โซ่รักไฟปรารถนา
“เป็นเพียงแค่เงา... ก็ไม่ได้แปลว่าผมจะไร้ตัวตน แต่มันถึงเวลาแล้วที่คุณต้องรู้ซึ้งกับความทรมานที่เสียดแทงหัวใจผมอยู่ทุกวินาที”

บ่อยครั้งที่ ‘เชเชนนอฟ คุสโตดิเยฟ’ ส่ายหน้าและทอดถอนใจให้กับความ(ร้าย)เดียงสาของเด็กแก่แดดวัยเจ็ดขวบ
ซึ่งมักจ้องมองตนด้วยสายตาชื่นชม คำพูดฉอเลาะที่ได้ยินทำให้เขานึกอยากจับมาพาดตักแล้วหวดก้นสั่งสอนแทนผู้เป็นพ่อแม่นัก
‘เขาคือพ่อของลูก’ เป็นความความลับที่ ‘นราวิกา’ เคยคิดว่าจะฝังกลบมันลงในก้นบึ้งของหัวใจ กลับต้องเปิดเผยออกมาอย่างไม่มีทางเลือก ด้วยคำขู่บังคับอันหนักหน่วงที่บีบคั้นหัวใจยิ่งนัก
เมื่อเธอปล้นความเป็นพ่อจากเขาไปถึงเจ็ดปี เขาก็จะช่วงชิงตัวลูกสาวให้หนีหายไปอีกเจ็ดปีเช่นกัน
เธอทำให้เขาต้องมีชีวิตอยู่ในมุมมืด ซ่อนเร้นความต้องการที่อัดแน่นอยู่ในกายให้รอดพ้นจากสายตาคนทั้งโลกไม่ต่างจากพวกมีปัญหาทางจิต
น้ำตาและความชอกช้ำใจของเธอจึงเป็น ‘หนทางบำบัดความทรมาน’ ที่คาดว่าจะทำให้บาดแผลในหัวใจของเขานั้นตื้นเขินขึ้น

ทว่าสถานภาพใหม่กลับผลักดันให้เขาอยากก้าวเข้าไปเป็นส่วนของของครอบครัวเล็กๆ เสียงหัวเราะและรอยยิ้มจากแม่ของลูกยังทำให้เขาต้องยิ้มตามอย่างมีความสุข
ทุกอย่างจึงดูสับสนและสวนทางกับความผิดพลาดในอดีตที่เต็มไปด้วยคำโป้ปดมดเท็จ
หนทางที่จะใช้น้ำตาและความเจ็บปวดเอาชนะเธอจึงดูริบหรี่จนแทบไม่เห็นแสงสว่าง

ทว่า ‘ไฟปรารถนาที่ยังคุโชน’ ในสายตาของเธอนั้น กลับทำให้เชเชนนอฟมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง
ลูกสาวที่อยากมีน้องไว้เป็นเพื่อนเล่น ส่วนพ่อของลูกก็จะให้เธอ ‘อุ้มท้องไปจนกว่าเขาจะพอใจ’ คือเหตุผลที่นราวิกากลืนไม่เข้าคายไม่ออก ซ้ำร้ายเขาคิดจะใช้เหตุผลนี้ทรมานเธอให้สาสม!

