ใต้รอยสวาท
เมื่อเรื่องราวในอดีต..ยังโลดแล่นลงทัณฑ์หัวใจทุกดวง
ความผิดพลาดใต้รอยสวาทนี้ จะมีบทลงเอยอย่างไร
..........................................................................
คนในอดีตย้อนกลับเข้ามาในชีวิต และหวังช่วงชิงแก้วตาดวงใจ เพื่อแก้แค้นเอาคืน
ลลนาจะทำเช่นไร เมื่อหล่อนไม่เคยรักพ่อของลูก แต่ก็ไม่อาจหนีพ้นความรักปนแค้นที่เขาหยิบยื่นให้ หล่อนต้องสู้เพื่อลูก และผู้ชายอีกคนที่เข้ามาสอนให้หล่อนรู้จักความหมายของคำว่า 'รัก'
ความผิดพลาดใต้รอยสวาทนี้ จะมีบทลงเอยอย่างไร
..........................................................................
คนในอดีตย้อนกลับเข้ามาในชีวิต และหวังช่วงชิงแก้วตาดวงใจ เพื่อแก้แค้นเอาคืน
ลลนาจะทำเช่นไร เมื่อหล่อนไม่เคยรักพ่อของลูก แต่ก็ไม่อาจหนีพ้นความรักปนแค้นที่เขาหยิบยื่นให้ หล่อนต้องสู้เพื่อลูก และผู้ชายอีกคนที่เข้ามาสอนให้หล่อนรู้จักความหมายของคำว่า 'รัก'
Tags: สวาท,รักร้าย,ซิงเกิ้ลมัม,ริษยา,นิยายรัก,ดราม่า
ตอน: บทที่ 7 สวนสนุก
สิ่งแรกที่ลลนาเลือกให้ลูกสาวคือรถไฟดรีมเวิลด์ ต่อด้วยเจ้าหนูลมกรด และพักเหนื่อยหลบร้อนด้วยการเข้าบ้านยักษ์ ที่ใหญ่ยักษ์สมชื่อถูกใจเลศยามากทีเดียว หนูน้อยตื่นเต้นกับข้าวของเครื่องใช้ที่อลังการ กรงนกที่สามารถเข้าไปยืนได้หมดทั้งสามคน โต๊ะอาหารและเก้าอี้ที่สูงจนนั่งไม่ถึง เลศยาร้องขอให้คัมภันอุ้มขึ้นนั่งบนเก้าอี้ของยักษ์ ลลนาปล่อยให้คัมภันดูแลลูกสาวของหล่อน เพราะตั้งใจเป็นตากล้องเก็บภาพอันน่าประทับใจเหล่านี้เอาไว้
ไม่ใช่แค่ภาพของลูกสาวหล่อนเท่านั้น แต่ยังมีภาพความทะเล้นของคัมภันที่เรียกเสียงหัวเราะและรอยยิ้มจากสองแม่ลูกได้เป็นอย่างดี ดูเอาเถอะ ไข่สีทองใบโตกองใหญ่เขาก็ลงไปนอนกกเลียนแบบแม่ไก่ให้เลศยาร้องทำตาม ที่โกยขยะวางอยู่เฉยๆ เขาก็ลงไปนั่งแล้วทำหน้าเศร้าราวว่าตนคือชิ้นขยะที่พร้อมถูกตักทิ้ง ปกติแล้วเลศยาไม่ชอบถ่ายรูป แต่เมื่อมีคัมภันช่วยจัดท่าให้ลองหัดโพสต์ ทุกอย่างมันก็ง่ายขึ้น หนูน้อยสู้กล้องได้เป็นธรรมชาติ จนลลนาสามารถเก็บภาพน่ารักของลลนาและคัมภันได้อีกหลายมุม
“คุณรันอยากเล่นเหรอครับ”
