Sweetheart รักละมุนอุ่นหัวใจ
เมื่อความรักเป็นเรื่องไม่เข้าใครออกใคร เมื่อเจอแล้วต้องจับไว้ให้แน่น เช่นเดียวกับ 'อัษฎางค์' ที่ไม่ปล่อยให้ 'รดา' ต้องหลุดมือไป ทว่าคนที่ผิดหวังกับความรักอย่าง 'รดา' จะมั่นใจหนุ่มเจ้าสำราญอย่างเขาได้อย่างไร ความรักครั้งนี้เหมือนจะเป็นเรื่องของคนสองคน แต่ยังมี 'มิรันตี' ถูกดึงมาร่วมเกมรักอย่างเลิี่ยงไม่ได้ เรื่องราวชักจะอลหม่านแล้วสิ
Tags: Sweetheart รดา
ตอน: บทที่ี่่่ี่่่ 13 รักอลวน ปฏิบัติการอลเวง
บทที่ 13
รักอลวน ปฏิบัติการอลเวง
อัษฎางค์มองการ์ดแต่งงานของเพื่อนฝูงอย่างขยาด เขาไม่อยากไปร่วมแสดงความยินดี ปั้นหน้าดีใจกับคู่บ่าวสาวนัก แม้ว่าเขา และรดาจะหมั้นกันอย่างเป็นทางการไปไม่นานมานี้ ในใจลึกๆ ยังหวั่นกับความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่
สองสัปดาห์กับสี่วันกับการเป็นคู่หมั้น แต่เกือบหกเดือนแล้วกับฐานะแฟน ดังนั้นซองสีชมพูหวานแหววจึงเปรียบเหมือนยาขมสำหรับชายหนุ่ม
เซ็งชะมัด ไอ้พวกมีความรัก
อัษฎางค์เขี่ยเส้นมักกะโรนีในจานอย่างเซ็งๆ ในขณะที่รดาม้วนเส้นขนาดพอดีคำเข้าปากเป็นคำสุดท้าย แล้วสั่งไอศกรีมกะทิสดตบท้ายโดยลืมนับจำนวนแคลอรี่ของอาหารเย็นมื้อนี้
“อาหารไม่ถูกปากหรือคะ”
“เปล่าหรอก พอดีพี่ไม่ค่อยหิวน่ะ”
หลังจากรับประทานอาหารเย็นนอกบ้าน กิจกรรมประจำสัปดาห์ของคู่รักที่พึงปฏิบัติร่วมกัน ชายหนุ่มปฏิเสธที่จะไปฟังเพลงต่ออย่างที่เคยปฏิบัติกันทุกเย็น ดังนั้นทั้งคู่จึงตกลงดูหนังรอบค่ำ แล้วค่อยกลับบ้าน
“ฝันดีนะคะพี่ธาม”
“ครับ”
รดาโบกมือลาจนรถวีออสเคลื่อนไปจนลับตาตามมารยาททางสังคมที่มารดาสอนไว้ หญิงสาวใช้นิ้วเรียวสางผม อากาศร้อนอบอ้าวอย่างนี้ทำให้เธออยากแช่น้ำเย็นๆ คลายร้อนลงได้บ้าง
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
มิรันตีย้ายเข้ามาในคฤหาสน์วงศ์เศวตกุลในฐานะนายหญิงคนใหม่ของที่นี่ กิริยามารยาทที่เรียบร้อย และใบหน้าที่ยิ้มแย้มทำให้หญิงสาวเป็นที่รักของคนที่นี่ได้ไม่ยาก ชีวิตหลังการแต่งงานของมิรันตี และเรวัตเริ่มเข้าที่เข้าทาง คุณหญิงรดีสุดาเริ่มสอนงานบริหารโรงแรมกับเรวัต หวังให้ลูกชายคนโตรับช่วงกิจการต่อ ส่วนรดาก็กำลังวุ่นกับงานที่คลับ ดังนั้นภาพที่เห็นจนชินตาในคฤหาสน์หลังงามคือมิรันตีอยู่กับคนรับใช้อย่างเหงาหงอย
เช้านี้ หลังจากที่ใส่บาตรเสร็จ มิรันตีก็จัดดอกไม้ถวายพระอย่างเบื่อๆ เพราะไม่รู้จะทำอะไรดี หญิงสาวไม่ชินกับกับการอยู่เฉยๆ นึกน้อยใจคุณสามีที่ปล่อยให้เธอทำหน้าที่แม่บ้าน ยิ่งคนรับใช้ในบ้านรู้ว่าเธอกำลังมีเจ้าตัวเล็ก ยิ่งไม่ยอมให้เธอได้หยิบจับอะไรเลย เมื่อมิรันตีไม่มีความสุข เธอจึงต้องหาทางระบายกับคนคุ้นเคย เป็นผลให้กิจวัตรประจำวันของอัษฎางค์เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอย่าง ซึ่งก็คือการนั่งฟังมิรันตีบ่นว่าเบื่อทุกเช้าก่อนเวลาทำงาน แรกๆ เขาก็ให้คำปรึกษาไปอย่างดี จนพักหลังมานี้เขาก็บอกเอออออย่างนั้น นึกสงสัยว่าน้องสาวเขาเป็นพวกย้ำคิดย้ำทำไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“สามีไม่มีเวลาภรรยาก็ไปหาสิ ไม่มีใครห้ามสักหน่อย” อัษฎางค์ชี้ทางให้มิรันตี
“ไม่เอาหรอกพี่ธาม มิไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไรนี่คะ คนอื่นจะมองยังไง”
“จะกลัวทำไม คนเป็นสามีภรรยากันจะพบกันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แล้วถ้าภรรยาจะทำอาหารกลางวันให้สามีทาน...ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”
“ทำอาหาร จริงด้วย ทำไมมิถึงคิดไม่ออกนะ” มิรันตีดีดนิ้วเปาะกับความคิดเห็นของพี่ชาย
“ส่วนตอนบ่ายก็ไปช็อปปิ้ง เข้าสปา เรียนทำอาหาร เรียนโยคะก็ได้นี่มิ เดี๋ยวพี่หาข้อมูลฝากรดาไปให้ก็แล้วกัน จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน...จะชวนรดาไปด้วยก็ได้นะ พี่อนุญาต” อัษฎางค์เข้าใจน้องสาวว่ารู้สึกโดดเดี่ยวถึงเพียงใด
“ขอบคุณค่ะพี่ธาม งั้นมิขอตัวไปเตรียมอาหารกลางวันให้สามีที่รักก่อนนะคะ”
“โอเคครับ”
นอกจากเรื่องน้องสาวตัวดี แล้วยังมีเรื่องแฟนสาวจิตป่วนรบกวนจิตใจของเขาอีกเมื่อเปิดเว็บไซต์หาข้อมูลให้มิรันตี อัษฎางค์ต้องได้ข่าวไม่พึงประสงค์ของรดากับหนุ่มไฮโซนามทรรศรัตน์ให้ต้องคิดมาก
ข่าวซุบซิบของสังคมไฮโซกล่าวถึงแฟนสาวของเขากับชายอื่นที่เขาบังเอิญเจอในงานแต่งงานของมิรันตีกับเรวัต แม้ว่าเนื้อหาของข่าวจะไม่ไปทางชู้สาว แต่ก็ทำให้คนที่ไม่ค่อยได้บริหารเสน่ห์หมดความมั่นใจในตัวเองได้เหมือนกัน
อัษฎางค์ไม่สบายอยู่ไม่นาน ประตูห้องทำงานก็เปิดผางออก รดาวิ่งกระเซอะกระเซิงมาพร้อมขนมถุงใหญ่ หญิงสาวชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นอัษฎางค์นั่งอยู่ก่อนแล้ว
“อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ธาม วันนี้มาทำงานแต่เช้านะคะ รดาซื้อขนมอร่อยๆ มาฝากพี่ธามเยอะแยะเลยค่ะ” รดาเอ่ยทักชายหนุ่มที่นั่งหน้ามุ่ยพร้อมวางถุงขนมบนโต๊ะอย่างประจบ
เมื่ออัษฎางค์เห็นว่าเป็นเบเกอรี่จากโรงแรมดังก็ต้องข่มความไม่พอใจไว้ในใบหน้าที่เรียบเฉย คอยดูว่ารดาจะแก้ตัวอย่างไร เพราะชายหนุ่มทราบอยู่แก่ใจว่าขนมดังกล่าวนั้น รดาคงจะซื้อมาจากโรงแรมที่ไปกินข้าวกับชายอื่น!
“เป็นอะไรไปเอ่ย หน้านิ่วคิ้วขมวดเลย” ว่าแล้วรดาก็ใช้นิ้วชี้จิ้มคิ้วหน้าที่พาดเฉียงดวงตาคม มือหนาคว้าหมับที่มือเรียวทันที แล้วออกแรงดึงให้ร่างอวบเซนั่งตักเขา
“ป้อนหน่อย” อัษฎางค์หมายถึงทาร์ตส้มที่รดาซื้อมาเพื่อกลบเกลื่อนความผิดที่เมื่อวานเบี้ยวนัดเขา แล้วไปเที่ยวกับทรรศรัตน์
“ก็ได้ค่ะ” รดาทำตามอย่างว่าง่าย เพราะเพิ่งก่อคดีไปหมาดๆ ไม่อยากทำให้อัษฎางค์อารมณ์เสียไปมากกว่านี้
“พี่อยากไปฟังเพลง” ชายหนุ่มมองเธอที่พยายามแกะกล่องขนม แต่เมื่อแกะไม่ได้จึงต้องออกตัวช่วยแฟนสาว
“เย็นนี้เหรอคะ” รดาทำท่าครุ่นคิด
“อย่าบอกว่าไม่ว่างนะ” อัษฎางค์ถามหลังจากที่รดาส่งทาร์ตส้มคำแรกเข้าปาก รดารีบส่ายหน้า โบกมือโบกไม้ปฏิเสธเป็นพัลวันเมื่อเริ่มเห็นควันกรุ่นๆ จากพ่อยอดขมองอิ่ม
“พี่ธามไม่โกรธรดานะคะที่เมื่อวาน...”