Tags: เชเชน พ่อค้าอาวุธสงคราม พีด้า เด็กอายุ7ขวบ น่ารัก ฟินว่อร์

ตอน: ตอนที่ 5 100%

ความยิ่งใหญ่อลังการของสิ่งปลูกสร้างซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้าไม่ได้ทำให้เชเชนนอฟประหลาดใจนัก มีเพียงรถยนต์สุดหรูเท่านั้นที่แล่นเข้ามาจอดด้านหน้าได้ แต่ก็มีชัตเทิลบัสจอดรอรับ-ส่งลูกค้าที่ใช้ระบบขนส่งมวลชนเดินทางมายังกาสิโน เรียกว่าไม่ให้มีใครน้อยหน้ากัน ทุกคนเป็นนักแสวงโชคเท่าเทียมกันเมื่อยืนอยู่บนอาณาบริเวณที่ถือเอาโชคของแต่ละบุคคลมาเป็นอันดับแรกก็สมแล้วที่เป็นกาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในแอลเมเรีย
รถยนต์ของเชเชนนอฟเข้ามาจอดด้านหน้าได้โดยง่ายเพียงแค่มิเตียใช้ไอดีการ์ดปลอมที่เตรียมพร้อมอยู่ในลิ้นชักคอนโซลหน้ารถยื่นให้การ์ดที่อยู่ตรงประตูทางเข้า
“แยกกันตรงนี้นะมิเตีย ถ้าเกิดเหตุฉุกเฉินก็ทิ้งรถไว้เลย” เชเชนนอฟสั่งและรอให้คนสนิทก้าวลงไปจากรถยนต์เสียก่อน เขาทิ้งเวลาออกไปอีกราวสิบนาทีแล้วจึงก้าวลงจากรถเดินเข้าไปด้านในกาสิโน
ผู้คนมากหน้าหลายตา สล็อตแมชชีน ตู้ม้าไฟฟ้า รูเล็ต ตั้งเรียงรายอยู่ในห้องโถงขนาดใหญ่ ทุกอย่างดูเป็นปกติเหมือนๆ กับกาสิโนทั่วไป แน่นอนว่าเขากำลังมองหาความไม่ปกติบางอย่างซึ่งยังไม่รู้จุดหมายว่าจะหาได้จากมุมใดของกาสิโนแห่งนี้
“สวัสดีครับ ท่านจะแลกชิปตรงนี้หรือจะแลกชั้นบนครับ” เป็นปกติที่พนักงานต้อนรับจะวัดระดับลูกค้าด้วยแบรนด์ของเสื้อผ้า แว่นตา นาฬิการวมไปจนถึงรองเท้าที่ลูกค้าสวมใส่
เชเชนนอฟหมุนตัวกลับมายังต้นกำเนิดเสียงและยิ้มที่มุมปาก ก่อนจะเดินเข้าไปหน้าเคาน์เตอร์ซึ่งอยู่ด้านซ้ายมือ “สองแสน”
“ครับ เดี๋ยวเราจะพาท่านขึ้นไปยังห้องมาตรฐาน” พนักงานคนดังกล่าวบอกและหยิบเครดิตการ์ดที่ลูกค้าวางไว้บนเคาน์เตอร์ไป
คำพูดของพนักงานนั้นบอกให้พ่อค้าอาวุธสงครามรู้ว่าบันไดสองด้านที่มองเห็นอยู่ไม่ไกลนี้ ข้างหนึ่งคงจะเป็นห้องมาตรฐาน และอีกข้างหนึ่งคงจะเป็นห้องสำหรับลูกค้าวีไอพี ไม่สำคัญว่าลูกค้าวีไอพีจะต้องเป็นลูกค้าประจำ แค่ขอให้แลกชิปทีละมากๆ ก็เป็นลูกค้าวีไอพีได้
“อ่อ... เปลี่ยนใจ” เชเชนนอฟบอกพร้อมทั้งหมุนนิ้วชี้กลางอากาศ สีหน้านั้นรื่นรมย์ แสดงให้คนภายในนอกได้เห็นว่ามีความสุขสักแค่ไหนที่ได้อยู่ในอาณาจักรของนักแสวงโชคนี้ มันเป็นสีหน้าท่าทางของนักพนันที่แสดงออกเช่นนี้ทุกคน
“ครับท่าน” พนักงานคนเดิมรอฟังคำสั่งด้วยความสุภาพ
“เพิ่มเป็นห้าแสนเหรียญ”
ก้มศีรษะรับคำแล้วหันไปสั่งคนที่อยู่ด้านหลังให้เพิ่มวงเงินอย่างรวดเร็ว ไม่นานนักชิปมูลค่าเท่ากับเงินห้าแสนเหรียญแอลเมเรีย3ก็ถูกวางลงบนถาดซึ่งมีพนักงานแต่งชุดฟอร์มของกาสิโน ถือถาดชิปอำนวยความสะดวก
“เราจะพาท่านไปยังห้องวีไอพี ขอให้สนุกกับเกมนะครับ”
