สูตรลับจับรัก
เรื่องรักของคุณพ่อลูกติดมาดเซอรกับครูสาวสุดเปิ่น ผู้ถูกความรักผลักไสให้หลงทางมาเจอกันในวันบอบช้ำ สองหนุ่มสาวต่างวัยกับกาวใจลูกสาวตัวเล็กและชีวิตที่พลิกผัน
Tags: สูตรลับจับรัก ทักษ์ปิ่น คุณพ่อนักเล่านิทาน รักดราม่า

ตอน: บทที่ 1 : 50%

บทนำ

“คนเลว...”

หญิงสาวร่างเล็กถึงกับสบถ ดวงตาแทบทะลุเข้าไปภายในห้องด้วยความโกรธเหลือประมาณกับภาพที่เห็นผ่านม่านหน้าต่างขาวลายลูกไม้โปร่งปลิวไสวไปมาตามแรงลม เผยภาพสองหนุ่มสาวนอนก่ายกกภายใต้ผ้าห่มผืนหนา

สีหน้าเปี่ยมสุขแม้ยามหลับของชายหนุ่มร่างกำยำผิวขาวที่ซ้อนอยู่ด้านหลังหญิงสาวผิวเข้มหลับพริ้มด้วยกันทำให้ปิ่นมณีแทบช็อค นึกถึงคำแม่ที่เคยเตือนแล้วได้แต่เจ็บใจ

“มีความสุขกันนักใช่ไหม... ได้!”

ร่างบอบบางก้าวฉับๆ ไม่กี่ก้าวก็ถึงหน้าประตูห้องพัก กำหมัดทุบรัวๆ จนคนข้างห้องชะโงกออกมามอง ปิ่นมณีถึงกับชะงักเมื่อเจอเสียงดุของหญิงสาวร่างใหญ่ผมเผ้ายุ่งเหยิงราวกับเพิ่งตื่นนอนตวาดใส่

“เบาๆ หน่อยสิยะหล่อน คนจะหลับจะนอน!”

“ขอโทษนะคะ” ปิ่นมณีหน้าถอดสี แต่ยังเงื้อมือค้างและตั้งท่าจะเคาะต่อ

“เคาะแค่นั้นไม่รู้สึกหรอก” สาวคนเดิมก้าวยาวๆ ออกมายืนพิงกำแพงไม่ไกลทั้งที่แต่งตัวในชุดนอนบางเบา “หล่อนมาหาครูภพเหรอ”

“ค่ะ คุณรู้จักเขาด้วยเหรอคะ” หญิงสาวตวัดหางตามองคนถามก่อนจะหันหนี เพราะสภาพคนถามไม่น่ามอง ชุดนอนบางๆ แทบมองทะลุเห็นไปถึงไหนๆ

“คนที่เท่าไหร่อีกล่ะเนี่ย ครูภพนี่เปลี่ยนไปเปลี่ยนมาได้ทุกวัน” หล่อนเยาะปนเสียงหัวเราะ “สักวันโรคคงถามหาแน่ๆ”

ได้ผล!

ปิ่นมณีชะงักมือค้างก่อนจะหันมาถามสีหน้าตระหนก “เขาพาผู้หญิงมาบ่อยๆ เหรอคะ”

“ทำไมจะไม่บ่อย ฉันเห็นไม่ซ้ำหน้ากันเลย เป็น ผอ.โรงเรียนคนดังก็แบบนี้แหละ สาวๆ เข้าหาเลือกได้สบายแถมยังชอบหิ้วผู้หญิงบาร์มานอนเรื่อย” สาวสวยคมคายจีบปากจีบคอ ดวงหน้าแดงก่ำน่าจะเพราะผลพวงของแอลกอฮอล์ดีกรีแรงที่ส่งกลิ่นออกมาเวลาพูดของหล่อนทำให้ปิ่นมณีเบือนหน้าหนี

“คุณเข้าใจผิดรึเปล่าคะ เขาเป็นครูนะ” หญิงสาวเดือดเนื้อร้อนใจ ถึงจะโมโหแต่ยังไม่วายแก้ต่างให้

“นี่แหละตัวดีเลย” สาวผมยุ่งหัวเราะจนตัวโยนก่อนจะรู้ตัวปรับสีหน้าท่าทีเป็นเคร่งขรึมแล้วพูดต่อ “แล้วคุณเป็นอะไรกับเขาล่ะ”

“ฉันเป็นคู่หมั้นเขาค่ะ” ปิ่นมณีตอบแต่สีหน้าซึมเห็นได้ชัด “ขอบคุณนะคะ คุณทำฉันตาสว่างเยอะเลย”

“ไม่เป็นไรเป็นคู่หมั้นสิดี งั้นฉันจะช่วยคุณเอาบุญ หมั่นไส้ผู้ชายมักมากมานานแล้ว” สาวคนเดิมตอบพลางยักไหล่ สองมือดึงกระโปรงชุดนอนขึ้นเหนือเข่าแล้วยกเท้าถีบประตูเต็มแรงจนปิ่นมณีถึงกับสะดุ้ง ยังไม่ทันได้ตั้งสติประตูห้องก็เปิดผลัวะออกมาทันที

“เล่นบ้าๆ อะไรกัน! คนจะหลับจะนอนไอ้พวกไร้มารยาท!” ชายหนุ่มขยี้ตาทันทีที่เห็นภาพสาวร่างเล็กหุ่นเพรียวตรงหน้า สีหน้าเริ่มซีดลงๆ “ปะ... ปิ่น! มาได้ยังไง”

“สารเลว!”

