The D.O.L.L.S โศกนาฏกรรมปีศาจตุ๊กตามหาเวท
"นักขายความฝันผู้เลือดร้อน & นักโทษประหารผู้เริงร่า & หัวขโมยผู้เย็นชา"
ต่างถิ่น ต่างความคิด ต่างอาชีพ ต่างนิสัย ต่างจุดมุ่งหมาย ต่างเผ่าพันธุ์
กลับต้องมาอยู่ด้วยกันเพราะเหตุบางอย่าง... The D.O.L.L.S

ตุ๊กตาปีศาจมีลักษณะรูปร่างเหมือนมนุษย์ทุกประการ

ถ้าอย่างนั้น...จะรู้ได้อย่างไร?
...เป็นปีศาจ...หาใช่มนุษย์ไม่...

ระวังไว้ให้ดี...ทุกอย่างอาจเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา...

...ที่ใครบางคนสร้างขึ้นเท่านั้น...

สงครามระหว่างผู้มีพลังเวทกับมนุษย์ธรรมดา
ใครจะอยู่รอดเป็นผู้กำชัยชนะ!?


- ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านจากใจจริง -
แผนที่นครเซ็นทรัม http://i49.photobucket.com/albums/f290/thunchanoks/map122e1.jpg
Tags: ตุ๊กตา,ปีศาจ,คำสาป,เวทมนตร์,สงคราม,แฟนตาซี,ผู้ใช้เวท,มนุษย์,โศกนาฏกรรม,mystery

ตอน: Episode 11 : || เจ้าหนี้ และ ลูกหนี้ ||


EPISODE 11
เจ้าหนี้ และ ลูกหนี้


ร่างหนึ่งเดินวนเวียนไปมาอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมขนาดใหญ่ ปรากฏความกังวลใจอย่างชัดเจนบนใบหน้าเคร่งเครียด เขากำมือแน่นมองไปยังชายผู้หนึ่งซึ่งกำลังนั่งคุกเข่าอยู่ด้านหน้า ก่อนน้ำเสียงเหี้ยมจะตวาดใส่ชายผู้นั้นด้วยแรงโทสะ



“ออกไป! นั่งอยู่ทำไมกันเล่า!! ไปรอข้างนอกซะ!!”



ชายหนุ่มสะดุ้งตกใจกลัว รีบลุกขึ้นโค้งคำนับอีกฝ่ายแล้วเผ่นออกจากห้องแทบไม่ทัน กษัตริย์เซนเธมองตามจนร่างของอัครราชทูตจากแคว้นยูราหายออกไปจากห้อง เขาหันกลับมาก้มอ่านจดหมายด่วนในมือด้วยความวิตกกังวล



เพราะมีเหตุวุ่นวายเนื่องจากถูกพวกปีศาจบุกทำลายเมืองเกิดขึ้น ทางแคว้นยูราจึงส่งตัวเจ้าหญิงเรเน่มาไม่ได้และขอเชิญเจ้าชายริชาร์ดให้ไปที่ยูราแทน



เซนเธกัดฟันกรอด เขาจะทำอย่างนั้นได้เช่นไร ในเมื่อแคว้นยูรามีเครื่องมือตรวจพลังเวทอยู่ทั่วเมือง เขาคงจะรีบตอบกลับด้วยความยินดีหากทั้งเขาและริชาร์ดไม่ใช้ผู้ใช้เวท



ไม่สิ



ตอนนี้ริชาร์ดไม่มีพลังเวทอีกแล้วนี่นา



และถ้าหากไปที่ยูรา อาจจะหนีจากเจ้านั่นพ้น



“ทหาร!” ร่างในเครื่องแบบคนหนึ่งวิ่งกระหืดกระหอบเข้ามา



“ขอรับ!”



