สัตตะลังกา
พลอยชีวันเคยใช้ชีวิตเป็นนักข่าวธรรมดาๆ จนกระทั่งได้พบกับพี่น้องกะเหรี่ยงเกอที่เดินทางออกมาจากเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเฉลิมรัฐ หล่อนจึงได้รู้ว่าชีวิตหล่อนจะไม่ไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป โดยเฉพาะหลังจากได้พบกับเขา ป่าไม้หนุ่มเจ้าของฉายา "ปากหมา หน้าหื่น ปืนโหด โคตรเหี้ยม"

หากนวนิยายเรื่องนี้สร้างแรงบันดาลใจให้แก่ผู้ใดก็ตามหันมารักและต้องการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้สัตว์ป่าของไทยเอาไว้ ผู้เขียนขอมอบผลและคุณงามความดีให้กับเจ้าหน้าที่ป่าไม้ เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าทุกท่าน รวมถึงอุทิศแด่ คุณสืบ นาคะเสถียร วีรบุรุษป่าไม้ไทยอีกด้วย
Tags: ป่าไม้,ลี้ลับ,โรแมนติก,ผจญภัย

ตอน: เกริ่นนำ + บทที่ ๑

หญิงชราร่างเล็กแผ่นหลังงองุ้มพยายามฝืนสังขารเงยหน้าขึ้นมองต้นสาละลังกา ต้นไม้ประจำหมู่บ้านลังกาซึ่งเป็นศูนย์รวมของจิตวิญญาณของคนในหมู่บ้านไว้ในนั้น โดยชาวบ้านเชื่อว่าดวงวิญญาณของบรรพบุรุษชาวเกอ*ที่ล่วงลับไปแล้วจะสิงสถิตอยู่ในต้นไม้ต้นนี้เพื่อคอยปกปักรักษาลูกหลานและหมู่บ้านเอาไว้ แต่ทว่า บัดนี้ ดวงตาที่เริ่มฝ้าฟางกลับมองเห็นต้นไม้ขนาด ๗ คนโอบกำลังทิ้งใบ กลีบดอกสีแดงสดกำลังเปลี่ยนเป็นสีแดงช้ำ ขณะที่บางดอกกลายเป็นสีดำ

สาละลังกาที่ปลูกไว้ท้ายหมู่บ้านต้นนี้ไม่เคยทิ้งใบ ไม่เคยเหี่ยวเฉา มีใบและดอกที่ส่งกลิ่นหอมอยู่ตลอดทั้งปี หล่อเลี้ยงความเชื่อของคนในหมู่บ้าน โดยชาวบ้านเชื่อว่าหากเกิดอาเพศใดๆ ขึ้น ‘อาจา’ หญิงผู้เป็นผู้นำด้านจิตวิญญาณผู้นี้จะสามารถรับรู้ได้เพียงแค่เงยหน้าขึ้นมอง แล้ววางมือลงสัมผัสบนเปลือกไม้...

“คงใกล้ถึงเวลาแล้ว...” เสียงแหบสั่นเทาเปล่งออกมาในที่สุดหลังจากเงียบไปนาน

“เวลาอะไรหรือพะปอ?”
พะปออาจาถอนใจ ดึงมือกลับมา ลืมตาขึ้นมองคู่สนทนาซึ่งเป็นหัวหน้าหมู่บ้าน “ถึงเวลาที่เราต้องตามหาคนๆ นั้น...”

“แล้วถ้าเค้าไม่มีอยู่จริงเล่า?”

