กว่าจะสุดทาง
ความเห็นแก่ตัว การรักแต่ตัวเอง การดูถูกและเหยียดหยามได้สร้างความแค้นและความกดดันขึ้นในใจ เมื่อถึงวันที่มีโอกาส การแก้แค้นเอาคืนก็เกิดขึ้น ไม่ว่าจะโดยตั้งใจหรือไม่ก็ตาม
Tags: พี่น้อง คนรัก สุดทาง

ตอน: ตอนที่ 2 กว่าจะสุดทาง

บทที่ 2 กว่าจะสุดทาง
อนีฆารับรู้การสูญเสียครั้งแรกในชีวิตตอนอายุ14 ปี เมื่อมารดาของเธอจากไป ที่โหดร้ายมากสำหรับเธอคือ เป็นการจากเป็นไม่ใช่จากตาย เวลาอาจช่วยเยียวยาความรู้สึกเศร้าที่คนที่เป็นที่รักตายจากไป แต่ความรู้สึกว่าถูกทิ้งเพราะมารดาไม่ต้องการตน เป็นเรื่องที่เจ็บลึกและไม่มีวันจางหายไป

เย็นวันนั้น คนขับรถมารับอนีฆาและน้องสาวที่โรงเรียน ซึ่งขณะนั้นเธอเรียนอยู่มัธยมปีที่ 3 และน้องสาวคืออนัตตาที่อายุเพียง 8 ปีอยู่ชั้นประถมปีที่ 3 อนีฆาแปลกใจที่ไม่เห็นคนเลี้ยงวัยกลางคนที่เคยนั่งรถมารับด้วยทุกครั้งไม่มาในวันนี้ ปกติบิดาจะไม่ยอมให้คนขับรถคือนายสนมารับลูกสาวทั้งสองเพียงลำพัง แม้นายสนจะทำงานในหน้าที่นี้มานานเกือบ 10 ปีแล้วก็ตาม

“ป้าบัวไม่มาด้วยหรือคะ น้าสน”

“ไม่ได้มาครับ” คำตอบนี้ไม่ได้สร้างความกระจ่างใดๆ แต่อนีฆาก็คร้านเกินกว่าจะซักต่อ เพราะไม่เห็นเป็นเรื่องสำคัญแต่อย่างใด

เมื่อรถคันใหญ่สีดำเลี้ยวเข้าประตูบ้าน และแล่นเรื่อยๆไปตามถนน จนมาเทียบที่บันไดใหญ่หน้าตัวบ้าน ภาพพี่ชายที่ยังอยู่ในชุดนักเรียนก็ปรากฏแก่สายตาของน้องสาวทั้งสองคน อนัตตาน้องสาวคนเล็กร้องขึ้นด้วยความดีใจ

“พี่เนมา เย้ๆๆๆ พี่เนมา”

“เอ๊ะ...วันนี้ไม่ใช่วันเสาร์สิ้นเดือนนี่ ทำไมพี่เนกลับบ้าน” อนีฆารู้สึกประหลาดใจ และนี่เป็นเหตุการณ์ที่สองแล้วที่ผิดปกติในวันนี้ ส่วนอนัตตาโดดลงจากรถและวิ่งไปหาพี่ชายทันที

“พี่เนขา ดีใจจัง พอดีวันนี้นัตมีข่าวดีมาอวดพี่เนพอดีเลย”

อนีฆาลงจากรถตามมา เมื่อเดินเข้ามาใกล้พี่ชายก็ถามขึ้นเบาๆ มั่นใจว่าต้องมีเรื่องผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นแน่นอน

“ทำไมพี่เนกลับบ้าน มีเรื่องอะไรหรือ”

อเนชาไม่ตอบเพียงบอกให้น้องสาวทั้งสองเข้าบ้านก่อน อนีฆาจึงเดินตามพี่ชายเข้าข้างในเงียบๆ ส่วนอนัตตานั้น เนื่องจากวันนี้เธอได้รู้ผลการประกวดภาพวาดที่ทางโรงเรียนส่งไปประกวดที่ประเทศญี่ปุ่นว่า ภาพวาดของเธอได้รับรางวัลเหรียญทอง เธอวิ่งเข้าบ้านพร้อมตะโกนเรียกมารดาเสียงลั่น

