รัตนมณีแห่งหัวใจ (รัตน)
Tags: ความรักเดียวที่กษัตริย์แดนเถื่อนมีต่อเจ้าหญิงแห่งรัตนที่ตราตรึงในหัวใจ
ตอน: ตอนที่ 14/3
ตอน 14/3
ภายในห้องพระบรรทมแห่งองค์อคินในพระตำหนักกลางน้ำ หมอตรวจพระอาการองค์อคินแล้ว
ส่ายหน้า ว่าที่ราชินีประทับนั่งบนเก้าอี้ข้างพระแท่นบรรทม พระหัตถ์เล็กยังคงกุมพระหัตถ์ใหญ่ไว้ ดวงพักตร์
งดงามสงบนิ่ง สายพระเนตรทอดมองผู้ที่บรรทมไม่ไหวติงบนพระแท่นบรรทมก่อนจะมีรับสั่งถามหมอ
“พอมีหวังหรือไม่ท่านหมอ”
“ข้าพระองค์ไม่แน่ใจ พ่ะย่ะค่ะ โชคยังดีที่ทรงรีบเสวยยาระงับพิษไว้ก่อน แต่พิษนี้ร้ายแรงเกินกว่า
ที่ยาจะระงับไว้ได้ ต้องรีบขับที่เหลือออกให้หมดภายในสองวัน แต่ถ้าเรียกคืนพระสติให้ฟื้นคืนมาภายใน
คืนนี้ไม่ได้ถึงขจัดพิษได้ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะนั่นอาจหมายถึง...”
ผู้เป็นหมอกราบทูลได้เท่านี้ก็เงียบ ในใจของชาวหิรัณย์ทุกคนมีจ้าวสุริยะสถิตย์อยู่จึงกลัวในสิ่งที่จะ
พูดต่อไป
“ขอบใจ” ว่าที่ราชินีทรงไม่เอ่ยอะไรออกมาอีก พระเนตรทอดมองพระพักตร์องค์อคินอยู่พักหนึ่งก่อน
สองพระหัตถ์เล็กจะกุมพระหัตถ์ใหญ่ขึ้นมาจรดพระหทัย ทรงเอ่ยขึ้นด้วยพระสุรเสียงอันปวดร้าวราวกับจะ
วิงวอนให้ผู้ที่บรรทมอยู่ได้รับรู้
“ทรงได้ยินเสียงหัวใจหม่อมฉันไหม หัวใจหม่อมฉันกำลังร่ำร้องให้ทรงตื่นจากบรรทม เหมือนหัวใจ
ชาวหิรัณย์ทุกคนที่กำลังร่ำร้องเรียกหาพระองค์อยู่ ทรงลืมพระเนตรสิเพคะ อย่าทิ้งหม่อมฉันกับชาวหิรัณย์
ที่พระองค์รักให้อยู่ตามลำพัง หม่อมฉันรู้...ทรงไม่พระทัยร้ายกับหม่อมฉันและชาวหิรัณย์หรอกเพคะ
ทรงยังไม่ได้ทำตามสัญญาที่ได้ให้ไว้กับหม่อมฉัน ทรงจำได้หรือไม่ ทรงฟื้นสิเพคะ จะบรรทมอย่างนี้ไม่ได้
หม่อมฉันขอร้อง พระองค์จะเป็นอะไรไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นหิรัณย์ของเรารวมทั้งหม่อมฉันจะตกเป็นของสินธุ
ตลอดกาล ทรงลืมพระเนตรขึ้นสิเพคะองค์อคินของหม่อมฉัน”
ดวงพักตร์งดงามขยับไปใกล้พระพักตร์คมเข้มที่ยังคงไม่ได้สติ จรดพระโอษฐ์งามลงบนพระเนตรทั้ง
