The D.O.L.L.S โศกนาฏกรรมปีศาจตุ๊กตามหาเวท
"นักขายความฝันผู้เลือดร้อน & นักโทษประหารผู้เริงร่า & หัวขโมยผู้เย็นชา"
ต่างถิ่น ต่างความคิด ต่างอาชีพ ต่างนิสัย ต่างจุดมุ่งหมาย ต่างเผ่าพันธุ์
กลับต้องมาอยู่ด้วยกันเพราะเหตุบางอย่าง... The D.O.L.L.S

ตุ๊กตาปีศาจมีลักษณะรูปร่างเหมือนมนุษย์ทุกประการ

ถ้าอย่างนั้น...จะรู้ได้อย่างไร?
...เป็นปีศาจ...หาใช่มนุษย์ไม่...

ระวังไว้ให้ดี...ทุกอย่างอาจเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา...

...ที่ใครบางคนสร้างขึ้นเท่านั้น...

สงครามระหว่างผู้มีพลังเวทกับมนุษย์ธรรมดา
ใครจะอยู่รอดเป็นผู้กำชัยชนะ!?


- ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านจากใจจริง -
แผนที่นครเซ็นทรัม http://i49.photobucket.com/albums/f290/thunchanoks/map122e1.jpg
Tags: ตุ๊กตา,ปีศาจ,คำสาป,เวทมนตร์,สงคราม,แฟนตาซี,ผู้ใช้เวท,มนุษย์,โศกนาฏกรรม,mystery

ตอน: Episode 10 : || ค่าซี ||

EPISODE 10
ค่าซี




“ให้เอาไอ้นี่ไปฉีดให้เพื่อนร่วมทางทุกคนน่ะเหรอ” มิเวลมองหลอดบรรจุของเหลวไม่มีสีในมืออย่างงงๆ



“ใช่ขอรับ นี่คือเข็มฉีดยาที่บรรจุค่าซีเอาไว้ขอรับ” ทหารยามคนเดียวกันกับเมื่อเช้าเริ่มต้นอธิบาย จริงๆ แล้ว ถ้าหากไม่มารับการบรรจุค่าซีหลังจากเข้าเมืองไปแล้วภายในสามชั่วโมง จะต้องโดนขับไล่ออกจากเมืองทันที แต่สำหรับสาวน้อยแสนน่ารักตรงหน้านี่ เขารู้สึกไม่อยากทำให้เธอต้องเสียใจจึงยกเว้นให้เป็นกรณีพิเศษ



“ให้ข้าเอาไปฉีดเองจะดีเหรอ แล้วจะว่าไป ค่าซีนี่มันคืออะไรน่ะ”



“ค่าซีก็คือคลื่นส่งสัญญาณชนิดหนึ่งในรูปของเหลว ค่าซีของแต่ละคนจะแตกต่างกันไป เมื่อถูกฉีดเข้าไปในเลือดแล้วก็จะส่งสัญญามาที่นี่เพื่อระบุตัวตนของคนคนนั้น รูปแบบของข้อมูลจะปรากฏเป็นตัวเลขเฉพาะของแต่ละคน ตราบใดที่ค่าซียังไม่ถูกฉีดเข้าไปในร่างกาย ทางแคว้นยูราจะไม่มีข้อมูลของผู้นั้นบันทึกเอาไว้ เมื่อถูกตรวจพบตอนออกจากเมือง ก็จะต้องรับโทษขึ้นศาลของรัฐบาล ข้อหาเข้าข่ายว่าเป็นผู้บุกรุกขอรับ”



มิเวลก้มมองเจ้าเข็มฉีดยาอีกรอบด้วยความรู้สึกทึ่งหลังจากได้รู้ความสามารถของมัน



เด็กสาวหันไปมองด้านหลัง เห็นคนทำเรื่องขอเข้าเมืองยืนเข้าแถวยาวเหยียดแต่มีจำนวนทหารอยู่แค่ไม่กี่คน รู้สึกแปลกใจนิดๆ เพราะเมื่อครู่ตอนอยู่ในเวทบาเรียของเอเวน เธอมั่นใจว่าเห็นทหารยามมากกว่านี้ แต่ดีนะที่เธอเข้าเมืองไปก่อนแล้วค่อยมาทำเรื่องขอเข้าเมืองทีหลัง เพราะไม่ต้องไปยืนคอยนาน



“ขั้นตอนต่อไป ท่านต้องฝากของมีค่าสามชิ้นไว้ที่นี่ขอรับ”



สามชิ้น...



