กลรัก สลับหัวใจ
เมื่อเพื่อนสาวจอมยุ่ง จับผลัดจับพลูให้เธอนัดไปดูตัวกับคาสโนว่าหนุ่มแลกกับค่าจ้างหนึ่งหมื่น ม่านนทีจึงยอมเซย์เยส แปลงร่างเป็นนางซินวางแผนตัดสัมพันธ์แทนเพื่อนสาวเสียดิบดี แต่ที่ไหนได้เขาทั้งหล่อ เท่ แถมยังมีรอยยิ้มบาดใจ ทำเอาเธอชักหวั่นไหวซะแล้วสิ
Tags: รักโรแมนติก,รักหวานๆ,รักใส ๆ

ตอน: กลรัก สลับหัวใจ ตอนที่ 1 แผนการดูตัวอลเวง

กลรัก สลับหัวใจ
บทที่ 1
แผนการดูตัวอลเวง

“ขอร้องล่ะน้ำ เธอช่วยปลอมตัวเป็นฉัน ไปดูตัวแทนให้หน่อยได้ไหม”

คำพูดง่าย ๆ ที่ฟังไม่ขึ้นของเพื่อนสนิท ทำเอาม่านนทีถึงกับอึ้งจนพูดไม่ออก

“นี่เธอล้อฉันเล่นใช่ไหม”

อีกฝ่ายทำหน้าจริงจัง เอื้อมมือมากุมปลายนิ้วเพื่อนสาวแกมขอร้อง

“ฉันไม่ใช่พูดเล่นนะน้ำ แต่งานนี้คุณพ่อท่านเอาจริง ถ้าฉันปฏิเสธไปท่านจะต้องโกรธจนไม่ยอมมองหน้ากันอีกแน่ ๆ เธอก็รู้นี่นาว่าเวลาท่านโกรธน่ากลัวขนาดไหน น่านะ...ฉันขอร้องล่ะ ช่วยไปดูตัวอีตานั่นแทนฉันหน่อยนะ”

ม่านนทียกมือขึ้นกอดอก จ้องหน้าคนพูดอย่างไม่เห็นด้วยเต็มประตู ดวงหน้างามเป็นธรรมชาติปราศจากการแต่งแต้มเครื่องสำอาง สวมเสื้อเชิ้ตกางเกงยีนขาเดฟ เส้นผมยาวสลวยรวบมัดเป็นหางม้าด้านหลัง ดูทะมัดทะแมงตามแบบสาวสมัยใหม่

“ไม่เอาล่ะ เรื่องของเธอก็จัดการเอาเองสิ” เธอปฏิเสธเสียงแข็ง

“โธ่ อย่าพูดแบบนั้นสิน้ำ เราสองคนเป็นเพื่อนกันไม่ใช่เหรอ เรื่องแค่นี้ช่วยกันหน่อยไม่ได้หรือไง”

ปิ่นแก้วทำหน้าเง้า เมื่ออีกฝ่ายไม่ยอมเซย์เยสง่าย ๆ

“เกี่ยวอะไรด้วย เป็นเพื่อนแล้วจำเป็นต้องปลอมตัวไปหลอกชาวบ้านด้วยเหรอ เธอทำเองสิ” เธอย้อน
หญิงสาวหน้าตาน่ารักผมยาวสลวยเป็นคลื่นปละบ่า สวมชุดกระโปรงสีพีซคลุมทับด้วยเสื้อคลุมสีน้ำตาล ทำหน้าหนักใจ เธอผู้นี้ชื่อว่า ‘ปิ่นแก้ว’ เป็นเพื่อนรักของม่านนที และลูกสาวสุดที่รักของเจ้าของธุรกิจนำเข้าเสื้อผ้าต่างประเทศยี่ห้อดัง วันนี้ทั้งคู่นัดเจอกันเพื่อปรึกษาปัญหานัดดูตัวรอบที่สอง

ปิ่นแก้วเป็นหญิงสาวน่ารัก แต่นิสัยขี้งอนและเอาใจตามประสาลูกสาวคนเดียว บิดาของเธอปีนี้ก็อายุอานามเฉียด ๆ หกสิบปีเข้าไปแล้ว จึงกังวลหนักเกรงว่าลูกสาวสุดที่รัก จะหาคู่ครองที่เหมาะสมไม่ได้ หรืออาจตายก่อนที่จะได้เห็นหน้าหลาน จึงทำทุกวิถีทางเพื่อจับคู่ดูตัวให้กับเธอ

