ลิขิตรักให้เรามาเจอกัน
ชะตาฟ้าลิขิตให้เขาและเธอมาเจอกัน แต่ก็ไม่สมหวังซักที

เขาและเธอเจอกันอยู่หลายครั้ง แต่ทุกครั้งเขามักมีแฟนควงคู่อยู่เสมอ

จนในที่สุดฟ้าก็ลิขิตให้เขาและเธอมาเจอกันอีกครั้งในจังหวะ และเวลาที่เหมาะสม

ความรักครั้งนี้จึงเริ่มก่อตัวขึ้นมาทีละนิด ทีละนิด



เหมือนกับลูกโลกที่ถูกที่แบ่งเป็นซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้

มันถูกหมุนและหยุด หมุนและหยุด จนนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่เคยลงล็อคซักที

จนในที่สุดเมื่อถึงจังหวะ และเวลาที่เหมาะสม ลูกโลกลูกนั้นดันหยุดและตรงล็อคพอดี

พระเจ้าผู้สร้างโลกใบนี้ขึ้นจึงปล่อยให้ลูกโลกใบนั้นค่อยๆ หมุนต่อไปเองตามธรรมชาติและตามกาลเวลาของมัน
Tags: ลิขิตรักให้เรามาเจอกัน

ตอน: บทที่ 9 สับสน

…3 สัปดาห์ต่อมา…
3 อาทิตย์ที่ผ่านมาตฤณนิธิมารับเจนเนตรไปกินข้าวทุกเย็น คุยโทรศัพท์คุยไลน์กันแทบจะตลอดเวลา บางครั้งก็ไปเล่นฟิตเนสด้วยกัน ไปเดินห้างด้วยกกัน จนคนในแวดวงไฮโซเริ่มมีการซุบซิบนินทากันว่าทั้งสองกำลังคบกัน
ณ งาน BIEF N SISTER ครั้งที่ 3
ซึ่งเกิดจากการรวมตัวกันของ 3 สาวดีไซน์เนอร์ที่สนิทสนมกันเหมือนพี่น้องที่รวมตัวกันจัดงานนี้ขึ้นมาเพื่อจัดแสดงแฟชั่นโชว์ของแบรนด์ตัวเอง ได้แก่ แบรนด์ Janette ของเจนเนตร แบรนด์ Florora ของสโรชา และแบรนด์ Chatsuda ของฉัตรสุดา โดยทั้งสามเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน โดยมีเจนเนตรเป็นน้องเล็กสุด ตามมาก็สโรชา และฉัตรสุดาเป็นพี่โตสุด ทั้งสามแบรนด์มีสไตล์ และเอกลักษณ์ที่แตกต่างกัน แต่แบรนด์ของเจนเนตรกลับมาแรงที่สุดเพราะด้วยสไตล์เสื้อผ้าที่สวยสง่า คลาสซี่ แต่มีกริมมิกด้วยลายพิมพ์ งานแฮนด์เมด และงานคราฟต์ต่างๆ ที่ถูกตกแต่งอย่างละเมียดละไม ทำให้เสื้อผ้าของเธอไม่เหมือนใคร และถ้าคิดจะก๊อปน่ะ คงยากหน่อย เพราะถ้าจะก๊อปให้เหมือนเลยก็ยากแล้ว และถ้ายิ่งเอาไปขายในราคาถูกอาจจะไม่คุ้มทุนเอาได้
เจนเนตรเดินเข้ามาในโรงแรมแต่เช้า แล้วตรงไปยังห้องที่จองเอาไว้ใช้สำหรังแต่งตัวให้นางแบบ ซึ่งมีทีมงานและนางแบบมาถึงกันก่อนแล้ว รวมทั้งปัทมาและลิลลดาก็ด้วย เจนเนตรเข้าไปเช็คความเรียบร้อย การแต่งตัว เครื่องประดับตกแต่งต่างๆ ของนางแบบ ว่าเรียบร้อยดีหรือไม่ จากนั้นก็ลงไปเช็คความเรียบร้อยของงาน ไม่ว่าจะเป็นเครื่องเสียง อุปกรณ์ฉากตกแต่งต่างๆ ทุกอย่าง ถึงแม้ว่าจะมีทีมงานตรวจสอบเรียบร้อยดีแล้ว แต่เธอก็ต้องเช็คด้วยตัวเองอีกครั้ง เพราะถ้าขาดตกบกพร่องอะไรจะได้แก้ไขปัญหาได้ทัน เจนเนตรเป็นเจ้านายที่ลงไปทำงานกะลูกน้องทุกคนอย่างจริงจัง ไม่ใช่แค่ชี้นิ้วสั่ง ทำให้ทุกๆ คนรักและเกรงใจเธอ เวลาเธอร้องขออะไรทุกคนมักจะเต็มที่กับงานเสมอ เพราะเธอเชื่อว่าถ้าอยากจะได้ใจใคร เราต้องให้ใจเขาก่อน