“รดาทำอะไรให้พี่โกรธบ้างล่ะ”
“พี่ธามก็...รดาขอโทษนะคะ” หญิงสาวเกี่ยวก้อยคืนดี ชายหนุ่มหัวเราะหึเมื่อเธอยื่นนิ้วก้อยมาตรงหน้า แต่ก็อดเกี่ยวก้อยแทนสัญญากับเธอไม่ได้ “รดาไม่ได้ตั้งใจ...จริงๆ นะคะ”
“ไม่มีผู้ชายคนไหนชอบใจหรอกนะที่แฟนตัวเองยกเลิกนัด แล้วไปกับผู้ชายอื่น” ชายหนุ่มบอกเสียงเรียบทำเอารดาหน้าเจื่อน
“รดาขอโทษจริงๆ ค่ะ อย่าโกรธรดาเลยนะคะ”
“แค่คำว่าขอโทษ พี่จะหายโกรธดีไหมนะ” อัษฎางค์ยังคงเล่นองค์ ทำให้รดาร้อนรนว่าเขาจะโกรธนานจึงทำใจกล้า โน้มศีรษะของอัษฎางค์ลงมามอบจุมพิตแสนหวานแทนคำขอโทษ
อัษฎางค์คงหงายหลังตกเก้าอี้ถ้าเก้าอี้ไม่มีพนักพิง มือหนากอดรัดร่างหญิงสาว มือไม้สะเปะสะปะ ริมฝีปากบางของชายหนุ่มจูบไปทั่วใบหน้าหวาน ก่อนไปหยุดที่ต้นคอ จูบหนักๆ ทิ้งรอยแดงไว้โดยที่รดาไม่ทันได้สังเกต
“พอได้แล้วค่ะ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นคงนัก
“เกือบไปแล้วไหมล่ะ”
อัษฎางค์อดโทษร่างนุ่มนิ่มที่อยู่ไม่สุข เธอนั่นแหละที่ทำให้เขาเกือบตบะแตก แม้ว่าจะพร่ำบอกตัวเองบ่อยๆ ว่าผู้หญิงอย่างรดาต้องเป็นเจ้าสาวของเขาคนเดียวเท่านั้น ที่สำคัญเขาไม่อยากมีลูกไม่ทันใช้เหมือนที่มิรันตี และเรวัตว่า แต่ลูกสาวหรือลูกชายของเขาต้องไม่ได้เกิดในห้องทำงานอย่างนี้
“หายโกรธรดาแล้วใช่ไหมคะ” คนยอมง้อถามเสียงสั่นทำให้อัษฎางค์หัวเราะหึกับอาการของแฟนสาว
ทำปากดีเมื่อกี้ยังตัวสั่นอยู่เลย
“ถ้าขอโทษด้วยวิธีแสนหวานอย่างนี้ค่อยน่าให้อภัยหน่อย” อัษฎางค์เลียริมฝีปากตัวเอง รดารีบกระโดดผลุงลงจากตักของเขาแล้วไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ก้มลงสะสางงานของตัวเองด้วยใบหน้าแดงก่ำ
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ภายในคอนโดมิเนียมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทรรศรัตน์หรือเคี้ยง นอนเปลือยกายมองดูรูปของบรรณาธิการสาวของนิตยสารดังที่เขาให้นักสืบเอกชนสืบประวัติของหญิงสาว ซองเอกสารสีน้ำตาลถูกแกะอย่างไม่ประณีตตามนิสัยของชายหนุ่ม ประวัติคร่าวๆ พร้อมรูปภาพขนาดโปสการ์ดห้าใบ ชายหนุ่มพิจารณาใบหน้านั้นอย่างพอใจ
ถึงเวลาที่พรานมือฉมังจะล่าเหยื่อแล้ว
งานแต่งงานของเรวัตครั้งที่แล้ว เขาได้มีโอกาสพบเธอโดยบังเอิญ หลังจากการพูดคุยเพียงเล็กน้อยทำให้เขาได้รู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงฉลาด หัวไว ผิดกับผู้หญิงสมองกลวงที่พร้อมจะขึ้นเตียงกับเขาหลังจากกาแฟเพียงแก้วเดียว สะพานที่เขาทอดไปให้เธอได้เพียงคำว่ามิตรภาพกลับมา หาได้นอกเหนือกว่านั้นไม่
เมื่อสัปดาห์ก่อนเขาต้องหัวเสียที่ไม่อาจติดต่อหญิงสาวได้ เบอร์โทรศัพท์มือถือที่เธอให้มากลับเป็นเบอร์ของบิดาเธอไปเสียอย่างนั้น จะนึกโกรธเธอก็ไม่ได้เมื่อเธอไม่ได้โกหกสักหน่อย
เมื่อวานเขาจึงนัดน้องสาวของเพื่อน รดาจึงตัวช่วยที่ดี เขาไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงนัก คำพูดของเธอซับซ้อนเกินกว่าเขาจะเข้าใจได้ คำว่า ‘ไม่เป็นไร’ ของพวกหล่อนทำให้เขาปวดหัวไปสามวันเจ็ดวัน รู้ดีว่ามันมีอะไรมากกว่าที่คิด
ก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมง เขาได้รับโทรศัพท์จากเรวัตที่สอบสวนเขาเสียงเครียดเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับรดา แน่ล่ะว่าไม่มีอะไรเกินเลยกว่าคำว่า ‘พี่น้อง’ จะโทษใครได้นอกจากแฟนของรดาที่หึงไม่เข้าเรื่อง
ชายหนุ่มจัดแจงเก็บข้าวของที่เกลื่อนกลาดในห้องให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เขามั่นใจว่าจะได้ต้อนรับเธอในห้องนี้อย่างแน่นอน คนมั่นใจในตัวเองสูงเชื่อว่าอย่างนั้น เพราะกับผู้หญิงคนอื่นๆ เขาไม่เคยใช้เวลาเกินสัปดาห์ด้วยซ้ำ
ปรัศนีย์แปลกใจที่จู่ๆ ทรรศรัตน์ หรือเคี้ยง หนุ่มโสดเนื้อหอมที่เพิ่งอิมพอร์ตจากแดนกีวีติดต่อกับนิตยสาร Girl ของเธอ พร้อมทั้งเจาะจงให้เธอเท่านั้นที่สัมภาษณ์ในคอลัมน์ All Men ด้วยดีกรีบรรณาธิการฝ่ายศิลป์อย่างเธออาจปฏิเสธไปได้ เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานของเธอเลยสักนิด แต่ก็อยากสั่งสอนให้ผู้ชายที่ ‘กล้าดี’ ได้ทราบว่าเธอไม่ได้เกรงกลัวนั่นเอง
“สวัสดีครับ” เสียงนุ่มริมใบหูทำให้เธอหันไปมอง หน้าบึ้งที่ปั้นไว้เป็นรอยยิ้มเป็นมิตรเมื่อเห็นว่าเขาเป็นใคร
“สวัสดีค่ะ คุณทรรศรัตน์”
ปรัศนีย์ยกมือไหว้ตามมารยาทจนทำให้ชายหนุ่มยกมือรับไหว้แทบไม่ทัน นึกโกรธมารดาที่ตั้งชื่อให้เขา ‘ทรรศรัตน์’ ชื่อหวานไป ที่สำคัญเขาหลีกเลี่ยงที่จะใช้ชื่อจริงถ้าไม่จำเป็น
“เรียกกันเองจังเลยนะครับ” เคี้ยงอดค้อนหญิงสาวที่เรียกเขาเสียเต็มยศไม่ได้
“แหม ก็ต้องเป็นการเป็นงานหน่อยสิคะ” เธอบอกอย่างไม่จริงจังนัก แล้วเริ่มต้นสัมภาษณ์เขาตามสคริปที่ได้เตรียมมา ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ขายขนมจีบแต่อย่างใด
จากนั้นไม่นาน เคี้ยงเองก็รีบล่าทับถอย เพราะไม่อยากเสียเพื่อนคนนี้ไป เธอทั้งเก่ง ฉลาด คุยสนุก บางทีการเป็นเพื่อนกับปรัศนีย์ก็ไม่เสียหาย
“ไว้เจอกันโอกาสหน้านะคะเคี้ยง ปรัศต้องไปแล้วล่ะคะ” หญิงสาวบอกเรียบๆ ชายหนุ่มพยักหน้าพร้อมทั้งเอ่ยปากเลี้ยงกาแฟเพื่อนใหม่
“ไว้เจอกันครับ บาย”
เคี้ยงจิบกาแฟอย่างอารมณ์ดี นึกเซ็งที่คืนนี้ต้องไปนอนกอดหมอนข้างไม่มีชีวิตเฉกเช่นคืนก่อนๆ เห็นทีคราวหน้าเขาจะพลาดไม่ได้แล้ว
เคี้ยงพิจารณารูปของปรัศนีย์เป็นครั้งสุดท้ายเนื่องจากเขาจะทำลายหลักฐาน ไม่อยากให้กระทบต่อความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อน ทว่าเขาไปสะดุดกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งในรูป แม้ว่าคนถ่ายจะไม่ได้โฟกัสไปที่หล่อนนัก เพียงพื้นที่อันน้อยนิดนั้น เคี้ยงยังเห็นความสวยของเธอที่มองแวบแรก แล้วไม่ติดตราตรึงใจนัก จะเรียกว่าอะไรดี ‘ยิ่งมองยิ่งสวย’ คงไม่ผิด เคี้ยงยิ้มอย่างชอบใจ
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
เสียงเคาะประตูทำเอาคนทั้งสองในห้องสะดุ้ง มองไปที่ประตูพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายราวกับวัวสันหลังหวะ ไม่ทันที่เจ้าของห้องจะบอกอนุญาต ประตูก็ถูกเปิดออก
มิรันตีหน้าซีดกับภาพที่เห็นตรงหน้า เรวัตกับผู้หญิงสวยหวานหยดคลอเคลียกัน นั่นไม่สำคัญเท่าเสื้อผ้าของฝ่ายหญิงที่หลุดลุ่ยอย่างน่าเกลียด
“มิ” เรวัตพูดได้แค่นั้น ก็รีบผละจากผู้หญิงที่เกือบเปลือย ในขณะที่มิรันตีมือไม้อ่อนจนตะกร้าอาหารหล่นไปกองกับพื้น หญิงสาวมองสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างไม่เชื่อสายตา
“ขอโทษนะคะที่เข้ามาผิดจังหวะ” มิรันตีบอกเสียงสั่น แล้วก้มลงเก็บตะกร้า พลางใช้อีกมือป้ายน้ำตาที่ไหลโดยที่หญิงสาวไม่รู้ตัว
“มิ คือว่าผม” เรวัตอดส่งสายตาดุๆ ใส่ผู้หญิงที่ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนไม่ได้ สาวนางนั้นค่อยๆ ติดกระดุมเสื้อตัวเองให้เรียบร้อย
“มิแค่ทำกับข้าวมาให้ เอ่อมิกลับก่อนนะคะ”
มิรันตีบอกอย่างไม่สนใจว่าเขาจะปฏิเสธ หรือแก้ตัวอย่างไร ภาพทีเห็นตรงหน้ามันชัดเจนพอแล้ว หญิงสาววางตะกร้าไว้บนโต๊ะทำงาน แล้วเดินออกมาโดยที่เรวัตพยายามรั้งไว้ เธอสะบัดร่างสูงทันที ไม่ให้เขาได้จับแขนเธอดั่งหวัง