เอาไงดีล่ะ เธอไม่ฝากดาบแห่งไฟของตัวเองแน่ แต่นอกจากดาบกับแผนที่ต้องคำสาปแล้ว เธอก็ไม่มีของมีค่าอะไรอย่างอื่นเลย



จริงสิ



เด็กสาวล้วงหยิบของบางอย่างออกมากจากกระเป๋าคาดเอว อัญมณีสีแดงเพลิงขนาดเท่ากำมือที่ย่าทวดของเธอคะยั้นคะยอให้เอาติดตัวมาก่อนออกจากฟรอซเซล ท่านย่าคงกลัวเธอไปตกระกำลำบากก็เลยเอาอัญมณีสุดแพงชิ้นนี้ยัดใส่มือเธอมาด้วย



‘ข้ารู้ว่าห้ามเจ้าเท่าไหร่ก็คงไม่ฟัง แต่จำเอาไว้นะมิเวล โลกข้างนอกนั้นอันตรายเกินกว่าเจ้าจะหยั่งรู้ได้ เพราะฉะนั้น ห้ามเชื่อใจใครเด็ดขาด’



มิเวลลืมตาขึ้นช้าๆ ภาพของท่านย่ากล่าวอำลาเธอยังคงตรึงแน่นในความทรงจำ คำเตือนจากย่าทวดเธอจำได้ขึ้นใจ



“ก้อนนี้พอสำหรับสามคนหรือเปล่า ข้าลืมเอาของเพื่อนข้ามาด้วยน่ะ”



ทหารหนุ่มมองเพชรก้อนโตสลับกับใบหน้าของสาวน้อยด้วยสายตาตกตะลึง นี่นางเป็นใครกันแน่เนี่ย เพชรเม็ดเบ้อเริ่มขนาดนี้สามารถไปซื้อเมืองใหญ่ๆ ได้ทั้งเมืองเลยด้วยซ้ำ



เจ้าหญิง!



นางต้องเป็นเจ้าหญิงผู้แอบลอบหนีจากวังอันแสนอึดอัดและมืดมนเพื่อเดินทางตามหารักแท้อย่างแน่นอน!



“พะ...พอขอรับ กระหม่อม...ข้าน้อย...เอ้ย...ข้าจะรีบเปิดทางให้ท่านเดี๋ยวนี้ขอรับ” เสียงตะกุกตะกักตอบด้วยความประหม่า แล้วรีบหันไปจัดการเอกสารต่างๆ พร้อมกับบอกเจ้าหญิง (?) ว่าทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว



สายตาเหม่อลอยมองร่างเล็กเดินไกลออกไปเรื่อยๆ พลางคิดเพ้อฝันจินตนาการไปไกลจนลืมไปว่าตัวเองอยู่ในระหว่างการทำงาน นักเดินทางคนใหม่เข้ามานั่งรอมองเขาด้วยสีหน้าบึ้งตึง ยืนเข้าแถวอยู่เป็นชาติ พอเข้ามาก็ดันเจอทหารหลับในซะงั้น



“นี่!” เสียงตะโกนเรียกทำให้สติที่หลุดลอยกลับคืนมา ทหารหนุ่มสะบัดหน้าแรงๆ ไล่จินตนาการในหัวออกไปให้หมด แต่กลับบังคับให้หัวใจหยุดเต้นโครมครามไม่ได้เสียที



เขาตกหลุมรักนางเข้าเสียแล้ว



แต่มันเป็นไปไม่ได้หรอก นางเป็นถึงเจ้าหญิง ส่วนเขาเป็นแค่ทหารจนๆ ไม่สิ นางอาจจะต้องการรักแท้ไม่สนใจเรื่องเงินทอง เพราะฉะนั้นเขายังคงมีหวังอยู่



