โคโยตี้สาวร้อนรัก
เมื่อความต้องตาต้องใจในแรกพบเกิดขึ้น ‘อติภพ’ เจ้าพ่อหนุ่มรูปหล่อแห่งสถานบังเทิงหรูจึงไม่รอช้า งัดหากระบวนท่าเพื่อหวังพิชิตและครอบครองสาวน้อยหน้าใสหัวใจโคโยตี้ที่มีนามว่า 'เภตรา' แต่จากที่คิดว่า 'ง่าย' กลับมีสารพัดเรื่องราวของความรัก พ่อแง่แม่งอน รวมถึงความเข้าใจผิดที่ชวนให้เจ้าพ่อหนุ่มต้องปวดหัว
.
ติดตามกันดูนะคะ
.
ลียาอัพทั้งหมด 50% ของเรื่องค่ะ ^_^
Tags: อติภพเภตรา โคโยตี้ โคโยตี้สาวร้อนรัก

ตอน: บทที่ 7 เบาะแสที่แสนบังเอิญ (สนพ. Siriaksorn book ตีพิมพ์)

“เราจะคุยกัน ระหว่างทางที่ฉันไปส่งเธอที่บ้าน”
“คุณน่ะหรือคะจะไปส่งฉัน”
“ถ้าใช่ แล้วทำไม” จังหวะนั้นอติภพก็กดโทรศัพท์ถึงคนของเขา ฟังว่าสั่งให้เลื่อนรถมารับที่หน้าไนต์คลับ เภตราถอนหายใจเป็นหนที่สิบ สาวน้อยย้ำกับเขาให้รู้ตัวว่า
“คุณเป็นเจ้าของไนต์คลับนะคะ”
“และยังเป็นเจ้าของ ที่กำลังจะพิจารณาผลการทดลองงานครั้งแรกของเธออีกด้วย” เขาย้อน
“ค่ะ ถึงไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้ แต่ดิฉันก็เตรียมใจเอาไว้เผื่อแล้ว ว่ามาสิคะ”
“ไม่ได้ยินเหรอ ฉันบอกว่าเราจะพูดระหว่างทางที่ไปบ้านเธอ”
“แต่ฉันไม่ต้องการให้คุณไปส่ง...อุ๊ย!”
เธอพูดได้เท่านั้น เพราะเมื่อสันต์เลื่อนรถมาจอดตรงหน้า อติภพก็เปิดประตูแล้วแทบจะต้องขู่อุ้มเพื่อให้สาวน้อยยอมขึ้นรถไปกับเขาจนได้ หากผ่านไปกว่าครึ่งทางจนกระทั่งใกล้ถึงบ้านเธอเข้าไปทุกที แต่อติภพก็ยังคงนั่งเงียบสลับกับเคลียร์งานอื่นๆ ผ่านมือถือสมาร์ทโฟน เภตราเสียอีกที่ทั้งกระวนกระวายและร้อนใจในสถานะพนักงานที่ไม่แน่นอนของตนเอง
“ไหนคุณบอกว่าจะคุยเรื่องทดลองงานของฉันไงคะ” เขาทำเสียงในลำคอ แต่ก็ยังไม่ยอมพูดอะไรสักคำ หนำซ้ำยังทำท่าว่าจะให้ความสนใจกับหน้าจอสีๆ นั่นหนักขึ้นไปใหญ่ เภตราทำอาการไม่พอใจให้เขารับรู้
“กรุณาเถอะนะคะคุณอติภพ คุณจะกลั่นแกล้งหรือปั่นหัวฉันเล่นเป็นตัวตลกในเรื่องอะไรก็ได้ ฉันทนได้ทั้งนั้น แต่อย่าบีบคั้นความรู้สึกของฉันด้วยอนาคตแล้วก็หน้าที่การงานเลยนะคะ ฉันไม่เห็นว่านี่เป็นเรื่องที่น่าล้อเล่น จริงอยู่...มันอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่หรือสลักสำคัญอะไรสำหรับคุณ แต่กับฉันและครอบครัว เรื่องงานและเงินมีความหมายแล้วก็ความสำคัญมากเกินกว่าที่คุณจะเข้าใจ เพราะฉะนั้น...ได้โปรดช่วยให้คำตอบและความกระจ่างกับฉันเถอะนะคะ ถ้าคุณจะไล่ฉันออกก็ขอให้บอกมาตรงๆ ฉันจะได้เตรียมหางานใหม่”
“ข้อเสนอของฉัน จะทำให้เธอมั่นคงทั้งในเรื่องเงินทองแล้วก็สุขสบายทั้งเรื่องความเป็นอยู่” เสียงทุ้มบอกเรื่อยๆ อย่างคนไม่ทุกข์ร้อน เภตราเองก็หมดความอดทนกับคนอย่างเขาแล้วเช่นกัน เธอบอกลั่นให้จอดรถ
“ช่วยสั่งให้คนของคุณหยุดรถด้วยค่ะคุณอติภพ ฉันจะลง” เธอเน้นเสียงเมื่อเขายังเฉย
“ข้างหน้านี่ก็ถึงทางเข้าบ้านเธอแล้ว จะรีบจอดไปไหน”
“ก็เพราะว่าฉันทนเห็นหน้า แล้วก็นั่งใช้อากาศหายใจร่วมกับคนอย่างคุณต่อไปไม่ไหวแล้วน่ะสิคะ!”
