ลิขิตรักให้เรามาเจอกัน
ชะตาฟ้าลิขิตให้เขาและเธอมาเจอกัน แต่ก็ไม่สมหวังซักที
เขาและเธอเจอกันอยู่หลายครั้ง แต่ทุกครั้งเขามักมีแฟนควงคู่อยู่เสมอ
จนในที่สุดฟ้าก็ลิขิตให้เขาและเธอมาเจอกันอีกครั้งในจังหวะ และเวลาที่เหมาะสม
ความรักครั้งนี้จึงเริ่มก่อตัวขึ้นมาทีละนิด ทีละนิด
เหมือนกับลูกโลกที่ถูกที่แบ่งเป็นซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้
มันถูกหมุนและหยุด หมุนและหยุด จนนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่เคยลงล็อคซักที
จนในที่สุดเมื่อถึงจังหวะ และเวลาที่เหมาะสม ลูกโลกลูกนั้นดันหยุดและตรงล็อคพอดี
พระเจ้าผู้สร้างโลกใบนี้ขึ้นจึงปล่อยให้ลูกโลกใบนั้นค่อยๆ หมุนต่อไปเองตามธรรมชาติและตามกาลเวลาของมัน
เขาและเธอเจอกันอยู่หลายครั้ง แต่ทุกครั้งเขามักมีแฟนควงคู่อยู่เสมอ
จนในที่สุดฟ้าก็ลิขิตให้เขาและเธอมาเจอกันอีกครั้งในจังหวะ และเวลาที่เหมาะสม
ความรักครั้งนี้จึงเริ่มก่อตัวขึ้นมาทีละนิด ทีละนิด
เหมือนกับลูกโลกที่ถูกที่แบ่งเป็นซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้
มันถูกหมุนและหยุด หมุนและหยุด จนนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่เคยลงล็อคซักที
จนในที่สุดเมื่อถึงจังหวะ และเวลาที่เหมาะสม ลูกโลกลูกนั้นดันหยุดและตรงล็อคพอดี
พระเจ้าผู้สร้างโลกใบนี้ขึ้นจึงปล่อยให้ลูกโลกใบนั้นค่อยๆ หมุนต่อไปเองตามธรรมชาติและตามกาลเวลาของมัน
Tags: ลิขิตรักให้เรามาเจอกัน
ตอน: บทที่ 2 พบกันอีกครั้ง
หลังจากที่เจนเนตรเรียนจบ เธอก็ไม่ได้ทำงานตรงสายที่เธอเรียนมา เธอจบคณะศิลปศาสตร์ สาขาออกแบบแฟชั่น เธอมีความไฝ่ฝันว่าอยากมีแบรนด์เสื้อผ้าเป็นของตัวเองตั้งแต่เด็ก แต่เมื่อโตขึ้นเธอก็ได้เรียนรู้ว่า ความฝันกับความจริงมันช่างห่างไกลกันเหลือเกิน เพราะการสร้างแบรนด์นั้น แค่มีความรู้ ความสามารถนั้น ไม่สามารถทำได้ แต่ต้องมีเงินมากพอ และมีคอนเนคชั่นด้วย แบรนด์ของเธอถึงจะอยู่ได้ยืนยาว แต่เธอไม่มีอะไรเลยซะอย่างนี่สิ ประจวบเหมาะกับลุงอนันต์ได้ชวนเธอไปช่วยงานด้วย เพราะตอนนั้นเศรษฐกิจแย่มาก จนลุงอนันต์ต้องขายโรงงานการ์เมนต์ที่เคยสร้างรายได้ให้ลุงอนันต์อย่างมหาศาลทิ้งไป เพื่อเคลียร์หนีสิ้น และเริ่มต้นกับธุรกิจใหม่ ก็ในเมื่อธุรกิจเดิมไม่รอดจะดันทุรังไปทำไมจริงมะ? ลุงอนันต์เริ่มมาจับอสังหาริมทรัพย์ โดยเริ่มจากทำตลาดนัด และสถานที่ท่องเที่ยวแหล่งช็อปปิ้งกลางแจ้ง โดยให้เจนเนตรมาช่วยเป็นมือขวา ช่วยดูแลเรื่องการตลาดให้ เพราะธุรกิจนี้ลุงอนันต์ก็ถือว่าเป็นมือใหม่ ส่วนป้าแจนตลอดที่แต่งงานกันมา ลุงอนันต์และป้าแจนช่วยกันทำงานและสร้างธุรกิจขึ้นมาด้วยกันจนป่วย ลุงอนันต์จึงอยากให้ป้าแจนพักและไม่ต้องเครียดกับงานใหม่ที่กำลังเผชิญ เจนเนตรและลุงอนันต์ทำงานกันอย่างหนักตลอด 2 ปี จนตลาดนัด และสถานที่ท่องเที่ยวแหล่งช็อปปิ้งกลางแจ้งของลุงอนันต์ติดตลาดและสร้างเงินให้อย่างมหาศาล จนลุงอนันต์กลับมาร่ำรวยอีกครั้ง และกำลังมีแพลนเริ่มโครงการใหม่ๆ ตามมา ในขณะเดียวกันลุงอนันต์ก็เลี้ยงดูเจนเนตรและน้องๆ ของเธออย่างดีเหมือนลูกแท้ๆ