ปิ่นมณีโพล่งคำพูดรุนแรงพร้อมกับหมัดลุ่นๆ เสยปลายคางชายหนุ่มเจ้าของห้องจนร่างเซถลาชนประตูก่อนจะเสียหลัก จนมีมือเล็กมารับร่างใหญ่โตเอาไว้ ยังไม่ทันตั้งตัวปิ่นมณีก็ซ้ำด้วยฝีเท้าเข้าให้ที่กล่องดวงใจมากไปด้วยกิเลสตัณหาของชายหนุ่มจนหน้าเขียวไปเลย



บทที่ ๑

“ของมีค่ากับของมีราคามันต่างกัน… ปิ่นน่าจะเข้าใจ”

ไม่เข้าใจ… หล่อนไม่มีวันเข้าใจ

ใครเข้าใจก็บ้าแล้ว!

หล่อนไม่ได้แสนดีแบบ ดร.วิกานดา นางเอกเรื่องเมียหลวง หรือพุดกรอง นางเอกเรื่องน้ำเซาะทรายเสียเมื่อไร ขนาดเป็นแค่คู่หมั้นกัน สิรภพยังหยามน้ำใจหล่อนได้ถึงขนาดนี้ แล้วถ้าตบแต่งกันไป หล่อนจะไม่ต้องกล้ำกลืนผืนทนไปจนตายหรือไร
ปิ่นมณีสะบัดหน้าจนผมดำเส้นเล็กราวแพรไหมปลิวไสว ยิ่งคิดเท่าไหร่ก็ยิ่งแค้นใจ หล่อนไม่เคยระแคะระคายเรื่องความสัมพันธ์ของคู่หมั้นกับผู้หญิงอีกคน จนกระทั่งได้มาเห็นกับตาตัวเองและได้ยินประโยคตอกย้ำกับหู

ตกลงหล่อนเป็นของมีค่าที่ไม่มีหัวใจหรืออย่างไร...

สิรภพช่างพูดออกมาได้ไม่นึกถึงใจคนฟัง เขาคิดว่าหล่อนเป็นอะไร คน... หรือสิ่งของ

ผู้ชายห่วยๆ เกิดชาตินี้ชาติไหนขออย่าได้เจอะได้เจอกันอีกเลย!

เมื่อเช้านี้หล่อนยังหัวใจพองโตราวท้องฟ้าสว่างไสวไร้เมฆหมอก แต่ใครจะคิดว่าเพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อมาหล่อนจะทั้งหดหู่และเศร้าหมองไม่ต่างกับท้องฟ้าหม่นมัวที่เห็นในตอนนี้

จะมีอะไรแย่ไปกว่าความรู้สึกในตอนนี้อีก...

ดวงตาเจือน้ำใสละจากก้อนเมฆทะมึนที่ทอดปกคลุมเต็มท้องฟ้า ก้มมองภาพสะท้อนใบหน้าตัวเองไหวไม่เป็นรูปทรงตามแรงกระเพื่อมของน้ำทะเลแล้วทอดถอนใจ ปล่อยความคิดลอยละลิ่วไปโดยไม่ทันได้สนใจผู้คนเดินผ่านไปมา

หล่อนข้ามฝั่งมากับเรือเที่ยวแรกด้วยความหวังเต็มเปี่ยม แต่ไม่กี่ชั่วโมงก่อนหน้า หล่อนกลับรู้สึกเหมือนว่าตัวเองกำลังจะกลายร่างเป็นนางยักษ์ใจร้ายในพระอภัยมณีทันทีที่เห็นภาพบาดตาที่บ้านพักของคู่หมั้น

ตั้งใจจะมาทำให้เขาเซอร์ไพรส์ในวันครบรอบหมั้นสามปี แต่กลับต้องมาเจอเรื่องพิศวงจัดหนักกว่า

“ปิ่นมาทำอะไรที่นี่!”

“มาเดินเล่นในทุ่งลาเวนเดอร์มั้ง”

ปิ่นมณีตอบไปด้วยแรงอารมณ์ ดวงตาโชนแสงจนชายหนุ่มหลบตาแต่ก็ถลาตามเข้ามาฉุดรั้ง แต่หล่อนปัดป้องผลักเขาชนประตูแล้วพุ่งตัวเข้าไปด้านใน ทันได้เห็นภาพอุจาดของผู้หญิงกึ่งเปลือยที่ยืนซ้อนหลังจับกล้ามแขนชายหนุ่มแน่นเต็มไม้เต็มมือ

“ว้าย! ผู้หญิงคนนั้นใครกันคะ ผอ.”

ปิ่นมณีถึงกับตะลึงมองหญิงสาวเสียงแหลมแล้วหันมาถามชายหนุ่ม

“นี่มันอะไรกัน... ภพ”

“ใจเย็นๆ” สิรภพเอาตัวยืนบัง “นี่ปิ่นมาได้ยังไง”

“ไม่ต้องสนใจว่ามาได้ยังไง แต่ตอบมาว่านี่มันอะไร!”

