กว่าจะสุดทาง
ความเห็นแก่ตัว การรักแต่ตัวเอง การดูถูกและเหยียดหยามได้สร้างความแค้นและความกดดันขึ้นในใจ เมื่อถึงวันที่มีโอกาส การแก้แค้นเอาคืนก็เกิดขึ้น ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
Tags: พี่น้อง คนรัก สุดทาง

ตอน: ตอนที่ 1 กว่าจะสุดทาง

ค่ำคืนนี้คงเป็นอีกวันหนึ่งที่ชาวกรุงเทพโดยเฉพาะย่านราชดำริจะต้องจดจำกันไปอีกหลายสัปดาห์ เพราะนอกจากจะฝนจะตกราวกับฟ้ารั่ว ทำให้การจราจารติดขัดอย่างหนักแล้ว ยังมีงานมงคลสมรสระหว่างลูกสาวเจ้าของโรงแรมหรูระดับห้าดาวกับลูกชายคนเดียวของเจ้าของบริษัทก่อสร้างระดับอินเตอร์ที่ไม่เคยรับงานต่ำกว่าร้อยล้าน ดังนั้น ขบวนรถที่เคลื่อนมา ณ สถานที่เดียวกันเพื่อจุดมุ่งหมายเดียวกันคือมาร่วมงานจึงมีไม่ต่ำกว่า 200 คันขึ้นไป

แขกของงานทะยอยเดินเข้างานอย่างไม่ขาดสาย แน่นจนล้นออกมาจากห้องบอลรูมที่จัดเตรียมไว้ เจ้าบ่าวเจ้าสาวและครอบครัวยืนรอต้อนรับพร้อมถ่ายภาพร่วมกันกับแขกที่หน้างาน ด้านหลังของทุกภาพมองเห็นตัวอักษรภาษาอังกฤษ 2 ตัวคือ “เอและที” เอย่อมาจากชื่อเจ้าสาวคืออนีฆา ส่วนทีมาจากธีร์คือชื่อเจ้าบ่าว จัดทำคล้ายๆโลโก้ไขว้กันอยู่บนฉากหลังที่มองแล้วทำให้นึกถึงสายน้ำตกที่ทำด้วยดอกไม้ หลากหลายสีสัน ซึ่งสั่งตรงจากต่างประเทศราคารวมแล้วหลายแสนบาท

เมื่อได้เวลาพิธีกรบนเวทีก็เชิญชวนแขกทุกคนต้อนรับคู่บ่าวสาวที่กำลังจะเดินเข้าในห้องพิธีการ เจ้าบ่าวรูปร่างสูงสง่าหน้าตาคมเข้มจูงมือเจ้าสาวแสนสวยเดินเข้ามาในงานพร้อมเสียงเพลง Eternally ของ Engelbert Humperdinck ที่บรรเลงโดยวงดนตรีสดที่อยู่ข้างเวที ทุกคนในงานต่างซาบซึ้งไปตามเนื้อเพลงที่ขึ้นต้นว่า I'll be loving you eternally
เจ้าสาวยิ้มแย้มมีความสุข เพลงนี้เธอเป็นคนเลือกเอง เป็นเพลงที่ฝันไว้เสมอว่า หากแต่งงานจะใช้เพลงนี้เพราะชอบความหมายของเนื้อเพลง ที่ทำให้รู้สึกเสมือนว่าเจ้าบ่าวกำลังสัญญาว่าจะรักเธอนิรันดร์

จากนั้นก็เริ่มเข้าสู่พิธีการบนเวทีตามที่นิยมกัน มีนำเสนอภาพวิดิโอชีวิตที่ผ่านมาของทั้งสองคน ประธานในพิธีกล่าวอวยพร และที่ขาดไม่ได้คือการสัมภาษณ์คู่บ่าวสาว

“ถึงเวลาทีทุกคนรอคอยแล้วนะครับ คือเราจะขอเข้าไปยุ่งกับชีวิตรักของคุณธีร์และคุณนีกันสัก 2-3 เรื่อง”

