The D.O.L.L.S โศกนาฏกรรมปีศาจตุ๊กตามหาเวท
"นักขายความฝันผู้เลือดร้อน & นักโทษประหารผู้เริงร่า & หัวขโมยผู้เย็นชา"
ต่างถิ่น ต่างความคิด ต่างอาชีพ ต่างนิสัย ต่างจุดมุ่งหมาย ต่างเผ่าพันธุ์
กลับต้องมาอยู่ด้วยกันเพราะเหตุบางอย่าง... The D.O.L.L.S

ตุ๊กตาปีศาจมีลักษณะรูปร่างเหมือนมนุษย์ทุกประการ

ถ้าอย่างนั้น...จะรู้ได้อย่างไร?
...เป็นปีศาจ...หาใช่มนุษย์ไม่...

ระวังไว้ให้ดี...ทุกอย่างอาจเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา...

...ที่ใครบางคนสร้างขึ้นเท่านั้น...

สงครามระหว่างผู้มีพลังเวทกับมนุษย์ธรรมดา
ใครจะอยู่รอดเป็นผู้กำชัยชนะ!?


- ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านจากใจจริง -
แผนที่นครเซ็นทรัม http://i49.photobucket.com/albums/f290/thunchanoks/map122e1.jpg
Tags: ตุ๊กตา,ปีศาจ,คำสาป,เวทมนตร์,สงคราม,แฟนตาซี,ผู้ใช้เวท,มนุษย์,โศกนาฏกรรม,mystery

ตอน: Episode 8 : || ตุ๊กตาปีศาจ ||


EPISODE 8
ตุ๊กตาปีศาจ



กษัตริย์เพอราลยืนนิ่งงันทำอะไรไม่ถูก ในใจตะโกนบอกให้ตัวเองพาเรเน่หนีไปจากที่นี่โดยเร็ว แต่ฐานะของกษัตริย์แห้งแคว้นยูรากำลังค้ำคออยู่ เขาจะทิ้งชาวเมืองไปได้อย่างไร



หลังจากหลบหนีออกมาจากวังได้ไม่นาน พวกเขาก็โดนชาวเมืองห้าคนไล่ต้อนให้มายังเขตชายแดนของยูรา รู้สึกมึนงงว่าทำไมห้าคนนั้นถึงถืออาวุธไล่ฆ่าพวกทหารติดตามตายเรียบได้ อาจจะเป็นกบฏร่วมมือกับพวกปีศาจ เพื่อความปลอดภัยของเรเน่เขาจึงพาเธอวิ่งหนีมา แล้วก็มาเจอคนปรากฏตัวขึ้นกลางอากาศ ฟันธงได้ว่าเป็นพวกปีศาจแน่นอน เขาเคยจัดการพวกมันมาบ้าง ในเมื่อมีแค่ตัวเดียวก็คงไม่มีอะไรต้องกลัว



มันครอบครองพลังปีศาจ เพราะฉะนั้นจึงมีจุดอ่อนอยู่ที่ความเร็วของการเคลื่อนไหวร่างกาย



แต่เจ้านี่มันอะไรกัน มันเคลื่อนไหวรวดเร็วจนเขามองตามไม่ทัน



เสียงอะไรบางอย่างครูดกับพื้นดังเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ สองพ่อลูกได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองเต้นโครมครามด้วยความหวาดกลัว ภาพของกระดูกเดินได้เมื่อครู่ยังคงติดตาอยู่ไม่หาย เขาไม่เคยเห็นปีศาจกลายพันธุ์รูปร่างผิดเพี้ยนไปจากมนุษย์มาก่อน



มันกำลังใกล้เข้ามา...



ความตาย...



เพอราลคิดกับตัวเองอย่างสิ้นหวัง



จู่ๆ ก็มีเสียงดีดนิ้วเบาๆ จากเด็กหนุ่มตรงหน้า พร้อมกับปรากฏนาฬิกาเรือนยักษ์ลอยอยู่เหนือพื้นดิน กษัตริย์แห่งยูรามองนาฬิกาบอกเวลาที่เริ่มขยับเข็มวินาทีอยู่ชั่วครู่



...สองนาที...



