง”
“ที่แม่พูด เพราะว่าแม่เป็นห่วงรดานะคะ แม่รู้นะว่ารดาเองก็ไม่ได้มีความสุขไปกว่าตาธามนักหรอก รดาจะทรมานตัวเอง และคนที่รดารักทำไมล่ะคะ” คุณหญิงรดีสุดาพูดด้วยเหตุผล ไม่อยากให้ลูกสาวตัดสินใจเรื่องของหัวใจด้วยอารมณ์
“คุณหญิงแม่คิดผิดแล้วค่ะ รดามีความสุขดี...อาจจะมากกว่าตอนเป็นแฟนกับพี่ธามเสียด้วย” น้องสาวของเรวัตยังคงไม่ยอมรับความจริง และความเจ็บปวดที่ก่อตัวในจิตใจตลอดเวลาที่ไม่เจออัษฎางค์
“เรื่องที่ตาธามทำ...มันก็ไม่ได้ร้ายแรงอะไรนี่คะ ถ้าเป็นแม่หรือพี่เราที่พูดแบบนี้กับเรา เราคงไม่โกรธจนไม่ให้อภัยพวกเราแบบนี้ใช่ไหม” คุณหญิงรดีพยายามโน้มน้าวลูกสาวตัวเองสุดชีวิต
“ก็จริงค่ะ แต่...” รดาคล้ายจะใจอ่อน หากคำพูดร้ายๆ นั้นยังดังอยู่ในหัว “เกิดจากท้องพ่อท้องแม่ยังไม่เคยมีใครว่ารดาแบบนั้นเลย รดาโกรธเขา โกรธมากๆ ด้วย”
“รั้นไม่มีใครเกินเลยลูกคนนี้” คุณหญิงรดีสุดามองตามหลังลูกสาวที่กระแทกเท้าขึ้นไปบนบ้านเครียดๆ เธอรู้ดีว่าลูกสาวคนนี้นอกจากจะเอาแต่ใจ แล้วยังใจน้อยอย่างร้ายกาจ
เย็นวันนั้นเคี้ยงก็สร้างความแปลกใจให้รดาเมื่อเคี้ยงโทรมานัดไปทานข้าว แรกทีเดียวเธออยากปฏิเสธนักแต่เมื่อแลกกับการนั่งซังกะตายอยู่บ้านแบบนี้ การเปลี่ยนบรรยากาศนอกบ้านก็คงดี เทศกาลแบบนี้ปกติเธอคงไปเย้วๆ ในผับกับเพื่อน
“สวัสดีค่ะพี่เคี้ยง” รดายกมือไหว้เพื่อนพี่ชายที่มาถึงก่อนไม่นาน รดาเดาจากน้ำเปล่าของเขาพร่องแก้วแล้วกว่าเกือบครึ่ง
“สวัสดีครับ”
“รดามาสายรึเปล่าคะ” หญิงสาวถามอย่างเกรงใจ อย่างไรเสียเพื่อนพี่ชายคนนี้ก็เป็นคนที่เธอนับถือ
“ไม่หรอกจ้ะ คือพี่มาก่อนเวลาน่ะ” เคี้ยงยิ้มโชว์เขี้ยวเสน่ห์ยืนยัน
“ค่อยโล่งใจหน่อยค่ะ พอดีรถติด รดาเลยมาสาย”
“แค่สิบห้านาทีเอง ไม่เป็นไรค่ะ...สั่งอะไรดื่มคลายร้อนดีคะ” คำพูดอย่างคนใจดีไม่ได้ทำให้รดาอึกอัด แต่รดาต้องรู้สึกอึดอัดเมื่อเคี้ยงทำท่าจะพูดอะไรสักอย่าง แต่ก็ละล้าละลัง
“ขอน้ำมะนาวปั่นค่ะ”
เคี้ยงหันไปสั่งน้ำมะนาวปั่นจากบริกรให้รดา
“รดาเปลี่ยนไปนะ” เคี้ยงเปิดฉากสนทนาขณะพิจารณาคนตรงหน้า
รดาไม่ใช่คนโง่ เธอดูออกว่าสิ่งที่เพื่อนของพี่ชายจะพูดต่อไปนี้คือเรื่องอะไร หญิงสาวอดเกร็งไม่ได้กับสายการประเมินจากฝ่ายตรงข้าม เธอหายใจลึกๆ เรียกสติ