สองข้างก่อนค่อยๆขยับออกห่าง หยาดอัสสุชลค่อยๆหยดต้องพักตร์คมเข้ม ทันใดนั้นเองปาฎิหาริย์ก็ได้เกิดขึ้น
พระวรกายสูงใหญ่ที่บรรทมอย่างไม่ได้สติก็เริ่มขยับ พระเนตรลืมขึ้นพร้อมพระสุรเสียงเบาๆ
“องค์หญิง อย่าร้องไห้ หม่อมฉันไม่มีวันทิ้งหัวใจของหม่อมฉันให้อยู่อย่างเดียวดายเป็นอันขาด
อย่าร้องอีกนะ องค์หญิงคนดีของหม่อมฉัน” จากนั้นก็ทรงหลับพระเนตรลงอีกครั้งอย่างอ่อนแรง
ถ้อยดำรัสนั้นเหมือนดั่งหยาดน้ำทิพย์จากฟากฟ้าตกลงสู่หัวใจที่แห้งผากของชาวหิรัณย์ ดวงพักตร์
งดงามยิ้มออกด้วยความยินดียิ่งนัก ความทุกข์ ความสิ้นหวัง ทั้งหลายในพระทัยมลายหายไปสิ้น จึงทรงเรียก
หมอให้รีบเข้ามา
“หมอ! หมอ! ทรงรู้สึกพระองค์แล้ว”
ผู้เป็นหมอรีบวิ่งเข้าไปที่พระแท่นบรรทม ใช้มือจับข้อพระกรสักพักก็ยิ้มหน้าบาน
“แปลกมากพ่ะย่ะค่ะ พระอาการกลับเป็นปกติได้ทั้งที่พิษยังตกค้างอยู่ในพระวรกาย แต่ทรงเพลียจัด
ไว้ทรงตื่นบรรทมเมื่อไหร่ค่อยหาวิธีขจัดพิษส่วนที่เหลือพ่ะย่ะค่ะ”
“วิธีขจัดพิษทำอย่างไรหมอ”
“ไม่ง่ายพ่ะย่ะค่ะ พิษนี้หากไม่ขจัดให้หมดภายในสองวัน จะทำให้พระองค์ต้องเจ็บปวดพระอุระ
ทุกๆเดือน” คำกราบทูลของหมอทำให้ดวงพักตร์งดงามสลดลง แม้ทรงรอดชีวิต แต่ต้องเจ็บปวดทุกเดือน
“ไม่มีวิธีที่จะขจัดพิษได้เลยหรือหมอ ลองคิดดูดีๆ” ทรงแน่พระทัยว่าต้องมีวิธี
ผู้เป็นหมอนิ่งสักพักก็กราบทูลอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก
“ข้าพระองค์มีสหายที่เป็นหมอชาวรัตนเคยเล่าให้ฟังถึงวิธีขจัดพิษโดยใช้หินสีม่วงจากธรรมชาติ
บนเขาภูเขาสูงมารักษาถึงจะทำได้ แต่ที่หิรัณย์ไม่มีหินแบบนั้น นอกจากที่รัตนนครพ่ะย่ะค่ะ”
“หินสีม่วง...ใช่แล้ว” ว่าทีราชินีทรงอุทานแล้วรีบเสด็จไปยังห้องบรรทมเปิดหีบไม้ใบหนึ่ง ภายในมี
หินสีม่วงใสสวยงามก้อนใหญ่พอควรอยู่หลายก้อน เป็นของสิ่งเดียวที่พระอัยยิกาประทานให้ก่อนเสด็จมา
ยังหิรัณย์นคร
‘เก็บไว้ให้ดีนะลูก วันหนึ่งอาจมีประโยชน์กับหญิง หินนี้จะช่วยขจัดพิษได้ สักวันหญิงอาจได้ใช้