หลังจากที่เจนเนตรเห็นว่าธุรกิจของลุงอนันต์ประสบความสำเร็จและเริ่มอยู่ตัวแล้ว เธอจึงคิดอยากจะทำตามความฝันของเธอเอง เพราะตอนนี้เธอมีเงินแล้ว แต่สิ่งที่เธอยังขาดคือคอนเนคชั่น และประสบการณ์ เจนเนตรจึงตัดสินใจไปหาหาคอนเนคชั่น และประสบการณ์ โดยเธอเลือกไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศส โดยเลือกเรียนสาขา Fashion Design And Merchandising โดยเธอเลือกที่จะหาทุนเรียนฟรีไปเรียนต่อ เธอเคยลำบากมาก่อน และเธอมักใช้เงินอย่างคุ้มค่าเสมอ ในเมื่อมีทุนเรื่องอะไรจะเสียตังล่ะ เพราะจริงๆ แล้ว ประเทศไทยมีทุนไปเรียนต่อต่างประเทศมากมาย แต่คนไทยน้อยคนที่จะทราบ และกล้าที่จะสมัครและเผชิญกับโลกกว้างนี้ เจนเนตรจึงศึกษาข้อมูล หาทุนเรียนต่อที่ประเทศฝรั่งเศสในสาขาที่เธอต้องการ จนในที่สุดเธอก็ทำมันได้ เธอได้ทุนเรียนฟรี ที่พักฟรี และค่าครองชีพฟรีตลอดเวลาที่เธอเรียนที่ฝรั่งเศส โดยไม่มีข้อผูกมัดใดๆ เพียงแค่เธอต้องรักษาเกรด และพูดภาษาฝรั่งเศสให้ได้เท่านั้น
ตอนนี้เจนเนตรก็อยู่ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส เธอสวมใส่เสื้อสูตรลายสก็อตสีเบจของ Chanel และใส่เสื้อทับที่แหวกคอลึก ทำให้เห็นอกเนินสวยขึ้นมา เหมือนไม่ได้ใส่เสื้อทับข้างใน และใส่กางเกงสามส่วนเข้ารูปไม่มากนักลายเดียวกัน และสวมรองเท้าคลัทชูส้นสูงปลายแหลมสีน้ำตาลเข้ม พร้อมกระเป๋าคลัทช์ใบเล็กของ Chanel เธอปล่อยผมตรงสีน้ำตาลอ่อนที่ยาวถึงกลางหลังและแสกข้างรวมทั้งฉีดสเปรย์หวีเสยไปข้างหลังทำให้ขับใบหน้าสวยให้ดูเด่นชัดขึ้น เธอแต่งหน้าโทนสีน้ำตาลและทาลิปสติกแมทสีสีน้ำตาล ทำให้วันนี้เธอดูสวย Classy Elegant มากๆ และตอนนี้เธอกำลังเดินเข้ามาในงาน Paris Fashion Week ที่เธอได้บัตรเข้างานมาฟรีกับเจสซี่ เพื่อนสาวชาวอเมริกันของเธอที่มาเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน และสาขาเดียวกัน ตอนนี้เจนเนตรมาเรียนที่ฝรั่งเศสได้ 1 ปีกว่าๆ แล้ว เธอพูดภาษาฝรั่งเศสได้คล่องทีเดียวเลยแหละ จากตอนแรกก่อนที่มาเรียนเธอพูดไม่ได้เลย แถมภาษาอังกฤษก็งูๆ ปลาๆ เธอต้องเข้าคอร์สเรียนภาษาฝรั่งเศสทุกวันในช่วงแรกจนเริ่มพูดได้ และได้มารู้จักกับเจสซี่จนสนิท และมาเป็นรูมเมทกัน ตลอดเวลาที่เธออยู่ที่ฝรั่งเศสก็มีเจสซี่ที่คอยช่วยเหลือเธอทุกเรื่อง จนเธอสามารถพูดทั้งภาษาฝรั่งเศส และภาษาอังกฤษได้คล่อง
เจนเนตรและเจสซี่เดินดูรอบๆ งานก่อนที่แฟชั่นโชว์จะเริ่ม และถ่ายรูปร่วมกับดาราเซเลปทั้งหลายที่มาร่วมงาน
“เจเนต ชั้นปวดฉี่อะ ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ แกรอแถวนี้นะ” เจสซี่บอกเจนเนตรแล้วรีบเดินไปเข้าห้องน้ำ ที่ฝรั่งเศสทุกคนเรียกเธอว่าเจน เพราะถ้าเรียกเจนเนตรมันเรียกยากเกินไป มีแต่เจสซี่นี่แหละที่พยามยามเรียก แต่ก็พูดไม่ชัดซักที เลยตั้งชื่อใหม่ให้เธอว่าเจเนต