“เตรียมขบวนเดินทางให้เจ้าชายไปแคว้นยูราเดี๋ยวนี้ แล้วไปบอกท่านอัครราชทูตจากยูราว่าข้าตอบรับคำเชิญขององค์ราชาเพอราล”



“ข้าน้อยน้อมรับบัญชาขอรับ” แล้วทหารหนุ่มก็โค้งตัวลงก่อนจะเดินออกจากห้องไป



ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบงัน เซนเธยังคงเดินไปมาพลางครุ่นคิดกับตัวเอง ในมือกำจดหมายด่วนจากยูราแน่นจนมันยับยู่ยี่ คิดทบทวนอย่างไม่แน่ใจว่าควรจะจัดขบวนเดินทางดีหรือเปล่า ถ้าหากจะให้ริชาร์ดหนีจากเจ้านั่น การเดินทางไปยูราก็ควรจะเป็นอย่างลับๆ



เมื่อคิดได้ดังนั้นแล้วเซนเธก็รีบตะโกนเรียกทหารให้ยกเลิกเรื่องการจัดขบวนเดินทาง แล้วเปลี่ยนเป็นการเตรียมรถม้าและทหารฝีมือดีให้พร้อมแทน เขาจะให้ริชาร์ดเดินทางไปยูราตอนกลางคืน โชคดีที่เส้นทางระหว่างยูรากับเบอริลค่อนข้างสั้น ใช้เวลาเดินทางแค่สองสามวันเท่านั้น และมีแค่ป่าไม้ขนาดย่อมขวางกั้น เพราะฉะนั้นจึงไม่น่ามีอะไรที่ต้องเป็นห่วง



“ถ้ากษัตริย์เพอราลถามว่าเพราะเหตุใดถึงไม่เปิดเผยเรื่องการเดินทางของเจ้าชายริชาร์ดล่ะขอรับ” ทหารหนุ่มเอ่ยถาม เซนเธนิ่งเงียบไป พร้อมกับนึกหาคำตอบ



จริงสินะ เขาควรจะเตรียมคำตอบสำหรับคำถามนี้เอาไว้ด้วย



“เพราะว่าอาจจะทำให้เมืองอื่นสงสัยได้ว่าต้องมีเรื่องอะไรสักอย่างเกิดกับยูราแล้วคิดแข็งข้อขึ้นได้”



เมื่อได้รับคำตอบแล้ว ผู้รับคำบัญชาก็รีบปฏิบัติตามคำสั่งทันที เซนเธคิดอย่างสบายใจว่าอย่างน้อยกษัตริย์แห่งยูราก็คงไม่สงสัย



เหลือเวลาอีกสี่วัน



อีกแค่สี่วันเท่านั้น



แล้วราตรีก็มาถึง รถม้าสีดำสนิทดูลึกลับคันหนึ่งจอดอยู่หน้าท่อระบายน้ำด้านนอกกำแพงรั้วของเมืองเบอริล เดิมทีแล้วรถม้าด่วนพิเศษคันนี้ใช้สำหรับรับส่งตัวนักโทษเท่านั้น แต่คืนนี้ผู้โดยสารของมันกลับไม่ใช่นักโทษ ปรากฏร่างสูงสวมชุดผ้าคลุมปกปิดใบหน้าเดินออกมาจากท่อระบายน้ำพร้อมด้วยทหารจำนวนหนึ่ง ร่างนั้นมองยานพาหนะตรงหน้าด้วยสายตาตกใจก่อนจะหันขวับไปมองบุคคลผู้อยู่เบื้องหลัง



“...ท่านพ่อ นี่...”



“รถม้าคันนี้วิ่งเร็วที่สุดแล้ว ประมาณสองวันคงถึงยูรา เจ้ารีบไปเถอะ” น้ำเสียงน่าเกรงขามกล่าวเรียบๆ



“ไม่ใช่...ข้านึกสงสัยตั้งแต่ใช้เส้นทางท่อระบายน้ำนี่แล้ว ทำไมท่านถึงทำแบบนี้ทั้งที่ข้าเป็นคนก่อเรื่องขึ้นแท้ๆ ถ้าเป็นแบบนี้ท่านจะต้อง...”



