โคโยตี้สาวร้อนรัก
เมื่อความต้องตาต้องใจในแรกพบเกิดขึ้น ‘อติภพ’ เจ้าพ่อหนุ่มรูปหล่อแห่งสถานบังเทิงหรูจึงไม่รอช้า งัดหากระบวนท่าเพื่อหวังพิชิตและครอบครองสาวน้อยหน้าใสหัวใจโคโยตี้ที่มีนามว่า 'เภตรา' แต่จากที่คิดว่า 'ง่าย' กลับมีสารพัดเรื่องราวของความรัก พ่อแง่แม่งอน รวมถึงความเข้าใจผิดที่ชวนให้เจ้าพ่อหนุ่มต้องปวดหัว
.
ติดตามกันดูนะคะ
.
ลียาอัพทั้งหมด 50% ของเรื่องค่ะ ^_^
.
ติดตามกันดูนะคะ
.
ลียาอัพทั้งหมด 50% ของเรื่องค่ะ ^_^
Tags: อติภพเภตรา โคโยตี้ โคโยตี้สาวร้อนรัก
ตอน: บทที่ 1 โชคชะตาที่ต้องฝ่าฟัน (50%) สนพ. Siriaksorn book ตีพิมพ์
กลิ่นเหม็นโชยของน้ำครำและสภาพสลัมแออัดที่ ‘เภตรา’ สาวน้อยวัยสิบเก้าปีแสนจะคุ้นชินยังคงเป็นสิ่งที่เธอต้องวนเวียนเจอะเจออยู่ทุกเมื่อเชื่อวัน มันนับเป็นเวลานานหลายปีแล้วที่เธอจำต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ ตั้งแต่ที่ผู้เป็นมารดาต้องลาออกจากการเป็นพนักงานของบริษัทแห่งหนึ่งด้วยเหตุที่มีอาการป่วยเรื้อรัง เพราะอย่างนั้น...บ้านช่องและทรัพย์สินที่เคยพอจะมีจึงถูกขายเพื่อเอารายได้มารักษาอาการของท่านเพื่อหวังจะให้ดีขึ้นหรือหายขาด บ้านหลังเก่านับว่ามีสภาพแวดล้อมที่ดีกว่านี้มาก แต่มันก็กลายเป็นอดีตที่ไม่รู้เมื่อไรจะได้หวนกลับไปเจออีก เภตราถอนหายใจ แม้จะเสียดายแต่เธอก็ไม่เสียใจ เงินจากการขายบ้าน ทำให้แม่ได้มีค่ารักษาพยาบาลตัวเองจนประคองชีวิตให้อยู่กับเธอได้จนถึงทุกวันนี้ นี่ถ้าพลับพลึงและแพรวา พี่สาวอีกสองคนไม่ตัดช่องน้อยแต่พอตัวด้วยการหอบหิ้วเสื้อผ้าข้าวของออกไปเช่าซื้อคอนโดในตัวเมืองอยู่กันลำพังแล้วล่ะก็ แม่คงมีเงินพอจับจ่ายในชีวิตประจำวัน และเธอเองคงมีโอกาสได้เรียนต่อในระดับมหาวิทยาลัยโดยที่ไม่ต้องแอบดร็อปเรียนชนิดที่ยังไม่แน่ใจว่าจะกลับไปเรียนได้อีกเมื่อไรอย่างในตอนนี้
เภตราเลิกคิดถึงคนอื่น...เธอเก็บเงินงวดแรกที่ได้จากการทำ ‘งานพิเศษ’ ที่ไม่เคยกล้าบอกใครกลับเข้าในกระปุกอย่างมิดชิด เงินพวกนี้สำคัญกับชีวิตเธอและแม่เอาไว้สำหรับกินใช้กันอย่างประหยัด และส่วนหนึ่งเธอยังกันไว้สำหรับเป็นทุนรอนในการเรียนตามที่ตั้งใจเอาไว้ด้วย
“ผึ้ง...ผึ้ง” เสียงแม่เรียกมาจากข้างนอก เจ้าตัวรีบเก็บข้าวของแล้วเปิดประตูห้องออกไปพร้อมรอยยิ้ม เภตรา ‘ต้องยิ้ม’ เสมอในยามที่อยู่ในสายตาของท่าน
“ทำอะไรอยู่ลูก ยังไม่แต่งตัว วันนี้ไม่มีเรียนหรือ?” น้ำเสียงของแม่นุ่มนวลเสมอ
“เอ่อ...ไม่มีจ้ะ วันนี้วันหยุดนะจ๊ะแม่ เดี๋ยวรอเย็นๆ ผึ้งก็จะไปทำงาน”
คนเป็นแม่ยื่นมือมาลูบผมลูบไหล่อย่างสงสารและห่วงใย ไม่เคยเลิกโทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง เพราะถ้ายังทำงานและมีรายได้เหมือนเมื่อก่อน ลูกสาวที่อยู่ด้วยเพียงคนเดียวตอนนี้ก็คงจะไม่ต้องลำบากออกไปทำงานที่ ‘ร้านอาหาร’ ดึกๆ ดื่นๆ อย่างทุกวันนี้