“ก็ฉันยังไม่อยากแต่งงานนี่นา”

“อะไรของเธอ ทีแรกก็บ่นว่าหาผู้ชายดี ๆ แต่งงานด้วยไม่ได้ก็เลยอยู่เป็นโสด แต่พอมาตอนนี้กลับบ่นว่าไม่อยากแต่งงาน ตกลงจะเอายังไงกันแน่” ม่านนทีถอนหายใจยาว

อีกฝ่ายลอยหน้าลอยตาพูดต่อ

“ก็มันช่วยไม่ได้นี่ ถ้าโลกนี้มีผู้ชายดี ๆ เหลืออยู่สักคน ฉันก็คงใจอ่อนคบหาด้วยอยู่หรอก แต่นี่ดูผู้ชายแต่ละคนที่คุณพ่อหามาให้สิ ถ้าไม่อ้วนจนลงพุงก็หน้าตาดูไม่ได้เอาเสียเลย”

“หน้าตาไม่ดีนิสัยอาจจะดีก็ได้นะ บางทีเขาอาจเป็นดี รักบ้าน รักครอบครัวก็ได้ เธออย่าเพิ่งตัดสินคนแต่เฉพาะหน้าตาภายนอกสิ”

“เธอไม่ใช่ฉันก็พูดได้นี่” ปิ่นแก้วแย้ง

“อ๋อเหรอ...ขอโทษที ฉันลืมไปว่าเธอมียอดชายในดวงใจอยู่ทั้งคนแล้วนี่นะ มิน่าล่ะถึงไม่ยอมไปดูตัวกับคนที่พ่อตัวเองหาให้สักที” ม่านนทียิ้มอย่างรู้ทัน นึกถึงหน้าชายหนุ่มรูปงาม ผิวขาว รูปร่างสูงโปร่งขึ้นมาทันที

ปิ่นแก้วยิ้มน้อย ๆ ไม่ยอมรับหรือปฏิเสธ

“พี่เก้าเป็นแค่คนรู้จักเท่านั้นเอง ไม่ได้พิเศษอะไรเสียหน่อย”

“จ้า แล้วฉันจะคอยดูก็แล้วกัน” ม่านนทีถอนหายใจยาว อิจฉาคนมีโลกสีชมพู

“ขอร้องล่ะน้ำ...ถือว่าช่วยฉันสักครั้งนะ ฉันไม่อยากไปตามนัดดูตัวกับหมอนั่นจริง ๆ ยิ่งได้ยินข่าวลือหนาหูมาด้วยว่าอีตานั่นเจ้าชู้สุด ๆ ถ้าเกิดคิดทำมิดีมิร้ายฉันขึ้นมา ไม่แย่หรอกเหรอ” ปิ่นแก้วทำตาละห้อยขอร้องเป็นครั้งสุดท้าย

ม่านนทีเลิกคิ้วสูง กล่าวประชดประชัน

“อย่างเธอเนี่ยนะ ผู้ชายเขาจะกล้าทำอะไรได้ ขืนทำดูสิมีหวังถูกพ่อเธอฆ่าตายกันพอดี”

เห็นหน้าตาน่ารักน่าเอ็นดูอย่างนี้ก็เถอะ แต่ม่านนทีเห็นมาหลายรายแล้วเวลาที่พวกผู้ชายเข้ามาเกาะแกะปิ่นแก้ว แล้วถูกบิดาของเธอไล่ตะเพิดด่าเปิง จนแทบไม่รู้จะเอาหน้าไปซ่อนไว้ที่ไหน

“ตกลงว่าเธอไม่นึกห่วงเพื่อนคนนี้เลยใช่ไหม ม่านนที” ปิ่นแก้วถามน้ำเสียงจริงจัง ดวงตากลมโตจับจ้องอยู่ที่หน้าเพื่อนอย่างตำหนิ

“ฉันเปล่าซะหน่อย”

“ก็ได้ ถ้างั้นฉันไปเองก็ได้ คราวนี้แหละจะได้รู้กันเสียทีว่าเพื่อนที่เคยบอกว่ารักกันจริง ถึงขั้นยอมตายแทนกันได้ แท้จริงแล้วเป็นแค่คำโกหกหลอกลวงทั้งเพ” ปิ่นแก้วเอนหลังกับพนักพิงเก้าอี้ยกมือขึ้นกอดอก เป็นท่าไม้ตายที่ใช้ประจำเวลางอน