“เจ้าเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของพ่อ เพราะฉะนั้นพ่อจะทำทุกอย่างเพื่อปกป้องเจ้า ไม่ต้องพูดอะไรอีกต่อไปแล้ว พ่อจัดการทุกอย่างเอง”



“ท่านพ่อ...” เสียงสั่นเครือกล่าวพึมพำ มองบิดาด้วยสายตาปวดร้าว



ทั้งหมดเป็นเพราะเขาแท้ๆ เพราะความโอหังอวดดีของเขา



ริชาร์ดคิดอย่างเจ็บปวด



“รีบไปได้แล้ว” เซนเธออกคำสั่ง ยืนมองบุตรชายเพียงคนเดียวขึ้นรถไป เมื่อทุกอย่างเตรียมพร้อมเรียบร้อยรถม้าจึงเคลื่อนตัวออกวิ่งจากไป ทิ้งระยะห่างไกลออกไปเรื่อยๆ วิ่งเข้าป่าจนกระทั่งลับสายตาหายไปในที่สุด



เขาคงจะไม่ได้เจอริชาร์ดอีก



เซนเธรู้ดี แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้เขาสบายใจเมื่อรับรู้ว่าลูกชายของตนจะปลอยภัยเมื่ออยู่ที่ยูรา เพราะยูราเป็นถึงหนึ่งในสองแคว้นใหญ่แห่งทิศตะวันออก เป็นเมืองเจริญมีเครื่องมืออุปกรณ์ต่างๆ จัดการพวกปีศาจ โดยเฉพาะเครื่องตรวจพลังเวทและเครื่องต้านพลังเวทซึ่งมีประสิทธิภาพสูง



ทั้งเขาและริชาร์ดเป็นปีศาจ



เจ้านั่นก็เป็นปีศาจเช่นกัน แต่ตอนนี้ริชาร์ดไม่ใช่ปีศาจอีกต่อไปแล้ว เพราะฉะนั้นเขาจะปลอดภัยเมื่ออยู่ในเมืองที่มีเครื่องมือกำจัดพวกปีศาจอย่างยูรา



+++++++++++++++++++++++++++++++++



“ยังไม่ตื่นอีกเหรอเนี่ย” น้ำเสียงหงุดหงิดบ่นกับตัวเอง เดินเข้ามาในห้องพักฟื้นพร้อมกับมองไปยังแคปซูลรักษา เห็นคนข้างในนั่งซุกหน้ากับหัวเข่าโดยใช้แขนกอดขาทั้งสองข้างเอาไว้อยู่ตรงมุมในสุดของแคปซูล เมื่อกี้เธอโมโหเอเวนค้างอยู่ แต่กลับต้องยิ่งรู้สึกฉุนมากกว่าเดิมเมื่อมาเจอบ้าวอลนอนหลับเป็นตายอยู่แบบนี้ แถมวันนี้ต้องออกจากเมืองกันแล้วด้วย



นี่มันมืดค่ำแล้วยังไม่ตื่นอีก!



จะว่าไป เมื่อคืนก่อนจะออกไป เธอมั่นใจว่าวอลยังนอนตะแคงซ้ายอยู่บนที่นอน ทำแก้มป่องใส่เธอ หาว่าทิ้งเขาเอาไว้อีกแล้วอยู่เลยนี่นา



แล้วทำไมถึงนั่งหลับอีกแล้ว...ท่าพิลึกพิลั่นนั่นมันสบายรึไงกัน



มิเวลนึกสงสัย เธอเห็นวอลเอาแต่นั่งหลับท่านั้นอยู่ตลอดทุกคืนตั้งแต่คืนแรกบนรถม้าจนมาถึงเดี๋ยวนี้ ตอนแรกวอลก็จะอยู่ในท่านอนหลับตาเหมือนคนปกตินอนอยู่หรอก แต่พอเธอหลับหรือออกจากห้องไปแล้วมาเจอเขาอีกที เธอก็จะเห็นเขานั่งหลับท่าพิลึกแบบนี้ทุกครั้ง แถมยังต้องไปนั่งอยู่ตรงมุมอีกต่างหาก ไม่รู้ว่าหลับเข้าไปได้ยังไงกัน



