ลิขิตรักให้เรามาเจอกัน
ชะตาฟ้าลิขิตให้เขาและเธอมาเจอกัน แต่ก็ไม่สมหวังซักที

เขาและเธอเจอกันอยู่หลายครั้ง แต่ทุกครั้งเขามักมีแฟนควงคู่อยู่เสมอ

จนในที่สุดฟ้าก็ลิขิตให้เขาและเธอมาเจอกันอีกครั้งในจังหวะ และเวลาที่เหมาะสม

ความรักครั้งนี้จึงเริ่มก่อตัวขึ้นมาทีละนิด ทีละนิด



เหมือนกับลูกโลกที่ถูกที่แบ่งเป็นซีกโลกเหนือและซีกโลกใต้

มันถูกหมุนและหยุด หมุนและหยุด จนนับครั้งไม่ถ้วน แต่ไม่เคยลงล็อคซักที

จนในที่สุดเมื่อถึงจังหวะ และเวลาที่เหมาะสม ลูกโลกลูกนั้นดันหยุดและตรงล็อคพอดี

พระเจ้าผู้สร้างโลกใบนี้ขึ้นจึงปล่อยให้ลูกโลกใบนั้นค่อยๆ หมุนต่อไปเองตามธรรมชาติและตามกาลเวลาของมัน
Tags: ลิขิตรักให้เรามาเจอกัน