เพื่อช่วยชีวิตคน’
“ท่านย่า...ท่านย่าไม่ทิ้งหญิงจริงๆ” ทรงเอ่ยเบาๆขณะที่ดวงเนตรคู่งามเริ่มมีน้ำพระเนตรเมื่อนึกถึง
ผู้เป็นย่าและทรงรีบระงับเสียก่อนเสด็จกลับไปยังห้องพระบรรทมขององค์อคิน
“ท่านหมอหินที่ว่าใช่หินนี้ไหม” รับสั่งถามพลางยื่นหินสีม่วงสวยงามส่องประกายวาววับให้
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ” ผู้เป็นหมอมีสีหน้าตื่นเต้นยินดีนัก
“แล้ววิธีรักษาล่ะท่านหมอ ต้องทำอย่างไร”
“ไม่ยากพ่ะย่ะค่ะ ให้คนไปตักน้ำจากทะเลสาบรอบๆพระตำหนักซึ่งเป็นแหล่งรวมแร่ธาตุจากธรรมชาติ
มาหลายร้อยปีแล้วนำหินนี้ใส่ลงไป จากนั้นก็ให้องค์อคินทรงแช่น้ำนี้ท่ามกลางแสงจันทร์เพื่อให้กระแสพลัง
จากหินและน้ำทำงานได้ดีขึ้น แล้วพิษในพระวรกายก็จะถูกขจัดออกหมดพ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านหมอเคยลองหรือยัง”
“ยังพ่ะย่ะค่ะ แต่เคยเห็นสหายของข้าพระองค์ทำให้ดูพ่ะย่ะค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น รีบลงมือเถอะ แต่เราจะทำอย่างไรให้องค์อคินต้องแสงจันทร์ได้ล่ะ”
“ไม่ยากเพคะ ที่นี่มีสระน้ำกลางแจ้งอยู่ด้านหลังพระตำหนัก เหนือหัวองค์ก่อนทรงใช้เป็นที่พักผ่อน
พระอิริยาบทและห้องสรงส่วนพระองค์เพคะ แต่องค์อคินไม่โปรด” นางกำนัลคนหนึ่งกราบทูลให้ทรงทราบ
“ดีถ้าอย่างนั้นพวกเจ้ากับทหารราชองครักษ์รีบไปช่วยท่านหมอจัดเตรียมห้องสรงให้พร้อม”
ทุกคนรีบไปทำตามรับสั่งทันที ว่าที่ราชินีทรงหันพระพักตร์มาทางชาครที่ยืนเฝ้าอยู่ไม่ห่าง
“ท่านชาคร เราอยากปรึกษาท่านเรื่องรับมือสินธุ เราเชื่อว่าสินธุต้องฉวยจังหวะที่องค์อคินทรงได้รับ
บาดเจ็บสาหัสยกทัพมาบุกหิรัณย์แน่ เราเป็นห่วง”
ชาครพอได้ยินรับสั่งก็ให้แปลกใจนัก ในเวลาเป็นตายขององค์อคินกลับทรงคิดถึงเรื่องนี้ได้ ทีแรกคิดว่า
จะทรงเศร้าโศรกเสียพระทัยเรื่องพระอาการองค์อคินจนไม่เป็นอันทำอะไรเพราะทรงกรรแสงร่ำไห้อย่างหนัก
จนอดคิดไปว่าทรงเหมือนสตรีทั่วไป แต่นึกไม่ถึงทรงใช้วิธีเรียกคืนพระชนม์ชีพองค์อคินด้วยความรักจากก้นบึ้ง