เด็กสาวเดินเข้าไปตั้งใจจะปลุกอีกฝ่าย แต่พอเธอขยับเข้าไปใกล้ กำลังจะส่งเสียงเรียก เขาก็เงยหน้าขึ้นมาทันควัน นัยน์ตาสีเงินสดใสไม่เหมือนคนเพิ่งตื่นนอนเลยสักนิดจ้องตรงมายังเธอ



“อรุณสวัสดิ์” ใบหน้าสดใสส่งรอยยิ้มกว้างมาให้



“นี่มันมืดแล้ว” มิเวลสวนกลับ ให้ตายเถอะ พอจะรู้ว่าวอลนอนกินบ้านกินเมืองอยู่บ้างก็จริง แต่ไม่รู้เลยว่าเขาจะนอนทั้งวันทั้งคืนแบบนี้



คืนแรกที่เธอพาควินัวกลับไปนอนด้วยกัน พอมาหาเขาตอนเช้าก็เห็นว่าวอลนั่งหลับท่ากอดเข่าอยู่ แสดงว่ายังไม่ตื่นเธอจึงไม่อยากรบกวนเพราะเข้าใจว่าเขาคงยังอ่อนเพลียอยู่ ดังนั้นเธอก็เลยลากเอเวนออกไปเดินเที่ยวเล่นและหาของกินในเมืองพร้อมกับพาควินัวไปด้วย เอเวนทำหน้าเย็นชาตลอดเวลาเหมือนทุกที ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ทุกอย่างในเมืองจะกลับสู่สภาพปกติเรียบร้อยแล้ว อีกสักพักต่อมาเอเวนก็ขอแยกตัว บอกว่าจะไปหาซื้อของแล้วก็เดินกลืนหายไปกับฝูงชน เธอจึงเดินเล่นกับควินัวต่อจนถึงเย็นแล้วจึงค่อยกลับมาหาวอล มั่นใจมากว่าจะต้องเจอเจ้าบ้าร้องโวยวายหาว่าพวกเธอปล่อยทิ้งให้อยู่คนเดียว แต่พอเปิดประตูเข้าไป เจ้าบ้าวอลก็ยังคงนั่งท่าเดิมไม่กระดุกกระดิกจนเธอนึกเป็นห่วง ตั้งใจจะเดินเข้าไปปลุก แต่เขาก็เงยหน้าขึ้นมาเสียก่อน



สรุปได้ว่าเจ้าบ้านั่นเป็นพวกนอนกินบ้านกินเมือง



วันนี้ก็เป็นเหมือนเมื่อวานอีก ทั้งที่วันนี้พวกเธอจะต้องรีบออกจากยูราแท้ๆ วอลกลับนอนทั้งวันจนเธอสงสัยว่าเขานอนเข้าไปได้ยังไง



แต่ตัวปัญหาทำให้ล่าช้านั้นไม่ได้มีแค่วอลคนเดียว เอเวนหายตัวไปตั้งแต่ตอนที่แยกกันในเมืองเมื่อวาน เธอเดินสวนกับเขาเมื่อเช้าที่โรงเตี๊ยม แต่ตอนกลางวันเขาก็หายตัวไปอีก เธอนึกเป็นห่วงแต่ก็ไม่รู้ว่าจะไปหาเขาที่ไหนในเมื่อเธอไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเอเวนสักอย่างเดียว จนเมื่อครู่เธอเจอเขาที่หน้าสถานพยาบาลพอดี จึงลากตัวไปเค้นถามว่าเขาหายไปไหนมาตั้งสองวัน แต่เจ้าน้ำแข็งก็ดันทำหน้าตายตอบแบบกวนประสาทจนน่าถีบ



