ห้วงฝันวันรัก (ผ่านพิจารณาสนพ.)
กิรณา ย้ายมาอยู่บ้านหลังใหม่ได้เพียงไม่นาน แต่แล้วชีวิตกลับต้องพลิกผันเมื่อตื่นขึ้นมาในเช้าวันหนึ่ง หล่อนได้ข้ามผ่านไปยังช่วงเวลาอนาคต!

ภายใต้ความลึกลับของกาลเวลาที่ชวนพิศวงนั้น ไม่มีสิ่งใดเลวร้ายไปกว่าการที่หญิงสาวต้องมารับรู้ถึงการจากไปอย่างกะทันหันของบุพการี โดยไร้ซึ่งต้นสายปลายเหตุ ดรัล ในฐานะเพื่อนบ้านที่แสนดี แม้จะไม่ค่อยถูกชะตากับสาวข้างบ้านอย่างกิรณาตั้งแต่แรกพบเสียเท่าไหร่ แต่จำต้องยื่นมือเข้ามาช่วยคลี่คลายเงื่อนงำที่เกิดขึ้น

อดีต ปัจจุบัน อนาคต...เหตุการณ์ในช่วงเวลาใดกันแน่ที่มีแต่ความหลอกลวง...
Tags: เวลา ดราม่า ไซไฟ ฆาตกรรม หมอ บรรณารักษ์ สืบ อนาคต อบอุ่น เพื่อนบ้าน โรแมนติก

ตอน: บทที่ 1---35%

บทที่ 1



ภาพความชุลมุนวุ่นวายตรงหน้าที่เต็มไปด้วยรถตำรวจและรถพยาบาลจอดเรียงกันอยู่หน้าบ้าน สร้างความตื่นตกใจแก่คนเพิ่งมาถึงอย่างกิรณาจนต้องจอดรถทิ้งไว้กลางถนนดื้อๆ วิ่งฝ่าละอองฝนเข้ามาในบ้าน

เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังสอบถามผู้เห็นเหตุการณ์อยู่ในโรงจอดรถบ้านกิรณา ในเวลาเดียวกันนั้น ชาวบ้านในละแวกต่างมุงดูเหตุการณ์กันอยู่นอกอาณาเขตที่ตำรวจปิดล้อมไว้ ชวนให้กิรณาสะดุดตากับรถยุโรปสีดำคันหนึ่งซึ่งกำลังเคลื่อนตัวออกห่างจากรั้วบ้านไปเงียบๆ

หญิงสาวคงหยุดสายตาที่รถคันนั้น ถ้าไม่มีเจ้าหน้าที่พยาบาลแบกเปลหามผ่านหน้าไปในลักษณะเร่งรีบและร้อนรน หายขึ้นไปบนระเบียงบ้าน

กิรณาซึ่งไม่รู้เรื่องมาก่อนจึงหน้าตาตื่นตามเข้าไปในบ้านด้วยอีกคน วินาทีนั้นถึงกับช็อค! เพราะเจ้าหน้าที่พยาบาลกำลังช่วยกันอุ้มร่างที่หมดสติของบิดานอนลงบนเปลหาม ขณะที่บริเวณใกล้เคียงกันนั้น มีร่างของมารดานอนจมกองเลือดอยู่บนพื้น !

“แม่ !”

กิรณากรีดร้องสุดเสียง สะดุ้งจนตัวโยน

แสงแดดที่ส่องผ่านม่านหน้าต่างห้องนอนเข้ามาแยงตาจนกิรณาต้องหยีตา ฉุดหญิงสาวตื่นจากการหลับใหลในที่สุด หญิงสาวสัมผัสได้ถึงความเงียบงันปกคลุมอยู่รอบกาย ภาพความว่างเปล่าไร้ซึ่งความชุลมุนวุ่นวายอย่างที่เห็นเมื่อครู่ ยืนยันได้ดีว่าหล่อนแค่ฝันร้ายไปเท่านั้น…

กิรณาทิ้งตัวลงนอนบนเตียงดังเดิมทั้งที่ยังคงเหงื่อชุ่มกาย หายใจหอบถี่ราวกับเพิ่งผ่านการวิ่งมาราธอนมาอย่างหนัก แต่แล้วดวงตาคู่งามที่เปียกชื้นด้วยน้ำตากลับมองไปรอบห้องตัวเองอีกครั้ง

ด้วยความที่หญิงสาวเพิ่งย้ายมาอยู่บ้านหลังนี้ได้ไม่นาน อาจยังไม่ค่อยคุ้นชินกับการใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ จนจิตตกเก็บเอาไปฝันร้ายก็เป็นได้...