“เยี่ยม” เชเชนนอฟตอบแล้วเดินตามพนักงานซึ่งถือถาดชิปเดินนำหน้าขึ้นไปยังบันไดฝั่งขวามือ ทุกการก้าวเดินในระดับที่สูงขึ้นทำให้เขามองเห็นคนสนิทที่กำลังปะปนกับนักแสวงโชคในห้องโถงด้านล่าง
ต่างคนต่างรู้หน้าที่อีกทั้งยังใส่หูฟังที่สามารถติดต่อสื่อสารกันได้ตลอดเวลาแต่จะใช้ในยามที่จำเป็นเท่านั้น

อีกมุมหนึ่งของกาสิโนแห่งเดียวกันนี้เป็นสถานที่ที่อันเดรนั้นชอบมาเสี่ยงดวงอยู่เป็นประจำ ชายหนุ่มไม่รู้เลยว่ากาสิโนนี้มีอิกอร์ ซียานอฟ เป็นเจ้าของและไม่เคยแสวงหาข้อมูลอื่นใดเกี่ยวกับกาสิโนแห่งนี้เลยเพราะคิดว่าไม่เกี่ยวข้องกับการดำเนินชีวิตของตน
รูเล็ตเป็นเกมพนันหนึ่งที่อันเดรคิดว่าตนมีโชคกับเกมนี้มากที่สุด เป็นเกมที่ได้กำไรไม่มากนักในขณะเดียวกันถ้าเสียก็จะเสียไม่หนักจนหมดหน้าตักเหมือนที่เคยเล่นบาคาร่า
นั่นอาจจะเป็นความจริงที่อันเดรพบเจอมา แต่สถานการณ์วันนี้ของเขานั้นไม่ได้เป็นปกติเพราะคำสั่งของเจ้าของกาสิโนที่ต้องการตัวเขา แน่นอนว่าดวงขึ้นถึงขีดสุด ได้เงินติดต่อกันถึงห้าเกมโดยที่ไม่พบพานกับคำว่าเสียมาขัดลาภเลยสักครั้ง ดวงขึ้นเช่นนี้ไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยๆ กับนักเสี่ยงโชคนัก ส่วนมากจะเริ่มวางเดิมพันให้สูงขึ้นๆ
สองชั่วโมงผ่านไปอย่างรวดเร็ว ชิปสามพันเหรียญเพิ่มขึ้นเป็นสองหมื่นเหรียญนั่นยิ่งทำให้อันเดรเพลิดเพลินและสนุกกับเกมจนลืมเวลา
หนึ่งชั่วโมงต่อมา... ชิปเพิ่มขึ้นเป็นสี่หมื่นเหรียญและนั่นทำให้อันเดรพึงพอใจ เตรียมสละที่นั่งซึ่งมีนักแสวงโชครอนั่งเก้าอี้ต่อจากตนอยู่หลายคน หวังใจว่าจะมือขึ้นอย่างเขาบ้าง

เชเชนนอฟหัวเสีย หงุดหงิดใจที่สุดในรอบปีเมื่อต้องเสียเงินถึงสามแสนเหรียญ เขาเปลี่ยนโต๊ะราวสามโต๊ะเพื่อหาจุดที่ดีที่สุดสำหรับการเล่นในค่ำคืนนี้ มันเป็นพฤติกรรมปกติของนักแสวงโชคที่รักสนุกเสียจนไม่รู้ว่าวันนี้ควรหยุดถ้าไม่ใช่วันของตน
เชเชนนอฟสละที่นั่งและหันมาหยิบชิปให้พนักงาน “ของนาย”
พนักงานคนดังกล่าวโค้งศีรษะให้อย่างสุภาพ “ให้แลกกลับไปเป็นเงินสดเลยไหมครับ”
เมื่อเห็นว่าลูกค้าพยักหน้ารับ พนักงานก็เดินออกไปจากห้องวีไอพีเพื่อทำตามคำสั่งในทันทีหลังจากได้ทิปจำนวนสองพันเหรียญ ส่วนลูกค้าก็เดินหน้าบูดบึ้งที่สุดไปตามทางเดินที่มีสัญลักษณ์ของห้องน้ำ
“หวังว่าคืนนี้คงได้อะไรสมกับที่เสียไปสามแสนนะ”
เสียงของเจ้านายดังขึ้นนั้นทำให้มิเตียต้องยิ้มกว้างและรีบบอกตำแหน่งของตนโดยเร็ว “ผมอยู่ในช่องระบายอากาศทางทิศตะวันออกของตึก”
“ฉันถึงจุดหมายก่อนนายสินะ” เชเชนนอฟบอกในขณะที่เหยียบฝาชักโครกเพื่อถอดช่องลมเครื่องปรับอากาศ ซึ่งเป็นช่องทางเดียวที่เชื่อมต่อห้องทุกห้องเอาไว้ด้วยกัน