ออกจากบ้านยักษ์เดินผ่านเครื่องเล่นที่มีชื่อว่าเฮอริเคน ลลนาหยุดมองผู้เล่นที่กรีดร้องกันอยู่บนเครื่อง เพียงแค่ยืนอยู่ด้านล่าง หล่อนยังรู้สึกเวียนศีรษะกับแรงเหวี่ยงและหมุนควงพร้อมทั้งตีลังกากลับหน้ากลับหลังของเครื่องเล่นตรงหน้า
“ไม่ไหวหรอกค่ะ แค่มองก็ขมคอแล้ว คุณล่ะไม่สนบ้างเหรอ”
“ไม่เอาดีกว่าครับ เดี๋ยวไม่มีแรงขับรถ หน้าตาอย่างผมนี่ เหมาะกับการไปนั่งดูโชว์สัตว์แสนรู้มากกว่า ดีไหมคะน้องไลท์ ไปดูสัตว์ที่ฟาร์มลุงทอมกัน”
ทั้งสองเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย เพราะทันทีที่เลศยาตอบตกลง คัมภันก็ยกลูกสาวหล่อนขึ้นขี่คอแล้วเดินนำหน้าไปลิ่วๆ ลลนาถ่ายภาพทั้งสองด้านหลังแล้วส่งถึงรัชชานนท์ผ่านโปรแกรม Line ในโทรศัพท์ รวมถึงรูปภาพอีกหลากหลายมุมน่ารักของเลศยา รัชชานนท์ได้อ่านข้อความของหล่อนแล้วพิมพ์ตอบมาเพียงคำสั้นๆ แต่คำนั้นช่างตรงกับความคิดหล่อนเสียเหลือเกิน…เหมือนพ่อกับลูกเลย
“บ้า” ลลนาพิมพ์ตอบไปตามที่พูดแล้วรีบเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋าเป้เพราะลูกสาวหันกลับมากวักมือหยอยๆ
การแสดงของสัตว์แสนรู้เป็นที่ชอบใจของบรรดาหนูน้อยทั้งหลาย เลศยาตื่นเต้นเพราะไม่เคยเห็นลิงคิดเลข แพะลอดห่วง สุนัขเดินสองขา กระโดดข้ามสิ่งกีดขวาง และที่ชวนลุ้นแบบห้ามกะพริบตาคือการกระโดดข้ามห่วงไฟของบรรดาสุนัขแสนรู้
“คุณรันถ่ายรูปเก่งจังครับ”
คัมภันหมายถึงภาพที่ค้างอยู่บนจอกล้อง หล่อนสามารถจับภาพสุนัขที่กำลังจะข้ามห่วงไฟได้อย่างสวยงาม ภาพสื่ออารมณ์ สีหน้า แววตาของสุนัขและเปลวไฟรอบห่วงได้อย่างชัดเจน
“เพิ่งได้มาหัดถ่ายตอนที่มีลูกนี่ละค่ะ”
ลลนาชะงักนิดหนึ่งเพราะคัมภันชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ เขากำลังสนใจดูภาพในกล้องที่หล่อนถือไว้ รอยยิ้มหวานนั่น แกว่งหัวใจหล่อนเล่นจนวางสีหน้าได้ไม่ถูกเลย
“แม่รันขา น้องไลท์หิวข้าว”
เลศยาชะโงกหน้าเข้ามาขัดจังหวะ คัมภันจึงได้ผละออกห่าง และเมื่อการแสดงโชว์จบสิ้น เป้าหมายของทั้งสามก็จบลงที่ฟู้ดสเตชั่นเพราะความหิวของเลศยา
มื้ออาหารควรจะผ่านไปได้แบบปกติ แต่ที่ไม่ปกติเพราะเลศยาคะยั้นคะยอให้คัมภันตักอาหารใส่จานแม่รัน มากกว่านั้นคือป้อนให้แม่รันบ้าง คัมภันเองก็บ้าจี้ทำตาม ซ้ำยังคะยั้นคะยอให้ลลนาไหลตามน้ำไปด้วยอีกคน
“เอาน่าคุณ น้องไลท์มองอยู่นะ”
คัมภันกระซิบ ถือช้อนค้างอยู่สักพักแต่ลลนาไม่ยอมอ้าปาก ส่วนเลศยานั่งลุ้นอยู่ข้างๆ ตาโตใสแจ๋ว