ด้านตฤณนิธิที่มาถึงที่งานตั้งนานแล้วก็แอบยืนยิ้มอยู่คนเดียวมองเจนเนตรที่ตั้งแต่มาถึง เธอยังไม่หยุดเดินไปเดินมาเลย เอาแต่เดินมองตรวจตรา คุยกับคนโน้นที คนนี้ที เดี๋ยวนั่งเดี๋ยวยืนอยู่เป็นชั่วโมงแล้ว พลางก็นึกชื่นชมที่เธอเป็นผู้หญิงที่ดูกระฉับกระเฉง และทำงานเก่งมากๆ คนนึง ดูแล้วมีเสน่ห์อย่างบอกไม่ถูก ซักพักเมื่อตฤณนิธิเห็นเจนเนตรนั่งพัก จึงเดินไปซื้อน้ำแร่ แล้วเดินตรงเข้ามาหาเธอ
“น้ำครับ จะได้หายเหนื่อย” ตฤณนิธิเดินเข้ามานั่งข้างๆ เจนเนตรแล้วส่งน้ำให้
“อ้าวคุณตฤณ มานานยังคะ ขอบคุณค่ะ”เจนเนตรพูดอย่างดีใจ พลางก็รับน้ำมาเปิดดื่ม
“ซักพักพอที่จะเห็นคุณเดินไปมาเป็นชั่วโมงแล้วล่ะครับ”
“แบบนี้เจนว่าไม่ซักพักแล้วล่ะค่ะ” เจนเนตรพูดพลางก็ยิ้มให้ชายหนุ่มอย่างอารมณ์ดี
“มองคุณทำงานแล้วเพลินดีครับ”
“มาแอบมองเจนแบบนี้ก็เขินแย่สิคะ” เจนเนตรพูดพลางก็หัวเราะเล็กๆ อย่างมีจริต
“ผมจะมองคุณแบบนี้จนคุณชินไปเลย”
“คนบ้า” เจนเนตรว่าเขาไปแก้เขิน
“ว่าแต่ทานข้าวรึยังครับ”
“ทานไปตอนเช้าอะค่ะ เดี๋ยวรอทานอีกทีตอนเที่ยงพร้อมทีมงานค่ะ” เจนเนตรตอบไปตามแพลนที่เธอคิดไว้
“อ้าว ผมว่าจะชวนคุณเจนไปทานข้าวซักหน่อยแบบนี้ผมก็ต้องกินคนเดียวสิ”
“อืมมมม งั้นคุณก็มากินด้วยกันสิคะ ฉันซื้อข้าวไว้เกินจำนวนคนอยู่ แต่ไม่รู้คุณจะกินได้หรือเปล่านะ”
“ได้สิครับ” ตฤณนิธิรีบตอบกลับไปอย่างดีใจ เขาไม่ได้เป็นคนกินยากอยู่ยาก อะไรก็ได้หมดแหละ เพียงแค่ได้อยู่กับเจนเนตร
“ฉันได้เลี้ยงข้าวคุณซะทีนะ คราวนี้ฉันก็ไม่ติดหนี้คุณตอนที่ไปเล่นฟิตเนสแล้วนะ ฮิฮิ” เจนเนตรพูดไปอย่างขำขัน เพราะทุกครั้งที่ไปกินข้าวด้วยกัน เขาไม่ยอมให้เธอได้ออกเงินเลย บอกแต่ว่าคราวหน้าค่อยเลี้ยงตลอด
“คร้าบบบบ แล้วคุณมีอะไรให้ผมช่วยมั้ย ผมอยากช่วยคุณบ้างอะ”
“ไม่มีหรอกค่ะ เหลือแค่เช็คความเรียบร้อยนางแบบนิดหน่อย แล้วรองานเริ่ม แล้วคุณไม่มีงานมีการทำหรอ”
“อ้าวไล่ผมซะแล้ว ก็นี่ที่ทำงานผม แล้วนี่ก็โรงแรมผม คุณจะมาไล่ผมไม่ได้นะ”
“ฉันไม่ได้ไล่ซะหน่อย ก็ถามดูเฉยๆ” เจนเนตรพูดพลางส่ายหัวอย่างขำขันกับคำพูดของเขา
“นี่ก็ใกล้จะเที่ยงแล้ว ไปกินข้าวกันคุณ”
“งั้นเดี๋ยวฉันโทรไปหาทีมงานก่อน แล้วเดี๋ยวเราขึ้นไปกินข้างบนกัน” เจนเนตรพูดพลางก็ลุกขึ้นยืนกดโทรศัพท์แล้วเดินตรงไปที่ลิฟต์ ส่วนตฤณนิธิก็เดินตามไป อย่างเงียบๆ พลางก็ดูเจนเนตรทำงาน แล้วยิ้มอย่างมีความสุขกับท่วงท่า คำพูดต่างๆ ในการทำงานของเธอ นี่เขาหลงเธอมากขนาดนี้เลยหรอ