“เมื่อเช้าก็เจอ จะเรียกว่าหายตัวไปทั้งวันได้ยังไง”



มิเวลยิ้มสู้ “ข้าถามว่าเจ้าไปทำอะไรมา”



เอเวนเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วเพยิดหน้าไปทางรถม้าซึ่งจอดอยู่หน้าสถานพยาบาล มิเวลหันไปมองตามแล้วก็ต้องสงสัยว่าเอเวนให้เธอมองกล่องสี่เหลี่ยมสีน้ำตาลมีล้อติดอยู่ทำไม



“ไปเปลี่ยนรถม้าเป็นเคอาร์ หาซื้อพวกเสบียง ยาและเชื้อเพลิง ซื้อข่าวทั่วไป แล้วก็หาเส้นทางหนี”



หา? เคอาร์?



“อะไรคือเคอาร์” เด็กสาวถามอย่างงุนงงพร้อมกับหันไปมองสำรวจกล่องสี่เหลี่ยมนั่นอีกที



“รถเดินทางชนิดหนึ่งของพวกแคว้นใหญ่ ไม่ต้องใช้แรงม้าแต่ใช้เชื้อเพลิงแทน”



มิเวลมองรถเคอาร์ด้วยความทึ่ง ตอนแรกเธอคิดว่าเป็นเครื่องอะไรสักอย่างเสียอีก ไม่นึกว่าจะเป็นยานพาหนะใหม่ของพวกเธอ อยู่ที่ฟรอซเซลเธอไม่เคยต้องใช้ยานพาหนะเพราะชาวเผ่ามายาใช้เวทมนตร์ง่ายๆ อย่างพวกเวทเคลื่อนย้ายอยู่ตลอด แต่พอออกมาท่านย่าของเธอก็สั่งห้ามไม่ให้เธอใช้เวทมนตร์โดยเด็ดขาด



พอสังเกตดีๆ แล้วก็เห็นว่าเคอาร์มีขนาดใหญ่พอสมควรจนเธอมั่นใจว่าข้างในคงสามารถจุคนได้สักสิบถึงยี่สิบคนเลยด้วยซ้ำ แล้วรูปร่างของมันก็ไม่ใช่สี่เหลี่ยมแต่เป็นหกเหลี่ยม



“เจ้าติดเงินข้าอยู่สองหมื่นเอลส์” เสียงเย็นชาพูดขึ้นก่อนที่ร่างสูงจะเดินหายเข้าไปด้านใน ทิ้งให้เด็กสาวยืนอ้าปากค้างมองตามหลังเขาด้วยความช็อกกับตัวเลขมหาโหด มิเวลหันกลับไปมองเคอาร์อีกรอบ ในใจปะทุเดือดอย่างโกรธแค้น



เจ้าน้ำแข็งนั่นไม่ได้ถามเธอเลยด้วยซ้ำว่าอยากได้เครื่องยนตร์บ้าๆ นี่มั้ย!!



“ชิ ข้าไม่จ่ายแน่”



เอเวนหันกลับไปมองคนข้างหลัง เห็นเด็กสาวยืนทำหน้าบูดมองเคอาร์พร้อมกับพึมพำอะไรสักอย่างอยู่คนเดียว ปรากฏรอยยิ้มบางๆ อย่างขำขันบนใบหน้า เขามั่นใจว่ามิเวลคงกำลังสาปแช่งเขาแน่ หรือไม่ก็บอกกับตัวเองว่าไม่มีทางจ่ายเงินให้เขา แต่เด็กหนุ่มไม่รู้สึกอะไร เพราะเขามีเหตุผลที่มิเวลจะต้องจ่ายเงินคืนแน่นอน



“อะไรนะ รถม้าพัง!?” เสียงเอาเรื่องโวยวายหลังจากได้ยินเหตุผลของคนตรงหน้า “พังได้ยังไง”