สุดท้ายลลนาต้องยอมตามใจลูกสาว ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าเขินคัมภันเพราะอะไร ถ้าย้อนไปสมัยที่ยังไม่มีน้องไลท์ หล่อนเรียกตัวเองว่าผู้หญิงกร้านโลก มีผู้ชายมากหน้าหลายตาเข้ามาในชีวิต และสานสัมพันธ์กันได้ง่ายๆ เพียงแค่จ้องตาเท่านั้น คงเพราะจุดมุ่งหมายในชีวิตของหล่อนเปลี่ยนไป ทุกวันนี้หล่อนสนใจแต่เรื่องของลูก ส่วนเรื่องของหนุ่มๆ เรียกได้ว่าอ่อนหัดเสียจนไม่เหลือเขี้ยวเล็บเลย
ขับรถออกจากสวนสนุกมาได้สักพักแต่เลศยายังไม่เลิกพูดถึงความสวยงามของขบวนพาเหรดที่แสนประทับใจ อีกทั้งยังให้แม่รันโทรศัพท์ถึงพัทนี หนูน้อยเล่าสารพัดความสุขในสวนสนุก ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเล่นแปลกตา การแสดงหลากหลาย และปิดท้ายด้วยขบวนพาเหรดที่อลังการเหมือนในรายการโทรทัศน์ไม่ผิดเพี้ยน
“กว่าจะถึงโรงแรมคงมืดพอดี เราแวะทานมื้อเย็นกันก่อนดีไหมคะ”
ลลนาหันมาถามคัมภัน หล่อนจองโรงแรมหรูริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาเอาไว้สำหรับการพักผ่อน วันหยุดสุดสัปดาห์เป็นธรรมดาที่รถติด และลลนากลัวว่าลูกสาวจะผิดเวลามื้อเย็นไปมากจึงเสนออีกทางเลือกหนึ่ง
“อีกสักพักจะผ่านตลาดใหญ่ถ้าผมจำไม่ผิด เราลองแวะไปดูดีไหมครับ หรือคุณรันมีร้านในใจรึเปล่า”
“ไม่หรอกค่ะ ฉันเพิ่งเคยมาแถวนี้ครั้งแรก ไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามีร้านอะไรอยู่ตรงไหนบ้าง แล้วแต่คุณเถอะ”
“ผมก็ไม่เคยแวะตลาดแถวนี้ซะด้วย เคยแต่ผ่าน คงจะมีร้านอาหารตามสั่งหรือไม่ก็พวกก๋วยเตี๋ยวอยู่บ้าง”
“น้องไลท์อยากกินเส้นใหญ่กับลูกชิ้นโตๆค่ะ”
คัมภันหันมายิ้มกับลลนา นอกจากโม้ให้พัทนีฟังแล้ว หนูน้อยยังรู้เสียอีกว่าเขาและลลนากำลังสนทนากันเรื่องใด
เลศยาได้หม่ำลูกชิ้นลูกโตสมใจอยาก เพราะเหนื่อยกับกิจกรรมที่สวนสนุกมาตลอดทั้งวัน ก๋วยเตี๋ยวน้ำใสเส้นใหญ่ในชามจึงพร่องไปได้เกือบหมด ลลนาแวะซื้อผลไม้และของกินเล่นอีกนิดหน่อยก่อนทั้งสามจะเดินทางถึงโรงแรม หญิงสาวเลือกจองห้องพักแบบห้องสูทที่แยกเป็นสัดส่วนสองห้องนอนและหนึ่งห้องนั่งเล่น คัมภันคือผู้ร่วมทริป ที่ต้องเหนื่อยจากการขับรถและเป็นเพื่อนเล่นของลูกสาวหล่อนมาตลอดทั้งวัน เขาควรได้นอนพักให้สบาย เพื่อการเดินทางอีกครั้งในวันรุ่งขึ้น