เสียงเย็นชาในความทรงจำดังขึ้นในหัว ร่างท้วมรีบพยุงร่างอ่อนปวกเปียกของลูกสาวออกวิ่งทันควัน รู้แต่ว่าต้องหนีให้ไกลที่สุด แม้ไม่รู้ว่าจะหนีไปที่ไหนก็ตาม



“...ไม่ปล่อยให้หนีหรอก!” เสียงแหบพร่าตะโกนลั่นพร้อมกับกระโจนเข้าใส่เหยื่อทั้งสอง แต่อยู่ๆ ก็ปรากฏกำแพงไฟฟ้าขึ้นจากพื้นดินขวางกั้นเอาไว้ก่อนจะได้ทันคว้าเป้าหมาย



โครงกระดูกสบถอย่างหงุดหงิด หันไปมองเจ้าคนเข้ามาขวางด้วยความรำคาญ



“แก...!”



“ถ้าแกมีชีวิตอยู่ได้เพราะเวทมนตร์...” เอเวนกล่าว พร้อมกับล้วงหยิบแผ่นกระดาษจำนวนหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อคลุม “ก็ต้องใช้มนตราฆ่าแกทิ้งซะ”



แผ่นกระดาษทั้งสิบสองแผ่นพุ่งตรงไปล้อมรอบโครงกระดูกเป็นวงกลม ปรากฏตัวอักษรเรืองแสงอ่อนๆ ขึ้นบนกระดาษขาว ร่างผอมแห้งค่อยๆ ลอยขึ้นจากพื้นดินซึ่งมีวงแหวนเวทสีน้ำเงินประดับอยู่ แผ่นกระดาษทั้งหมดพร้อมวงแหวนส่องแสงเจิดจ้าก่อนจะมีกระแสไฟฟ้าออกมาจากใจกลางวงแหวน พุ่งขึ้นไปด้านบนทะลวงร่างโครงกระดูกจนระเบิดออกไม่เหลือซาก



เอเวนหรี่ตามองอย่างแปลกใจเมื่อร่างแหลกสลายของศัตรูค่อยๆ กลับมารวมตัวกันใหม่อีกครั้ง เด็กหนุ่มสลายเวทของเขาทำให้วงแหวนและกระดาษทั้งหมดหายไป สายตาเย็นชามองเศษกระดูกเป็นกลุ่มก้อนตรงหน้าด้วยสีหน้านิ่งสนิท



“...ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า!” ทั้งที่กายหยาบยังไม่สมบูรณ์ เสียงหัวเราะลั่นจากโครงกระดูกกลับดังก้องไปทั่วด้วยความสะใจ



เศษกระดูกน่าขยะแขยงค่อยๆ รวมกลับมามีรูปร่างเป็นโครงกระดูกดังเดิม ปากยิ้มแสยะอย่างพึงพอใจ



“เวทงี่เง่าของแกทำอะไรข้าไม่ได้หรอก!”



ร่างผอมแห้งกระโดดเข้าใส่เด็กหนุ่มอย่างรวดเร็ว เอเวนกระโดดหลบพร้อมกับร่ายเวทเปลี่ยนกระดาษหกแผ่นในมือให้กลายเป็นมีดสั้นแล้วเขวี้ยงใส่ศัตรูพร้อมกัน โครงกระดูกวิ่งหลบหลีก เปลี่ยนมือสองข้างของตนเองเป็นใบมีด แล้ววิ่งเข้าใส่เด็กหนุ่ม เอเวนเคลื่อนตัวหลบใบมีดแหลมคมที่ไล่ฟันเขาไม่ยั้ง มือขวาหันไปพึ่งดาบยาวดึงออกมาต้านการโจมตี แล้วหาจังหวะเหวี่ยงดาบกระแทกกลับไป



โครงกระดูกถูกดาบของเด็กหนุ่มอัดกลางลำตัวอย่างรุนแรง ร่างของมันลอยลิ่วไปกระแทกกับพื้นดินไกลเกือบสิบเมตร



เอเวนปักดาบลงกับพื้นพร้อมกับร่ายแวทเรียกกระแสไฟฟ้าให้วิ่งไหลไปตามพื้นจนถึงร่างของศัตรู เกิดแรงระเบิดพร้อมควันโขมงสีขาวปกคลุมจนมองอะไรไม่เห็น