“แม่ขอโทษนะผึ้ง ที่เลี้ยงลูกให้สุขสบายไม่ได้ แล้วหนำซ้ำยังมาเจ็บป่วยกระเสาะกระแสะ กลายเป็นภาระรุงรังให้ลูกต้องมาคอยดูแล”
“ไม่เอาจ้ะแม่ ผึ้งห้ามแม่พูดอย่างนี้นะ ถ้าผึ้งไม่รู้จักกตัญญูต่อผู้ให้กำเนิดที่อุตส่าห์ลำบากเลี้ยงดูมา ผึ้งก็คงจะหาความเจริญในชีวิตไม่ได้”
“ผึ้ง...” เภตรากอดเอวผู้เป็นแม่อย่างที่เธอมักชอบทำเสมอ
“แม่ทำใจให้สบาย อย่าเครียด ดูแลตัวเองดีๆ อยู่กับผึ้งไปนานๆ เท่านี้ก็ถือเป็นรางวัลชีวิตที่ยิ่งใหญ่ของผึ้งแล้วนะจ๊ะ”
“แต่แม่เป็นห่วงลูกนะ”
“ผึ้งทราบจ้ะแม่ ผึ้งสัญญานะว่าจะดูแลตัวเอง...เพื่อแม่”
“หนูทำงานดึกๆ ดื่นๆ ที่ร้านอาหารคงงานหนักแล้วก็เหนื่อยมาก แม่ไม่อยากให้หนูทำงานแบบนี้เลย” งานแบบนี้ที่แม่พูด ทำให้สาวน้อยใจเต้นผิดจังหวะไปนิด ก่อนจะบอกตัวเองให้นิ่งๆ ไว้ แม่ไม่รู้สักหน่อยว่าจริงๆ แล้วเธอทำงานอะไร ทุกอย่างที่เธอทำไปมันอาจไม่น่าดูนัก แต่นั่นก็เพื่อแม่และครอบครัวเท่านั้น
“งานที่ผึ้งทำก็...ไม่ได้มีอะไรเสียหายนะจ๊ะแม่ งานเสิร์ฟกับล้างจานมันก็แค่...ต้องเหนื่อยแล้วก็กลับดึกไปหน่อยเท่านั้นเอง แต่แม่ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ เจ้าของร้านเขาใจดี ผึ้งเองก็ทำไหว ไม่ได้เหนื่อยอะไรเลย”
“แต่ผึ้งเป็นผู้หญิงนะลูก กลับดึกๆ แม่กลัวว่ามันจะ...” แม่ยังไม่วายห่วงถึงความปลอดภัย
“ผึ้งสัญญานะจ๊ะ เอาไว้...เรียนจบเมื่อไร จะเลิกทำงาน...ที่ร้าน แล้วก็จะหางานตามบริษัททำ คราวนี้ทำงานกลางวันเหมือนคนอื่นเขา แม่จะได้หายห่วงไง”
“อย่างนั้นผึ้งต้องตั้งใจเรียนมากๆ นะลูก จะได้จบไวๆ ไม่ใช่เพื่อแม่ แต่เพื่ออนาคตของตัวผึ้งเองนะ”
ในฐานะของแม่ คุณดวงเดือนจึงยังต้องคอยบอกย้ำเสมอ
“ผึ้งจะจำไว้จ้ะแม่ แล้วนี่แม่กินยาหลังอาหารหรือยังจ๊ะ มา เดี๋ยวผึ้งไปช่วยจัดยาให้ดีกว่านะ”
“ยาอีกแล้ว ไม่รู้อะไรเยอะแยะ แม่กินจนเบื่อแล้วนะนี่” คุณดวงเดือนถอนหายใจ แต่ลูกสาวยิ้มปะเหลาะให้กำลังใจ
“ไม่เอานะจ๊ะ ผึ้งห้ามแม่เบื่อ ยาจะช่วยให้แม่หายเร็วขึ้นนะ” คนพูดประคองมารดาในวัยสี่สิบเจ็ดที่ไม่ค่อยแข็งแรงนักเดินกลับออกไปนั่งรอหน้าทีวี บ้านเช่าเล็กๆ เก่าๆ หลังนี้ซอยแบ่งเป็นสองห้อง พื้นที่ด้านนอกเพียงน้อยนิดใช้ตั้งตู้เย็นกับทีวีเครื่องเก่า นอกนั้นก็มีเก้าอี้ไม้สามตัวเล็กๆ ซึ่งแทบจะไม่มีโอกาสได้รับแขกเลยแม้สักครั้งตั้งอยู่ และเมื่อดูแลให้ผู้เป็นแม่ได้ทานข้าวทานยาเรียบร้อย เภตราก็รีบจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดทะมัดทะแมงอย่างเสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์ตัวเก่งพร้อมสะพายเป้ที่บรรจุ ‘ชุดทำงาน’ เอาไว้ออกไปด้วย เธอเร่งฝีเท้าเมื่อเห็นว่าตะวันตกดินและตรอกเล็กระหว่างบ้านไปสู่ถนนใหญ่นั้นเริ่มมีผู้คนบางตา แม่ห่วงนักหนาเรื่องเดินทางไปกลับตอนค่ำๆ มืดๆ เภตราเองก็ห่วงตัวเองเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเธอจึงใช้ความระแวดระวังเป็นพิเศษในยามที่จำเป็นจะต้องสัญจรไปมาละแวกบ้านตัวเองแบบนี้