“เราเคยใช้อากาศหายใจร่วมกันแบบใกล้ชิดกว่านี้ แล้วก็นานกว่านี้ด้วยซ้ำ ทำเป็นลืม”
“คุณ!” ถ้าเภตราได้มีโอกาสเห็นหน้าของตัวเองในยามนี้ สาวน้อยคงจะเข้าใจคำเปรียบเปรยที่ว่าโกรธจนหน้าเขียวได้ซึ้งเลยล่ะ แต่ก็พอดีว่ารถคันหรูพาเธอมาถึงยังปากซอยเข้าบ้านได้พอดี อติภพเปิดประตูลงไปก่อนโดยไม่รอให้สันต์ลงมาเปิดให้อย่างทุกครั้ง ร่างสูงเดินอ้อมมาหาเด็กสาวที่กำลังเปิดประตูลงมาอีกด้าน
“รออยู่ตรงนี้แหละสันต์” เขาบอกพร้อมกับทำมือห้ามลูกน้อง สันต์เองแม้จะอยากตามเข้าไปดูแลความปลอดภัยเหมือนเช่นทุกที แต่ก็ทำได้เพียงแค่ยืนรอที่รถตามคำสั่งเท่านั้น ในใจนึกว่ายังดีที่ผู้เป็นนายเองก็มักติดอาวุธเป็นปืนพกกระบอกเล็กไว้กับตัวเสมอ ถือว่าเขายังอุ่นใจหายห่วงไปได้นิดหน่อย
“คุณทำแบบนี้ทำไมคะ” คนตัวเล็กถามพลางสาวเท้าเร็วๆ ไปข้างหน้า เธออยากถึงบ้านไวๆ ทั้งที่ในใจก็ยังนึกอยากรู้คำตอบเรื่องงานจากเขาเท่าๆ กัน
“ฉันทำอะไร”
“ก็ที่คุณมาตามตอแยฉันอยู่นี่ยังไงล่ะ”
“คนอย่างฉันน่ะหรือตามตอแยเด็กหัวดื้ออย่างเธอ” สำเนียงนั้นกลั้วหัวเราะอย่างเห็นขัน
“หรือไม่ใช่คะ”
“ไม่ใช่ เพราะฉันแค่...ตามมาดูแลคนของฉันเท่านั้น ไม่ใช่ตอแยอะไรอย่างที่เธอเข้าใจไปเองสักนิด” เหอะ เขายังมาว่าเธอเข้าใจไปเองอีก สาวน้อยคร้านจะใส่ใจในทุกคำของเขา ไหล่บางไหวเล็กน้อยในความสลัวของตรอกแคบๆ
“คนรวย เศรษฐี เวลาว่างคงมีมาก ฉันจะพยายามทำความเข้าใจคุณให้มากขึ้นแล้วกันนะคะ”
“ก็ดี ฝึกๆ ไว้ อ้อ...เธอผ่านทดลองงานแล้วนะ ตั้งแต่พรุ่งนี้ไป ก็ไปทำงานที่ไนต์คลับตามปกติได้”
“อะไรนะคะ!” คนฟังตั้งตัวไม่ทันกับสิ่งที่ได้ยิน ดูเอา...เวลาที่เธออยากรู้ ร้อนอกร้อนใจและกระวนกระวายในคำตอบ เขากลับยอกย้อนเหมือนไม่ไยดี แต่พอเวลาที่เธอปล่อยวางและตั้งใจจะปลด ‘ปลง’ กับมันแล้ว เขากลับเฉลยมันออกมาอย่างง่ายดายแบบที่เธอเองก็คิดไม่ถึง เภตรากระพริบตาถี่ๆ ก่อนจะยิ้มทั้งที่น้ำตาคลอ บอสของเธอทอดสายตาลงมองแล้วถาม
“เธอไม่ดีใจหรือ”
“ใครว่าล่ะคะ” มือเล็กยกขึ้นป้ายน้ำตาด้วยอาการเหมือนเด็กๆ
“ฉันดีใจมากที่สุดเลยต่างหาก แต่ที่ต้องถามก็เพราะไม่แน่ใจว่าคุณจะมาไม้ไหน หรือว่าจะแกล้งอะไรฉันอีกต่างหาก”