“OK” เจนเนตรตอบเพื่อนสาวกลับไปที่รีบเดินโดยไม่หันหน้ามาฟังเธอตอบก่อนซักนิด สงสัยจะอั้นมานาน เจนเนตรเดินดูการแต่งตัวของผู้คนที่เข้ามาในงานเรื่อยๆ เหมือนเป็นการเสพงานศิลปะอย่างหนึ่ง พลางก็เหม่อนึกถึงชายหนุ่มคนหนึ่งที่เธอเคยเดินไปชนเขา จนเธอล้มไปกองกับพื้นเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว แล้วยิ้มขึ้นมาอย่างเศร้าๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เธอเจอชายหนุ่มคนนั้นเธอก็คิดถึงใบหน้าของเขาแทบทุกวัน เวลาเธอว่างๆ หรือก่อนนอนเธอมักชอบมโนว่าเธอกับเขาเป็นแฟนกันบ้าง มโนว่าบังเอิญมาเจอกันบ้าง แต่สุดท้ายมันก็เป็นไปไม่ได้ เธออยากจะลืมให้จบๆ แต่ก็ทำไม่ได้ซะที เพราะรู้ว่ายังไงก็เป็นไปไม่ได้ เขาเป็นใครเธอยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
“โอ้ย! Sorry” หลังจากที่เจนเนตรเดินเหม่อคิดถึงชายแปลกหน้าคนนั้น เธอก็เดินไปชนใครไม่รู้อีกแล้ว T_T
“No problem”ตฤนนิธิตอบกลับไปเมื่อเธอเห็นหญิงสาวหน้าสวย ที่กำลังเดินเหม่อมาชนเธอ จริงๆ เขาเห็นแล้วล่ะว่าเธอเดินตรงมา แต่เขาคิดว่าเธอจะเดินหลบไป เพราะเขายืนอยู่ตรงนี้สักพักแล้ว แต่เธอดันไม่หลบ
“อ้าว! คุณ” เจนเนตรตกใจมากที่เห็นชายหนุ่มที่เธอกำลังนึกถึงเขายืนอยู่ตรงหน้า แล้วยกนี้วขึ้นมาชี้เขาแล้วยืนนิ่งอย่างลืมตัว เพราะเธอชอบมโนถึงเขาบ่อยๆ จนลืมไปคิดว่ารู้จักกัน
“เอ่อ…คุณรู้จักผมหรอครับ” ตฤณนิธิยืนงง ที่หญิงสาวคนนี้เป็นคนไทย และพูดเหมือนรู้จักเขา แต่เขาจำได้ว่าไม่รู้จักนะ
“อะ...เอ่อ…นะ น่า จะจำคนผิดค่ะ” เจนเนตรตอบไปยังเก้ๆ กังๆ พลางคิดในใจ เป็นอะไรของแกเนี้ยยัยเจน เสียลุคสวยๆ คลาสซี่ที่แต่งมาแล้วมั้ย โอ้ยยยย แง T_T
“อ่อครับ ดีจังเลยครับเจอคนไทยที่นี่”
“เอ่อ…ค่ะ แล้วคุณมาดูแฟชั่นโชว์หรอคะ” เจนเนตรกลับมารักษาลุคสวยๆ เหมือนเดิม พร้อมถามอยากแปลกใจ เอ๊ะ…หรือว่าเขาเป็น…ไม่นะ T_T เธอคิดในใจ พร้อมหัวใจที่เต้นแรงแทบจะหลุดออกมา
“แฟนผมบังคับมาน่ะครับ ฮ่าๆ อย่าเพิ่งคิดไปไกล แมนทั้งแท่งครับ” ตฤณนิธิตอบกลับไปอย่างขำขัน เหมือนรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร
“ฉันยังไม่ได้คิดอะไรเลยซักหน่อย ฮ่าๆ” เจนเนตรตอบกลับไปอย่างขำขันแก้เขิน
“แล้วคุณมาเที่ยวที่ฝรั่งเศสหรอครับ”
“ฉันมาเรียนน่ะค่ะ ปีหน้าก็จบแล้ว”
“ตฤณ คุยกับใรอยู่คะ” หญิงสาวลุคเซ็กซี่ ที่สวมใส่ชุดเดรสรัดรูปสีแดง แล้วคลุมไหล่ด้วยเฟอหนาสีน้ำตาลอ่อนเดินเข้ามากอดแขนตฤณนิธิ แล้วมองหน้าเจนเนตรอย่างไม่เป็นมิตร
“พอดีเมื่อกี้ผมกะเค้าเดินชนกันน่ะครับ เลยรู้ว่าเป็นคนไทยเลยยืนคุยกันนิดหน่อย”
“งั้นฉันขอตัวนะคะ แฟนคุณมาแล้ว” นี่เขาเปลี่ยนแฟนอีกแล้วหรอ หรือว่าเขาจะเจ้าชู้ แต่อย่างงี้แสดงว่าเธอก็มีหวังสิ เจนเนตรคิดในใจ
“ครับ ผมตฤณนิธิ นะครับยินที่ได้รู้จัก เอ่อแล้วคุณ…คุณ?”
