สูตรลับจับรัก
เรื่องรักของคุณพ่อลูกติดมาดเซอรกับครูสาวสุดเปิ่น ผู้ถูกความรักผลักไสให้หลงทางมาเจอกันในวันบอบช้ำ สองหนุ่มสาวต่างวัยกับกาวใจลูกสาวตัวเล็กและชีวิตที่พลิกผัน
Tags: สูตรลับจับรัก ทักษ์ปิ่น คุณพ่อนักเล่านิทาน รักดราม่า

ตอน: บทที่ 1 : 100%

“ขอโทษนะคะ คุณพูดกับฉันหรือคะ”

หล่อนอดใจไม่ไหว รีบถามแทรกก่อนที่เขาจะเล่าต่อ ไม่มีเหตุผลที่จะฟังใครก็ไม่รู้พล่าม เขาไม่ได้หันมามองด้วยซ้ำ ทั้งที่หล่อนจ้องดวงหน้าด้านข้างของเขาจนตาแทบถลน แต่ผู้ชายผมยาวประบ่าท่าทางเซอร์ๆ กลับขมีขมันถ่ายรูปเด็กทั้งสองด้วยกล้องแบบมืออาชีพ และทำเหมือนไมได้ยินเสียงทักท้วงเลย เขายังเล่าต่อหน้าตาเฉย

“มันเอียงคอจ้อง ก่อนจะส่ายหัวและพูดขึ้นว่า ถ้าพ่อค้าพลอยมาเห็นเข้า ก็คงจะรู้สึกดีใจเป็นแน่ แต่สำหรับข้าแล้ว ถึงแม้เจ้าจะดูสวยงามสักเพียงใดก็ตาม เจ้ากลับไม่มีคุณค่าเลยสักนิดเดียว ข้าอยากได้ข้าวเม็ดงาม อร่อยๆ มากกว่าเพชรพลอยเม็ดใดในโลกนี้มากนัก!”

ปิ่นมณีหรี่ตาครุ่นคิดตามเรื่องเล่า เผลอกำแหวนวงโตแน่นจนรู้สึกเจ็บ มองไปยังเด็กชายทั้งสองที่นั่งรอเรือลำใหม่ใกล้เข้ามา หน้าตายิ้มแย้มของเด็กทำให้ปิ่นมณีรู้สึกจุกบอกความรู้สึกไม่ถูก

เพียงแค่เงินไม่กี่บาทก็ทำให้ใครบางคนมีความสุขได้ หล่อนตัดสินใจเดินหนี แต่ผู้ชายประหลาดก้าวมายืนขวางทางไว้

“คุณต้องการอะไรจากฉันกันแน่” ปิ่นมณีชะงัก “มาขวางทางทำไม”

“คุณรู้ไหมว่านิทานเรื่องนี้สอนว่าอะไร”

เขาถามเสียงไร้อารมณ์มาก ดวงตาบ่งบอกว่าสมเพชเวทนาเสียเต็มประดา หล่อนนึกโมโห อารมณ์คุกรุ่นขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้ จ้องตอบแต่ยังเก็บอาการไม่ให้ก้าวร้าวกับคนไม่รู้จัก นอกจากคำพูดที่บังคับให้รักษาน้ำเสียงไม่ให้ห้วนไม่ได้

“ฉันไม่ได้อยากรู้”

“เรื่องนี้สอนว่า...” เขาหยุดคำพูดครู่หนึ่ง เหมือนรู้ว่าที่ยืนนิ่งเพราะรอฟัง

“คนฉลาดย่อมรู้ว่าสิ่งใดมีประโยชน์ต่อตัวเอง แล้วนำสิ่งนั้นมาใช้ประโยชน์ได้ แต่คนโง่นอกจากจะทิ้งไปแล้ว กลับยังใช้ประโยชน์จากสิ่งนั้นไม่ได้เลย”

