หัวใจลายกระต่าย (รอลงต่อนะคะ)
ถ้าหัวใจคือดวงจันทร์ที่ไม่มีแสงสว่างในตัวเอง
ความรักก็คงเหมือนดวงอาทิตย์ที่ทำให้ดวงจันทร์สว่างไสว
หัวใจที่ได้รับความรักจากเธอก็เช่นกัน
เธอเห็นความรักของฉันใช่ไหม?
ความรักก็คงเหมือนดวงอาทิตย์ที่ทำให้ดวงจันทร์สว่างไสว
หัวใจที่ได้รับความรักจากเธอก็เช่นกัน
เธอเห็นความรักของฉันใช่ไหม?
Tags: หัวใจ กระต่าย ปิ่นนลิน รัก คุณหมอ
ตอน: บทนำ
หัวใจลายกระต่าย
บทนำ
งานแต่งงานตอนเช้าของพี่ชายกำลังจะจบลง ณฐายืนรอจนแขกเกรื่อทยอยกลับเป็นส่วนใหญ่จึงเดินเข้าไปหาคู่บ่าวสาวในชุดหล่อสวย โดยพ่อแม่ยืนร่ำลาแขกอยู่ใกล้ๆ กัน ในห้องจัดเลี้ยงเวลานี้เหลือเพียงพวกเพื่อนเจ้าบ่าวที่ยังนั่งคุยกันตามประสาเพื่อนสนิท และพวกเขาก็รอรอเจ้าบ่าวหมาดๆ มาดื่มด้วย แต่ณฐาไม่สามารถอยู่จนขั้นตอนส่งตัวบ่าวสาวได้ เรื่องนี้เขาได้บอกกล่าวพ่อแม่พี่ชายและน้องสาวไว้ก่อนแล้ว
“พี่นนท์ พ่อครับ แม่ครับ ณัฐมีงานต้องทำช่วงบ่าย ณัฐขอตัวกลับก่อนนะครับ” ณฐายกมือไหว้บิดามารดา
“ขับรถดีๆ ล่ะ” คุณอเนกตอบลูกชาย ก่อนจะพูดต่อเพื่อให้ลูกชายสบายใจ “เดี๋ยวพ่อกับแม่และยายนิ่มจะกลับอยุธยาตอนบ่ายนี้แหละ”
“ครับ แม่ครับ กอดหน่อย” ณฐาอ้าแขนโอบร่างอวบของมารดา อ้อนทั้งที่สวมชุดสูทหล่อเหลา เป็นแม่เองเสียอีกที่เขินแทนลูกชายคนกลาง
“โตจนอายุสามสิบแล้วแล้วยังจะอ้อนแม่อีกนะ ตาณัฐ ไม่กลัวคนไข้ผ่านมาเห็นแล้วจะหัวเราะเอาหรือไง”
คุณหมอวัยสามสิบเอ็ดปีหัวเราะเบาๆ ด้วยความพอใจ ไม่นึกห่วงอย่างมารดาเตือนเลย
“ไว้ณัฐจะเคลียร์เวรแล้วไปนอนค้างบ้านบ่อยๆ นะครับ”
ณฐายังไม่ปล่อยมือจากตัวมารดา แม้จะหันมองพี่ชายผู้สวมบทบาทเจ้าบ่าวงานวันนี้ด้วยแววตามีความสุข
“ผมดีใจกับพี่นนท์ด้วยนะครับ พี่ดีใจด้วยนะแป้ง”
ณฐาส่งยิ้มให้พี่สะใภ้วัยยี่สิบเก้าปี นนทวัชกระซิบบอกเจ้าสาวก่อนเดินมากอดไหล่น้องชายที่กำลังจะเดินออกจากบริเวณหน้าห้องจัดงาน
“ณัฐ จริงๆ แกไม่ต้องย้ายออกจากบ้านก็ได้นะ บ้านนั้นพี่กับแกช่วยกันผ่อนมาตั้งนาน มันเป็นของแกครึ่งหนึ่งด้วย” นนทวัชไม่สบายใจเมื่อน้องชายตัดสินใจย้ายออกจากบ้าน น้องชายให้เหตุผลว่าคู่แต่งงานใหม่ควรอาศัยอยู่กับภรรยาสองต่อสอง
“พี่นนท์ ผมซื้อบ้านใหม่แล้ว ผมก็ต้องย้ายออกไปอยู่บ้านผมสิ บ้านหลังนั้นผมให้พี่เป็นของขวัญแต่งงาน พี่จะได้มีที่ลูกวิ่งเล่นไงครับ” ณฐาตัดสินใจแล้ว และจะไม่เปลี่ยนใจแน่นอน เพราะเขาเองคงอึดอัดถ้าหากต้องอาศัยอยู่กับคู่ข้าวใหม่ปลามัน
“พี่สิควรจะย้ายออก พี่เป็นพี่นะ” นนทวัชเถียงกับน้องชายเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว หากคนดื้อรั้นก็มีเหตุผลมาถกเถียงจนนทวัชต้องยอม
“ผมไม่มีภาระอะไรนะพี่นนท์ พี่แต่งงานต้องเก็บเงินไว้เพื่อสร้างครอบครัว แป้งกำลังท้องลูกของพี่ และตัดสินใจออกจากงานมาเป็นคุณแม่เต็มตัว ผมตัวคนเดียวจะสร้างภาระยังไงก็ไม่กระทบใคร แต่พี่นนท์ไม่ใช่ อีกอย่างผมก็อยากมีบ้านมีของของผมเอง ไว้เผื่อสร้างครอบครัวบ้างไง แต่ถ้าพี่ไม่สบายใจก็ถือว่าผมยกให้หลานในท้องของแป้งก็แล้วกัน”
“แต่บ้านแกยังสร้างไม่เสร็จ แล้วแกจะไปอยู่ไหน” นนทวัชถามอย่างเป็นห่วง บ้านของณฐากว่าจะสร้างเสร็จน่าจะกินเวลาอีกหลายเดือน
“ตอนนี้ผมอยู่กับเพื่อนไปก่อนครับ พี่นนท์ไม่ต้องห่วง”
คนเป็นน้องยังคงยิ้มด้วยท่าทางสบายๆ ผิดกับพี่ชาย พ่อแม่ ที่ห่วงอนาคตของคนใจเย็นเหลือเกิน แม่กลัวว่าณฐาจะเอาแต่ทำงานจนไม่ยอมมีเมีย!!
“ถ้าจะให้พี่เลิกห่วง ก็หัดมองผู้หญิงรอบๆ ซะบ้าง เปิดใจน่ะทำเป็นไหม เลขสามแล้วจะโสดไปถึงไหน” นนทวัชทำหน้าเครียดจริงจังมาก ณฐาทำงานหน้าที่การงานดี เป็นศัลยแพทย์คนเก่ง หน้าตาก็ไม่ได้ขี้เหร่ ใครๆ ก็บอกว่าหล่อกว่าพี่ชายเสียอีก ไม่น่าอยู่เป็นโสดเหี่ยวเฉาอย่างนี้เลย
“หรือว่าแกชอบผู้ชายวะ” คนเป็นพี่ถามเอง แล้วตกใจทำตาโต!