ตอน: บทที่ 8 เจอแบบไม่บังเอิญ

ดาวนับล้านที่ลอยอยู่บนท้องฟ้า จะมีไหมหนาที่ลอยอยู่เองเฉยๆ ไม่ยอมโคจรหมุนไปไหนเลย ไม่เคย ไม่เห็นเลยสักดวง ดาวของฉันเธอว่าห่างไกลลิบๆ แต่ดาวไหนๆ มันก็อยู่ไกลกันทั้งนั้น ดาวของเธอฉันว่าก็เหมือนกัน กี่ปีแสงนั้นอย่านับเลย เมื่อดาวโคจรมาเจอะกัน ฤดูก็เปลี่ยนผัน การหมุนก็ผันแปร เมื่อเธอกับฉันมาเจอะกัน ชีวิตก็เปลี่ยนผัน เปลี่ยนไปจากเดิม เปลี่ยนจังหวะหมุนของหัวใจ ให้ใกล้กัน
วันนี้เจนเนตรตื่นเช้ากว่าปกติ เธอเดินลงมาชั้นล่างเพื่อหาข้าวกิน ปากก็พลางฮัมเพลงไป
“วันนี้อารมณ์ดีจังเลยนะคะคุณเจน” ป้าสมกล่าวทักทายเจนเนตรที่เห็นว่าวันนี้อารมณ์ดีเป็นพิเศษ
“นิดนึงค่ะป้า แล้วลิลลี่กับปัทยังไม่มาหรอคะ”
“ยังไม่มาหรอกค่ะ นี่เพิ่ง 8 โมงแองค่ะ” ออฟฟิศของเธอเริ่มงาน 9 โมงเช้า แต่ปัทมาและลิลลดามักจะมาตอน 8.30 เพื่อมากินข้าวเช้าด้วยกัน บางทีก็ซื้อกับข้าวเข้ามาเพิ่มด้วยอย่างสองอย่าง ถึงแม้ว่าตอนนี้เจนเนตรจะมีเงินทองมากมายทั้งจากแบรนด์เสื้อผ้า และจากการเป็นรองประธานบริษัทเอสอาร์พี ของคุณลุงเธอ แต่เธอก็ยังใช้ชีวิตประจำวันอย่างเรียบง่าย
“อ่อ จริงด้วยค่ะ ป้าสมเตรียมข้าวเสร็จยังคะ วันนี้เจนว่าจะเข้าบริษัท แล้วเดี๋ยวกลับเข้ามาอีกทีตอนบ่ายค่ะ”
“เสร็จแล้วค่ะ ให้ป้ายกออกมาเลยมั้ยคะ”
“ยกออกมาเลยค่ะ เดี๋ยวเจนขอกินข้าวก่อนแล้วจะออกไปเลย ฝากบอกลิลลี่กะปัทด้วยนะคะ” เจนเนตรพูดพลางเดินเข้าไปในครัวเพื่อช่วยป้าสมยกกับข้าวออกมา ที่ออฟฟิศของเธออยู่กันแบบครอบครัว ตอนเที่ยงก็มีข้าวฝีมือป้าสม ให้พนักงานกินที่ออฟฟิศฟรี
ณ บริษัท เอสอาร์พี จำกัดมหาชน
“สวัสดีค่ะลุง” เมื่อมาถึงบริษัทเจนเนตรก็เดินตรงเข้าไปที่ห้องทำงานของประธานบริษัทเพราะไม่ได้เจอหน้าลุงอนันต์ตั้งหลายวันแล้ว
“ช่วงนี้หายหน้าไปเลยนะ กะว่าจะปลดท่านรองประธานออกแล้วเนี้ย”ลุงอนันต์เอ่ยแซวหลานสาวที่หายหน้าหายตาไปหลายวัน
“โถ่ลุง พอดีที่ออฟฟิศหนูยุ่งๆอะค่ะ เตรียมงานแฟชั่นโชว์ เอาบัตรมาให้ลุงกะป้าแจนด้วย” เจนเนตรพูดพลางยื่นบัตรเชิญร่วมงานแฟชั่นโชว์ให้ลุงอนันต์
“ไหนงานมีวันไหนล่ะ” ลุงอนันต์พูดพลางหยิบบัตรขึ้นมาดู ถึงแม้ลุงอนันต์จะพูดจากับเธอไม่ค่อยดีซักเท่าไหร่ ด้วยบุคลิกของลุงอนันต์เป็นคนแบบนี้ แต่ลุงอนันต์มักใส่ใจรายละเอียดเล็กน้อยเสมอจากการกระทำ
“วันที่ 3 เดือนหน้าอะลุง ที่โรงแรมเดิม”
“เออๆ เดี๋ยวดูก่อนนะว่าว่างมั้ย”
“หนูรู้ว่าลุงว่างแหละ ฮิฮิ หนูไปทำงานก่อนนะ” เจนเนตรพูดพลางหัวเราะอย่างรู้ทันลุงอนันต์นี่ฟอร์มเยอะตลอด แต่ทุกครั้งลุงอนันต์ก็จะจัดเวลาให้เธอเสมอ แล้วเธอก็เดินออกไปยังห้องทำงานของเธอต่อ