เสียงหัวเราะดังขึ้นจากแขกที่ร่วมงานโดนเฉพาะเพื่อนๆของเจ้าบ่าวเจ้าสาว ธีร์เป็นคนตอบก่อนเมื่อได้รับคำถามว่ารู้จักกันอย่างไร

“เรารู้จักกันตั้งแต่เด็กๆ ผมเป็นเพื่อนรักกับเน พี่ชายของนี ครอบครัวของเราก็สนิทกันด้วย จึงไปมาหาสู่กันเสมอ ปิดเทอมก็ไปพักผ่อนกันที่หัวหินเกือบทุกปี เรียกได้ว่าเราโตมาด้วยกันเหมือนเป็นพี่เป็นน้อง”

“แล้วมาเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ไงล่ะครับ” ธีร์ยังไม่ทันตอบ อนีฆาก็ตอบก่อนว่า

“ตอนนีไปเรียนต่อที่อเมริกาค่ะ พี่ธีร์อยู่ก่อนแล้ว ถ้านีไม่ได้พี่ธีร์คอยช่วยเหลือทุกอย่าง ก็ไม่ทราบว่าจะเรียนจบมาได้อย่างไร หรือแทบจะพูดได้ว่า ไม่รู้ว่ามีชีวิตรอดมาได้อย่างไรถ้าไม่มีพี่ธีร์ ความผูกพันต่อกันคงจะเริ่มขึ้นอย่างนี้ ขอบคุณพี่ธีร์ที่คอยดูแลนีและทำให้นีมีความสุขที่สุดมาจนถึงวันนี้”

เสียงตบมือดังขึ้นทันทีเมื่อเห็นภาพประทับใจที่เจ้าสาวพนมมือไหว้ไปที่หน้าอกของเจ้าบ่าว พร้อมกันนั้นเขาก็ยกแขนทั้งสองข้างขึ้นโอบเธอไว้ จากนั้นก็มีคำถามถึงความทรงจำดีๆที่มีต่อกันซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นเหตุการณ์ช่วงที่เรียนอยู่ที่อเมริกาด้วยกัน จนกระทั่งถึงวันที่ธีร์เรียนจบกลับมาก่อน หลังจากนั้นอีก 1 ปีอนีฆาจึงจบกลับมา สุดท้ายพิธีกรเชิญบ่าวสาวขอบคุณผู้มีเกียรติที่มาร่วมงาน

“ผมและนีขอขอบพระคุณผู้ใหญ่ทุกท่านที่กรุณามาร่วมอวยพรในงานมงคลสมรสของผมและนี ขอบคุณเพื่อนๆพี่ๆน้องๆ เพื่อนร่วมงานและทุกๆคนที่กรุณาให้เกียรติมาร่วมงานวันนี้ ผมและนีจะจดจำวันนี้ไว้เสมอว่าเรามีความสุขเพียงใด และต่อจากนี้เราจะพยายามใช้ชีวิตร่วมกันในฐานะสามีและภรรยาให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้สมดังคำอวยพรที่ได้รับจากทุกๆคนในวันนี้ ขอบพระคุณครับ”

เสียงตบมือดังขึ้นอีกครั้งหลังจากที่ธีร์กล่าวจบลง อนีฆายื่นมือไปรับไมโครโฟนจากธีร์และกล่าวว่า

“นีก็เหมือนพี่ธีร์นะคะ แต่ขอโอกาสนี้ขอบพระคุณคุณพ่อคุณแม่ของพี่ธีร์ที่ให้ความรักและความเมตตารับนีเป็นลูกสาวอีกคน และที่จะลืมไม่ได้ คนที่นีรักที่สุดในชีวิตก็คือคุณพ่อของนีค่ะ นีขอบพระคุณคุณพ่อที่เป็นเหมือนดัง wind beneath my wings ที่ทำให้นีเป็นนีที่เข้มแข็งได้อย่างนี้ นีรักคุณพ่อที่สุด”