แล้วทหารหนุ่มก็เพ้อฝันต่อไป



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



มิเวลจำได้ว่าเธอกับเอเวนทิ้งรถม้าไว้ตรงถนนใหญ่ในเมือง เพราะฉะนั้นตอนนี้มันก็น่าจะอยู่ที่นั่น แต่เกิดเรื่องวุ่นวายขนาดนี้ เธอก็ได้แต่หวังว่ารถม้าจะยังคงอยู่ที่เดิมของมัน



ใช้เวลานานพอสมควรกว่าจะเดินกลับมาถึงตัวเมือง เด็กสาวรู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นผู้คนมากมายเดินกันขวักไขว่ แม้จะไม่แออัดเท่ากับเมื่อตอนบ่ายก็ตาม แต่ก็ไม่น่าเชื่อว่าทั้งที่เกิดเรื่องขนาดนั้น ชาวเมืองยังคงกล้าออกมาเดินเพ่นพ่านกันข้างนอกอยู่ด้วย



‘พวกมนุษย์เรียกมันว่าปีศาจกลายพันธุ์ แต่ผู้ใช้เวทอย่างข้ากับเจ้าเรียกมันว่า ตุ๊กตา’



อยู่ๆ เธอก็รู้สึกหวาดระแวงขึ้นมาระหว่างเดินอยู่ในกลุมคนจำนวนมาก นึกถึงคำบอกของเอเวน หมายความว่าคนธรรมดาพวกนี้อาจจะเป็นตุ๊กตาปีศาจก็ได้งั้นสิ



ไม่ ตุ๊กตานั่นถูกเธอกำจัดไปแล้ว เพราะฉะนั้นชาวเมืองพวกนี้ก็เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาเท่านั้น



‘...ตุ๊กตาจะยังคงอยู่ในร่างเหมือนมนุษย์ทุกประการ...’



...ถ้าเป็นเช่นนั้น แล้วเธอจะรู้ได้อย่างไรว่าใครคือพวกมัน



ขาสองข้างเริ่มก้าวต่อไปไม่ไหว เธอไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาการบาดเจ็บจากการต่อสู้ก่อนหน้านี้หรือเพราะหวาดกลัวคนรอบข้างกันแน่



“...มิเวล!” เสียงร้องเรียกปลุกให้ตื่นขึ้นจากภวังค์ มิเวลหันมองเจ้าของเสียง แล้วก็เห็นเอเวนยืนอยู่ข้างๆ รถม้าคันคุ้นตาซึ่งอยู่ห่างออกไปไม่ไกล เด็กสาวรีบวิ่งเข้าไปหา นึกสงสัยว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่ได้



“มีอะไรเหรอ ข้าบอกให้เจ้ากลับไปก่อนแล้วนี่”



“เอานี่ไป” คนตรงหน้ายื่นอะไรบางอย่างมาให้



มิเวลมองของในมืออีกฝ่ายอย่างฉงนก่อนจะรับมาถือไว้ ดูๆ แล้วลักษณะเหมือนกับเข็มฉีดยาบรรจุค่าซีอะไรนั่นเลย เพียงแต่ค่าซีไม่มีสี ส่วนของเหลวข้างในหลอดนี้เป็นสีแดงเข้ม



“นี่อะไรน่ะ”



“พวกทหารจะขอตรวจเลือดของทุกคน พอถึงตอนนั้น...” เอเวนหันกลับไปด้านหลัง แล้วขยับตัวไปทางซ้ายเล็กน้อย เผยให้เธอเห็นร่างหนึ่งยืนอยู่ข้างหลังเขา “เจ้าสี่ขานี่จะช่วยสะกดจิตพวกทหารให้หมดสติไปพักหนึ่ง แล้วเจ้าก็เอาเลือดในหลอดนั่นไปสับเปลี่ยนกับเลือดของเจ้าซะ”



ควินัวในร่างลูกสุนัขตัวน้อยน้อมศีรษะของมันลงน้อยๆ อย่างสุภาพ เธอเคยสงสัยเกี่ยวกับเจ้าตัวน้อยตรงหน้าอยู่พอควร ไม่น่าเชื่อเลยว่าสัตว์เวทหายากที่เป็นสัญลักษณ์แห่งความบริสุทธิ์อย่างเฟรเนร่าจะเลือกติดตามเจ้าคนพูดมากได้