หล่อนผลักไหล่บึกบึนโดยไม่สนใจคำท้วงถาม สิรภพยักไหล่เหมือนเป็นเรื่องธรรมดา ทั้งที่นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว

“ไม่มีอะไรหรอกน่า เรื่องธรรมดาของผู้ชายเอง”

“เกือบเป็นชีเปลือยแบบนี้นี่นะ ไม่มีอะไร!”

“ก็ใช่นะสิ” สิรภพเบนสายตาไปด้านในสีหน้าหวาดๆ แต่ทำใจดีสู้เสือ “ออกไปรอข้างนอกก่อนนะ เดี๋ยวภพตามไป”

“ปิ่นไม่ไป!” หล่อนเสียงกร้าวกำหมัดแน่น “ภพมีอะไรจะแก้ตัวไหม... ให้ดีๆ นะ ปิ่นไม่ได้โง่นะภพ”

“ไม่มีอะไรจริงๆ” ชายหนุ่มยืนยันหนักแน่นทั้งที่ภาพฟ้องอยู่ทนโท่ “ก็แค่กิจกรรมของผู้ชายยามว่าง ปิ่นอย่าเข้าใจผิดน่า”

“เข้าใจผิดบ้าอะไร ตอบ!”

พอหล่อนไม่ฟังแถมยังเสียงขุ่นใส่ สิรภพก็ทำหน้างอเหมือนหงุดหงิดที่หล่อนทำเหมือนจับผิด แต่ไม่ได้รู้สำนึกว่าสิ่งที่ตัวเองทำนั้นผิดมากกว่า

“ถ้าไม่ได้โง่จนดูไม่รู้ก็น่าจะได้คำตอบอยู่แล้ว จะถามให้เจ็บช้ำน้ำใจไปกว่านี้ทำไม”

เสียงแหลมบาดของสาวตาคมผิวสองสีอีกคนแทรกตอบก่อนลุกจากที่นอนพร้อมผ้าแพรผืนบางห่อหุ้มพันตัวขมวดปมลวกๆ ผมยาวสยายยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงราวกับเพิ่งตื่นนอน ดูไม่น่ามองแถมสายตาที่มองมาอย่างเย้ยหยันนั่นอีก

“สองคนเลยเหรอ?” ปิ่นมณีถึงกับผงะ

เมื่อกี้หล่อนเห็นสิรภพนอนอยู่กับหญิงสาวคนนี้บนเตียง แล้วคนเมื่อครู่เล่า!

“มันเรื่องธรรมดาเอง”

“ทุเรศ!” ปิ่นมณีตวาดแว๊ดใส่ “แม่บอกแล้วว่าอย่าหมั้นกับภพ แต่ปิ่นเชื่อพ่อ แล้วดูภพทำกับปิ่นสิ คิดว่าปิ่นโง่มากใช่ไหม เป็นนังโง่รอคู่หมั้นคิดว่าเขาทำงานเหนื่อยอยู่บนเกาะ ที่ไหนได้กลับควบสองแบบนี้”

“ใครเขาก็ทำกัน” สิรภพตอบพลางชักสีหน้าเหลือบมองสองสาว “อย่าโลกสวยไปหน่อยเลยปิ่น”

หนึ่งในสองแต่งตัวลวกๆ แล้วพุ่งตัวออกไม่ทันให้ตั้งหลัก จนปิ่นมณีเซไปชนกำแพง หล่อนมองตามจนลับสายตาแล้วหันมาหาตัวการกับหญิงอีกคนที่ดูท่าเอาเรื่อง

“ใช่สิ ปิ่นโลกสวยแล้วจะทำไม ตัวเองเป็นถึงครูบาอาจารย์กลับทำตัวแบบนี้ คิดว่าไม่มีคนรู้สินะ”

“แล้วหล่อนก็เป็นหนึ่งในคอลเลคชั่นของเขาด้วยสิ ถึงได้มาถึงนี่ได้” สาวแสบตาคมตวัดหางตามองแล้วแนบแก้มกับกล้ามแขนบึกบึนของชายหนุ่มที่ได้แต่ยืนนิ่งสีหน้าเครียด

ปิ่นมณีส่ายหน้าระอา ก่อนจะก้าวถอยหลังแต่กลับถูกยื้อไว้ด้วยมือแข็งแรง

“ปิ่น! ฟังก่อน”

“ผอ.!” สาวแสบแหวใส่

“นี่สินะ ภารกิจวันหยุดทุกอาทิตย์ที่ไม่ยอมกลับกรุงเทพของภพ” ปิ่นมณีตาวาวมองสาวหน้าสวยแต่ไร้ยางอายแล้วหันขวับไปถลึงตาใส่คู่หมั้นหนุ่มที่เดินกุมไหล่ตามหล่อนเข้ามาติดๆ

“ก็แค่สันทนาการวันหยุดน่ะ” เขาตอบพลางเหลือบมองผู้หญิงด้านใน ก่อนจะหันมาบอกหล่อน “ภพว่าออกไปรอหน้าห้องก่อนดีกว่านะปิ่น”