“เจนเนตรค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” เจนเนตรยิ้มหวาน แล้วเดินออกมาก็เห็นเจสซี่ที่เดินมาพอดี เลยชวนกันเดินเข้าไปในงานเพราะแฟชั่นโชว์ใกล้เริ่มแล้ว
“เมื่อกี้แกคุยกับใครอะ ฉันไม่เห็นรู้จัก” เจสซี่ถามเพราะเห็นเพื่อนสาวยืนคุยกับใครไม่รู้
“พอดีฉันเดินชนเขาอะแก เลยรู้ว่าเป็นคนไทยเหมือนกัน เลยคุยกันนิดหน่อย นานๆ ทีจะเจอคนไทย” เจนเนตรพูดพลางยิ้มเหมือนคิดอะไรในใจ
“แกชอบเค้าหรอยะ หน้าพริ้มเชียว แต่ข้างๆ นั่นเหมือนแฟนเค้าปะ” เจสซี่ถามอย่างจับผิด
“ชอบบ้าอะไรล่ะ เพิ่งเจอกัน แล้วเขาก็มากับแฟนด้วย ฮื่มม” เจนเนตรรีบแก้ตัวพัลวัน แล้วแกล้งทำเสียงขึม พอถูกจับได้ เธอไม่เคยบอกใครว่าเธอแอบชอบชายแปลกหน้าที่ไม่รู้จักมาเป็นปี เรื่องอะไรจะบอกให้โดนแซวล่ะ
“แล้วทำไมต้องโมโหด้วย ถามแค่นี้ โกหกไม่เนียนเลย ฮ่าๆ”
“บอกว่าไม่ชอบก็ไม่ชอบไง ไม่ได้โกหกซะหน่อย โถ่ นู้นโชว์เริ่มแล้ว”
เจนเนตร และเจสซี่รีบหันกลับไปดูโชว์อย่างตั้งใจ เมื่อเสียงดนตรีดังขึ้นแล้วนางแบบคนแรกเริ่มเดินออกมาอย่างเฉิดฉายตามจังหวะเพลง…
หลังจากที่โชว์จบเธอก็ถ่ายรูปกับเจสซี่อีกซักพัก แล้วไปหาข้าวกิน และกลับไปยังอพาร์ทเมนต์ที่เธออยู่กับเจสซี่
พอเจนเนตรกลับมาถึงห้องพักเธอก็ล้างเครื่องสำอาง อาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย แล้วประโคมครีมบำรุงผิวลงบนหน้าและร่างกาย แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมานั่งกดเล่นอยู่บนเตียงสักพักนึง เธอก็นึกถึงเขาคนนั้นอีกแล้ว จากที่เธอพยายามจะลืมเขา แต่วันนี้ดันมาเจอเขาอีกครั้ง ทำให้ความพยายามที่จะลืมนั้นเริ่มจางหายไป และคิดถึงเขามากกว่าเดิม
“ตฤณนิธิ” เจนเนตรพูดชื่อของเขาขึ้นมาเบาๆ แล้วกดโทรศัพท์เข้าไปที่เว็ปไซต์ Google หวังว่าจะเสิร์ชหาชื่อเขาแล้วคงเจอ แต่ปรากฏว่า คนชื่อตฤณนิธิมีตั้งหลายคน แถมรูปก็ไม่มีอีก เธอจึงเสิร์ชชื่อในเฟสบุก อินสตราแกรม ทวิตเตอร์ทั้งชื่อภาษาไทยภาษาอังกฤษ แต่ก็ไม่เจอ เธอวางโทรศัพท์บนตักอย่างหมดหวังพร้อมทำหน้าเศร้า
“เห้ออออ คงไม่ได้เจอแล้วสินะ” เจนเนตรถอนหายใจกับตัวเองเบาๆ แต่ก็ไม่เบาพอที่จะทำให้เจสซี่ไม่ได้ยิน
“ถอนหายใจอะไรของแก”
“ไม่มีอะไร เหนื่อยเฉยๆ อะ”
“เดี๋ยวก็จบแล้วแก สู้ๆ” เจสซี่ยิ้ม แล้วยกสองนิ้วให้กำลังใจเพื่อน แต่หารู้ไม่ว่าเพื่อนของเธอไม่ได้เหนื่อยเรื่องนั้นเลย
“ขอบใจนะแก” เจนเนตรพูดพลางพร้อมลุกขึ้นไปกอด แล้วยื่นหน้าจะไปจุ้บเพื่อน จนเจสซี่ขนลุก ต้องผลักเจนเนตรออก