“ถ้าน้องไลท์ยังไม่ง่วง แม่รันเปิดการ์ตูนให้ดูที่ห้องนั่งเล่นนะคะ อีกครึ่งชั่วโมง แม่รันอาบน้ำก่อน เดี๋ยวเราค่อยเข้านอนพร้อมกัน”
“ได้ค่ะ”
ลูกสาววิ่งปรู๊ดออกจากห้องไปแล้ว ลลนาจึงรีบจัดการธุระส่วนตัว เรียบร้อยดีก็เดินออกไปตามลูกสาวที่ห้องนั่งเล่น แต่ภาพที่เห็นนั้นช่างสะดุดตาและสะดุดใจ
เลศยานอนหลับสบายเคียงข้างคัมภันบนโซฟาตัวใหญ่ มือข้างหนึ่งกอดเอวคัมภันไว้ เช่นเดียวกับมือใหญ่ของคัมภันโอบกอดหนูน้อยกันไม่ให้หล่นจากโซฟา ถ้าลูกสาวอายุมากกว่านี้สักสิบปี คงต้องเรียกมาอบรมเรื่องมารยาทหญิงไทยและการรักนวลสงวนตัว นอนกอดแถมหลับสบายกับชายอื่นที่ไม่ใช่คนในครอบครัวเช่นนี้ มันน่าตีให้ก้นลายจริงๆ เชียว
“นี่คุณ”
ลลนาสะกิดเรียกคัมภันแต่เขาคงเพลียและหลับลึก หล่อนต้องเขย่าแขนเขาให้แรงขึ้นกว่าที่เขาจะปรือตาขึ้นมามองได้
“อ้าวคุณรัน นี่ผมหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่”
“คุณคงเหนื่อยมาก ดูยายไลท์สิ หลับปุ๋ยเชียว”
“เดี๋ยวผมอุ้มแกไปส่งที่ห้องให้นะครับ”
ลลนาอนุญาต มองคัมภันค่อยๆ ประคองเลศยาขึ้นอุ้ม หนูน้อยสิ้นฤทธิ์ไม่รู้เรื่องรู้ราว ละเมอเรียกลุงภันจ๋าแต่ไม่ได้ลืมตาขึ้นมอง เมื่อวางเลศยาบนที่นอนแล้ว คัมภันยังมีน้ำใจดึงผ้าขึ้นห่มให้ เขาลูบศีรษะหนูน้อยแล้วกล่าวราตรีสวัสดิ์ก่อนจะหันมาบอกหล่อนด้วยอีกคน
“ราตรีสวัสดิ์ครับคุณรัน”
ลลนาใจเต้นแรงกับรอยยิ้มและแววตาที่คัมภันมองมา มันช่างอบอุ่นอ่อนโยน นานแล้วที่ไม่ได้ยินคำนี้ และนานแล้วที่ไม่เคยเปิดโอกาสให้ผู้ชายคนใดได้อยู่ใกล้ชิด ลลนาตอบกลับไปตามมารยาท พยายามปิดประตูกั้นใจตัวเองให้แน่นหนา หล่อนกำลังอ่อนไหวกับความเป็นสุภาพบุรุษของคัมภัน หลายสิ่งในตัวเขาน่าประทับใจ ยิ่งได้รู้จักกันมากขึ้น ภาพชายในอุดมคติที่เคยวาดฝันเอาไว้ก็ค่อยๆ ชัดเจน กับชายหลายคนที่เคยผ่านเข้ามาในชีวิต ความสุขทางกายเท่านั้นคือสิ่งที่หล่อนปรารถนา หัวใจหล่อนด้านชาดังคำบดินทร์ฉัตรด่าหล่อนว่าไร้หัวใจ ไม่เคยมีผู้ชายคนใดสอนให้หล่อนเข้าใจความหมายของคำว่ารัก ความรักเดียวที่หล่อนซาบซึ้งอยู่เต็มอกขณะนี้คือความรักระหว่างแม่กับลูก และความรักความผูกพันกันในครอบครัว หล่อนยังหวังว่าสักวันหนึ่ง หล่อนจะมีโอกาสได้ซาบซึ้งในความรักของชายหญิงบ้าง แต่ผู้ชายดีๆ ที่ไหนกัน จะสนผู้หญิงมีอดีตเหลวแหลกเช่นนี้