สิรภพโอบไหล่พาหันหลังออก แต่ปิ่นมณีขืนตัวกระทุ้งท้องชายหนุ่มเต็มแรง

“ไม่ไป!” หล่อนแหวใส่ ยิ่งสิรภพทำท่าทีไม่ใส่ใจ หล่อนก็ยิ่งเดือดดาลแทบอยากบีบคอชายหนุ่มตรงหน้าเสีย “ปิ่นจะดูหน้านางแมวขโมยชัดๆ เมื่อกี้ดูไม่ชัดปล่อยหลุดมือไปตัวนึง ขอดูแมวตัวนี้ชัดๆ หน่อยเถอะ”

“ไม่เอาน่า” สิรภพทำหน้าเอือมระอาเต็มที “อย่างี่เง่าได้ไหม ถึงผมจะมีใครแต่ผมก็รักปิ่นคนเดียว”

“รักปิ่นคนเดียวงั้นเหรอ แล้วทำไมทำแบบนี้ ภพนั่นแหละงี่เง่า!” ปิ่นมณีขึ้นเสียงมองท่าทางไม่ยี่หระของคู่หมั้นหนุ่มแล้ว อารมณ์คุกรุ่นยิ่งเพิ่มเท่าทวี

หล่อนจ้องตาคู่หมั้นด้วยความโกรธโมโหสุดขีด แทนที่สิรภพจะมีท่าทีสำนึก เขากลับตรงเข้ามาหมายจะโอบ แต่หล่อนเบี่ยงตัวหลบแล้วโพล่งถาม

“แค่อย่าเรื่องมากไม่ได้หรือไง” สิรภพชักสีหน้าทันทีที่โดนเอ็ด “แค่นี้ต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่ด้วย”

“แค่นี้เหรอ พูดออกมาว่าเรื่องแค่นี้ ภพหยามน้ำหน้าปิ่นขนาดนี้ยังกล้ามาทำท่าทางรำคาญกับปิ่นได้ยังไง”

“ก็แล้วปิ่นจะเอายังไง นี่มันแค่เรื่องสนุกของผู้ชายเอง” สิรภพคว้าสองแขนหล่อนมาจับไว้แน่น ดึงให้เข้าใกล้แทบจะหน้าชนหน้า “ถึงไงภพก็ยกย่องปิ่นเป็นที่หนึ่งไม่เป็นสองรองใครอยู่แล้ว”

“ปิ่นไม่ได้อยากเป็นที่หนึ่ง” ปิ่นมณีเค้นเสียงแผ่วเบา “คบกันมาตั้งนานภพไม่รู้นิสัยปิ่นเลยเหรอ”

ความน้อยใจทำให้หล่อนพูดต่อไม่ออก โมโหคนรักจนไม่รู้จะพูดยังไงให้สมกับท่าทางไม่รู้สึกรู้สาที่แสดงออกมาให้เห็น ถ้าเพียงแต่เขาจะแคร์ความรู้สึกของหล่อนให้สมกับที่เป็นคู่หมั้น หล่อนอาจไม่คิดมาก

แต่สิ่งที่สิรภพพูดออกมายิ่งตอกย้ำสถานะว่าเขาเห็นหล่อนเป็นอะไร...

“ของมีค่ากับของมีราคามันต่างกัน... ปิ่นก็น่าจะเข้าใจ ปิ่นมีค่ามากกว่าผู้หญิงที่ถูกตั้งราคาเพียงเพื่อสนองตัณหาของผู้ชายนะ... รู้ไหม” สิรภพโอบไหล่จ้องตาทำหน้าเศร้าพูดเสียงอ่อนหวาน ออดอ้อน “เลิกคิดมากเถอะนะ มันก็แค่เรื่องสนุกชั่วคราวของผู้ชาย”

“ไม่!” หล่อนยืนกรานเมินหน้าไปอีกทาง “ปิ่นไม่มีวันเข้าใจ”

“โธ่! หัดเป็นคนพูดยากขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”

สิรภพส่ายหน้าระอา ปิ่นมณีถึงกับนิ่งไป โมโหคำพูดของเขาจนไม่รู้จะสรรหาคำใดมาด่าให้เจ็บแสบ ยิ่งเสียงดังตามมาพร้อมกับดวงหน้าสวยคมที่ชะโงกมาหลังชายหนุ่มทำให้หล่อนพลุ่งพล่านอีก

“แสดงว่าเธอก็แค่ของมีราคาแต่ไม่มีค่า เขาถึงไม่ชายตาแล” แมวขโมยโพล่งตอบ

“ใครกันแน่ไม่มีค่า ผู้หญิงดีๆ ที่ไหนแจ้นมานอนกับผู้ชายที่มีคู่หมั้นแล้ว” ปิ่นมณีเน้นคำ หงุดหงิดขึ้นมาอีกรอบ ก้าวเข้าหาสาวผิวเข้ม “อยากโดนดีใช่ไหม”

“ก็เธอไม่แปะป้ายห้อยคอเขาไว้นี่ ใครจะไปรู้ล่ะยะ” สาวผมกระเซิงกระชากเสียงตอบแล้วถอยกรูด ยกสองมือปัดป้องเมื่อปิ่นมณีตั้งท่าเงื้อมือ “อย่า!... อย่าเข้ามานะ! หยุดอยู่ตรงนั้น”