/////////////////////////
หัวค่ำ...ที่เลิฟเว่อร์คลับ ไนต์คลับขนาดใหญ่ใจกลางกรุง ซึ่งเป็นสถานที่ที่เภตราได้เข้ามาทำงานจริงๆ ยังไม่ค่อยมีผู้คนที่จะเริ่มทยอยเข้ามาเที่ยว ฟังเพลง หรือดื่มกินและสังสรรค์กันสักเท่าไร ความจริงแล้วเด็กสาวอย่างเธออายุแค่สิบเก้าปีเท่านั้น อย่าว่าแต่มาทำงาน เพราะแค่เที่ยวหรือพาตัวเองผ่านประตูเข้ามาเฉยๆ เธอก็ยังไม่มีสิทธิ์ด้วยซ้ำ แต่นี่เพราะสำเนาบัตรประชาชนและประวัติแบบปลอมๆ ของเธอจึงทำให้สาวน้อยได้โอกาสเข้ามาเป็นโคโยตี้แสนเซ็กซี่ที่มากเสน่ห์ได้ร่วมหนึ่งเดือนของสถานบันเทิงครบวงจรแห่งนี้
“น้องผึ้ง มาแล้วก็รีบเข้าไปแต่งตัวนะ ให้ทันเวลาล่ะ”
“ค่ะพี่” สาวน้อยรับคำรุ่นพี่ที่มีส่วนช่วยดูแลพนักงานในร้านทุกคนอย่างนอบน้อม จากนั้นก็ตรงเข้าห้องแต่งตัวด้านหลังไป เธอรีบจัดการแต่งหน้าและแต่งตัวด้วยตัวเองอย่างคนที่พอจะมีประสบการณ์บ้างแล้ว เดิมทีเภตราเป็นเด็กที่แทบจะไม่มีความรู้ในเรื่องความสวยความงามเอาเสียเลย เรียกว่าเจ้าตัวปล่อยทุกอย่างไปตามธรรมชาติแท้ แม่ยังเคยชมบ่อยๆ ว่าลูกสาวของท่านสวยหวานมีเสน่ห์อย่างที่ไม่จำเป็นจะต้องปรุงแต่งอะไรให้มาก แต่เมื่อเธอเลือกที่จะเดินบนทางสายนี้ ทางที่ดีที่สุดก็คือต้องหัดศึกษาจนสามารถจะแต่งทำงานหรืออวดสายตาใครได้โดยไม่อายอย่างตอนนี้ และด้วยความที่เร่งรีบ...คืนนี้ก่อนขึ้นโชว์ เภตราก็ไม่ได้มีเวลาพูดคุยกับคนในร้านสักเท่าไร เด็กสาวตั้งใจจะเก็บตัว เพราะไม่อยากให้ความลับเรื่องอายุหรือเรื่องส่วนตัวอื่นๆ ถูกซักถามไม่ก็ถูกเปิดเผย แต่ถึงอย่างนั้นด้วยนิสัยนอบน้อมถ่อมตัว ก็ทำให้เธอเป็นที่รักและเอ็นดูของพี่ๆ หลายๆ คนในนี้ได้อยู่ดี คืนนี้ ‘บอส’ จะมาร้าน หลังจากที่บินไปเยี่ยมดูงานที่สาขาในต่างประเทศอยู่นานร่วมเดือน...นั่นคือแว่วเสียง คือข่าวคราวเกี่ยวกับ ‘เจ้านาย’ ที่เธอเองยังไม่เคยมีโอกาสได้เห็นหน้าค่าตาเลยสักครั้ง แต่สาวน้อยก็ลืมมันไป จนกระทั่งค่อนดึก หมดเวลาของโชว์และเธอกำลังจะได้กลับบ้านหลังจากที่เปลี่ยนเครื่องแต่งกายและล้างหน้าล้างตาเอาเครื่องสำอางออกจนหมดจดแล้ว
“อุ๊ย!” เภตราอุทาน เพราะพอออกมาจากห้องแต่งตัวได้ไม่กี่ก้าว เธอก็เกือบชนเข้ากับชายหนุ่มที่รูปร่างสูงใหญ่ เขาดูขรึม ทว่าสมาร์ทงามสง่าในชุดสูทสีดำสุดเนี๊ยบแสนโก้ ใบหน้าเขาหล่อคม นัยน์ตายิ่งเฉียบ เพราะอะไรสาวน้อยถึงรู้รายละเอียดดีน่ะหรือ...ก็วินาทีนี้เธอกำลังมองจ้องตอบความเข้มดำจัดแกมดุคู่นั้นอยู่ในระยะใกล้มากๆ น่ะสิ เภตรากระพริบตาปริบ แล้วก็พลันเหมือนหลุดจากภวังค์ประหลาด สองเท้าขยับถอยหลังไปก้าว ก่อนจะเอ่ยถาม ‘แขก’ คนนั้นด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“คุณ...มาทำอะไรตรงนี้คะ นี่เป็นห้องที่อนุญาตให้เข้าได้เฉพาะพนักงานเท่านั้น เชิญด้านนอกเถอะค่ะ หรือถ้าคุณต้องการจะหาห้องน้ำ...เอ่อ...”