“ฉันโทรหาแกแต่เช้า นี่แกหายหัวไปไหน”
ปาลิดาเห็นสามีหงุดหงิดมาแต่เช้าเพราะคนที่ต้องการโทรหาไม่ยอมรับสาย หล่อนเฝ้าจับตามอง แอบเดินตามมาไม่ให้เขาเห็น กระทั่งบดินทร์ฉัตรได้สนทนากับใครคนนั้นสมใจ
“พอๆ ไม่ต้องมาแก้ตัว ขี้เกียจฟัง ได้เรื่องยังไงก็ว่ามา”
ปาลิดายังจับต้นชนปลายไม่ถูกนัก บดินทร์ฉัตรสนใจใคร่รู้เรื่องใดกัน เพราะเขากระวนกระวายเหลือเกินตั้งแต่เมื่อวานที่ปั้นปึงใส่หล่อนนั่นแล้ว
“อะไรนะ หายไปกับไอ้สวะนั่นทั้งคืน ป่านนี้ยังไม่กลับมาอีกเหรอ”
ฟังเสียงดูก็รู้ว่าเขาหงุดหงิดเหลือเกิน สามีกำลังตามติดชีวิตของใครอยู่ ใครกันมีอิทธิพลต่ออารมณ์ความรู้สึกของบดินทร์ฉัตรได้มากมายเพียงนี้
“มันกล้าดียังไงมายุ่งกับผู้หญิงของฉัน!”
ปาลิดาไม่อยากผูกเรื่องไปถึงผู้หญิงอีกคน แต่คำของบดินทร์ฉัตรทำให้หล่อนหน้าชา หัวใจสะเทือนราวว่าถูกแรงกระแทกมหาศาลอัดเข้าใส่ แข้งขาอ่อนแรงจนต้องพิงตัวไว้กับผนังเพราะกลัวจะล้มลง
‘ผู้หญิงของฉัน’ มันชัดเจนพอแล้วว่าเขามีใครอีกคนนอกจากหล่อน หญิงสาวหูอื้อตาพร่า เดินกลับมาที่ห้องตัวเองเกือบไม่ไหว เมื่อครู่ถ้าเท้าก้าวพลาดตกบันไดไปเสีย บดินทร์ฉัตรจะห่วงใยเหมือนที่กระตือรือร้นอยากรู้เรื่องของผู้หญิงคนนั้นหรือไม่
ปาลิดาสะอื้นเงียบๆ อยู่ในห้องลำพัง หรือนี่จะเป็นเหตุผลที่แท้จริง สามีไม่เคยรักหล่อนเลยเพราะใจเขามีเงาของใครอีกคนซ่อนอยู่ เขารับผิดชอบหล่อนและลูกตามความต้องการของผู้ใหญ่ หล่อนได้เป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฏหมายเขาแล้วสมใจ แต่หล่อนไม่มีสิทธิ์ได้เป็นผู้หญิงที่เขารักเลย
“แม่จะทำยังไงดีลูก”
หล่อนถามอีกหนึ่งชีวิตที่พูดไม่ได้ แต่ความเจ็บปวดคงสื่อสารกันผ่านสายใยแม่ลูก ทารกในครรภ์ขยับตัว ถีบท้องแม่แรงกว่าทุกครั้งจนปาลิดาต้องหยุดสะอื้น มันคือความเจ็บที่เต็มไปด้วยความสุข เพราะในเวลาที่ไม่เหลือใครเลย อย่างน้อยๆ ก็ยังมีแก้วตาดวงใจอยู่อีกทั้งดวง
บดินทร์ฉัตรหุนหันกลับเข้ามาในห้องนอนด้วยอารมณ์หงุดหงิด เขามีงานที่ต้องสะสางอีกมาก ไหนจะลูกค้าวีไอพีที่ต้องอยู่รับรองด้วยตัวเองในอีกสองวันนี้ เขายังปลีกตัวกลับไปหาลลนาและลูกไม่ได้ แม้ข่าวล่าสุดจะสะเทือนหัวใจ ‘หมาหวงกาง’ เหลือเกินก็ตาม