ม่านนทียกมือขึ้นกุมหน้าผาก เหนื่อยใจกับความคิดประหลาด ๆ ของเพื่อนสาวไม่ได้ ทุกครั้งที่มีปัญหาเกิดขึ้น คนแรกที่ตามแก้ให้ก็คือเธอทุกที

“มาไม้นี้อีกแล้ว มันไม่ได้ผลหรอกนะยายปิ่น ครั้งนี้ต่อให้เธอขอร้องยังไง ฉันก็จะไม่ยอมทำตาม...”

ทว่ายังไม่ทันที่เธอจะพูดจบ ปิ่นแก้วก็ชิงขัดขึ้นทันควัน

“ค่าเหนื่อยห้าพัน”

“อะไรนะ ที่เธอคิดว่าคนอย่างฉันซื้อได้ด้วยเงินหรือยังไง” ม่านนทีร้องเสียงดัง “ไม่มีทาง งานแบบนี้ฉันไม่ยอมทำเด็ดขาด”

“หนึ่งหมื่น”

“ปิ่นแก้ว ดูเหมือนเธอจะยังไม่เข้าใจนะ คือว่าฉัน” คราวนี้น้ำเสียงที่ปฏิเสธเบาลงกว่าครึ่ง

“หมื่นห้า”

“นี่เธอ”

“สองหมื่นก็ได้เอ้า”

“ตกลง” ม่านนทีตบโต๊ะเสียงดังปัง “ที่ฉันยอมก็เพราะเห็นแก่ความเป็นเพื่อนหรอกนะ แต่แค่ครั้งเดียวเท่านั้น เข้าใจหรือเปล่า”

“ว้าว ขอบคุณนะน้ำ ฉันรู้อยู่แล้วเชียวว่าเธอจะต้องตอบตกลง”

ขาดคำปิ่นแก้วก็แทบเก็บอาการดีใจไว้ไม่อยู่ โน้มตัวเข้ามากอดเพื่อนรักพร้อมกับกล่าวคำขอบคุณ ม่านนทีได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอาใจ รู้ดีว่าถึงเถียงไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะถึงยังไงปิ่นแก้วก็มีวิธีหาเหตุจูงใจอื่นมาทำให้เธอตกลงได้อยู่ดี

“ช่วยไม่ได้นะ เอาเป็นว่า...ฉันจะยอมเป็นตัวตายตัวแทนให้เธอชั่วคราวก็แล้วกัน แต่เธอจะต้องเป็นคนหาชุดสวย ๆ ให้ฉันใส่นะ ขืนไปสภาพแบบนี้ มีหวังคงโดนจับได้ก่อนแน่ ๆ เลย” ม่านนทีบ่นอุบ

“ได้เลยน้ำ เดี๋ยววันนี้ฉันจะพาเธอไปเดินซื้อเสื้อผ้าสวย ๆ เอาให้งามยิ่งกว่าเจ้าหญิงเลยนะ”

“จ้า เชิญตามสบายเลย ยังไงซะฉันก็ตกหลุมพรางเธอแล้วนี่” ม่านนทีคว้ากระเป๋าขึ้นมาสะพายลุกจากเก้าอี้ “ไปกันได้หรือยังล่ะ นัดเขาไว้ตอนหนึ่งทุ่มไม่ใช่เหรอ กว่าจะหาซื้อชุดเตรียมตัวกันอีก เดี๋ยวจะไม่ทันกันพอดี”

“ขอบใจนะน้ำ เธอเป็นเพื่อนรักของฉันจริง ๆ”


รถยนต์หรูเคลื่อนเข้ามาจอดหน้าโรงแรมชื่อดังช้า ๆ ก่อนที่พนักงานต้อนรับจะเดินเข้ามาเปิดประตูรถให้อย่างนอบน้อม รองเท้าส้นสูงจรดลงบนพื้นแสงไฟสว่างขับเรียวขาขาวผ่องภายใต้ชุดราตรีกระโปรงสั้นสีพีซให้โดดเด่นชวนมอง ไม่ช้าหญิงสาวใบหน้าหมดจดงดงามก็ก้าวลงมายืนเต็มตัว ร่างเพรียวระหงสง่างามราวกับเจ้าหญิง