“แต่คำสาปมีอยู่จริง” อาจายืนยันหนักแน่น “ตั้งแต่ข้าเกิดมา ไม่มีวันใดเลยที่ดอกของสาละลังกาจะเปลี่ยนเป็นสีดำ และใบร่วงโรยได้มากขนาดนี้... ต้นไม้กำลังจะตาย วาสะ ต้นสาละลังกาอันเป็นที่อยู่ของวิญญาณบรรพบุรุษของเรากำลังจะตาย... หมู่บ้านของเราก็ไม่สามารถอยู่ได้หากต้นสาละลังกาตายลง”

“ข้าจะออกเดินทาง” วาสะตัดสินใจในที่สุด “และข้าจะพานางกลับมาก่อนฝนสุดท้ายจะหมดลง”



บทที่ ๑

บรรยากาศในโต๊ะข่าวสิ่งแวดล้อมของหนังสือพิมพ์รี้ดส (Reads) วันนี้ไม่ค่อยเป็นปกตินัก ทั้งเสียงโทรศัพท์ดังระงม เสียงพูดคุยแลกเปลี่ยนความเห็นจากผู้สื่อข่าวแต่ละคน ประกอบกับเจ้าหน้าที่เดินสวนกันไปมา โดยรวมแล้วเรียกได้ว่าคอนข้างวุ่นวาย แต่เมื่อมีการมาถึงของกลุ่มบุคคลในชุดสีกากีกลับทำให้ทุกอย่างหยุดชะงัก
พร้อมกันนั้นชายที่ยืนอยู่ด้านหน้าขบวนของผู้มาเยือนซึ่งดูเหมือนจะเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้อง ราวกับการมาครั้งนี้มีจุดประสงค์ชัดเจนคือเพื่อพบใครสักคน โดยใบหน้าเขาดูเกรี้ยวกราดดุดันอย่างเห็นได้ชัด

“บก. อยู่ไหน!?”

ไม่มีใครปริปาก ยกเว้นเด็กฝึกงานหนึ่งนาย “ดะ... ด้านโน้นครับ”

“ไอ้โจ้!!!” นักข่าวรุ่นพี่ตวาดลั่น แล้วรีบเดินออกมารับหน้าผู้มาเยือน “ไม่ทราบว่ามาพบบก. เรื่องอะไรครับ”

“จะเรื่องอะไรมันก็ไม่เกี่ยวกับคุณ ผมจะพบ บก. พวกคุณ บก. ไหนก็ได้ที่มีสิทธิ์ไล่นักข่าวที่ชื่อพลอยชีวันออก”

“อะไรฮะ?”

“พาผมไปห้องบ.ก ตามนักข่าวพลอยชีวันมาด้วย! ถ้าช้ากว่านี้ผมจะสั่งปิดหนังสือพิมพ์คุณ!”
นักข่าวหนุ่มตะลึงงัน หันไปหารุ่นน้อง “โจ้ มึงพาเขาไปหา บ.ก กูจะโทร.หาไอ้เพลิน”
โจ้พยักหน้ารับคำสั่ง ผายมือแทนการเรียนเชิญผู้มาเยือนให้เดินไปยังทิศทางที่ตั้งของห้องบรรณาธิการข่าว ขณะที่บัณฑิตตั้งหลักได้ก็รีบต่อสายโทรศัพท์หาพลอยชีวัน

“ไอ้เพลิน เอ็งอยู่ไหน”

“ออกมาทำข่าวที่อุทัยฯ อะพี่ กลับพรุ่งนี้บ่ายๆ มีอะไรเหรอคะน้ำเสียงฟังดูตกอกตกใจ”

“ก็มีคนใหญ่คนโตใส่ชุดข้าราชการเต็มยศเดินอาดๆ เข้ามา พอมาถึงก็ถามหาพี่วิกกี้เป็นอย่างแรกเลย เขาบอกว่าเขาจะมาเอาเอ็งออก”

“ผมหงอก ใส่แว่น หน้าเบื่อโลก ชอบมีคนติดตามประมาณสี่คน ใช่ไหมพี่” น้ำเสียงอีกฝ่ายดูราบเรียบอย่างเห็นได้ชัดคล้ายจะปลงตกในที “ใช่ๆ รู้ได้ไงวะ... แล้วตกลงเขาเป็นใคร”

“ก็เขาเป็นผู้ว่าฯ จังหวัดที่หนูไปทำข่าวสัมปทานเหมืองแร่ไง”

“แล้วมาเกี่ยวอะไรด้วย”