“ตรวจเลือดงั้นเหรอ เพราะเรื่องตุ๊กตาปีศาจใช่มั้ย”



“ใช่ แม้ว่าตัวแคปซูลจะใช้พวกทหารไปบอกข่าวว่าเจ้ากับข้าตายไปแล้วก็เถอะ แต่องค์ราชานั่นคงยังไม่แน่ใจว่ามีผู้ใช้เวทหลงเหลืออยู่อีกรึเปล่า”



ตัวแคปซูล?



อ๋อ เจ้าบ้าวอลสินะ จะถือว่าเป็นเกียรติอย่างมากดีมั้ยเนี่ยที่เอเวนยอมเรียกชื่อของเธอดีๆ มิเวลอดคิดกับตัวเองไม่ได้ ทำให้ไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าลังเลนิดๆ เหมือนไม่แน่ใจว่าจะพูดดีหรือเปล่าของเอเวน



“...แล้วเมื่อกี้เจ้าเป็นอะไร” เสียงเรียบเอ่ยถาม “ข้าเห็นสีหน้าเจ้าไม่ค่อยดี”



“เอ่อ ไม่มีอะไรหรอก ข้าแค่เจ็บแผลน่ะ พวกทหารจะตรวจเลือดเมื่อไหร่ล่ะ” คนถูกถามตอบเลี่ยงๆ แล้วเบี่ยงไปถามเรื่องอื่นแทน เพราะไม่อยากให้เขารู้ว่าเธอกลัวตุ๊กตาปีศาจพวกนั้น



“หลังพระอาทิตย์ตก”



ร่างเล็กหันไปมองทางทิศตะวันตก เห็นพระอาทิตย์หมิ่นเหม่อยู่ริมขอบฟ้า คงอีกไม่นานนี้แล้วสินะ เพราะอย่างนี้ทุกคนถึงรีบออกมาทำธุระกันให้เสร็จก่อนพระอาทิตย์ตกดินนี่เอง



“แล้วนี่เลือดของใคร”



“ตัวแคปซูล”



“ของวอลน่ะนะ” มิเวลก้มมองหลอดบรรจุเลือดในมืออีกหน



จริงสิ เจ้าบ้าวอลเป็นคนธรรมดา



พูดถึงเลือดแล้ว มิเวลก็นึกขึ้นได้ว่าต้องฉีดค่าซีให้เอเวนและวอล และยังต้องรักษาแผลอีกด้วย จึงบอกให้กลับไปที่สถานพยาบาล ควินัวกระโดดขึ้นไปบนรถม้าเองเหมือนจะรู้ว่าเธอต้องการอะไร เอเวนยืนยันว่าจะเป็นคนบังคับรถม้า เด็กสาวเห็นด้วยก็เลยปล่อยให้เขาเป็นคนขับ



เมื่อทั้งคู่มาถึงสถานพยาบาลพระอาทิตย์ก็ได้ตกดินไปแล้วเรียบร้อย พร้อมกับมีทหารกว่าสิบคนยืนเรียงรายกันอยู่หน้าตึก มีอัลเคอร์สวมชุดขาวยืนรับการตรวจค่าซีอยู่หลายคน เข้ามาด้านในก็เห็นมีอัลเคอร์อีกสามคนนั่งรออยู่ มิเวลคิดว่าทหารคงเริ่มตรวจพวกอัลเคอร์ก่อน จากนั้นคงจะเป็นผู้ช่วยและคนไข้



“ยินดีต้อนรับกลับบ้าน~!” เสียงสดใสตะโกนลั่นทันทีเมื่อมิเวลเปิดประตูเข้าไปในห้องพักคนไข้ทำให้เธอต้องรีบเอามืออุดหู เจ้าบ้าวอลยิ้มร่าอย่างอารมณ์ดีอยู่ในแคปซูลรักษา ดูไม่เหมือนผู้ป่วยเลยสักนิด จะว่าไปแล้วทำไมกระจกใสๆ นั่นถึงไม่เก็บเสียงของคนอยู่ข้างในเลยสักนิดนะ แถมยังได้ยินชัดเจนเหมือนมาตะโกนอยู่ข้างหูอีกต่างหาก