“ยัยเจเนตบ้า ไปนอนเลยไป”
“ฮ่าๆ แกล้งเพื่อนสนุกจังเลยยยยยย”
“หึหึ หายเหนื่อยแล้วใช่มะ” เจสซี่พูดพลางทำหน้าเอาเรื่อง
“กอดเพื่อนปุ๊ปก็หายเหนื่อยเลย” เจนเนตรพูดพลางทำหน้ากวน ทำปากจูจุ๊บใส่เจสซี่
“งั้นถ้าหายเหนื่อยแล้ว ก็อย่าลืมทำการบ้านที่ต้องส่งวันศุกร์นี้ให้เสร็จนะจ้ะ” เจสซี่ยิ้มอย่างผู้ชนะ เพราะเธอทำเสร็จแล้ว แต่เจนเนตรยังทำไม่เสร็จ
“โอ้ยยยยย เหนื่อยอีกแล้ว ไปนอนดีกว่า” เจนเนตรทำหน้าเหมือนหมดแรงแล้วล้มตัวไปนอน
“หึหึ” เจสซี่หัวเราะในลำคอ แล้วส่ายหัวให้กับเพื่อนที่ชอบทำตัวเป็นเด็กเวลาอยู่กับเธอเสมอ แต่เวลาเจนเนตรอยู่ข้างนอก พบปะผู้คน เธอมักดูเป็นผู้ใหญ่ นิ่งๆ เชิดๆ เป็นคนละคนกับที่อยู่กับเธอเลย
____________________________________________
เป็นยังไงกันบ้างคะ....อ่านแล้วคอมเมนท์ติชมเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยน้า
หลังจากที่เจนเนตรเห็นว่าธุรกิจของลุงอนันต์ประสบความสำเร็จและเริ่มอยู่ตัวแล้ว เธอจึงคิดอยากจะทำตามความฝันของเธอเอง เพราะตอนนี้เธอมีเงินแล้ว แต่สิ่งที่เธอยังขาดคือคอนเนคชั่น และประสบการณ์ เจนเนตรจึงตัดสินใจไปหาหาคอนเนคชั่น และประสบการณ์ โดยเธอเลือกไปเรียนต่อที่ฝรั่งเศส โดยเลือกเรียนสาขา Fashion Design And Merchandising โดยเธอเลือกที่จะหาทุนเรียนฟรีไปเรียนต่อ เธอเคยลำบากมาก่อน และเธอมักใช้เงินอย่างคุ้มค่าเสมอ ในเมื่อมีทุนเรื่องอะไรจะเสียตังล่ะ เพราะจริงๆ แล้ว ประเทศไทยมีทุนไปเรียนต่อต่างประเทศมากมาย แต่คนไทยน้อยคนที่จะทราบ และกล้าที่จะสมัครและเผชิญกับโลกกว้างนี้ เจนเนตรจึงศึกษาข้อมูล หาทุนเรียนต่อที่ประเทศฝรั่งเศสในสาขาที่เธอต้องการ จนในที่สุดเธอก็ทำมันได้ เธอได้ทุนเรียนฟรี ที่พักฟรี และค่าครองชีพฟรีตลอดเวลาที่เธอเรียนที่ฝรั่งเศส โดยไม่มีข้อผูกมัดใดๆ เพียงแค่เธอต้องรักษาเกรด และพูดภาษาฝรั่งเศสให้ได้เท่านั้น
ตอนนี้เจนเนตรก็อยู่ที่ปารีส ประเทศฝรั่งเศส เธอสวมใส่เสื้อสูตรลายสก็อตสีเบจของ Chanel และใส่เสื้อทับที่แหวกคอลึก ทำให้เห็นอกเนินสวยขึ้นมา เหมือนไม่ได้ใส่เสื้อทับข้างใน และใส่กางเกงสามส่วนเข้ารูปไม่มากนักลายเดียวกัน และสวมรองเท้าคลัทชูส้นสูงปลายแหลมสีน้ำตาลเข้ม พร้อมกระเป๋าคลัทช์ใบเล็กของ Chanel เธอปล่อยผมตรงสีน้ำตาลอ่อนที่ยาวถึงกลางหลังและแสกข้างรวมทั้งฉีดสเปรย์หวีเสยไปข้างหลังทำให้ขับใบหน้าสวยให้ดูเด่นชัดขึ้น เธอแต่งหน้าโทนสีน้ำตาลและทาลิปสติกแมทสีสีน้ำตาล ทำให้วันนี้เธอดูสวย Classy