ศัลยแพทย์ผ่าตัดคนเก่งในสายตาครอบครัวได้ฟังก็หัวเราะร่วน
“งั้นเดี๋ยวผมจะรีบหามายืนยันว่าผมยังชอบผู้หญิง เอางี้ ถ้าใครเห็นผมโป๊ ผมจะเอาเป็นแฟนเลย”
“อย่ามาล้อเล่นเรื่องแบบนี้หน่อยเลยน่า พี่ซีเรียสนะ” นนทวัชถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายใจ
“ให้เวลาผมอีกหน่อยเถอะ พี่ก็เพิ่งเจอแป้งตอนอายุสามสิบสองเลย” นายแพทย์ณฐาทักท้วงพี่ชาย เพราะทนายนนทวัชวัยสามสิบห้าปีก็เพิ่งพบเจ้าสาวเมื่อสามปีก่อนเช่นกัน ณฐาเกรงจะโดนบ่นอะไรยาวอีก
“พี่นนท์ไม่ควรปล่อยให้เจ้าสาวยืนเหงานะ รีบไปเถอะ เดี๋ยวผมจะรีบกลับไปเปลี่ยนชุดแล้วไปโรงพยาบาลแล้ว ขอให้มีความสุขนะพี่ชาย”
ณฐาตัดบทร่ำลา เดินปร๋อเข้าลิฟท์ ทันทีที่ประตูลิฟท์ปิดลง รอยยิ้มสดใสของณฐาค่อยๆ เลือนหายไป เมื่ออยู่คนเดียวณฐาก็ถอนหายใจ มองเงาสะท้อนตัวเองจากผนังลิฟท์ซึ่งติดกระจกเงาไว้โดยรอบ
“ถ้ามันหาได้ง่ายๆ ก็ดีน่ะสิ”
ใช่ว่า นายแพทย์ณฐา ศิวะกรวงศ์ ศัลยแพทย์ผ่าตัดวัยสามสิบเอ็ดปีจะไม่อยากมีเนื้อคู่ เขาไม่ได้หยิ่งหรือเลือกมาก เขาเป็นแค่ผู้ชายที่แสดงออกไม่ค่อยเป็นเท่านั้น ซึ่งผู้หญิงรอบๆ ก็ไม่มีใครสักคนที่ทำให้เขารู้สึกอยากแสดงออกว่ารักเลย
ณฐาสงสัยว่าเขาจะได้เจอใครสักคนที่เปิดโลกอีกใบของเขา ได้พบผู้หญิงที่ทำให้หัวใจเขาเต้นผิดจังหวะหรือไม่
ณ สนามบินดอนเมือง ผู้คนยังมากมาย บรรยากาศคึกคักเหมือนเมื่อคราวก่อน แต่ที่แตกต่างก็คือครั้งนี้ คนึงมาสเดินทางมากรุงเทพฯ เพียงลำพัง
หลังจากรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว หญิงสาววัยยี่สิบเอ็ดปีรีบเดินออกมาจากประตูกระจกของผู้โดยสารเพื่อมองหาเพื่อนที่อาสามารับเธอถึงสนามบิน วันนี้คนึงมาสเลือกสวมเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนส์ขายาว ทับด้วยเสื้อฮู้ดบางๆ สีกรมท่าตัดกับผิวขาว แขนยาวขายาวสมส่วนไม่อ้วนหรือผอมไป และปล่อยผมยาวสีน้ำตาลเข้มทิ้งตัวสลวยถึงกลางหลัง คนึงมาสกวาดดวงตากลมเหมือนลูกแก้วกระจ่างใสไปรอบๆ เพื่อมองหาคนคุ้นหน้าคุ้นตา และริมฝีปากรูปกระจับเล็กๆ วับวาวด้วยลิปกลอสสีหวานก็ยิ้มกว้างเมื่อพบเป้านหมายที่เป็นหญิงสาวหน้าหวานในชุดกระโปรงสีพาสเทล ดัดผม แต่งหน้าสวยจนโดดเด่นออกมาจากคนรอบๆ เธอกระชับสายกระเป๋าเป้ อีกมือก็รีบลากกระเป๋าเดินทางไปยังใครคนนั้นทันที
“หนูเล็ก!”
คนึงมาสส่งเสียงเรียกเพื่อนสนิทที่ชะเง้อมองหาเธออยู่ หนูเล็ก หรือ ชนิดา ถึงหันมาเห็นและอวดรอยยิ้มสดใสพร้อมโบกมือมาให้
“กระต่าย เป็นไงบ้าง ไม่ได้เจอกันตั้งนานแล้ว เล็กก็ดีใจนะที่ได้เจอกระต่ายอีก”
ชนิดาตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด กอดรัดคนเพิ่งมาถึงเต็มรัก เพราะหลังจากเรียนจบมัธยมปลาย ชนิดาก็ย้ายมาเรียนกรุงเทพฯ ส่วนคนึงมาสก็ไปเรียนมหาวิทยาลัยใหญ่จังหวัดใกล้ๆ บ้านที่ภาคใต้ มีเพียงการติดต่อผ่านเฟชบุ๊คกันเท่านั้น แล้วอยู่มาวันหนึ่ง คนึงมาสก็ทักมาหาชนิดาว่าจะเดินทางมากรุงเทพฯ ชนิดาจึงอาสามารับที่สนามบินและยังจะพาไปส่งจุดหมายปลายทางอีก
“เราก็คิดถึงหนูเล็กนะ แต่ตอนนี้เราหิวข้าวมากเลย ไม่อย่างนั้นเราคงได้กินหนูเล็กแทนข้าวแน่ๆ” คนึงมาสลูบท้องพร้อมโอดครวญ “ยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย บนเครื่องก็ไม่มีอะไรให้กิน”
“น่าสงสารจริง ไปสิไป เดี๋ยวเล็กจะพาไปกินร้านอร่อย … เล็กจอดรถไว้ด้านนู้น เดี๋ยวช่วยลากกระเป๋านะ” ชนิดายื่นมือไปจับหูกระเป๋าเดินทางของเพื่อน ก่อนพากันเดินไปยังที่จอดรถพร้อมคุยกันในเรื่องเก่าๆ อย่างสนุกสนาน
+++
“กระต่ายบอกว่ามากรุงเทพฯ นี่เพราะอยากมาตามหาพ่อหรือ” ชนิดาเบิกตากว้างหลังจากคนึงมาสกระซิบเล่าความลับให้ฟัง “แต่บอกคุณน้าแตไปว่ามาหาเรียนภาษาอังกฤษเนี่ยนะ”
“ก็มาเรียนจริงๆ เรื่องหาพ่อนี่เป็นภารกิจแถมไง … พอดีแม่ไปเที่ยวยุโรปกับที่ทำงานสองอาทิตย์ เราเลยใช้โอกาสนี้มาตามหาพ่อ” คนึงมาสเล่าพลางตักไอศกรีมรสมะม่วงใส่ปาก สองสาวมานั่งในร้านไอศกรีมหลังรับประทานมื้อหลักเรียบร้อยแล้ว
“เราอยากรู้ว่าพ่อเป็นคนยังไง เราไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับพ่อเลย”
คนึงมาสขมวดคิ้วทำหน้าหนักใจ กลัวแม่จะรู้ว่าเธออยากรู้เรื่องพ่อ แต่คนึงมาสก็หยุดความสงสัยไว้ไม่ไหว