“มีเรื่องเครียดเหรอคะ หน้ายุ่งเชียว”
ชายหนุ่มไม่ทันได้ทำลายข้าวของใกล้มือเพราะเสียงภรรยา เขารีบปรับสีหน้า ตกใจเมื่อพบปาลิดาเพิ่งเดินออกจากห้องน้ำ ไม่คิดว่าหล่อนจะอยู่ในห้องนอน เพราะถ้ารู้ก่อนเขาก็คงไม่ขึ้นมา
“เรื่องงานน่ะ คุณขึ้นมานอนพักเหรอ”
บดินทร์ฉัตรไม่ได้สนใจ จมูก แก้ม และตาแดงๆ ของภรรยาสักนิด ปาลิดาไม่ใช่ผู้หญิงมีเสน่ห์ เข้าใกล้หล่อนคราใดยิ่งพานให้เบื่อหน่าย ก่อนหน้านี้เขายังพิศวาสต้องการหล่อนอยู่บ้าง แต่เมื่อหล่อนท้อง สรีระค่อยๆเปลี่ยนแปลงไป ไม่มีสิ่งใดเย้ายวนตานอกจากท้องป่องโต
“ใช่ค่ะ ปันปวดหลัง ตาหนูก็ดิ้นแร้งแรง พี่ฉัตรลองจับดูสิคะ”
“งั้นก็นอนพักเถอะ เดี๋ยวผมจะลงไปข้างล่าง”
บดินทร์ฉัตรไม่สนข้อเสนอแม้ปาลิดาจะขยับเข้ามาใกล้ เขาเมื่อยหน้าที่ปั้นเอาไว้เต็มทน อารมณ์กำลังคุใช่ว่าจะสงบลงได้โดยง่าย เขาไม่ต้องการให้ปาลิดาเห็นพิรุธ คนกำลังท้องกำลังไส้ หล่อนควรสนใจเรื่องดูแลลูกมากกว่าเป็นทุกข์กับเรื่องผู้หญิงอีกคนของเขา
“มีเรื่องทุกข์ใจอะไรเล่าให้ปันฟังบ้างก็ได้นะคะ ถ้าเป็นเรื่องงาน ปันพอจะช่วยพี่ได้”
“อย่าปวดหัวไปเลย ดูแลลูกให้ดีก็พอ”
ปาลิดาถอนหายใจเมื่อสามีเดินออกจากห้องไป ไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะง้างปากให้เขายอมพูดเรื่องผู้หญิงอีกคน และคงไม่ใช่การดีนักถ้าต้องแหวกหญ้าให้งูตื่น ผู้ชายส่วนใหญ่จะไม่ยอมรับความผิดของตนจนกว่าจะจำนนต่อหลักฐาน ปาลิดาคิดได้ว่าควรเงียบเอาไว้ คอยจับตาดูพฤติกรรมของสามีอยู่ห่างๆ และหวังว่าโอกาสเหมาะจะหยิบยื่นมาให้หล่อนได้รู้ความจริงในสักวันหนึ่ง
พ้นช่วงวันหยุดที่แสนวิเศษ ผู้ร่วมเดินทางทั้งสามมีความทรงจำงดงามแตกต่าง แต่ในใจของคัมภันและลลนา กลับมีบางสิ่งเกิดขึ้นคล้ายๆกัน และค่อยๆ เติมเต็มให้กันอย่างไม่รู้ตัว กลางสัปดาห์ คัมภันไม่ได้มาเข้างานเพราะป้าแป๊ดขอแรงไปช่วยงานบุญผ้าป่าที่วัด ลลนาและรัชชานนท์ต้องเข้าร่วมงานสัมมนาที่โรงแรมชื่อดังในตัวจังหวัด หลักสูตรที่จัดขึ้นนั้นน่าสนใจ เนื้อเรื่องเกี่ยวกับการอนุรักษ์ทรัพยากรชายฝั่งและบทบาทของภาคธุรกิจ มีเสวนาเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นกับระบบนิเวศน์ทางทะเล การบุกรุกพื้นที่ชายหาด ข้อกำหนดกฏหมาย และบทบาทของธุรกิจทุกภาคส่วน