“ข้าสงสัยตั้งแต่ตอนบังคับกลับมาจากในเมืองแล้ว มันสั่นๆ เหมือนจะล้ม แต่ไม่ได้พูดอะไรเพราะไม่แน่ใจ”



“แต่ม้าตัวนั้นก็ยังอยู่ดีนี่” มิเวลแย้งต่อ



“ใช่ ข้าเลยปล่อยมันไปแล้ว แต่เมื่อวานข้ากลับมาที่นี่ก่อนเจ้า เห็นตัวรถพังไม่เหลือสภาพ มันคงจะเก่ามากแล้ว เจ้าไปซื้อมาจากไหนล่ะ”



มิเวลนึกถึงตอนที่เจอรถม้าคันเก่า ภาพคุณตาแก่ๆ ผู้เป็นเจ้าของปรากฏขึ้นในหัวทันที



เด็กสาวยิ้มทั้งน้ำตา



โถ่ รถม้านั่นอายุรุ่นคุณตาคนนั้นหรอกหรือเนี่ย



“ยังไงข้าก็ไม่จ่ายอยู่ดี เจ้าซื้อเคอาร์นั่นมาเอง ถ้าซื้อแค่รถม้ามาข้ายังพอยอมรับได้อยู่” น้ำเสียงยืนยันคำเดิม



“เมืองไม่มีเวทมนตร์มักจะเจริญทางด้านเทคโนโลยี ยิ่งเป็นแคว้นใหญ่แบบนี้ด้วยแล้ว เจ้าคิดว่าข้าจะหารถม้าจากที่นี่ได้อย่างนั้นเหรอ” เอเวนบอกเหตุผลของเขา เห็นสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออกของอีกฝ่ายแล้วเขาก็ต้องพยายามกลั้นยิ้มเอาไว้อย่างสุดความสามารถ



“แต่...”



“ถ้าไม่ซื้อยานพาหนะ คงลำบากเพราะมีตั้งสามคน ข้ายังไงก็ได้ แต่เจ้ามนุษย์ธรรมดานั่นคงไปไม่ไหวแน่” มิเวลทำท่าจะแย้งแต่กลับไม่พูดอะไร เอเวนนึกขำในใจเพราะเขารู้ดีว่าเด็กสาวเถียงไม่ออก



“แล้วเจ้า...จะเห็นแก่ตัวให้ข้าจ่ายคนเดียวงั้นหรือ” ประโยคนี้เป็นเสมือนใบมีดฟันฉัวะผ่าร่างของเธอลงมาตรงกึ่งกลางพอดิบพอดี ร่างเล็กกัดฟันกรอดด้วยความเจ็บใจ



“...จ่าย...ก็ได้”



เอเวนรู้ว่าตัวเองคงกลั้นขำต่อไปไม่ไหวจึงหลุดยิ้มออกมา เห็นสีหน้าเจ็บใจสุดขีดของอีกฝ่ายแล้วก็ยิ่งทำให้เขารู้สึกอยากขำมากกว่าเดิม



“ข้าออกให้ครึ่งหนึ่งก็ได้ แต่เจ้ากับเจ้ามนุษย์นั่นไปตกลงกันเอาเองแล้วกัน”



มิเวลจ้องใบหน้ายิ้มนิดๆ ของคนตรงหน้าอยู่พักหนึ่ง ก่อนจะเดินหนีมาโดยที่ไม่ได้พูดอะไรต่อ เห็นรอยยิ้มกวนประสาทนั่นแล้วเธอก็ยิ่งหงุดหงิดหนักเข้าไปอีก ปกติเอาแต่ทำหน้านิ่งไม่เคยยิ้ม แล้วกลับมายิ้มเอาตอนนี้ น่าโมโหที่สุด!