“สวัสดีค่ะคุณเจน” นิดา เลขาของเจนเนตรยกมือไหว้เธอเมื่อเห็นเธอเดินมา เจนเนตรมีเลขสองคนคือนิดาและไลลา โดยนิดาจะช่วยเธอดูแลงาน และตารางงานที่บริษัทของลุง ส่วนไลลาเป็นรุ่นน้องที่มหาวิทยาลัยเป็นเลขาของเธอโดยจะช่วยดูแลงานที่โฮมออฟฟิศและตารางงานของแบรนด์เธอ โดยเธอให้เลขาทั้งสองติดต่องานร่วมกันเพื่อไม่ให้ตารางานชนกัน
“สวัสดีจ้ะนิดา ไหนวันนี้มีเอกสารอันไหนที่ฉันต้องเซ็นต์บ้าง ยกเข้าไปในห้องนะ” เจนเนตรพูดเสร็จเธอก็เดินเข้าไปในห้อง แล้วเปิดคอมพิวเตอร์เช็คข้อมูลงานบางอย่าง สักพักนิดาก็เคาะประตูและยกเอกสารเข้ามาให้
“นี่ค่ะคุณเจน” นิดาพูดพลางหยิบแฟ้มสี่เล่มมาวางบนโต๊ะของเจนเนตร
“ขอบใจจ้ะ อะนี่บัตรงานแฟชั่นโชว์ของฉัน จัดวันที่ 3 ที่เดิมนะ ไปให้ได้ล่ะ” เจนเนตรพูดพลางหยิบบัตรเชิญเข้าร่วมงานแฟชั่นโชว์ให้นิดา 3 ใบ เผื่อเธอชวนเพื่อนไปด้วย
“ขอบคุณค่ะคุณเจน” นิดารับบัตรแฟชั่นโชว์มาแล้วยิ้มอย่างดีใจ เพราะใครๆ ก็อยากไปดูงานแฟชั่นโชว์ของเจนเนตร เพราะชุดแต่ละคอลเลคชั่นของเธอไม่เคยธรรมดา
“เอ้อ ฉันฝากเช็คตารางงานอีเวนท์ของห้างเราให้หน่อยสิ คอลเลคชั่นหน้าฉันว่าจะเปลี่ยนมาจัดที่ห้างเรา ประมาณเดือนสิบ”
“ได้ค่ะ งั้นนิดาขอตัวออกไปทำงานต่อก่อนนะคะ”
หลังจากเคลียร์งานเสร็จเรียบร้อยเจนเนตรก็กลับเข้าไปที่โฮมออฟฟิศของเธอเพื่อเคลียร์งานแฟชั่นโชว์ที่กำลังจะจัดขึ้นในต้นเดือนหน้าต่อ
“ไลลาพรุ่งนี้พี่มีนัดกี่โมงนะ” หลังจากที่กลับเข้ามาที่โฮมออฟฟิศเธอก็ตรงเข้าไปถามตารางงานของเธอกับไลลาเลขาอีกคน
“บ่ายโมงตรงที่สกาล่า ไดมอนค่ะ” ไลลาก้มลงไปเปิดดูตารางงานแล้วเงยหน้าขึ้นมาตอบเจนเนตร
“โอเคจ้ะ” เจนเนตรพูดเสร็จก็เดินไปเช็คความเรียบร้อยของเสื้อผ้าในคอลเลคชั่นใหม่ของเธอ จากนั้นก็เรียกทีมมาประชุมงานต่อจนตกเย็น ใกล้เวลาเลิกงาน เธอก็เดินขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวใหม่ เพราะวันนี้เธอมีนัดกินข้าวกับตฤณนิธิไว้ เจนเนตรเลือกใส่ชุดเดรสแขนกุดลายพิมพ์คอลเลคชั่นใหม่ของแบรนด์เธอ โดยกระโปรงบานยาวเหนือหัวเข่า โชว์แผ่นหลังขาวด้วยสายไขว้ไปมาถึงกลางหลัง ปล่อยผมยาวดัดลอน แล้วยีออกแบบไม่ได้ตั้งใจ แต่งหน้าบางๆ ดูธรรมชาติ แต่งแต้มสีปากด้วยลิปกลอสสีชมพูเข้ม ใส่รองเท้าส้นไม่สูงมากนักสีครีม ทำให้วันนี้เธอดูลุคน่ารักปนเซ็กซี่เล็กๆ แตกต่างจากครั้งก่อนหน้าที่เธอเจอเขา เธอมักแต่งตัวให้ดูลุคเซ็กซี่สง่างาม หลังจากแต่งตัวเสร็จเธอก็เดินลงมาข้างล่างเพื่อรอตฤณนิธิ พลางก็คิดในใจว่าเขาจะมาถูกมั้ย เพราะโฮมออฟฟิศของเธอต้องเข้ามาในซอยนิดนึง