Elegant มากๆ และตอนนี้เธอกำลังเดินเข้ามาในงาน Paris Fashion Week ที่เธอได้บัตรเข้างานมาฟรีกับเจสซี่ เพื่อนสาวชาวอเมริกันของเธอที่มาเรียนที่มหาวิทยาลัยเดียวกัน และสาขาเดียวกัน ตอนนี้เจนเนตรมาเรียนที่ฝรั่งเศสได้ 1 ปีกว่าๆ แล้ว เธอพูดภาษาฝรั่งเศสได้คล่องทีเดียวเลยแหละ จากตอนแรกก่อนที่มาเรียนเธอพูดไม่ได้เลย แถมภาษาอังกฤษก็งูๆ ปลาๆ เธอต้องเข้าคอร์สเรียนภาษาฝรั่งเศสทุกวันในช่วงแรกจนเริ่มพูดได้ และได้มารู้จักกับเจสซี่จนสนิท และมาเป็นรูมเมทกัน ตลอดเวลาที่เธออยู่ที่ฝรั่งเศสก็มีเจสซี่ที่คอยช่วยเหลือเธอทุกเรื่อง จนเธอสามารถพูดทั้งภาษาฝรั่งเศส และภาษาอังกฤษได้คล่อง
เจนเนตรและเจสซี่เดินดูรอบๆ งานก่อนที่แฟชั่นโชว์จะเริ่ม และถ่ายรูปร่วมกับดาราเซเลปทั้งหลายที่มาร่วมงาน
“เจเนต ชั้นปวดฉี่อะ ไปเข้าห้องน้ำก่อนนะ แกรอแถวนี้นะ” เจสซี่บอกเจนเนตรแล้วรีบเดินไปเข้าห้องน้ำ ที่ฝรั่งเศสทุกคนเรียกเธอว่าเจน เพราะถ้าเรียกเจนเนตรมันเรียกยากเกินไป มีแต่เจสซี่นี่แหละที่พยามยามเรียก แต่ก็พูดไม่ชัดซักที เลยตั้งชื่อใหม่ให้เธอว่าเจเนต
“OK” เจนเนตรตอบเพื่อนสาวกลับไปที่รีบเดินโดยไม่หันหน้ามาฟังเธอตอบก่อนซักนิด สงสัยจะอั้นมานาน เจนเนตรเดินดูการแต่งตัวของผู้คนที่เข้ามาในงานเรื่อยๆ เหมือนเป็นการเสพงานศิลปะอย่างหนึ่ง พลางก็เหม่อนึกถึงชายหนุ่มคนหนึ่งที่เธอเคยเดินไปชนเขา จนเธอล้มไปกองกับพื้นเมื่อประมาณ 3 ปีที่แล้ว แล้วยิ้มขึ้นมาอย่างเศร้าๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมาตั้งแต่เธอเจอชายหนุ่มคนนั้นเธอก็คิดถึงใบหน้าของเขาแทบทุกวัน เวลาเธอว่างๆ หรือก่อนนอนเธอมักชอบมโนว่าเธอกับเขาเป็นแฟนกันบ้าง มโนว่าบังเอิญมาเจอกันบ้าง แต่สุดท้ายมันก็เป็นไปไม่ได้ เธออยากจะลืมให้จบๆ แต่ก็ทำไม่ได้ซะที เพราะรู้ว่ายังไงก็เป็นไปไม่ได้ เขาเป็นใครเธอยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำ
“โอ้ย! Sorry” หลังจากที่เจนเนตรเดินเหม่อคิดถึงชายแปลกหน้าคนนั้น เธอก็เดินไปชนใครไม่รู้อีกแล้ว T_T
“No problem”ตฤนนิธิตอบกลับไปเมื่อเธอเห็นหญิงสาวหน้าสวย ที่กำลังเดินเหม่อมาชนเธอ จริงๆ เขาเห็นแล้วล่ะว่าเธอเดินตรงมา แต่เขาคิดว่าเธอจะเดินหลบไป เพราะเขายืนอยู่ตรงนี้สักพักแล้ว แต่เธอดันไม่หลบ
“อ้าว! คุณ” เจนเนตรตกใจมากที่เห็นชายหนุ่มที่เธอกำลังนึกถึงเขายืนอยู่ตรงหน้า แล้วยกนี้วขึ้นมาชี้เขาแล้วยืนนิ่งอย่างลืมตัว เพราะเธอชอบมโนถึงเขาบ่อยๆ จนลืมไปคิดว่ารู้จักกัน