“ไงต่อ?” เสียงห้าวลึกนั่นเอ่ยถามสั้นๆ ห้วนๆ สีหน้าท่าทางแบบยิ้มในหน้าของเขาก็ช่างเหมือนผู้ใหญ่กำลังมองดูการแสดงของเด็กอนุบาลยังไงยังงั้น
“เอ่อ...ห้องน้ำชายอยู่ทางด้านโน้นนะคะ คุณจะเดินไปตามทางตรงริมนี้ก็ได้...”
คนพูดอธิบายละเอียดพลางชี้ไม้ชี้มือประกอบเพื่อความเข้าใจของอีกฝ่าย แต่เขาก็ยังดูเฉยๆ
“โอเคนะคะ เชิญคุณทางด้านโน้นได้เลยค่ะ”
“ฉันบอกหรือว่าจะหาห้องน้ำ”
“เอ่อ...แล้วคุณ...เข้ามาทำอะไรตรงนี้ล่ะคะ หรือว่าเดินหลง ถ้าอย่างนั้นดิฉันต้องเชิญคุณกลับออกไปด้านนอก ตรงนี้ไม่มีอะไร”
“ถ้าฉันบอกว่าอยากจะอยู่ตรงนี้ล่ะ” เขาถามเสียงเรียบขรึม ตายังมองเธอไม่วอกแวก
“ดิฉันเรียนคุณไปแล้วนะคะว่าตรงนี้เป็นพื้นที่ส่วนตัวของพนักงาน จะให้ลูกค้าเข้ามาไม่ได้จริงๆ ค่ะ”
“ลูกค้า?” ทวนคำพลางย่นหัวคิ้ว ถ้ามองไม่ผิด สาวน้อยเห็นเขายิ้มแปลกๆ ในตอนท้ายด้วย
“ค่ะ เชิญคุณด้านนอกดีกว่านะคะ เดี๋ยวถ้าเกิดมีใครมาเห็นเข้าเขาก็จะบอกกับคุณแบบนี้เหมือนกัน”
“งั้นก็รอ อยากรู้เหมือนกันว่าถ้ามีใครมาเห็นแล้วจะเป็นยังไง”
“คุณ...” ยิ่งเป็นแบบนี้เภตรายิ่งรู้สึกไม่ค่อยน่าวางใจ เธอเคยเจอมาไม่น้อยเหมือนกันล่ะ ลูกค้ากระเป๋าหนักทั้งรุ่นหนุ่มทั้งมีอายุซึ่งจงใจจะเข้ามาวอแวเกี้ยวพาเพื่อจะขอพาเธอออก ‘ไปต่อ’ ด้วยกันข้างนอกให้ได้ แต่สาวน้อยก็ปฏิเสธเด็ดขาดทุกครั้งไป เภตรายืนยันว่าเธอมาเพื่อเต้นโชว์เท่านั้น และจะไม่รับทำงานอย่างอื่น
“คุณ...จะทำอะไรคะ!” เขาย่างเท้าเข้ามาช้าๆ เภตราชะเง้อชะแง้หาพรรคพวกเพื่อนฝูงแต่ก็ไม่เห็นใคร เธอกำลังตื่นกลัวขึ้นเป็นลำดับ
“นี่คุณ...ต้องการอะไรคะ”
“ถ้าคุณไม่พูดไม่บอก ฉันจะ...จะต้องเรียกการ์ดมาเชิญตัวคุณออกไปนะคะ” หากเขายังยิ้มมุมปาก
“ก็เรียกสิ”
“ฉันบอกคุณแล้วนะ ว่าตรงนี้ไม่ใช่ที่สำหรับลูกค้า คุณ...กรุณาถอยออกไปเถอะค่ะ”
แทนคำพูดอื่นใด ร่างสูงใหญ่ยังคงก้าวตรงเข้ามาหาเธอเนิบช้าทว่าแลดูแน่วแน่ เภตราขมวดคิ้วชักใจไม่ดี...ผู้ชายคนนี้เป็นใคร กล้าดียังไงมาทำรุ่มร่ามไม่เลิกรากับเธอถึงในไนต์คลับที่ผู้คนมากมายอย่างนี้ ทุกคนก็เถอะ ไม่รู้หายไปอยู่ไหนกันหมด แต่คิดอีกทีแขกข้างนอกก็มากมาย ไม่ว่าใครๆ ก็คงกำลังต้อนรับขับสู้กันเป็นระวิง จะมีก็แต่เธอนี่ล่ะ พอหมดเวลางานที่เคยขอตกลงเป็นกรณีพิเศษเอาไว้ก็จะได้สิทธิ์เลิกงานกลับบ้านก่อนใครเพื่อน
“คุณเป็นใคร จะทำอะไร ต้องการอะไรกันแน่คะ!”