“สัมมนาน่าจะเลิกไม่เกินสี่โมงเย็น เดี๋ยวรันแวะรับเค้กกับลูกโป่งที่สั่งเอาไว้แล้วจะรีบกลับค่ะ”
วันนี้เป็นวันเกิดของเลศยา ลลนาคุยกับลูกเอาไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่าหล่อนมีงาน ไม่สามารถอยู่กับเลศยาได้ตลอดทั้งวัน แต่จะมีปาร์ตี้เล็กๆ ที่หล่อนแอบนัดแนะกับคัมภันเอาไว้แล้วว่าจะมีเซอร์ไพรส์
“ไม่ต้องห่วงหรอก รีบไปกันเถอะลูก”
“วันนี้มีบทเรียนภาษาอังกฤษด้วยนะคะ รันใส่แผ่นเอาไว้ให้แล้ว สักเก้าโมงได้เวลาเรียน ป้าเปิดเครื่องเล่นได้เลย”
“รันเคยสอนป้า ป้าจำได้”
เลศยาอายุได้เกณฑ์แล้วแต่ลลนายังตัดสินใจเลือกโรงเรียนให้ลูกไม่ได้ หล่อนคิดเยอะ กังวลในหลายๆ สิ่ง และยังหาข้อมูลได้ไม่มากพอ จึงเปิด Home School สอนลูกควบคู่กันไปกระทั่งเลศยาจะได้เข้าโรงเรียน
ลลนาและรัชชานนท์ออกจากรีสอร์ทไปไม่ถึงสองชั่วโมง รถของบดินทร์ฉัตรก็เลี้ยวเข้ามาจอดใต้ต้นจามจุรีใกล้บ้านลลนาว่องไว ชายหนุ่มหิ้วขนมของฝากจากแดนใต้ติดมือลงจากรถ ยกมือไหว้พัทนีที่เดินออกมาต้อนรับ สาวใหญ่แปลกใจเพราะบดินทร์ฉัตรหายไปนานเกือบสองอาทิตย์ และคงจะดี ถ้าเขาหายไปให้นานกว่านี้
“น้องไลท์อยู่ไหนครับคุณพัด คิดถึงจะแย่”
พัทนีรับของฝากจากบดินทร์แล้วบอกเขาว่าเลศยาอยู่ที่ห้องอาหาร ชายหนุ่มยิ้มร่า รีบเดินเข้าไปในบ้าน ไม่นานนักเสียงของหนูน้อยก็ร้องลั่นด้วยความยินดี พัทนีเดินตามเข้าไปสมทบ วางของฝากลงบนโต๊ะแล้วแยกของคาวกับขนมจัดวางในที่ของมัน
“คุณพ่อไม่อยู่ แม่รันพาน้องไลท์ไปฉวนชาหนุกด้วยค่ะ”
“ว้าว ดีจัง แล้วน้องไลค์อยากไปอีกไหม”
“ไปค่ะอยากไป คุณพ่อพาไปไหมคะ”
“แน่นอนสิ พ่อต้องพาลูกสาวพ่อไปอยู่แล้ว”
บดินทร์ฉัตรอุ้มเลศยาขึ้นมาหอมแก้มซ้ายขวา แล้วยื่นข้อเสนอกับลูกว่าวันนี้เขามีโปรแกรมเที่ยวอะไรบ้างที่น่าสนใจ
“น้องไลท์อยากไปฉวนน้ำค่ะ วันนี้วันเกิดน้องไลท์ค่ะคุณพ่อ”
“ว้าววิเศษไปเลย ถ้างั้น เราเตรียมตัวไปสวนน้ำกัน น้องไลท์มีชุดว่ายน้ำรึเปล่า ถ้าไม่มี เดี๋ยวพ่อซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิด”
“ไม่ดีมั้งคะคุณฉัตร รอถามยายรันก่อนดีกว่า ฉันกลัวว่าจะเกิดเรื่องกันอีกน่ะค่ะ”
พัทนีขัดขึ้นก่อน เพราะเลศยาอยู่ในความดูแลของตน แม้บดินทร์ฉัตรมีสิทธิ์พาลูกเที่ยวได้ในฐานะพ่อก็ตาม
“แล้วนี่รันอยู่ไหนล่ะครับ เดี๋ยวผมคุยกับเขาเองก็ได้”