ไม่ว่าตึกนั้นจะมีระบบรักษาความปลอดภัยเข้มงวดมากสักแค่ไหน จุดอ่อนก็อยู่ที่ท่อนำระบายอากาศที่รวมเอาสายไฟของทั้งตึกซึ่งมีขนาดที่คนคนหนึ่งเดินเหินได้อย่างสบาย แปลนของกาสิโนถูกส่งมาจากทีมบอดีการ์ดของเขาที่ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ การขับรถวนรอบๆ กาสิโนทำให้รู้ถึงทางหนีทีไล่และรู้ว่าด้านหลังยังมีประตูทางออกที่มีการ์ดร่างยักษ์คุ้มกันอย่างแน่นหนา แตกต่างกับด้านหน้ายิ่งนัก
สิบนาทีที่อยู่ในช่องระบายอากาศเชเชนนอฟก็มาถึงห้องนิรภัยชั้นล่างทางด้านทิศตะวันตก ช่องอลูมิเนียมที่สามารถมองผ่านเข้าไปเห็นในห้องนิรภัยขนาดสี่คูณหกเมตร กำลังมีคนเคลื่อนย้ายตู้บางอย่างเป็นหนังสีดำซึ่งเขาเดาได้ในทันทีว่าภายใต้หนังสีดำคือเหล็กกล้าที่ทนต่อความร้อน
ไม่แปลกใจหรอกว่ามันคือของสำคัญซึ่งอาจจะหมายถึงอาวุธเถื่อนที่เขากำลังมองหา แต่กลับไม่เข้าใจว่าพวกเขากำลังจะเคลื่อนย้ายของเหล่านี้ไปไหน ท่าทางเร่งรีบยิ่งทำให้เชเชนนอฟประหลาดใจ
“ขนไปให้หมด อย่าให้เหลือร่องรอยสักอย่าง”
นั่นคือคำสั่งของชายคนหนึ่งซึ่งเชเชนนอฟไม่คุ้นหน้าเอาเสียเลย ลางสังหรณ์บางอย่างกำลังเกิดขึ้นเพราะไม่มีเหตุผลที่พ่อจะขนย้ายของออกจากที่ที่มีความปลอดภัยสูงเช่นนี้
“ยกเลิกคำสั่ง กลับไปเจอกันที่รถ”
คำสั่งนั้นทำให้มิเตียกำลังจะเอ่ยแย้ง “แต่ผมใกล้จะ...”
“เราช้ากว่าพวกมัน มิเตีย” เชเชนนอฟบอกและใช้เส้นทางเดิมกลับ การกระทำของพ่อสร้างความหนักใจและลำบากใจให้เขามากขึ้น
“ครับท่าน”

ในขณะที่เชเชนนอฟกำลังเดินตามท่อระบายอากาศไปยังห้องนิรภัย ก็เป็นเวลาเดียวกันกับที่อันเดรเดินออกจากกาสิโนด้วยสีหน้าแช่มชื่น ทว่าก่อนก้าวขึ้นชัตเทิลบัสกลับมีมือข้างหนึ่งมาคว้าที่ต้นแขนและออกแรงบีบอย่างหนักห้ามเอาไว้เสียก่อน
“มีคนอยากพบคุณ” ไม่ใช่แค่แรงบีบที่หนักหน่วงแต่เสียงต่ำ ดุดันก็ข่มขวัญคนฟังได้เป็นอย่างดี
“ใคร”
“ไปพบก็จะรู้เอง”
อีกเสียงดังขึ้นพร้อมก้าวมาประชิดอีกข้าง ล็อกตัวเอาไว้ไม่ให้เขาหลีกหนีไปไหนได้ “ไม่ไป ผมไม่รู้จักพวกคุณหรือใครทั้งนั้น ผมไม่ได้ทำอะไรผิด มีสิทธิ์อะไรมาทำกับลูกค้าแบบนี้”
“พล่ามไปเถอะ ถ้ามันช่วยลดความกลัวของคุณลงได้บ้าง”
อันเดรนิ่ง เย็นเฉียบไปตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ต่อให้ตนป่าวร้องว่าไม่มีความผิดแต่ใครเลยจะมองเช่นนั้น ใครจะกล้ายื่นมือเข้ามาช่วย ที่สำคัญไม่มีใครอยากมีปัญหากับการ์ดของกาสิโน

ในตอนที่อันเดรกำลังถูกพาตัวมายังมุมด้านทิศตะวันออกของตึก แต่คนสนิทของอิกอร์เพิ่งได้รับรู้ว่าเจ้านายจะไม่เดินทางมาเค้นเอาความจริงด้วยตัวเองแล้วยกหน้าที่นี้ให้จัดการแทน คำสั่งนั้นทำให้คนที่เพิ่งได้รับมอบหมายต้องสั่งลูกสมุนอีกทอดหนึ่งให้ใช้ผ้าคลุมหน้าอันเดรก่อนนำมาพบตน
ไม่นานนักร่างของอันเดรที่ถูกคลุมศีรษะด้วยถุงผ้าสีดำ ก็ถูกการ์ดร่างยักษ์ทั้งสองพาเข้ามาหยุดอยู่ตรงหน้า