“พี่คงไม่ได้ชวนรดามาทานข้าวอย่างเดียวใช่ไหมคะ”
“ครับ พี่มีเรื่องจะคุยกับรดาเรื่องของเรากับนายธามน่ะ” เขาไม่รู้ว่าจะปฏิเสธเธอเพื่ออะไร สู้ยอมรับ แล้วจัดการเคลียร์คนตรงหน้าให้รู้เรื่องจะดีกว่า
“รดาไม่มีอะไรจะคุยหรอกค่ะ เรื่องของรดากับเขามันจบไปแล้ว” รดาบอกอย่างเบื่อๆ เบื่อที่จะต้องพูดประโยคนี้ซ้ำๆ กับทุกคน ตอนนี้นักข่าวเริ่มสงสัยความสัมพันธ์ของเขากับอัษฎางค์ เพราะฐานะทางบ้านบ้านของทั้งคู่ล้วนมีหน้ามีตาทางสังคม
“ใช่ มันจบตอน แต่ไม่ใช่จบบริบูรณ์” เคี้ยงพูดอย่างเจ้าเล่ห์
“แต่...”
เมื่อสาวหัวดื้อทำท่าจะท้วง เคี้ยงไม่รอช้า ไม่เปิดโอกาสให้เธอได้พูดอะไรทั้งสิ้น “ไม่มีแต่ พี่แค่อยากพูดในฐานะพี่ชาย และคน...ที่รู้สึกผิด”
“พี่รู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุของเรื่องราวหรือคะ” รดาไม่อยากเชื่อนักว่าพี่ชายของเธอจะเล่าให้เพื่อนคนนี้ฟังหมดเปลือก
“เปล่าหรอก รู้สึกผิดที่มีส่วนไม่ใช่ต้นเหตุหรอก ต้นเหตุน่ะ ‘ผู้หญิง’ คนนั้นต่างหาก” เขาเน้นคำว่าผู้หญิงจนเธอกลัวแทนผู้หญิงคนนั้น
“พี่รู้ว่ามันเป็นเรื่องยากที่จะให้อภัยคนที่เราทั้งรักทั้งเกลียด” เคี้ยงเห็นอีกฝ่ายนิ่งเงียบก็เริ่มเห็นใจ รู้สึกดีหน่อยที่อย่างน้อยเธอก็ยอมฟังเขาบ้าง
“...”
“รดาไม่เสียใจเหรอที่คบกับเขามานาน แล้วจะมาหมางใจกันกับเรื่องเล็กๆ แค่นี้ พี่ว่าเหตุผลไม่ผ่าน พี่เองก็ใช่ว่าจะดี พี่รู้ว่าหมอนั่นหึงรดาแต่พี่ก็ยังอยากยั่วให้หมอนั่นลมออกหู พี่ชอบนะเวลาหมอนั่นทำตาขวาง มันทำให้พี่รู้ว่าน้องสาวคนนี้ของพี่โชคดีที่สุดเลย” เหตุผลนานาประการของเคี้ยงทำให้อีกฝ่ายใจอ่อนได้อย่างไม่ยากเย็น เพราะเธอเองก็รักเขามากเช่นกัน
“ค่ะ รดาจะลองคิดดู”
“ไม่ใช่แค่ลองคิด เอาเป็นว่าพี่ขอก็แล้วกัน ถือซะว่าเป็นของขวัญปีใหม่ให้พี่นะ พี่ขอให้รดาเชื่อพี่ เพราะพี่ไม่แนะนำสิ่งเลวร้ายให้น้องสาวของพี่หรอก” เมื่อเห็นว่ารดาจะไม่ยอมเข้าใจอะไรง่ายๆ ‘ไม้ตาย’ ของเคี้ยงก็ถูกเขานำมาใช้
แน่ล่ะว่าหล่อนไม่ปฏิเสธ