“ไม่เห็นต้องตกใจเลยสาวน้อย ฉันก็แค่ต้องการ...”
จังหวะที่คนตัวสูงใหญ่นัยตาพราวโน้มหน้าคมขาวลงมาใกล้ สาวน้อยก็หลับหูหลับตา คว้าเอาขวดเหล้าใกล้มือขึ้นเพื่อหวังจะประเคนมันลงตรงกลางศีรษะได้รูปของคนที่กำลังจะจาบจ้วงล่วงเกินผิวแก้มและเรียวปากที่เธอแสนหวงแหน
“น้องผึ้ง! อย่า!!” เสียงห้ามของรุ่นพี่ที่เพิ่งโผล่เข้ามาเห็นไม่เป็นผล เภตรายั้งมือไม่ทัน
เภตราเลิกคิดถึงคนอื่น...เธอเก็บเงินงวดแรกที่ได้จากการทำ ‘งานพิเศษ’ ที่ไม่เคยกล้าบอกใครกลับเข้าในกระปุกอย่างมิดชิด เงินพวกนี้สำคัญกับชีวิตเธอและแม่เอาไว้สำหรับกินใช้กันอย่างประหยัด และส่วนหนึ่งเธอยังกันไว้สำหรับเป็นทุนรอนในการเรียนตามที่ตั้งใจเอาไว้ด้วย
“ผึ้ง...ผึ้ง” เสียงแม่เรียกมาจากข้างนอก เจ้าตัวรีบเก็บข้าวของแล้วเปิดประตูห้องออกไปพร้อมรอยยิ้ม เภตรา ‘ต้องยิ้ม’ เสมอในยามที่อยู่ในสายตาของท่าน
“ทำอะไรอยู่ลูก ยังไม่แต่งตัว วันนี้ไม่มีเรียนหรือ?” น้ำเสียงของแม่นุ่มนวลเสมอ
“เอ่อ...ไม่มีจ้ะ วันนี้วันหยุดนะจ๊ะแม่ เดี๋ยวรอเย็นๆ ผึ้งก็จะไปทำงาน”
คนเป็นแม่ยื่นมือมาลูบผมลูบไหล่อย่างสงสารและห่วงใย ไม่เคยเลิกโทษว่าเป็นความผิดของตัวเอง เพราะถ้ายังทำงานและมีรายได้เหมือนเมื่อก่อน ลูกสาวที่อยู่ด้วยเพียงคนเดียวตอนนี้ก็คงจะไม่ต้องลำบากออกไปทำงานที่ ‘ร้านอาหาร’ ดึกๆ ดื่นๆ อย่างทุกวันนี้
“แม่ขอโทษนะผึ้ง ที่เลี้ยงลูกให้สุขสบายไม่ได้ แล้วหนำซ้ำยังมาเจ็บป่วยกระเสาะกระแสะ กลายเป็นภาระรุงรังให้ลูกต้องมาคอยดูแล”
“ไม่เอาจ้ะแม่ ผึ้งห้ามแม่พูดอย่างนี้นะ ถ้าผึ้งไม่รู้จักกตัญญูต่อผู้ให้กำเนิดที่อุตส่าห์ลำบากเลี้ยงดูมา ผึ้งก็คงจะหาความเจริญในชีวิตไม่ได้”
“ผึ้ง...” เภตรากอดเอวผู้เป็นแม่อย่างที่เธอมักชอบทำเสมอ
“แม่ทำใจให้สบาย อย่าเครียด ดูแลตัวเองดีๆ อยู่กับผึ้งไปนานๆ เท่านี้ก็ถือเป็นรางวัลชีวิตที่ยิ่งใหญ่ของผึ้งแล้วนะจ๊ะ”
“แต่แม่เป็นห่วงลูกนะ”
“ผึ้งทราบจ้ะแม่ ผึ้งสัญญานะว่าจะดูแลตัวเอง...เพื่อแม่”
“หนูทำงานดึกๆ ดื่นๆ ที่ร้านอาหารคงงานหนักแล้วก็เหนื่อยมาก แม่ไม่อยากให้หนูทำงานแบบนี้เลย” งานแบบนี้ที่แม่พูด ทำให้สาวน้อยใจเต้นผิดจังหวะไปนิด ก่อนจะบอกตัวเองให้นิ่งๆ ไว้ แม่ไม่รู้สักหน่อยว่าจริงๆ แล้วเธอทำงานอะไร ทุกอย่างที่เธอทำไปมันอาจไม่น่าดูนัก แต่นั่นก็เพื่อแม่และครอบครัวเท่านั้น