ถึงอย่างนั้นก็ตาม ภาพสุดท้ายที่เห็นในความฝันคือมารดานอนจมกองเลือดสีแดงฉานอยู่หน้าโทรทัศน์บริเวณห้องรับแขก...สภาพของมารดานั้นโหดร้ายเกินกว่าที่กิรณาจะทำใจได้ แล้วไหนจะสภาพของบิดาอีกคนที่นอนหมดสติอยู่บนเปลหาม ความเจ็บปวดรวดร้าวกับภาพในความฝันยังชัดเจนในความรู้สึก

กิรณาสลัดผ้าห่มให้พ้นกาย ลุกจากเตียงไปหาบิดามารดาด้วยความเป็นห่วง

หากทว่าแค่ก้าวพ้นประตูห้องนอนออกมา...

หญิงสาวได้ยินเสียงเพลงสตริงในยุค 80 ดังลอยมาจากชั้นล่าง มันเป็นเพลงที่บิดาชอบเปิดฟังในทุกๆ เช้า ความเป็นห่วงว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นกับบิดามารดาเลยหายไปในพริบตา หญิงสาวคลี่ยิ้มจางๆ ออกมา

“นึกครึ้มอะไรขึ้นมาฮึเจ้าลูกหว้า”

จำรัสร้องทักอย่างงงๆ เพราะกำลังสุนทรีย์กับเพลงในวันวานที่เคยขับร้องไว้ในวัยหนุ่ม อยู่ดีไม่ว่าดีลูกสาวสุดที่รักก็แอบเข้ามาทางด้านหลังขโมยหอมแก้มกันแต่เช้า

ลูกสาวสุดที่รักอย่างกิรณาเพียงยิ้มๆ เนื่องจากลงบันไดมายังชั้นล่างเห็นแล้วว่าบิดายังปกติดี และถ้าหล่อนเดาไม่ผิด บิดาคงฟังเพลงฆ่าเวลารออาหารเช้าฝีมือมารดาอีกตามเคย

ระหว่างนั้นเองที่อรวี...มารดาของกิรณาออกมาจากห้องครัว พร้อมอาหารเช้าวางลงโต๊ะ

“เบาเสียงเพลงหน่อยค่ะคุณ ยังเช้าอยู่เลย ฉันเกรงใจบ้านอื่นเขา” อรวีหันมาต่อว่าจำรัส

จำรัสอยู่หน้าเครื่องเล่นซีดีเพลงก็จริง แต่กลับผละมาที่โต๊ะอาหารเฉย ขณะเดียวกันนั้นยังคงนั่งอยู่บนรถเข็นซึ่งเป็นสภาพปกติของเขา

“คุณนี่จริงๆ ผมเปิดเพลงฟังทีไร ชอบหงุดหงิดใส่ผมอยู่เรื่อย” จำรัสไม่พอใจที่ถูกบ่น

“ไม่ใช่เพราะเสน่ห์นักร้องเสียงทองอย่างผมรึไงที่ทำให้คุณตกหลุมรักจนถอนตัวไม่ขึ้นมาแล้ว”

“อย่าพาลสิคะคุณ ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น...”

“ผมไม่ได้พาล!” จำรัสเถียงสวนกลับมาทันควัน

กลัวเกิดศึกขนาดย่อมระหว่างบิดามารดาเสียก่อน คนเดินไปหรี่เสียงเพลงที่เครื่องเล่นซีดีจึงเป็นกิรณาแทน ก่อนหน้านี้หล่อนเห็นหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่งตกอยู่บนพื้นหน้าเครื่องเล่นซีดี ลักษณะเหมือนบิดาน่าจะโยนทิ้งไว้ กิรณาเลยเก็บขึ้นมาอ่าน หน้าที่เปิดค้างไว้มีข่าวของนักธุรกิจชื่อดังรายหนึ่งย่องเงียบกว้านซื้อที่ดินในจังหวัดบ้านเกิดของครอบครัวหล่อน

“อ้าว ยังไม่แต่งตัวอีกเหรอยายลูกหว้า หรือว่าวันนี้ไม่ต้องไปทำงาน”

อรวีขี้เกียจเถียงกับจำรัสอีก หันมาสนใจลูกสาวแทนแล้ว แปลกใจที่ลูกสาวไม่ได้อยู่ในชุดทำงานเหมือนทุกเช้า

ลูกสาวมัวแต่อ่านหนังสือพิมพ์ ตอนนั้นเองถึงได้รู้ตัว !