“กลัวทำไม ปากเก่งอย่างนี้อย่าหนีสิ”

“แล้วตัวเองเป็นใครมาทำท่าเป็นนางยักษ์ใส่คนอื่นแบบนี้”

“หนอย! ว่าฉันเป็นนางยักษ์ ” ปิ่นมณีเข่นเขี้ยว “แสดงว่าอยากเจอฤทธิ์ฉันสินะ”

ปิ่นมณีลดมือลงแต่สาวเท้าเข้าหาทีละก้าว ท่าทางขึงขังทำให้สาวเกือบเปลือยถอยกรูด สิรภพเอาตัวมาบังแล้วคว้าเอวคู่หมั้นไว้แน่น

“พอเถอะปิ่น อายคน” สิรภพพ่นเสียงหงุดหงิด “เกิดใครรู้ ชื่อเสียงผมจะพลอยเสียไปด้วย”

“ปล่อยนะ! กลัวทำไม ตอนทำไม่คิด” ปิ่นมณีแหวใส่ หันหาคู่กรณี “บอกนางคนนี้ไปสิ ว่าปิ่นเป็นคู่หมั้น”

“คือ...” สิรภพอึกอักขึ้นมากะทันหัน “คือว่า...”

“ไม่บอกใช่ไหม! เสียดายมันสิท่า ผู้ชายแบบคุณมันทุเรศที่สุด!” ปิ่นมณีตบหน้าขึ้นไรหนวดจนหันไปตามแรง

“โอย... ใช้ความรุนแรงอีกแล้วนะปิ่น” สิรภพกุมหน้าข้างโดนตบ “ภพเคยบอกแล้วว่าไม่ชอบ”

“ก็อย่าชอบ! ต่อไปไม่ต้องมาชอบ”

ปิ่นมณีเงื้อมือจะซ้ำ แต่ชายหนุ่มถอยกรูด ทำให้หล่อนชะงัก ท่าทางสิรภพลนลานผ้าเช็ดตัวจะหลุดมิหลุดแหล่ ทำให้หล่อนมองด้วยความสมเพช กัดริมฝีปากตัวเองจนเจ็บ พยายามยับยั้งอารมณ์ไม่ทำรุนแรงไปมากกว่านี้

“ดูสภาพตัวเองสิว่าดูไม่ได้ขนาดไหน คนเป็นครูมาทำแบบนี้”

“ภพไม่สนคนอื่นคิดยังไงหรอก ถึงยังไงภพก็รักปิ่นนะ” เขาหยอดยาหอม ทำตาละห้อยแต่ไม่กล้าเข้าใกล้เมื่อเห็นหล่อนเอาจริง
“เก็บคำว่ารักของภพไปบอกนังคนนั้นเถอะ”

ปิ่นมณีชี้หน้าสาวตาคมที่ยืนกอดอกยิ้มเยาะหล่อนด้านหลังสิรภพ แล้วหันหลังจะเดินออกไป แต่สิรภพคว้าแขนไว้ให้หันกลับมาคุยกัน ร้อนถึงแมวขโมยดึงเขาไว้อีกต่อ

“จะไปไหนคะ ห้ามไปนะ”

“ปล่อยสิแนน!” สิรภพแกะมือปลาหมึกแต่หล่อนยังดื้อดึง “บอกให้ปล่อยไง พูดไม่รู้เรื่อง”

“ได้ยังไงคะ ผอ. ทำแบบนี้กับแนนไม่ได้นะ”

ปิ่นมณีมองสองหนุ่มสาวยื้อยุดแล้วสบตาสิรภพก่อนจะหันหลังหน้าเชิดจะเดินจากด้วยความรำคาญ แต่เขาเรียกไว้อีก

“เดี๋ยว! ปิ่นฟังก่อน” สิรภพตะโกนเสียงดังยื่นคำขาด “ถ้าคุณก้าวออกไปแม้แต่ก้าวเดียวผมจะฟ้องพ่อคุณ”

“ถ้าไม่สำนึกว่าตัวเองทำผิดตรงไหนก็เชิญขี่ม้าสามศอกไปฟ้องเลย” ปิ่นมณีตะคอกใส่

“อย่าท้านะ ปิ่นก็รู้ว่าระหว่างคุณกับผม พ่อคุณจะเชื่อใครมากกว่า”

“ฉันไม่สน! อย่าคิดว่าฉันอาลัยใยดีคุณมากมายนะภพ” หล่อนแหวใส่แล้วหันกลับไปทางเดิม “เห็นรึยังว่าผู้ชายคนนี้เป็นยังไง ถ้าเธอไม่มีปัญญาหาผู้ชายคนอื่นก็รับผู้ชายห่วยๆ ไปก็แล้วกัน ฉันยกให้”

“ต๊าย! ผอ. ฟังนะคะ” สาวเข้มฟ้องปากยื่นปากยาว “ปากดีแบบนี้ต้องโดนฉัน”

“โดนเหรอ! โดนใช่ไหม อุตส่าห์ยกให้แล้วนะ” ปิ่นมณีทวนคำ “ได้โดนนักมวยสมัครเล่นแบบฉันแน่… นี่แน่ะ ขอสักทีเถอะ”
ปิ่นมณีเงื้อหมัดเสยปลายคางแมวขโมยเข้าเต็มแรง จนหล่อนหงายหลังลงไปนอนกับพื้น สิรภพเงอะงะทำอะไรไม่ถูก ได้แต่ยืนหันรีหันขวาง