แล้วยิ่งเข้ามาเจอคนนอนหลับเป็นตายทั้งที่วันนี้จะต้องออกจากเมืองกันแล้วก็ยิ่งทำให้น่าหงุดหงิดเข้าไปใหญ่!



เด็กสาวหันมองไปรอบๆ ห้อง ไม่เห็นควินัว แสดงว่าเจ้าบ้าคงให้กลับเข้าไปในตัวแล้ว



“อ้าว มืดแล้วเหรอ เจ้าทิ้งข้าไว้ทั้งวันอีกแล้ว” วอลทำหน้าบูด



“เจ้าไม่ตื่นเองต่างหาก ช่างเถอะ ได้เวลาไปกันแล้ว” เด็กสาวพยายามระงับอารมณ์ให้เย็นลง แม้ว่าจะพูดด้วยน้ำเสียงปกติแต่ก็ยังคงฟังดูแข็งๆ อยู่นิดหน่อย



มิเวลเดินไปอีกด้านหนึ่ง มองหาที่จับเพื่อจะเข็นแคปซูลออกไป แต่จู่ๆ เอเวนก็เดินเข้ามาพร้อมกับบอกว่าไม่ต้อง เด็กสาวจึงหันไปทำหน้าหงิกใส่อย่างเอาเรื่อง



เอเวนยิ้มบางๆ เหมือนคนพยายามกลั้นขำ แล้วหันไปหาวอลซึ่งกำลังมองมาทางเขาอย่างงงๆ เด็กหนุ่มปรับสีหน้าของตัวเองให้เป็นปกติ ก่อนจะร่ายเวทเคลื่อนย้ายแคปซูลรักษาให้หายแวบไป



“ข้านึกว่าเจ้าจะเข็นแคปซูลนั่น” เสียงแข็งเอ่ยประชด



“ทีแรกก็ตั้งใจจะทำแบบนั้น แต่ข้าคิดว่าที่นี่คงไม่อนุญาตให้เอาแคปซูลออกไปด้วยได้หรอก”



มิเวลยักไหล่อย่างไม่ใส่ใจ แล้วพูดออกคำสั่งว่า



“เจ้าไปจ่ายค่ารักษา ข้าจะไปรอที่เคอาร์” คนถูกสั่งให้ไปจ่ายเงินชักสีหน้า มองร่างเล็กเดินไปยังประตูห้องอย่างสงสัย



“ทำไมข้าต้องจ่าย” มิเวลหยุดเดินพร้อมกับหันมามองด้วยรอยยิ้มชั่วร้าย เห็นรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของอีกฝ่ายแล้วเอเวนก็ชักจะรู้สึกใจไม่ดีขึ้นมา อารมณ์ขำขันก่อนหน้าหายวับไปในพริบตา



“เพราะข้าไม่มีเงินแล้ว เอาไปแลกแทนของมีค่าของเจ้าตอนทำเรื่องขอเข้าเมืองไงล่ะ...” เสียงหวานเว้นช่วง มองใบหน้านิ่งอึ้งของเอเวนด้วยความรู้สึกสะใจนิดๆ แล้วกล่าวต่อเสียงสูง “ข้าอุตส่าห์ยอมแลกของของข้าแทน เจ้าจะใจดำให้ข้าจ่ายเงินอีกเชียวหรือ”



แล้วเด็กสาวก็เดินหนีออกจากห้องไป ทิ้งให้คนถูกสวนกลับยืนอึ้งอยู่ในห้องคนเดียวเพราะไม่คิดว่าจะโดนเอาคืน ร่างสูงถอนหายใจอย่างปลงๆ ให้กับนิสัยไม่ยอมแพ้ของมิเวล ก่อนจะยอมเดินออกไปที่เคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์เพื่อจ่ายเงินค่ารักษาทั้งหมด