“ตายจริง หว้าสายแล้วค่ะ”

กิรณาลืมเสียสนิทว่าตัวเองมีงานต้องทำ รีบวิ่งตาลีตาเหลือกกลับขึ้นไปชั้นบน

“แล้วจะกินข้าวเช้าด้วยกันรึเปล่ายายลูกหว้า” อรวียังอุตส่าห์ตะโกนถามไล่หลังไปด้วยความเป็นห่วง

หากกิรณาแค่อาบน้ำ แต่งตัว ก็ไม่เหลือเวลาให้ทำอย่างอื่นแล้ว พอกลับลงมาชั้นล่างพร้อมอยู่ในเสื้อฟอร์มบรรณารักษ์เรียบร้อย เลยตรงดิ่งไปเปิดประตูรั้วเพื่อเอารถออก

“ชิ่วๆ ไปเดี๋ยวนี้นะไอ้หมาบ้า บ้านฉันไม่ใช่ส้วมแกนะยะ”

กิรณาตวาดไล่เมื่อเห็นสุนัขพันธุ์พูเดิลสีขาวตัวหนึ่ง เดินวนไปวนมาอยู่หน้าบ้านสลับกับดมๆ พื้นแถวนั้น

เจ้าพูเดิลจากที่จะหย่อนก้นลงนั่งทำธุระต่อหน้าต่อตากิรณา ถูกไล่ตะเพิดก็ขวัญกระเจิง วิ่งหนีหลบเข้าไปในบ้านฝั่งตรงข้าม

นั่นเองคนกำลังรีบๆ อย่างกิรณาถึงกับควันออกหู เพราะบ้านฝั่งตรงข้ามเล่นเปิดประตูรั้วไว้อ้าซ่าจงใจปล่อยสุนัขออกมาชัดๆ ขณะที่เจ้าของบ้านน่ะเหรอ กิรณาเห็นตั้งแต่ออกมาเปิดประตูรั้วแล้วว่า ‘แม่คุณ’ ยังคงอยู่หน้าประตูรั้วบ้านข้างๆ กิรณานี่เอง !

“เลี้ยงหมาภาษาอะไรของน้องเนี่ยถึงได้ปล่อยให้มันออกมาอึเรี่ยราดหน้าบ้านคนอื่นเขา”

กิรณาอดไม่ได้เข้าไปเอาเรื่อง

เจ้าของบ้านฝั่งตรงข้ามเป็นเด็กสาววัยรุ่นรูปร่างผอมบาง อยู่ในชุดเสื้อยืดแขนกุดคอลึกกับกางเกงขาสั้นรัดรูปตัวจิ๋ว แต่ทว่าเด็กสาววัยรุ่นคนนั้นไม่ได้รับรู้สักนิดว่าสุนัขตัวเองถูกไล่ตะเพิดไปแล้ว มัวแต่ยืนกระมิดกระเมียนคุยอยู่กับชายหนุ่มข้างบ้านกิรณา จังหวะนั้นเองที่กิรณาเข้าไปเอาเรื่อง เลยชะงักงัน

ชายหนุ่มที่กำลังยืนคุยอยู่กับเด็กสาวบ้านฝั่งตรงข้าม เป็นฝ่ายเหลือบสายตามองมาทางกิรณา...เขาคือดรัลนายแพทย์หนุ่มเจ้าของบ้านหลังติดกับหล่อน