“ไม่ต้องมาตะโกนเลย เจ้าออกมาจากแคปซูลนั่นหน่อยสิ” คนขี้รำคาญออกคำสั่งเสียงดุ คนถูกสั่งจึงทำหน้าหงอยพร้อมกับบ่นอุบอิบว่าใจร้าย



ส่วนเอเวนนั้นเดินแยกตัวไปนั่งที่เก้าอี้ตรงมุมห้อง ไม่พูดไม่จาอะไรทั้งสิ้น โดยมีควินัวเดินตามไปนั่งอยู่ใกล้ๆ



วอลกดปุ่มเล็กๆ เหนือหมอนเพื่อเปิดกระจกแคปซูลออก แต่พอเขาก้าวออกมายืนข้างนอก ใช้ขาสองข้างกดน้ำหนักลงบนพื้น ร่างของเขาก็ทรุดฮวบยืนไม่ไหวทันที มิเวลตกใจรีบเข้าไปประคองคนเจ็บ ใบหน้าซีดขาวหันมายิ้มให้พร้อมกับบอกว่าไม่เป็นไร แต่เด็กสาวไม่ฟังแล้วช่วยพยุงเขาให้ไปนั่งในแคปซูลเหมือนเดิม



“นั่งในนี้แต่เปิดกระจกเอาไว้ก็แล้วกัน”



วอลยิ้มรับแล้วนั่งลงในแคปซูลดังเดิม มิเวลมองท่าทางอ่อนแรงของเขาแล้วก็เริ่มรู้สึกผิดขึ้นมานิดๆ คงเป็นเพราะว่าเธอบังคับให้เขาออกมาข้างนอก อาการก็เลยแย่ลง ผิวขาวๆ นั่นซีดมากจนน่ากลัว แถมเริ่มมีเม็ดเหงื่อผุดพรายขึ้นบนใบหน้าซีดๆ นั่นอีกด้วย อยู่ในแคปซูลรักษามาเกือบทั้งวันแล้วแต่อาการยังไม่ดีขึ้นอีกเหรอ แต่เจ้าบ้าก็ยังยิ้มแย้มเหมือนปกติจนเธอชักสับสนว่าเขาป่วยหรือไม่ป่วยกันแน่



“ยื่นแขนออกมา” เสียงดุออกคำสั่ง วอลทำตามอย่างว่าง่าย แต่พอเธอหยิบเข็มฉีดยาออกมาจากกระเป๋าคาดเอวแล้วกำลังจะฉีดให้กับวอล เอเวนก็พูดขัดขึ้นเสียก่อน



“ถ้าเจ้าฉีดหมดตอนนี้ ตอนออกจากเมืองคงแย่แน่ๆ” น้ำเสียงราบเรียบบอกเนือยๆ เหมือนไม่ใส่ใจ



มิเวลชะงักไปแล้วคิดตามคำพูดของอีกฝ่าย จริงอย่างที่เอเวนบอก ก่อนออกจากยูราพวกเธอจะต้องตรวจค่าซีอีกรอบหนึ่ง ตอนแรกเธอตั้งใจจะฉีดค่าซีให้วอลแล้วค่อยฉีดสองอันที่เหลือลงในหลอดเลือด เพราะเธอไม่แน่ใจว่าการตรวจค่าซีนั้นมีการตรวจพลังเวทในเลือดด้วยหรือเปล่า ใช้เลือดของวอลน่าจะปลอดภัยกว่า แถมพวกทหารก็คงจะเก็บหลอดเลือดไปเลย เพราะฉะนั้นเธอกับเอเวนจะมีปัญหาแน่ตอนที่ตรวจค่าซีก่อนออกจากเมือง



“ค่าซีนี่คือต้องฉีดเข้าไปในเลือดเหรอ” วอลเอ่ยถาม



“ใช่ ถ้าใช้เลือดของเจ้ากับค่าซีเพื่อหนีทหารตอนนี้ ข้ากับเอเวนก็จะไม่มีค่าซีให้ตรวจตอนออกจากเมือง” เด็กสาวตอบเสียงเครียด แล้วก็ต้องรู้สึกฉุนขึ้นมาทันทีเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะคิกดังมาจากคนเจ็บ



“เรื่องนั้นไม่ยากหรอก ไปเอาหลอดยาวๆ ตรงโต๊ะใกล้ๆ เอเวนให้หน่อยสิ ขอสองอันนะ” วอลพูดยิ้มๆ



มิเวลลังเลอยู่ชั่วครู่แต่ก็ยอมเดินไปหยิบหลอดบนโต๊ะมา พอเห็นหลอดบรรจุในมือแล้วเธอก็เข้าใจว่าเขาตั้งใจจะให้ทำอะไร



มิเวลฉีดค่าซีของตัวเองลงไปในหลอดเลือด หลังจากนั้นจึงแบ่งเลือดในหลอดใส่ลงไปในหลอดอันใหม่ รู้สึกประหลาดใจเมื่อเห็นเลือดสีแดงในหลอดเรืองแสงน้อยๆ



คงเป็นพราะค่าซีสินะ



เด็กสาวฉีดค่าซีอีกหลอดให้วอล แล้วเดินไปยื่นหลอดสุดท้ายส่งให้เอเวน ให้เขาไปจัดการเอาเอง แต่จู่ๆ ก็มีเสียงเคาะประตูดังขึ้นก่อนที่จะมีทหารหนุ่มสองคนเปิดประตูเข้ามาในห้องโดยไม่รอเสียงตอบรับ



“ขออนุญาตเจาะเลือดของพวกท่านด้วยครับ” ทหารคนหนึ่งบอก



“ทำที่นี่ได้มั้ย เพื่อนของข้าลุกไม่ไหว” มิเวลถามพร้อมกับเพยิดหน้าไปทางวอลซึ่งกำลังนั่งยิ้มน้อยๆ ต้อนรับทหารทั้งสอง



คนถูกถามหันไปคุยกับเพื่อนอีกคน ทั้งคู่มีท่าทีลังเลพักหนึ่งก่อนจะตอบตกลง แล้วก็มีทหารอีกคนเดินเข้ามาพร้อมกับอุปกรณ์บางอย่างในมือ ดูเหมือนกล่องสี่เหลี่ยมอะไรสักอย่างที่มีสายยาวๆ ตรงปลายสายมีหลอดเหมือนเข็มฉีดยาอยู่ เธอเดาว่าคงเป็นอุปกรณ์ตรวจเลือด



วอลถูกตรวจเลือดเป็นคนแรก มิเวลเห็นเอเวนหันมาจ้องการตรวจเลือดของวอลเขม็งราวกับสนใจการตรวจครั้งนี้มาก เมื่อเจาะเลือดเสร็จแล้วก็ต้องรอผลตรวจจากเครื่องซึ่งใช้เวลาไม่นานนัก ผลออกมาว่าเลือดของวอลไม่มีปัญหาอะไร เด็กหนุ่มหันไปยิ้มกว้างให้เพื่อนอีกสองคนก่อนจะหันไปกดปุ่มเหนือหมอนเพื่อปิดกระจกแคปซูล



ต่อจากวอลก็เป็นมิเวล เธอเหล่สายตามองไปยังควินัว เห็นมันยืนขึ้นแล้วเดินมานั่งลงข้างๆ พอดีกับที่เด็กสาวรู้สึกเจ็บนิดๆ เมื่อเข็มปลายแหลมจิ้มเข้ามาในเนื้อ ทหารคนหนึ่งมองแผลตรงไหล่ขวาของเธอด้วยสายตาสงสัย



“ท่านได้แผลนั่นมาได้อย่างไร” มิเวลเหลือบสายตามองเอเวนแวบหนึ่งก่อนที่จะเอ่ยตอบเสียงเรียบ



“อุบัติเหตุ ข้ากำลังรอการรักษาอยู่”



ทหารหนุ่มพยักหน้าน้อยๆ สรุปความในหัวว่าสามคนนี้คงจะเป็นคนบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ เพราะเขาเห็นว่าเด็กหนุ่มอีกคนเองก็มีบาดแผลอยู่ตรงคอด้วยเหมือนกัน