“รันมีสัมมนาค่ะ เย็นๆ ถึงจะกลับ”
“ผมรับปากว่าจะพาน้องไลท์กลับมาถึงก่อนแม่เขาแน่นอน นะครับคุณพัด วันเกิดลูกทั้งที่ ผมก็อยากเห็นแกมีความสุข”
พัทนีตัดสินใจลำบาก หลานตัวน้อยมากอดขาแล้วยิ้มหวาน ยายพัดคนนี้ไม่ได้ใจร้าย พ่อพาลูกสาวไปเที่ยวอาจไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับครอบครัวอื่น แต่กับลลนา ทุกเรื่องของลูกนับเป็นเรื่องใหญ่เสมอ
“ฉันตัดสินใจไม่ได้หรอกค่ะ ทางที่ดี คุณควรโทรคุยกับรันเอง”
“ถ้างั้นผมขอเบอร์รันได้ไหมครับ”
พัทนีไม่สะดวกใจจะให้เบอร์ลลนา จึงกดโทรศัพท์ของตัวเองต่อสายถึงหลานสาวแล้วยื่นให้บดินทร์ฉัตรสนทนาแทน ครั้นเขารับโทรศัพท์ไปแล้วคงรอสัญญาณสักพัก และลลนาคงรับสายเพราะเขาพูดกับเครื่องมือสื่อสารนั่นหลายประโยคทีเดียว
“วันนี้วันเกิดลูก ผมแค่อยากเห็นลูกมีความสุข ผมขอวันเดียวนะรัน ผมสัญญา ว่าผมจะไม่พาลูกหนีคุณไปไหน”
พัทนีไม่มีโอกาสได้ยินว่าหลานสาวตอบบดินทร์ฉัตรว่าอย่างไรบ้าง แต่คาดเดาเอาจากคิ้วที่ขมวดของเขาแล้วลลนาคงไม่อนุญาต
“ครับ ผมรับปาก จะดูแลลูกให้ดีสมกับที่คุณยอมเชื่อใจผม”
พัทนีถึงกับขมวดคิ้วเพราะคาดไม่ถึงว่าลลนาจะยอมอนุญาต บางทีหลานสาวอาจเห็นว่าเป็นวันพิเศษของเลศยา จึงยอมโอนอ่อนผ่อนตาม เพราะหากดึงดันขัดขวาง คงเกรงว่าบดินทร์ฉัตรจะพาตัวเลศยาไปแล้วไม่กลับมาอีกเลย
“ยายรันวางสายไปแล้วเหรอคะ”
“ครับ แอบออกมาคุยข้างนอกห้องประชุม คงไม่อยากจะคุยนาน แต่รันอนุญาตแล้วนะครับ รบกวนคุณพัดช่วยจัดของให้น้องไลท์ที”
พัทนีรับโทรศัพท์ของตนคืนอย่างคลายกังวล ก่อนจะหันไปชวนเลศยาให้ขึ้นไปเตรียมกระเป๋าด้วยกันบนห้อง ส่วนบดินทร์ฉัตร เห็นเขาเดินยิ้มกริ่มไปที่โถงรับแขก ถ้าเขาทำได้จริงอย่างที่รับปากกับลลนาไว้สถานการณ์ต่อจากนี้คงค่อยๆเป็นไปในทางที่ดีขึ้น
.....................................................
บดินทร์ฉัตรจะมาไม้ไหนอีก ถ้าเขาพาลูกไปแล้ว จะมากลับมาส่งคืนจริงๆ หรือ
ติดตามได้ในตอนต่อไปนะคะ บอกเลยว่างานนี้ เจ็บกันถ้วนหน้าเลยจ้า
เนตรนที
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 5 เม.ย. 2560, 13:27:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 5 เม.ย. 2560, 13:27:34 น.
จำนวนการเข้าชม : 841
<< บทที่ 6 ความคิดถึง |