“สวัสดีค่ะ ดิฉันปิ่นแก้ว วัฒนะเอกดำรง เป็นแขกที่จองโต๊ะเอาไว้ในคืนนี้”

ดวงหน้างามเผยรอยยิ้มแนะนำตัวน้อย ๆ

“ยินดีต้อนรับครับคุณปิ่นแก้ว ตอนนี้แขกอีกท่านมานั่งคอยอยู่ก่อนแล้ว ถ้าไม่รังเกียจกรุณาตามผมมาทางนี้เลยครับ” พนักงานต้อนรับยิ้มกว้างพลางผายมือเชื้อเชิญ

ม่านนทีเยื้องกรายตามพนักงานหนุ่มไปช้า ๆ พยายามเชิดหน้ารักษาภาพลักษณ์ของคุณหนูผู้ร่ำรวยให้แนบเนียนที่สุดเท่าที่จะทำได้ ใบหน้าหวานแต่งแต้มสีสันโทนธรรมชาติ เส้นผมที่เคยรวบเป็นหางม้าบัดนี้เกล้าสูงเหนือต้นคอ ทิ้งปอยผมม้วนเป็นลอนแลดูหวานซึ้ง

ร่างเพรียวระหงเดินผ่านประตูโรงแรมเข้าไปด้านใน ชุดราตรีสีสดเปิดไหล่ขับผิวผ่อง จนทำให้ใครหลายคนเหลียวมองโดยไม่รู้ตัว

ไม่ช้าหญิงสาวก็ถูกเชื้อเชิญเข้าสู่ห้องดินเนอร์สุดหรูบนชั้นที่ยี่สิบเอ็ด โต๊ะติดริมหน้าต่างบานใหญ่สามารถเห็นวิวทิวทัศน์ยามค่ำคืนอันแสนงดงาม เหมาะแก่การนัดพบแขกคนพิเศษเป็นอย่างยิ่ง

“แขกของคุณอยู่ทางด้านโน้นครับ เชิญตามสบาย ผมขอตัวก่อน”

ม่านนทีพุ่งความสนใจไปยังชายหนุ่มสวมชุดสูทสีดำบุคลิกหน้าตาดี ผิวขาวสะอาด รูปร่างสูงเบื้องหลังโต๊ะอาหารที่ประดับด้วยเชิงเทียนและดอกกุหลาบสีแดงสด เพื่อประเมินสถานการณ์ ก่อนเดินตรงเข้าไปหาช้า ๆ

“สวัสดีค่ะ” ใบหน้าหวานแย้มยิ้ม อีกฝ่ายลุกขึ้นยืนต้อนรับด้วยท่าทีสุภาพ

“สวัสดีครับ คุณปิ่นแก้ว”

“ต้องขอโทษด้วยนะคะที่มาช้า”

“ไม่เป็นไรครับ ผมเองก็เพิ่งมาถึงเหมือนกัน” ชายหนุ่มเอ่ยยิ้ม

ม่านนทีเพิ่งสังเกตเห็นเดี๋ยวนี้เองว่าเขามีดวงตาสีน้ำตาลอ่อน คิ้วหนาเข้มและจมูกโด่งเป็นสัน เส้นผมสีดำสนิทเสยเรียบเป็นเงางามยามต้องแสงไฟกับชุดสูทราคาแพง ไหล่กว้างสง่างามรับกับช่วงขายาวเรียวราวกับนายแบบบนปกนิตยสาร รวมเป็นองค์ประกอบที่ทำให้น่าสนใจมากยิ่งขึ้น

ไม่เลว...สำหรับคู่ดูตัวกำมะลอในคืนนี้

ชายหนุ่มเลื่อนเก้าอี้ให้เธอตามมารยาท “เชิญนั่งครับ”

“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวย่อตัวนั่งลงอย่างสุภาพ “คุณราเมศ รัตนะโสภาสิริ สินะคะ”

“ครับ” เขาเหยียดยิ้มชวนมอง

ทั้งสองเลือกนั่งโต๊ะฝั่งตรงกันข้ามกัน เพื่อจะได้มีโอกาสแสดงความรู้จักและศึกษาอุปนิสัยใจคอของกันและกันอย่างเต็มที่ แน่นอนว่าหน้าที่ของม่านนทีในคืนนี้ ไม่ใช่แค่การมาดูตัว แต่มาเพื่อสอดส่องพฤติกรรมความเจ้าชู้ตามที่ได้ยินข่าวลือมา เพื่อหาทางบ่ายเบี่ยงไม่ให้อีกฝ่ายเข้าถึงตัวปิ่นแก้วภายหลังอีกต่างหาก