ปิ่นมณีหน้าชาเหมือนถูกหลอกด่าแบบเนียนๆ มือกำแหวนเพชรเม็ดโตจนเจ็บ

“มาเล่าให้ฟังทำไม” เสียงหล่อนห้วนนัก

“เปล่า ก็แค่จะบอกว่า ของบางอย่างก็ไม่ได้มีค่ากับบางคนเสมอไป”

“ก็ช่างฉัน จะมีค่าหรือไม่มีค่ากับใครก็ช่าง” ปิ่นมณีชักสีหน้า สบดวงตาสีเทาหม่นนิ่ง “คุณซะอีก ยุ่ง”

“คุณนี่มันเข้ากับสุภาษิตไทยโบราณมาก” เขายื่นหน้านิ่งมาใกล้จนหล่อนผงะ “แม่ไก่ได้พลอย”

“นี่คุณ! เรารู้จักกันรึไง” ปิ่นมณีโวยวาย กำหมัดแน่น “ทำไมต้องมาหลอกด่ากันด้วยเนี่ย”

“แม่ไก่ฉลาดต้องรู้จักว่าจะเอาพลอยไร้ค่าไปแลกอาหารมาได้ยังไง ไม่อยากเห็นมันก็เอาไปขายแลกเงินไว้ใช้ยังดีกว่าปาทิ้งอีก”

“มันเรื่องของฉัน จะโง่หรือฉลาดก็ไม่เกี่ยวกับคุณ แล้วอีกอย่างนี่มันก็ของฉัน จะทำยังไงกับมันก็ได้”

ปิ่นมณีอดไม่ไหวตะคอกใส่ไม่พอชูแหวนเพชรเม็ดโตไปตรงหน้า ยิ่งเห็นเขาทำหน้ายิ้มเยาะใส่ด้วยแล้วยิ่งโมโหที่ใครก็ไม่รู้มาสั่งสอน

“เอางั้นนะ งั้นผมสงเคราะห์ให้”

เขาพูดจบก็คว้าแหวนไปจากมือแล้วขว้างออกไปสุดแรง หล่อนมองตามแล้วใจหายวาบ ประกายของแสงวิบวับสะท้อนกับแสงอาทิตย์ที่ใกล้ลาลับ แล้วตกลงไปในน้ำหายวับไปกับตา

หล่อนไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าถลาเข้าไปทั้งทุบทั้งถองผู้ชายตรงหน้าตอนไหน รู้แต่ว่าน้ำตากำลังท่วมตาจนมองแทบไม่เห็น โมโหตัวเองที่อ่อนแอ ทั้งใจหายที่ของสำคัญหายวับไปกับตา

ที่จริงหล่อนก็เก่งแต่ปาก!

“คนบ้า! เอาของฉันคืนมานะ มันตกทะเลไปแล้วจะเอาคืนได้ยังไง ไอ้บ้า!”

“ก็คุณไม่ต้องการมันแล้วนี่ จะเอาคืนทำไม”

“ก็ฉันเสียดายนี่ มันแพงมากนะ” หล่อนแหวใส่ กำปั้นลุ่นๆ ทุบเข้าแผงอกชายหนุ่มซ้ำๆ หลายครั้ง เขาเบี่ยงตัวหลบกำปั้น ปกป้องกล้องถ่ายรูปที่คล้องคอตัวเองไว้ หล่อนยั้งมือได้เมื่อนึกว่าทำไปก็เปล่าประโยชน์ ถ้าเกิดของเขาพังมีหวังได้ชดใช้อีกหลายเงิน

รู้สึกไร้เรี่ยวแรงแข้งขาอ่อนจนทรุดนั่งกับพื้น ตอนนั้นไม่ได้สนใจแล้วว่าใครจะอะไรยังไง แล้วหล่อนก็รู้สึกถึงสัมผัสเบาๆ ที่ข้างแก้ม ถึงกับสะดุ้งหันมอง

“ครูปิ่นร้องไห้ทำไมคะ”