“ใบอนุญาตทำเหมืองแร่ฉบับนั้นไม่มีการทำประชาพิจารณ์ ชาวบ้านไม่รับรู้อะไรเลย เป็นการลักลอบออกใบอนุญาตโดยที่ผู้ว่าฯ มีส่วนรู้เห็นด้วย”

“เพลินเอ้ย... เอ็งไปขัดตีนเขาเข้าแล้วไหมล่ะ เขามาขู่พี่วิกกี้บอกให้เอาเอ็งออก”

“จะเอาไว้เอาออกก็แล้วแต่พี่วิกกี้เลยแล้วกันพี่ แต่บอกเขาด้วยยังไงหนูก็ไม่หยุด ต่อให้ไม่มีการตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์ ตอนนี้ใครก็เป็นนักข่าวได้ด้วยเฟสบุค ทวิตเตอร์ และเว็บบล็อคค่ะ!”

“เฮ้ย ไอ้เพลิน เดี๋ยวสิ อย่าเพิ่งวาง ฮัลโหล...”

ชายหนุ่มหันรีหันขวาง กดต่อสายหาพลอยชีวันอีกครั้งแต่ฝ่ายนั้นกลับตัดสายทิ้งและกลายเป็นการติดต่อไม่ได้ไปในที่สุด ทำให้เขาต้องเดินคอตกกลับเข้ามาหาบ.ก ที่กำลังถูกท่านผู้ว่าฯ ยืนค้ำหัวแถมต่อว่าเสียงดังลั่นได้ยินก่อนที่เขาจะทันเปิดประตูห้องเสียอีก ครั้นเมื่อบัณฑิตโผล่เข้าไป เป้าหมายคนที่ถูกเล่นงานก็กลายมเป็นเขาทันที

“ไหน นักข่าวพลอยชีวันอยู่ไหน”

“พลอยชีวันออกไปลงพื้นที่ทำข่าวต่างจังหวัด ถ้าตามกำหนดการแล้วจะกลับมาถึงกรุงเทพฯ ในอีกสองวันครับ”

“ผมไม่สน ให้เขารีบกลับมาภายในสิบนาทีนี้!”

“ท่านครับ... พลอยชีวันอยู่อุทัยธานีนะครับ ไม่ใช่รังสิต หรือต่อให้เขาอยู่รังสิตไม่สามารถมาถึงที่นี่ได้ภายในสิบนาทีหรอกครับ”

“นี่คุณย้อนผมหรือ! บ.ก ดูนักข่าวคุณ มันไม่มีสัมมาคารวะกันสักคน หนอย เห็นว่าเป็นสื่อมวลชนจะทำอะไรก็ได้รึ!”

วรัญญาถอนหายใจ โบกไม้โบกมือเป็นเชิงไล่บัณฑิต แต่อีกฝ่ายส่ายหน้าอย่างขันแข็ง และเดินอ้อมเข้าไปใกล้ๆ โต๊ะทำงาน ก้มลงกระซิบเบาๆ เพื่อถ่ายทอดสาส์นที่พลอยชีวันฝากมา

บ.ก สาวพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ และออกปากไล่ลูกน้องอีกครั้ง ทว่า นักข่าวหนุ่มก็ทำเพียงเขยิบไปยืนชิดฝาผนังด้านหลังห้องทำงานเท่านั้นเอง

“ท่านคะ ดิฉันรบกวนให้ท่านใจเย็นๆ ก่อนนะคะ”

“ผมจะใจเย็นได้ยังไง ดูนักข่าวคุณเขียนข่าว นี่มันหมิ่นประมาทกันชัดๆ! เลือกเอา จะให้ผมฟ้อง หรือจะลงข่าวแก้ข่าวให้ผมพร้อมกับไล่นักข่าวคนนั้นออก”

“ถ้าจะให้ไล่ออก คงไม่สามารถทำได้ค่ะ แต่ทางเราจะทำการสอบสวนแล้วจะแจ้งให้ท่านทราบนะคะ”

“ถ้าอย่างนั้นเจอกันในศาล!”