“งานที่ผึ้งทำก็...ไม่ได้มีอะไรเสียหายนะจ๊ะแม่ งานเสิร์ฟกับล้างจานมันก็แค่...ต้องเหนื่อยแล้วก็กลับดึกไปหน่อยเท่านั้นเอง แต่แม่ไม่ต้องห่วงนะจ๊ะ เจ้าของร้านเขาใจดี ผึ้งเองก็ทำไหว ไม่ได้เหนื่อยอะไรเลย”
“แต่ผึ้งเป็นผู้หญิงนะลูก กลับดึกๆ แม่กลัวว่ามันจะ...” แม่ยังไม่วายห่วงถึงความปลอดภัย
“ผึ้งสัญญานะจ๊ะ เอาไว้...เรียนจบเมื่อไร จะเลิกทำงาน...ที่ร้าน แล้วก็จะหางานตามบริษัททำ คราวนี้ทำงานกลางวันเหมือนคนอื่นเขา แม่จะได้หายห่วงไง”
“อย่างนั้นผึ้งต้องตั้งใจเรียนมากๆ นะลูก จะได้จบไวๆ ไม่ใช่เพื่อแม่ แต่เพื่ออนาคตของตัวผึ้งเองนะ”
ในฐานะของแม่ คุณดวงเดือนจึงยังต้องคอยบอกย้ำเสมอ
“ผึ้งจะจำไว้จ้ะแม่ แล้วนี่แม่กินยาหลังอาหารหรือยังจ๊ะ มา เดี๋ยวผึ้งไปช่วยจัดยาให้ดีกว่านะ”
“ยาอีกแล้ว ไม่รู้อะไรเยอะแยะ แม่กินจนเบื่อแล้วนะนี่” คุณดวงเดือนถอนหายใจ แต่ลูกสาวยิ้มปะเหลาะให้กำลังใจ
“ไม่เอานะจ๊ะ ผึ้งห้ามแม่เบื่อ ยาจะช่วยให้แม่หายเร็วขึ้นนะ” คนพูดประคองมารดาในวัยสี่สิบเจ็ดที่ไม่ค่อยแข็งแรงนักเดินกลับออกไปนั่งรอหน้าทีวี บ้านเช่าเล็กๆ เก่าๆ หลังนี้ซอยแบ่งเป็นสองห้อง พื้นที่ด้านนอกเพียงน้อยนิดใช้ตั้งตู้เย็นกับทีวีเครื่องเก่า นอกนั้นก็มีเก้าอี้ไม้สามตัวเล็กๆ ซึ่งแทบจะไม่มีโอกาสได้รับแขกเลยแม้สักครั้งตั้งอยู่ และเมื่อดูแลให้ผู้เป็นแม่ได้ทานข้าวทานยาเรียบร้อย เภตราก็รีบจัดการอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดทะมัดทะแมงอย่างเสื้อเชิ้ตกับกางเกงยีนส์ตัวเก่งพร้อมสะพายเป้ที่บรรจุ ‘ชุดทำงาน’ เอาไว้ออกไปด้วย เธอเร่งฝีเท้าเมื่อเห็นว่าตะวันตกดินและตรอกเล็กระหว่างบ้านไปสู่ถนนใหญ่นั้นเริ่มมีผู้คนบางตา แม่ห่วงนักหนาเรื่องเดินทางไปกลับตอนค่ำๆ มืดๆ เภตราเองก็ห่วงตัวเองเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเธอจึงใช้ความระแวดระวังเป็นพิเศษในยามที่จำเป็นจะต้องสัญจรไปมาละแวกบ้านตัวเองแบบนี้
/////////////////////////
หัวค่ำ...ที่เลิฟเว่อร์คลับ ไนต์คลับขนาดใหญ่ใจกลางกรุง ซึ่งเป็นสถานที่ที่เภตราได้เข้ามาทำงานจริงๆ ยังไม่ค่อยมีผู้คนที่จะเริ่มทยอยเข้ามาเที่ยว ฟังเพลง หรือดื่มกินและสังสรรค์กันสักเท่าไร ความจริงแล้วเด็กสาวอย่างเธออายุแค่สิบเก้าปีเท่านั้น อย่าว่าแต่มาทำงาน เพราะแค่เที่ยวหรือพาตัวเองผ่านประตูเข้ามาเฉยๆ เธอก็ยังไม่มีสิทธิ์ด้วยซ้ำ แต่นี่เพราะสำเนาบัตรประชาชนและประวัติแบบปลอมๆ ของเธอจึงทำให้สาวน้อยได้โอกาสเข้ามาเป็นโคโยตี้แสนเซ็กซี่ที่มากเสน่ห์ได้ร่วมหนึ่งเดือนของสถานบันเทิงครบวงจรแห่งนี้