“ฉันไม่ใช่คนที่เอาเรื่องงานมาปนกับเรื่องส่วนตัว ในเมื่อเธอทำงานใช้ได้ ฉันก็ต้องว่าไปตามเนื้อผ้า แต่ข้อเสนอของฉันก็ยังคงอยู่นะ ไม่ถือว่าเป็นโมฆะหรือถูกขีดฆ่าลบออกแต่ประการใด” เค้าบอกหน้าตาเฉย และตามเคยคือเภตราก็อดไม่ได้ เด็กสาวเช็ดน้ำตา สูดจมูกแรงๆ แล้วว่า
“คนหน้าทน!”
“หือ แสดงทัศนคติที่ไม่ดีต่อเจ้านาย เธออาจถูกเพื่อนร่วมงานและผู้จัดการหมายหัวเอาได้นะ”
“หึ ฉันจะบอกให้นะว่าที่ทุกคนรัก เคารพ และปกป้องคุณก็เพราะพวกเขาไม่รู้ว่าเนื้อแท้แล้วคุณมันก็เป็นแค่เสือผู้หญิง ไม่ใช่บอสที่จริงจังกับงานและให้การดูแลทุกคนเหมือนครอบครัวหรือพี่น้องอย่างที่คุณพยายามสร้างภาพมาตลอดน่ะสิ”
“แล้วเธอรู้ไหม เสือผู้หญิง...จริงๆ แล้วเค้าเป็นกันยังไง” คนกระซิบถามเสียงแผ่วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ สาวน้อยตกใจถอยเท้าหนี แต่เจอพื้นผิวหลุมบ่อใต้เท้าทีก็ทำเอาแทบหงายหลัง ยังดีที่อติภพไวพอจะคว้าต้นแขนทั้งสองของเธอเอาไว้ได้ แรงรั้งจากมือใหญ่ส่งผลให้ร่างน้อยผวาเข้าหาอกกว้างด้วยอาการเสียหลักหน้าคะมำอย่างเต็มที่
“ว้าย!” เภตราคลำหน้าผากที่โขกเข้ากับอกหนาๆ แข็งๆ ของอีกฝ่ายป้อย
“จุ๊ๆ” อติภพทำเสียงเตือนให้เธออย่าเอะอะ สาวน้อยเกร็งตัว
“จะทำอะไร!”
“สาธิต”
“สาธิตบ้าอะไรของคุณอีก ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะคุณอติภพ”
“ถ้าปล่อย เธอก็จะไม่ได้รู้สิ ว่าเสือผู้หญิง จริงๆ มันต้องเป็นแบบไหน”
“ไม่เอา ฉันไม่อยากรู้อะไรแล้วทั้งนั้น ปล่อยนะ!” มือเล็กทุบรัวๆ ลงกับบ่าไหล่เขาเป็นพัลวัน
“จุ๊ๆ อย่าเอ็ดไป นี่ดึกแค่ไหนแล้วเธอรู้ไหม อยากปลุกให้คนทั้งซอยเขาตื่นมาดูวิธีการสาธิตของฉันด้วยหรือยังไง”
“คุณอติภพ อย่านะ ไม่ อื้อ...” เสียงเล็กๆ ของคนช่างโวยถูกกลืนกลับลับหายลงไปในลำคอ เพราะริมฝีปากบางรุมร้อนของคนตัวใหญ่ที่ชิงประกบจุมพิตแรงๆ ลงมาอย่างแนบแน่น เภตราทั้งด้อยกว่าในเรื่องกำลังและชั้นเชิง เธอไม่อาจต่อสู้หรือขัดขืนความต้องการของเจ้าพ่อเลิฟเว่อร์คลับที่เหนือกว่าในทุกทางได้ ร่างเล็กๆ อ่อนเปลี้ยยังยืนนิ่งอยู่ได้เพราะอ้อมแขนแกร่งของเขาช่วยรัดรั้งแกมพยุงเป็นหลักไว้ เวลาเนิ่นนานแค่ไหนไม่รู้ได้ ที่เรียวปากฉ่ำหวานถูกครอบครองโดยผู้รุกราน จนกระทั่ง...