เมื่ออนีฆากล่าวจบและเสียงตบมือดังขึ้นตามมา ทุกคนเข้าว่าคงจะเสร็จพิธีบนเวที แต่กลับผิดคาดเพราะธีร์รับไมโครโฟนมาจากเจ้าสาวของเขาและพูดเติมว่า

“ถ้าพูดถึงคนที่เป็นดัง wind beneath my wings แล้ว ก็คงต้องเอ่ยถึงคนนี้ครับ ธีร์ขอบพระคุณน้าจ๋าที่ทำหน้าที่เป็นมือที่มองไม่เห็น ที่คอยดูแลเลี้ยงดูพวกเราทุกคนจนมาถึงทุกวันนี้ ขอบพระคุณน้าจ๋าครับ”
เสียงตบมือดังขึ้นอีกครั้ง อนีฆาทำหน้าเรียบเฉยและกลายเป็นบึ้งตึงทันทีเมื่อได้ยินเสียงร้องตะโกนขึ้นจากมุมหนึ่งของห้องว่า “cheers” อนีฆารู้ดีว่าเป็นเสียงของใคร หลายคนหันไปตามเสียงนั้น และพบว่าคนที่ร้องตะโกนออกไปคืออนัตตาน้องสาวของเจ้าสาวนั่นเอง เธอยืนอยู่คนเดียวที่มุมห้อง ชูแก้วแชมเปญในมือขึ้นและร้องตะโกนคำนั้นออกไป

หลังจากแขกเริ่มทะยอยกันกลับจนเกือบหมด จะเหลือก็แต่เพื่อนสนิทของเจ้าบ่าวอีก 4-5 คนที่ยังเฮฮากันอยู่ เพราะรู้ว่ายังเหลือเวลาอีกสักพักก่อนจะถึงฤกษ์ส่งตัว ส่วนอนีฆาออกไปถ่ายรูปกับบรรดาเพื่อนเจ้าสาว จากนั้นก็ส่งเพื่อนๆแล้วจึงรีบเดินกลับเข้าไปในห้องบอลรูม ไม่ทันสังเกตว่ามีชายหนุ่มคนหนึ่งยืนหลบอยู่ข้างประตูไม้บานใหญ่ตรงทางเข้า เมื่ออนีฆาเดินมาถึง เขาก้าวออกมาเผชิญหน้ากับเธออย่างเร็ว อนีฆาเกือบจะชนเขาเข้า ทำให้ต้องหลบจนเกือบจะเสียหลัก ชายหนุ่มคว้าแขนเธอไว้พร้อมกับพูดเสียงเบาเกือบจะเป็นกระซิบว่า

“นี ... นีทำกับพี่วินอย่างนี้ได้ยังไง”

ทันทีนั้น อนีฆาสะบัดแขนออกจากมือของเขา ไม่ตอบอะไร ได้แต่รีบเดินไปหาเจ้าบ่าวและกลุ่มเพื่อนๆที่ยังเฮฮากันอยู่ด้านใน

เพื่อนๆกลุ่มนี้เป็นเพื่อนสนิทเพื่อนรักของธีร์ที่รู้จักและคบเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่อายุยังน้อย ตั้งแต่เรียนอยู่โรงเรียนประจำ แม้จะจากกันไปบ้างในช่วงที่แยกย้ายไปเรียนต่อและทำงาน แต่ก็ยังติดต่อกันเสมอมา อเนชาพี่ชายของอนีฆาคือหนึ่งในกลุ่มนี้ ส่วนอีกคนคือปวินท์ที่กำลังเดินตามอนีฆาเข้ามา

อนีฆาเดินมาถึงและเห็นว่าอนัตตายืนรวมอยู่ในกลุ่มนี้ด้วย อารมณ์ขุ่นมัวที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่ยิ่งเพิ่มขึ้น เธอกระชิบบอกเจ้าบ่าวว่า

“พี่ธีร์คะ เราคงต้องกลับบ้านแล้ว เดี๋ยวไม่ทันฤกษ์...” พูดไม่ทันจบก็ถูกเพื่อนคนหนึ่งของธีร์ขัดขึ้น