หลังจากที่กินข้าวกันเสร็จเจนเนตรก็มาตรวจตราความเรียบร้อยของชุดที่นางแบบใส่อีกครั้ง แล้วจัดให้สวยงามให้ถูกใจเธอ ส่วนตฤณนิธิก็ขอแยกตัวออกไป เพราะเหมือนจะมีแขกมีปัญหา แล้วผู้จัดการเคลียร์ไม่ได้ เขาจึงต้องไปดูด้วยตัวเอง
เวลา 16.00 น. งานใกล้เริ่มแล้ว ดารา เซเลป และแขกต่างๆ ก็ทยอยเข้ามาในงานอย่างคับคลั่ง ดาราเซเลปต่างๆ ก็สวมใส่เสื้อผ้าในคอลเลคชั่นใหม่ที่แบรนด์ของเธอ และเพื่อนๆ ได้ส่งไปให้ ส่วนแขกทั่วไปก็ใส่ชุดในคอลเลคชั่นเก่ามาร่วมงาน เพราะคอลเลคชั่นใหม่ยังไม่มีขายในช็อป ต้องเป็นดารา เซเลป หรือคนสำคัญเท่านั้นถึงจะได้ใส่เสื้อผ้าในคอลเลคชั่นใหม่ รวมทั้งเนวิน นีลเนตร ลุงอนันต์ ป้าแจนและอาม่าของเธอก็ด้วยที่เธอได้ส่งชุดที่สั่งตัดพิเศษไปให้น้องๆ และญาติของเธอได้สวมใส่มาร่วมงาน
เวลา 17.00 น. โชว์ของแบรนด์เจนเนตรเริ่มเดินเป็นแบรนด์แรก เพราะเธอเป็นน้องเล็กสุดจึงต้องเดินก่อน และให้เกียรติรุ่นพี่เดินทีหลัง เมื่อเสียงดนตรีเริ่มดังขึ้น นางแบรนด์คนแรกก็ก้าวเดินออกมาตามจังหวะเพลง เสียงปรบมือก็ดังสนั่นรอบเวที แล้วค่อยๆเบาลง นางแบบคนที่ 2 3 4 … ก็เดินออกมาเรื่อยๆ แล้วเดินกลับเข้าไปจนหมด จากนั้นนางแบบทุกคนก็ก้าวเดินเรียงแถวออกมาพร้อมกัน 2 แถวเป็นคู่ๆอีกครั้ง จากนั้นเจนเนตรและนางแบบที่สวมใส่ชุดฟินนาเล่ก็เดินจูงมือออกมาพร้อมกัน โดยเดินผ่าออกมาตรงกลางระหว่าง 2 แถว จนเดินมาถึงหน้าสุดของเวที จากนั้นนางแบบก็เริ่มทยอยหมุนตัวเดินกลับไปทีละคนๆ แล้วยืนเรียงแถวหน้ากระดานอีกครั้ง จากนั้นเจนเนตร และนางแบบที่ใส่ชุดฟินนาเล่ก็หมุนตัวเดินหันหลังกลับไปพร้อมกันตามจังหวะเพลง แล้วมายืนตรงกลาง โดยทุกคนจับมือกันแล้วยกมือขึ้น พร้อมโค้งตัวลงพร้อมกันเป็นการขอบคุณ เสียงแฟลชจากกล้องถ่ายรูป และเสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้งเป็นเวลาพอสมควรแล้วเริ่มเบาลงในที่สุด จากนั้นนางแบบทุกคนก็เดินกลับเข้าไปในแบคสเตจ โดยเหลือแค่เจนเนตรที่เดินลงมาจากเวทีแล้วรับดอกไม้แสดงความยินดีจากทุกคน แล้วถ่ายรูปร่วมกันกับแขกที่มาร่วมงานอีกครั้ง
“ยินดีด้วยนะคะ”
“ยินดีด้วยนะครับ” เสียงแสดงความยินดีจากเพื่อนๆ ดารา เซเลปในแวดวงไฮโซเข้าวมากล่าวแสดงความยินดีอย่างคับคลั่ง พร้อมยื่นช่อดอกไม้งามให้เธอ
“ขอบคุณนะคะ ขอบคุณทุกคนมากเลยค่ะ” เจนเนตรรับดอกไม้แล้วกล่าวขอบคุณทุกคน แล้วส่งดอกไม้ให้ไลลาเลขาของเธอรับไปต่อ เจนเนตรยืนพูดคุยกับแขกที่มางานซักพักถึงคอลเลคชั่นใหม่ของเธอ แลวก็เดินออกมาจากห้องเพื่อให้ทีมงานได้เคลียร์สถานที่สำหรับแบรนด์ถัดไปที่จะเริ่มเดิน