“น้องผึ้ง มาแล้วก็รีบเข้าไปแต่งตัวนะ ให้ทันเวลาล่ะ”
“ค่ะพี่” สาวน้อยรับคำรุ่นพี่ที่มีส่วนช่วยดูแลพนักงานในร้านทุกคนอย่างนอบน้อม จากนั้นก็ตรงเข้าห้องแต่งตัวด้านหลังไป เธอรีบจัดการแต่งหน้าและแต่งตัวด้วยตัวเองอย่างคนที่พอจะมีประสบการณ์บ้างแล้ว เดิมทีเภตราเป็นเด็กที่แทบจะไม่มีความรู้ในเรื่องความสวยความงามเอาเสียเลย เรียกว่าเจ้าตัวปล่อยทุกอย่างไปตามธรรมชาติแท้ แม่ยังเคยชมบ่อยๆ ว่าลูกสาวของท่านสวยหวานมีเสน่ห์อย่างที่ไม่จำเป็นจะต้องปรุงแต่งอะไรให้มาก แต่เมื่อเธอเลือกที่จะเดินบนทางสายนี้ ทางที่ดีที่สุดก็คือต้องหัดศึกษาจนสามารถจะแต่งทำงานหรืออวดสายตาใครได้โดยไม่อายอย่างตอนนี้ และด้วยความที่เร่งรีบ...คืนนี้ก่อนขึ้นโชว์ เภตราก็ไม่ได้มีเวลาพูดคุยกับคนในร้านสักเท่าไร เด็กสาวตั้งใจจะเก็บตัว เพราะไม่อยากให้ความลับเรื่องอายุหรือเรื่องส่วนตัวอื่นๆ ถูกซักถามไม่ก็ถูกเปิดเผย แต่ถึงอย่างนั้นด้วยนิสัยนอบน้อมถ่อมตัว ก็ทำให้เธอเป็นที่รักและเอ็นดูของพี่ๆ หลายๆ คนในนี้ได้อยู่ดี คืนนี้ ‘บอส’ จะมาร้าน หลังจากที่บินไปเยี่ยมดูงานที่สาขาในต่างประเทศอยู่นานร่วมเดือน...นั่นคือแว่วเสียง คือข่าวคราวเกี่ยวกับ ‘เจ้านาย’ ที่เธอเองยังไม่เคยมีโอกาสได้เห็นหน้าค่าตาเลยสักครั้ง แต่สาวน้อยก็ลืมมันไป จนกระทั่งค่อนดึก หมดเวลาของโชว์และเธอกำลังจะได้กลับบ้านหลังจากที่เปลี่ยนเครื่องแต่งกายและล้างหน้าล้างตาเอาเครื่องสำอางออกจนหมดจดแล้ว
“อุ๊ย!” เภตราอุทาน เพราะพอออกมาจากห้องแต่งตัวได้ไม่กี่ก้าว เธอก็เกือบชนเข้ากับชายหนุ่มที่รูปร่างสูงใหญ่ เขาดูขรึม ทว่าสมาร์ทงามสง่าในชุดสูทสีดำสุดเนี๊ยบแสนโก้ ใบหน้าเขาหล่อคม นัยน์ตายิ่งเฉียบ เพราะอะไรสาวน้อยถึงรู้รายละเอียดดีน่ะหรือ...ก็วินาทีนี้เธอกำลังมองจ้องตอบความเข้มดำจัดแกมดุคู่นั้นอยู่ในระยะใกล้มากๆ น่ะสิ เภตรากระพริบตาปริบ แล้วก็พลันเหมือนหลุดจากภวังค์ประหลาด สองเท้าขยับถอยหลังไปก้าว ก่อนจะเอ่ยถาม ‘แขก’ คนนั้นด้วยน้ำเสียงสุภาพ
“คุณ...มาทำอะไรตรงนี้คะ นี่เป็นห้องที่อนุญาตให้เข้าได้เฉพาะพนักงานเท่านั้น เชิญด้านนอกเถอะค่ะ หรือถ้าคุณต้องการจะหาห้องน้ำ...เอ่อ...”
“ไงต่อ?” เสียงห้าวลึกนั่นเอ่ยถามสั้นๆ ห้วนๆ สีหน้าท่าทางแบบยิ้มในหน้าของเขาก็ช่างเหมือนผู้ใหญ่กำลังมองดูการแสดงของเด็กอนุบาลยังไงยังงั้น
“เอ่อ...ห้องน้ำชายอยู่ทางด้านโน้นนะคะ คุณจะเดินไปตามทางตรงริมนี้ก็ได้...”