ปิ่นมณีเงยหน้าตามมือขาวนิ้วอวบกลมที่เช็ดน้ำตาให้

“นะ... น้ำหอม”

“น้ำหอมเอง ครูปิ่นจำได้ด้วย”

เด็กหญิงตัวน้อยยิ้มกว้างเมื่อได้ยินชื่อตัวเอง ยืนกางแขนสองข้างท่าทางปกป้อง หันไปอีกทาง ทำหน้าง้ำแล้วถาม

“คุณพ่อแกล้งอะไรครูปิ่นคะ บอกน้ำหอมมาเดี๋ยวนี้นะคะ”

ปิ่นมณีมองผู้ชายที่เพิ่งทำร้ายจิตใจเมื่อครู่ แล้วมองเด็กหญิงผมยาวผูกเปียสูงเป็นสองแฉกสลับไปมา เด็กน้อยทำท่าทีกระเง้ากระงอด ในขณะที่ผู้ชายใจร้ายทำเสียงอ่อนเสียงหวาน ดูหงอจนน่าหมั่นไส้

“พ่อไม่ได้ทำอะไรนะคะ” เขาตอบแล้วมองมา “พ่อก็แค่เล่านิทานให้ผู้หญิงขี้แยฟังค่ะ”

“คุณพ่อเคยบอกจะไม่เล่านิทานให้ใครฟังนอกจากน้ำหอม”

“พ่อผิดไปแล้ว” เขายกสองมือทำท่ายอมแพ้ “จะให้ทำยังไงดีคะ”

เด็กน้อยทำหน้าง้ำใส่พ่อ แล้วโผมากอดหญิงสาว

“ดีนะที่ครูปิ่นเป็นวันเดอร์วูแมนของน้ำหอม” เด็กน้อยหอมแก้มหล่อนฟอดใหญ่โชว์พ่อ “น้ำหอมยกให้หนึ่งคน กลับไปคุณพ่อต้องเล่านิทานให้น้ำหอมฟังด้วยนะคะ”

“ได้ค่ะ แต่ตอนนี้พ่อว่าน้ำหอมต้องปลอบครูขี้แยก่อนดีกว่า”

ปิ่นมณีค้อนขวับเมื่อฟังจบ ติดที่น้ำหอม โผเข้าจับแก้มหล่อนทั้งสองข้าง มือกลมๆ นิ้วมือนุ่มนิ่มประคองใบหน้าหล่อนช่างอ่อนโยนนัก

“ครูปิ่นขา... ทำใจดีๆ อย่างอแงเลยนะคะ”

“เอ่อ... ครูไม่ได้งอแงนะคะ แค่น้ำทะเลเข้าตาก็เลยแสบตานิดหน่อยค่ะ”

“ครูยังน้ำตาไหลอยู่เลย” เด็กน้อยก้มหน้ามาใกล้ สัมผัสเปลือกตาอย่างรวดเร็วแล้วพ่นลมหายใจอุ่น “พ๊วง! หายแล้วนะคะครู”
“นี่มันอะไรกันคะน้ำหอม”

เด็กหญิงพองแก้มอมภูมิ ก่อนจะเหลือบมองคุณพ่อตัวดี แล้วชี้ที่เปลือกตาตัวเอง

“สูตรลับของคุณพ่อค่ะ เวลาน้ำหอมร้องไห้ คุณพ่อก็จะจูบที่นี่ แล้วก็เป่าพ๊วง น้ำหอมก็จะหยุดร้องไห้ทันทีค่ะ”

ปิ่นมณีได้แต่ยิ้มแหย พยายามลุกตามแรงดึงน้อยนิดของน้ำหอม กว่าจะลุกขึ้นยืนได้ก็แทบเซถลาเพราะนั่งนานจนเหน็บกิน พ่อของน้ำหอมยื่นมือมาให้แต่ไม่ช่วยดึง คงคิดว่าหล่อนจะเกาะแขน

ฝันไปเถอะ!