“อย่ามาโดนตัวมินะ”
“อย่าดื้อได้ไหม เดี๋ยวก็ล้มไปหรอก” เรวัตหัวเสียที่เธอไม่ยอมฟังอะไรเลย
“มิไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกค่ะ แล้วไม่ต้องห่วงลูกของคุณด้วย” มิรันตีขึ้นเสียง นึกน้อยใจเขาที่สนใจเพียงแต่ลูก ตลอดเวลาเธอรู้สึกเช่นนั้นว่าทุกลมหายใจของเขามีแต่ลูก
“ผมไม่ได้เป็นห่วงแค่ลูก ผมเป็นห่วงคุณด้วย” ยิ่งเรวัตพูด มิรันตีก็เห็นเป็นเพียงคำแก้ตัว ชายหนุ่มจึงนิ่งเสีย
“ไม่ต้องห่วงมิหรอกค่ะ มิดูแลตัวเองได้ มิไม่รบกวนเวลาของคุณแล้วนะคะ”
“อย่าพูดแบบนี้สิ ผมรักคุณนะ” เรวัตบอกอย่างอ่อนโยน แล้วกอดร่างบาง มิรีนตีร้องไห้สะอึกสะอื้นในอ้อมกอด
“ทำไมฉันต้องใจอ่อนกับคำว่ารักของคุณด้วยนะ” เธอพึมพำคนเดียว
“กลับไปรอผมที่บ้านนะ ผมจะรีบกลับ”
เรวัตพาภรรยามาส่งที่รถพร้อมกำชับให้คนขับรถขับรถกลับบ้านดีๆ มิรันตีหน้าเสีย คิดว่าจับได้คาหนังคาเขาอย่างนี้ แล้วเขาจะกลับบ้านกับเธอเลย ที่ไหนได้ นี่เขากำลังจะกลับไปหาผู้หญิงคนนั้น คิดได้เท่านี้ น้ำตาของเธอก็ไหลอีกครา
เรวัตถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อรถยุโรปคันยาวออกจากโรงแรมแล่นไป จากนั้นก็รีบกดลิฟต์ขึ้นไปบนห้องทำงาน ชายหนุ่มมองร่างบางที่นั่งรอคำพิพากษาของเขาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก
“ทำไมแกต้องเอ่อ ปลดกระดุมเสื้อด้วยฮะเปิ้ล”
“แหม ถ้าอย่างนั้นมันก็ไม่สมจริงน่ะสิคะ อย่าโกรธเลยน่าเรวัต” ดาวยั่วจำเป็นบอกอย่างไม่ใส่ใจ กลับชอบใจด้วยซ้ำที่เห็นคู่รักเกือบถึงคราวแตกหัก
“งั้นผมคงต้องขอบคุณแกน่ะสิ” เขาคิดผิดจริงๆ ที่ใช้บริการเพื่อนคนนี้
“ก็แหงล่ะ ห้าพันสามสิบห้าบาท จ่ายมา” เหมือนว่าฝ่ายนั้นจะไม่ได้สนใจอะไรนัก แบมือทวงเงินยิกๆ จนเรวัตหมั่นไส้
“เออๆ จ่ายแน่ แต่ถ้าคืนนี้ฉันโดนไล่ให้นอนนอกห้องล่ะก็ ฉันจะตามไปบีบคอแก ยัยไม้แขวนเสื้อ” ชายหนุ่มบ่นขณะนับธนบัตรในกระเป๋าเงิน ส่งให้เพื่อนเก่าเพื่อนแก่โดยไม่ขาดไม่เกิน
ยัยไม้แขวนเสื้อทำหน้ามุ่ย เมื่อก่อนเธอทำหน้ามุ่ยกับเพื่อนๆ ที่สรรหาฉายามาตั้งให้เธอ ‘ไม้แขวนเสื้อ’ ช่างเหมาะกับเธอนัก สิ่งของภายในบ้านที่ใช้งานแบบถูๆ ไถๆ ไม่กลัวพัง หรือถ้าพังซื้อหามาใช้ใหม่ได้
“ไม่หรอกน่า เปิ้ลดูไม่ผิดหรอกว่าเธอกำลังหึงแกอยู่”
“หึงบ้าหึงบออะไรของแก ดูก็รู้ว่าโกรธ” เรวัตปฏิเสธทันควัน ไม่รู้จะเชื่อทฤษฎีของเปิ้ลได้หรือเปล่า แต่ที่เขาห่วงที่สุดคือความรู้สึกของมิรันตี
“ก็ไอ้อาการโกรธของแกนั่นแหละ เขาเรียกว่าหึง ไอ้โง่” เปิ้ลด่าเรวัตด้วยคำที่คุ้นหู ตลอดเวลาที่รู้จักกันไม่มีวันไหนเลยที่เธอจะไม่ด่าเขาด้วยคำว่า ‘ไอ้โง่’
“ว่าแต่สามสิบห้าบาท...แกเอาไปทำไม”
“อ๋อ ค่ารถตู้ยี่สิบห้าบาท อีกสิบบาทก็ค่ามอเตอร์ไซด์รับจ้างน่ะสิ” เปิ้ลบอกอย่างไม่สนใจ เก็บเงินไว้ในกระเป๋ากางเกงด้านหลัง ก่อนกระโดดลงจากโต๊ะทำงาน แล้วจัดชุดตัวเองให้เรียบร้อย
“เค็มจริงๆ เลยวุ้ย”
“เรียกใช้บริการได้ตลอดเวลานะแก” เปิ้ลไม่สนใจคำพูดเหน็บแนมของเรวัต เมื่อหมดเวลาของดาวยั่วจำเป็นแล้ว เปิ้ลก็รีบกลับบ้านไปนอนสบายอุรา
“เออๆ ฉันไม่ไปส่งแกนะ”
“รู้แล้วน่า ฉันไปล่ะนะ”
ทันทีที่เพื่อนออกไปจากห้องทำงาน เรวัตก็กดโทรศัพท์ระรัว สั่งดอกกุหลาบสีเหลืองช่อโตสำหรับมิรันตีเย็นนี้ ต่อด้วยห้องอาหารสุดหรู บรรยากาศเยี่ยมสำหรับเขา และเธอ
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
รดามองมิรันตีที่มาร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรกับอัษฎางค์ เธอร้องไห้พร่ำบอกแต่ว่าเรวัตนอกใจ มีคนใหม่พร้อมทั้งประกาศว่าเธอจะไม่กลับบ้าน รดาจึงเลี่ยงออกมาโทรคุยกับพี่ชายให้หายข้องใจ เตรียมเฉ่งพี่ชายซะเต็มที่ที่ทำให้พี่สะใภ้ผู้แสนดีเสียใจได้ขนาดนี้ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อเรวัตได้เลย
“โอ๊ย ตายแน่ ป๋านะป๋า จะปิดโทรศัพท์ทำไมตอนนี้” ด้านเรวัตที่ปิดโทรศัพท์ เพราะต้องการสมาธิในการเคลียร์งานให้เสร็จเรียบร้อย
หลังจากนั้นไม่นานคุณหญิงรดีสุดาก็โทรหารดาให้วุ่นเมื่อลูกสะใภ้ที่กำลุงอุ้มท้องหลานผู้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดยังไม่กลับบ้านเสียที ถามกับคนขับรถก็ทราบเพียงแต่ว่าให้ไปส่งที่คลับ ไม่ต้องรอ จะกลับเอง
“ค่ะ คุณหญิงแม่” รดากลั้นใจรับโทรศัพท์ ไม่อยากนึกถึงสิ่งจะเกิดขึ้นหลังจากนี้
“รดา หนูมิอยู่ที่นั่นรึเปล่า”
นั่นไง ว่าแล้วเชียว
“อยู่ค่ะคุณแม่ เอ่อ พี่มิบอกว่าวันนี้ไม่กลับบ้านนะคะ ถ้าคุณแม่อยากรู้อะไรให้ถามป๋าเอาเองนะคะ หนูยุ่งๆ อยู่ค่ะ” รดาสั่งเป็นชุดแล้วตัดสายหน้าตาเฉย แล้วจัดการปิดเครื่อง ไม่อยากเสี่ยงกับพายุลูกใหญ่ที่ก่อตัวขึ้นแล้ว และรู้สึกว่าจะเคลื่อนตัวไปสู่พี่ชายเธอด้วยความเร็วสูง
กลับไปในห้อง อัษฎางค์ก็จัดการอุ้มมิรันตีที่ร้องไห้จนหลับไปวางบนโซฟาอย่างเบามือ คลี่เสื้อสูทตัวใหญ่คลุมร่างบางแล้วเช็ดน้ำตาให้เธอ รดามองการกระทำที่แสนจะอ่อนโยนอย่างลืมตัว
“รดาติดต่อป๋าไม่ได้เลยล่ะคะ”
“อือ แล้วไง” เสียงทุ้มบอกอย่างไม่ใส่ใจจนรดาใจเสียแทนพี่ชาย สมควรอยู่หรอกที่จะโกรธ แต่ไม่นึกว่าเขาจะพาลใส่เธอแบบนี้
“เอ่อ แล้วคุณมิล่ะคะ”
“ร้องไห้จนหลับไปแล้ว” อัษฎางค์กระแทกเสียงตอบโดยลืมนึกไปว่าเขากำลังโกรธพี่ชายของเธออยู่ ไม่ใช่เธอสักหน่อย
“รดาว่าจะไปดูที่โรงแรมสักหน่อย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นคุณมิถึงเตลิดมานี่”
“จะทำอะไรก็ทำ จะไปไหนก็ไป”
“ไม่เอาน่าพี่ธาม อย่างเพิ่งโกรธสิคะ เรายังไม่รู้เรื่องเลยว่าเกิดอะไรขึ้น” รดาไม่ชอบใจนักที่อัษฎางค์ทำตัวงี่เง่า
อย่างนี้
“ผู้หญิงไม่มีหัวใจอย่างรดาจะรู้สึกอะไรเวลาที่แฟนตัวเองนอกใจ” ความเครียดที่สะสมมาทำให้อัษฎางค์เผลอปากพูดไปทำเอาคนฟังหัวใจกระตุกวูบ
“เอ๊ะ พี่ธามทำไมพูดกับรดาแบบนี้ล่ะคะ”
“พี่พูดความจริง”
“รดาไม่เคยนอกใจ พี่ธามก็รู้”
“แต่รดาไปกับไอ้นั่น แล้วปฏิเสธพี่” แม้ว่าเขาจะไม่โกรธ แต่ก็อดคิดไม่ได้ มันยังค้างๆ คาๆ อยู่ในใจ
“รดาว่าเราคุยกันเรื่องนั้นรู้เรื่องแล้วนะคะ พี่ธามจะฟื้นฝอยหาตะเข็บอีกทำไม”
“พี่น้อยใจนี่ รดาทิ้งให้พี่รอ...แต่ไปกับมัน พี่อยากจะเชื่อที่รดาบอก แต่ข่าวมันหนาหูเหลือเกินจนพี่คิดว่า...” เรื่องของทรรศรัตน์ยังเหมือนตะกอนในใจคอยทำให้อัษฎางค์วุ่นวายใจอยู่เสมอ
“จะเชื่อรดาดีหรือเปล่า” เธอบอกอย่างรู้ทัน นึกขอบคุณน้ำตาที่ไม่สร้างความอ่อนแอให้เธอตอนนี้ รดามองหน้าอัษฎางค์ที่เงียบงัน
ความเงียบเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
ทั้งอัษฎางค์ และรดาต่างนิ่งอยู่นาน ก่อนที่อัษฎางค์จะตัดสินใจพูด
“พี่พยายามแล้ว แต่พี่ไม่ชอบ พี่ไม่สบายใจที่ต้องเจอข่าวรดากับผู้ชาย ไม่ว่านายเคี้ยงหรือว่าใคร รดาไม่รู้หรอกว่าพี่ร้อนใจแค่ไหนเวลาที่เห็นข่าวแฟนตัวเองกับคนอื่น...รดาไม่เข้าใจ”
“รดาบอกพี่แล้วใช่ไหมว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน เราเป็นแค่พี่น้องกัน ทำไมพี่ไม่เชื่อรดาบ้าง นี่แค่พี่เคี้ยงคนเดียวพี่ยังเป็นเอามากขนาดนี้ ถ้ามีผู้ชายคนอื่นโผล่มาอีกพี่ไม่บ้าตายรึไงกัน” ฟางเส้นสุดท้ายของเธอขาดผึง
“แต่ข่าวนั่น...”