ของพระหทัย ทั้งยังมีพระสติคิดถึงเรื่องที่ฝ่ายทหารกำลังกลัว สมกับเป็นราชินีแห่งหิรัณย์คู่พระทัยองค์อคินจริงๆ
“ข้าพระองค์ก็คิดเช่นกัน ข้าพระองค์ได้สั่งการไปทั่วทุกเมืองที่ติดกับชายแดนให้เตรียมรับมือ
สู้ถวายหัวเพื่อองค์อคิน รักษาแผ่นดินหิรัณย์ไว้ให้ได้ และกำลังจะกราบทูลลาไปประจำยังฐานทัพเรือ ส่วน
เมืองหลวงให้ท่านชยธรจัดการ ทางพระตำหนักอุดร ท่านวรธรกลับมาแล้วคงจะจัดการได้ ข่าวพระอาการ
บาดเจ็บขององค์อคินยังไม่มีใครรู้ มีแต่คนในพระตำหนักนี้เท่านั้นที่ทราบ ทรงไม่ต้องกังวลพ่ะย่ะค่ะ ขอเพียง
ทรงประทับอยู่เคียงข้างองค์อคินก็พอ” ชาครกราบทูลเพื่อให้ทรงคลายกังวล แม้ว่าจะไม่แน่ใจกับการศึกที่จะ
มีขึ้นในอีกไม่กี่วันก็ตาม
“ขอบใจท่านชาคร สมกับเป็นทหารของจ้าวสุริยะ เราขอให้ท่านโชคดี เราให้สัญญา จะดูแลองค์อคิน
ให้เป็นอย่างดี ขอให้ท่านและทหารของจ้าวสุริยะมีชัยกลับมา จำไว้ทหารของจ้าวสุริยะไม่เคยแพ้ชาวสินธุ”
ถ้อยรับสั่งนั้นดุจดังองค์อคินตรัสเอง
“พ่ะย่ะค่ะ ข้าพระองค์ขอทูลลา” แม่ทัพแห่งหิรัณย์รับรองหนักแน่นก่อนจากไป
============================================================================
ขอบคุณค่ะที่ตาม ตอนนี้ค่อยยังชั่วขึ้นมากแล้ว เหลือแค่เจ็บหัวเล็กน้อย อาจมาลงให้ช้าหน่อยค่ะ ขออภัยด้วย
ภายในห้องพระบรรทมแห่งองค์อคินในพระตำหนักกลางน้ำ หมอตรวจพระอาการองค์อคินแล้ว
ส่ายหน้า ว่าที่ราชินีประทับนั่งบนเก้าอี้ข้างพระแท่นบรรทม พระหัตถ์เล็กยังคงกุมพระหัตถ์ใหญ่ไว้ ดวงพักตร์
งดงามสงบนิ่ง สายพระเนตรทอดมองผู้ที่บรรทมไม่ไหวติงบนพระแท่นบรรทมก่อนจะมีรับสั่งถามหมอ
“พอมีหวังหรือไม่ท่านหมอ”
“ข้าพระองค์ไม่แน่ใจ พ่ะย่ะค่ะ โชคยังดีที่ทรงรีบเสวยยาระงับพิษไว้ก่อน แต่พิษนี้ร้ายแรงเกินกว่า
ที่ยาจะระงับไว้ได้ ต้องรีบขับที่เหลือออกให้หมดภายในสองวัน แต่ถ้าเรียกคืนพระสติให้ฟื้นคืนมาภายใน
คืนนี้ไม่ได้ถึงขจัดพิษได้ก็ไม่มีประโยชน์ เพราะนั่นอาจหมายถึง...”