“ว่าไงอันเดร มือขึ้นไม่ใช่เหรอ ทำไมถึงได้กลับเร็วนัก”
ไม่ใช่เสียงที่คุ้นเคยและก็ไม่แปลกหากพวกมันจะรู้จักชื่อเสียงเรียงนามของตน “แกเป็นใคร แล้วจับฉันมาทำไม ฉันไม่ได้โกง”
“ก็แค่อยากคุยด้วย”
“ไม่ใช่” อันเดรตอบกลับ แม้จะฮึดสู้แต่ก็ต้องเจ็บร้าวไปทั้งสองแขนที่ถูกล็อกเอาไว้อย่างแน่นหนา “ถ้าแค่อยากคุยก็คงไม่ต้องปิดหน้าปิดตาแบบนี้”
“จุ... จุ... จุ... อย่าดิ้นให้ต้องเจ็บตัวไปมากกว่านี้เลย แค่ตอบคำถามมาดีๆ ก็กลับบ้านได้แล้ว” คนสนิทของอิกอร์เริ่มตั้งคำถาม “สองแม่ลูกที่อาศัยอยู่ในชานเมืองฝั่งทิศตะวันตกนั่นเป็นอะไรกับแก”
นราวิกาและพีด้า ใบหน้าของทั้งคู่ผุดขึ้นมาในหัวเขาทันทีแต่อันเดรก็เลือกที่จะเงียบเพราะไม่รู้ถึงจุดประสงค์ของคนถาม จึงต้องสันนิษฐานว่าเป็นเรื่องร้ายอันดับแรก
“พูดอะไร ไม่รู้จัก”
คำตอบของอันเดรนั้นทำให้คนตั้งคำถามยิ้มโหด “ให้โอกาสอีกครั้ง สองแม่ลูกนั่นเป็นเมียกับลูกแกใช่ไหม”
“แกพูดบ้าอะไร ฉันไม่รู้จักใครทั้งนั้น ฉันอยู่ที่วียบอร์ก นั่งรถไฟมาเล่นที่นี่ประจำ โอ๊ย...”
ตุบ!... ตุบ!...
เมื่ออันเดรถูกต่อยเข้าที่ท้องจนตัวงอ จึงบอกรายละเอียดออกไปให้ไม่มีทางปฏิเสธ “แกจะไม่รู้จักเด็กที่อยู่ด้วยทั้งวันได้ยังไง จะโกหกทำซากอะไรวะ”
คำอธิบายนั้นยิ่งทำให้อันเดรไม่ไว้ใจเพราะเพิ่งรู้ว่าตลอดทั้งวันนี้ตนเองถูกสะกดรอยตาม อย่างน้อยก็ควรคิดหาทางเอาตัวรอดเพื่อส่งข่าวให้นราวิการู้ว่าเธอและลูกไม่ปลอดภัย
“ตอบมา สองคนนั้นมีความสัมพันธ์อะไรกับแก อันเดร”
อันเดรใช้วิธีเงียบเป็นคำตอบ เพราะถ้ายังขืนโกหกว่าไม่รู้จักมันก็ไร้ประโยชน์ หรือถ้าอธิบายให้พวกมันรู้ว่าทั้งคู่มีความสัมพันธ์กับตนอย่างไร ก็ไม่แน่ใจในจุดประสงค์ อีกทั้งยังปฏิญาณกับตัวเองว่านับจากนี้จะไม่ทำให้นราวิกาเดือดร้อนอีก แต่วิธีการที่อันเดรมุ่งมั่นนั้นทำให้คนสนิทของอิกอร์โมโหจัด ถึงอย่างไรก็ต้องได้คำตอบไปให้กับเจ้านาย
“จัดการซะ ลองดูสิว่าคนปากแข็งจะทนความเจ็บปวดได้สักแค่ไหน”
เพียงแค่นั้นอันเดรก็กลายเป็นกระสอบทรายที่ตอบโต้คู่ต่อสู้ได้ แต่สองรุมหนึ่งไม่ใช่เรื่องที่ง่ายสำหรับอันเดรนัก อีกทั้งการที่มีถุงผ้าสีดำปิดหน้ายิ่งทำให้เสียเปรียบมากขึ้น ทุกครั้งที่พยายามดึงผ้าออก ทั้งหมัดและศอกจะระรัวเข้าใส่ทุกทิศ เลือดเหนียวข้นไหลออกมาตามปากและจมูก สมองมึนงงจนต้องล้มกองลงกับพื้น
คนสนิทของอิกอร์เริ่มหมดความอดทนเสียเอง งานง่ายๆ แต่ต้องใช้เวลากว่าสิบนาทีแล้วยังไม่มีท่าทีว่ามันจะปริปากจึงขยุ้มเข้าที่คอเสื้อแล้วลากร่างที่อ่อนปวกเปียกเข้ากระแทกกับผนังตึก ศีรษะของอันเดรนั้นถูกกระแทกอย่างแรง ผ้าคลุมศีรษะถูกดึงออกเพราะแรงกดที่ใบหน้าทำให้อันเดรไม่อาจหันกลับมามองคนที่ยืนข่มขู่อยู่ด้านหลังได้ถนัดตานัก
ฟุบ...