ผู้หญิงแข็งแกร่งอย่างปิ่นมณีไม่มีวันพึ่งผู้ชายแปลกหน้า หล่อนปัดมือของเขาออกจากตัวแล้วหันไปหาเด็กน้อย

“น้ำหอมมาเที่ยวหรือคะ แล้วคุณแม่ล่ะจ๊ะ”

“น้ำหอมมาหาแม่ค่ะ” เด็กน้อยตอบเสียงแจ๋วจับมือพ่อมายืนเคียงข้าง “แม่ของน้ำหอมอยู่ในทะเลโน่นค่ะ”

“อยู่ในทะเล หมายความว่าแม่น้ำหอมไปเที่ยวที่เกาะฝั่งโน้นหรือคะ”

ปิ่นมณีสงสัย ได้แต่มองตามสายตาสองพ่อลูกไป พ่อของน้ำหอมดูเศร้าสร้อยผิดกับตอนแกล้งหล่อนเมื่อครู่ลิบลับ

“พ่อเล่าให้ฟังว่า แม่ทำแหวนแต่งงานหล่นลงไปในทะเล ก็เลยกระโดดลงไปหาแบบพี่สองคนด้านโน้น แต่น่าเสียดายที่แม่ดำน้ำไม่เก่งเหมือนพวกพี่ๆ เพราะแม่ไม่เคยกลับขึ้นมาอีกเลยค่ะ”

หล่อนฟังจบรู้สึกขนลุก หันไปมองพ่อของน้ำหอมโดยไม่รู้ตัว เห็นความเศร้าแฝงอยู่ในแววตาเทาหม่นคู่นั้น ปิ่นมณีพูดไม่ออก ทำตัวไม่ถูก รู้แต่ว่ารู้สึกสงสารสองพ่อลูกจับใจ

จากที่ตั้งแง่เมื่อครู่ ใจหล่อนก็อ่อนปวกเปียก นึกรู้ว่าทำไมผู้ชายคนนี้ถึงดวงตาเศร้านัก เขาคงมีความทรงจำเลวร้ายกับทะเล
แต่หล่อนก็ต้องสะดุ้งเมื่อหนึ่งในเด็กชายที่โชว์บริการพิเศษมายืนตัวเปียกปอนต่อหน้าแล้วเรียกหล่อน

“พี่ครับ” เด็กหนุ่มสะกิดยื่นของเฉียบเย็นนบางอย่างวางบนฝ่ามือ “นี่ของพี่ใช่ไหมครับ”

ปิ่นมณีมองแหวนชื้นน้ำเย็นเฉียบในมือแล้วน้ำตารื้น พูดอะไรไม่ออกได้แต่พยักหน้า

“ของแพงแบบนี้ ทิ้งไปก็เสียดายแย่เลยนะครับ”

เด็กชายผมเปียกลู่บอกพร้อมยิ้มกว้างฟันขาวมองคนนั้นทีนี้ที ปิ่นมณีกำแหวนแน่น อย่างน้อยก็เคยสวมติดนิ้วมานานร่วมสามปี ถึงไม่อยากได้แต่ก็เหมือนยังผูกพัน

หล่อนได้สติรีบหยิบกระเป๋าสตางค์จะมอบเงินเป็นสินน้ำใจ แต่เด็กชายชูธนบัตรสีเขียวใบหนึ่งให้ดูแล้วพยักเพยิดไปทางพ่อของน้ำหอม

“พี่ผู้ชายใจดีให้เงินผมแค่นี้ก็พอแล้วครับ”

“แต่! แต่ว่ามันน้อยไปถ้าเทียบกับราคาแหวนนะ”

“แค่นี้ก็มากพอแล้วครับ”