“อ้าว แต่งตัวจะไปไหนอะยัยเจน” ลิลลดาที่เก็บของกำลังจะกลับบ้านก็ทักเพื่อนสาวที่วันนี้แต่งตัวซะสวยเหมือนกำลังจะไปข้างนอก
“ไม่บอกย่ะ แล้วยังไม่กลับอีกหรอ” เจนเนตรพูดลอยหน้าลอยตาแบบกวนประสาทเพื่อนสาว แล้วหันไปถามเพื่อนที่วันนี้กลับช้ากว่าปกติ เพราะนี่มัน 6 โมงจะครึ่งแล้ว ที่ออฟฟิศเธอเลิกงาน 6 โมงตรง ปกติเพื่อนเธอออกตรงเวลาจะตาย
“รีบไล่เพื่อนแบบนี้ นัดผู้ชายไว้แน่ๆ” ปัทมาเอ่ยแซวเพื่อนอย่างรู้ทัน
“ป๊าว ก็แค่ถาม ก็กลับดึกมันจะอันตรายไง๊” เจนเนตรตอบเพื่อนเสียงสูง
“แล้วไมต้องเสียงสูง หึหึ” ปัทมาหันไปถามเพื่อนอย่างจับผิด ตอนแรกก็ไม่อะไรแล้ว แบบนี้ยิ่งน่าสงสัย ซักพักก็มีเสียงรถมาจอดหน้าบ้าน
“ใครมาตอนนี้อะ” ลิลลดาหันไปมองตามเสียงรถที่คิดว่ามาส่งของ แต่ดูแล้วไม่น่าใช่ เพราะเป็นรถพอร์ช 911 สีดำเงามาจอดหน้าบ้าน
“เอออออ พวกแกรีบกลับไปได้แล้ว” เจนเนตรพูดพลางรีบดันตัวเพื่อนให้ออกไป
“สวัสดีครับคุณปัท คุณลิลลี่ คุณเจน” ตฤณนิธิเดินเข้ามาแล้วทักทายลิลลดาและปัทมาที่เพิ่งเดินออกมาจากประตู และเจนเนตรที่เดินตามออกมาทีหลัง เพราะมัวแต่ส่องกระจก จัดทรงผมให้สวย
“สวัสดีค่ะคุณตฤณ แหมก็นึกว่ายัยเจนนัดหนุ่มที่ไหนไว้ซะอีก ที่แท้ก็คุณตฤณนี่เอง” ปัทมาพูดพลางหันไปยิ้มอ่อนให้เพื่อนสาว
“งั้นลิลลี่กับขอตัวกลับก่อนนะคะ กำลังจะกลับบ้านกันพอดีเลยค่ะ” ลิลลดาเมื่อเห็นตฤณนิธิยืนเก้กังจากคำแซวของปัทมาเลยขอตัวออกมา
“ครับ สวัสดีครับ”
“สวัสดีค่ะคุณตฤณ” พอเห็นสองเพื่อนสาวเดินออกไป เจนเนตรเลยเดินตรงเข้าไปหาตฤณนิธิ
“วันนี้คุณสวยจังเลย” ตฤณนิธิเอ่ยปากชมเจนเนตร เพราะวันนี้เธอสวยจริงๆ แตกต่างจากครั้งก่อนๆ ที่เขาเคยเจอ เธอมักจะแต่งตัวเซ็กซี่ ทาสีปากเข้มๆ แต่วันนี้กลับดูสวย น่ารักเป็นพิเศษ
“ฉันก็ว่าอย่างงั้นแหละค่ะ คิคิ”
“ผมหมายถึงชุดคุณนะครับสวยจังเลย”
“อ้าว เชอะ แล้วคุณจะพาไปกินข้าวไหน รีบไปเลยหิวแล้ว” เจนเนตรพูดพลางเดินสะบัดผมไปที่รถอย่างงอนๆ
“อ้าวงอนเฉย ผมล้อเล่น คุณ!” ตฤณนิธิรีบเดินตามไป แล้วเปิดประตูรถให้เจนเนตรขึ้น แล้วเดินอ้อมไปที่ประตูคนขับแล้วขับรถออกไป
ณ ร้านอาหารบนโรงแรมหรูแห่งหนึ่งในเครือสิทธาภิวัฒน์ซึ่งเป็นคนละที่กับที่เขาขอลินดาแต่งงาน หลังจากวันที่เขาถูกลินดาบอกเลิก เขาก็ไม่ได้กลับไปเหยียบโรงแรมนั้นอีกเลยถ้าไม่จำเป็น
 ตฤณนิธิเดินนำเจนเนตรไปยังโต๊ะที่เขาได้จองเอาไว้ซึ่งเป็นมุมที่ค่อนข้างส่วนตัว แล้วดึงเก้าอี้ออกให้เจนเนตรนั่ง จากนั้นเขาก็เดินไปนั่งยังเก้าอี้ที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับเจนเนตร แล้วสองหนุ่มสาวก็สั่งอาหารกัน
“คุณเจนชอบร้านนี้มั้ยครับ”