เจ้าตัวกระดูกนั่นไม่ได้เก่งอะไรมากมาย เรียกได้ว่าห่วยแตกด้วยซ้ำ แต่เขาไม่รู้ว่าจะกำจัดมันได้อย่างไรในเมื่อฆ่าเท่าไหร่มันก็ไม่ตาย



ร่างผอมแห้งพุ่งตัวทะลุผ่านควันพร้อมกับใช้ใบมีดทั้งสองข้างหมายจะไล่ฟันเขาอีกรอบ เอเวนเรียกกำแพงไฟฟ้าขึ้นมาป้องกันได้ทันท่วงที ก่อนจะร่ายเวทตาข่ายไฟฟ้ากักตัวมันเอาไว้



เพราะร่างกายเกิดจากเวทมนตร์ ใบมีดของมันจึงสามารถฟันตาข่ายไฟฟ้าของเขาขาดออกอย่างง่ายดาย เอเวนเขวี้ยงดาบไปปักที่พื้นอีกด้านหนึ่งแล้วรีบกัดอุ้งมือขวาของตัวเองให้เกิดบาดแผล จากนั้นจึงวางฝ่ามือลงทาบกับพื้น ใช้เลือดเป็นสื่อร่ายเวทปรากฏรอยแยกของพื้นดินตั้งแต่มือขวายาวไปจนถึงดาบของเขาที่ปักคาอยู่



ก้อนเมือกสีดำขนาดใหญ่พุ่งออกมาจากรอยแยกตรงเข้าปกคลุมร่างผอมแห้งเอาไว้ ก่อนกระไฟฟ้าจำนวนมากจะไหลล้นตามออกมาไปยังร่างในก้อนเมือก เกิดร้องโหยหวนด้วยความเจ็บปวด



เด็กหนุ่มวิ่งไปดึงดาบของตัวเองออกมาแล้วกระโดดตัวสูงขึ้นไปในอากาศ มือขวาจับด้ามดาบแน่น เล็งปลายแหลมไปยังเป้าหมายเบื้องล่าง แล้วทิ้งตัวลงด้วยความเร็วสูง ดาบในมือแทงก้อนเมือกสีดำจนทะลุไปถึงพื้น เสียงกรีดร้องประสานกับเสียงดาบเสียดสีดังกึกก้องไปทั่ว



มือขวาดึงดาบออกเมื่อเสียงร้องเงียบไป แต่ไม่นานเสียงหัวเราะอันคุ้นเคยก็ดังออกมาจากภายในก้อนเมือกสีดำ เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายก่อนจะสลายเวททั้งหมดให้หายไป เผยให้เห็นโครงกระดูกในสภาพยับเยินจนแหลกละเอียดกำลังประสานร่างเข้าหากัน



“...ข้าบอกแล้ว...เวทงี่เง่าของแกฆ่าข้าไม่ได้หรอก...”



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



ร่างเล็กกระโดดหลบกรงเล็บที่ไล่ฟันเธอไม่หยุด การเคลื่อนไหวของเธอช้าลงเพราะโดนรุมหนึ่งต่อห้าเป็นเวลานานจึงทำให้ร่างกายเริ่มอ่อนล้า แต่มิเวลไม่สนใจแม้ว่าจะยกแขนขวาแทบไม่ขึ้นแล้วก็ตาม เธอฆ่าพวกมันไปร่วมสิบกว่ารอบ แต่ศัตรูก็ยังกลับมามีชีวิตได้เหมือนเดิมทุกครั้ง ทั้งที่จริงแล้ว ฝีมือของทั้งห้าคนนี้ไม่ได้มากมายเลยด้วยซ้ำ



จะทำอย่างไรดีในเมื่อพวกมันเป็นอมตะ...?