เมื่อกลับมาถึงบ้าน รดาไม่แปลกใจเลยที่เห็นอดีตคู่หมั้นนั่งหน้าเครียดอยู่ในห้องรับแขกโดยมีเรวัตอยู่เป็นเพื่อนคุย เพราะเธอเห็นรถวีออสของเขาจอดอยู่ข้างนอก
“โน่นไง...กว่าจะกลับได้นะแม่คุณ” เรวัตอดประชดน้องสาวที่พักหลังมานี้ ริอ่านทำตัวเป็นเด็กเที่ยว
“อย่าทำเสียเรื่องสิ” อัษฎางค์หันไปกระซิบกระซาบเรวัต เพราะชายหนุ่มไม่อยากให้รดาอารมณ์เสียก่อนที่เธอจะคุยกับเขานั่นเอง “เอ่อ คือว่าพี่มีเรื่องจะคุยกับรดาหน่อย”
“ค่ะ รดาก็มีเรื่องจะคุยกับพี่” คำพูดของรดาทำให้อัษฎางค์ใจหายวาบ กลัวว่าหล่อนจะสั่งให้เขาเลิกทำตัวบ้าๆ คอยตามง้องอนเสียที
รดาเดินนำอัษฎางค์ไปที่สวนหย่อมหน้าบ้าน เรวัตส่งสายตาเอาใจช่วยว่าที่น้องเขย อัษฎางค์ยิ้มอ่อนๆ แล้วคอตก เดินตามรดาไปอย่างว่าง่าย
“พี่มีธุระอะไรกับรดาคะ” หญิงสาวกอดอกหันหลังพูดทำให้ชายหนุ่มใจเสีย ฝืนยิ้มก่อนบอกเธออย่างอ่อนโยน
“รดาคุยเรื่องของรดาก่อนดีกว่า เรื่องของพี่ พี่รอได้” อัษฎางค์ฝืนพูดออกไปด้วยคิดว่าถ้าเธอปฏิเสธเขาทุกกรณี เห็นทีเขาคงต้องกลับไปเสียที คำพูดของเขาอาจไม่มีความหมาย เขาเคารพการตัดสินใจของเธอเสมอ
“คุยเรื่องของพี่ก่อนดีกว่า บางทีเรื่องของรดาอาจไม่ใช่เรื่องสำคัญก็ได้”
“ไม่หรอก ธุระของรดาสำคัญกว่าพี่เสมอ”
“ค่ะ รดาตัดสินใจแล้ว สำหรับเรื่องของเรา” อัษฎางค์หายใจเฮือกใหญ่ พร้อมฟังคำพิพากษาจากเธอ “โอกาสค่ะ รดาอยากให้โอกาสพี่ธามอีกครั้ง รดาหวังว่าพี่ธามจะไม่ทำให้รดาผิดหวัง”
“โอ แน่นอนครับ” ชายหนุ่มซ่อนรอยยิ้มยินดีไว้เมื่อเธอหันกลับมา เขาไม่อยากดูดีใจเกินเหตุ
มีแต่พระเจ้าเท่านั้นที่รู้ว่าเขาดีใจแค่ไหน
“ไหนลองคุยธุระของพี่” รดาเพิ่งนึกได้ว่าเขาก็มีเรื่องจะคุยกับเธอ
คงไม่มาบอกเลิกเธอหรอกนะ
“คงไม่ต้องพูดแล้วล่ะ ก็รดาให้โอกาสพี่แล้วนี่”
“ทำไมพี่ธามถึงอยากได้โอกาสรดาล่ะคะ แบบว่าพี่ธามอาจไปหาผู้หญิงคนอื่นที่สวยกว่า นิสัย แล้วก็เข้าใจพี่” รดาเหล่ตามอง
“นั่นสิ เพราะอะไร” ต่างฝ่ายต่างเหล่กันไปเหล่กันมา ทำให้คนที่ความอดทนน้อยอย่างรดาอดใจไม่ไหว
“โธ่ ไม่ตลกนะ คนกำลังซีเรียส”
“ก็พี่รักรดาไง เพียงพอไหม รักผู้หญิงที่เอาแบรนด์ซุปไก่สกัดมายัดใส่มือแล้วด่าปาวๆ ตรงหน้า” รดาหน้าแดงกับคำพูดของเขา