“ชอบค่ะ สวยมากเลย” เจนเนตรพูดพลางหันไปมองรอบๆ ร้านอย่างหลงไหลที่มีการตกแต่งสไตล์ไทยโมเดิร์น เฟอร์นิเจอร์ในร้านส่วนมากเป็นไม้ขัดเงา มีไฟสีส้มห้อยระย้าลงมาเป็นจุดๆ บนผนังถูกประดับด้วยรูปภาพนางในวรรณคดีที่ถูกวาดขึ้นมาอย่างสวยงาม และพนักงานแต่งตัวด้วยชุดไทยประยุกต์
“อาหารก็อร่อยนะครับร้านนี้”
“คุณตฤณมาทานร้านนี้บ่อยหรอคะ”
“ผมมากินประจำเลยครับ ก็นี่มันโรงแรมพ่อผม”
“จริงหรอคะ ถ้าฉันจำไม่ผิดนี่คือโรงแรมในเครือสิทธาภิวัฒน์ ของคุณสิทธาใช่มั้ยคะ” เจนเนตรพูดอย่างตกใจ ไม่คิดว่าชายหนุ่มที่เธอแอบชอบมานานจะเป็นทายาทของสิทธาภิวัฒน์บริษัทยักษ์ใหญ่ที่ในแวดวงสังคมไม่มีใครไม่รู้จัก
“ใช่แล้วครับ ท่านเป็นพ่อของผมเอง” ตฤณนิธิพูดพลางยิ้มอย่างภูมิใจ
“ฉันเจอคุณสิทธา กับคุณมาลีบ่อยๆ ตามงานสังคม แต่ทำไมฉันไม่เคยเจอคุณเลย” เจนเนตรถามอย่างสงสัย
“พอดีผมไม่ค่อยชอบออกงานสังคมอะครับ บางทีไปแปปเดียวก็หนีกลับมาก่อน ฮ่าๆ” ตฤณนิธิพูดไปอย่างขำขัน เพราะเขาไม่ชอบออกงานสังคมจริงๆ ไปก็ต้องปั้นหน้ายิ้มใส่กันเป็นมารยาท น้อยคนนักที่ยิ้มมาจากความจริงใจ
“มิน่าล่ะฉันไม่เคยเจอคุณเลย ฮ่าๆ เอ้อ พอดีต้นเดือนหน้าฉันจะจัดงานแฟชั่นโชว์ที่โรงแรมของคุณน่ะค่ะ เชิญคุณด้วยนะคะ” เจนเนตรพูดอย่างขำขัน แล้วนึกออกว่าเธอจะจัดแฟชั่นโชว์ที่โรงแรมของเขาจึงล้วงมือลงไปในกระเป๋าแล้วหยิบบัตรเชิญยื่นไปให้เขา
“ผมรู้อยู่แล้วล่ะครับ เลขาผมมาแจ้งแล้ว ผมไปงานคุณแน่นอนครับ” ตฤณนิธิตอบเจนเนตร แล้วรับบัตรเชิญมาพลางก้มลงไปดูบัตรเชิญ
“ขอบคุณค่ะ” เจนเนตรยิ้มตอบอย่างจริงใจ ซักพักอาหารก็มาเสิร์ฟ สองหนุ่มสาวคุยเล่นกันไป กินข้าวกันไป ทำความรู้จักกันไปอย่างสนุกสนาน
หลังจากกินข้าวเสร็จ ตฤณนิธิก็ขับรถมาส่งเจนเนตรที่บ้าน ระหว่างทางก็คุยเล่นกันไป
“แปลกดีนะคะ เราเจอกันแบบบังเอิญกันตั้งหลายครั้ง” เจนเนตรพูดพลางนึกถึงอดีตที่เธอเคยเจอเขาโดยบังเอิญ ตั้งแต่ที่มหาวิทยาลัย ไปเจออีกครั้งที่ฝรั่งเศส แล้วกลับมาเจอที่ไทยอีกครั้งที่ห้าง จากนั้นก็มาเจอกันที่ผับ เธอคิดไปก็ยิ้มไป
“สงสัยฟ้าลิขิตให้เรามาเจอกันมั้งครับ” ตฤณนิธิพูดแล้วแกล้งทำเสียงหล่อ
“แหวะ จะอ้วกอะคุณ ฮ่าๆ” เจนเนตรทำท่าจะอ๊วก พลางหัวเราะกับความน้ำเน่าของเขา
“โถ่นึกว่าคุณซึ้งซะอีก ฮ่าๆ ต่อไปนี้เราจะเจอกันแบบไม่บังเอิญนะ” ตฤณนิธิพูดอย่างขำขัน แล้วเปลี่ยนเสียงมาในโหมดจริงจังอีกครั้ง แล้วเอื้อมมือข้างซ้ายไปจับมือขวาของเจนเนตรที่วางอยู่บนตักของเธอ แต่สายตาก็ยังมองไปที่ถนน
“…” เจนเนตรไม่ตอบแต่หันหน้าไปมองตฤณนิธิแล้วยิ้มให้เขาเล็กๆ พร้อมหัวใจที่เต้นแรงกว่าปกติ