“นั่นใคร!” เสียงตะโกนถามที่ดังมาจากอีกด้านของตรอกเล็กๆ ทำเอาเภตราสะดุ้ง อติภพค่อยถอนริมฝีปาก หากก็ยังไม่ปล่อยมือจากเธอเสียทีเดียว ดูเขาไม่ได้มีท่าทีตระหนกตกใจแต่อย่างใด ออกจะรำคาญด้วยซ้ำไปที่ถูกขัดจังหวะ ตาคู่คมของชายหนุ่มเพ่งฝ่าความสลัวตรงไปยังที่มาของเสียง
“เอ๊ะ! อ้าว น้องผึ้งนั่นเอง” น้ำเสียงกวนๆ ของชายร่างผอมเกร็งในวัยยี่สิบปลายยังตะโกนดังลั่น
“แล้วนั่นมาทำอะไรกับใครที่ไหนสองต่อสองดึกดื่นป่านนี้ เอ๊ะๆๆๆ หรือที่เขาลือๆ กันว่าไม่ได้ไปทำงานที่ร้านอาหารจริงๆ น่ะมันจะมีมูลซะแล้ว”
“ไม่ใช่นะ ฉันไม่ได้ทำอะไรนะนายโป้” เภตราปฏิเสธเร็วๆ เสียงหัวเราะมีนัยของไอ้โป้ อันธพาลขี้ยาตัวร้ายประจำซอย พานจะทำให้เธอยิ่งเดือดร้อนใจเข้าไปใหญ่
“แหม จะปฏิเสธทำไมกัน ก็พี่เห็นอยู่กับตาสองข้างทนโท่เนี่ย อ้าว...ที่รักตื่นจนได้ พี่คงเสียงดังไปสินะ มาๆ เดี๋ยวจะพาไปกล่อมนอนอีกสักยกนะจ๊ะคนสวย”
ไอ้โป้หันไปประคองกอดผู้หญิงผมยุ่งยาวแค่ประบ่าที่โซเซออกมาจากบ้านโทรมๆ หลังเดียวกับมัน ผู้หญิงคนนั้นขยี้ตาแล้วทำท่าไม่พอใจที่ใครคงไปกวนเวลานิทราอันแสนสุขของเธอเข้า เสียงแหบๆ ถามขึ้น
“น่ารำคาญ มีอะไร เสียงดังจริง”
“ก็...ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ พี่ก็แค่ทักทายคนบ้านใกล้เรือนเคียงหน่อยเท่านั้น คนสวยอย่าหงุดหงิดไปเลยนะจ๊ะ”
“คนบ้านใกล้ ใคร?”