คงเพราะเธอดันไปเจอกล่องสมบัติเก่าของแม่ และเห็นว่าแม่ยังเก็บเรื่องราวของพ่อไว้อย่างดี รูปถ่ายสมัยมัธยมของพ่อหล่อจนพระเอกละครสมัยนี้ชิดซ้ายตกท่อไปเลย ถ้าไม่เจอสิ่งของเหล่านี้ คนึงมาสคงไม่อยากรู้เรื่องพ่อมากขนาดนี้
ตลอดมาตั้งแต่เด็กจนโต แม่เลี้ยงเธอมานั้นไม่เคยว่าหรือตำหนิพ่อให้เธอได้ยินสักครั้ง แม่บอกแค่ว่าแม่ท้องคนึงมาตั้งแต่ยังอายุสิบเจ็ดปี เรียนไม่จบมัธยมปลายเลย แต่แม่เลือกจะคลอดเธอออกมา แม้จะต้องเลิกรากับพ่อไปแค่นั้น แม่ไม่เคยโทษอะไรพ่อให้เธอฟังสักเรื่อง ไม่ได้บอกว่าพ่อไม่ต้องการเธอ เพียงแต่แม่ยังอยากเรียนหนังสือ อยากทำงาน และไม่ได้อยากแต่งงานกับพ่อตอนนั้น นอกจากนั้นมาแม่ก็ไม่เล่าอะไรเกี่ยวกับพ่อให้เธอฟังอีกเลย
แต่แม้จะไม่มีพ่อ คนึงมาสเองก็ไม่ได้รู้สึกขาดอะไร เธอมีแม่ที่ยังวัยรุ่นและสนิทกับเธอมาก ช้อปปิ้ง กินข้าว ดูหนังด้วยกันตลอด มีคุณยายที่ยังแข็งแรงเปิดร้านขายของชำเล็กๆ อยู่กับบ้าน คุณลุงเป็นครูสุดเฮี้ยบกับนักเรียนแต่กลับใจดีกับเธอมาก และยังมีน้าชายเป็นคุณหมอสุดหล่ออีกต่างหาก คนึงมาสมีความสุขดีอยู่แล้ว เพียงแต่เธอแค่อยากรู้จักพ่อที่แท้จริงเท่านั้น
“นี่หนูเล็กยังจำแม่แตของกระต่ายได้อยู่เลยนะ ทั้งสาวทั้งสวย และเก่งมากด้วย”
ก่อนจะย้ายบ้านมากรุงเทพฯ ชนิดาไปเที่ยวบ้านคนึงมาสและได้เจอแม่ของเพื่อนสาวหลายครั้ง ท่านเป็นคุณแม่ยังสาวยังสวยจนไม่เชื่อว่ามีลูกโตแล้ว ท่านก็เป็นผู้หญิงทำงานเก่ง บุคลิกมาดมั่นของมาสิณีติดตรึงใจชนิดาอยู่ถึงทุกวันนี้
ชนิดาเคยฟังคนอื่นเล่าลือในทางไม่ดีของมาสิณี ว่าท้องไม่มีพ่อ ท้องทั้งชุดนักเรียนต้องหอบเสื้อผ้า เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุลหนีมากับครอบครัวเพื่อหลบหน้าหนีความอาย แต่ชนิดไม่คิดแบบนั้น กลับชื่นชมมารดาของเพื่อนสนิทเสียอีก แม้มาสิณีจะพลาดพลั้งมาครั้งหนึ่ง เกือบเรียนไม่จบเพราะท้องก่อนวัยอันควร แต่มาสิณีก็สามารถเรียนจนจบปริญญาตรี แถมทำงานเก่ง เลี้ยงลูกสาวมาได้อย่างดีด้วย
“แต่หนูเล็กห้ามบอกเรื่องที่เรามาตามหาพ่อให้คนอื่นฟังนะ เราไม่อยากให้แม่ หรือน้าหินรู้ น้าหินต้องไม่ยอมให้เราตามหาพ่อแน่นอนเลย” คนึงมาสพูดหน้าตาจริงจังมาก
คนฟังยิ้มและรับปาก “ได้สิ หนูเล็กไม่บอกใครหรอก ว่าแต่พ่อของกระต่ายชื่ออะไรล่ะ เผื่อหนูเล็กจะช่วยตามหา”
“เราถ่ายรูปไว้ เดี๋ยวส่งให้ทางไลน์ มีทั้งชื่อและรูปสมัยพ่อยังหนุ่มๆ เลย ไม่รู้จะหายากไหม” คนึงมาสรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดส่งภาพผ่านโปรแกรมสนทนาให้เพื่อน
เมื่อชนิดาพยักหน้าหลังจากได้รับภาพเรียบร้อย โทรศัพท์มือถือในมือคนึงมาสก็ส่งเสียงร้องดัง พร้อมชื่อ ‘น้าหินสุดหล่อ’ โชว์หราบนหน้าจอ คนึงมาสเห็นชื่อที่น้าชายทึกทักบันทึกเอาเองทีไรก็อดย่นจมูกใส่ไม่ได้ทุกที
แต่คนึงมาสก็ไม่เถียงหรอก เพราะคุณน้าของเธอหล่อเกินมาตรฐาน สามารถควงออกงานไม่อายใครแน่นอน
“น้าหิน หนูลืมโทรบอกน้าหินเลยค่ะว่าถึงกรุงเทพฯ แล้ว ตอนนี้อยู่กับหนูเล็กค่ะ น้าหินจำหนูเล็กได้ใช่ไหมคะ” คนึงมาสส่งเสียงใสๆ ไปหาคุณน้า เธออายุห่างกับน้าชายสิบปีถ้วน น้าหินเป็นน้องคนสุดท้องคุณแม่ของคนึงมาส
“จำได้สิจำได้ น้าจะตรวจคนไข้เสร็จก็อีกประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วกลับบ้านเลย กระต่ายจะอยู่กับเพื่อนหรือไปรอน้าที่บ้านก็ได้นะ นี่ไม่ลืมที่ให้เอากุญแจบ้านมาด้วยใช่ไหม” ศิลาถามหลานสาว เพราะก่อนหน้านี้กำชับหนักหนาให้เอากุญแจบ้านที่อยู่กับแม่หลานไปปั๊มแล้วเอาติดตัวมากรุงเทพฯ ด้วย
“ไม่ลืมค่ะ เดี๋ยวหนูเล็กจะขับรถพากระต่ายไปส่ง น้าหินสุดหล่อไม่ต้องห่วงนะคะ แล้วเจอกันที่บ้านนะคะ” คนึงมาสวางสายจากน้าชาย แล้วจึงชวนเพื่อนสาวจ่ายเงินค่าขนมก่อนจะตรงไปบ้านของน้าศิลาโดยไม่แวะที่ไหนอีก
ศัลยแพทย์หนุ่มจอดรถยนต์อเนกประสงค์คันโตของเขาไว้ที่โรงจอดรถข้างบ้าน ไม่ลืมล็อคกุญแจทั้งประตูรั้ว ทั้งประตูบ้าน ก่อนจะก้าวไวๆ พาร่างสูงสมส่วนขึ้นบันไดไปห้องนอนริมขวา ส่วนห้องริมซ้ายนั้นเป็นของทันตแพทย์ศิลา เจ้าของบ้านหลังนี้
