รัตติสรวง

Tags: เจ้าหญิง,เจ้าชาย,ศศิอักษร

ตอน: บทที่ ๒ | แ ส น แ ส ง ๒



รัตติธรเตรียมอาวุธกับแผนที่เสร็จสรรพก็สั่งให้อนลอยู่เฝ้าทางนี้ และให้ปกรณ์เป็นผู้ติดตามเขาไป ฝ่ายเด็กตัวกระจ้อยร่อยนามว่าแสนแสงทำท่าทางฮึดฮัดไม่พอใจ บังคับขู่เข็ญให้เขาพาไปด้วย แต่เมื่อไม่เป็นผลจึงเปลี่ยนมาใช้ไม้อ่อนแทน

“น่านะ ให้เราไปด้วยเถอะ ไปแค่สองคนอันตรายจะตาย” ว่าพลางเหลียวซ้ายแลขวาและกวาดมือไปมา “ดูสิ ป่าออกจะกว้าง จะไปหาเจอได้ยังไง ถ้าเราไปด้วย อย่างน้อยๆ เราก็ช่วยได้ แล้วเจ้าก็...” มันยืนกอดอก ยกมือลูบปลายคาลและหรี่ตาลงเล็กน้อย ท่าทางละม้ายกำลังครุ่นคิดบางอย่าง

“เจ้าไม่น่าใช่คนที่นี่ จะรู้จักทางได้ยังไง แล้วพ่อเราเจ้าก็ไม่รู้จัก” มันสั่นศีรษะพร้อมกับพ่นลมหายใจออกทางปากอย่างแรง “ไม่เจอแน่นอน เจ้าตามหาพ่อเราไม่เจอหรอก!”

“อย่าสบประมาทข้านะเด็กน้อย” คนถูกสบประมาททำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ ก่อนจับศีรษะมันโยกเล่นอย่างหมั่นเขี้ยวและนึกอยากแกล้ง “ถึงข้าจะไม่ใช่คนที่นี่ แต่ข้าก็มั่นใจว่าจะตามหาพ่อเจ้าเจอ แล้ว...” ชายหนุ่มกวาดตามองอีกฝ่ายแล้วสั่นศีรษะ “ถ้าเจ้าไปด้วย ข้าก็คงห่วงนู่นนี่นั่นไม่เป็นอันทำอะไรละ”

“เอ๊ะ! เจ้าหาว่าเราเป็นตัวถ่วงหรือ”

เสียงของมันขึ้นจมูก แสดงว่าโมโหขึ้นมาอีกแล้ว

...ดูท่ามันจะขี้โมโหไม่น้อย พูดไม่ถูกหูมันเข้าหน่อยก็ทำท่าทางเหมือนจะท้าตีท้าต่อยเสียแล้ว

“ข้าพูดแบบนั้นสักคำหรือยัง” เขาไม่อยากต่อล้อต่อเถียงกับมันจึงผ้าคลุมสีดำขึ้นมาคลุมตัวเอง ก่อนกระโดดขึ้นควบบนหลังม้า พร้อมกันนั้นก็พยักหน้าให้สัญญาณกับอนลซึ่งยืนอยู่ไม่ห่างกันนัก “ข้าไม่อยากเสียเวลา ต้องรีบออกตามหาตอนนี้เลย ส่วนเจ้าก็รอพ่อเจ้าอยู่ที่นี่แหละ ไม่เกินตะวันตกดิน ข้าจะกลับมา”

เจ้าม้าขนสีทองส่งเสียงร้องคราหนึ่ง หางของมันแกว่งไกว ขาทั้งสี่ย่ำอยู่กับที่แสดงให้เห็นกล้ามเนื้ออันหนั่นแน่นและแข็งแรง หากเป็นยามปกติ แสนแสงคงให้ความสนใจมันไม่น้อย...อาจจะถึงขั้นขอมันไปเลี้ยงที่บ้านเลยก็เป็นได้

ทว่า...ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานเช่นนี้ สิ่งที่แสนแสงสนใจและกังวลคือความปลอดภัยของผู้เป็นพ่อเท่านั้น

“ให้เราไปด้วย...” พูดยังไม่ทันจบประโยคเลยด้วยซ้ำเมื่อเจ้าม้าขนสวยตัวนั้นห้อเหยียดเต็มฝีเท้าตามคำสั่งของผู้เป็นเจ้าของ ก่อนหายลับไปจากคลองจักษุในเวลาอันรวดเร็ว

คนที่มองตามจึงทำได้แค่พ่นลมหายใจออกมาอย่างหงุดหงิด

“คนใจดำ! คนใจร้าย!”

