สมมติว่าเรารักกัน
เมื่อเขาและเธอ ต่างก็คิดว่า เพศตรงข้าม เป็นมาร ขวางความสำเร็จ ความรักหลอกๆ ที่สมมติขึ้นขายผ้าเอาหน้ารอด จะจบลงแบบใด

ติดตามได้ใน สมมติว่าเรารักกัน
Tags: โรแมนติกคอมมาดี้

ตอน: ตอนที่ 8

รุจพาเรย์ออกมายืนรับลมหน้าบ้าน และพากันเดินไปตามริมหาดเรื่อยๆ เขาเดินจูงมือเล็กๆของหล่อนไว้อย่างอบอุ่น

“หนาวเหรอคะหนูเรย์”

รุจถามขึ้นเมื่อเห็นเธอห่อไหล่เล็กน้อย

“นิดหน่อยค่ะ อุ้ย ไม่เป็นไรค่ะพี่รุจ”

แค่บอกว่านิดหน่อย เขาก็ถอดเสื้อเชิ้ตตัวนอกออกมาคลุมให้หล่อน เรย์มองเขาอย่างรักใคร่มากขึ้นกว่าเดิม

“เดี๋ยวไม่สบายไปจะแย่นะคะ”

ชายหนุ่มยิ้มให้ก่อนจะพูด

“พี่รุจอย่าดีกับเรย์มากแบบนี้สิคะ”

แค่นี้เรย์ก็หลงพี่จะแย่แล้ว ประโยคหลังหล่อนเก็บเอาไว้ ไม่ได้พูดให้เขารู้
รุจหันมากุมมือเธอไว้ ก่อนจะยกขึ้นมาจุมพิตเบาๆ

“พี่รักหนูนะคะ หนูจะยอมให้พี่พาพ่อไปขอได้ไหม”

คำพูดของเขา ทำเอาหล่อนอึ้ง ไม่คิดว่าเขาจะพูดเรื่องนี้ตอนนี้

“พี่เองก็แก่แล้ว จะสี่สิบอยู่แล้ว พี่กลัวแก่เกินไปสำหรับเรย์”

“พี่ไม่แก่ซักหน่อย ใครว่าพี่แก่กัน อย่าคิดมากสิคะ”

เรย์ขำกิ๊ก เมื่อเขาวิตกจริต หญิงสาวชวนเขานั่งลง มองไปยังทะเลอันเงียบสงบ

“พี่รุจชอบเรย์ตอนไหนคะ”

หลังจากนั่งลง หล่อนก็อยู่ในอ้อมกอดของเขา ศีรษะซบที่บ่ากว้างๆ รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก

“ถามทำไมละคะ แค่ตอนนี้ พี่รักเรย์ก็พอแล้วนี่”

ถ้าเรย์จะสังเกตได้ ก็คงเห็นไปแล้วว่า หูเขาแดง

“อื้อ ก็อยากรู้”

เรย์ดึงตัวเองออกมาจากอกเขาทันใด มองหน้าเขาตาคว่ำ ปากยื่น

“ก็ได้ๆ พี่ก็ชอบมาตั้งแต่เห็นหนูครั้งแรกแหละค่ะ”

เขาตอบเขินๆ

“หา ตอนนั้นเรย์15เองนะคะ”

หญิงสาวแกล้งห่อปาก แต่ในใจก็ปลื้ม

“แล้วเรย์ละคะ ชอบพี่รุจตอนไหน”

คราวนี้หญิงสาวเงียบ ไม่ตอบคำถามเขา เอานิ้วเขี่ยทรายเล่นอย่างไม่คิดจะเงยหน้ามาตอบคำถาม

“ขี้โกง หลอกให้พี่ตอบแล้วหนูก็ไม่ตอบพี่”

รุจหมั่นเขี้ยว จึงหยิกแก้มหญิงสาวในอ้อมกอดไปที เรียกเสียงโวยวายจากหล่อน
“บอกก็ได้ ชอบตั้งแต่เห็นครั้งแรกเหมือนกันค่ะ”