เขายอมรับน้ำใจจากศิลา โดยจะอาศัยอยู่จนกว่าบ้านสร้างเสร็จ เพราะเขากับศิลาเป็นเพื่อนซี้สมัยมัธยมปลาย สนิทขนาดตอนเรียนแพทย์ที่กรุงเทพฯ ก็อยู่หอเดียวกัน และตอนนี้บางวันยังทำงานอยู่โรงพยาบาลเอกชนที่เดียวกันเลย ศิลาบอกว่าเจ้าตัวเองก็จะได้มีคนช่วยเฝ้าบ้านและไม่เหงาด้วย
ณฐารีบจัดการปลดเนคไทด์ เสื้อเชิ้ตกรุ่นน้ำหอมที่ ณัฐิริณี น้องสาวคนเล็กแทบจะอาบให้เขา เขาแขวนสูท โยนเสื้อเชิ้ต กางเกงลงตะกร้า เข้าไปอาบน้ำพอให้สดชื่นจากการตื่นเช้ามืดเพื่อช่วยพี่ชายเตรียมงานแต่ง แต่พอเปิดตู้เสื้อผ้าเห็นราวในตู้แทบจะว่างเปล่า คุณหมอหนุ่มทำหน้าเซ็งเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาลืมเอาชุดที่ส่งซักรีดขึ้นมาจากชั้นล่าง ทั้งเขาและศิลาไม่มีเวลาว่างมากนักเลยตัดสินใจจ้างคนทำความสะอาดบ้านอาทิตย์ละสามวัน คนทำงานบ้านจะนำเสื้อผ้าไปส่งซักรีดและรับกลับมาแขวนในห้องซักรีดด้านล่าง
ชายหนุ่มรีบลงไปหยิบชุดขึ้นมาแต่งตัวในเวลาจำกัด เขาไม่จำเป็นต้องสนใจว่าตัวเองจะมีเพียงผ้าขนหนูพันรอบสะโพก เนื้อตัวยังมีละอองน้ำเกาะตามกล้ามแขน และไหล่กว้าง อย่างไรบ้านหลังนี้ก็มีแต่ผู้ชายอยู่ ศิลายังไม่มีแฟน ดูท่าอีกนานกว่าจะมีแฟน คงไม่มีเหตุบังเอิญทะเล่อทะล่าพาสาวเข้ามาตอนเขาเกือบโป๊หรอกน่า
เวลาเดียวกัน
รถญี่ปุ่นคันกะทัดรัดจอดสนิทหน้าบ้านสีขาวสามชั้นขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก คนึงมาสมาบ้านน้าชายที่กรุงเทพฯ หลายครั้งแล้ว ทุกครั้งก็จะนอนค้างที่นี่
บ้านหลังนี้แม่ของคนึงมาสซื้อให้น้องชายคนเล็กเป็นของขวัญเรียนจบทันตแพทย์หลายปีก่อน
“จะไม่เข้าไปด้วยกันหรือ หนูเล็ก” คนึงมาสถามหลังจากชนิดาช่วยยกกระเป๋าเดินทางลงจากหลังรถ
“ไว้โอกาสหน้านะ หนูเล็กต้องรีบไปรับแม่ที่ร้านน่ะ ไว้กระต่ายมาเที่ยวร้านสปาของแม่เราบ้างนะ” ชนิดาทำหน้าเสียดาย เพราะยังอยากคุยกับเพื่อนเก่าให้ยาวกว่านี้อีกหน่อย
“โอเค ไว้เราจะโทรหาหนูเล็กนะ ขอบใจหนูเล็กมากทั้งไปรับและพาไปกินของอร่อย ไว้เจอกันอีกนะจ๊ะ” คนึงมาสเอ่ยร่ำลา เธอยืนมองจนรถของเพื่อนแล่นไปจนลับสายตาจึงหยิบกุญแจออกมาเปิดประตูรั้ว
แต่ตอนเดินผ่านโรงจอดรถขนาดจอดรถได้สองคันนั้น คนึงมาสก็หยุดสายตาอยู่ที่รถอเนกประสงค์ไม่คุ้นตาซึ่งจอดอยู่ในโรงรถ เธอเอียงคอมอง เพราะจำไม่ได้ว่าน้าชายเธอซื้อรถใหม่เมื่อไหร่ ตอนมาเที่ยวกรุงเทพฯ สองเดือนก่อนยังไม่เห็นรถคันนี้เลย
“สงสัยน้าหินจะรวยแล้วเลยยอมเปลี่ยนรถ ถ้าแม่รู้แม่ต้องดีใจแน่นอนเลย” คนึงมาสพูดอย่างมีความสุข เพราะรถของน้าหินนั้นขับมาแปดปีกว่าแล้ว เธอได้ยินแม่สั่งให้น้าหินเปลี่ยนรถใหม่เพื่อความปลอดภัย ถึงขนาดจะดาวน์รถให้แต่น้าหินก็ไม่ยอม เจ้าตัวยืนยันว่ารถที่ขับนั้นยังใช้ได้ดี ไม่จำเป็นต้องรีบเปลี่ยนเลย
คนึงมาสเลิกสนใจรถคันใหญ่ใหม่เอี่ยม เธอไขประตูบ้าน และผลักประตูพร้อมยกกระเป๋าเดินทางเข้าไปด้วย แต่เมื่อเธอหันไปมองในบ้าน ทั้งสายตาและลมหายใจของเธอก็สะดุดกับร่างมาดแมนของชายหนุ่มคนหนึ่ง
โลกทั้งใบคล้ายหยุดหมุน ลมก็เหมือนจะหยุดพัดไหว ใบไม้นอกบ้านอาจจะลอยค้างอยู่ในอากาศ คนึงมาสได้ยินเพียงเสียงหัวใจเต้นดังตุบ ตุบ ตุบ อยู่ในอก ดวงตากลมใต้ขนตายาวเบิกค้างนั้นสะท้อนร่างกายกำยำในสภาพเกือบโป๊ มีเพียงผ้าขนหนูสีขาวพันสะโพก เม็ดหยดน้ำยังพราวเต็มอกแกร่ง
ชายหนุ่มหุ่นดีเอาแต่ยืนนิ่ง ถ้าไม่ใช่ว่าเธอจำหน้าเขาได้ คงได้คิดว่าน้าชายแอบไปซื้อรูปปั้นหินมาประดับบ้าน เพราะร่างแกร่งสมส่วน นั้นเต็มไปด้วยกล้ามอกกล้ามแขนกล้ามท้องเป็นมัดๆ ผิวขาวสะท้อนแสงแดดนอกบ้าน ยิ่งมองต่ำลงเรื่อยๆ เลือดลมในกายสูบฉีดแรง แก้มใสเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ จนคนึงมาสต้องเลือกมองหน้าเขาแทนส่วนอื่น!!
เธอจำชื่อเขาได้ นายแพทย์ณฐา หรือคุณหมอณัฐ ศัลยแพทย์หัวใจอนาคตไกล ที่เป็นเพื่อนสนิทน้าหินของเธอ!
ไม่มีใครพูดอะไร ต่างยืนนิ่งสบตากันไปมา คนึงมาสมัวแต่ตกใจหน้าถอดสีเริ่มแดงขึ้นเรื่อย ๆ ริมฝีปากกลายเป็นอัมพาตพูดไม่ออกสักคำ แต่แล้วเธอได้สติ ยกมือปิดหน้าแดงๆ ก่อนจะร้องกรี๊ดลั่นบ้าน เพราะไอ้ผ้าที่ห่อส่วนล่างของเขามันร่วง!!!
เสียงร้องกรี๊ดของหญิงสาวหน้าประตู พร้อมยกมือปิดตาราวกับเห็นผี!! ทำให้ณฐาถึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าเขาอยู่ในสภาพไหน!!