มิเวลถามตัวเอง



กรงเล็บแหลมคมเรียกเลือดจากต้นแขนขวาของเด็กสาวได้เพราะเธอขยับตัวหลบไม่ทัน ความรู้สึกเจ็บแปลบชะงักการเคลื่อนไหวของเธอชั่วครู่ ทำให้เธอขยับตัวหลบใบมีดจากอีกด้านไม่พ้น



ใบมีดแทงไหล่ขวาของเธอจนทะลุ เด็กสาวกัดฟันแน่นอดทนกับความเจ็บปวดที่เกิดขึ้น ในตอนนั้นเองที่เธอสังเกตเห็นอะไรบางอย่าง มือซ้ายพยายามออกแรงดึงใบมีดออกจากตัว ไม่สนใจใบหน้าแสยะยิ้มด้วยความสนุกของศัตรู เมื่อมืออ่อนแรงจนใช้ไม่ได้ เธอจึงใช้เท้าขวาถีบร่างของหญิงสาวออกไปสุดแรง



มิเวลมองบาดแผลบริเวณไหล่ขวาพลางนึกเสียใจว่าแค่เวทห้ามเลือดเธอก็ทำไม่เป็น แล้วสายตาเศร้าสร้อยก็เปลี่ยนเป็นเยือกเย็นเหลือบมองไปทางศัตรูทั้งห้า



“ไม่รู้ว่าจะได้ผลรึเปล่า แต่ขออำลาเลยก็แล้วกัน”



เมื่อกล่าวจบก็เปลี่ยนไปถือดาบในมือซ้ายแทนเพราะท่าทางแขนขวาของเธอจะไปไม่รอดเสียแล้ว มิเวลจับดาบแห่งไฟในมือแน่น จากนั้นจึงแทงปลายดาบทะลุซ้ำรูเดิมตรงไหล่ขวาแล้วดึงดาบออกทันที ดาบยาวถูกชะโลมด้วยเลือดสีข้น ร่างเล็กขยับกายเข้าประชิดศัตรูผู้ฝากบาดแผลตรงไหล่เอาไว้ให้ แล้วแทงดาบทะลวงร่างของอีกฝ่ายทันควัน



ร่างของหญิงสาวกระตุกน้อยๆ พร้อมกับเกิดรอยร้าวไปทั่วทั้งร่าง ก่อนจะระเบิดกระจายออกเป็นวงกว้างแล้วเลือนหายไป



มิเวลยิ้มกับตัวเองด้วยความดีใจและโล่งใจในเวลาเดียวกัน



นึกว่าต้องฝังศพตัวเองไว้ที่นี่เสียแล้ว



เด็กสาวหันขวับกลับไปจ้องอีกสี่คนที่เหลือ ทั้งสี่มองหน้ากันด้วยสายตางงๆ เธอไม่รอให้พวกมันคิดอะไรอีก รีบจัดการแต่ละคนโดยใช้ดาบเสียบทะลุท้องของทุกคนจนครบ



ร่างเล็กนั่งแปะลงกับพื้นด้วยความเหนื่อย วางดาบไว้ข้างลำตัว ในที่สุดก็จบลงเสียที



แต่ยังไม่ทันจะได้พักสักเท่าไหร่ เสียงระเบิดลั่นก็ดังขึ้นใกล้ๆ พร้อมกับมีอะไรบางอย่างกระเด็นมากระแทกกับพื้นห่างออกไปไม่ถึงห้าเมตร



อะไรอีกล่ะเนี่ย



ไม่นานความสงสัยก็ได้รับการคลี่คลาย หลังจากร่างที่ลอยกระเด็นมาเมื่อครู่ลุกขึ้นยืนปรากฏตัวให้เธอได้เห็นชัดๆ นัยน์ตาสีแดงเพลิงเบิกค้างมองไม่อยากจะเชื่อสายตา



เจ้าโครงกระดูกนั่นอีกแล้ว!