“ฮ้า ตอนนี้หนูเพิ่ง15เองนะ”

เขายอกย้อนหยอกล้อหล่อน

“ตอนนั้นเรย์เป็นเด็กช่างฝัน พี่เป็นหนุ่มนักเรียนนอกหน้าตาดี ส่วนเรย์ ยังเป็นแค่เด็กมัธยม พอรู้ว่าพี่แต่งงานไป เรย์ก็รู้สึกผิดหวัง คิดว่าอีกไม่นาน เรย์คงจะลืมรักวัยรุ่นนี่ได้ แต่ไม่เลย เรย์ไม่เคยลืมพี่ได้เลยจริงๆ ยิ่งพี่มาหาป๋า มากินข้าว มาที่บ้าน เรย์ยิ่งรู้สึกว่าเรย์แย่ลง เรย์เลยต้องปฏิเสธตัวเอง หนีหน้าพี่ แต่ยิ่งหนี เรย์ก็ยิ่งเจ็บปวด ยิ่งปิดบังความรู้สึก ก็ยิ่งเสียใจ”

รุจถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น

“พี่ขัดพ่อไม่ได้ พ่อต้องการให้พี่แต่งงาน สร้างครอบครัว ถึงแม้พี่จะชอบเรย์มาก แต่มันเป็นไปไม่ได้เลยที่พี่จะไปขอเด็กอายุ15แต่งงาน แล้วพี่ก็ไม่กล้าบอกพ่อด้วยว่าพี่ ชอบเรย์ พ่อรู้ คงหาอะไรตีหัวพี่ ที่พี่คิดอกุศลกับน้องเพื่อนที่เด็กแบบนั้น” คำพูดของเขา เรียกเสียงหัวเราะจากหญิงสาว

“ทำไมพี่เลิกกับพี่แพรละคะ”

เรย์ตัดสินใจถามถึงเหตุผลที่หล่อนสงสัย

“พี่ทำงานเยอะมาก ช่วงนั้นพ่อยกกิจการให้พี่ดูแลใหม่ๆ พี่ยังต้องปรับตัวกับงาน กับคน กับพนักงานในบริษัท พี่ยุ่งอยู่กับมัน จนลืมที่จะใส่ใจแพรเขา เราเจอหน้ากันวันละสองครั้ง คือเช้าที่พี่ไปทำงาน กับตอนเย็นที่พี่กลับบ้าน แพรออกงานสังคมบ่อย แรกๆ พี่ก็ไปด้วยบ้าง หลังๆ งานพี่มันมากเสียจนพี่ไม่เคยได้ไปกับแพรอีกเลย หลังๆ มา เราแทบไม่ได้คุยกัน จนสุดท้าย แพรเขาก็ทนพี่ไม่ได้ ขอหย่าพี่ เพราะเขาออยากมีสามีเป็นคน ไม่ใช่ซากไม้แบบพี่”

รุจตัดสินใจพูดให้แพรวาดูดีที่สุด เขายังขาดรายละเอียดที่แพรวาทำกับเขาไว้มากมาย เธอเที่ยวกลางคืน และอารมณ์ร้ายด่าทอต่อว่าเขาแรงๆเสมอยามโกรธ แต่เขาก็ไม่เคยต่อว่าหล่อนกลับเลยแม้แต่ครั้งเดียว เขารู้สึกผิดกับเธอ ที่เธอเป็นเช่นนี้ หาใช่ความผิดเธอไม่ เป็นเพราะเขาต่างหาก

เพราะเขาไม่ได้รักเธอ

สิ่งเดียวที่เธอต้องการจากเขา คือความรัก

“แล้ว คุณลุงว่ายังไงบ้างคะ ที่พี่ เอ้อ หย่ากับพี่แพร”