นึกถึงใบหน้านิ่งๆ กับแววตาดุๆ ของใครคนนั้นแล้ว แสนแสงก็ยิ่งหงุดหงิด

เถอะ! ถึงเขาจะช่วยหล่อนไว้เมื่อคืนนี้ แต่สิ่งที่เขาทำกับหล่อนในตอนนี้ก็หาใช่สิ่งที่ถูกต้องไม่!

“เราจะไปตามหาพ่อ มาห้ามเราทำไม!”

เจ้าตัวกระทืบเท้าเร่าๆ ตวัดมองซ้ายทีขวาที จนสายตาสะดุดเข้ากับม้าอีกหนึ่งตัวที่ผูกติดกับต้นไม้ตรงหน้า ตัวมันไม่ใหญ่ไม่เล็ก ท่าทางก็เชื่อง คงขี่ง่ายอยู่หรอก...ไวเท่าความคิด แสนแสงกระโดดขึ้นไปนั่งบนหลังมัน ทำความรู้จักโดยการลูบแผงคอของมันสองสามครั้ง และกระซิบอ่อนโยน

“ช่วยเราหน่อยนะเจ้าม้าจ๋า”

แว่วเสียงปกรณ์โหวกเหวกโวยวาย หล่อนจึงรีบกระตุกบังเหียนและออกคำสั่งให้ม้าตัวนั้นโผนทะยานไปข้างหน้าในทิศทางเดียวกับ ‘คนใจดำ’ นั่นแหละ

แสนแสงโน้มตัวแนบกับหลังม้า ก่อนบอกเสียงหวาน

“ตามเจ้านาย...” เจ้าหล่อนชะงักไป เมื่อนึกขึ้นมาได้ว่าเจ้านายของม้าตัวนี้อาจไม่ใช่คนใจดำก็ได้ สุดท้ายจึงเปลี่ยนประโยคเป็น “ตามเพื่อนของแกไป เรื่องคอขาดบาดตายเลยนะเจ้าเฉาก๊วย”

เพราะขนสีดำ และหล่อนยังไม่รู้จักชื่อมัน จึงถือวิสาสะตั้งชื่อให้มันเสร็จสรรพ

หล่อนเป็นคนชอบทาน ทั้งของคาวของหวานทานได้หมด และเฉาก๊วยราดน้ำเชื่อมถือเป็นของโปรดอย่างหนึ่งของหล่อน

“ตามให้ทันนะ ถ้าไม่ทันเราก็จะไปช่วยไม่ทัน เพื่อนเจ้าอาจจะเป็นอันตรายได้”

บางทีมันอาจจะเข้าใจคำของหล่อน เพราะหลังจากจบประโยคนั้น เจ้าเฉาก๊วยก็ห้อเหยียดเต็มฝีเท้าโดยพลัน



ปกติหล่อนไม่ค่อยได้เดินทางไปไหนมาไหนบ่อยนัก โดยเฉพาะทางเหนือของนครสรวง ผู้เป็นพ่อมักห้ามไม่ให้ตามมาด้วยอยู่ร่ำไป แต่ครั้งนี้หล่อนดื้อรั้น...อาจเพราะความอยากรู้อยากเห็น หรือความคึกคะนอง หรืออะไรก็แล้วแต่ทำให้หล่อนตัดสินใจปลอมตัวเป็นทหาร ติดตามขบวนเดินทางมาด้วย

ไม่คาดคิดหรอกว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้น ทีแรกหล่อนก็สนุกสนานดี แต่พอมีคนกลุ่มหนึ่งจำนวนหลายสิบซุ่มทำร้ายขบวนเดินทางของพ่อ หล่อนก็เริ่มขวัญเสีย ทว่า...แม้หวาดกลัวเพียงใด หล่อนก็ไม่เคยคิดหนี ในยามที่พ่อมีภัย หล่อนก็พร้อมจะกระโจนเข้าไปช่วยเหลือหรือปกป้องท่านอย่างไม่คิดชีวิต

ครั้นเปิดเผยตัว พ่อก็พยายามกันหล่อนออกไป

‘คุ้มกันลูกเรา!’