“คุณแม่ขา คุณแม่อยู่ไหนคะ นัตมีข่าวดีมาบอก คุณแม่อยู่ไหนเอ่ย”

นางบัวโผล่ออกมาจากห้องอ่านหนังสือ ก้าวเท้ายาวๆมาจับตัวอนัตตาไว้ พูดเสียงเบาๆ

“คุณนัตอย่าตะโกนเสียงดังค่ะ คุณพ่อทำงานอยู่ในห้องหนังสือ”

เมื่อได้ยินว่าบิดาอยู่ในห้องอ่านหนังสือ อนัตตาก็เปลี่ยนความสนใจในการตามหามารดา วิ่งเข้าห้องอ่านหนังสือทันที จนนางบัวคว้าตัวไว้ไม่ทัน อนัตตาเปิดประตูเข้าไปและร้องบอกเสียงดังว่า

“คุณพ่อขา รูปวาดของนัตที่ส่งประกวดได้รางวัลเหรียญ ...”

อนัตตาพูดไม่จบประโยค เมื่อมองเห็นบิดานั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือกลางห้องด้วยอาการราวกับคนกำลังปวดศีรษะอย่างแรง มือทั้งสองข้างกุมขมับ ใช้ข้อศอกทั้งสองยันอยู่กับโต๊ะ ใบหน้าดูหมองคล้ำ ดวงตาแดงก่ำราวกับคนที่เพิ่งร้องไห้มาอย่างหนัก เมื่อได้ยินเสียงลูกสาวคนเล็ก อมาตย์ก็เงยหน้าขึ้นมองลูกสาวอย่างช้าๆ ทันใดนั้น น้ำตาก็ร่วงลงมาเป็นสายอย่างสุดจะกลั้นไว้ได้อีก

“คุณพ่อ ... คุณพ่อขา ... คุณพ่อเป็นอะไร”
อนัตตาจะวิ่งเข้าไปหาบิดา แต่ถูกนางบัวรวบตัวได้ก่อน เธอดิ้นจนนางบัวเกือบล้ม อมาตย์พูดขึ้นว่า

“ป้าบัว ปล่อยเถอะ ... มาหาพ่อมานัต”

พอลูกสาววิ่งเข้ามาอยู่ในอ้อมแขน น้ำตาก็ยิ่งพรั่งพรูลงมาและไม่อาจห้ามเสียงสะอื้น นางบัวเห็นภาพนั้นก็พลอยร้องไห้ตามไปด้วย

อเนชาและอนีฆาตามเข้ามาในห้องอ่านหนังสือ อเนชายืนหยุดนิ่งที่หน้าประตูห้อง ส่วนอนีฆาวิ่งเข้าไปกอดบิดาเช่นเดียวกับน้องสาว ถามบิดาว่า

“คุณพ่อขาเกิดอะไรขึ้น ... แล้วคุณแม่อยู่ไหน”

อมาตย์พยายามสงบสติอารมณ์ ใช้มือปาดน้ำตาและพูดกับลูกสาวทั้งสองคนว่า

“เพิ่งกลับมาจากโรงเรียนกัน หิวไหมลูก ฬห้ป้าบัวจัดของว่างให้ก่อนไหม”

“นีไม่หิว ... ใครจะทานอะไรลง คุณพ่อเป็นแบบนี้”

“นัตก็ไม่หิว”

บิดาจึงเงายหน้าขึ้นแล้วเรียกลูกชายให้เข้ามานั่งที่โซฟาริมหน้าต่าง พร้อมกับจูงมือลูกสาวทั้งสองให้มานั่งรวมกัน แล้วสั่งนางบัวว่า

“ป้าบัวออกไปก่อนนะ ขอคุยกับลูกๆหน่อย”

เมื่อนางบัวเดินออกจากห้อง และปิดประตูตามหลังเรียบร้อย อมาตย์ก็พูดกับลูกทั้งสามคน ด้วยเสียงเรียบอย่างพยายามสะกดอารมณ์ว่า