“เอ่อ…คุณรู้จักผมหรอครับ” ตฤณนิธิยืนงง ที่หญิงสาวคนนี้เป็นคนไทย และพูดเหมือนรู้จักเขา แต่เขาจำได้ว่าไม่รู้จักนะ
“อะ...เอ่อ…นะ น่า จะจำคนผิดค่ะ” เจนเนตรตอบไปยังเก้ๆ กังๆ พลางคิดในใจ เป็นอะไรของแกเนี้ยยัยเจน เสียลุคสวยๆ คลาสซี่ที่แต่งมาแล้วมั้ย โอ้ยยยย แง T_T
“อ่อครับ ดีจังเลยครับเจอคนไทยที่นี่”
“เอ่อ…ค่ะ แล้วคุณมาดูแฟชั่นโชว์หรอคะ” เจนเนตรกลับมารักษาลุคสวยๆ เหมือนเดิม พร้อมถามอยากแปลกใจ เอ๊ะ…หรือว่าเขาเป็น…ไม่นะ T_T เธอคิดในใจ พร้อมหัวใจที่เต้นแรงแทบจะหลุดออกมา
“แฟนผมบังคับมาน่ะครับ ฮ่าๆ อย่าเพิ่งคิดไปไกล แมนทั้งแท่งครับ” ตฤณนิธิตอบกลับไปอย่างขำขัน เหมือนรู้ว่าเธอกำลังคิดอะไร
“ฉันยังไม่ได้คิดอะไรเลยซักหน่อย ฮ่าๆ” เจนเนตรตอบกลับไปอย่างขำขันแก้เขิน
“แล้วคุณมาเที่ยวที่ฝรั่งเศสหรอครับ”
“ฉันมาเรียนน่ะค่ะ ปีหน้าก็จบแล้ว”
“ตฤณ คุยกับใรอยู่คะ” หญิงสาวลุคเซ็กซี่ ที่สวมใส่ชุดเดรสรัดรูปสีแดง แล้วคลุมไหล่ด้วยเฟอหนาสีน้ำตาลอ่อนเดินเข้ามากอดแขนตฤณนิธิ แล้วมองหน้าเจนเนตรอย่างไม่เป็นมิตร
“พอดีเมื่อกี้ผมกะเค้าเดินชนกันน่ะครับ เลยรู้ว่าเป็นคนไทยเลยยืนคุยกันนิดหน่อย”
“งั้นฉันขอตัวนะคะ แฟนคุณมาแล้ว” นี่เขาเปลี่ยนแฟนอีกแล้วหรอ หรือว่าเขาจะเจ้าชู้ แต่อย่างงี้แสดงว่าเธอก็มีหวังสิ เจนเนตรคิดในใจ
“ครับ ผมตฤณนิธิ นะครับยินที่ได้รู้จัก เอ่อแล้วคุณ…คุณ?”
“เจนเนตรค่ะ ยินดีที่ได้รู้จักค่ะ” เจนเนตรยิ้มหวาน แล้วเดินออกมาก็เห็นเจสซี่ที่เดินมาพอดี เลยชวนกันเดินเข้าไปในงานเพราะแฟชั่นโชว์ใกล้เริ่มแล้ว
“เมื่อกี้แกคุยกับใครอะ ฉันไม่เห็นรู้จัก” เจสซี่ถามเพราะเห็นเพื่อนสาวยืนคุยกับใครไม่รู้
“พอดีฉันเดินชนเขาอะแก เลยรู้ว่าเป็นคนไทยเหมือนกัน เลยคุยกันนิดหน่อย นานๆ ทีจะเจอคนไทย” เจนเนตรพูดพลางยิ้มเหมือนคิดอะไรในใจ
“แกชอบเค้าหรอยะ หน้าพริ้มเชียว แต่ข้างๆ นั่นเหมือนแฟนเค้าปะ” เจสซี่ถามอย่างจับผิด
“ชอบบ้าอะไรล่ะ เพิ่งเจอกัน แล้วเขาก็มากับแฟนด้วย ฮื่มม” เจนเนตรรีบแก้ตัวพัลวัน แล้วแกล้งทำเสียงขึม พอถูกจับได้ เธอไม่เคยบอกใครว่าเธอแอบชอบชายแปลกหน้าที่ไม่รู้จักมาเป็นปี เรื่องอะไรจะบอกให้โดนแซวล่ะ
“แล้วทำไมต้องโมโหด้วย ถามแค่นี้ โกหกไม่เนียนเลย ฮ่าๆ”
“บอกว่าไม่ชอบก็ไม่ชอบไง ไม่ได้โกหกซะหน่อย โถ่ นู้นโชว์เริ่มแล้ว”
เจนเนตร และเจสซี่รีบหันกลับไปดูโชว์อย่างตั้งใจ เมื่อเสียงดนตรีดังขึ้นแล้วนางแบบคนแรกเริ่มเดินออกมาอย่างเฉิดฉายตามจังหวะเพลง…