เสียงของมีคมเด้งออกมาจากฝัก สแตนเลสเนื้อดี คมกริบถูกจ่อเข้าที่ข้างแก้มพร้อมกับคำถามเดิม “มึงยังจะปากแข็งอยู่อีกไหม ตอบมา”
ตวาดลั่นและถูกกระแทกเข้ากับผนังทั้งศีรษะและร่างกายด้านหน้าบอบช้ำอย่างหนัก อันเดรคิดด้วยสติที่หลงเหลืออยู่น้อยนิดว่า การเงียบทำให้มันฟิวส์ขาดและเขาจะใช้ความเงียบสู้กับมันไปเรื่อยๆ
“กูให้โอกาสครั้งสุดท้าย ถ้าไม่ตอบ มึงตาย”
อันเดรพยักหน้ารับอย่างคนหมดแรง เมื่อรู้สึกว่าแรงที่ท้ายทอยผ่อนลงจึงรวบรวมกำลังหันหน้ากลับไปพ่นน้ำลายที่ปนไปด้วยเลือดคาวๆ ใส่หน้ามันทันที
ถุย!
การกระทำเช่นนั้นทำให้การ์ดร่างยักษ์ทั้งสองตกตะลึง ตามมาด้วยความพรั่นพรึงเมื่อเห็นคนสนิทของเจ้านายโกรธถึงขีดสุดแล้วกระแทกศีรษะของมันเข้ากับผนังปูนจนเลือดไหลย้อยเป็นทางลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก
“กะ...แก ไอ้”
ก่อนที่อันเดรจะตายคามือของพวกมัน เสียงห้าวที่ดังขึ้นก็ทำให้ทั้งสามหันไปยังต้นกำเนิดของเสียง “เอ๊ย ทำอะไร!”
เพียงเท่านั้นทั้งสามก็รีบเผ่นออกจากบริเวณดังกล่าวแล้ววิ่งหายเข้าไปกับความมืดมิด ใจจริงแล้วมิเตียอยากตามไปแต่อาการของคนที่กองอยู่กับพื้นดูสาหัสนัก
“ท่านครับ ที่สี่นาฬิกาของตึกเกิดเรื่องบางอย่างขึ้น” มิเตียรายงานเจ้านายและได้ยินเสียงตอบรับในทันที
สติสัมปชัญญะแทบจะไม่หลงเหลือ แต่จิตใต้สำนึกยังสั่งให้คุ้มครอง ปกป้องนราวิกาและพีด้า ฝ่ามือที่เปรอะเปื้อนไปด้วยเลือดเลื่อนเข้าไปหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา รูปใบหนึ่งที่เปลี่ยนทุกๆ ปีถูกกำเอาไว้ในมือแน่น ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่เชเชนนอฟวิ่งมาสมทบ
“ชะ...ช่วยด้วย” อันเดรแทบจะไม่เหลือแรงเปล่งเสียง แต่ก็ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องจริงหรือความฝันที่ได้เห็นใบหน้าของเพื่อนเก่าลอยอยู่ไม่ไกล เพื่อนคนเดียวที่เขาอยากบอกเล่าบางอย่างให้ฟังนับพันครั้งแต่ก็ไม่เคยกล้าพอสักที
เชเชนนอฟมองใบหน้าบอบช้ำอย่างพิจารณา แผลที่เพิ่งถูกทำร้ายไม่ได้ทำให้เกิดความเขียวช้ำจนใบหน้าผิดรูปเร็วนักและนั่นทำให้เขาต้องนั่งลงบนส้นเท้าของตัวเองเมื่อจดจำคนที่กำลังจะสิ้นสติได้เป็นอย่างดี ก่อนจะรับเอาบางอย่างที่ถูกขยุ้มจนยับยู่ยี่ไว้ “อันเดร”
“ช่วย ด้วย นะ...แนซ”

ชั่วโมงต่อมาอันเดรถูกส่งเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาลแห่งหนึ่งของแอลเมเรีย แต่รูปที่ยับยู่ยี่กลับถูกคลี่ออกและเช็ดเอาคราบเลือดออกเพื่อให้เห็นใบหน้าของคนที่อยู่ในภาพนั้นได้ชัดเจน
ไม่ใช่ไม่รู้ว่าเธอเป็นใคร ผู้หญิงหิวเงิน แพศยาที่เขาคิดว่าชีวิตนี้ไม่ควรต้องได้โคจรมาพบเจอกันอีก ที่สำคัญเด็กรู้มากแก่แดดที่เขาเคยนึกชอบใจกับคำพูดที่โตเกินวัยยังอยู่ในภาพเดียวกัน
พ่อ แม่และลูกสาว ครอบครัวสุขสันต์สินะ!