ทันใดนั้นเอง ทหารทั้งสามคนก็มีท่าทีเปลี่ยนไป จู่ๆ พวกเขาก็มีสีหน้าเหม่อลอยราวกับคนไม่มีสติ พร้อมกับหยุดการกระทำทุกอย่างและค้างนิ่งเอาไว้อย่างนั้น มิเวลหันไปมองควินัวซึ่งนัยน์ตาสีฟ้าใสทั้งสามได้ตวัดมองมายังเธอด้วยเช่นกัน เจ้าสัตว์เวทในร่างลูกหมาตัวจ้อยกระดิกหางของมันอย่างน่ารัก



เด็กสาวรีบจัดการสับเปลี่ยนหลอดเลือดอย่างรวดเร็วก่อนจะหันไปพยักหน้าส่งสัญญาณให้ควินัว ทหารหนุ่มทั้งสามกลับมาเหมือนปกติอีกครั้ง พวกเขาหันไปมองกันเองอย่างงงๆ เพราะรู้สึกเหมือนว่าตัวเองวูบไป แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ



หลังจากที่นั่งรออีกพักหนึ่งผลการตรวจเลือดก็ออกมาว่าไม่มีปัญหาอะไร



มิเวลลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วค่อยหันไปสนใจคนสุดท้าย ใบหน้านิ่งๆ มองทหารแต่ละคนด้วยสายตาเย็นชา พวกเขามองเด็กหนุ่มเจ้าของสายตาเย็นยะเยือกอย่างเกรงๆ เล็กน้อย หลังจากมั่นใจอีกฝ่ายไม่ลุกเดินมาหาเองแน่พวกเขาจึงต้องเป็นฝ่ายยกเครื่องตรวจเลือดเดินเข้าไปหาแทน



ผลการตรวจเลือดของเอเวนไม่มีปัญหาอะไรเพราะได้ควินัวกับเลือดของวอลช่วยเอาไว้เช่นกัน เมื่อทุกอย่างเสร็จเรียบร้อยแล้ว ทหารหนุ่มทั้งสามคนก็กล่าวขอบคุณก่อนจะพากันเดินออกจากห้องไป



หลังจากเหตุการณ์ยุ่งยากผ่านพ้นไปได้ด้วยดี เอเวนก็คว้าผ้าพันแผลมาพันคอของตัวเองแล้วหันไปหยิบอีกอันหนึ่งส่งให้มิเวล ทั้งสองคนตัดสินใจพันแผลเอาไว้แทนเพราะถ้าหากไปให้อัลเคอร์รักษาให้ละก็ คงโดนจับยัดเข้าแคปซูลรักษาแน่นอน ตามปกติแล้วแผลของผู้ใช้เวทจะสมานกันดีภายในเวลาไม่เกินหนึ่งอาทิตย์ นอกจากจะสาหัสจริงๆ หรือมีพิษ เพราะว่ามีพลังเวทไหลเวียนอยู่ในเลือดช่วยเยียวยาบาดแผล เพียงแต่ในระหว่างนั้นพลังเวทจะลดน้อยลงไปตามระดับความรุนแรงของบาดแผล



พอพันแผลเสร็จแล้วเด็กสาวก็หันไปบอกให้เอเวนไปหาที่พักสำหรับสองคืน



“ข้าเป็นคนไปจัดการเรื่องขอเข้าเมืองแล้ว เพราะฉะนั้นเจ้าต้องเป็นคนไปหาที่พัก” แต่ก็เป็นไปตามคาดเมื่ออีกฝ่ายปฏิเสธทันที



“ข้าไม่ไป”



“ไม่เป็นไร ข้านอนห้องนี้ก็ได้” มิเวลตอบเสียงสูง นั่งแผละกับพื้นพร้อมกับเอนตัวนอนลงอย่างผู้ชนะ มั่นใจว่ายังไงเอเวนก็ต้องยอมแน่ๆ เธอรู้ว่าเขาไม่ชอบวอล เพราะฉะนั้นเขาไม่มีทางนอนที่นี่เด็ดขาด