“นั่นมัน...” อติภพหรี่ตาอย่างไม่แน่แก่ใจ ปฏิกิริยาบางอย่างของเขาทำให้เภตราที่ยังอยู่ในอ้อมแขนรับรู้ได้ว่าเขาน่าจะกำลังตกใจกับอะไรบางอย่าง ร่างสูงขยับผละจากจุดที่ยืน ตั้งท่าจะดิ่งเข้าไปหาไอ้โป้และผู้หญิงของมัน
“คุณจะไปไหน!” เภตราดึงแขนเขาไว้สุดแรง เธออาจไม่มีเหตุผลมาอธิบาย แต่บอกได้เพียงแค่ว่า คนอย่างไอ้โป้นั้นไม่ว่าใครก็ไม่ควรจะเฉียดเข้าไปใกล้
“ปล่อยฉันเภตรา”
“ไม่ค่ะ คุณคิดจะทำอะไรคุณอติภพ”
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ!” อติภพเผลอตวาด
“อ๊ะๆๆ มีอะไรกันเหรอจ๊ะน้องผึ้ง ใครขัดใจรึมีปัญหาก็วิ่งมาถามลูกตะกั่วในปากกระบอกนี้ได้เลยนะ พี่พร้อมจ้ะ ฮ่ะๆๆๆ เอ้า ว่าไงล่ะไอ้หนุ่มมาดโก้ ข้องใจอะไรก็เข้ามาสิวะ” คนที่ถือตัวว่าเป็นเจ้าถิ่นร้องตะโกนท้า
“ปล่อยฉันเภตรา เดี๋ยวสิ เธอ!” เสียงห้าวร้องเรียก แต่ ‘ผู้หญิงของไอ้โป้’ กลับรีบสะบัดหน้าผลุบหายเข้าไปในบ้านโทรมๆ รกๆ นั่นอย่างตกใจ
“นี่มันอะไรกันคุณ” สาวน้อยก้าวเข้าไปขวางเขาไว้ทั้งตัว เริ่มรู้สึกว่าเป้าหมายที่คนร่างสูงอยากจะเข้าไปหาไม่น่าใช่ไอ้โป้เสียแล้ว
“บอกว่าไม่ใช่เรื่องของเธอ ไป รีบกลับเข้าบ้าน ฉันจะไปส่ง” เขาตัดบท เภตรายังลังเล แต่เวลานี้เธอควรเชื่อฟังเขา แม่เคยสอนว่าคนฉลาดต้องไม่เอาชีวิตและความปลอดภัยของตัวเองมาเป็นตัวประกันให้กับความดื้อรั้น ถ้าขืนยังอยู่โต้ตอบกันไปมา มันก็น่าจะเกิดเรื่องขึ้นอีกไม่กี่นาทีนี้ล่ะ เจ้าของร่างเล็กตัดสินใจ คว้าข้อมือของคนตัวใหญ่แล้วออกแรงลากพากันไปจนถึงหน้าบ้านเธอ ระหว่างนั้นเสียงของไอ้โป้ก็ยังคงตะโกนก้องท้าทายตามหลังไม่ลดละ จนเมื่อเห็นว่าไม่มีใครสนใจ มันถึงได้เดินกร่างปึงปังกลับเข้าไปในบ้านอย่างเดิม ก่อนเข้าบ้าน เภตราหันไปมองหน้าเครียดๆ ของอติภพอย่างไม่เข้าใจ ตอนอยู่ในรถเขายังไม่มีอาการแบบนี้ แล้วนี่เขากำลังคิดอะไรอยู่ มันเกิดอะไรขึ้นในตอนที่ไอ้โป้กับผู้หญิงที่พามานอนด้วยโผล่หน้าออกมา
“ถึงบ้านฉันแล้วค่ะ” สาวน้อยบอกเบาๆ
“เข้าไปสิ”
“ฉันเข้าแน่ค่ะ แต่ว่า...คุณน่าจะให้คนของคุณเข้ามารับในนี้ เพราะเรื่องกระทบกระทั่งเมื่อกี้อาจจะทำให้คุณ...ไม่ปลอดภัย”
“ทำไม ห่วงฉัน กลัวว่าจะโดนไอ้ขี้ยานั่นดักเล่นงานเอากลางทางหรือไง”
“ขี้ยา?” เภตราทำหน้าฉงน ทำไมเขารู้
“ก็ท่าทางแบบนั้น กับสภาพแวดล้อมรอบตัวแบบนี้ใครดูไม่ออกก็คงโง่เต็มที”
“ค่ะ บอสผู้ฉลาดเฉลียว” สาวน้อยได้แต่กระแทกเสียงอย่างนึกหมั่นไส้
“แต่ไม่ว่ายังไง ฉันก็...ขอบคุณนะคะที่อุตส่าห์มาส่ง”
“ขอบคุณก็เป็นนี่” หางเสียงนั้นเจืออาการหัวเราะเบา
“หึ ถึงไม่ใช่ผู้รากมากดี แต่ฉันก็ไม่ได้ขาดการอบรมถึงขนาดจะไม่รู้จักมารยาทนะคะ ส่วนคุณก็น่าจะรู้ตัว ว่าควรจะขอโทษฉันสักครั้งด้วยเหมือนกัน”
“ขอโทษเรื่องอะไร” เขาขมวดคิ้วถาม
“ก็เรื่องที่คุณ...ทำไม่ดีกับฉันแล้วก็รังแกฉันตั้งแต่เจอหน้าน่ะสิ”
“อ้อ งั้นฉันจะบอกอะไรให้นะเภตรา คนอย่างฉัน จะขอโทษก็ต่อเมื่อทำอะไรที่ไม่ได้ตั้งใจแล้วมันมีผลให้คนอื่นต้องเดือดร้อนเท่านั้นน่ะสาวน้อย”
“ค่ะ งั้นก็ถูกแล้วที่คุณจะต้องขอโทษฉัน” เจ้าของร่างเล็กยกมือขึ้นกอดอก ท่าทางคล้ายมั่นใจว่าเธอจะได้รับฟังคำๆ นั้นจากปากเขาแน่ แต่แล้ว
“เสียใจ ฉันไม่ขอโทษ”
“คุณอติภพ!”