+++
เอานิยายแนวไม่หนักมาให้อ่านกันก่อนค่ะ
ขอสารภาพว่า เพิ่งเปลี่ยนคอมพ์ใหม่ มาใช้ Surface เพราะ Notebook เก่าปิ่นพังค่ะ ยังดึงข้อมูลจาก HDD ออกมาได้ไม่หมดเลย ทำให้นิยายเก่าๆ เหลือไม่ครบค่า TwT
เรื่องที่โชคดีมีรีไรท์เก็บใน External HDD บ้าง ก็รอดไป ส่วนพี่ธรรศกับหนูบัวนี่หายไปครึ่งเรื่องเลย เดี๋ยวขอไปเขียนใหม่ก่อนนะคะ (ร้องไห้)
เรื่องนี้ ยังไม่มี stock ตอนเยอะมากนะคะ ขอลงแบบแต่งไปลงไปบ้าง เลยอาจจะหายไปแต่งเพิ่มบ้างไรบ้าง
ขอฝากหนูกระต่ายกับหมอณัฐในอ้อมใจนักอ่านอีกเรื่องนะคะ
หมอณัฐสร้างความประทับใจมิรู้ลิมให้นางเอกซะแล้ว ฮ่าๆๆๆ
พบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ
บทนำ
งานแต่งงานตอนเช้าของพี่ชายกำลังจะจบลง ณฐายืนรอจนแขกเกรื่อทยอยกลับเป็นส่วนใหญ่จึงเดินเข้าไปหาคู่บ่าวสาวในชุดหล่อสวย โดยพ่อแม่ยืนร่ำลาแขกอยู่ใกล้ๆ กัน ในห้องจัดเลี้ยงเวลานี้เหลือเพียงพวกเพื่อนเจ้าบ่าวที่ยังนั่งคุยกันตามประสาเพื่อนสนิท และพวกเขาก็รอรอเจ้าบ่าวหมาดๆ มาดื่มด้วย แต่ณฐาไม่สามารถอยู่จนขั้นตอนส่งตัวบ่าวสาวได้ เรื่องนี้เขาได้บอกกล่าวพ่อแม่พี่ชายและน้องสาวไว้ก่อนแล้ว
“พี่นนท์ พ่อครับ แม่ครับ ณัฐมีงานต้องทำช่วงบ่าย ณัฐขอตัวกลับก่อนนะครับ” ณฐายกมือไหว้บิดามารดา
“ขับรถดีๆ ล่ะ” คุณอเนกตอบลูกชาย ก่อนจะพูดต่อเพื่อให้ลูกชายสบายใจ “เดี๋ยวพ่อกับแม่และยายนิ่มจะกลับอยุธยาตอนบ่ายนี้แหละ”
“ครับ แม่ครับ กอดหน่อย” ณฐาอ้าแขนโอบร่างอวบของมารดา อ้อนทั้งที่สวมชุดสูทหล่อเหลา เป็นแม่เองเสียอีกที่เขินแทนลูกชายคนกลาง
“โตจนอายุสามสิบแล้วแล้วยังจะอ้อนแม่อีกนะ ตาณัฐ ไม่กลัวคนไข้ผ่านมาเห็นแล้วจะหัวเราะเอาหรือไง”
คุณหมอวัยสามสิบเอ็ดปีหัวเราะเบาๆ ด้วยความพอใจ ไม่นึกห่วงอย่างมารดาเตือนเลย
“ไว้ณัฐจะเคลียร์เวรแล้วไปนอนค้างบ้านบ่อยๆ นะครับ”
ณฐายังไม่ปล่อยมือจากตัวมารดา แม้จะหันมองพี่ชายผู้สวมบทบาทเจ้าบ่าวงานวันนี้ด้วยแววตามีความสุข
“ผมดีใจกับพี่นนท์ด้วยนะครับ พี่ดีใจด้วยนะแป้ง”
ณฐาส่งยิ้มให้พี่สะใภ้วัยยี่สิบเก้าปี นนทวัชกระซิบบอกเจ้าสาวก่อนเดินมากอดไหล่น้องชายที่กำลังจะเดินออกจากบริเวณหน้าห้องจัดงาน
“ณัฐ จริงๆ แกไม่ต้องย้ายออกจากบ้านก็ได้นะ บ้านนั้นพี่กับแกช่วยกันผ่อนมาตั้งนาน มันเป็นของแกครึ่งหนึ่งด้วย” นนทวัชไม่สบายใจเมื่อน้องชายตัดสินใจย้ายออกจากบ้าน น้องชายให้เหตุผลว่าคู่แต่งงานใหม่ควรอาศัยอยู่กับภรรยาสองต่อสอง
“พี่นนท์ ผมซื้อบ้านใหม่แล้ว ผมก็ต้องย้ายออกไปอยู่บ้านผมสิ บ้านหลังนั้นผมให้พี่เป็นของขวัญแต่งงาน พี่จะได้มีที่ลูกวิ่งเล่นไงครับ” ณฐาตัดสินใจแล้ว และจะไม่เปลี่ยนใจแน่นอน เพราะเขาเองคงอึดอัดถ้าหากต้องอาศัยอยู่กับคู่ข้าวใหม่ปลามัน
“พี่สิควรจะย้ายออก พี่เป็นพี่นะ” นนทวัชเถียงกับน้องชายเรื่องนี้มาหลายครั้งแล้ว หากคนดื้อรั้นก็มีเหตุผลมาถกเถียงจนนทวัชต้องยอม
“ผมไม่มีภาระอะไรนะพี่นนท์ พี่แต่งงานต้องเก็บเงินไว้เพื่อสร้างครอบครัว แป้งกำลังท้องลูกของพี่ และตัดสินใจออกจากงานมาเป็นคุณแม่เต็มตัว ผมตัวคนเดียวจะสร้างภาระยังไงก็ไม่กระทบใคร แต่พี่นนท์ไม่ใช่ อีกอย่างผมก็อยากมีบ้านมีของของผมเอง ไว้เผื่อสร้างครอบครัวบ้างไง แต่ถ้าพี่ไม่สบายใจก็ถือว่าผมยกให้หลานในท้องของแป้งก็แล้วกัน”
“แต่บ้านแกยังสร้างไม่เสร็จ แล้วแกจะไปอยู่ไหน” นนทวัชถามอย่างเป็นห่วง บ้านของณฐากว่าจะสร้างเสร็จน่าจะกินเวลาอีกหลายเดือน
“ตอนนี้ผมอยู่กับเพื่อนไปก่อนครับ พี่นนท์ไม่ต้องห่วง”
คนเป็นน้องยังคงยิ้มด้วยท่าทางสบายๆ ผิดกับพี่ชาย พ่อแม่ ที่ห่วงอนาคตของคนใจเย็นเหลือเกิน แม่กลัวว่าณฐาจะเอาแต่ทำงานจนไม่ยอมมีเมีย!!
“ถ้าจะให้พี่เลิกห่วง ก็หัดมองผู้หญิงรอบๆ ซะบ้าง เปิดใจน่ะทำเป็นไหม เลขสามแล้วจะโสดไปถึงไหน” นนทวัชทำหน้าเครียดจริงจังมาก ณฐาทำงานหน้าที่การงานดี เป็นศัลยแพทย์คนเก่ง หน้าตาก็ไม่ได้ขี้เหร่ ใครๆ ก็บอกว่าหล่อกว่าพี่ชายเสียอีก ไม่น่าอยู่เป็นโสดเหี่ยวเฉาอย่างนี้เลย
“หรือว่าแกชอบผู้ชายวะ” คนเป็นพี่ถามเอง แล้วตกใจทำตาโต!