เชเชนนอฟคิดอย่างเย้ยหยัน หากไม่มั่นใจว่าควรจะเย้ยหยันเธอที่เลือกเอานักพนันมาทำพันธุ์จนเกิดเรื่องร้ายๆ แบบนี้ซ้ำแล้วซ้ำอีก หรือเย้ยหยันตัวเองที่ต้องมาเห็นภาพที่ทุกคนมีสีหน้าชื่นมื่น บ่งบอกได้ว่ามีความสุขสักแค่ไหน ความจริงน่าจะปล่อยให้มันนอนจมกองเลือดอยู่อย่างนั้น ส่วนเธอกับลูกสาวจะเป็นตายร้ายดียังไงนั่นก็ไม่ใช่ธุระกงการของเขาเลย
ใช่ว่าจะสังเกตถึงความผิดปกติของเจ้านายไม่ได้ แต่มิเตียจำต้องรายงานถึงความผิดปกติบางอย่างให้เจ้านายได้รับรู้ “ท่านรู้จักผู้ชายที่ถูกทำร้ายเหรอครับ”
เชเชนนอฟหัวเราะพรืดออกมา “เคยรู้จัก”
เย้ยหยันและแฝงไว้ด้วยความเคียดแค้นในสีหน้า นั่นคือสิ่งที่มิเตียสัมผัสได้ “ตอนแรกผมคิดว่าเขาคงจะใช้กลโกงอะไรสักอย่าง ถึงถูกพวกการ์ดคุมกาสิโน ลากออกมาซ้อมแบบนี้ แต่มันน่าแปลกใจก็ตอนที่ผมเข้าไปเห็นเหตุการณ์ พวกมันกลับวิ่งหนี”
“อืม...” มันน่าแปลกจริงๆ เพราะถ้ามีใครสักคนถูกจับได้ว่าใช้กลโกงแล้วละก็... การลงโทษอย่างสาสม ป่าเถื่อนสักแค่ไหนก็คงไม่มีใครกล้าเข้าไปยุ่มย่าม หรือพวกการ์ดก็ไม่จำเป็นต้องตกใจหรือแตกตื่นจนวิ่งหายไปเช่นนั้น
หากยังไม่ทันได้ตอบว่าอย่างไร เสียงของพยาบาลก็ดังขึ้นเพื่อแจ้งความคืบหน้าให้พลเมืองดีที่นำตัวคนเจ็บมาส่งโรงพยาบาลได้รับรู้
“เราติดต่อครอบครัวของผู้ป่วยได้สักครึ่งชั่วโมงแล้วนะคะ ต้องขอบคุณคุณสองคนมาก แต่ต้องรบกวนขอเบอร์ติดต่อเอาไว้ เพราะเป็นการทำร้ายร่างกายซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องทำการสืบสวนเพื่อหาเบาะแสเอาตัวคนผิดมาลงโทษนะคะ”
คำอธิบายนั้นทำให้เชเชนนอฟพยักหน้าเป็นเชิงสั่งให้คนสนิทเดินตามพยาบาลไปยังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ “เสร็จแล้วไปรอฉันที่รถ”
คนสนิทรับคำและเดินจากไปพักหนึ่งแล้ว แต่พ่อค้าอาวุธสงครามผู้ไม่เคยลังเลในการตัดสินใจอะไรสักอย่างกำลังนั่งอยู่ที่เดิม พร้อมกับคำถามที่ว่า ทำไมเขาไม่เดินออกจากโรงพยาบาลก่อนที่จะได้เห็นใบหน้าของผู้หญิงหิวเงินคนนั้นให้เสียสายตา
ลุกขึ้นสิ!