“ขอบคุณนะครับที่ทำให้ผมยิ้มได้อีกครั้ง ตั้งแต่ที่เลิกกับลิน ผมก็ไม่คิดว่าจะมีใครที่ทำให้ผมมีความสุขได้อีก พอมีคุณเข้ามา ผมก็รู้ว่าผมคิดผิด” ตฤณนิธิพูดความในใจออกไป พลางก็คิดว่าเธอคนนี้นี่แหละที่จะทำให้เขาลืมลินดาได้อย่างสนิทใจ แล้วเริ่มต้นรักใหม่อีกครั้ง ตฤณนิธิไม่คิดว่าเขาจะสามารถเริ่มต้นรักครั้งใหม่ได้เร็วขนาดนี้ แต่ในเมื่อเธอเข้ามาแล้ว เขาจะไม่ยอมปล่อยมือเธอไปแน่ๆ
“…” เจนเนตรไม่ตอบ แต่หันหน้าไปยิ้มให้เขา แต่สายตาของเธอกับเศร้ากว่าเดิม นี่เขาเห็นว่าเธอเป็นตัวแทนของแฟนเก่าเขาหรือเปล่า ถ้าเป็นอย่างนั้นเธอไม่มีทางยอมแน่ๆ เธอจะไม่ยอมให้เขามองว่าเธอเป็นตัวแทนใคร เขาจะต้องรักเธอที่เธอเป็นเธอ เจนเนตรยิ้มอีกครั้งอย่างให้กำลังใจตัวเอง แต่อีกใจก็แอบกลัวอย่างบอกไม่ถูก
“ถึงแล้วครับคุณเจน” หลังจากที่ตฤณนิธิขับรถเข้ามาจอดในบ้านของเธอ ก็เห็นเจนเนตรนั่งเหม่อไม่ยอมลงจากรถ เลยสะกิดเรียก แล้วลงไปเปิดประตูให้
“ขอบคุณค่ะคุณตฤณ” เจนเนตรพูด พลางขาก็ก้าวลงมาจากรถ
“เดี๋ยวถึงบ้านแล้วผมโทรหานะครับ”
“ขับรถกลับดีๆ นะคะ” เจนเนตรยืนส่งตฤณนิธิจนเขาขับรถออกไป แล้วจึงเดินเข้าบ้าน ปิดรั้วปิดประตูให้สนิท แล้วขึ้นไปอาบน้ำเพื่อเตรียมตัวนอน
หลังจากที่เจนเนตรอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ก็มีเสียงโทรศัพท์เข้าเป็นชื่อคุณตฤณนิธิ
Rrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrrr
(ผมถึงบ้านแล้วนะครับ)
“ค่ะ ได้ฉุดใครขึ้นรถมาระหว่างทางป่าวคะ ฮ่าๆ” เจนเนตรพูดอย่างขำขัน
(ได้มาหลายคนอยู่นะครับ ฮ่าๆ)
“งั้นคุณก็ไม่สนุกกับพวกเธอเถอะค่ะ แค่นี้นะคะ” เจนเนตรแกล้งงอน แล้วทำท่าจะวางสาย
(โอ๋ๆ อย่าเพิ่งงอนสิครับ ผมล้อเล่น หึงผมหรอ)
“หึงอะไร ใครหึงอย่ามาขี้ตู่หน่าคุณ” เจนเนตรแก้ตัวพัลวัน ‘ใครไปหึงคนบ้า’ เธอคิดในใจ
(ฮ่าๆ ไม่ก็ไม่ครับ ผมจะไปฉุดใครได้ล่ะ ถ้าผมจะฉุดมีแต่คุณนั้นแหละที่ผมจะฉุด)
“คนบ้า ใครจะไปยอมให้คุณฉุดกันเล่า” เจนเนตรพูดไปตัวก็บิดเป็นเกลียว
(ล้อเล่นน่ะครับ พรุ่งนี้ผมไปรับคุณมากินข้าวอีกนะ อยากเจอคุณทุกวันเลย คิดถึง)
“จะไม่ถามฉันบ้างหรอคะ ว่าว่างรึเปล่า”
(แล้วคุณไม่ว่างหรือไง)
“ว่างค่ะ ฮ่าๆ” สองหนุ่มสาวคุยโทรศัพท์กันต่ออีกซักพักก็แยกย้ายกันไปนอน



เข็มขัดนิรภัย
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 เม.ย. 2560, 16:30:50 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 เม.ย. 2560, 16:30:50 น.

จำนวนการเข้าชม : 679





<< บทที่ 7 ออกตัวแรง   บทที่ 9 สับสน >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account