“ก็บอกแล้ว ถ้าเป็นเรื่องที่ไม่ได้ตั้งใจ ฉันถึงจะขอโทษ” เขาบอกย้ำอีกครั้ง
“แต่ว่าคุณ...คุณ...”
“แต่ว่าฉันจูบเธอ กอดเธอ แล้วก็ฟัดเธอไปหลายยกใช่ไหมที่ทำให้เธอต้องโมโหโทโสอยู่จนถึงตอนนี้”
“คุณ! ฉันห้ามคุณพูดนะ” เภตราตกใจ เผลอตัวเอื้อมมือไปปิดปากเขา คิดเอาว่าถ้ามีใครมาได้ยินเข้า โดยเฉพาะถ้าเป็นแม่ด้วยแล้วมันจะเกิดอะไรขึ้น สาวน้อยหน้าเสียหนัก มารู้ตัวเอาก็ตอนที่ได้ยินเสียงหัวเราะหึจากในลำคอของเขานั่นล่ะ มือเล็กรีบหดกลับอย่างว่องไว อติภพไม่สนใจอะไรอื่น เขายื่นหน้าเข้ามาใกล้พร้อมรอยยิ้มแสนเจ้าเล่ห์
“กับเธอ มันเป็นเรื่องที่ฉันทั้งตั้งใจแล้วก็จงใจทำ ฉะนั้นก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องขอโทษ เข้าใจมั้ยสาวน้อย”
“บ้า! แล้วทำไมจะต้องเป็นฉันด้วย คุณมันคนบ้า บ้าๆๆ ที่สุดเลยคุณอติภพ”
คนว่าแทบกระทืบเท้าเร่าอย่างอัดอั้น เธอไม่รออะไรอีกต่อไป เพราะไอ้ความคิดที่อยากจะกระโจนเข้าไปทุบร่างหนาๆ ให้น่วมด้วยความแค้นนี่พลุ่งโพลงขึ้นมาทุกขณะ ทางที่ดีเธอควรจะหนีให้พ้นจากใบหน้ายียวนกวนอารมณ์ของเขาให้ไวที่สุด ร่างเล็กจึงรีบก้าวเร็วๆ ไปไขกุญแจบ้าน อติภพเองรอจนอีกฝ่ายปิดประตูใส่กลอนเรียบร้อยจากด้านใน จากนั้นเขาถือโอกาสมองสำรวจรอบตัวบ้านอย่างไม่ถูกอารมณ์ เภตราจะอยู่อย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหน แล้วแน่ใจได้ยังไงว่าเธอจะปลอดภัยจากคนร้ายและมิจฉาชีพที่นับวันจะยิ่งผุดโผล่ขึ้นมากมายในสังคม ยังไม่ต้องคิดถึงอะไรที่เป็นวงกว้าง เอาแค่ในตรอกซอกซอยนี้เถอะ มันน่ากลัวสำหรับผู้หญิงตัวเล็กๆ ขนาดไหนคงไม่ต้องให้เขาสาธยาย เจ้าพ่อเลิฟเว่อร์คลับส่ายศีรษะ ถ้าเธอรับข้อเสนอของเขาเสียเรื่องก็จบ เภตราจะได้ทั้งบ้านช่อง เงินทอง และความสะดวกสบายทุกอย่างในพริบตาราวเนรมิต เจ้าของความคิดค่อยเดินห่างออกไป...และนั่นก็เป็นช่วงเวลาที่เขาปล่อยให้ภาพใบหน้าของผู้หญิงที่บังเอิญเจอในบ้านไอ้ขี้ยาคนเมื่อครู่ฉายซ้อนขึ้นมาแทนที่ อติภพเก็บภาพเหตุการณ์นั้นมาขบคิด แม้จะเห็นไม่ชัดในความมืดสลัว แต่ใบหน้าและท่าทางผู้หญิงคนนั้นมันช่าง...คล้ายกับใครคนหนึ่งมากเหลือเกิน...กระทั่งชายหนุ่มเดินย้อนกลับมาทางเดิมจนใกล้ถึงบริเวณบ้านของไอ้โป้ เขาจำชื่อมันได้ไม่ผิด เพราะได้ยินเภตราเรียกมันด้วยชื่อนี้ ก็มีบางสิ่งที่ผิดปกติ พร้อมด้วยเสียงกุกกักที่ดังขึ้นด้านหลัง เงาตะคุ่มที่หางตาคมแลกวาดไปเห็น ทำให้ร่างสูงนั้นต้องผ่อนฝีเท้าก่อนหยุดชะงัก พร้อมกับการตั้งรับหมาลอบกัดจำนวนไม่ต่ำกว่าสามตัวซึ่งดาหน้าเข้ามาพร้อมอาวุธแหลมคมครบมือ