คนของพ่อกรูกันเข้ามาหาหล่อน แต่ยังไม่ทันถึงตัวก็ถูกพวกโจรทำร้ายจนสิ้นชีวิต คนแล้วคนเล่า...ล้มตาย เลือดเจิ่งนองต่อหน้าต่อตาหล่อน

‘รีบไป!’ พ่อของหล่อนตะโกนบอกเสียงกร้าวขณะจับดาบฟาดฟันเข้าใส่ศัตรู ‘เดี๋ยวนี้! นี่คือคำสั่ง!’

คำสั่งของพ่อ ใครเลยจะกล้าขัด หล่อนยืนลังเลอยู่อึดใจ ก่อนจะหมุนตัววิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิต ในใจได้แต่ภาวนาให้พ่อปลอดภัย หล่อนวิ่ง วิ่ง และวิ่ง เพื่อหาคนมาช่วยพ่อ แต่จนแล้วจนรอดก็พบแต่พวกโจร หล่อนต้องซ่อนตัวตามพุ่มไม้ใหญ่ และค่อยๆ ก้าวย่างอย่างระมัดระวัง จนได้พบกับเขาเข้า

บุญคุณที่เขาช่วยชีวิตหล่อน หล่อนไม่มีวันลืม แต่การสั่งให้หล่อนทำนู่นทำนี่ตามอำเภอใจนั้น มันมากเกินไป หล่อนไม่มีทางทำตามหรอก

ใช้เวลาอยู่พักใหญ่กว่าเจ้าเฉาก๊วยจะตามเพื่อนม้าทั้งสองตัวเห็น หล่อนเห็นก้นเจ้าม้าสีทองอยู่ลิบๆ

แต่เพียงแค่เสี้ยวขณะจิต ที่เห็นอยู่ไกลลิบๆ บัดนี้กลับมายืนอยู่ตรงหน้าหล่อนเสียแล้ว แสนแสงแทบจะหยุดเจ้าเฉาก๊วยไว้ไม่ทัน!

“หยุดดด...” หล่อนร้องสั่งเสียงหลง หลับตาปี๋ เสียงม้าทั้งสามตัวดังระงมอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะได้ยินเสียงห้าวๆ ตวาดก้อง

“ตามมาทำไม!”

โดยไม่ทันตั้งตัว ร่างของหล่อนก็ลอยหวือเข้าสู่อ้อมกอดของเขาเสียแล้ว

‘คนใจดำ’ กอดหล่อนไว้ทั้งตัว ไม่ทันให้หล่อนได้ดิ้นหรือโวยวาย เขาก็ปล่อยหล่อนลง

“ก็เราบอกแล้วว่าเราจะไปตามหาพ่อ”

แสนแสงไม่กลัว หรือ...พยายามจะไม่กลัว ด้วยการเงยหน้าจ้องเขาตาวาว แล้วยืนกรานความต้องการของตนเองอย่างฉะฉาน

ยามเมื่อแสงตะวันเจิดจ้าอยู่เหนือท้องฟ้าสีคราม หล่อนจึงได้เห็นใบหน้าของเขาอย่างชัดเจนเป็นครั้งแรก

ได้ดู ได้สังเกต ได้พิจารณา และได้คิดว่า...คนอาไร้ หน้าข๊าวขาว ปากก็แด๊งแดงอย่างก็ผู้หญิง เสียก็แต่คิ้วเข้มๆ นั่น ขมวดเข้าหากันที จากหน้าสวยๆกลายเป็นหน้ายักษ์ซะนี่ น่าเสียดายออก!