ผู้เป็นหมอกราบทูลได้เท่านี้ก็เงียบ ในใจของชาวหิรัณย์ทุกคนมีจ้าวสุริยะสถิตย์อยู่จึงกลัวในสิ่งที่จะ
พูดต่อไป
“ขอบใจ” ว่าที่ราชินีทรงไม่เอ่ยอะไรออกมาอีก พระเนตรทอดมองพระพักตร์องค์อคินอยู่พักหนึ่งก่อน
สองพระหัตถ์เล็กจะกุมพระหัตถ์ใหญ่ขึ้นมาจรดพระหทัย ทรงเอ่ยขึ้นด้วยพระสุรเสียงอันปวดร้าวราวกับจะ
วิงวอนให้ผู้ที่บรรทมอยู่ได้รับรู้
“ทรงได้ยินเสียงหัวใจหม่อมฉันไหม หัวใจหม่อมฉันกำลังร่ำร้องให้ทรงตื่นจากบรรทม เหมือนหัวใจ
ชาวหิรัณย์ทุกคนที่กำลังร่ำร้องเรียกหาพระองค์อยู่ ทรงลืมพระเนตรสิเพคะ อย่าทิ้งหม่อมฉันกับชาวหิรัณย์
ที่พระองค์รักให้อยู่ตามลำพัง หม่อมฉันรู้...ทรงไม่พระทัยร้ายกับหม่อมฉันและชาวหิรัณย์หรอกเพคะ
ทรงยังไม่ได้ทำตามสัญญาที่ได้ให้ไว้กับหม่อมฉัน ทรงจำได้หรือไม่ ทรงฟื้นสิเพคะ จะบรรทมอย่างนี้ไม่ได้
หม่อมฉันขอร้อง พระองค์จะเป็นอะไรไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นหิรัณย์ของเรารวมทั้งหม่อมฉันจะตกเป็นของสินธุ
ตลอดกาล ทรงลืมพระเนตรขึ้นสิเพคะองค์อคินของหม่อมฉัน”
ดวงพักตร์งดงามขยับไปใกล้พระพักตร์คมเข้มที่ยังคงไม่ได้สติ จรดพระโอษฐ์งามลงบนพระเนตรทั้ง
สองข้างก่อนค่อยๆขยับออกห่าง หยาดอัสสุชลค่อยๆหยดต้องพักตร์คมเข้ม ทันใดนั้นเองปาฎิหาริย์ก็ได้เกิดขึ้น
พระวรกายสูงใหญ่ที่บรรทมอย่างไม่ได้สติก็เริ่มขยับ พระเนตรลืมขึ้นพร้อมพระสุรเสียงเบาๆ
“องค์หญิง อย่าร้องไห้ หม่อมฉันไม่มีวันทิ้งหัวใจของหม่อมฉันให้อยู่อย่างเดียวดายเป็นอันขาด
อย่าร้องอีกนะ องค์หญิงคนดีของหม่อมฉัน” จากนั้นก็ทรงหลับพระเนตรลงอีกครั้งอย่างอ่อนแรง
ถ้อยดำรัสนั้นเหมือนดั่งหยาดน้ำทิพย์จากฟากฟ้าตกลงสู่หัวใจที่แห้งผากของชาวหิรัณย์ ดวงพักตร์
งดงามยิ้มออกด้วยความยินดียิ่งนัก ความทุกข์ ความสิ้นหวัง ทั้งหลายในพระทัยมลายหายไปสิ้น จึงทรงเรียก
หมอให้รีบเข้ามา
“หมอ! หมอ! ทรงรู้สึกพระองค์แล้ว”
ผู้เป็นหมอรีบวิ่งเข้าไปที่พระแท่นบรรทม ใช้มือจับข้อพระกรสักพักก็ยิ้มหน้าบาน
“แปลกมากพ่ะย่ะค่ะ พระอาการกลับเป็นปกติได้ทั้งที่พิษยังตกค้างอยู่ในพระวรกาย แต่ทรงเพลียจัด
ไว้ทรงตื่นบรรทมเมื่อไหร่ค่อยหาวิธีขจัดพิษส่วนที่เหลือพ่ะย่ะค่ะ”
“วิธีขจัดพิษทำอย่างไรหมอ”
“ไม่ง่ายพ่ะย่ะค่ะ พิษนี้หากไม่ขจัดให้หมดภายในสองวัน จะทำให้พระองค์ต้องเจ็บปวดพระอุระ