“ปิ่น! ผมบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ชอบให้คุณทำแบบนี้”

“ชอบไม่ชอบมันก็เรื่องของภพ ต่อไปเราไม่เกี่ยวกัน” หล่อนแหวใส่ ตาวาวด้วยความโกรธขึ้ง

“ผอ. ขา ช่วยแนนด้วย! แนนลุกไม่ขึ้น”

แมวขโมยสาวยึดขากางเกงชายหนุ่มไว้ไม่ให้เดินไปหาอีกฝ่าย สิรภพถอนหายใจสีหน้าเหนื่อยหน่าย

“ทำไมรุนแรงขนาดนี้ด้วยล่ะปิ่น ที่นี่ไม่ใช่บ้านป่าเมืองเถื่อน ไม่ต้องมางัดแม่ไม้มวยไทยอะไรแถวนี้หรอกนะ”

สิรภพเสียงอ่อย มองหล่อนที มองหญิงสาวที่นอนกองกับพื้นสลับกัน แล้วตัดสินใจนั่งลงข้างสาวผิวแทนแล้วพยุงหล่อนขึ้นพิงไหล่

“ป่าเถื่อนที่สุด” ลุกนั่งได้นางแมวขโมยก็พ่นไฟใส่ทันที “นิสัยแบบนี้ถึงได้โดนทิ้งสินะ”

“แนน! ไม่ใช่เรื่องของคุณ” สิรภพปรามทันที

“ภพฟังไว้นะ ว่านังคนนี้มันสมควรโดนรึเปล่า” ปิ่นมณีแหวใส่หน้า

“ผมไม่ชอบที่ปิ่นใช้ความรุนแรงแบบนี้เลย”

แทนที่จะช่วยหล่อน แต่สิรภพกลับตำหนิแล้วแสดงความเบื่อหน่ายอีกครั้ง

“ถ้ารับไม่ได้ก็ไม่ต้องรับ!” ปิ่นมณียั้งคำพูด กำหมัดแน่น “งั้นลากันเลย ลาที ลาขาด”

“ไม่นะ ปิ่น ผมไม่!” สิรภพยื้อยุด “ฟังก่อน ถ้าทำแบบนี้พ่อผมเอาตายนะปิ่น”

“ก็ช่างสิ” ปิ่นมณีขึ้นเสียง สะบัดแขนเต็มแรงจนสิรภพเซชนผนัง “ปิ่นจะไม่ทนแล้ว”

ปิ่นมณีรู้แต่เพียงว่าหน้ามืดตาลายจนแทบทรงตัวไม่อยู่ แล้วหล่อนก็ประเคนหมัด ศอก เข่าเข้าใส่คู่หมั้นไม่ยั้ง จนล้มพับไปต่อหน้าแล้วก็เดินจากมา

สมน้ำหน้านัก!

ผู้ชายร้ายกาจ โลเล ไม่สมกับเป็นครูบาอาจารย์สักนิด หล่อนไม่ทำให้พิการก็ดีแค่ไหน

ไม่มีทางที่คนอย่างปิ่นมณีจะเสียใจคนเดียว เพราะนอกจากยายแมวขโมยจะปากแตก สิรภพก็ไม่ได้ต่างกันเท่าไหร่ อย่างน้อยก็คงได้หยอดน้ำข้าวต้มให้ยายนั่นดูแลอยู่หลายวัน พอสมกับความเจ็บปวดที่หล่อนได้รับ



ปิ่นมณีกำราวสะพานแน่น คิดถึงเรื่องที่เจอเมื่อครู่ใหญ่แล้วแค้นจับใจจนน้ำตาไหล เรื่องที่วาดฝันไว้พังทลายเพราะผู้ชายไม่รักดี หล่อนไม่ควรเสียใจเพราะไม่ได้รักใคร่มากมาย แต่มันทำใจได้ยากที่รู้ว่าต้องกลายเป็นของมีราคา ที่ถูกเลือกเอาไว้ประดับประดาเวลาอยากพาออกงานอวดใครต่อใคร

หล่อนเป็นคน มีหัวจิตหัวใจไม่ใช่พระอิฐพระปูนเสียเมื่อไหร่

ปิ่นมณีเงยหน้ามองเหม่อไปเบื้องหน้า แล้วก็ต้องเบิกตากว้างเมื่อเรือลำล่าสุดบรรจุนักท่องเที่ยวเต็มลำแล่นผ่านหน้าไปอย่างเชื่องช้า

“อย่าเพิ่งไป! รอฉันด้วย รอก่อน!”