“หยุดพูดถึงข่าวสักทีพี่ธาม!” รดาว่าอัษฎางค์เสียงดัง มองเขาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา "รดาคิดว่าพี่ธามจะเข้าใจรดา แต่เปล่าเลย...พี่ธามไม่เข้าใจรดาเลยสักนิดเดียว!
“พี่ เอ่อ พี่ขอโทษ” อัษฎางค์
“พี่ธามไม่ต้องขอโทษผู้หญิงไม่มีหัวใจอย่างรดาก็ได้ค่ะ เชิญพี่ธามไปตามหาผู้หญิงที่มีหัวใจของพี่ให้เจอนะคะ อย่าเสียเวลากับรดาเลย แล้วเรื่องของคุณมิ พี่ชายรดาไม่ดีเอง แล้วอีกอย่างนะคะ รดาไม่ใช่ชักโครกที่พี่ธามไม่พอใจจะได้โยนมันทิ้งที่รดา”
“เดี๋ยวรดา” อัษฎางค์ขวางหน้าไม่ให้หญิงสาวผ่านไปได้ง่ายๆ เธอขึงตามองร่างสูงที่ขวางไว้
“อะไร” รดาถามเสียงห้วน
“เมื่อกี้พี่ขอโทษจริงๆ พี่ไม่ได้ตั้งใจ”
“พี่ไม่ได้ตั้งใจ แต่-รดา-เสีย-ใจ” รดาผลักอัษฎางค์ให้พ้นทาง คว้ากระเป๋าถือ แล้วเดินออกไปจากห้อง ก่อนปิดประตูดังปัง
อัษฎางค์มองประตูที่เพิ่งปิดลง เสียงดังของมันตอกย้ำความผิดของเขาว่าทำร้ายผู้หญิงที่เขารักด้วยอารมณ์ชั่ววูบมากเพียงใด
รดานั่งนิ่งในรถเป็นชั่วโมง ปล่อยให้น้ำตาไหลเป็นทาง เจ้าตัวไม่สนใจจะเช็ดมันสักนิด อดหัวเราะเยาะตัวเองไม่ได้ หลังจากพ่นคำพูดใส่หน้าเขาแล้วเธอก็ต้องเสียน้ำตากับสิ่งที่ทำไป
น้ำตาคือเพื่อนแท้
หญิงสาวเริ่มชินกับรสชาติเค็มๆ ปะแล่มๆ ของน้ำตา บางทีก็รู้สึกว่ามันหวานไปถึงขั้วหัวใจ เธอจะร้องไห้ให้กับความรักอีกครั้งจะเป็นไรไป
กลับไปถึงบ้านก็พบมารดาตีหน้ายักษ์ถามพี่ชายถึงผู้หญิงคนนั้นเสียงเครียด โชคดีที่เรวัตกลับมาพอดี รดาจึงสามารถซ่อนซ่อนดวงตาแดงก่ำได้ หญิงสาวเดินปรี่ขึ้นไปบนบ้าน นอนเล่นบนเตียงอย่างซังกะตาย ปล่อยให้โทรศัพท์ของเธอสั่นอย่างไม่สนใจ
‘ที่รัก’ เป็น Missed call ที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่อาจเรียกความสนใจจากรดาเลย เธอหยิบไดอารี่เล่มสีเทาที่เขียนจนหมดเล่มมาเปิดอ่าน บันทึกรักของเธอ และเขา ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกันจนถึงงานแต่งงานของเรวัต เธอก็วุ่นจนไม่ได้หาไดอารี่เล่มใหม่มาเตรียม
รดาพิจารณาตัวเองในกระจก ใบหน้าจืดชืดไร้การแต่งแต้มดูไม่จืดกับแว่นตากรอบหนา มือเรียวปล่อยผมที่รวบไว้เรียบๆ ผมหน้าม้าที่ปล่อยให้ยาวจนต้องแสกข้าง
ยัยเพิ้งเอ๊ย
หญิงสาวอดติงภาพสะท้อนจากกระจกเงาไม่ได้ นานเท่าไหร่แล้วที่เธอปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้อยู่สภาพนี้ เธอเป็นผู้หญิงไม่มีหัวใจอย่างที่เขาว่าจริงๆ นั่นแหละ ร่างอวบเดินไปเปิดวิทยุที่ตั้งสถานีคลื่นโปรดไว้พร้อมทั้งหอบนิตยสารสี่สีเล่มโตมาเลือกหาทรงผมทรงใหม่ จากนั้นไม่นาน หญิงสาวก็ซิ่งเฟอร์รารี่ไปร้านทำผมประจำของมด
ผมยาวถึงกลางหลังถูกหั่นจนลืมเค้าสาวหวานคนเดิม อีกทั้งยังทำไฮไลท์เป็นสาวเปรี้ยวอีกต่างหาก ช่างผมมองผมนุ่มสวยอย่างเสียดาย แม้ว่าจะพึงพอใจกับผลงานของตัวเอง
“เดี๋ยวมันก็ยาวใหม่” รดาบอกอย่างไม่ใส่ใจนักโดยที่เธอรู้ว่ามันไม่จริงเลย
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ทางด้านอัษฎางค์ก็กระหน่ำโทรศัพท์หาแฟนสาวที่เพิ่งประกาศตัดความสัมพันธ์จนมือหงิก ด่าทอตัวเองต่างๆ นานาว่าเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด เมื่อคิดพิจารณาเรื่องทั้งหมดก็อยากฆ่าตัวเองนักที่พูดอะไรไม่คิด
“ไอ้ธามบ้า เห็นไหมว่ารดาเขาโกรธ”
อัษฎางค์ด่าตัวเองปาวๆ ขณะกดโทรศัพท์หาหญิงสาวไม่มีทีท่าจะใจอ่อนรับโทรศัพท์เขาสักที นานเข้ากลับตัดสายไปซะงั้น
“เพราะแกคนเดียว ไอ้เร” เมื่อพึ่งตัวเองไม่ได้ก็ต้องพึ่งพี่ชายเธอ
อัษฎางค์โบ้ยให้เป็นความผิดของเรวัตที่ทนไม่ได้กับบรรยากาศอึมครึมกับมิรันตี จนไปถึงแผนการที่มีผลให้เขากับรดาทะเลาะกัน เรวัตฟังว่าที่น้องเขยด่าทอมาตามสายจนยกโทรศัพท์ออกจากหูแทบไม่ทัน เมื่อกี้เขาต้องทนฟังมารดาเทศนามากัณฑ์ใหญ่จนระลึกชาติไป แล้วยังต้องมาฟังอดีตคู่แค้นด่าเป็นชุดอีก
“โอ๊ย อะไรของแกวะ”
“ก็เพราะว่าแกวางแผนบ้าๆ นั่น ทำให้ฉันกับรดาเดือดร้อนไปด้วยนี่หว่า” อัษฎางค์ยังโทษเรวัต ไม่ยอมรับว่าเป็นความผิดของตนที่ว่าหญิงสาวจนช้ำใจ
“อ้าว พูดอย่างนี้ก็ไม่ถูกนี่หว่า”
“เออน่า ฉันบอกว่าแกผิด แกก็ผิด” เรวัตหมายจะท้วง แต่นึกได้ว่าเวลานี้จะโทษว่าใครถูกใครผิดก็ป่วยการณ์ ที่สำคัญตอนนี้น้องสาวเขาก็กำลังอกหักซะด้วย
“เออๆ เดี๋ยวฉันจะคุยกับรดาอีกทีก็แล้วกัน อย่าทำดีใจไปล่ะ นี่ถ้าฉันไม่กลัวน้องสาวฉันจะเฮิร์ทหนักล่ะก็ ฉันไม่ช่วยแกหรอก” เรวัตดักคอ กลัวเพื่อนตัวจะเหลิง
“ครับ ไอ้คุณพี่แสนดี” อัษฎางค์อดประชดพี่ชายที่หวงน้องสาวไม่ได้
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
นุ่นอาการดีขึ้นแล้วค่ะ ไปทำกายภาพวันเว้นวันได้แล้ว หมอนัดอีกทีวันอังคารหน้าค่ะ
แล้วก็อยู่ในช่วงสอบกลางภาคอีกด้วย ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะคะ :)
รักอลวน ปฏิบัติการอลเวง
อัษฎางค์มองการ์ดแต่งงานของเพื่อนฝูงอย่างขยาด เขาไม่อยากไปร่วมแสดงความยินดี ปั้นหน้าดีใจกับคู่บ่าวสาวนัก แม้ว่าเขา และรดาจะหมั้นกันอย่างเป็นทางการไปไม่นานมานี้ ในใจลึกๆ ยังหวั่นกับความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่