“รู้อะไรไหม มึงมาเดินเต๊ะผิดที่ผิดทางแล้วล่ะไอ้รูปหล่อ!” เจ้าของมีดดาบยาวกว่าฟุต แถมอำพรางหน้าตาด้วยหมวกไอ้โม่งเอ่ยขึ้น มันส่งสัญญาณให้คนอื่นๆ เตรียมกระโจนเข้ารุมเล่นงานเป้าหมายพร้อมกัน
“เล่นมันเลยพวกเรา สั่งสอนให้มันหลาบจำซะบ้างว่าอย่ามาเที่ยวเตร็ดเตร่กวนบาทาลูกพี่เราแถวนี้ เอามันเลยโว้ย!”
/////////////////////////
เพราะเวลาที่นานเกินไป ทำให้สันต์ที่กำลังรอผู้เป็นนายกลับออกมาเริ่มออกอาการกระวนกระวายให้เห็น ความเป็นห่วงทำให้ร่างหนารีบปรี่เข้าไปหาทันทีที่เห็นอติภพเดินพ้นปากซอยออกมา สภาพเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ชายหลุดลุ่ยและปลายผมสั้นที่สะบัดจนเสียรูปทรงไปไม่รอดพ้นสายตาของบอดี้การ์ดมือขวาอย่างเขาไปได้
“เกิดอะไรขึ้นครับนาย!” ปากถาม สายตาก็กวาดมองสำรวจทั่วตัวของอีกฝ่ายไปด้วย
“มีเรื่องให้ต้องออกแรงนิดหน่อยน่ะ” อติภพบอกเสียงเรียบ คล้ายไม่เห็นว่านี่จะเป็นเรื่องที่ควรตระหนกตกใจ แต่สันต์ยังไม่ยอมเท่านั้น
“นายไม่ได้บาดเจ็บตรงไหนนะครับ”
“ไม่ ขึ้นรถเถอะ”
“มันเป็นใครครับนาย” สันต์เหลือบมองกระจกมองหลัง พยายามสังเกตและอ่านอารมณ์จากสีหน้าของคนเป็นเจ้านาย แต่ก็ไม่ยักดูออกเหมือนครั้งก่อนๆ
“อันธพาลในซอยน่ะ บังเอิญกระทบกระทั่งกันนิดหน่อย”
“พรุ่งนี้ผมจะให้คนมาจัดการ”
“ไม่ต้อง ฉันสั่งสอนพวกมันไปแล้ว คงเข็ดไปสักพัก แต่มีเรื่องอื่นที่มันน่าสนใจกว่านั้นนะสันต์”
“เกี่ยวกับเด็กสาวที่ชื่อเภตราใช่ไหมครับ”
“ไม่” คำตอบสั้น แต่แฝงความรู้สึกที่อธิบายไม่ได้
“เอ แล้วเรื่องอะไรหรือครับที่ทำให้นายสนใจได้”
“ฉันคิดว่า...ฉันเจอนิสา”
“คุณนิสางั้นหรือครับ!” สันต์อดจะตื่นเต้นม่ได้ นานแค่ไหนที่เขาและพรรคพวกอีกกว่าสิบชีวิตได้รับคำสั่งให้ออกตามหาคุณนิสา แต่ก็ไม่เคยมีวี่แววว่าจะได้พบตัวเธอเลย
“ก็ยังไม่แน่ใจ เห็นไม่ถนัด แต่คล้ายเหลือเกิน”
“งั้นพรุ่งนี้เช้าผมว่าเรากลับมาดูกันอีกทีดีไหมครับ”
“ก็ต้องเป็นอย่างนั้น แต่ต้องไม่เอิกเกริกแล้วก็อย่าให้เจ้าตัวรู้ตัวเข้าเสียก่อน”
น้ำเสียงนั้นบอกถึงความกังวลอย่างเห็นได้ชัด สันต์ไม่ค่อยเข้าใจ ในเมื่อนายเป็นคนสั่งให้ออกตามหาคุณนิสาว่าที่เจ้าสาวของคุณพายัพซึ่งเป็นอดีตเพื่อนรักของนายเอง แล้วทำไมพอได้เบาะแสที่ควรดีใจ นายถึงยังจะทำอะไรแบบลับๆ เงียบๆ อยู่อีก