“เออ.. ไป ไป ไอ้ธีร์ เดี๋ยวเถอะมึง ... แม่มาตามแล้ว” คำพูดนี้เรียกเสียงหัวเราะได้ทันที

“ไอ้บ้า...” ธีร์หันไปทางเพื่อนคนนั้น และพูดต่อว่า “ก่อนไป เก็บรูปเป็นที่ระลึกกันหน่อย มาเร็ว เดี๋ยวหาคนถ่ายให้ก่อน”

อนัตตาซึ่งยืนอยู่ข้างพี่ชายจึงอาสาเป็นคนถ่ายรูปให้ พี่ชายซึ่งยืนโอบไหล่น้องสาวคนเล็กอยู่จึงหันมามองหน้าเธอเป็นเชิงสงสัย อนัตตาจึงกระซิบตอบพี่ชายพอได้ยินกัน 2 คนว่า

“นัตไม่อยู่ในรูป พี่นีน่าจะแฮบปี้กว่านะคะพี่เน ... มาค่ะนัตเป็นคนถ่ายให้”

พี่สาวซึ่งหน้าตึงมาตั้งแต่เดินเข้ามา ยิ้มออกทันที
-----------------------

ฤกษ์ส่งตัวเวลาห้าทุ่ม ครอบครัวของเจ้าบ่าวเจ้าสาวมาถึงเรือนหอกันก่อนเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมง ต่างพากันเดินชมเรือนหอหลังใหม่ที่เพิ่งปลูกและตกแต่งภายในรวมทั้งสวนรอบบริเวณที่แล้วเสร็จมาไม่นานนัก

เรือนหอปลูกบนเนื้อที่ 2 ไร่ จากประตูอัลลอยด์หน้าบ้านเป็นถนนซีเมนต์ยาวไปจนถึงตัวบ้าน แล้วอ้อมต่อไปถึงโรงจอดรถ ซึ่งจอดรถคันหรูขนาดใหญ่ได้ถึง 3-4 คัน ตัวคฤหาสน์ปลูกอยู่กลางที่ดิน ด้านหน้าเป็นสนามหญ้าผืนใหญ่ ปลูกหญ้าเขียวขจี มีต้นไม้ยืนต้นขนาดใหญ่ที่เห็นได้ชัดว่าเพิ่มล้อมมาลงไว้ม่นาน สลับด่วยพุ่มดอกไม้เลียบไปตามขอบถนน มีสวนหย่อมปลูกไม้ดอกสลับสีสวยงามและจุดรวมสายตาคือ น้ำตกประดิษฐ์ที่น้ำไหลเอื่อยๆกระทบแสงไฟของสปอตไลท์ดวงเล็กๆที่แทรกไว้ตามก้อนหินและขอบมุมของแอ่งน้ำที่รอรับน้ำตกอย่างสวยงาม

เมื่อเดินขึ้นบันไดหินอ่อนผ่านประตูไม้บานใหญ่เพื่อเข้าสู่ตัวบ้าน จะถึงบริเวณโถงกว้างซึ่งเป็นด้านหน้าก่อนที่จะเข้าสู่ห้องรับแขกกว้าง มีโซฟายาวและชุดรับแขกสไตล์หลุยส์สีขาวขลิบทอง เครื่องเรือนและเครื่องตกแต่งอื่นๆจัดวางไว้อย่างหรูหราเป็นระเบียบและมีรสนิยมตามแบบผู้ดีสมัยใหม่ จุดสะดุดตาในห้องนี้คือ ภาพ pre-wedding ของคู่สมรส ที่แสนโรแมนติกจนทุกคนที่เห็นต้องเอ่ยปากชม

“สวย น่ารักจังเลย.. เหมาะสมกันราวกับกิ่งทองใบหยก”