มิเวลรีบพยุงตัวเองให้ยืนขึ้นโดยไม่ลืมหยิบดาบขึ้นมาถือไว้ในท่าเตรียมพร้อม แม้จะรู้สึกปวดบาดแผลจากการเสียเลือดมากจนเริ่มรู้สึกเวียนหัวน้อยๆ ก็ตาม



“หลบไป!” เสียงตะโกนจากด้านบนเรียกให้เธอเงยหน้าขึ้นไปมอง แล้วก็ต้องตกใจรีบกระโดดหลีกให้พ้นทาง



ร่างหนึ่งร่วงลงมาด้วยความเร็วสูงพร้อมด้วยดาบยาวในมือกระแทกกับพื้นดินจนเกิดเสียงดังลั่น มิเวลสะดุ้งเมื่ออยู่ๆ ก็มีเวทบาเรียล้อมรอบเธอเอาไว้ ก่อนจะตะลึงงันกับเวทไฟฟ้าแรงสูงแผ่กระจายออกมาจากปลายดาบที่ปักอยู่ในดิน พลังรุนแรงจนทำให้พื้นแตกแยกเป็นแผ่นๆ ตามด้วยรากไม้จำนวนมากโผล่พรวดขึ้นมาจากรอยแยกเคลื่อนเลี้ยวพุ่งทะลวงเข้าเสียบร่างของศัตรู



“...ฮึ ฮึ ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า! บอกแล้วไงว่าแกทำอะไรข้าไม่ได้!” แม้หัวกระโหลกจะถูกรากไม้แทงทะลุ เจ้าโครงกระดูกก็ยังคงส่งเสียงหัวเราะสะใจไม่สะทกสะท้าน



มิเวลหันไปมองเจ้าของเวทรุนแรงเมื่อครู่ เห็นใบหน้าเย็นชามีเม็ดเหงื่อผุดพราย คาดว่าเขาคงเหนื่อยเพราะใช้พลังเวทไปมากแล้ว ถึงจะสงสัยว่าทำไมอีกฝ่ายถึงมาอยู่กับเจ้าโครงกระดูกนั่นได้ แต่เธอคิดว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลามาถามเรื่องนี้



แล้วเด็กสาวก็เห็นว่าที่คอด้านซ้ายของเอเวนมีแผลลึกเป็นทางยาวแต่ไม่มีเลือด เขาคงใช้เวทอะไรสักอย่างห้ามเลือดเหมือนตอนห้ามเลือดให้วอล



แต่ยังสู้ยืดเยื้อมาจนถึงนี่ แสดงว่ายังไม่รู้สินะ



มิเวลตัดสินใจเดินออกจากบาเรียเวทของเอเวน ตรงเข้าไปหาร่างถูกเสียบทะลุ กลั้นหายใจยกดาบแทงซ้ำแผลเดิมของตัวเอง ไม่สนเสียงหัวเราะเย้ยหยันเมื่อรับความรู้สึกได้ว่าเธอทำร้ายตัวเอง ก่อนมือซ้ายจะดึงดาบออกแล้วแทงใส่ร่างตรงหน้า



เสียงหัวเราะเงียบไป ร่างของโครงกระดูกชักกระตุกพร้อมกับเกิดรอยร้าวไปทั่วทั้งร่าง แล้วระเบิดหายวับไป



“เฮ้อ...หมดจริงๆ เถอะนะคราวนี้”



ร่างเล็กทรุดนั่งลงด้วยความเหนื่อย เหลือบมองเอเวนซึ่งเดินเข้ามาใกล้ นึกว่าจะโดนบ่นโดนถามโน่นนี่ แต่เอเวนกลับนั่งลงแล้วเริ่มต้นใช้เวทห้ามเลือดให้เธอ



มิเวลมองการกระทำอีกฝ่ายอย่างงงๆ เห็นเขาเหลือบสายตาขึ้นมาสบสายตาด้วยอยู่ครู่หนึ่ง แล้วก็เบือนกลับไปมองแผลที่ไหล่ของเธอตามเดิม ทั้งสองไม่มีใครพูดอะไรจนกระทั่งเอเวนห้ามเลือดให้เธอเสร็จเรียบร้อย



“ต้องใช้เลือดสินะ” น้ำเสียงนิ่งกล่าวเรียบๆ มิเวลนิ่งไปพักใหญ่เพราะคิดว่ามันไม่ใช่คำถาม แต่พอเอเวนพูดซ้ำถึงรู้ว่าเขาถามเธอ



“ใช่ ข้ารู้จากตอนที่สู้กับพวกมันอีกห้าตัว เห็นอาวุธของมันเผาไหม้หลังจากถูกเลือดของข้าน่ะ”