หลังจากที่โชว์จบเธอก็ถ่ายรูปกับเจสซี่อีกซักพัก แล้วไปหาข้าวกิน และกลับไปยังอพาร์ทเมนต์ที่เธออยู่กับเจสซี่
พอเจนเนตรกลับมาถึงห้องพักเธอก็ล้างเครื่องสำอาง อาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย แล้วประโคมครีมบำรุงผิวลงบนหน้าและร่างกาย แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมานั่งกดเล่นอยู่บนเตียงสักพักนึง เธอก็นึกถึงเขาคนนั้นอีกแล้ว จากที่เธอพยายามจะลืมเขา แต่วันนี้ดันมาเจอเขาอีกครั้ง ทำให้ความพยายามที่จะลืมนั้นเริ่มจางหายไป และคิดถึงเขามากกว่าเดิม
“ตฤณนิธิ” เจนเนตรพูดชื่อของเขาขึ้นมาเบาๆ แล้วกดโทรศัพท์เข้าไปที่เว็ปไซต์ Google หวังว่าจะเสิร์ชหาชื่อเขาแล้วคงเจอ แต่ปรากฏว่า คนชื่อตฤณนิธิมีตั้งหลายคน แถมรูปก็ไม่มีอีก เธอจึงเสิร์ชชื่อในเฟสบุก อินสตราแกรม ทวิตเตอร์ทั้งชื่อภาษาไทยภาษาอังกฤษ แต่ก็ไม่เจอ เธอวางโทรศัพท์บนตักอย่างหมดหวังพร้อมทำหน้าเศร้า
“เห้ออออ คงไม่ได้เจอแล้วสินะ” เจนเนตรถอนหายใจกับตัวเองเบาๆ แต่ก็ไม่เบาพอที่จะทำให้เจสซี่ไม่ได้ยิน
“ถอนหายใจอะไรของแก”
“ไม่มีอะไร เหนื่อยเฉยๆ อะ”
“เดี๋ยวก็จบแล้วแก สู้ๆ” เจสซี่ยิ้ม แล้วยกสองนิ้วให้กำลังใจเพื่อน แต่หารู้ไม่ว่าเพื่อนของเธอไม่ได้เหนื่อยเรื่องนั้นเลย
“ขอบใจนะแก” เจนเนตรพูดพลางพร้อมลุกขึ้นไปกอด แล้วยื่นหน้าจะไปจุ้บเพื่อน จนเจสซี่ขนลุก ต้องผลักเจนเนตรออก
“ยัยเจเนตบ้า ไปนอนเลยไป”
“ฮ่าๆ แกล้งเพื่อนสนุกจังเลยยยยยย”
“หึหึ หายเหนื่อยแล้วใช่มะ” เจสซี่พูดพลางทำหน้าเอาเรื่อง
“กอดเพื่อนปุ๊ปก็หายเหนื่อยเลย” เจนเนตรพูดพลางทำหน้ากวน ทำปากจูจุ๊บใส่เจสซี่
“งั้นถ้าหายเหนื่อยแล้ว ก็อย่าลืมทำการบ้านที่ต้องส่งวันศุกร์นี้ให้เสร็จนะจ้ะ” เจสซี่ยิ้มอย่างผู้ชนะ เพราะเธอทำเสร็จแล้ว แต่เจนเนตรยังทำไม่เสร็จ
“โอ้ยยยยย เหนื่อยอีกแล้ว ไปนอนดีกว่า” เจนเนตรทำหน้าเหมือนหมดแรงแล้วล้มตัวไปนอน
“หึหึ” เจสซี่หัวเราะในลำคอ แล้วส่ายหัวให้กับเพื่อนที่ชอบทำตัวเป็นเด็กเวลาอยู่กับเธอเสมอ แต่เวลาเจนเนตรอยู่ข้างนอก พบปะผู้คน เธอมักดูเป็นผู้ใหญ่ นิ่งๆ เชิดๆ เป็นคนละคนกับที่อยู่กับเธอเลย
____________________________________________
เป็นยังไงกันบ้างคะ....อ่านแล้วคอมเมนท์ติชมเป็นกำลังใจให้ไรท์ด้วยน้า
เข็มขัดนิรภัย
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 เม.ย. 2560, 17:36:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 เม.ย. 2560, 17:36:35 น.
จำนวนการเข้าชม : 624
<< บทที่ 1 รักแรกพบ | บังเอิญชนอีกครั้ง >> |