++++++++++++++++++++++++++++



ผ่านไปสองวันแล้วนับตั้งแต่คืนนั้น เซนเธยืนมองท้องฟ้ายามค่ำคืนด้วยความเป็นห่วงลูกชายอยู่บนระเบียงห้องของตนเอง หวังว่าการดูตัวจะราบลื่นเป็นไปด้วยดี เมื่อครู่เขาลองใช้เวทดวงตาทุกแห่งหนตรวจสอบดูว่าริชาร์ดอยู่ที่ไหนแต่กลับใช้ไม่ได้ แสดงว่าริชาร์ดเข้าไปในแคว้นยูราแล้วเรียบร้อย



เหลือเวลาอีกแค่สองวัน



เวลาลดเหลือน้อยลงเรื่อยๆ แต่ตอนนี้ลูกชายของเขาปลอดภัยแล้ว ไม่ต้องกังวลอะไรทั้งนั้น ลูกคือทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับเขา ขอเพียงแค่ริชาร์ดอยู่อย่างปลอดภัย เขาก็สละให้ได้ทุกอย่าง



แม้กระทั่งชีวิตของตนเองก็ตาม



“แกคิดว่าจะลวงข้าได้งั้นหรือ”



เสียงหนึ่งดังกระซิบขึ้นที่ข้างหู เซนเธสะดุ้งตกใจ รีบหันขวับไปมองพร้อมกับเขยิบถอยห่างออกมาทันที ร่างตรงหน้าอยู่ในชุดลำลองสบายๆ ด้านหลังมีเลื่อยขนาดใหญ่เกือบเท่าความสูงของคนอยู่



ใบหน้าเจ้าเล่ห์ปรากฏรอยยิ้มเยาะด้วยความสนุกเมื่อเห็นอาการตกตะลึงของผู้เป็นเจ้าเมือง



“จะ...เจ้า...”



“...ไม่ต้องห่วง ข้าไม่ฆ่าแกหรอก ข้อตกลงต้องเป็นไปตามข้อตกลงจริงมั้ย” เขาดีดนิ้วเปาะ ปรากฏนาฬิกาพกขนาดย่อมขึ้นในมือ รอยยิ้มเยาะแสยะกว้างมากขึ้นอีกเมื่อก้มมองดูนาฬิกา “อ้าว เหลืออีกแค่สองวันเอง ยืดเยื้อไปก็เสียเวลาหาของสนุกเปล่าๆ แล้วยังหนีไปแบบนี้อีกด้วย คงต้องโดนลงโทษ...”



กษัตริย์เซนเธมองอีกฝ่ายด้วยหวาดกลัว ดวงตาทั้งสองข้างเริ่มมีน้ำใสๆ เอ่อล้น แต่พอชายหนุ่มตวัดสายตามาเห็น เขากลับระเบิดหัวเราะลั่นอย่างรู้สึกสนุก



“เจ้านั่นน่ะ แกให้มันไปยูราใช่มั้ยล่ะ”



“...ไม่...ไม่ใช่...” เสียงสั่นพยายามปฏิเสธ แต่กลับยิ่งเรียกเสียงหัวเราะจากอีกฝ่ายมากกว่าเดิม



“คิดว่าข้ากลัวเครื่องพวกนั้นสินะ...ฮะๆๆๆๆ... จะบอกอะไรให้นะ” คนตรงหน้าลดเสียงต่ำลงจนเย็นเฉียบ “เครื่องนั่นมันทำอะไรข้าไม่ได้หรอก”



“อะ...อะไรกัน...ทำไม...”



ใบหน้าเจ้าเล่ห์แสยะยิ้มอีกรอบ ก่อนจะเอ่ยตอบเสียงกระซิบ “เพราะข้า...พิเศษกว่าพวกแกยังไงล่ะ”



++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





ขอบคุณที่เข้ามาอ่านกันน้าาาา





โฮป
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 มี.ค. 2560, 14:55:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 มี.ค. 2560, 14:55:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 641





<< Episode 10 : || ค่าซี ||   Episode 12 : || รอยยิ้มชั่วร้ายกลางสายฝน || >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account