“ห้าตัว? แผลของเจ้ามาจากเจ้าพวกนั้นงั้นสิ” เด็กสาวพยักหน้าตอบ



“แต่ข้าแปลกใจ ทั้งๆ ที่ข้าได้แผลจากเจ้าตัวกระดูกนั่น และอาวุธของมันก็เลอะเลือดข้าไม่ใช่น้อย แต่ทำไมมันถึงไม่เป็นอะไร”



“เรื่องเวทมนตร์อะไรแบบนี้ข้าไม่รู้เรื่อง อาจจะมีข้อกำหนดอะไรพิเศษมากกว่านี้ก็ได้” มิเวลตอบไปตามตรง เธอไม่รู้จริงๆ ว่าทำไมเลือดของเอเวนถึงไม่มีผล ต้องมีอะไรสักอย่าง แต่เธอก็ไม่รู้ว่าจะไปหาคำตอบได้จากที่ไหน ขนาดตัวประหลาดพวกนั้นคืออะไรเธอยังไม่รู้เลย



จะว่าไป เอเวนอาจจะรู้ก็ได้



“เจ้ารู้หรือเปล่าว่าพวกนั้นคือตัวอะไร” น้ำเสียงจริงจังเอ่ยถามคนข้างกาย ดูเหมือนเด็กหนุ่มกำลังครุ่นคิดหนักเรื่องเลือดของเขาใช้ไม่ได้ผลอยู่ ใบหน้าเคร่งเครียดหันมามองเธอก่อนจะเอ่ยตอบคำถาม



“พวกมนุษย์เรียกมันว่าปีศาจกลายพันธุ์ แต่ผู้ใช้เวทอย่างข้ากับเจ้าเรียกมันว่า ตุ๊กตา”



ตุ๊กตา?



“หมายความว่ายังไง?”



“ตุ๊กตาปีศาจ เกิดจากผู้ขายวิญญาณขายวิญญาณของตนให้ราชาปีศาจเพื่อการแก้แค้น แล้วก็มีคนธรรมดาที่โดนตุ๊กตาปีศาจบังคับใช้ ห้าคนนั่นที่เจ้าสู้ด้วยคงถูกเจ้าตัวกระดูกใช้งาน” เอเวนเริ่มต้นอธิบาย แล้วเว้นช่วงพักหนึ่งเพื่อรวบรวมข้อมูลในหัว



“หลังจากขายวิญญาณให้ราชาปีศาจแล้วก็จะได้รับพลังเพื่อใช้แก้แค้น ตุ๊กตาจะยังคงอยู่ในร่างเหมือนมนุษย์ทุกประการ แต่จะมีสภาพเหมือนคนไร้สติเพราะไม่มีวิญญาณอยู่ในร่างแล้ว มีพลังมหาศาล ดูดพลังเวทไปเป็นของตนได้ สามารถเปลี่ยนแปลงร่างกายเป็นอาวุธได้ตามใจชอบ แถมยังเพิ่มพลังขึ้นทุกครั้งจากการฆ่าคน แต่พลังของพวกมันไม่ใช่พลังเวทแม้จะคล้ายกันก็ตาม เพราะฉะนั้นเครื่องตรวจพลังเวทจึงไม่มีปฏิกิริยาอะไร ตุ๊กตามีเวลาแค่สี่วันเท่านั้นในการแก้แค้นให้สำเร็จ ไม่เช่นนั้นมันจะกลายเป็นปีศาจที่ต้องการล้างแค้นและฆ่าคนไม่เลือกหน้า แต่เพราะพวกมันได้รับพลังมาจากราชาปีศาจ พลังนั่นจึงกัดกินตุ๊กตาทำให้มันต้องการฆ่าเพื่อความสนุก แม้จะยังไม่ครบสี่วันตุ๊กตาปีศาจบางตัวก็เริ่มออกไล่ล่าผู้คนแล้ว”



“โครงกระดูกนั่นคล้ายมนุษย์ก็จริง แต่ดูไม่เหมาะกับคำว่าเหมือนมนุษย์ทุกประการเลยนะ” มิเวลแย้ง พลางนึกย้อนไปถึงตอนที่เห็นมันครั้งแรก