ตะโกนเรียกไปวิ่งตามไปจนสุดปลายสะพาน เรือก็คงไม่หันหัวกลับ เสียงเครื่องยนต์เรือลำใหญ่ดังจนแม้แต่คนในเรือก็ไม่มีใครสนใจ หล่อนได้แต่เหลียวซ้ายแลขวา บนสะพาน ไม่เหลือนักท่องเที่ยวที่มารอคิวขึ้นเรืออีก

พลาดอย่างจังที่มัววุ่นวายกับความคิดของตัวเองจนไม่ทันเฉลียวใจ ได้แต่มองเรือโดยสารแล่นไกลออกไปด้วยความผิดหวัง เสียงเครื่องยนต์เบาลงพอๆ กับคลื่นทะเลแตกฟองที่ม้วนคืนเหลือเพียงแรงกระเพื่อมสะท้อนแดดเย็นเป็นประกายสีส้มระยิบระยับจนแสบตา

ใกล้มืดแล้ว ทั้งที่อุตส่าห์ซื้อตั๋วเรือลำสุดท้ายเป็นคนแรก แต่มัวแต่สาละวนกับความคิดจนพลาดไปได้!

หล่อนได้แต่ยืนคอตกอยู่ปลายสะพาน มองเรือแล่นไกลห่างออกไปจนลับ น้ำตาก็รื้นเต็มสองตาเพราะไม่ได้ดั่งใจ คืนนี้จะซุกหัวนอนที่ไหน กระเป๋าเสื้อผ้าก็ใช้เป็นอาวุธฟาดสิรภพจนฟุบคาที่บ้านพัก แล้วก็ไม่ได้หยิบติดมือมาเพราะโมโห

ดีที่ยังมีกระเป๋าสตางค์ติดมา ไม่งั้นคงแย่!

มือเรียวบางลูบคลำแหวนเพชรสองกะรัตบนนิ้วนางข้างซ้ายอย่างใช้ความคิด เสียดายเวลา เสียความรู้สึกจนแม้แต่แหวนแทนใจของสิรภพ หล่อนก็ไม่อยากให้มันอยู่กับตัว

มันเทียบค่าไม่ได้กับกระเป๋าเดินทางใบถูกๆ ที่ลืมทิ้งไว้ด้วยซ้ำ

หล่อนควรจะปาใส่หน้าสิรภพให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ไม่ได้ทำเพราะเห็นสายตายายแมวขโมยที่ดูกระเหี้ยนกระหือรืออยากได้แหวนวงนี้เหลือประมาณ

หรือว่าจะโยนทิ้งทะเลไปซะให้สิ้นเรื่อง! แต่แค่คิดเพราะมีบางอย่างดึงความสนใจไปเสียก่อน

เสียงหวูดดังลั่นของเรือที่มีผู้โดยสารเต็มลำกำลังแล่นเข้าเทียบท่า ปิ่นมณีสะดุ้งรีบปาดน้ำตาทิ้ง เหลียวมองตามเสียงตะโกนโหวกเหวกของเด็กชายสองคนที่วิ่งหน้าตั้งกันมาบนสะพาน

เด็กๆ คงสนุกกับการวิ่งเล่นโดยมีสะพานเป็นเหมือนลู่วิ่ง แต่มันไม่ใช่อย่างที่คิด เมื่อพวกเขาวิ่งมาใกล้ถึงราวสะพานจุดที่ไม่มีแผงกั้นก็พุ่งตัวลอยละลิ่วลงน้ำไปไกล น้ำทะเลกระเซ็นใส่เนื้อตัวหน้าตาหล่อนจนต้องขยี้ตาเพราะแสบแทบลืมไม่ขึ้น รสเค็มปะแล่มของน้ำทะเลไม่ต่างอะไรกับเกลือปรุงอาหารสักนิด เด็กชายตะโกนแข่งกันบอกผู้โดยสารในเรือทำให้ต้องตั้งใจฟัง

“พี่ๆ ลองโยนเหรียญลงน้ำสิครับ พวกเราจะดำลงไปเก็บให้”

“จริงๆ นะครับ โยนมาเลยบาทสองบาทก็ได้” เด็กอีกคนตะโกนบอก “รับรองว่าได้เงินคืนแน่นอน”

เสียงร้องเรียกของเด็กชายสองคนเนื้อตัวเปียกปอน ใส่แค่กางเกงขาสั้นตัวเล็กสีสดตัดกับผิวสีเกรียมแดด พวกเขาแข่งกันตะโกนอยู่ในน้ำ ร้องบอกเรือนำเที่ยวจากศรีราชาที่กำลังแล่นเข้ามาเทียบฝั่งไม่ไกลจากที่ยืนอยู่

ได้ฟังแล้วไม่อยากเชื่อว่าเด็กๆ จะทำได้ มันไม่น่าสนุกสักนิดกับโชว์แบบนี้ แต่พอนักท่องเที่ยวคนหนึ่งโยนเหรียญนำลงไปเป็นคนแรก เด็กทั้งสองก็ดำน้ำตามลงไป ชั่วอึดใจก็ขึ้นมาพร้อมชูเหรียญในมือแล้วว่ายเข้าไปใกล้เรือยื่นเหรียญคืนเพื่อแลกกับเงินตอบแทน จากที่ไม่คิดว่าจะน่าสนุกกลายเป็นดึงดูดความสนใจ ผู้โดยสารหลายคนทยอยโยนเหรียญเพื่อแลกโชว์และถ่ายภาพ

เด็กสมัยนี้ต้องดิ้นรนปานนี้เชียวหรือ ปิ่นมณีจ้องเขม็งมองไม่เข้าใจ

“พี่ๆ สนใจไหมครับ”