“พ่อไม่ว่าอะไรเลย ไม่พูดอะไรกับพี่เลยด้วยซ้ำ พ่อเห็นเหตุการณ์มาตลอด หลังจากหย่า พ่อตบบ่าพี่แล้วบอกพี่ว่าขอโทษ ที่ทำให้ชีวิตพี่แย่แบบนี้”

ประโยคสุดท้าย รุจเสียงสั่นไปเล็กน้อย

“พ่อบอกพี่อีกว่า ต่อไปนี้จะเลิกยุ่งกับชีวิตพี่ พี่อยากรักใคร อยากชอบใคร พ่อจะไม่ไปยุ่ง แต่พ่อจะสนับสนุนพี่ วันนั้นพี่เลยสารภาพกับพ่อว่าพี่รักหนู พ่อบอกพี่ว่า พ่อนึกอยู่แล้ว”

พูดจบ เขาก็ขำออกมาซะอย่างนั้น

“ว่าแต่ เรื่องของเราดีกว่านะคะ คุยเรื่องเก่าๆ ทำไมไม่รู้ เรย์จะยอมให้พี่ไปขอหรือเปล่า”

หญิงสาวรู้สึกสับสน กังวล อยากแต่งกับเขาไหมก็อยากแต่ง แต่ด้วยภาระหน้าที่ของการเป็นนักร้อง การแต่งงาน อาจทำให้สะดุดลง
แล้วหล่อนจะทำยังไงดี

เรย์ตัดสินใจชวนเขากลับบ้านพัก ณ เวลานี้ หล่อนไม่สามารถให้คำตอบเขาได้ เมื่อถึงบ้าน เธอก็ขยับตัวออกจากอ้อมแขนของเขา เพื่อกันสายตาล้อเลียนจากพวกในบ้าน ที่ตอนนี้ กำลังนั่งเล่นไพ่กันเอาจริงเอาจังหน้าดำคร่ำเครียด

“แคล นี่คุณซ่อนไพ่เปล่าเนี่ย ป๊อกมาติดกันสามตาแล้ว”

อยู่ๆ เวย์ก็โวยวายขึ้นมา ด้วยว่าเขาแพ้ไพ่ยัยฝรั่งผมดำตรงหน้าหลายตาแล้ว
ทั้งคู่ตั้งหน้าตั้งตาเถียงกันจนสุดท้าย เวย์เลิกไม่ยอมเล่นต่อ

“ไม่เล่นป๊อกก็เล่นโดมิโน่กันก็ได้ น่า จะได้นานๆ ไง กว่าจะรู้ผล”

แคลพยายามหลอกล่อให้เวย์เล่นกับเธอต่อ

“เอาน่าเวย์ เล่นเป็นเพื่อนสุภาพสตรีเขาหน่อยก็ไม่เสียหาย เดี๋ยวฉันจะเล่นต่อด้วยคน”

จูนกล่อมเพื่อนพลางหันมายิ้มให้แคลอย่างพยายามช่วย เขารู้ว่าเธอคงจะรู้สึกเหงา เพราะน้ำตาลก็เดินหายไปกับนัทธ์ เรย์ก็ออกไปชมทะเลยามดึกกับพี่รุจ ส่วนกะทิ อืม เมื่อกี้เขายังเห็นอยู่นี่นา หายไปไหนแล้ว ชายหนุ่มรู้สึกเอะใจ

เอ ไอ้มิ้นท์ก็แวบไป สงสัยไปทำคะแนน เพราะงั้นเราต้องยิ่งถ่วงเวลายัยแคลนี่ไม่ให้กลับห้อง

“เอา แจกเลยสิ ฉันจะชนะเธอสามตารวดให้ดู”

จูนแกล้งยั่ว เพราะรู้ว่า แคลเป็นประเภทยั่วขึ้น

กะทิเปิดประตูห้องน้ำออกมาพร้อมกับเอาผ้าขนหนูคลุมหัวเอาไว้ด้วยเพิ่งจะสระผมเสร็จ ทำให้คนที่กำลังรอเข้าห้องน้ำถึงกับผวาเยือก