“เมื่อก่อนตุ๊กตาพวกนั้นกลายร่างไม่ได้ แค่เปลี่ยนร่างกายให้เป็นอาวุธเท่านั้น แต่หลายปีที่ผ่านมานี้มีตุ๊กตาหลายตัวกลายร่างเป็นตัวประหลาดเพิ่มขึ้นเยอะมาก”



และที่สำคัญ พลังของเขาก็ยังจัดการมันไม่ได้ด้วย เพราะอะไรกัน หรือจะเป็นเพราะว่าพวกมันไม่ใช่ตุ๊กตาปีศาจที่แท้จริงเลยต้องฆ่าด้วยวิธีอื่น แต่จะฆ่ามันยังไงกันล่ะ



“พลังของพวกมันเพิ่มขึ้นงั้นเหรอ”



“ไม่น่าใช่ เพราะพวกกลายร่างได้ส่วนใหญ่มีพลังเแค่นิดหน่อย แม้จะมีบางตัวที่มีพลังสูงอยู่บ้างเหมือนกัน แต่ยังไงพวกกลายร่างไม่ได้ก็มีพลังมากกว่าอยู่ดี”



เด็กสาวนิ่งเงียบไป รู้สึกตกใจกับข้อมูลที่ได้รับ หมายความว่าผู้คนทั่วไปอาจจะมีสิทธิ์เป็นตุ๊กตาปีศาจก็ได้งั้นสิ เธอออกเดินทางจากหมู่บ้านฟรอซเซลซึ่งเป็นสถานที่ตั้งของเผ่ามายามาเกือบครึ่งปีแล้ว เดินทางไปตามเมืองต่างๆ คอยซื้อข่าวคราวเรื่องสงครามและเรื่องสำคัญอื่นๆ อยู่เรื่อยๆ แต่ไม่เคยรู้หรือเคยได้ยินอะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้มาก่อนเลย



เพราะอะไรกัน?



“ทำไมเรื่องใหญ่แบบนี้ถึงไม่มีในข่าวหรือประกาศทางราชการอะไรเลยล่ะ”



เอเวนไม่ตอบในทันที เขาใช้เวลาคิดอะไรบางอย่างอยู่สักพักก่อนเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงปกติ



“เพราะรัฐบาลปิดเป็นความลับ”



“ความลับ!? เรื่องคอขาดบาดตายเนี่ยนะ”



รัฐบาลงี่เง่านั่นคิดอะไรอยู่กันแน่ ตั้งแต่เรื่องประกาศสงครามระหว่างผู้ใช้เวทกับมนุษย์ธรรมดานั่น แล้วยังเรื่องปิดตุ๊กตาปีศาจพวกนี้ไว้เป็นความลับอีก



ความลับ...



ถ้าเป็นความลับ แล้วเอเวนรู้ได้อย่างไร?



มิเวลเหล่สายตาแอบมองคนข้างตัวอย่างสงสัย คนคนนี้ต้องมีอะไรบางอย่างเกี่ยวข้องกับรัฐบาลแน่ๆ แต่มันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน ในเมื่อคนของรัฐบาลคือคนธรรมดา แล้วเอเวนก็เกลียดพวกเขาถึงขนาดนั้น



แม้ว่าจะอยากถามให้รู้เรื่องไปเลย แต่เธอก็รู้ว่าเอเวนคงไม่ยอมบอกอะไรอยู่ดี



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





หึๆ เอเวน พลาดไปหน่อยนะ หนูมิเวลเค้าหัวไวพอควร

ถ้าแต่งพารอดี้ เลิฟโรแมนติก ให้หนูมิเวลเป็นหญิงแกร่งผู้พิชิตตุ๊กตาปิศาจ แต่สู้ทีไรเลือดเกือบหมดตัวจนต้องนอนโรงพยาบาล มีเอเวนคอยปกป้องดูแลอยู่ข้างกาย...




โฮป
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 25 ก.พ. 2560, 13:13:32 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 25 ก.พ. 2560, 13:13:32 น.

จำนวนการเข้าชม : 728





<< Episode 7 : || งานเลี้ยงล่ม ||   Episode 9 : || คำประกาศจากยูรา || >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account