“พ่อจะพูดตรงๆและไม่อ้อมค้อม ถ้าลูกสงสัยอะไรก็ถามได้ แต่บางคำถามพ่อคงจะไม่ตอบ” ลูกทั้งสามคนของอมาตย์นั่งนิ่งมองหน้าบิดาเป็นตาเดียว

“คุณแม่เขาไม่อยู่กับพวกเราแล้ว”

“คุณแม่เป็นอะไรคะ เกิดอะไรขึ้นกับคุณแม่” สิ้นคำถาม น้ำตาของอนัตตาก็หยดลงมาทันที

“ไม่ได้เป็นอะไร ไม่ได้ป่วยหรือไม่ได้เกิดอุบัติเหตุอะไรกับคุณแม่ทั้งนั้น แต่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณแม่จะไปอยู่ที่อื่น”

“ที่ไหนคะ” น้องสาวคนเล็กยังถามต่อไปไม่ขาดปาก ในขณะที่พี่ชายและพี่สาวนั่งเงียบ

“ไปอยู่อเมริกา”

“ไปนานไหมคะ”

“คงไปอยู่เลย ไม่กลับมาแล้ว หรือพ่อจะพูดใหม่ก็คือ คุณแม่ไม่กลับมาหาพวกเราแล้ว”

“ทำไมละคะ คุณแม่ไม่คิดถุงนัตหรือคะ”

“เขาคงคิดถึงนัตที่สุดนั่นแหละ เขาอยากพานัตไปด้วย แต่พ่อไม่ให้ไป”

“คุณแม่ไปไหนกันแน่”

อมาตย์กลั้นสะอื้น ดึงตัวลูกสาวคนเล็กเข้ามากอด รู้ดีว่าเธอต้องเสียขวัญมากแน่นอน เพราะเป็นลูกที่ผูกพันกับมารดามากกว่าลูกคนอื่น เขาเห็นภาพอนัตตาคลอเคลียกับมารดาเสมอ มักพูดคุยเล่าเรื่องราวต่างๆให้มารดาฟัง และในทางกลับกัน มารดาก็แสดงออกว่า รักและเอ็นดูลูกสาวคนเล็กเป็นพิเศษ มักพาไปไหนมาไหนด้วยกัน และมักมีเรื่องที่รู้กันสองครเสมอๆ สร้างความไม่พอใจให้ลูกสาวคนกลางบ่อยครั้ง ดังนั้น ประโยคที่บิดาตอบเมื่อสักครู่ว่า “แม่คงคิดถึงนัตที่สุด และอยากจะพานัตไปด้วย” นั้น จึงเปรียบเสมือนมีดเล่มเล็กๆที่แทงเข้าที่หัวใจของอนีฆา

อนีฆาตั้งคำถามสั้นๆกับบิดา ราวกับรู้สาเหตุการจากไปของมารดามาก่อน

“คุณแม่ไปกับใครคะ คุณพ่อ”

“ถามแบบนี้ หนูรู้หรือลูก นี”

“พักหลังนี่คุณแม่มีคนอื่นที่สำคัญกว่าพวกเรา” พูดขาดคำอนีฆาก็ลุกขึ้นเดินออกจากห้องหนังสือไปทันที

ระยะเวลา 4-5 เดือนที่ผ่านมา มารดามักเดินไปพูดโทรศัพท์ในสวนบ่อยๆ และพูดเป็นภาษาฝรั่งเศสที่ไม่มีใครรู้เรื่อง บางครั้งถ้ามารดาไปรับลูกสาวทั้งสองกลับจากโรงเรียน ก็มักคุยโทรศัพท์ตั้งแต่โรงเรียนจนถึงบ้าน ถ้าอนัตตาหรืออนีฆาพูดคุยหรือไต่ถามอะไร ก็จะแสดงอาการว่าเป็นการขัดจังหวะและไม่ตอบ นอกจากนั้น ถ้าวันไหนบิดาบอกล่วงหน้าว่าไม่กลับมารับประทานอาหารเย็น มารดามักอ้างกับลูกๆว่ามีงานค้างที่บริษัทต้องกลับไปสะสางจนมืดค่ำ ไม่กลับมารับประทานอาหารเย็น และหากวันใดที่บิดาจะกลับมาบ้าน มารดาก็จะดูแลลูกสาวพอเป็นพิธีและพูดโทรศัพท์ต่อเนื่องยาวนานจนบิดากลับมาถึงบ้านราวๆ 2 ทุ่ม จึงวางโทรศัพท์ลงแต่เพียงเท่านั้น