สองสัปดาห์กับสี่วันกับการเป็นคู่หมั้น แต่เกือบหกเดือนแล้วกับฐานะแฟน ดังนั้นซองสีชมพูหวานแหววจึงเปรียบเหมือนยาขมสำหรับชายหนุ่ม
เซ็งชะมัด ไอ้พวกมีความรัก
อัษฎางค์เขี่ยเส้นมักกะโรนีในจานอย่างเซ็งๆ ในขณะที่รดาม้วนเส้นขนาดพอดีคำเข้าปากเป็นคำสุดท้าย แล้วสั่งไอศกรีมกะทิสดตบท้ายโดยลืมนับจำนวนแคลอรี่ของอาหารเย็นมื้อนี้
“อาหารไม่ถูกปากหรือคะ”
“เปล่าหรอก พอดีพี่ไม่ค่อยหิวน่ะ”
หลังจากรับประทานอาหารเย็นนอกบ้าน กิจกรรมประจำสัปดาห์ของคู่รักที่พึงปฏิบัติร่วมกัน ชายหนุ่มปฏิเสธที่จะไปฟังเพลงต่ออย่างที่เคยปฏิบัติกันทุกเย็น ดังนั้นทั้งคู่จึงตกลงดูหนังรอบค่ำ แล้วค่อยกลับบ้าน
“ฝันดีนะคะพี่ธาม”
“ครับ”
รดาโบกมือลาจนรถวีออสเคลื่อนไปจนลับตาตามมารยาททางสังคมที่มารดาสอนไว้ หญิงสาวใช้นิ้วเรียวสางผม อากาศร้อนอบอ้าวอย่างนี้ทำให้เธออยากแช่น้ำเย็นๆ คลายร้อนลงได้บ้าง
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
มิรันตีย้ายเข้ามาในคฤหาสน์วงศ์เศวตกุลในฐานะนายหญิงคนใหม่ของที่นี่ กิริยามารยาทที่เรียบร้อย และใบหน้าที่ยิ้มแย้มทำให้หญิงสาวเป็นที่รักของคนที่นี่ได้ไม่ยาก ชีวิตหลังการแต่งงานของมิรันตี และเรวัตเริ่มเข้าที่เข้าทาง คุณหญิงรดีสุดาเริ่มสอนงานบริหารโรงแรมกับเรวัต หวังให้ลูกชายคนโตรับช่วงกิจการต่อ ส่วนรดาก็กำลังวุ่นกับงานที่คลับ ดังนั้นภาพที่เห็นจนชินตาในคฤหาสน์หลังงามคือมิรันตีอยู่กับคนรับใช้อย่างเหงาหงอย
เช้านี้ หลังจากที่ใส่บาตรเสร็จ มิรันตีก็จัดดอกไม้ถวายพระอย่างเบื่อๆ เพราะไม่รู้จะทำอะไรดี หญิงสาวไม่ชินกับกับการอยู่เฉยๆ นึกน้อยใจคุณสามีที่ปล่อยให้เธอทำหน้าที่แม่บ้าน ยิ่งคนรับใช้ในบ้านรู้ว่าเธอกำลังมีเจ้าตัวเล็ก ยิ่งไม่ยอมให้เธอได้หยิบจับอะไรเลย เมื่อมิรันตีไม่มีความสุข เธอจึงต้องหาทางระบายกับคนคุ้นเคย เป็นผลให้กิจวัตรประจำวันของอัษฎางค์เพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งอย่าง ซึ่งก็คือการนั่งฟังมิรันตีบ่นว่าเบื่อทุกเช้าก่อนเวลาทำงาน แรกๆ เขาก็ให้คำปรึกษาไปอย่างดี จนพักหลังมานี้เขาก็บอกเอออออย่างนั้น นึกสงสัยว่าน้องสาวเขาเป็นพวกย้ำคิดย้ำทำไปตั้งแต่เมื่อไหร่กัน
“สามีไม่มีเวลาภรรยาก็ไปหาสิ ไม่มีใครห้ามสักหน่อย” อัษฎางค์ชี้ทางให้มิรันตี
“ไม่เอาหรอกพี่ธาม มิไม่รู้จะหาข้ออ้างอะไรนี่คะ คนอื่นจะมองยังไง”
“จะกลัวทำไม คนเป็นสามีภรรยากันจะพบกันก็ไม่ใช่เรื่องแปลก แล้วถ้าภรรยาจะทำอาหารกลางวันให้สามีทาน...ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”
“ทำอาหาร จริงด้วย ทำไมมิถึงคิดไม่ออกนะ” มิรันตีดีดนิ้วเปาะกับความคิดเห็นของพี่ชาย
“ส่วนตอนบ่ายก็ไปช็อปปิ้ง เข้าสปา เรียนทำอาหาร เรียนโยคะก็ได้นี่มิ เดี๋ยวพี่หาข้อมูลฝากรดาไปให้ก็แล้วกัน จะได้ไม่ฟุ้งซ่าน...จะชวนรดาไปด้วยก็ได้นะ พี่อนุญาต” อัษฎางค์เข้าใจน้องสาวว่ารู้สึกโดดเดี่ยวถึงเพียงใด
“ขอบคุณค่ะพี่ธาม งั้นมิขอตัวไปเตรียมอาหารกลางวันให้สามีที่รักก่อนนะคะ”
“โอเคครับ”
นอกจากเรื่องน้องสาวตัวดี แล้วยังมีเรื่องแฟนสาวจิตป่วนรบกวนจิตใจของเขาอีกเมื่อเปิดเว็บไซต์หาข้อมูลให้มิรันตี อัษฎางค์ต้องได้ข่าวไม่พึงประสงค์ของรดากับหนุ่มไฮโซนามทรรศรัตน์ให้ต้องคิดมาก
ข่าวซุบซิบของสังคมไฮโซกล่าวถึงแฟนสาวของเขากับชายอื่นที่เขาบังเอิญเจอในงานแต่งงานของมิรันตีกับเรวัต แม้ว่าเนื้อหาของข่าวจะไม่ไปทางชู้สาว แต่ก็ทำให้คนที่ไม่ค่อยได้บริหารเสน่ห์หมดความมั่นใจในตัวเองได้เหมือนกัน
อัษฎางค์ไม่สบายอยู่ไม่นาน ประตูห้องทำงานก็เปิดผางออก รดาวิ่งกระเซอะกระเซิงมาพร้อมขนมถุงใหญ่ หญิงสาวชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นอัษฎางค์นั่งอยู่ก่อนแล้ว
“อรุณสวัสดิ์ค่ะพี่ธาม วันนี้มาทำงานแต่เช้านะคะ รดาซื้อขนมอร่อยๆ มาฝากพี่ธามเยอะแยะเลยค่ะ” รดาเอ่ยทักชายหนุ่มที่นั่งหน้ามุ่ยพร้อมวางถุงขนมบนโต๊ะอย่างประจบ
เมื่ออัษฎางค์เห็นว่าเป็นเบเกอรี่จากโรงแรมดังก็ต้องข่มความไม่พอใจไว้ในใบหน้าที่เรียบเฉย คอยดูว่ารดาจะแก้ตัวอย่างไร เพราะชายหนุ่มทราบอยู่แก่ใจว่าขนมดังกล่าวนั้น รดาคงจะซื้อมาจากโรงแรมที่ไปกินข้าวกับชายอื่น!
“เป็นอะไรไปเอ่ย หน้านิ่วคิ้วขมวดเลย” ว่าแล้วรดาก็ใช้นิ้วชี้จิ้มคิ้วหน้าที่พาดเฉียงดวงตาคม มือหนาคว้าหมับที่มือเรียวทันที แล้วออกแรงดึงให้ร่างอวบเซนั่งตักเขา
“ป้อนหน่อย” อัษฎางค์หมายถึงทาร์ตส้มที่รดาซื้อมาเพื่อกลบเกลื่อนความผิดที่เมื่อวานเบี้ยวนัดเขา แล้วไปเที่ยวกับทรรศรัตน์
“ก็ได้ค่ะ” รดาทำตามอย่างว่าง่าย เพราะเพิ่งก่อคดีไปหมาดๆ ไม่อยากทำให้อัษฎางค์อารมณ์เสียไปมากกว่านี้
“พี่อยากไปฟังเพลง” ชายหนุ่มมองเธอที่พยายามแกะกล่องขนม แต่เมื่อแกะไม่ได้จึงต้องออกตัวช่วยแฟนสาว
“เย็นนี้เหรอคะ” รดาทำท่าครุ่นคิด
“อย่าบอกว่าไม่ว่างนะ” อัษฎางค์ถามหลังจากที่รดาส่งทาร์ตส้มคำแรกเข้าปาก รดารีบส่ายหน้า โบกมือโบกไม้ปฏิเสธเป็นพัลวันเมื่อเริ่มเห็นควันกรุ่นๆ จากพ่อยอดขมองอิ่ม
“พี่ธามไม่โกรธรดานะคะที่เมื่อวาน...”