ทุกคนต่างพากันเดินชมห้องต่างๆชั้นล่างอันได้แก่ ห้องรับประทานอาหารที่มีโต๊ะยาวนั่งได้ 12 ที่ ห้องเตรียมอาหาร ห้องนั่งเล่นทีมีอุปกรณ์ให้ความบันเทิงครบครัน ห้องพักผ่อนที่ใช้เป็นห้องอ่านหนังสือด้วย จากห้องนี้มองออกไปด้านนอก จะเห็นสระว่ายน้ำและสวนหย่อมที่ตกแต่งอย่างสวยงาม มีเฟอร์นิเจอร์ประดับสวนเช่น ชิงช้า โต๊ะเหล็กดัดและเก้าอี้สนามสีขาว ไกลออกไปเห็นริมรั้วบ้านสีอิฐ ปลูกต้นไม้ยืนต้นและพันธุ์ไม้เลื้อยที่เริ่มไต่ไปตามไม้ระแนงที่ตั้งขนานไปกับรั่งเป็นล็อคๆ

จากชั้นล่างด้านในมีบันไดเวียนขึ้นไปบนชั้นที่สอง จะถึงบริเวณโถงกลางที่ใช้เป็นที่นั่งเล่น พักผ่อน หรือจะนั่งรับประทานอาหาร เพราะมีโต๊ะเก้าอี้ชุดเล็กๆตั้งอยู่หน้าห้องเตรียมอาหารที่ติดตั้งอุปกรณ์ครัวทันสมัยอยู่ด้วย ไม่ว่าจะเป็นตู้เย็น เตาไฟฟ้า ไมโครเวฟ เตาอบเล็กๆและบริเวณล้างจาน

รอบๆบริเวณโถงชั้นสองนี้มีประตูไม้หลายบานซึ่งคือ ประตูห้องนอนรวม 4 ห้อง ห้องนอนใหญ่จะอยู่ด้านในสุด ที่เหลืออีก 3 ห้องรวมทั้งห้องรับรองแขกด้วย คืนนี้ประตูห้องนอนใหญ่เปิดออกกว้างมีดอกรักและดอกพุดร้อยสลับกันเป็นสายยาวคล้ายม่าน ส่งกลิ่นหอมอ่อนๆกระจายไปทั่ว กลางห้องตั้งเตียงขนาดใหญ่ หัวเตียงชิดผนังด้านหนึ่ง บนที่นอนโรยด้วยกลีบดอกกุหลาบแดงและดอกมะลิ หน้าต่างทุกบานมีม่านดอกไม้ห้อยระบ้าเช่นเดียวกับประตู ห้องนี้มีประตูกระจกอีกบานเปิดออกสู่ระเบียงกว้าง ที่จัดวางเก้าอี้ โซฟาและต้นไม้ประดับอย่างสวยงาม ด้านนี้เป็นด้านตะวันออกจึงรับแดดช่วงเช้าและจะร่มและรับลมในช่วงบ่าย

เมื่อใกล้จะถึงฤกษ์ บิดามารดาของฝ่ายเจ้าบ่าวก็เดินเข้าไปในห้องหอ มีเจ้าบ่าวเดินตามมาใกล้ๆ ก่อนเข้าห้องหอ ธีร์หันไปถามผู้หญิงวัยกลางคน ท่าทางเป็นผู้ดีที่ยืนหลบอยู่ข้างประตูห้อง เสียงเบาๆ พอได้ยินกันเพียงสองคนว่า

“น้าจ๋าจะไม่เข้าไปอวยพรผมกับนีหรือครับ”

สตรีนั้นยิ้มน้อยๆ ยกมือขึ้นแตะที่แขนธีร์ แล้วตอบด้วยเสียงเบาไม่ต่างกันว่า

“น้าจ๋าขออวยพรให้ลูกทั้งสองมีความสุขความเจริญตลอดไปนะลูก”

แม้ธีร์จะเป็นผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ดูเข้มแข็ง แต่จิตใจนั้นเป็นคนอารมณ์อ่อนไหวและมักซาบซึ้งหรือประทับใจค่อนข้างง่าย เขาก้มตัวลงไปกอดผู้หญิงอายุคราวแม่ที่กล่าวอวยพรเขา การกระทำนี้ทำให้ “น้าจ๋า” ไม่อาจเดินออกไปจากตรงนั้นได้ในทันที