เอเวนขมวดคิ้วพร้อมกับยืนกำมือแน่นอย่างคนทำอะไรไม่ถูกเมื่ออีกฝ่ายเล่นไม้นี้ ก่อนจะถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ยอมเป็นคนออกไปหาที่พักด้วยอย่างจำใจในที่สุด



เสียงหัวเราะเบาๆ ของวอลดังขึ้นเมื่อร่างสูงเดินออกไปจากห้องแล้ว นึกสงสารคนโชคร้ายโดนมิเวลแกล้งเข้าให้ แต่อย่างน้อยก็ดีกว่าเขาที่โดนกำปั้นของมิเวลอยู่บ่อยๆ



เด็กสาวสะดุ้งน้อยๆ เมื่อรู้สึกว่าเหมือนมีตัวอะไรกระโดดขึ้นมานั่งบนตักทันทีที่เธอลุกขึ้นนั่ง พอก้มมองก็เห็นว่าเป็นควินัว มันกำลังนอนขดตัวอยู่บนตักของเธออย่างน่ารักน่าเอ็นดู



“...น่ารักจัง” สายตาอ่อนโยนมองเจ้าตัวน้อยบนตักพลางใช้มือลูบหัวของมันเบาๆ



วอลนอนมองมิเวลลูบหัวควินัวพร้อมรอยยิ้มบางๆ ได้ยินเสียงเจ้าตัวเล็กครางเบาๆ อย่างพอใจ เขารู้ว่ามันกำลังรู้สึกดีที่มีคนลูบหัวให้ พอเลื่อนสายตาไปมองใบหน้าอ่อนโยนของเด็กสาวแล้ววอลก็ยิ้มกับตัวเอง



เขาชอบรอยยิ้มของเธอ



ถ้าได้เห็นบ่อยๆ ก็คงจะดี



มิเวลปล่อยให้ควินัวนอนอยู่บนตักพร้อมกับลูบหัวมันไปด้วย นานพอสมควรกว่าที่เอเวนจะกลับมาอีกครั้งพร้อมกับข้อมูลที่พักว่าเป็นโรงเตี๊ยมที่อยู่ใกล้ๆ มีห้องว่างอยู่สองห้องพอดี เธอรู้สึกแย่นิดๆ เมื่อต้องปลุกเจ้าตัวเล็ก ควินัวงัวเงียลุกขึ้นยืนบิดขี้เกียจ



เห็นสีหน้าเหมือนอยากจะอยู่กับควินัวต่ออีกของมิเวลแล้ว วอลก็เสนอให้เธอเอาเจ้าตัวเล็กไปด้วย



“มันแยกกับเจ้าแล้วไม่เป็นไรเหรอ”



“ไม่เป็นไรๆ” เสียงสดใสรีบตอบพร้อมกับยิ้มกว้างเพื่อให้อีกฝ่ายสบายใจ



เมื่อได้รับคำยืนยันแล้วมิเวลก็ยิ้มออกมาด้วยความดีใจ ก่อนจะอุ้มเจ้าตัวเล็กขึ้นมาไว้ในอ้อมกอด รู้สึกเอ็นดูควินัวอย่างบอกไม่ถูกทั้งที่เธอไม่ใช่เจ้าของมัน เด็กสาวอดนึกอิจฉาวอลไม่ได้พอคิดว่าเขาได้กอดเจ้าตัวน้อยนี่ทุกคืน



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

Hope: อยากได้ควินัวมานอนกอดมั่ง โฮปเลี้ยงแมวฮับ เลยเข้าใจฟีลลิ่งของมิเวลยามได้กอดเจ้าตัวขนปุยดี ควินัวขนนิ่มมากกกก ฟูๆ ตัวนุ่มๆ เหมือนแมวเปอร์เซีย แต่รูปร่างคล้ายจิ้งจอก ว่างๆจะลองวาดควินัวดูดีกว่า





โฮป
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 3 มี.ค. 2560, 00:09:14 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 3 มี.ค. 2560, 00:09:14 น.

จำนวนการเข้าชม : 764





<< Episode 9 : || คำประกาศจากยูรา ||   Episode 11 : || เจ้าหนี้ และ ลูกหนี้ || >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account