ศัลยแพทย์ผ่าตัดคนเก่งในสายตาครอบครัวได้ฟังก็หัวเราะร่วน
“งั้นเดี๋ยวผมจะรีบหามายืนยันว่าผมยังชอบผู้หญิง เอางี้ ถ้าใครเห็นผมโป๊ ผมจะเอาเป็นแฟนเลย”
“อย่ามาล้อเล่นเรื่องแบบนี้หน่อยเลยน่า พี่ซีเรียสนะ” นนทวัชถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายใจ
“ให้เวลาผมอีกหน่อยเถอะ พี่ก็เพิ่งเจอแป้งตอนอายุสามสิบสองเลย” นายแพทย์ณฐาทักท้วงพี่ชาย เพราะทนายนนทวัชวัยสามสิบห้าปีก็เพิ่งพบเจ้าสาวเมื่อสามปีก่อนเช่นกัน ณฐาเกรงจะโดนบ่นอะไรยาวอีก
“พี่นนท์ไม่ควรปล่อยให้เจ้าสาวยืนเหงานะ รีบไปเถอะ เดี๋ยวผมจะรีบกลับไปเปลี่ยนชุดแล้วไปโรงพยาบาลแล้ว ขอให้มีความสุขนะพี่ชาย”
ณฐาตัดบทร่ำลา เดินปร๋อเข้าลิฟท์ ทันทีที่ประตูลิฟท์ปิดลง รอยยิ้มสดใสของณฐาค่อยๆ เลือนหายไป เมื่ออยู่คนเดียวณฐาก็ถอนหายใจ มองเงาสะท้อนตัวเองจากผนังลิฟท์ซึ่งติดกระจกเงาไว้โดยรอบ
“ถ้ามันหาได้ง่ายๆ ก็ดีน่ะสิ”
ใช่ว่า นายแพทย์ณฐา ศิวะกรวงศ์ ศัลยแพทย์ผ่าตัดวัยสามสิบเอ็ดปีจะไม่อยากมีเนื้อคู่ เขาไม่ได้หยิ่งหรือเลือกมาก เขาเป็นแค่ผู้ชายที่แสดงออกไม่ค่อยเป็นเท่านั้น ซึ่งผู้หญิงรอบๆ ก็ไม่มีใครสักคนที่ทำให้เขารู้สึกอยากแสดงออกว่ารักเลย
ณฐาสงสัยว่าเขาจะได้เจอใครสักคนที่เปิดโลกอีกใบของเขา ได้พบผู้หญิงที่ทำให้หัวใจเขาเต้นผิดจังหวะหรือไม่
ณ สนามบินดอนเมือง ผู้คนยังมากมาย บรรยากาศคึกคักเหมือนเมื่อคราวก่อน แต่ที่แตกต่างก็คือครั้งนี้ คนึงมาสเดินทางมากรุงเทพฯ เพียงลำพัง
หลังจากรับกระเป๋าเรียบร้อยแล้ว หญิงสาววัยยี่สิบเอ็ดปีรีบเดินออกมาจากประตูกระจกของผู้โดยสารเพื่อมองหาเพื่อนที่อาสามารับเธอถึงสนามบิน วันนี้คนึงมาสเลือกสวมเสื้อยืดสีขาวกางเกงยีนส์ขายาว ทับด้วยเสื้อฮู้ดบางๆ สีกรมท่าตัดกับผิวขาว แขนยาวขายาวสมส่วนไม่อ้วนหรือผอมไป และปล่อยผมยาวสีน้ำตาลเข้มทิ้งตัวสลวยถึงกลางหลัง คนึงมาสกวาดดวงตากลมเหมือนลูกแก้วกระจ่างใสไปรอบๆ เพื่อมองหาคนคุ้นหน้าคุ้นตา และริมฝีปากรูปกระจับเล็กๆ วับวาวด้วยลิปกลอสสีหวานก็ยิ้มกว้างเมื่อพบเป้านหมายที่เป็นหญิงสาวหน้าหวานในชุดกระโปรงสีพาสเทล ดัดผม แต่งหน้าสวยจนโดดเด่นออกมาจากคนรอบๆ เธอกระชับสายกระเป๋าเป้ อีกมือก็รีบลากกระเป๋าเดินทางไปยังใครคนนั้นทันที
“หนูเล็ก!”
คนึงมาสส่งเสียงเรียกเพื่อนสนิทที่ชะเง้อมองหาเธออยู่ หนูเล็ก หรือ ชนิดา ถึงหันมาเห็นและอวดรอยยิ้มสดใสพร้อมโบกมือมาให้
“กระต่าย เป็นไงบ้าง ไม่ได้เจอกันตั้งนานแล้ว เล็กก็ดีใจนะที่ได้เจอกระต่ายอีก”
ชนิดาตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด กอดรัดคนเพิ่งมาถึงเต็มรัก เพราะหลังจากเรียนจบมัธยมปลาย ชนิดาก็ย้ายมาเรียนกรุงเทพฯ ส่วนคนึงมาสก็ไปเรียนมหาวิทยาลัยใหญ่จังหวัดใกล้ๆ บ้านที่ภาคใต้ มีเพียงการติดต่อผ่านเฟชบุ๊คกันเท่านั้น แล้วอยู่มาวันหนึ่ง คนึงมาสก็ทักมาหาชนิดาว่าจะเดินทางมากรุงเทพฯ ชนิดาจึงอาสามารับที่สนามบินและยังจะพาไปส่งจุดหมายปลายทางอีก
“เราก็คิดถึงหนูเล็กนะ แต่ตอนนี้เราหิวข้าวมากเลย ไม่อย่างนั้นเราคงได้กินหนูเล็กแทนข้าวแน่ๆ” คนึงมาสลูบท้องพร้อมโอดครวญ “ยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย บนเครื่องก็ไม่มีอะไรให้กิน”
“น่าสงสารจริง ไปสิไป เดี๋ยวเล็กจะพาไปกินร้านอร่อย … เล็กจอดรถไว้ด้านนู้น เดี๋ยวช่วยลากกระเป๋านะ” ชนิดายื่นมือไปจับหูกระเป๋าเดินทางของเพื่อน ก่อนพากันเดินไปยังที่จอดรถพร้อมคุยกันในเรื่องเก่าๆ อย่างสนุกสนาน
+++
“กระต่ายบอกว่ามากรุงเทพฯ นี่เพราะอยากมาตามหาพ่อหรือ” ชนิดาเบิกตากว้างหลังจากคนึงมาสกระซิบเล่าความลับให้ฟัง “แต่บอกคุณน้าแตไปว่ามาหาเรียนภาษาอังกฤษเนี่ยนะ”
“ก็มาเรียนจริงๆ เรื่องหาพ่อนี่เป็นภารกิจแถมไง … พอดีแม่ไปเที่ยวยุโรปกับที่ทำงานสองอาทิตย์ เราเลยใช้โอกาสนี้มาตามหาพ่อ” คนึงมาสเล่าพลางตักไอศกรีมรสมะม่วงใส่ปาก สองสาวมานั่งในร้านไอศกรีมหลังรับประทานมื้อหลักเรียบร้อยแล้ว
“เราอยากรู้ว่าพ่อเป็นคนยังไง เราไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับพ่อเลย”
คนึงมาสขมวดคิ้วทำหน้าหนักใจ กลัวแม่จะรู้ว่าเธออยากรู้เรื่องพ่อ แต่คนึงมาสก็หยุดความสงสัยไว้ไม่ไหว
คงเพราะเธอดันไปเจอกล่องสมบัติเก่าของแม่ และเห็นว่าแม่ยังเก็บเรื่องราวของพ่อไว้อย่างดี รูปถ่ายสมัยมัธยมของพ่อหล่อจนพระเอกละครสมัยนี้ชิดซ้ายตกท่อไปเลย ถ้าไม่เจอสิ่งของเหล่านี้ คนึงมาสคงไม่อยากรู้เรื่องพ่อมากขนาดนี้