ทุกคนที่เดินตามกันมาจึงเห็นภาพนั้นพร้อมกันและพลอยซาบซึ้งไปด้วย แต่ก็ไม่มีใครเอ่ยอะไรออกมา ราวกับทุกคนรู้สถานการณ์ดีอยู่แล้ว มีแต่อนีฆาเท่านั้น ที่ยืนถัดออกไป เธอชักสีหน้าทันทีและพูดขึ้นด้วยเสียงที่ค่อนข้างดังว่า

“พี่ธีร์คะ เดี๋ยวจะเสียฤกษ์นะคะ ทำไมไม่ ...”

ยังไม่ทันพูดจบประโยคตามที่ตั้งใจ ก็ต้องรีบหยุดพูด เพราะบิดาเอื้อมมือมาบีบมือลูกสาวอย่างแรง ธีร์เดินเข้าห้อง และนั่งลงที่พื้นระหว่างบิดาและมารดา จากนั้นครอบครัวฝ่ายเจ้าสาวก็เดินเข้ามา อนีฆานั่งพับเพียบข้างเจ้าบ่าวพยายามปรับสีหน้าให้ยิ้มแย้มเท่าที่จะทำได้

ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายต่างอวยชัยให้พรเป็นทำนองเดียวกันว่า

“ขอให้ลูกทั้งสองครองรักกันอย่างราบรื่นและมีความสุข มีอะไรก็ค่อยๆปรึกษาหารือกัน ขอให้นึกความสุขในวันนี้ วันที่เป็นการเริ่มต้นครอบครัวของเราทั้งสองคน ขอให้มีลูกหลานสืบวงศ์ตระกูล ขอให้รักกันยืนยาว อยู่ด้วยกันจนแก่จนเฒ่า ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชร ... “

และมักจบคำอวยพรลงว่า

“ขอให้เส้นทางชีวิตการแต่งงานของลูกทั้งสองจงสวยงาม หอมหวานราวกับโรยด้วยกลับกุหลาบนะลูกนะ”

คู่บ่าวสาวก้มลงกราบบุพการีทั้งสองฝ่าย ช่วงขณะนั้นเอง อนีฆานึกในใจว่า ถ้าเป็นนวนิยายแนวพาฝัน การแต่งงานคือตอนจบของเนื่องที่พระเอกนางเอกสมหวังในความรักและจะครองคู่อยู่ด้วยกันตลอดไปอย่างมีความสุขเหมือนในเทพนิทานฝรั่งที่จลบลงด้วยประโยคที่ว่า ‘ … lived happily ever after’ แต่ชีวิตจริงการแต่งงานเป็นแค่การเริ่มต้น อนีฆารู้ดีว่าชีวิตของเธอไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ ถ้าเธอออยากได้สิ่งใด หรืออยากให้ชีวิตเป็นอย่างไร เธอจะต้องควบคุมมันด้วยมือของเธอเองเท่านั้น แม้แต่การแต่งงานครั้งนี้ อนีฆามั่นใจว่า มันเกิดขึ้นมาได้ด้วยมือของเธอเอง เมื่อเธอเงยหน้าขึ้นอีกครั้ง รอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจจึงปรากฏขึ้นบนใบหน้าอย่างชัดเจน






กนกนัดดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 มิ.ย. 2560, 20:32:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 มิ.ย. 2560, 20:36:36 น.

จำนวนการเข้าชม : 892





   ตอนที่ 2 กว่าจะสุดทาง >>
กนกนัดดา 7 มิ.ย. 2560, 20:38:09 น.
นิยายเรื่องกว่าจะสุดทาง เดิมใช้นามปากกาว่า ยินดี นะคะ เปลี่ยนเป็น กนกนัดดา นะคะ คนเดียวกันค่ะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account