“ต้องการเครื่องดื่มชนิดไหนหรือครับ”

“ขอแค่น้ำผลไม้ก็พอค่ะ” เธอตอบสั้น ๆ

ชายหนุ่มเลิกคิ้วเป็นเชิงแปลกใจ

“จะไม่เลือกดื่มไวน์สักหน่อยหรือครับ ที่นี่มีไวน์ยี่ห้อดังอยู่ถ้าไม่รังเกียจเดี๋ยวผมจะสั่งมาให้” เขาเสนอ

“ขอบคุณค่ะ แต่ปกติฉันเป็นคนไม่ดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เพราะมันทำให้เสียสุขภาพ” ม่านนทีตอบอย่างตรงไปตรงมา

ใบหน้าคมคายเหยียดยิ้ม มองดูเธอด้วยแววตาเปลี่ยนไปจากเดิม จะด้วยเหตุผลอะไรก็ตามแต่ แต่ภายใต้ดวงตาสีน้ำตาลคมกริบนั่น ทำให้ม่านนทีรู้สึกเหมือนกำลังเป็นฝ่ายโดนสำรวจเสียเองมากกว่า

“คุณปิ่นแก้ว ดูเรียบร้อยมากกว่าที่เคยได้ยินมาอีกนะครับ” เขาเอ่ยตามตรง

“เหรอคะ ฉันก็แค่พูดไปตามประสาคนไม่ดื่มเท่านั้นเอง”

ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ นึกชอบความเป็นคนตรงไปตรงมาของเธอ

“ตกลงครับ ถ้างั้นคืนนี้พวกเราเปลี่ยนจากการดื่มไวน์ มาเป็นการดื่มน้ำผลไม้เพื่อสุขภาพแทนก็แล้วกัน” กล่าวจบร่างสูงก็หันไปสั่งน้ำส้มคั้นและน้ำผลไม้ให้กับตัวเอง ท่ามกลางความแปลกใจของม่านนที

“ความจริงคุณจะดื่มอย่างอื่นก็ได้นะคะ ไม่จำเป็นต้องเกรงใจฉันก็ได้”

“ไม่เป็นไรครับ ผมอยากดื่มเป็นเพื่อนคุณ” เขากล่าวเสียงทุ้มลึก

ราเมศดูเป็นสุภาพบุรุษมากกว่าที่ม่านนทีคิดเอาไว้ แถมการสนทนากับเขาก็ไม่ได้ช่วยสนับสนุนความเป็นเพลบอยอย่างที่เพื่อนสาวพยายามยัดเยียดข้อหาให้เลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามชายหนุ่มทั้งสุขุมรอบคอบ พูดน้อย บุคลิกโดดเด่นและเต็มไปด้วยมุมมองความคิดของผู้มีการศึกษา จนเธอประหลาดใจ

ตลอดระยะเวลาที่รับประทานอาหารค่ำร่วมกัน ม่านนทีระมัดตัวเองเป็นอย่างมาก เนื่องจากไม่ต้องการสานความสัมพันธ์ต่อ แต่เขาก็ทำให้หญิงสาวเผลอตัวคุยเรื่องต่าง ๆ ได้อย่างเป็นธรรมชาติ แถมยังไม่มีท่าทีกดดันหรือละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัวของเธอแต่อย่างใด

“บอกตามตรงนะครับว่าทีแรก รู้สึกหนักใจอยู่เหมือนกันที่รู้ว่าคู่ดูตัวเป็นถึงลูกสาวนักธุรกิจนำเข้ารายใหญ่ของเมืองไทย แต่หลังจากที่ผมเห็นคุณในคืนนี้แล้ว เห็นทีคงต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่”

“ทำไมเหรอคะ”

“นั่นเพราะคุณเป็นผู้หญิงน่ารักกว่าที่ผมคิดเอาไว้น่ะสิครับ” คำตอบตรงไปตรงมาส่งผลให้ม่านนทีถึงกับแก้มแดง