ตลอดมาตั้งแต่เด็กจนโต แม่เลี้ยงเธอมานั้นไม่เคยว่าหรือตำหนิพ่อให้เธอได้ยินสักครั้ง แม่บอกแค่ว่าแม่ท้องคนึงมาตั้งแต่ยังอายุสิบเจ็ดปี เรียนไม่จบมัธยมปลายเลย แต่แม่เลือกจะคลอดเธอออกมา แม้จะต้องเลิกรากับพ่อไปแค่นั้น แม่ไม่เคยโทษอะไรพ่อให้เธอฟังสักเรื่อง ไม่ได้บอกว่าพ่อไม่ต้องการเธอ เพียงแต่แม่ยังอยากเรียนหนังสือ อยากทำงาน และไม่ได้อยากแต่งงานกับพ่อตอนนั้น นอกจากนั้นมาแม่ก็ไม่เล่าอะไรเกี่ยวกับพ่อให้เธอฟังอีกเลย
แต่แม้จะไม่มีพ่อ คนึงมาสเองก็ไม่ได้รู้สึกขาดอะไร เธอมีแม่ที่ยังวัยรุ่นและสนิทกับเธอมาก ช้อปปิ้ง กินข้าว ดูหนังด้วยกันตลอด มีคุณยายที่ยังแข็งแรงเปิดร้านขายของชำเล็กๆ อยู่กับบ้าน คุณลุงเป็นครูสุดเฮี้ยบกับนักเรียนแต่กลับใจดีกับเธอมาก และยังมีน้าชายเป็นคุณหมอสุดหล่ออีกต่างหาก คนึงมาสมีความสุขดีอยู่แล้ว เพียงแต่เธอแค่อยากรู้จักพ่อที่แท้จริงเท่านั้น
“นี่หนูเล็กยังจำแม่แตของกระต่ายได้อยู่เลยนะ ทั้งสาวทั้งสวย และเก่งมากด้วย”
ก่อนจะย้ายบ้านมากรุงเทพฯ ชนิดาไปเที่ยวบ้านคนึงมาสและได้เจอแม่ของเพื่อนสาวหลายครั้ง ท่านเป็นคุณแม่ยังสาวยังสวยจนไม่เชื่อว่ามีลูกโตแล้ว ท่านก็เป็นผู้หญิงทำงานเก่ง บุคลิกมาดมั่นของมาสิณีติดตรึงใจชนิดาอยู่ถึงทุกวันนี้
ชนิดาเคยฟังคนอื่นเล่าลือในทางไม่ดีของมาสิณี ว่าท้องไม่มีพ่อ ท้องทั้งชุดนักเรียนต้องหอบเสื้อผ้า เปลี่ยนชื่อเปลี่ยนนามสกุลหนีมากับครอบครัวเพื่อหลบหน้าหนีความอาย แต่ชนิดไม่คิดแบบนั้น กลับชื่นชมมารดาของเพื่อนสนิทเสียอีก แม้มาสิณีจะพลาดพลั้งมาครั้งหนึ่ง เกือบเรียนไม่จบเพราะท้องก่อนวัยอันควร แต่มาสิณีก็สามารถเรียนจนจบปริญญาตรี แถมทำงานเก่ง เลี้ยงลูกสาวมาได้อย่างดีด้วย
“แต่หนูเล็กห้ามบอกเรื่องที่เรามาตามหาพ่อให้คนอื่นฟังนะ เราไม่อยากให้แม่ หรือน้าหินรู้ น้าหินต้องไม่ยอมให้เราตามหาพ่อแน่นอนเลย” คนึงมาสพูดหน้าตาจริงจังมาก
คนฟังยิ้มและรับปาก “ได้สิ หนูเล็กไม่บอกใครหรอก ว่าแต่พ่อของกระต่ายชื่ออะไรล่ะ เผื่อหนูเล็กจะช่วยตามหา”
“เราถ่ายรูปไว้ เดี๋ยวส่งให้ทางไลน์ มีทั้งชื่อและรูปสมัยพ่อยังหนุ่มๆ เลย ไม่รู้จะหายากไหม” คนึงมาสรีบหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา กดส่งภาพผ่านโปรแกรมสนทนาให้เพื่อน
เมื่อชนิดาพยักหน้าหลังจากได้รับภาพเรียบร้อย โทรศัพท์มือถือในมือคนึงมาสก็ส่งเสียงร้องดัง พร้อมชื่อ ‘น้าหินสุดหล่อ’ โชว์หราบนหน้าจอ คนึงมาสเห็นชื่อที่น้าชายทึกทักบันทึกเอาเองทีไรก็อดย่นจมูกใส่ไม่ได้ทุกที
แต่คนึงมาสก็ไม่เถียงหรอก เพราะคุณน้าของเธอหล่อเกินมาตรฐาน สามารถควงออกงานไม่อายใครแน่นอน
“น้าหิน หนูลืมโทรบอกน้าหินเลยค่ะว่าถึงกรุงเทพฯ แล้ว ตอนนี้อยู่กับหนูเล็กค่ะ น้าหินจำหนูเล็กได้ใช่ไหมคะ” คนึงมาสส่งเสียงใสๆ ไปหาคุณน้า เธออายุห่างกับน้าชายสิบปีถ้วน น้าหินเป็นน้องคนสุดท้องคุณแม่ของคนึงมาส
“จำได้สิจำได้ น้าจะตรวจคนไข้เสร็จก็อีกประมาณครึ่งชั่วโมงแล้วกลับบ้านเลย กระต่ายจะอยู่กับเพื่อนหรือไปรอน้าที่บ้านก็ได้นะ นี่ไม่ลืมที่ให้เอากุญแจบ้านมาด้วยใช่ไหม” ศิลาถามหลานสาว เพราะก่อนหน้านี้กำชับหนักหนาให้เอากุญแจบ้านที่อยู่กับแม่หลานไปปั๊มแล้วเอาติดตัวมากรุงเทพฯ ด้วย
“ไม่ลืมค่ะ เดี๋ยวหนูเล็กจะขับรถพากระต่ายไปส่ง น้าหินสุดหล่อไม่ต้องห่วงนะคะ แล้วเจอกันที่บ้านนะคะ” คนึงมาสวางสายจากน้าชาย แล้วจึงชวนเพื่อนสาวจ่ายเงินค่าขนมก่อนจะตรงไปบ้านของน้าศิลาโดยไม่แวะที่ไหนอีก
ศัลยแพทย์หนุ่มจอดรถยนต์อเนกประสงค์คันโตของเขาไว้ที่โรงจอดรถข้างบ้าน ไม่ลืมล็อคกุญแจทั้งประตูรั้ว ทั้งประตูบ้าน ก่อนจะก้าวไวๆ พาร่างสูงสมส่วนขึ้นบันไดไปห้องนอนริมขวา ส่วนห้องริมซ้ายนั้นเป็นของทันตแพทย์ศิลา เจ้าของบ้านหลังนี้
เขายอมรับน้ำใจจากศิลา โดยจะอาศัยอยู่จนกว่าบ้านสร้างเสร็จ เพราะเขากับศิลาเป็นเพื่อนซี้สมัยมัธยมปลาย สนิทขนาดตอนเรียนแพทย์ที่กรุงเทพฯ ก็อยู่หอเดียวกัน และตอนนี้บางวันยังทำงานอยู่โรงพยาบาลเอกชนที่เดียวกันเลย ศิลาบอกว่าเจ้าตัวเองก็จะได้มีคนช่วยเฝ้าบ้านและไม่เหงาด้วย
ณฐารีบจัดการปลดเนคไทด์ เสื้อเชิ้ตกรุ่นน้ำหอมที่ ณัฐิริณี น้องสาวคนเล็กแทบจะอาบให้เขา เขาแขวนสูท โยนเสื้อเชิ้ต กางเกงลงตะกร้า เข้าไปอาบน้ำพอให้สดชื่นจากการตื่นเช้ามืดเพื่อช่วยพี่ชายเตรียมงานแต่ง แต่พอเปิดตู้เสื้อผ้าเห็นราวในตู้แทบจะว่างเปล่า คุณหมอหนุ่มทำหน้าเซ็งเมื่อนึกขึ้นได้ว่าเขาลืมเอาชุดที่ส่งซักรีดขึ้นมาจากชั้นล่าง ทั้งเขาและศิลาไม่มีเวลาว่างมากนักเลยตัดสินใจจ้างคนทำความสะอาดบ้านอาทิตย์ละสามวัน คนทำงานบ้านจะนำเสื้อผ้าไปส่งซักรีดและรับกลับมาแขวนในห้องซักรีดด้านล่าง