“เดี๋ยว! เดี๋ยวสิหนู” หล่อนพยายามท้วง แต่เด็กชายกระโดดน้ำลงไปตูมใหญ่

“ราคาแพงหรือจะสู้น้ำใจ” พ่อน้ำหอมเปรยแล้วส่ายหน้าเหมือนปลง มองมาด้วยสายตาเอือม “คุณยังเด็ก คงต้องหัดเรียนรู้อะไรอีกเยอะ”

“อีกแล้วนะคุณ” หล่อนชายตามองขัดใจ “ยังกับคุณแก่กว่าฉันมากมาย มาว่าฉันเด็ก”

“อย่างน้อยก็ไม่ต่ำกว่าเจ็ดแปดปี” เขาตอบยิ้มมุมปาก

ปิ่นมณีชักสีหน้า คอแข็งคิดหาคำเถียงแต่ไม่มันเมื่อเสียงเด็กหญิงเจื้อยแจ้วแทรก

“ครูหยุดร้องไห้แล้วด้วยนะคะ” น้ำหอมจ้องหน้าหล่อนเขม็ง แล้วหันไปกอดขาพ่อ“สูตรลับของคุณพ่อได้ผลจริงๆ คราวหน้าครูปิ่นร้องไห้ คุณพ่อต้องสอนครูปิ่นด้วยนะคะ”

ปิ่นมณีฟังแล้วรู้สึกหน้าร้อนผ่าว พอหันกลับมาก็เห็นสายตาของพ่อน้ำหอมมองมา แล้วเขาก็ลงนั่งชันเข่า หันไปพูดกับลูกสาวตัวน้อย

“เป็นไงคะ สูตรลับของพ่อใช้ได้ไหม”

“สุดยอดเลยค่ะคุณพ่อ”

สองพ่อลูกกำมือขวาชนกันแล้วเอานิ้วหัวแม่โป้งแตะแล้วพากันหัวเราะหันมา ครูสาวหน้าเชิดเมินสายตาจากชายหนุ่ม แต่เด็กน้อยเอามืออีกข้างมาจับหล่อน

“ครูขา แล้วคืนนี้ครูพักที่ไหนคะ”

ปิ่นมณีตาโต ได้แต่ส่ายหน้า อึกอักเพราะนึกได้ว่าต้องหาที่พักแล้วค่อยจับเรือเที่ยวเช้ากลับ แต่หล่อนไม่ทันตั้งตัวว่าจะมาเจอเรื่องสิรภพเมื่อเช้าเลยไม่ทันคิดเรื่องนี้สักนิด

“ครูตกเรือเที่ยวสุดท้ายค่ะ คงต้องหาที่พักใกล้ๆ แถวนี้แล้วละ”

“คุณพ่อขา ให้ครูปิ่นไปพักกับเรานะคะ... นะค๊า”

น้ำหอมเขย่าแขนพ่อ ปิ่นมณีหน้าเสียจะปฏิเสธ แต่ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นก่อน

“งั้นไปพักที่เดียวกับเราไหม ผมว่าห้องน่าจะยังมีเหลือ เพราะพรุ่งนี้เป็นวันทำงานนักท่องเที่ยวคงกลับกันไปเยอะแล้ว”

“ใช่ๆ ค่ะ นะคะครูปิ่นขา”

“แพงไหมคุณ ฉันไม่มีอะไรติดตัวมาเลยนอกจากกระเป๋าสตางค์ใบเดียว”

พ่อน้ำหอมส่ายหน้า ยังไม่ทันจะตอบ ลูกสาวตัวน้อยก็กระโดดผลุงขึ้นนั่งตักแล้วตอบแทน

“ไม่แพงค่ะ ครู พ่อน้ำหอมไม่นิยมของแพง” น้ำหอมเอานิ้วชี้ป้อมๆ จิ้มปากแล้วเจื้อยแจ้ว “พ่อบอกว่าของแพงก็แค่นี้ ของฟรีมีที่ไหน สู้ของดีราคาถูกก็ไม่ได้ค่ะ”