คนพูดอธิบายละเอียดพลางชี้ไม้ชี้มือประกอบเพื่อความเข้าใจของอีกฝ่าย แต่เขาก็ยังดูเฉยๆ
“โอเคนะคะ เชิญคุณทางด้านโน้นได้เลยค่ะ”
“ฉันบอกหรือว่าจะหาห้องน้ำ”
“เอ่อ...แล้วคุณ...เข้ามาทำอะไรตรงนี้ล่ะคะ หรือว่าเดินหลง ถ้าอย่างนั้นดิฉันต้องเชิญคุณกลับออกไปด้านนอก ตรงนี้ไม่มีอะไร”
“ถ้าฉันบอกว่าอยากจะอยู่ตรงนี้ล่ะ” เขาถามเสียงเรียบขรึม ตายังมองเธอไม่วอกแวก
“ดิฉันเรียนคุณไปแล้วนะคะว่าตรงนี้เป็นพื้นที่ส่วนตัวของพนักงาน จะให้ลูกค้าเข้ามาไม่ได้จริงๆ ค่ะ”
“ลูกค้า?” ทวนคำพลางย่นหัวคิ้ว ถ้ามองไม่ผิด สาวน้อยเห็นเขายิ้มแปลกๆ ในตอนท้ายด้วย
“ค่ะ เชิญคุณด้านนอกดีกว่านะคะ เดี๋ยวถ้าเกิดมีใครมาเห็นเข้าเขาก็จะบอกกับคุณแบบนี้เหมือนกัน”
“งั้นก็รอ อยากรู้เหมือนกันว่าถ้ามีใครมาเห็นแล้วจะเป็นยังไง”
“คุณ...” ยิ่งเป็นแบบนี้เภตรายิ่งรู้สึกไม่ค่อยน่าวางใจ เธอเคยเจอมาไม่น้อยเหมือนกันล่ะ ลูกค้ากระเป๋าหนักทั้งรุ่นหนุ่มทั้งมีอายุซึ่งจงใจจะเข้ามาวอแวเกี้ยวพาเพื่อจะขอพาเธอออก ‘ไปต่อ’ ด้วยกันข้างนอกให้ได้ แต่สาวน้อยก็ปฏิเสธเด็ดขาดทุกครั้งไป เภตรายืนยันว่าเธอมาเพื่อเต้นโชว์เท่านั้น และจะไม่รับทำงานอย่างอื่น
“คุณ...จะทำอะไรคะ!” เขาย่างเท้าเข้ามาช้าๆ เภตราชะเง้อชะแง้หาพรรคพวกเพื่อนฝูงแต่ก็ไม่เห็นใคร เธอกำลังตื่นกลัวขึ้นเป็นลำดับ
“นี่คุณ...ต้องการอะไรคะ”
“ถ้าคุณไม่พูดไม่บอก ฉันจะ...จะต้องเรียกการ์ดมาเชิญตัวคุณออกไปนะคะ” หากเขายังยิ้มมุมปาก
“ก็เรียกสิ”
“ฉันบอกคุณแล้วนะ ว่าตรงนี้ไม่ใช่ที่สำหรับลูกค้า คุณ...กรุณาถอยออกไปเถอะค่ะ”
แทนคำพูดอื่นใด ร่างสูงใหญ่ยังคงก้าวตรงเข้ามาหาเธอเนิบช้าทว่าแลดูแน่วแน่ เภตราขมวดคิ้วชักใจไม่ดี...ผู้ชายคนนี้เป็นใคร กล้าดียังไงมาทำรุ่มร่ามไม่เลิกรากับเธอถึงในไนต์คลับที่ผู้คนมากมายอย่างนี้ ทุกคนก็เถอะ ไม่รู้หายไปอยู่ไหนกันหมด แต่คิดอีกทีแขกข้างนอกก็มากมาย ไม่ว่าใครๆ ก็คงกำลังต้อนรับขับสู้กันเป็นระวิง จะมีก็แต่เธอนี่ล่ะ พอหมดเวลางานที่เคยขอตกลงเป็นกรณีพิเศษเอาไว้ก็จะได้สิทธิ์เลิกงานกลับบ้านก่อนใครเพื่อน
“คุณเป็นใคร จะทำอะไร ต้องการอะไรกันแน่คะ!”
“ไม่เห็นต้องตกใจเลยสาวน้อย ฉันก็แค่ต้องการ...”
จังหวะที่คนตัวสูงใหญ่นัยตาพราวโน้มหน้าคมขาวลงมาใกล้ สาวน้อยก็หลับหูหลับตา คว้าเอาขวดเหล้าใกล้มือขึ้นเพื่อหวังจะประเคนมันลงตรงกลางศีรษะได้รูปของคนที่กำลังจะจาบจ้วงล่วงเกินผิวแก้มและเรียวปากที่เธอแสนหวงแหน
“น้องผึ้ง! อย่า!!” เสียงห้ามของรุ่นพี่ที่เพิ่งโผล่เข้ามาเห็นไม่เป็นผล เภตรายั้งมือไม่ทัน
ลียา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ก.พ. 2560, 11:50:44 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 มี.ค. 2560, 14:37:50 น.
จำนวนการเข้าชม : 934
บทที่ 1 โชคชะตาที่ต้องฝ่าฟัน (100%) >> |