“มะ แหม...คุณราเมศนี่ปากหวานเหมือนกันนะคะ” เธอหัวเราะแก้เขิน ย้ำเตือนตัวเองอยู่ในใจเป็นครั้งที่ยี่สิบ ว่าผู้หญิงที่เขากำลังชมอยู่หมายถึง ‘ปิ่นแก้ว’ ไม่ใช่เธอ

“ผมพูดออกมาจากใจจริงต่างหาก”

ชายหนุ่มเหยียดยิ้ม ดวงตาสีน้ำตาลเป็นประกาย แสงสว่างจากเปลวเทียนบนโต๊ะยิ่งเน้นจมูกโด่งเป็นสันและคิ้วเข้ม ราวกับภาพวาดในบทกวี ทำให้ม่านนทีอดหวั่นไหวไม่ได้ว่า หากอีกฝ่ายถูกจับคู่ให้ดูตัวกับเธอจริง ๆ แทนที่จะเป็นเรื่องโกหก ตัวเองจะมีภูมิต้านทานเสน่ห์ของเขาได้ขนาดไหนกันเชียว

ยายปิ่นนะยายปิ่น...เธอจะรู้บ้างหรือเปล่านะ ว่างานที่มอบหมายให้ทำคืนนี้ ช่างปั่นป่วนหัวใจเสียเหลือเกิน

“ขอบคุณค่ะ ฉันเองก็เพิ่งเคยมีคนชมตรง ๆ แบบนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน” ม่านนทีเอ่ย “แต่คุณเองก็ไม่ควรเชื่อในสิ่งที่ตาเห็นนะคะ เราสองคนเพิ่งจะเคยรู้จักกันเป็นครั้งแรก บางที...ฉันอาจไม่ใช่ผู้หญิงตามแบบที่คุณกำลังคิดอยู่ก็ได้”

ชายหนุ่มเลิกคิ้วเข้ม

“แต่ผมไม่คิดอย่างนั้น”

“อะไรทำให้คุณเชื่อแบบนั้นคะ”

“เพราะผมไม่เชื่อในเงาที่สะท้อนอยู่บนดวงตาของตัวเอง แต่เชื่อในความจริงที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังดวงตาของคุณน่ะสิครับ”

ม่านนทีนิ่งเงียบไปชั่วขณะ คิดไม่ถึงว่าเขาจะเป็นคนที่มองทุกสิ่งได้ทะลุปรุโปร่งถึงขนาดนี้ ทั้งคำพูดและสายตาที่จับจ้องตรงมา ทำให้หญิงสาวอดคิดไม่ได้เลยว่าอีกฝ่ายอาจสะดุดใจบางอย่าง จนนำไปสู่การสงสัยในตัวตนของเธอ

“ขอโทษที่พูดจาแปลก ๆ คุณปิ่นแก้วอย่าถือสาเลยนะครับ” ใบหน้าคมคายเว้นจังหวะ “ไม่ทราบว่าหลังจากนี้ ผมจะขออนุญาตโทรศัพท์ไปหาคุณเผื่อเวลาต้องการคำปรึกษาบ้างจะได้หรือเปล่าครับ”

“อย่าเลยค่ะ” ม่านนทีปฏิเสธทันควัน

“คุณรังเกียจ ?”

“เปล่าค่ะ เพียงแต่ช่วงนี้น้ำ เอ้ย ปิ่นงานยุ่งมาก ทำให้ไม่ค่อยมีเวลาพูดคุยกับใครเท่าไหร่”

ชายหนุ่มจุดประกายรอยยิ้มบาง ๆ

“แล้วถ้าเป็นช่วงวันเสาร์อาทิตย์ละครับ”

“เอ่อ..ก็เป็นบางอาทิตย์ค่ะ” พูดไปแล้วม่านนทีก็อยากหยิกตัวเองแรง ๆ ตั้งใจจะพูดปฏิเสธแต่กลับกลายเป็นการเปิดโอกาสให้เขาไปเสียนี่

“ดีครับ ผมเองก็อยากหาโอกาสเลี้ยงข้าวคุณ ในร้านอาหารบรรยากาศสบาย ๆ ไม่ใช่การนัดพบอย่างเป็นทางการเหมือนกัน”

ม่านนทีก้มหน้าดูมือตัวเอง นึกขอโทษปิ่นแก้วเป็นครั้งที่ร้อย

“คุณปิ่นแก้ว”