ทุกๆเดือน” คำกราบทูลของหมอทำให้ดวงพักตร์งดงามสลดลง แม้ทรงรอดชีวิต แต่ต้องเจ็บปวดทุกเดือน
“ไม่มีวิธีที่จะขจัดพิษได้เลยหรือหมอ ลองคิดดูดีๆ” ทรงแน่พระทัยว่าต้องมีวิธี
ผู้เป็นหมอนิ่งสักพักก็กราบทูลอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก
“ข้าพระองค์มีสหายที่เป็นหมอชาวรัตนเคยเล่าให้ฟังถึงวิธีขจัดพิษโดยใช้หินสีม่วงจากธรรมชาติ
บนเขาภูเขาสูงมารักษาถึงจะทำได้ แต่ที่หิรัณย์ไม่มีหินแบบนั้น นอกจากที่รัตนนครพ่ะย่ะค่ะ”
“หินสีม่วง...ใช่แล้ว” ว่าทีราชินีทรงอุทานแล้วรีบเสด็จไปยังห้องบรรทมเปิดหีบไม้ใบหนึ่ง ภายในมี
หินสีม่วงใสสวยงามก้อนใหญ่พอควรอยู่หลายก้อน เป็นของสิ่งเดียวที่พระอัยยิกาประทานให้ก่อนเสด็จมา
ยังหิรัณย์นคร
‘เก็บไว้ให้ดีนะลูก วันหนึ่งอาจมีประโยชน์กับหญิง หินนี้จะช่วยขจัดพิษได้ สักวันหญิงอาจได้ใช้
เพื่อช่วยชีวิตคน’
“ท่านย่า...ท่านย่าไม่ทิ้งหญิงจริงๆ” ทรงเอ่ยเบาๆขณะที่ดวงเนตรคู่งามเริ่มมีน้ำพระเนตรเมื่อนึกถึง
ผู้เป็นย่าและทรงรีบระงับเสียก่อนเสด็จกลับไปยังห้องพระบรรทมขององค์อคิน
“ท่านหมอหินที่ว่าใช่หินนี้ไหม” รับสั่งถามพลางยื่นหินสีม่วงสวยงามส่องประกายวาววับให้
“ใช่พ่ะย่ะค่ะ” ผู้เป็นหมอมีสีหน้าตื่นเต้นยินดีนัก
“แล้ววิธีรักษาล่ะท่านหมอ ต้องทำอย่างไร”
“ไม่ยากพ่ะย่ะค่ะ ให้คนไปตักน้ำจากทะเลสาบรอบๆพระตำหนักซึ่งเป็นแหล่งรวมแร่ธาตุจากธรรมชาติ
มาหลายร้อยปีแล้วนำหินนี้ใส่ลงไป จากนั้นก็ให้องค์อคินทรงแช่น้ำนี้ท่ามกลางแสงจันทร์เพื่อให้กระแสพลัง
จากหินและน้ำทำงานได้ดีขึ้น แล้วพิษในพระวรกายก็จะถูกขจัดออกหมดพ่ะย่ะค่ะ”
“ท่านหมอเคยลองหรือยัง”
“ยังพ่ะย่ะค่ะ แต่เคยเห็นสหายของข้าพระองค์ทำให้ดูพ่ะย่ะค่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น รีบลงมือเถอะ แต่เราจะทำอย่างไรให้องค์อคินต้องแสงจันทร์ได้ล่ะ”
“ไม่ยากเพคะ ที่นี่มีสระน้ำกลางแจ้งอยู่ด้านหลังพระตำหนัก เหนือหัวองค์ก่อนทรงใช้เป็นที่พักผ่อน
พระอิริยาบทและห้องสรงส่วนพระองค์เพคะ แต่องค์อคินไม่โปรด” นางกำนัลคนหนึ่งกราบทูลให้ทรงทราบ
“ดีถ้าอย่างนั้นพวกเจ้ากับทหารราชองครักษ์รีบไปช่วยท่านหมอจัดเตรียมห้องสรงให้พร้อม”
ทุกคนรีบไปทำตามรับสั่งทันที ว่าที่ราชินีทรงหันพระพักตร์มาทางชาครที่ยืนเฝ้าอยู่ไม่ห่าง