“รดาทำอะไรให้พี่โกรธบ้างล่ะ”
“พี่ธามก็...รดาขอโทษนะคะ” หญิงสาวเกี่ยวก้อยคืนดี ชายหนุ่มหัวเราะหึเมื่อเธอยื่นนิ้วก้อยมาตรงหน้า แต่ก็อดเกี่ยวก้อยแทนสัญญากับเธอไม่ได้ “รดาไม่ได้ตั้งใจ...จริงๆ นะคะ”
“ไม่มีผู้ชายคนไหนชอบใจหรอกนะที่แฟนตัวเองยกเลิกนัด แล้วไปกับผู้ชายอื่น” ชายหนุ่มบอกเสียงเรียบทำเอารดาหน้าเจื่อน
“รดาขอโทษจริงๆ ค่ะ อย่าโกรธรดาเลยนะคะ”
“แค่คำว่าขอโทษ พี่จะหายโกรธดีไหมนะ” อัษฎางค์ยังคงเล่นองค์ ทำให้รดาร้อนรนว่าเขาจะโกรธนานจึงทำใจกล้า โน้มศีรษะของอัษฎางค์ลงมามอบจุมพิตแสนหวานแทนคำขอโทษ
อัษฎางค์คงหงายหลังตกเก้าอี้ถ้าเก้าอี้ไม่มีพนักพิง มือหนากอดรัดร่างหญิงสาว มือไม้สะเปะสะปะ ริมฝีปากบางของชายหนุ่มจูบไปทั่วใบหน้าหวาน ก่อนไปหยุดที่ต้นคอ จูบหนักๆ ทิ้งรอยแดงไว้โดยที่รดาไม่ทันได้สังเกต
“พอได้แล้วค่ะ” เธอบอกด้วยน้ำเสียงที่ไม่มั่นคงนัก
“เกือบไปแล้วไหมล่ะ”
อัษฎางค์อดโทษร่างนุ่มนิ่มที่อยู่ไม่สุข เธอนั่นแหละที่ทำให้เขาเกือบตบะแตก แม้ว่าจะพร่ำบอกตัวเองบ่อยๆ ว่าผู้หญิงอย่างรดาต้องเป็นเจ้าสาวของเขาคนเดียวเท่านั้น ที่สำคัญเขาไม่อยากมีลูกไม่ทันใช้เหมือนที่มิรันตี และเรวัตว่า แต่ลูกสาวหรือลูกชายของเขาต้องไม่ได้เกิดในห้องทำงานอย่างนี้
“หายโกรธรดาแล้วใช่ไหมคะ” คนยอมง้อถามเสียงสั่นทำให้อัษฎางค์หัวเราะหึกับอาการของแฟนสาว
ทำปากดีเมื่อกี้ยังตัวสั่นอยู่เลย
“ถ้าขอโทษด้วยวิธีแสนหวานอย่างนี้ค่อยน่าให้อภัยหน่อย” อัษฎางค์เลียริมฝีปากตัวเอง รดารีบกระโดดผลุงลงจากตักของเขาแล้วไปนั่งที่โต๊ะทำงานของตัวเอง ก้มลงสะสางงานของตัวเองด้วยใบหน้าแดงก่ำ
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ภายในคอนโดมิเนียมหรูริมแม่น้ำเจ้าพระยา ทรรศรัตน์หรือเคี้ยง นอนเปลือยกายมองดูรูปของบรรณาธิการสาวของนิตยสารดังที่เขาให้นักสืบเอกชนสืบประวัติของหญิงสาว ซองเอกสารสีน้ำตาลถูกแกะอย่างไม่ประณีตตามนิสัยของชายหนุ่ม ประวัติคร่าวๆ พร้อมรูปภาพขนาดโปสการ์ดห้าใบ ชายหนุ่มพิจารณาใบหน้านั้นอย่างพอใจ
ถึงเวลาที่พรานมือฉมังจะล่าเหยื่อแล้ว
งานแต่งงานของเรวัตครั้งที่แล้ว เขาได้มีโอกาสพบเธอโดยบังเอิญ หลังจากการพูดคุยเพียงเล็กน้อยทำให้เขาได้รู้ว่าเธอเป็นผู้หญิงฉลาด หัวไว ผิดกับผู้หญิงสมองกลวงที่พร้อมจะขึ้นเตียงกับเขาหลังจากกาแฟเพียงแก้วเดียว สะพานที่เขาทอดไปให้เธอได้เพียงคำว่ามิตรภาพกลับมา หาได้นอกเหนือกว่านั้นไม่
เมื่อสัปดาห์ก่อนเขาต้องหัวเสียที่ไม่อาจติดต่อหญิงสาวได้ เบอร์โทรศัพท์มือถือที่เธอให้มากลับเป็นเบอร์ของบิดาเธอไปเสียอย่างนั้น จะนึกโกรธเธอก็ไม่ได้เมื่อเธอไม่ได้โกหกสักหน่อย
เมื่อวานเขาจึงนัดน้องสาวของเพื่อน รดาจึงตัวช่วยที่ดี เขาไม่ค่อยเข้าใจความรู้สึกของผู้หญิงนัก คำพูดของเธอซับซ้อนเกินกว่าเขาจะเข้าใจได้ คำว่า ‘ไม่เป็นไร’ ของพวกหล่อนทำให้เขาปวดหัวไปสามวันเจ็ดวัน รู้ดีว่ามันมีอะไรมากกว่าที่คิด
ก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมง เขาได้รับโทรศัพท์จากเรวัตที่สอบสวนเขาเสียงเครียดเรื่องความสัมพันธ์ของเขากับรดา แน่ล่ะว่าไม่มีอะไรเกินเลยกว่าคำว่า ‘พี่น้อง’ จะโทษใครได้นอกจากแฟนของรดาที่หึงไม่เข้าเรื่อง
ชายหนุ่มจัดแจงเก็บข้าวของที่เกลื่อนกลาดในห้องให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เขามั่นใจว่าจะได้ต้อนรับเธอในห้องนี้อย่างแน่นอน คนมั่นใจในตัวเองสูงเชื่อว่าอย่างนั้น เพราะกับผู้หญิงคนอื่นๆ เขาไม่เคยใช้เวลาเกินสัปดาห์ด้วยซ้ำ
ปรัศนีย์แปลกใจที่จู่ๆ ทรรศรัตน์ หรือเคี้ยง หนุ่มโสดเนื้อหอมที่เพิ่งอิมพอร์ตจากแดนกีวีติดต่อกับนิตยสาร Girl ของเธอ พร้อมทั้งเจาะจงให้เธอเท่านั้นที่สัมภาษณ์ในคอลัมน์ All Men ด้วยดีกรีบรรณาธิการฝ่ายศิลป์อย่างเธออาจปฏิเสธไปได้ เพราะไม่ได้เกี่ยวข้องกับงานของเธอเลยสักนิด แต่ก็อยากสั่งสอนให้ผู้ชายที่ ‘กล้าดี’ ได้ทราบว่าเธอไม่ได้เกรงกลัวนั่นเอง
“สวัสดีครับ” เสียงนุ่มริมใบหูทำให้เธอหันไปมอง หน้าบึ้งที่ปั้นไว้เป็นรอยยิ้มเป็นมิตรเมื่อเห็นว่าเขาเป็นใคร
“สวัสดีค่ะ คุณทรรศรัตน์”
ปรัศนีย์ยกมือไหว้ตามมารยาทจนทำให้ชายหนุ่มยกมือรับไหว้แทบไม่ทัน นึกโกรธมารดาที่ตั้งชื่อให้เขา ‘ทรรศรัตน์’ ชื่อหวานไป ที่สำคัญเขาหลีกเลี่ยงที่จะใช้ชื่อจริงถ้าไม่จำเป็น
“เรียกกันเองจังเลยนะครับ” เคี้ยงอดค้อนหญิงสาวที่เรียกเขาเสียเต็มยศไม่ได้
“แหม ก็ต้องเป็นการเป็นงานหน่อยสิคะ” เธอบอกอย่างไม่จริงจังนัก แล้วเริ่มต้นสัมภาษณ์เขาตามสคริปที่ได้เตรียมมา ไม่เปิดโอกาสให้เขาได้ขายขนมจีบแต่อย่างใด
จากนั้นไม่นาน เคี้ยงเองก็รีบล่าทับถอย เพราะไม่อยากเสียเพื่อนคนนี้ไป เธอทั้งเก่ง ฉลาด คุยสนุก บางทีการเป็นเพื่อนกับปรัศนีย์ก็ไม่เสียหาย
“ไว้เจอกันโอกาสหน้านะคะเคี้ยง ปรัศต้องไปแล้วล่ะคะ” หญิงสาวบอกเรียบๆ ชายหนุ่มพยักหน้าพร้อมทั้งเอ่ยปากเลี้ยงกาแฟเพื่อนใหม่
“ไว้เจอกันครับ บาย”
เคี้ยงจิบกาแฟอย่างอารมณ์ดี นึกเซ็งที่คืนนี้ต้องไปนอนกอดหมอนข้างไม่มีชีวิตเฉกเช่นคืนก่อนๆ เห็นทีคราวหน้าเขาจะพลาดไม่ได้แล้ว
เคี้ยงพิจารณารูปของปรัศนีย์เป็นครั้งสุดท้ายเนื่องจากเขาจะทำลายหลักฐาน ไม่อยากให้กระทบต่อความสัมพันธ์ฉันท์เพื่อน ทว่าเขาไปสะดุดกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งในรูป แม้ว่าคนถ่ายจะไม่ได้โฟกัสไปที่หล่อนนัก เพียงพื้นที่อันน้อยนิดนั้น เคี้ยงยังเห็นความสวยของเธอที่มองแวบแรก แล้วไม่ติดตราตรึงใจนัก จะเรียกว่าอะไรดี ‘ยิ่งมองยิ่งสวย’ คงไม่ผิด เคี้ยงยิ้มอย่างชอบใจ
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
เสียงเคาะประตูทำเอาคนทั้งสองในห้องสะดุ้ง มองไปที่ประตูพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายราวกับวัวสันหลังหวะ ไม่ทันที่เจ้าของห้องจะบอกอนุญาต ประตูก็ถูกเปิดออก
มิรันตีหน้าซีดกับภาพที่เห็นตรงหน้า เรวัตกับผู้หญิงสวยหวานหยดคลอเคลียกัน นั่นไม่สำคัญเท่าเสื้อผ้าของฝ่ายหญิงที่หลุดลุ่ยอย่างน่าเกลียด
“มิ” เรวัตพูดได้แค่นั้น ก็รีบผละจากผู้หญิงที่เกือบเปลือย ในขณะที่มิรันตีมือไม้อ่อนจนตะกร้าอาหารหล่นไปกองกับพื้น หญิงสาวมองสามีที่ถูกต้องตามกฎหมายอย่างไม่เชื่อสายตา
“ขอโทษนะคะที่เข้ามาผิดจังหวะ” มิรันตีบอกเสียงสั่น แล้วก้มลงเก็บตะกร้า พลางใช้อีกมือป้ายน้ำตาที่ไหลโดยที่หญิงสาวไม่รู้ตัว
“มิ คือว่าผม” เรวัตอดส่งสายตาดุๆ ใส่ผู้หญิงที่ทำตัวเป็นทองไม่รู้ร้อนไม่ได้ สาวนางนั้นค่อยๆ ติดกระดุมเสื้อตัวเองให้เรียบร้อย
“มิแค่ทำกับข้าวมาให้ เอ่อมิกลับก่อนนะคะ”
มิรันตีบอกอย่างไม่สนใจว่าเขาจะปฏิเสธ หรือแก้ตัวอย่างไร ภาพทีเห็นตรงหน้ามันชัดเจนพอแล้ว หญิงสาววางตะกร้าไว้บนโต๊ะทำงาน แล้วเดินออกมาโดยที่เรวัตพยายามรั้งไว้ เธอสะบัดร่างสูงทันที ไม่ให้เขาได้จับแขนเธอดั่งหวัง
“อย่ามาโดนตัวมินะ”