กิรณามีโอกาสได้ทำความรู้จักกับนายแพทย์หนุ่มผู้นี้แล้วตอนที่เพิ่งย้ายมาใหม่ๆ แต่ก็แค่เคยพูดคุยทักทายกันสั้นๆ ตามมารยาท เขาไม่รู้ตัวหรอกว่า ใบหน้าคร้ามคมที่ออกไปทางชายไทยแท้บวกกับรูปร่างสูงใหญ่ แอบล่ำนิดๆ ของเขานั้น สะดุดหัวใจสาวเจ้าตั้งแต่แรกเห็นแล้ว แววตานิ่งลึกคู่นั้นของเขาที่สบมองมา กิรณาเลยรู้สึกวูบไหว ไม่กล้าสบตาด้วย

“เอิ่ม...เมื่อกี้ฉันไม่ได้ว่าคุณนะคะ ฉันหมายถึงเด็กที่คุยอยู่กับคุณน่ะค่ะ”

กิรณารีบชี้แจง กลัวเขาเข้าใจผิดคิดว่าไปต่อว่าเขา ก่อนหันกลับไปสนใจเด็กสาวบ้านฝั่งตรงข้าม พยายามตั้งสติปั้นหน้าขรึมขู่แม้ดูกระอักกระอ่วนไปหน่อยก็ตาม

“นี่น้อง วันหน้าวันหลังถ้าจะมายืนอ่อย เอ๊ย...เอ่อ...ฉันหมายถึงยืนคุยกับชาวบ้านชาวช่องน่ะ ก็ช่วยดูแลหมาของตัวเองด้วย ไม่ใช่ปล่อยออกมาเพ่นพ่านแบบนี้”

“ป้าพูดอะไรของป้าเนี่ย” สาวบ้านฝั่งตรงข้ามตอบกลับมาหน้าตาเฉย ไม่วายมองสำรวจ ‘ป้า’ ตั้งแต่หัวจรดเท้า

คนถูกเรียกว่าป้าอย่างกิรณาถึงกับสะอึก

“เรียกใครว่าป้ายะ”

อีกฝ่ายเบะปากใส่ ไม่ได้กริ่งเกรงในอาการเหวี่ยงวีนนั้นแต่อย่างใด ทำเอากิรณาจากที่กำลังพยายามควบคุมสติอยู่ดีๆ เห็นกิริยามารยาทของสาวบ้านฝั่งตรงข้ามแล้วความโกรธพุ่งปรี๊ด ลืมตัวไปทันทีทันใดว่ายังมีชายหนุ่มข้างบ้านยืนอยู่ด้วย

“พูดจาให้มันดีๆ หน่อยนะนังเด็กใจแตก ฉันเห็นอยู่ทนโธ่ว่าจงใจเปิดประตูปล่อยหมาออกมา ยังมาทำหน้าอินโนเซนต์ไม่รู้เรื่องรู้ราวอีก”

“นี่ป้าว่าฉันเป็นเด็กใจแตกเหรอ”

“ก็ใช่น่ะสิ” กิรณาโต้กลับหน้าแดงจัด “อายุแค่นี้ออกมายืนอ่อยผู้ชายแต่เช้า ไม่ให้เรียกว่าใจแตกแล้วจะให้เรียกว่าอะไร”

“ป้า !”

“พอ ! พอได้แล้ว ทั้งคู่นั่นแหละ”

ดรัลทนไม่ได้เป็นฝ่ายโพล่งขึ้นมาขัดสองสาวเสียเอง ทั้ง ‘ป้า’ ทั้ง ‘เด็กใจแตก’ จึงชะงักไปตามๆ กัน หันกลับมาสนใจชายหนุ่มหนึ่งเดียวในวงสนทนา


**********

ทักทายนักอ่าน

สวัสดีค่ะ^^ รันกลับมาอัพนิยายแล้วนะคะ ห่างหายจากเว็บเลิฟไปนาน ><
เรื่องนี้เป็นนิยายรักโรแมนติก แนวไซไฟ ฆาตกรรมซ่อนเงื่อนค่ะ
หลังจากที่รันแก้ไปแก้มาอยู่หลายรอบ คิดว่าครั้งนี้น่าจะลงตัวแล้วเลยอัพให้อ่านกันโลด อิอิ ฝากติดตาม กดไลค์ กดแชร์กันด้วยน้าาาา

ด้วยรัก
สรัน/รมิดา



สรัน
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 มิ.ย. 2560, 19:01:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 มิ.ย. 2560, 19:01:34 น.

จำนวนการเข้าชม : 794





   บทที่ 1---50% >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account