ชายหนุ่มรีบลงไปหยิบชุดขึ้นมาแต่งตัวในเวลาจำกัด เขาไม่จำเป็นต้องสนใจว่าตัวเองจะมีเพียงผ้าขนหนูพันรอบสะโพก เนื้อตัวยังมีละอองน้ำเกาะตามกล้ามแขน และไหล่กว้าง อย่างไรบ้านหลังนี้ก็มีแต่ผู้ชายอยู่ ศิลายังไม่มีแฟน ดูท่าอีกนานกว่าจะมีแฟน คงไม่มีเหตุบังเอิญทะเล่อทะล่าพาสาวเข้ามาตอนเขาเกือบโป๊หรอกน่า
เวลาเดียวกัน
รถญี่ปุ่นคันกะทัดรัดจอดสนิทหน้าบ้านสีขาวสามชั้นขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็ก คนึงมาสมาบ้านน้าชายที่กรุงเทพฯ หลายครั้งแล้ว ทุกครั้งก็จะนอนค้างที่นี่
บ้านหลังนี้แม่ของคนึงมาสซื้อให้น้องชายคนเล็กเป็นของขวัญเรียนจบทันตแพทย์หลายปีก่อน
“จะไม่เข้าไปด้วยกันหรือ หนูเล็ก” คนึงมาสถามหลังจากชนิดาช่วยยกกระเป๋าเดินทางลงจากหลังรถ
“ไว้โอกาสหน้านะ หนูเล็กต้องรีบไปรับแม่ที่ร้านน่ะ ไว้กระต่ายมาเที่ยวร้านสปาของแม่เราบ้างนะ” ชนิดาทำหน้าเสียดาย เพราะยังอยากคุยกับเพื่อนเก่าให้ยาวกว่านี้อีกหน่อย
“โอเค ไว้เราจะโทรหาหนูเล็กนะ ขอบใจหนูเล็กมากทั้งไปรับและพาไปกินของอร่อย ไว้เจอกันอีกนะจ๊ะ” คนึงมาสเอ่ยร่ำลา เธอยืนมองจนรถของเพื่อนแล่นไปจนลับสายตาจึงหยิบกุญแจออกมาเปิดประตูรั้ว
แต่ตอนเดินผ่านโรงจอดรถขนาดจอดรถได้สองคันนั้น คนึงมาสก็หยุดสายตาอยู่ที่รถอเนกประสงค์ไม่คุ้นตาซึ่งจอดอยู่ในโรงรถ เธอเอียงคอมอง เพราะจำไม่ได้ว่าน้าชายเธอซื้อรถใหม่เมื่อไหร่ ตอนมาเที่ยวกรุงเทพฯ สองเดือนก่อนยังไม่เห็นรถคันนี้เลย
“สงสัยน้าหินจะรวยแล้วเลยยอมเปลี่ยนรถ ถ้าแม่รู้แม่ต้องดีใจแน่นอนเลย” คนึงมาสพูดอย่างมีความสุข เพราะรถของน้าหินนั้นขับมาแปดปีกว่าแล้ว เธอได้ยินแม่สั่งให้น้าหินเปลี่ยนรถใหม่เพื่อความปลอดภัย ถึงขนาดจะดาวน์รถให้แต่น้าหินก็ไม่ยอม เจ้าตัวยืนยันว่ารถที่ขับนั้นยังใช้ได้ดี ไม่จำเป็นต้องรีบเปลี่ยนเลย
คนึงมาสเลิกสนใจรถคันใหญ่ใหม่เอี่ยม เธอไขประตูบ้าน และผลักประตูพร้อมยกกระเป๋าเดินทางเข้าไปด้วย แต่เมื่อเธอหันไปมองในบ้าน ทั้งสายตาและลมหายใจของเธอก็สะดุดกับร่างมาดแมนของชายหนุ่มคนหนึ่ง
โลกทั้งใบคล้ายหยุดหมุน ลมก็เหมือนจะหยุดพัดไหว ใบไม้นอกบ้านอาจจะลอยค้างอยู่ในอากาศ คนึงมาสได้ยินเพียงเสียงหัวใจเต้นดังตุบ ตุบ ตุบ อยู่ในอก ดวงตากลมใต้ขนตายาวเบิกค้างนั้นสะท้อนร่างกายกำยำในสภาพเกือบโป๊ มีเพียงผ้าขนหนูสีขาวพันสะโพก เม็ดหยดน้ำยังพราวเต็มอกแกร่ง
ชายหนุ่มหุ่นดีเอาแต่ยืนนิ่ง ถ้าไม่ใช่ว่าเธอจำหน้าเขาได้ คงได้คิดว่าน้าชายแอบไปซื้อรูปปั้นหินมาประดับบ้าน เพราะร่างแกร่งสมส่วน นั้นเต็มไปด้วยกล้ามอกกล้ามแขนกล้ามท้องเป็นมัดๆ ผิวขาวสะท้อนแสงแดดนอกบ้าน ยิ่งมองต่ำลงเรื่อยๆ เลือดลมในกายสูบฉีดแรง แก้มใสเริ่มแดงขึ้นเรื่อยๆ จนคนึงมาสต้องเลือกมองหน้าเขาแทนส่วนอื่น!!
เธอจำชื่อเขาได้ นายแพทย์ณฐา หรือคุณหมอณัฐ ศัลยแพทย์หัวใจอนาคตไกล ที่เป็นเพื่อนสนิทน้าหินของเธอ!
ไม่มีใครพูดอะไร ต่างยืนนิ่งสบตากันไปมา คนึงมาสมัวแต่ตกใจหน้าถอดสีเริ่มแดงขึ้นเรื่อย ๆ ริมฝีปากกลายเป็นอัมพาตพูดไม่ออกสักคำ แต่แล้วเธอได้สติ ยกมือปิดหน้าแดงๆ ก่อนจะร้องกรี๊ดลั่นบ้าน เพราะไอ้ผ้าที่ห่อส่วนล่างของเขามันร่วง!!!
เสียงร้องกรี๊ดของหญิงสาวหน้าประตู พร้อมยกมือปิดตาราวกับเห็นผี!! ทำให้ณฐาถึงเพิ่งรู้สึกตัวว่าเขาอยู่ในสภาพไหน!!
+++
เอานิยายแนวไม่หนักมาให้อ่านกันก่อนค่ะ
ขอสารภาพว่า เพิ่งเปลี่ยนคอมพ์ใหม่ มาใช้ Surface เพราะ Notebook เก่าปิ่นพังค่ะ ยังดึงข้อมูลจาก HDD ออกมาได้ไม่หมดเลย ทำให้นิยายเก่าๆ เหลือไม่ครบค่า TwT
เรื่องที่โชคดีมีรีไรท์เก็บใน External HDD บ้าง ก็รอดไป ส่วนพี่ธรรศกับหนูบัวนี่หายไปครึ่งเรื่องเลย เดี๋ยวขอไปเขียนใหม่ก่อนนะคะ (ร้องไห้)
เรื่องนี้ ยังไม่มี stock ตอนเยอะมากนะคะ ขอลงแบบแต่งไปลงไปบ้าง เลยอาจจะหายไปแต่งเพิ่มบ้างไรบ้าง
ขอฝากหนูกระต่ายกับหมอณัฐในอ้อมใจนักอ่านอีกเรื่องนะคะ
หมอณัฐสร้างความประทับใจมิรู้ลิมให้นางเอกซะแล้ว ฮ่าๆๆๆ
พบกันใหม่ตอนหน้าค่ะ
ปิ่นนลิน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 ม.ค. 2560, 01:57:51 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 ม.ค. 2560, 02:17:20 น.
จำนวนการเข้าชม : 1424
ตอนที่ 1 >> |