อ๊าย...ทำไมเมื่อก่อนเธอนิสัยแย่ขนาดนี้เนี่ย เอ๊ะ แล้วมันเกี่ยวอะไรกันล่ะ
“พี่ธามยังไม่ได้บอกรดาเลยว่าเมื่อกี้พี่ตั้งใจจะพูดอะไร” ถ้าเธออยากรู้อะไร เธอก็ต้องรู้ให้จงได้
“อ๋อ พี่แค่จะพูดว่า รดาครับพี่ขอโอกาสนะครับ พี่ไม่ยอมให้เรื่องราวของเราจบลงแบบนี้” อัษฎางค์กระแอมทำเสียงเก๊กหล่อแล้วคุกเข่าในท่าขอความรักทำให้หญิงสาวหมั่นไส้ขึ้นมาตะหงิดใจ
“โอ๊ย น้ำเน่าสิ้นดี” เธอฉุดเขาให้ลุกขึ้น เพราะกลัวจะสำรอกอาหารมื้อใหญ่ออกมา
“รู้มั้ยว่าเพราะอะไร” ชายหนุ่มยอมลุกแต่โดยดี “ก็เพราะว่าเราผ่านเรื่องราวมาเยอะมาก แล้วพี่ไม่ยอมให้เรื่องของเราต้องจบลงแบบโศกนาฏกรรมหรอก อ้อ พี่ลืมบอกรดาไปว่าพี่ชอบเรื่องราวที่ตอนจบเป็นแฮปปี้เอ็นดิ้ง”
/////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
สวัสดีงามๆ ค่ะ สำหรับแฟนนิยายของนุ่นทุกท่าน ตอนนี้นุ่นหายดี...หมดห่วงแล้วค่ะ :]
คาดว่าจะกลับมาอัพนิยายได้ตามปกติ (เพิ่งพ้นจากการสอบกลางภาคครั้งหฤโหดมา)
นุ่นก็ขอขอบคุณสำหรับทุกการติดตาม ทุกกำลังใจ และทุกคอมเม้นต์นะคะ (เป็นกำลังใจที่ดีเยี่ยม)
เรื่องนี้เป็นเรื่องไม่ยาวมาก แต่มีภาคต่อแล้ว จะเป็นใคร คงเดาได้ไม่ยากนะคะ อิอิ
เรียงอักษร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ส.ค. 2554, 02:24:26 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ส.ค. 2554, 02:26:27 น.
จำนวนการเข้าชม : 2182
<< บทที่ี่่่ี่่่ 13 รักอลวน ปฏิบัติการอลเวง |
violette 9 ส.ค. 2554, 03:30:30 น.
แปลกใจที่ไม่มีตอนเรวัตตามมิรันตีเหรอคะ ตั้งสองเดือนนะคะทั้งเมียทั้งลูก ใจเย็นอยู่ได้ไงเนี่ย
แปลกใจที่ไม่มีตอนเรวัตตามมิรันตีเหรอคะ ตั้งสองเดือนนะคะทั้งเมียทั้งลูก ใจเย็นอยู่ได้ไงเนี่ย
angle101 9 ส.ค. 2554, 07:54:39 น.
^^
^^
anOO 9 ส.ค. 2554, 08:41:39 น.
เห้นด้วยกับคุณ violette ค่ะ
เพราะยัยมิท้องแล้ว น่าจะต้องรีบง้อก่อนคู่ของรดา
เห้นด้วยกับคุณ violette ค่ะ
เพราะยัยมิท้องแล้ว น่าจะต้องรีบง้อก่อนคู่ของรดา
lovemuay 9 ส.ค. 2554, 20:03:30 น.
ภาคต่อคือเคี้ยงกะเปิ้ลแน่เลยใช่มั๊ยคะ ^^
ภาคต่อคือเคี้ยงกะเปิ้ลแน่เลยใช่มั๊ยคะ ^^