หลังจากที่เดินออกมาเธอก็ไปร่วมถ่ายรูปกับดารา เซเลปที่แบคดรอปอีกครั้ง จากนั้นก็เดินตรงไปที่ห้องน้ำข้างหลังอีกฝั่งนึงของโรงแรมที่ไม่ค่อยมีคน ขณะที่กำลังเดินไปเข้าห้องน้ำตามป้ายที่เป็นรูปผู้หญิงผู้ชายที่แสดงถึงสัญลักษณ์ของห้องสุขา เธอดันได้ยินเสียงชายหนุ่มที่เธอคุ้นเคย ที่เธอเจอหน้าเขาทุกวันใน 3 อาทิตย์ที่ผ่านมา กำลังคุยกับหญิงสาวเสียงใสอีกคนนึงอยู่ในมุมนึงของทางเดินจะเข้าไปห้องน้ำ เธอจึงยืนแอบฟังอยู่เงียบๆ
“ลินคิดถึงตฤณ…ตฤณเป็นยังไงบ้าง สบายดีมั้ยคะ”เสียงหญิงสาวพูดสั่นเหมือนจะสะอื้น แต่กลั้นเอาไว้
“ผมสบายดี แล้วคุณล่ะ” ชายหนุ่มพูดด้วยน้ำเสียงแนบนิ่งไม่บ่งบอกถึงอารมณ์ใดใด
“ลินคิดถึงตฤณทุกวัน กินไม่ได้นอนไม่หลับ ลินโทรหาตฤณก็ไม่รับ เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้มั้ยคะ” หญิงสาวพูดไป พลางน้ำตาก็คลอ ความรู้สึกที่เธออัดอั้นไว้ มันอั้นไม่อยู่แล้ว แต่ทางด้านเจนเนตรที่แอบฟังอยู่พอได้ยินแบบนี้ ใจก็สั่นไหว เหมือนใจตกไปอยู่ตาตุ่ม เธอกลัวว่าเขาจะกลับไปหาเธอคนนั้น
“แต่แม่คุณไม่ชอบผม” ตฤณนิธิยังคงตอบด้วยน้ำเสียงแนบนิ่งอย่างเดิม
“ลินจะคุยกับแม่ให้รู้เรื่องเอง ลินอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีตฤณ” หญิงสาวพูดไป พลางก็จับมือชายหนุ่มแน่น น้ำตาก็หลั่งออกมาเป็นสาย เธอรู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงเขา รวมทั้งสรรพนามที่ใช้ก็เปลี่ยนไป ตอนนี้เขาเย็นชาเหลือเกิน
“พอเถอะลิน มันจบแล้ว เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้ ตฤณเข้าใจลินนะ ลินเป็นคนดี ยังไงลินต้องเจอคนที่ดี คนที่แม่ของลินก็ชอบเขา ตฤณอาจจะดีไม่พอ ถึงเรากลับไปคบกัน แต่ยังไงก็ไม่มีทางมีความสุข เพราะแม่ของลินไม่ชอบตฤณ” พอได้ยินดังนั้น ตฤณนิธิก็ร่ายยาว แล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยนลง เขาสงสารเธอเหลือเกิน เขาอยากจะดึงเธอเข้ามากอดด้วยซ้ำ แต่เขาเลือกที่จะใจแข็งไม่ทำ เพราะเขาเลือกแล้วว่าเขาจะเดินต่อ เขาไม่มีทางกลับหลังไป แล้วอีกอย่างตอนนี้เขาก็มีเจนเนตรแล้วด้วย
“ไม่!! ตฤณ ไม่!! ฮืออออ” ลินดาร้องตะโกนเสียงดัง จากนั้นก็ร้องไห้โฮขึ้นมาแล้วเป็นลมล้มไป แต่ตฤณนิธิรับไว้ทัน จึงรีบอุ้มเธอขึ้นมาแล้วเดินออกจากมุมนั้น แต่ก็ต้องชะงักเพราะเขาเห็นเจนเนตรยืนอยู่!