“น้ำค่ะ” เธอโพล่งออกมา เนื่องจากทนอึดอัดไม่ไหว “ขอโทษนะคะ แต่ฉันชอบชื่อนี้มากกว่า ถ้าไม่รังเกียจช่วยเรียกฉันว่า ‘น้ำ’ เฉย ๆ ดีกว่า”

ชายหนุ่มเหยียดยิ้มน้อย ๆ ดวงตาแลดูอบอุ่นอย่างประหลาด

“ตกลงครับ คุณน้ำ”

แม้จะรับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะกับเพื่อนรัก ว่าจะหาวิธีทำทุกอย่างเพื่อตัดทางสานสัมพันธ์ แต่พอเอาเข้าจริง ม่านนทีกลับเป็นฝ่ายตกหลุมที่ตัวเองขุดดักเอาไว้อย่างไม่น่าให้อภัย

“ขอโทษนะคะคุณราเมศ แต่ตอนนี้ดึกมากแล้ว ถ้ายังไงฉันขอตัวกลับก่อนดีกว่า” ม่านนทีตัดสินใจลากลับ เพราะไม่อยากถลำลึกเกินตัว

“ให้ผมขับรถไปส่งที่บ้านนะครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ น้ำกลับเองได้”

“จะดีหรือครับ”

“ดีกว่าการที่คุณขับรถไปส่งแน่นอนค่ะ” เธอยืนยันเสียงแข็ง ทว่ายังไม่ทันจะลุกขึ้นจากเก้าอี้ เสียงดนตรีไวโอลินก็บรรเลงท่วงทำนองอ่อนหวาน เสริมสร้างบรรยากาศ ก่อนที่ร่างสูงสวมชุดสูทจะยื่นมือส่งมาหาเธอ

“ตกลงครับคุณน้ำ ถ้าอย่างนั้นกรุณาให้เกียรติเต้นรำกับผมสักเพลงนะครับ”

ม่านนทีมองดูฝ่ามือใหญ่อย่างลังเลใจ รู้ดีว่าไม่ควรให้เขาก้าวล้ำเส้นเข้ามามากเกินไปกว่านี้ แม้อีกฝ่ายจะเป็นผู้ชายที่เพียบพร้อมและมีเสน่ห์มากก็ตาม แต่ในความเป็นจริงราเมศก็เป็นได้แค่ว่าที่คู่หมายของเพื่อนรัก และผ่านเข้ามาในชีวิตเธอเพียงแค่ค่ำคืนนี้เท่านั้น...

**********************

เอานิยายเรื่องใหม่ มาให้ลองอ่านกันค่ะ
แนวรักหวาน ๆ แอบเปรี้ยวเล็กน้อย
ชอบไม่ชอบยังไง ช่วยวิจารณ์ด้วยนะคะ ^ ^

เบลินญา



เบลินญา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 10 ส.ค. 2554, 12:42:54 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 10 ส.ค. 2554, 12:43:06 น.

จำนวนการเข้าชม : 3487





   ตอนที่ 2 แผนการ ป่วนหัวใจ >>
เบลินญา 10 ส.ค. 2554, 12:46:00 น.
ฝากนิยายเรื่องใหม่ของเบลินญา ด้วยนะคะ


หมูแพนด้า 10 ส.ค. 2554, 13:38:14 น.
สงสัยจะวุ่นวายกันอีกนาน...ว่าแต่ฝ่ายชายเป็นตัวจริงมาเอง หรือว่าตัวหลอกเหมือนกัน ^^


เบลินญา 10 ส.ค. 2554, 13:50:06 น.
คุณหมูแพนด้า เดาเก่งจังเลย
เรื่องนี้รับรองว่าวุ่นวาย แล้วก็สนุกแน่นอนค่ะ


pattisa 10 ส.ค. 2554, 15:05:42 น.
น่าติดตามคะ :))


Zephyr 10 ส.ค. 2554, 19:27:11 น.
หลอกกันทั้งสองฝ่ายป่าวคะ คงมีมือสาม สี่ ห้า แน่ๆใช่มั้ยคะ กับความสัมพันธ์ในเรื่องนี้ ถ้าจะยุ่งแน่ๆ


Pat 13 ส.ค. 2554, 19:12:30 น.
น่าสนุก ท่าทางจะชอบแฮะเรื่องนี้ แต่จะลงจนจบหรือเปล่าคะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account