ปิ่นมณีถึงกับหัวเราะเมื่อฟังจบ และเด็กน้อยได้ฝ่ามือพ่อยีหัวเป็นรางวัล

“นี่แน่ะ คนรู้มาก”

“ก็คุณพ่อบอกเองว่าเราต้องประหยัด ใช้ชีวิตแบบเศรษฐกิจพอเพียง”

“หรือจ๊ะ” ปิ่นมณีทวนถามแต่สายตามองเลยผ่านไปที่พ่อเลี้ยงเดี่ยวแล้วก็พอเข้าใจก่อนจะหันกลับมาถามเด็กน้อย “หนูรู้หรือจ๊ะ ว่าเศรษฐกิจพอเพียงเป็นยังไง”

“รู้สิคะครู ตามรอยพระราชดำริในหลวงรัชกาลที่เก้าของเราไงคะ”

ชายหนุ่มหลุบตาลงมองลูกสาว แล้วจี้เอว เด็กน้อยสะบัดตัวหัวเราะคิกคักแล้วหันมาหาหล่อนเกาะแขนเขย่า

“พ่อแกล้งน้ำหอมอีกแล้วค่ะ ครูปิ่นช่วยด้วย”

น้ำหอมกระเถิบหนีลงมานั่งคั่นกลางระหว่างหนุ่มสาวแล้วแนบแก้มกลมเข้ากับแขนเรียวเล็ก ปิ่นมณีเขม้นมอง

“คุณพ่อน้ำหอมคะ” ปิ่นมณีเสียงดุใส่

พ่อน้ำหอมชะงักมือ แล้วเสยผมยาวระต้นคอปลิวไสวตามแรงลมของตัวเองแก้เก้อ

“ผมทักษ์... ทักษ์ พิทักษ์ภักดิ์” เขาตอบเสียงอ่อนโยน “ส่วนคุณก็ครูปิ่นแรงเยอะของน้ำหอมใช่ไหมครับ”

“ปิ่น... แรง... เยอะ” ปิ่นมณีทวนแต่ละคำช้าๆ “คืออะไรคะน้ำหอม”

“น้ำหอมได้ยินครูกับพี่ๆ ที่โรงเรียนเรียกกัน” เด็กน้อยยิ้มกว้าง มือป้อมๆ กำหมัดชกลมท่าตลก “ว่าครูปิ่นเคยช่วยชีวิตเด็กถูกคนโรคจิตเอามีดจ่อคอด้วยจระเข้ฟาดหางซัดซะอยู่หมัดเล้ย”

ปิ่นมณีถอนหายใจแล้วทำหน้าเหยเก นึกถึงเรื่องเมื่อเดือนก่อนแล้วยกมือกุมขมับ อายคนแปลกหน้ามองหล่อนสีหน้าล้อเลียนแล้วแทบแทรกแผ่นดินหนี

“อย่างนี้นี่เอง ท่าทางจะแรงเยอะเหลือเฟือ” ทักษ์พูดเสียงเรียบ แต่ยิ้มมุมปากราวจะกลั้นหัวเราะ “ยินดีที่รู้จักอย่างเป็นทางการครับครู…”

“ปิ่นมณีค่ะ” หล่อนค้อน พูดกระแทกเสียงชัดถ้อยคำ “ไม่ใช่ปิ่นแรงเยอะ”

รีบลุกยืนปัดกางเกงยีนส์ขาสามส่วนแก้เก้อ ก่อนจะสะพายกระเป๋าไพล่ข้างท่าทางทะมัดทะแมงดีที่ฟ้าเริ่มมืดแสงสลัวทำให้
สองพ่อลูกไม่ทันเห็นว่าหล่อนหน้าแดงด้วยความอับอายเต็มทน



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



lovereason2
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 13 ก.พ. 2560, 00:21:31 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 28 มิ.ย. 2560, 13:50:46 น.

จำนวนการเข้าชม : 1102





<< บทที่ 1 : 50%   บทที่ 2 : 50% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account