“เหยอออ”

ชายหนุ่มอุทานลั่นอย่างตกใจ ไม่คิดว่าจะเจอกะทิในสภาพน่ากลัวแบบนี้
เมื่อเขาร้อง เธอก็ตกใจด้วยน่ะสิ

“ว๊ายยย”

ต่างคนต่างก็ตกใจกันและกัน กว่าจะเลิกตกใจก็หลายวินาที

“โอ๊ย มิ้นท์ นี่นายมายืนทำอะไรตรงนี้มืดๆ เราตกใจหมด”

“ผม มารอเข้าห้องน้ำครับ”

เธอเบี่ยงตัวให้เขาเข้าห้องน้ำไป แล้วเดินไปเปิดทีวีดูเรื่อยเปื่อย เธอยังไม่ง่วง แต่ก็ไม่ได้อยากเล่นไพ่แล้วแม้ตาจะสนใจภาพในจอข้างหน้า แต่ก็รู้สึกได้ว่า มีคนเดินมานั่งข้างๆ กะทิหันไปมองก็พบว่า มิ้นท์ออกมาจากห้องน้ำและนั่งอยู่ที่โซฟาถัดไป

“ดูหนังดีกว่าไหมครับ ผมอยากดูหนัง”

หญิงสาวหันมามองอย่างงๆ ก่อนจะเอ่ยปากตามใจเขา

“แล้วแต่นายสิ เราไม่ได้อยากดูทีวีอะไร”

ชายหนุ่มจึงเดินไปเลือกหนังจากกล่องซีดี เขาอมยิ้มกับซีดีเรื่องนึง ก่อนจะใส่เข้าไปในเครื่องเล่น และเดินกลับมานั่งที่โซฟาตัวเดิม กะทิหันไปสนใจกับเกมในมือ ด้วยไม่อยากจะรู้สึกว่า อยู่กับเขาสองต่อสอง เมื่อได้ยินเสียงหนัง หล่อนจึงเงยหน้ามาถามเขา

“หนังเรื่องอะไรน่ะ”

“รักไม่ต้องการเวลาครับ เนื้อหาเนี่ย ดีมาก พระเอกเขารักนางเอกมากๆเลยนะครับ แม้จะถูกคนอื่นว่าเอา เพราะนางเอกอายุมากกว่า ไม่เป็นที่ยอมรับครับ แต่คนที่ไม่ยอมรับคือ นางเอกแหละครับ เขากลัวที่จะต้องบอกใครว่า ชอบพระเอก”

กะทิเหมือนจะสำลักน้ำลายตัวเอง แหม เรื่องย่อนี่ฟังแล้วมันรู้สึกยังไงก็ไม่รู้แฮะ หล่อนสลัดเขาทิ้งในความคิด หันมาสนใจเกมในมือ

“เล่นอะไรอยู่หรือครับ”

เขาเข้ามาเงียบๆอีกแล้ว บ้าเอ๊ย ตกใจหมด กะทิผวาเยือกเมื่อเสียงเขาดังขึ้นรบกวนสมาธิการเล่นเกมของหล่อน

“เล่นไพ่มั้งเนี่ย ป๊อกละ”

หญิงสาวค้อนก่อนจะสัพยอกเขา ก็เห็นว่าเล่นเกมอยู่ยังจะถาม

“หนังไม่สนุกหรือไง ทำไมไม่ดู”

“ผมดูจบไปแล้ว”

“อ้าว ดูจบแล้วแล้วจะอยากดูอีกทำไม”

รู้สึกงงกับคำตอบของเขา

“ก็ผมประทับใจเรื่องนี้ เลยอยากดูซ้ำ”

“เออๆ ตามใจนาย เราจะเล่นเกม นายอยากดูอะไรก็ดู”

“ผม เล่นมั่งได้ไหม”