เด็กคนหนึ่งตะโกนถาม ปิ่นมณีส่ายหน้าแต่ตะโกนบอกไปด้วยความเป็นห่วง วิญญาณครูเข้าสิง

“ขึ้นจากน้ำได้แล้วมั้ง คนขึ้นหมดแล้วนะหนู”

“พี่ไม่ลองดูหรือครับ”

เด็กอีกคนแหวกว่ายน้ำ หันไปพยักเพยิดกับเพื่อน ปิ่นมณีได้แต่ส่ายหน้า หล่อนเป็นครูอนุบาลโรงเรียนเอกชนในตัวเมือง แม้จะเคยเห็นเด็กๆ เหลื่อมล้ำขัดสนอยู่บ้าง แต่ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นภาพเด็กๆ งมเหรียญแลกกับเศษเงินน้อยนิดที่นักท่องเที่ยวหยิบยื่นให้โดยไม่กังวลถึงอันตราย

เด็กทั้งสองคงเหนื่อยน่าดู แต่รอยยิ้มของพวกเขาดูมีความสุข โบกไม้โบกมือขอบคุณนักท่องเที่ยวที่ทยอยขึ้นจากเรือยกใหญ่ เด็กคนหนึ่งลอยตัวแบมือเหนือน้ำนับเหรียญแล้วตะโกนบอกเพื่อนอีกคนที่กำลังว่ายกลับมาทางบันไดท่าเรือฝั่งที่หล่อนยืนอยู่

“รอบนี้ข้าได้หลายบาทเลยโว้ย เอ็งได้กี่บาทวะ”

“ของข้าค่อยนับทีเดียว รอลำโน้นก่อน” เด็กชายโหนตัวขึ้นไปนั่งบนบันได “วันนี้น่าจะเก็บตังค์ได้หลายอยู่ คงได้ค่าขนมไปโรงเรียนหลายวัน”

“ของข้าจะเอาไปจ่ายค่าเสื้อกีฬาสีน่าจะพอดีไม่เหลือเลยว่ะ”

ปิ่นมณีชะโงกมองเด็กชายสองคนคุยกัน ไม่ได้ตั้งใจแอบฟังแต่หูมันได้ยินเอง เด็กชายคนถามปีนขึ้นไปนั่งเคียงที่ราวบันไดปูนจดจ่อรอเรือลำที่เห็นอยู่ลิบๆ แล่นเข้ามาเทียบท่า

หรือจะโยนแหวนบ้านี่ให้ดี

ปิ่นมณีจ้องนิ้วนางข้างซ้ายแล้วถอดออกมากำไว้ในมือ บางทีของไร้ค่าที่ตั้งใจทิ้งอาจทำให้เด็กทั้งสองสบาย เผื่อเด็กๆ จะโชคดีดำลงไปเก็บได้จะได้เอาไปบรรเทาความเดือดร้อนในการดำรงชีวิตไปได้ ไม่ต้องมานั่งกอดอกปากสั่นดำน้ำเก็บเหรียญได้อีกนานปี

แต่ไม่ทันได้ทำตามที่ใจคิด ก็มีมือหนึ่งยื่นมาเกาะราวสะพานข้างๆ ดึงความสนใจ ปิ่นมณีเหลือบมองนิ้วเรียวยาวดั่งลำเทียนขยับเคาะราวเหล็กเป็นจังหวะสลับกับเสียงทุ้มที่เปล่งออกมาให้ได้ยิน

“กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว มีพ่อไก่กลัดมันตัวหนึ่ง มันคุ้ยเขี่ยพื้นดินจิกหาอาหารอยู่กับฝูงแม่ไก่ในบริเวณใกล้ๆ ทุ่งนา วันหนึ่งพ่อไก่คุ้ยเขี่ยเจอพลอย มันรู้ทันทีว่า สิ่งที่ส่องแสงระยิบระยับบนพื้นข้างหน้านั้นคืออะไร”

เขากำลังเล่านิทาน?

ปิ่นมณีชำเลืองมองเจ้าของเสียง ไม่ได้คิดเลยว่าเขาพูดด้วย เพราะใครจะบ้ามาเล่านิทานให้คนแปลกหน้าฟัง หล่อนขยับตัวออกห่าง ชะเง้อมองด้านหลังผู้ชายประหลาดไปแต่ไม่เห็นว่าเขามากับใคร



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ปรับเรื่องแล้วลงใหม่ค่ะ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านค่า ^^



lovereason2
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ก.พ. 2560, 14:49:03 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 มิ.ย. 2560, 13:45:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 1069





   บทที่ 1 : 100% >>
ปริยาธร 10 ก.พ. 2560, 23:30:01 น.
มาอ่านค่า นายสิรภพนี่แย่จริง รอดูว่าจะมาตามง้อปิ่นยังไง


lovereason2 11 ก.พ. 2560, 10:07:17 น.
พี่นุ้ย ปริยาธร - สิรภพนิสัยเสียมากจริงๆ งานนี้เจอนักมวยสมัครเล่นไปพองาม อิอิ ขอบคุณมากค่า


เนตรนที 15 ก.พ. 2560, 15:33:55 น.
แวะมาแปะกำลังใจจ้า


lovereason2 17 ก.พ. 2560, 00:42:00 น.
ขอบคุณมากค่ะพี่น้ำ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account