“ท่านคะ... ถ้าเจอกันในศาล เราจำเป็นจะต้องนำข้อมูลทุกอย่างที่เรามีเพื่อเป็นหลักฐานในการแสดงว่าเราไม่ได้ลงข่าวเท็จ... ท่านมั่นใจใช่ไหมคะว่าท่านไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องตามที่เขียนไว้ในข่าว”

ผู้มาเยือนผงะ หน้าถอดสี เงียบไปครู่ใหญ่ ได้ทีวรัญญารีบรุกคืบ “เอาอย่างนี้มั้ยคะท่าน เราจะทำการสอบวินัยนักข่าวของเรา ถ้าหากว่าผิดจริงเราจะ...”

“ไล่ออก”

“ค่ะ เราจะไล่ออก แต่ถ้าไม่ผิดก็ไม่สามารถทำอะไรได้นะคะ”

“นักข่าวคุณเสียมารยาทกับผม ควรจะให้มีการพักงาน อย่างต่ำ ๖ เดือน”

“คงได้แค่ ๓ เดือนค่ะท่าน นักข่าวเราน้อย ได้โปรดเห็นใจด้วยนะคะ”

“แล้วผมจะคอยดู!” จบคำ ท่านผู้ว่าฯ ก็เดินสะบัดหน้าหมุนตัวกลับออกไปอย่างรวดเร็วยิ่งกว่าพายุที่ทิ้งความเสียหายเอาไว้พอกับความเงียบงัน

นานโขกว่าที่วรัญญาจะถอนหายใจออกมา

“เมื่อกี้แกมาบอกว่าอะไรนะ พี่ไม่ทันฟัง”
“ไอ้เพลินมันบอกว่าถ้าจะเอามันออกก็แล้วแต่พี่พิจารณาเลย”

“มันก็ต้องแล้วแต่พี่อยู่แล้ว พี่เป็นเจ้านายมันนะ” หญิงสาวยกมือขึ้นเสยผมลวกๆ “บอกมันกลับมา แล้วเอาทีมแกลงไปทำข่าวแทน ด่วน!”

“ครับพี่”




สิ่งที่พลอยชีวันไม่ชอบมากที่สุดคืออุปสรรคที่ไม่น่าจะเป็นอุปสรรค ว่าง่ายๆ ปัญหาพวกนี้ไม่ควรจะเป็นปัญหาในการขัดขวางการทำงานของหล่อนนั่นเอง การถูกเรียกตัวให้กลับมาจากการทำข่าวเพราะมีผู้มีอิทธิพลไปโวยวายถึงออฟฟิสเป็นสิ่งงี่เง่าที่สุดเท่าที่หล่อนเคยเจอมาด้วยซ้ำ

“หน้าตูมมาเชียวแก นั่งก่อนสิ”

“พี่วิกกี้ จะไม่ให้หนูหน้าตูมได้ยังไง...”

“อย่าเพิ่งโวย... นั่งก่อน” ปรามอย่างใจเย็น ทำให้หญิงสาวยอมแพ้และทรุดตัวลงนั่งในที่สุดแม้จะดูขัดใจอย่างเห็นได้ชัดก็ตาม
พลอยชีวันยกมือขึ้นจับจี้สร้อยที่มองเผินๆ ดูคล้ายทำจากก้อนหินธรรมดาๆ สีทรายมันวาววับอยู่ในกรอบทอง ขนาดเล็กเท่าเม็ดทับทิม แต่กลับมีความหมายกับหล่อนอย่างมาก มันเป็นของสืบทอดมาจากบรรพบุรุษฝั่งแม่ เป็นของยึดเหนี่ยวจิตใจเพียงชิ้นเดียวที่หล่อนไม่เคยถอดเลยตั้งแต่เล็กจนโต เพียงแค่ได้สัมผัสจี้อุ่นๆ นั้นครู่เดียวจิตใจที่ร้อนรุ่มวุ่นวายก็ค่อยๆ เย็นลง

“ขอโทษนะพี่ วุ่นวายกันไปหมด เห็นพี่บัณบอกว่าเกือบจะโดนฟ้องแล้ว”