กะทิเงยหน้ามามองชายหนุ่มผู้อ่อนวัยกว่า ก่อนจะสบตาที่เมหือนมีประจุไฟฟ้าให้หล่อนรู้สึกร้อนวูบๆ และรู้สึกขนลุกขนชัน

“เอ้า อยากเล่นเอาไปเลย”

หญิงสาวแทบจะโยนเกมใส่มือเขา

“สอนผมหน่อยสิครับ ผมไม่เคยเล่นเกมแบบนี้ เคยเล่นแต่เกมกด”

“มันก็กดๆ เหมือนกันนั่นแหละ”

กะทิถอนหายใจ ก่อนจะเขยิบไปใกล้ แล้วสอนเขารู้จักเกมต่างๆในเครื่อง

“นี่เกมปลูกผัก ส่วนนี่ก็ยิงไข่ไดโนเสาร์ นี่ๆ เกมเลี้ยงหมา เราชอบมากเลย”

ในขณะที่เธอกำลังอธิบายเกมต่างๆ อย่าเพลิดเพลินโดยไม่ได้สังเกตเลยว่า เธอขยับเข้ามาชิดเขามากขนาดไหน มิ้นท์แอบมองกะทิอยู่แทบจะตลอดเวลา แก้มหล่อน อยู่ใกล้กับจมูกเขามากเกินไปแล้ว

ถ้าเขาก้มลงหอมแก้มหล่อน

เขาคงโดนถีบกระเด็นติดฝาบ้านแน่ๆ

มิ้นท์คิดอย่างขำๆ และนั่นทำให้เขาหวนกลับมาสนใจเกมตรงหน้าอีก อย่างน้อยๆ วิธีนี้ก็ทำให้เขาได้ใกล้ชิดกับเธอแหละนะ

ทั้งคู่เพลิดเพลินกับเกมในมือ จนไม่เห็นว่า แคลมายืนกอดอกมองภาพหญิงสาวและชายหนุ่มที่กำลังเพลินกับเกมโดยไม่สนใจทีวีอย่าพิจารณา

ทีมงานจากนิตยสาร love เริ่มงานกันตั้งแต่เช้า และเช้าวันนี้ ทุกคนรู้สึกได้ว่า นัทธ์เปลี่ยนไป เขาไม่มีทีท่าไม่พอใจ เหนื่อย หรือร้อนเลยแม้แต่ครั้งเดียว ยามว่างเล็กๆ เขาก็ยกกีต้าร์ขึ้นมาดีดร้องเพลง รอยยิ้มของเขา เรียกเสียงกรี๊ดกร๊าดให้กับสาวประเภทสองที่เป็นช่างแต่งหน้าได้อย่างดี การทำงานผ่านไปด้วยดี จนมาถึงชอตหวานๆ ที่ตากล้องตั้งใจเซท

“ซีนนี้ พี่ขอให้น้องนัทธ์หนุนตักน้องน้ำตาลได้ไหมคะ”

หน้าของน้ำตาล แดงก่ำ ไม่รู้ว่า เพราะแดดร้อน หรือเพราะอายกันแน่ หลังจากเมื่อคืน หญิงสาวรู้สึกเขินอายกับสายตาของเขาตลอดเวลา ยามเมื่อเขามองมา หล่อนก็พลางแต่จะหลบหน้า ไม่อยากสบตาด้วย

“พี่ว่าไม่น่ายากน๊า ก็หนูสองคนเป็นแฟนกันนี่นา”

คำพูดของตากล้อง ทำให้ทั้งสองระลึกได้ว่า ในสายตาคนอื่น หล่อนและเขาคือ คู่รักกัน

“ครับ ผมน่ะ ไม่ยาก แต่น้ำตาลสิครับ คงอาย”

นัทธ์ทำทีเป็นตอบตากล้อง ก่อนจะปรายตามองหญิงสาวข้างตัวด้วยแววตามีเลศนัย
เมื่อยามที่ศีรษะเขา ทาบลงบนตักนุ่มๆของเธอ นั่นทำให้หญิงสาวรู้สึกร้อนวูบวาบ