ทิ้งรูปใบนั้นลงถังขยะ!
ก็แค่... รักแรกที่ไม่สมหวัง มันจะทำให้เจ็บได้สักแค่ไหนเชียว เวลาผ่านมาแปดปีก็ยังไม่ตาย ยังมีลมหายใจและใช้ชีวิตอยู่บนโลกใบนี้ได้อย่างยอดเยี่ยม การขาดเธอไม่ได้ทำให้เขาดำเนินชีวิตอย่างด้อยมาตรฐาน
เชเชนนอฟพยักหน้ารับกับความคิดของตัวเองพลางยืดตัวลุกขึ้นเต็มความสูงแล้วก้าวออกไปจากหน้าห้องผู้ป่วยหนักซึ่งมีร่างของคนทรยศนอนแน่นิ่งอยู่ด้านใน ถังขยะที่ตั้งอยู่ข้างเสาต้นใหญ่นั้นคือจุดหมายแรกที่จะกำจัดพวกไร้คุณค่าและความหมายออกไปให้พ้นๆ
ทว่าสายตาเจ้ากรรมกลับไปปะทะเข้าที่ร่างคุ้นตาซึ่งเดินแกมวิ่งเข้ามาในโรงพยาบาลพร้อมกับเด็กหญิงคนคนเดียวกันที่เอากาแฟมาเสิร์ฟให้ถึงรถ แม้พ่อค้าอาวุธสงครามจะยืนอยู่บนชั้นสองแต่สีหน้าร้อนรน ว้าวุ่นใจที่เธอแสดงออกมานั้นทำให้เขาต้องกำหมัดแน่น จนรูปในมือยับย่นไม่เหลือชิ้นดี

ข่าวร้ายกลางดึกทำให้นราวิกาต้องตัดสินใจปล่อยให้แม่ซึ่งนอนติดเตียงอยู่เพียงลำพังแล้วล็อกบ้านอย่างหนาแน่น ตอนแรกก็ไม่อยากปลุกลูกสาวเพราะอีกไม่กี่ชั่วโมงก็ต้องตื่นไปโรงเรียน แต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำเช่นไร จริงอยู่ว่าอาริน่าอยู่ข้างบ้านแต่ก็ดูเสียมารยาทจนเกินไปหากจะไปปลุกให้มาดูแลทั้งคู่ในยามวิกาลเช่นนี้
“แม่คะ ชั้นสองมีป้ายห้องไอซียู” พีด้าเขย่ามือคนเป็นแม่พร้อมชี้ไปยังป้ายที่อยู่เหนือศีรษะ นั่นทำให้คนที่ลอบมองสองแม่ลูกอย่างไม่กะพริบตาต้องถอยหลังแล้วใช้เสาทรงกลมต้นใหญ่เป็นกำบัง
คำพูดของพยาบาลที่แจ้งว่าอันเดรนั้นอาการหนักยิ่งทำให้เธอแทบบ้าตาย ทั้งที่คิดว่าเขาควรจะถึงวียบอร์กแล้วแต่ยังไม่วายต้องมาแวะกาสิโนจนเกิดเรื่องร้ายเช่นนี้
ทุกการก้าวเดินของทั้งคู่ที่จนได้ไปหยุดอยู่ตรงหน้าห้องไอซียูนั้นอยู่ในสายตาของเชเชนนอฟตลอดเวลา จากแรกที่จะตัดทั้งสามออกไปจากวงโคจรแต่ใบหน้าของนราวิกายังมีแรงดึงดูดที่ส่งผลต่อจิตใจเขาเสมอ
ยิ่งเธอร้อนรนเขายิ่งเกลียด แต่มันเป็นความเกลียดชนิดใดก็ไม่อาจหาเหตุผลได้ เมื่อพ่อค้าอาวุธสงครามหนุ่มก้าวเข้าไปหยุดอยู่ตรงมุมห้องแล้วจดจ้องร่างสมส่วนซึ่งกำลังก้าวเข้าไปด้านใน



ศิริพารา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ก.พ. 2560, 11:26:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ก.พ. 2560, 11:26:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 816





<< ตอนที่ 4 100%   ตอนที่ 6 100% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account