แล้ว...ตาสีแปลกนั่นก็ด้วย...เวลาจ้องเอาๆ มันทำให้หล่อนเสียวสันหลังวาบๆ อย่างไรไม่รู้!

"ก็บอกแล้วว่าไม่ให้มาๆ แล้วตามมาด้วยทำไม คิดว่ามาเดินเล่นงั้นหรือ!"

คนถูกดุทำปากยื่นทีหนึ่งก่อนสะบัดหน้าพรืดไปทางอื่น แสดงถึงความพยศและไม่ยอมจำนนต่อเขาง่ายๆ

"ถ้าเจ้าเป็นม้าก็คงดี ข้าคงจัดการได้ง่ายกว่านี้"

คนถูกนำไปเปรียบเทียบกับม้าหันขวับกลับมาทันควัน ริมฝีปากอิ่มเผยออ้า แต่ยังทันได้เอ่ยอะไร คนหน้าดุก็เอ่ยเสียงแข็ง

“กลับไปซะ” จากนั้นจึงถอดเสื้อคลุมของตัวเองโยนให้คนสนิทซึ่งยืนอยู่ข้างๆ

เพียงสบตา คนที่รับผ้าคลุมไว้ก็ส่งผ้าผืนนั้นให้หล่อน

"อะไร ให้เราไม" หล่อนถามอย่างงุนงงพลางบุ้ยปากไปทางเจ้าของเสื้อ "คนนู้น...เขาให้เจ้า ไม่ได้ให้เรา!”

คนที่ยืนหันหลังและทำท่าจะเดินจากไปชะงักฝีเท้า ก่อนเอ่ยด้วยเสียงช้าชัด

"ข้าให้เจ้า...ตัวกะเปี๊ยกแค่นี้ ขืนใส่แค่เสื้อกับกางเกง คงได้หนาวตาย ข้าไม่อยากจะเผาศพเจ้าที่นี่"

"เราไม่..." ยังไม่ทันจบประโยคด้วยซ้ำตอนที่เขาหมุนตัวกลับมาคว้าผ้าคลุมผืนนั้นจากมือคนสนิทแล้วโยนใส่หล่อน

ผ้าผืนใหญ่ยังอุ่นๆคลุมศีรษะหล่อนลงมาถึงช่วงเอว แต่เพียงอึดใจ ผ้าผืนนั้นก็ถูกดึงออกไป หล่อนลืมตาหมายจะต่อว่า แต่ใบหน้าขาวๆที่อยู่ใกล้หล่อนแค่คืบ ทำให้หล่อนตกใจจนพูดอะไรไม่ออก

"อย่าทำให้ข้าต้องห่วงหน้าพะวงหลัง ข้าสัญญาว่าจะพาพ่อเจ้ากลับมาอย่างปลอดภัย"

เป็นแค่คำพูด แต่พอสบตาเขา หล่อนกลับเชื่อหมดหัวใจ

เขาคลี่คลุมผ้าผืนนั้นลงบนไหล่ของหล่อนอย่างอ่อนโยน แถมท้ายด้วยการดึงหล่อนไปกอดทั้งตัว

ผู้ชายกอดผู้ชาย นับว่าแปลก

ผู้ชายกอดผู้หญิงที่เพิ่งรู้จัก...ยิ่งแปลกกว่า

หากก็เพียงอึดใจ ก่อนที่หล่อนจะทันโวยวาย เขาก็ผละจากไป

หล่อนได้แต่กอดกระชับผ้าคลุมผืนนั้น มองตามเขาด้วยหัวใจที่อุ่น...จนเกือบจะร้อนแล้วตอนนี้






ศศิภา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ธ.ค. 2559, 15:21:21 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ธ.ค. 2559, 15:22:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 808





<< บทที่ ๒ | แ ส น แ ส ง ๑   
แว่นใส 24 ธ.ค. 2559, 21:55:26 น.
น่าจะรู้แหละ


Zephyr 27 ธ.ค. 2559, 18:37:06 น.
รู้แต่เนียนกอดใช่ไหม


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account