“ทำไมล่ะครับนาย ถ้าคุณพายัพรู้คงจะดีใจมาก แล้วบางทีเขาอาจจะเข้าใจเสียที ว่าที่ผ่านมานายก็เองก็ไม่เคยนิ่งดูดาย แถมยังคอยช่วยออกตามหาคุณนิสาตลอดเวลาไม่ได้หยุด”
“เพราะผู้หญิงคนที่ฉันเจอ เธอทำเหมือนกับ...จงใจจะหลบหน้ายังไงล่ะ”
“ถ้าอย่างนั้น ก็ไม่น่าจะใช่คุณนิสาน่ะสิครับ” ความหวังในใจอีกฝ่ายค่อยลดระดับลงไป เพราะทุกคนล้วนเคยเห็น ก่อนนี้นิสาดีใจแค่ไหนเวลาที่ได้เจออติภพ
“เรายังไม่รู้ และจะไม่สรุปอะไรในตอนนี้ทั้งนั้น”
“จนกว่าจะแน่ใจ ว่าเธอใช่หรือไม่ใช่คนที่เราตามหา ถูกไหมครับนาย”
อติภพพยักหน้า เขาไม่ลืมกำชับให้สันต์เก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ จากนั้นชายหนุ่มนิ่งและขบคิดไปตลอดทางว่าถ้าผู้หญิงคนนั้นคือนิสาจริงๆ ทำไมเธอถึงมาอยู่ที่ซอยนั่นในสภาพแบบนั้นได้ เจ้าพ่อเลิฟเว่อร์คลับพยายามหาเหตุผลและความเป็นไปได้เพื่อเชื่อมโยง ลำดับความคิดของเขาค่อยย้อนกลับไปในค่ำคืนก่อนใกล้งานวันวิวาห์ระหว่างสองคนที่เขารัก...พายัพกับนิสา หลังปาร์ตี้สละโสดคืนนั้น ว่าที่เจ้าสาวของพายัพที่อยู่ในอาการมึนเมาพอควรได้เข้ามาพูดบางอย่างกับเขา นิสาเรียกว่านั่นคือการเปิดใจ เปิดความรู้สึกเบื้องลึกที่เธอเองไม่เคยกล้าแม้แต่จะบอกหรือระบายกับใครมาก่อน สิ่งที่เธอสารภาพออกมา มันสร้างทั้งความน่าตกใจและประหลาดใจให้กับคนฟังอย่างอติภพอย่างเหลือคณา คิดมาถึงตรงนี้...ร่างสูงที่นั่งด้วยอาการบ่าไหล่ตั้งตรงมาตลอดทางก็ค่อยเอนลงกับพนักด้านหลังอย่างเหนื่อยใจ ถ้าให้ย้อนเวลาได้ เขาคงเลือกที่จะอธิบายกับนิสาให้มากกว่านั้น เมื่อเขาและเธอเข้าใจตรงกัน มันก็อาจจะไม่เกิดปัญหาบานปลายขึ้นอย่างในวันนี้ วันที่เขาต้องเสียทั้งเพื่อนรักอย่างพายัพ และสูญทั้งมิตรภาพที่ดีระหว่างนิสาไปอย่างไม่รู้ว่าจะมีวันได้กลับคืนมาอีกไหม



ลียา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 1 มี.ค. 2560, 14:26:24 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 1 มี.ค. 2560, 14:34:05 น.

จำนวนการเข้าชม : 805





<< บทที่ 6 ความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก (สนพ. Siriaksorn book ตีพิพม์)   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account