แม้อนีฆาจะฟังภาษาฝรั่งเศสไม่เข้าใจ แต่เธอก็รู้สึกผิดสังเกต ทั้งน้ำเสียง สีหน้า ท่าทางขณะพูดโทรศัพท์ของมารดาได้ว่า ไม่ใช่การพูดเรื่องงานหรือพูดคุยกับเพื่อนธรรมดา มารดาพูดเสียงอ่อนหวาน ยิ้มแย้มและหน้าตาแจ่มใสราวกับเด็กสาวที่เริ่มมีคนรัก อนีฆาอายุ 14 ปีแล้ว เคยเห็นเพื่อนที่โตเป็นสาวเร็วมีอาการเช่นเดียวกันนี้ และใครๆก็รับรู้ว่า เขากำลังมีคนมาจีบและตกลงเป็นแฟนกัน แม้จะอดรู้สุกเช่นว่านี้ไม่ได้ แต่ก็เกินกว่าอรีฆาจะเชื่อลางสังหรณ์ของตน มารดามีสามีที่แสนดีและมีลูกชายหญิงถึง 3 คน มันไม่มีทางเป็นไปได้ แต่วันนี้ มารดาจากไปแล้ว ทิ้งทุกคนอยู่ทางนี้ อนีฆาไม่อยากให้สิ่งที่เธอหวั่นวิตกกลายเป็นความจริงขึ้นมาเลย

อนีฆาไม่รู้ว่า เธอเดินขึ้นมาบนห้องและนอนร้องไห้จนหลับไปทั้งชุดนักเรียนนานแค่ไหน แต่เมื่อลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ข้างนอกก็มืดสนิทแล้ว คงมีใครเข้ามาเปิดโคมไฟดวงเล็กๆที่โต๊ะเครื่องแป้งของเธอ อนีฆาลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ห้องนอนของน้องสาว อนัตตาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นชุดนอนเรียบร้อยแล้ว เธอนั่งห้อยขาอยู่บนเตียง น้ำตายังไหลเป็นทาง มีป้าบัวนั่งอยู่ที่พื้น จับมืออนัตตาไว้ทั้งสองข้างและพูดปลอบโยน
อนีฆาไม่ได้เดินเข้าไป เธอเดินต่อไปที่ห้องนอนของพี่ชาย เห็นอเนชายืนมองออกไปนอกหน้าต่าง พูดโทรศัพท์เสียงเบาๆ

“เออ... ขอบใจว่ะวิน กูว่าพรุ่งนี้กูจะกลับโรงเรียนแล้ว”

อเนชาได้ยินเสียงเปิดประตูจึงหันกลับมามอง เมื่อเห็นน้องสาวจึงยุติการสนทนาทางโทรศัพท์

“แค่นี้นะวิน แล้วเจอกันเพื่อน”

“นียังไม่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าอีกหรือ จะสามทุ่มแล้ว หิวข้าวไหม” อเนชาถามน้องสาวที่มีอายุไล่เรี่ยกัน ทั้งสองคนสนิทสนมกันจนเป็นเสมือนทั้งพี่น้องและเพื่อน

“เราทำอะไรผิดหรือพี่เน ทำไมคุณแม่ ...” พูดได้เท่านี้ น้ำตาก็ร่วงลงมาทันที

อเนชาก้าวยาวๆมาโอบกอดน้องสาวไว้แน่น ปลอบโยนว่า

“เราไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่มีใครผิด คุณแม่ก็ไม่ผิด คุณแม่มีสิทธิเลือกทางที่คุณแม่มีความสุข”
“แล้วพวกเราล่ะ คุณแม่ทิ้งคุณพ่อกับพวกเราไว้กับความทุกข์หรือ”

“คุณพ่อเป็นทุกข์ที่สุด เราต้องเป็นกำลังใจให้คุณพ่อนะนี ช่วยให้คุณพ่อผ่านเรื่องนี้ไปให้ได้”

“แล้วนีล่ะพี่เน นีก็ทุกข์นะ นีสังหรณ์อยู่แล้ว ต้องเป็นไอ้ฝรั่งที่เราเคยเจอมัน...”