“พี่ผิดเองแหละ ที่ยอมให้พิมพ์ข่าวออกไป”

“พี่ไม่ผิด ผู้ว่าฯ นั่นต่างหากที่ผิด”

“ใจเย็นสิเฮ้ย” วรัญญาหัวเราะ ทั้งที่นัยน์ตามีแววหวั่นไหวอย่างเห็นได้ชัด “พี่คงต้องให้แกพักงานก่อนว่ะ”

ไม่มีการต่อรองจากพลอยชีวัน ซ้ำยังยอมรับอย่างสงบ “กี่เดือนอะพี่”

“ตอนนี้แค่ ๓ เดือน เอาให้กระแสมันซาๆ ก่อนค่อยว่ากันต่อ ส่วนแกก็ไปหาข้อมูลเพิ่มเติม จะเล่นงานคนระดับนั้นมันต้องมีข้อมูลชัดเจน”

“๓ เดือน... จะทำอะไรดีนะ ไปอบรมขายตรงดีมั้ยคะ?”

“ฮ่าๆ กลับบ้านกลับช่องบ้างเฮ้ย พ่อไม่ได้เห็นหน้านานแล้วมั้ง” หญิงสาวลุกขึ้นยืน ถอนหายใจ สะพายกระเป๋าไว้กับไหล่ ก่อนจะเดินกลับออกไปจากห้องยังมีแก่ใจหันกลับมาบอกว่า “ก็ไม่ได้เจอพ่อแค่ปีเดียวเองค่ะ...”


*หมู่บ้านและกลุ่มชาติพันธุ์สมมุติ

// สวัสดีค่าทุกท่าน กลับมาแย้ว หลังจากหายไปนานมาก ถ้ามีลูกป่านนี้ลูกเข้าอนุบาลไปแล้ว 5555555555555555
ไม่ได้หนีไปมีลูก ไปแต่งงาน ยังเกาะอยู่บนคานและบ้างานหลักอย่างสม่ำเสมอ แต่ตอนนี้มีเวลาว่างพอจะกลับมาเขียนนิยายแล้วค่ะ ฝากนิยายเรื่องใหม่ไว้ในอ้อมใจด้วยนะคะ

แวะไปคุยกันได้ที่ Page >> อนัญชนินทร์ (ananchaninthewriter)

ป.ล อาจารย์เสือยังจำได้อยู่นะคะ แต่ขออนุญาตทบทวนสักนิดนึงค่ะ สัญญาจะเขียนให้จบ



อนัญชนินทร์
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 9 ม.ค. 2560, 01:59:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 9 ม.ค. 2560, 01:59:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 1278





   ตอนที่ ๒ >>
แว่นใส 9 ม.ค. 2560, 07:32:13 น.
นานจนลืมเลย ต่อเรื่องไม่ติดละ ลงให้อ่านใหม่ด้วยนะ อิอิอิ


aom 9 ม.ค. 2560, 08:07:48 น.
หายไปนานมากกกกกก ดีใจที่กลับมา


supayalak 9 ม.ค. 2560, 08:12:08 น.
ดีใจที่กลับมาเจอกันอีกค้า อย่าหายไปนานน้าคิดถึง


goldensun 9 ม.ค. 2560, 12:20:38 น.
ดีจังค่ะ กลับมาแล้ว ยังพอจำอาจารย์เสือได้ ยังไงลงต่อด้วยนะคะ
ส่วนเรื่องนี้ น่าติดตามอีกแล้ว


คิมหันตุ์ 11 ม.ค. 2560, 00:34:39 น.
ยู้ฮูวววว มาลงเรื่องใหม่อีกแล้วววววว อย่าลืมอาจารย์เสือนะคะ ลงชื่อรอเลยจ้าาา


oolong 13 ม.ค. 2560, 21:03:42 น.
กลับมาแล้วดีใจจังค่ะ ทำeBook ขายบนMeb สิคะ. รออุดหนุน.


Zephyr 25 มี.ค. 2560, 16:08:18 น.
น่าสนใจค่ะ ตามๆ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account