“คุณเจน!” เขาเรียกชื่อเจนเนตรออกมาอย่างตกใจ แต่ก็ก้มไปมองหญิงสาวตรงหน้าที่กำลังสลบอยู่ด้วยความเป็นห่วง เขาจึงรีบเดินออกมา พร้อมบอกพนักงานให้เปิดห้องที่ว่างให้เขาห้องนึง แล้วอุ้มลินดาเข้าไปนอนลงบนเตียง แล้วกดโทรเรียกให้คุณหญิงภาดา มารดาของลินดาซึ่งอยู่ในงานรีบตามมาดู ไม่นานคุณหญิงภาดาก็เข้ามาในห้อง
“แกทำอะไรลูกของฉัน!” คุณหญิงภาดารีบเดินตรงเข้ามาหาลูกสาวทันทีด้วยความเป็นห่วง แล้วฟาดกระเป๋าลงบนตัวของตฤณนิธิ
“…….” ตฤณนิธิยืนเงียบไม่ตอบ ก็จะให้เขาตอบว่าเขาปฏิเสธลูกสาวเธอ จนเธอเสียใจมากแล้วเป็นลมไปเขาคงไม่พูดอย่างงั้น เงียบเสียดีกว่า
“ออกไปเดี๋ยวนี้ แล้วอย่ามายุ่งกับชีวิตยัยลินอีก!” คุณหญิงภาดาพูดเสียงดังอย่างทรงอำนาจ ไล่ตฤณนิธิออกไป
เขาเดินออกมาอย่างเงียบๆ โดยไม่พูดอะไรซักคำ เพราะเขากำลังสับสนแล้วไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ ถึงแม้เขาจะตอบลินดาไปแบบนั้น แต่ใจของเขาก็ยังคงรัก และเป็นห่วงเธอมากเหลือเกิน แล้วยิ่งเห็นเธอเป็นแบบนี้เขายิ่งสับสนไปหมด ลินดาเป็นคนน่ารัก อ่อนหวาน เธอมักจะถูกแม่ของเธอบังคับให้ทำนู่นทำนี่อยู่ตลอดเวลา แม้ว่าบางอย่างเธอไม่ชอบ แต่เธอก็ยอมทำตาม ด้วยเหตุผลที่ว่า เธอรักแม่ และไม่อยากทำให้แม่ผิดหวัง แต่พอมารู้จักกับตฤณนิธิเขาก็ทำให้เธอได้เห็นโลกใหม่ๆ อีกมุมนึงที่ไม่ได้อยู่ในกรอบ เขาทำให้เธอรู้สึกเป็นอิสระและเป็นตัวของตัวเอง แต่วันนี้ความรู้สึกเหล่านั้นมันได้หายไปจากเธอ ตฤณนิธิเข้าใจความรู้สึกของเธอดี เขาพยายามที่จะพิสูจน์ตัวเองให้แม่ของเธอเห็นหลายต่อหลายครั้ง ว่าเขาสามารถดูแลลูกสาวคนนี้ของแม่ได้อย่างมีความสุข แต่คุณหญิงภาดากับไม่ชอบเขามากขึ้นทุกที จนเขาจนปัญญา และยอมแพ้ในที่สุดในวันที่เธอมาบอกเขาว่าเธอเลือกแม่ เขาจึงยอมถอยออกมาด้วยความเข้าใจ แต่หัวใจดวงนี้ก็เจ็บปวดไม่แพ้กัน แต่ตอนนี้เขากลับมาสับสนอีกครั้ง เขาควรจะกลับมาสู้เพื่อเธออีกครั้งมั้ย เหมือนที่เขาเคยสู้เพื่อเธอเมื่อ 2 ปีที่ผ่านมา เขาสงสารเธอเหลือเกิน แต่เจนเนตรล่ะ แล้วเขาเอาเจนเนตไปไว้ที่ไหน ตอนนี้เขาสับสนจนไม่รู้จะทำยังไงต่อไป…





________________________________________________________________

ใครอยากอ่านตอนต่อไปแล้ว ตามไปสนับสนุนไรท์ได้ที่ ธัญวลัย น้า ตอนนี้ลงจบแล้ว



เข็มขัดนิรภัย
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 24 เม.ย. 2560, 12:53:58 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 24 เม.ย. 2560, 12:54:02 น.

จำนวนการเข้าชม : 663





<< บทที่ 8 เจอแบบไม่บังเอิญ   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account