“ไม่เอานี อย่าไปพูดถึงเขาเลย นีมีคุณพ่อ พี่เน แล้วก็น้องนัต นึกเสียว่าคุณแม่จากไปอย่างนี้ก็ดีกว่าคุณแม่จากเราไปแบบไม่มีวันกลับนะ สักวันเราคงได้พบกันบ้าง”

อเนชาเป็นคนมองโลกในมุมบวกมาแต่ไหนแต่ไร หรืออาจจะเป็นเพราะเขาเติบโตมาในโรงเรียนประจำเป็นส่วนใหญ่ กลับมาบ้านเพียงเดือนละครั้ง ครั้งละ 2 วัน ยกเว้นช่วงปิดเทอม ซึ่งก็มีกิจกรรมให้ทำมากมาย ทั้งเรื่องเรียน กีฬาและเพื่อนฝูง เขาไม่เคยสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงในครอบครัว แต่เมื่อมันเปลี่ยนก็ไม่รู้สึกกระทบกระเทือนมาก ชีวิตก็ยังดำเนินต่อไปตามเดิม เพียงแต่ไม่มีมารดาเท่านั้น

“นีจะไม่พบคุณแม่อีก นีจะไม่ให้อภัยคุณแม่เลย นีขอให้คุณแม่พบแต่ความทุกข์ ...”

“นี” พี่ชายร้องเตือนก่อนที่น้องสาวจะกล่าวคำแช่งมารดาไปมากกว่านี้
“ยังไงคุณแม่ก็เป็นคุณแม่นะ อย่าพูดแบบนี้ มันบาปนะ”

“นีไม่รู้ นีไม่สนใจ นีจะนึกว่าคุณแม่ไม่อยู่ในโลกนี้แล้ว นีจะไม่เสียน้ำตาให้คุณแม่อีก คอยดูเลย”

อนีฆาหันหลังกลับเดินออกไปจากห้อง เธอตั้งใจว่าตั้งแต่นี้ไป เธอจะทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ไม่ว่ามารดาจะรู้หรือไม่ก็ตาม เธอจะทำให้มารดาเห็นว่า มารดาไม่มีความสำคัญกับเธอแม้แต่น้อย ก็เป็นเพียงผู้หญิงคนหนึ่งที่ให้กำเนิดเธอ บุพการีคนสำคัญคนเดียวในชีวิตของเธอตอนนี้มีแต่บิดาเท่านั้น

อนีฆาเดินลงมาที่ห้องหนังสือของบิดา ขณะเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตูเพื่อจะเปิดเข้าไป เธอเพิ่งเห็นว่าประตูเปิดแง้มอยู่ก่อนแล้ว มีเสียงลอดออกมาจากข้างในห้องเบาๆ

“จ๋า ... จ๋าจะให้พี่ทำยังไง จ๋าจะให้พี่กับลูก 3 คนทำยังไง”

อนีฆาตัวเย็นวูบ บิดาไม่ได้อยู่ในห้องคนเดียว แต่มีน้าจ๋าหรือวัชรินทร์ น้องสาวแท้ๆของมารดาอยู่ด้วย คำถามหนึ่งผุดขึ้นในสมองทันที น้าจ๋ามาทำไม

จบตอน 2 กว่าจะสุดทาง



กนกนัดดา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 7 มิ.ย. 2560, 20:33:52 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 7 มิ.ย. 2560, 20:40:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 724





<< ตอนที่ 1 กว่าจะสุดทาง   ตอนที่ 3 กว่าจะสุดทาง >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account