“น้องน้ำตาลคะ เขี่ยผมน้องนัทธ์หน่อยค่ะ มองน้องนัทธ์ด้วยสายตาแสดงความรักและเอ็นดูด้วยนะคะ ดีค่า ดี แบบนั้นแหละค่า น้องนัทธ์หลับตาพริ้มค่ะ หลับตาพริ้ม” ตากล้องร้องบอกเพื่อจัดท่าถ่าย

“คราวนี้พี่ขอให้กอดนะคะ หน้าผากชนกันค่ะ สวยค่ะ ดีค่ะ”

หญิงสาวหัวใจเต้นแรง อ้อมแขนเขารวยเอวเธอเขาไปชิด ก่อนที่ลมหายใจชายหนุ่มจะรดอยู่ที่ใบหน้าเธอ หน้าผากแนบหน้าผาก จมูกจรดจมูก สายตาเขา ทำให้หัวใจเธอเต้นแรง และวินาทีนั้น หล่อนรับรู้ได้ว่า

เขากำลังนอกบท

“โอเค เรียบร้อยค่า ยอดเยี่ยมมาก ขอบคุณที่ให้ความร่วมมืออย่างดีนะคะน้องนัทธ์ น้องน้ำตาล พี่ขอให้รักกันไปนานๆ แจกการ์ดเมื่อไหร่ ต้องบอกพี่เป็นเล่มแรกนะคะ อย่าบอกเล่มอื่นก่อนเชียวไม่งั้นเคืยงตาย” น้ำตาลยิ้มรับด้วยสีหน้าแหยๆ ผิดกับนัทธ์

“แน่นอนครับ แจการ์ดเมื่อไหร่ ผมจะเอาไปให้ถึงสนพ.”

คำตอบของเขา ทำเอาหญิงสาวหันควับไปมองหน้าเขาอย่างงงๆ เท่านั้นไม่พอ ขากลับ เขายังถือวิสาสะจับมือหล่อนเดินกลับบ้านพัก จะชักมือกลับ ก็เจอเขาท้วงเสียงเบา

“คนเขามองอยู่ คุณ เนียนหน่อย”

ว่าแล้วคนเนียนก็เดินจูงมือเธอแน่นขึ้น

“น้องนัทธ์ น้องน้ำตาล อย่าลืมงานเลี้ยงเย็นนี้นะคะ”

บรรณธิการสาวตะโกนบอกอีกครั้ง

เมื่อลับสายตาของทีมงานนิตยสาร น้ำตาลก็ปลดมือออกจากมือใหญ่ๆของขา โดยที่นัทธ์ไม่ได้รั้งเธอไว้ เขาเดินผิวปาก เอามือล้วงกระเป๋า แอบมองเธอยิ้มๆ

“กลัวผมขนาดนั้นเลยเหรอคุณ”

คำถามของเขา ทำเอาน้ำตาลตอบไม่ถูก

หล่อนกลัวอะไรกันแน่ กลัวเขา หรือกลัวใจตัวเอง

“ผมขอโทษที่จับมือคุณไม่ได้ตั้งตัวน่ะ ก็พอดีเห็นเขาจ้องกันอยู่ทั้งทีม ก็ต้องแสดงอะไรบ้าง ไม่ให้เขาสงสัย”

นิตยสารlove จัดงานเลี้ยงเล็กๆ เพื่อเป็นการฉลองที่การทำงานเสร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี และขอให้ทางนัทธ์ และน้ำตาลมาร่วมงานเลี้ยงด้วยกัน ซึ่งทีมงานจัดที่โรงแรมหรูของจังหวัด