“อย่าดื้อได้ไหม เดี๋ยวก็ล้มไปหรอก” เรวัตหัวเสียที่เธอไม่ยอมฟังอะไรเลย
“มิไม่เป็นอะไรง่ายๆ หรอกค่ะ แล้วไม่ต้องห่วงลูกของคุณด้วย” มิรันตีขึ้นเสียง นึกน้อยใจเขาที่สนใจเพียงแต่ลูก ตลอดเวลาเธอรู้สึกเช่นนั้นว่าทุกลมหายใจของเขามีแต่ลูก
“ผมไม่ได้เป็นห่วงแค่ลูก ผมเป็นห่วงคุณด้วย” ยิ่งเรวัตพูด มิรันตีก็เห็นเป็นเพียงคำแก้ตัว ชายหนุ่มจึงนิ่งเสีย
“ไม่ต้องห่วงมิหรอกค่ะ มิดูแลตัวเองได้ มิไม่รบกวนเวลาของคุณแล้วนะคะ”
“อย่าพูดแบบนี้สิ ผมรักคุณนะ” เรวัตบอกอย่างอ่อนโยน แล้วกอดร่างบาง มิรีนตีร้องไห้สะอึกสะอื้นในอ้อมกอด
“ทำไมฉันต้องใจอ่อนกับคำว่ารักของคุณด้วยนะ” เธอพึมพำคนเดียว
“กลับไปรอผมที่บ้านนะ ผมจะรีบกลับ”
เรวัตพาภรรยามาส่งที่รถพร้อมกำชับให้คนขับรถขับรถกลับบ้านดีๆ มิรันตีหน้าเสีย คิดว่าจับได้คาหนังคาเขาอย่างนี้ แล้วเขาจะกลับบ้านกับเธอเลย ที่ไหนได้ นี่เขากำลังจะกลับไปหาผู้หญิงคนนั้น คิดได้เท่านี้ น้ำตาของเธอก็ไหลอีกครา
เรวัตถอนหายใจเฮือกใหญ่เมื่อรถยุโรปคันยาวออกจากโรงแรมแล่นไป จากนั้นก็รีบกดลิฟต์ขึ้นไปบนห้องทำงาน ชายหนุ่มมองร่างบางที่นั่งรอคำพิพากษาของเขาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก
“ทำไมแกต้องเอ่อ ปลดกระดุมเสื้อด้วยฮะเปิ้ล”
“แหม ถ้าอย่างนั้นมันก็ไม่สมจริงน่ะสิคะ อย่าโกรธเลยน่าเรวัต” ดาวยั่วจำเป็นบอกอย่างไม่ใส่ใจ กลับชอบใจด้วยซ้ำที่เห็นคู่รักเกือบถึงคราวแตกหัก
“งั้นผมคงต้องขอบคุณแกน่ะสิ” เขาคิดผิดจริงๆ ที่ใช้บริการเพื่อนคนนี้
“ก็แหงล่ะ ห้าพันสามสิบห้าบาท จ่ายมา” เหมือนว่าฝ่ายนั้นจะไม่ได้สนใจอะไรนัก แบมือทวงเงินยิกๆ จนเรวัตหมั่นไส้
“เออๆ จ่ายแน่ แต่ถ้าคืนนี้ฉันโดนไล่ให้นอนนอกห้องล่ะก็ ฉันจะตามไปบีบคอแก ยัยไม้แขวนเสื้อ” ชายหนุ่มบ่นขณะนับธนบัตรในกระเป๋าเงิน ส่งให้เพื่อนเก่าเพื่อนแก่โดยไม่ขาดไม่เกิน
ยัยไม้แขวนเสื้อทำหน้ามุ่ย เมื่อก่อนเธอทำหน้ามุ่ยกับเพื่อนๆ ที่สรรหาฉายามาตั้งให้เธอ ‘ไม้แขวนเสื้อ’ ช่างเหมาะกับเธอนัก สิ่งของภายในบ้านที่ใช้งานแบบถูๆ ไถๆ ไม่กลัวพัง หรือถ้าพังซื้อหามาใช้ใหม่ได้
“ไม่หรอกน่า เปิ้ลดูไม่ผิดหรอกว่าเธอกำลังหึงแกอยู่”
“หึงบ้าหึงบออะไรของแก ดูก็รู้ว่าโกรธ” เรวัตปฏิเสธทันควัน ไม่รู้จะเชื่อทฤษฎีของเปิ้ลได้หรือเปล่า แต่ที่เขาห่วงที่สุดคือความรู้สึกของมิรันตี
“ก็ไอ้อาการโกรธของแกนั่นแหละ เขาเรียกว่าหึง ไอ้โง่” เปิ้ลด่าเรวัตด้วยคำที่คุ้นหู ตลอดเวลาที่รู้จักกันไม่มีวันไหนเลยที่เธอจะไม่ด่าเขาด้วยคำว่า ‘ไอ้โง่’
“ว่าแต่สามสิบห้าบาท...แกเอาไปทำไม”
“อ๋อ ค่ารถตู้ยี่สิบห้าบาท อีกสิบบาทก็ค่ามอเตอร์ไซด์รับจ้างน่ะสิ” เปิ้ลบอกอย่างไม่สนใจ เก็บเงินไว้ในกระเป๋ากางเกงด้านหลัง ก่อนกระโดดลงจากโต๊ะทำงาน แล้วจัดชุดตัวเองให้เรียบร้อย
“เค็มจริงๆ เลยวุ้ย”
“เรียกใช้บริการได้ตลอดเวลานะแก” เปิ้ลไม่สนใจคำพูดเหน็บแนมของเรวัต เมื่อหมดเวลาของดาวยั่วจำเป็นแล้ว เปิ้ลก็รีบกลับบ้านไปนอนสบายอุรา
“เออๆ ฉันไม่ไปส่งแกนะ”
“รู้แล้วน่า ฉันไปล่ะนะ”
ทันทีที่เพื่อนออกไปจากห้องทำงาน เรวัตก็กดโทรศัพท์ระรัว สั่งดอกกุหลาบสีเหลืองช่อโตสำหรับมิรันตีเย็นนี้ ต่อด้วยห้องอาหารสุดหรู บรรยากาศเยี่ยมสำหรับเขา และเธอ
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
รดามองมิรันตีที่มาร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรกับอัษฎางค์ เธอร้องไห้พร่ำบอกแต่ว่าเรวัตนอกใจ มีคนใหม่พร้อมทั้งประกาศว่าเธอจะไม่กลับบ้าน รดาจึงเลี่ยงออกมาโทรคุยกับพี่ชายให้หายข้องใจ เตรียมเฉ่งพี่ชายซะเต็มที่ที่ทำให้พี่สะใภ้ผู้แสนดีเสียใจได้ขนาดนี้ แต่ก็ไม่สามารถติดต่อเรวัตได้เลย
“โอ๊ย ตายแน่ ป๋านะป๋า จะปิดโทรศัพท์ทำไมตอนนี้” ด้านเรวัตที่ปิดโทรศัพท์ เพราะต้องการสมาธิในการเคลียร์งานให้เสร็จเรียบร้อย
หลังจากนั้นไม่นานคุณหญิงรดีสุดาก็โทรหารดาให้วุ่นเมื่อลูกสะใภ้ที่กำลุงอุ้มท้องหลานผู้คาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิดยังไม่กลับบ้านเสียที ถามกับคนขับรถก็ทราบเพียงแต่ว่าให้ไปส่งที่คลับ ไม่ต้องรอ จะกลับเอง
“ค่ะ คุณหญิงแม่” รดากลั้นใจรับโทรศัพท์ ไม่อยากนึกถึงสิ่งจะเกิดขึ้นหลังจากนี้
“รดา หนูมิอยู่ที่นั่นรึเปล่า”
นั่นไง ว่าแล้วเชียว
“อยู่ค่ะคุณแม่ เอ่อ พี่มิบอกว่าวันนี้ไม่กลับบ้านนะคะ ถ้าคุณแม่อยากรู้อะไรให้ถามป๋าเอาเองนะคะ หนูยุ่งๆ อยู่ค่ะ” รดาสั่งเป็นชุดแล้วตัดสายหน้าตาเฉย แล้วจัดการปิดเครื่อง ไม่อยากเสี่ยงกับพายุลูกใหญ่ที่ก่อตัวขึ้นแล้ว และรู้สึกว่าจะเคลื่อนตัวไปสู่พี่ชายเธอด้วยความเร็วสูง
กลับไปในห้อง อัษฎางค์ก็จัดการอุ้มมิรันตีที่ร้องไห้จนหลับไปวางบนโซฟาอย่างเบามือ คลี่เสื้อสูทตัวใหญ่คลุมร่างบางแล้วเช็ดน้ำตาให้เธอ รดามองการกระทำที่แสนจะอ่อนโยนอย่างลืมตัว
“รดาติดต่อป๋าไม่ได้เลยล่ะคะ”
“อือ แล้วไง” เสียงทุ้มบอกอย่างไม่ใส่ใจจนรดาใจเสียแทนพี่ชาย สมควรอยู่หรอกที่จะโกรธ แต่ไม่นึกว่าเขาจะพาลใส่เธอแบบนี้
“เอ่อ แล้วคุณมิล่ะคะ”
“ร้องไห้จนหลับไปแล้ว” อัษฎางค์กระแทกเสียงตอบโดยลืมนึกไปว่าเขากำลังโกรธพี่ชายของเธออยู่ ไม่ใช่เธอสักหน่อย
“รดาว่าจะไปดูที่โรงแรมสักหน่อย ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นคุณมิถึงเตลิดมานี่”
“จะทำอะไรก็ทำ จะไปไหนก็ไป”
“ไม่เอาน่าพี่ธาม อย่างเพิ่งโกรธสิคะ เรายังไม่รู้เรื่องเลยว่าเกิดอะไรขึ้น” รดาไม่ชอบใจนักที่อัษฎางค์ทำตัวงี่เง่า
อย่างนี้
“ผู้หญิงไม่มีหัวใจอย่างรดาจะรู้สึกอะไรเวลาที่แฟนตัวเองนอกใจ” ความเครียดที่สะสมมาทำให้อัษฎางค์เผลอปากพูดไปทำเอาคนฟังหัวใจกระตุกวูบ
“เอ๊ะ พี่ธามทำไมพูดกับรดาแบบนี้ล่ะคะ”
“พี่พูดความจริง”
“รดาไม่เคยนอกใจ พี่ธามก็รู้”
“แต่รดาไปกับไอ้นั่น แล้วปฏิเสธพี่” แม้ว่าเขาจะไม่โกรธ แต่ก็อดคิดไม่ได้ มันยังค้างๆ คาๆ อยู่ในใจ
“รดาว่าเราคุยกันเรื่องนั้นรู้เรื่องแล้วนะคะ พี่ธามจะฟื้นฝอยหาตะเข็บอีกทำไม”
“พี่น้อยใจนี่ รดาทิ้งให้พี่รอ...แต่ไปกับมัน พี่อยากจะเชื่อที่รดาบอก แต่ข่าวมันหนาหูเหลือเกินจนพี่คิดว่า...” เรื่องของทรรศรัตน์ยังเหมือนตะกอนในใจคอยทำให้อัษฎางค์วุ่นวายใจอยู่เสมอ
“จะเชื่อรดาดีหรือเปล่า” เธอบอกอย่างรู้ทัน นึกขอบคุณน้ำตาที่ไม่สร้างความอ่อนแอให้เธอตอนนี้ รดามองหน้าอัษฎางค์ที่เงียบงัน
ความเงียบเป็นคำตอบที่ดีที่สุด
ทั้งอัษฎางค์ และรดาต่างนิ่งอยู่นาน ก่อนที่อัษฎางค์จะตัดสินใจพูด
“พี่พยายามแล้ว แต่พี่ไม่ชอบ พี่ไม่สบายใจที่ต้องเจอข่าวรดากับผู้ชาย ไม่ว่านายเคี้ยงหรือว่าใคร รดาไม่รู้หรอกว่าพี่ร้อนใจแค่ไหนเวลาที่เห็นข่าวแฟนตัวเองกับคนอื่น...รดาไม่เข้าใจ”
“รดาบอกพี่แล้วใช่ไหมว่าเราไม่ได้เป็นอะไรกัน เราเป็นแค่พี่น้องกัน ทำไมพี่ไม่เชื่อรดาบ้าง นี่แค่พี่เคี้ยงคนเดียวพี่ยังเป็นเอามากขนาดนี้ ถ้ามีผู้ชายคนอื่นโผล่มาอีกพี่ไม่บ้าตายรึไงกัน” ฟางเส้นสุดท้ายของเธอขาดผึง
“แต่ข่าวนั่น...”