“ท่านชาคร เราอยากปรึกษาท่านเรื่องรับมือสินธุ เราเชื่อว่าสินธุต้องฉวยจังหวะที่องค์อคินทรงได้รับ
บาดเจ็บสาหัสยกทัพมาบุกหิรัณย์แน่ เราเป็นห่วง”
ชาครพอได้ยินรับสั่งก็ให้แปลกใจนัก ในเวลาเป็นตายขององค์อคินกลับทรงคิดถึงเรื่องนี้ได้ ทีแรกคิดว่า
จะทรงเศร้าโศรกเสียพระทัยเรื่องพระอาการองค์อคินจนไม่เป็นอันทำอะไรเพราะทรงกรรแสงร่ำไห้อย่างหนัก
จนอดคิดไปว่าทรงเหมือนสตรีทั่วไป แต่นึกไม่ถึงทรงใช้วิธีเรียกคืนพระชนม์ชีพองค์อคินด้วยความรักจากก้นบึ้ง
ของพระหทัย ทั้งยังมีพระสติคิดถึงเรื่องที่ฝ่ายทหารกำลังกลัว สมกับเป็นราชินีแห่งหิรัณย์คู่พระทัยองค์อคินจริงๆ
“ข้าพระองค์ก็คิดเช่นกัน ข้าพระองค์ได้สั่งการไปทั่วทุกเมืองที่ติดกับชายแดนให้เตรียมรับมือ
สู้ถวายหัวเพื่อองค์อคิน รักษาแผ่นดินหิรัณย์ไว้ให้ได้ และกำลังจะกราบทูลลาไปประจำยังฐานทัพเรือ ส่วน
เมืองหลวงให้ท่านชยธรจัดการ ทางพระตำหนักอุดร ท่านวรธรกลับมาแล้วคงจะจัดการได้ ข่าวพระอาการ
บาดเจ็บขององค์อคินยังไม่มีใครรู้ มีแต่คนในพระตำหนักนี้เท่านั้นที่ทราบ ทรงไม่ต้องกังวลพ่ะย่ะค่ะ ขอเพียง
ทรงประทับอยู่เคียงข้างองค์อคินก็พอ” ชาครกราบทูลเพื่อให้ทรงคลายกังวล แม้ว่าจะไม่แน่ใจกับการศึกที่จะ
มีขึ้นในอีกไม่กี่วันก็ตาม
“ขอบใจท่านชาคร สมกับเป็นทหารของจ้าวสุริยะ เราขอให้ท่านโชคดี เราให้สัญญา จะดูแลองค์อคิน
ให้เป็นอย่างดี ขอให้ท่านและทหารของจ้าวสุริยะมีชัยกลับมา จำไว้ทหารของจ้าวสุริยะไม่เคยแพ้ชาวสินธุ”
ถ้อยรับสั่งนั้นดุจดังองค์อคินตรัสเอง
“พ่ะย่ะค่ะ ข้าพระองค์ขอทูลลา” แม่ทัพแห่งหิรัณย์รับรองหนักแน่นก่อนจากไป
============================================================================
ขอบคุณค่ะที่ตาม ตอนนี้ค่อยยังชั่วขึ้นมากแล้ว เหลือแค่เจ็บหัวเล็กน้อย อาจมาลงให้ช้าหน่อยค่ะ ขออภัยด้วย
เพลงใบไม้
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ธ.ค. 2559, 13:10:35 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ธ.ค. 2559, 13:10:35 น.
จำนวนการเข้าชม : 928
<< ตอนที่ 14/2 | ตอนที่ 15/1 >> |
แว่นใส 12 ธ.ค. 2559, 23:43:21 น.
ดูแลสุขภาพด้วยจ้า
ดูแลสุขภาพด้วยจ้า
Zephyr 24 ธ.ค. 2559, 19:06:08 น.
สู้ศึกใหญ่ให้ได้นะจ้ะ
สู้ศึกใหญ่ให้ได้นะจ้ะ