น้ำตาลมองเดรสสีชมพูที่หล่อนติดมาจากกรุงเทพ ทาบมันกับตัว

ชุดนี้น่าจะเหมาะ

หลังจากแต่งตัวเสร็จ หญิงสาวเดินออกมาไม่พบใครพบเพียงแต่โน้ตที่ทิ้งไว้ว่า ไปทานข้าวกันข้างนอก เหมือนสมาชิกวงจะรู้ว่า วันนี้ เธอและนัทธ์ มีกินเลี้ยงที่โรงแรม ทำให้ตัดสินใจออกไปทานข้าวกันข้างนอก

นี่เหลือหล่อนกับเขาสองคนสิเนี่ย

ไม่นาน นัทธ์ก็เดินออกมาด้วยชุดกางเกงยีนส์สีดำ เสื้อเชิ้ตสีชมพูเดียวกับเดรสหล่อน และแจกเกตสีขาวสะอาด ทั้งคู่มองกันและกันด้วยความแปลกใจ

ยังกับนัดกันมาก็ไม่ปาน

“เชิญครับ คุณผู้หญิง”

นัทธ์เอามือไพล่หลัง และเอามืออีกข้าง ผายเชิญให้หล่อนเดินนำหน้า เมื่อเธอเดินนำไปแล้ว เขาก็มองด้วยแววตาชื่นชมในความงดงาม แต่เมื่อน้ำตาลหันมา เขาก็ปรับสีหน้าให้เป็นปกติ

“แหมคุณ นี่ถ้าคนอื่นไม่รู้ เขาก็คิดว่าเรานัดกันนะเนี่ย”

******************************************************

มาแล้วค่า

คุยกันหน่อยนะคะ ต่อไปอาทิตย์หน้าจะลงแค่อาทิตย์ละครั้งนะคะ (สต๊อกหมดนั่นเอง ฮา)

sai
ยังๆ ยังไม่จูบ ฮา

เลขาของบก.
คนถ้าลองจะใส่ใจอ่ะน๊า ชริ

พจน์
ขอให้สอบผ่านสมองปลอดโปร่งนะจ๊ะ

an00
ต้องคอยติดตามค่ะ การกระทำของตานี่ทำให้เกิดคู่รัก(จิกหมอน)คู่ใหม่ด้วยละ อิอิ

gozillar
นางเอกชิดซ้าย (หวานมาก)

พี่พลอย
เป็นคำตอบที่.....ผิด ก๊ากๆๆๆ วงอัศวินกรี๊ดๆ อิอิ



แสนดี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ส.ค. 2554, 22:41:12 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 12 ส.ค. 2554, 22:47:31 น.

จำนวนการเข้าชม : 1621





<< ตอนที่ 7   
เพียงพลอย 11 ส.ค. 2554, 23:37:53 น.
"ถ้าเขาก้มลงหอมแก้มหล่อน เขาคงโดนถีบกระเด็นติดฝาบ้านแน่ๆ" กร๊ากกกก แฟนคลับก็ว่างั้นล่ะค่า อิอิ ... ว่าแต่ตกลงนายมินท์เนี่ย จะจีบหรือไม่จีบล่ะเนี่ย แฟนคลับทำตัวไม่ถูก หุหุ


anOO 12 ส.ค. 2554, 13:35:59 น.
แล้วแคลล่ะ แต่คิดว่ามีคู่รอแคลอยู่เรียบร้อยแล้วล่ะ


bluelily 13 ส.ค. 2554, 19:59:21 น.
บอกอ --" แบบว่าช่วยนี้ไม่ค่อยว่าง

เดี๋ยวไปตามเก็บก่อนนะแล้วจะมาวิจารณ์อิอิ


bluelily 14 ส.ค. 2554, 00:20:48 น.
อ่านไปซัก ตอนสองตอน รู้สึกคุ้นๆหว่ะ
ยิ่งตอนที่ 5 นี่ยิ่งใช่เลยยยยยยยยยยย
พระเอกเป็นหัวหน้าวง ส่วนนางเอกน้องเล็กของวง คุ้นๆ เนอะ


ภานินี 1 ก.ย. 2554, 10:13:45 น.
หายเร็วๆ นะ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account