“หยุดพูดถึงข่าวสักทีพี่ธาม!” รดาว่าอัษฎางค์เสียงดัง มองเขาอย่างไม่อยากเชื่อสายตา "รดาคิดว่าพี่ธามจะเข้าใจรดา แต่เปล่าเลย...พี่ธามไม่เข้าใจรดาเลยสักนิดเดียว!
“พี่ เอ่อ พี่ขอโทษ” อัษฎางค์
“พี่ธามไม่ต้องขอโทษผู้หญิงไม่มีหัวใจอย่างรดาก็ได้ค่ะ เชิญพี่ธามไปตามหาผู้หญิงที่มีหัวใจของพี่ให้เจอนะคะ อย่าเสียเวลากับรดาเลย แล้วเรื่องของคุณมิ พี่ชายรดาไม่ดีเอง แล้วอีกอย่างนะคะ รดาไม่ใช่ชักโครกที่พี่ธามไม่พอใจจะได้โยนมันทิ้งที่รดา”
“เดี๋ยวรดา” อัษฎางค์ขวางหน้าไม่ให้หญิงสาวผ่านไปได้ง่ายๆ เธอขึงตามองร่างสูงที่ขวางไว้
“อะไร” รดาถามเสียงห้วน
“เมื่อกี้พี่ขอโทษจริงๆ พี่ไม่ได้ตั้งใจ”
“พี่ไม่ได้ตั้งใจ แต่-รดา-เสีย-ใจ” รดาผลักอัษฎางค์ให้พ้นทาง คว้ากระเป๋าถือ แล้วเดินออกไปจากห้อง ก่อนปิดประตูดังปัง
อัษฎางค์มองประตูที่เพิ่งปิดลง เสียงดังของมันตอกย้ำความผิดของเขาว่าทำร้ายผู้หญิงที่เขารักด้วยอารมณ์ชั่ววูบมากเพียงใด
รดานั่งนิ่งในรถเป็นชั่วโมง ปล่อยให้น้ำตาไหลเป็นทาง เจ้าตัวไม่สนใจจะเช็ดมันสักนิด อดหัวเราะเยาะตัวเองไม่ได้ หลังจากพ่นคำพูดใส่หน้าเขาแล้วเธอก็ต้องเสียน้ำตากับสิ่งที่ทำไป
น้ำตาคือเพื่อนแท้
หญิงสาวเริ่มชินกับรสชาติเค็มๆ ปะแล่มๆ ของน้ำตา บางทีก็รู้สึกว่ามันหวานไปถึงขั้วหัวใจ เธอจะร้องไห้ให้กับความรักอีกครั้งจะเป็นไรไป
กลับไปถึงบ้านก็พบมารดาตีหน้ายักษ์ถามพี่ชายถึงผู้หญิงคนนั้นเสียงเครียด โชคดีที่เรวัตกลับมาพอดี รดาจึงสามารถซ่อนซ่อนดวงตาแดงก่ำได้ หญิงสาวเดินปรี่ขึ้นไปบนบ้าน นอนเล่นบนเตียงอย่างซังกะตาย ปล่อยให้โทรศัพท์ของเธอสั่นอย่างไม่สนใจ
‘ที่รัก’ เป็น Missed call ที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่อาจเรียกความสนใจจากรดาเลย เธอหยิบไดอารี่เล่มสีเทาที่เขียนจนหมดเล่มมาเปิดอ่าน บันทึกรักของเธอ และเขา ตั้งแต่วันแรกที่รู้จักกันจนถึงงานแต่งงานของเรวัต เธอก็วุ่นจนไม่ได้หาไดอารี่เล่มใหม่มาเตรียม
รดาพิจารณาตัวเองในกระจก ใบหน้าจืดชืดไร้การแต่งแต้มดูไม่จืดกับแว่นตากรอบหนา มือเรียวปล่อยผมที่รวบไว้เรียบๆ ผมหน้าม้าที่ปล่อยให้ยาวจนต้องแสกข้าง
ยัยเพิ้งเอ๊ย
หญิงสาวอดติงภาพสะท้อนจากกระจกเงาไม่ได้ นานเท่าไหร่แล้วที่เธอปล่อยเนื้อปล่อยตัวให้อยู่สภาพนี้ เธอเป็นผู้หญิงไม่มีหัวใจอย่างที่เขาว่าจริงๆ นั่นแหละ ร่างอวบเดินไปเปิดวิทยุที่ตั้งสถานีคลื่นโปรดไว้พร้อมทั้งหอบนิตยสารสี่สีเล่มโตมาเลือกหาทรงผมทรงใหม่ จากนั้นไม่นาน หญิงสาวก็ซิ่งเฟอร์รารี่ไปร้านทำผมประจำของมด
ผมยาวถึงกลางหลังถูกหั่นจนลืมเค้าสาวหวานคนเดิม อีกทั้งยังทำไฮไลท์เป็นสาวเปรี้ยวอีกต่างหาก ช่างผมมองผมนุ่มสวยอย่างเสียดาย แม้ว่าจะพึงพอใจกับผลงานของตัวเอง
“เดี๋ยวมันก็ยาวใหม่” รดาบอกอย่างไม่ใส่ใจนักโดยที่เธอรู้ว่ามันไม่จริงเลย
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
ทางด้านอัษฎางค์ก็กระหน่ำโทรศัพท์หาแฟนสาวที่เพิ่งประกาศตัดความสัมพันธ์จนมือหงิก ด่าทอตัวเองต่างๆ นานาว่าเป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด เมื่อคิดพิจารณาเรื่องทั้งหมดก็อยากฆ่าตัวเองนักที่พูดอะไรไม่คิด
“ไอ้ธามบ้า เห็นไหมว่ารดาเขาโกรธ”
อัษฎางค์ด่าตัวเองปาวๆ ขณะกดโทรศัพท์หาหญิงสาวไม่มีทีท่าจะใจอ่อนรับโทรศัพท์เขาสักที นานเข้ากลับตัดสายไปซะงั้น
“เพราะแกคนเดียว ไอ้เร” เมื่อพึ่งตัวเองไม่ได้ก็ต้องพึ่งพี่ชายเธอ
อัษฎางค์โบ้ยให้เป็นความผิดของเรวัตที่ทนไม่ได้กับบรรยากาศอึมครึมกับมิรันตี จนไปถึงแผนการที่มีผลให้เขากับรดาทะเลาะกัน เรวัตฟังว่าที่น้องเขยด่าทอมาตามสายจนยกโทรศัพท์ออกจากหูแทบไม่ทัน เมื่อกี้เขาต้องทนฟังมารดาเทศนามากัณฑ์ใหญ่จนระลึกชาติไป แล้วยังต้องมาฟังอดีตคู่แค้นด่าเป็นชุดอีก
“โอ๊ย อะไรของแกวะ”
“ก็เพราะว่าแกวางแผนบ้าๆ นั่น ทำให้ฉันกับรดาเดือดร้อนไปด้วยนี่หว่า” อัษฎางค์ยังโทษเรวัต ไม่ยอมรับว่าเป็นความผิดของตนที่ว่าหญิงสาวจนช้ำใจ
“อ้าว พูดอย่างนี้ก็ไม่ถูกนี่หว่า”
“เออน่า ฉันบอกว่าแกผิด แกก็ผิด” เรวัตหมายจะท้วง แต่นึกได้ว่าเวลานี้จะโทษว่าใครถูกใครผิดก็ป่วยการณ์ ที่สำคัญตอนนี้น้องสาวเขาก็กำลังอกหักซะด้วย
“เออๆ เดี๋ยวฉันจะคุยกับรดาอีกทีก็แล้วกัน อย่าทำดีใจไปล่ะ นี่ถ้าฉันไม่กลัวน้องสาวฉันจะเฮิร์ทหนักล่ะก็ ฉันไม่ช่วยแกหรอก” เรวัตดักคอ กลัวเพื่อนตัวจะเหลิง
“ครับ ไอ้คุณพี่แสนดี” อัษฎางค์อดประชดพี่ชายที่หวงน้องสาวไม่ได้
///////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////////
นุ่นอาการดีขึ้นแล้วค่ะ ไปทำกายภาพวันเว้นวันได้แล้ว หมอนัดอีกทีวันอังคารหน้าค่ะ
แล้วก็อยู่ในช่วงสอบกลางภาคอีกด้วย ขอบคุณสำหรับทุกกำลังใจนะคะ :)
เรียงอักษร
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 27 ก.ค. 2554, 23:28:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ส.ค. 2554, 02:15:26 น.
จำนวนการเข้าชม : 2087
<< บทที่ 12 Pre Wedding | บทที่ี่่่ี่่่ี่ 14 ขอบใจนะ >> |
xeve 28 ก.ค. 2554, 00:52:54 น.
จะรอนะคะ
จะรอนะคะ
lovemuay 28 ก.ค. 2554, 06:08:28 น.
+55 สมน้ำหน้า หึงไม่เข้าเรื่อง ^^
+55 สมน้ำหน้า หึงไม่เข้าเรื่อง ^^
anOO 28 ก.ค. 2554, 14:25:48 น.
เป็นไงล่ะ เรื่องนิดเดียวเลยกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปเลย
หายไวๆ นะค่ะ สู้ๆๆๆๆๆ
เป็นไงล่ะ เรื่องนิดเดียวเลยกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปเลย
หายไวๆ นะค่ะ สู้ๆๆๆๆๆ
คุณแม่ลูกสอง 28 ก.ค. 2554, 15:00:07 น.
ขอให้หายไวไวนะคะ
ขอให้หายไวไวนะคะ
dee_jung 28 ก.ค. 2554, 22:39:01 น.
รักษาตัวด้วยนะค่ะ
รักษาตัวด้วยนะค่ะ
angle101 1 ส.ค. 2554, 13:02:01 น.
หายไวไวนะจ๊ะ เป็นกำลังใจให้น๊า
หายไวไวนะจ๊ะ เป็นกำลังใจให้น๊า