คาวใจไฟรักลวง
คาวใจไฟรักลวง
ประพันธ์โดย..กันต์ระพี
ลิขสิทธิ์งานเขียนนี้เป็นสนพ. Touch Publishing
พบกันครั้งแรก...เขาคิดว่าหล่อนเป็นสาวสายอ่อย ไร้ยางอาย!
แต่หล่อนกลับกลายมาเป็นคู่หมั้นแสนดีของน้องชายเขา
ฝันไปเถอะ! ยังไงเขาก็ไม่ยอมให้ผู้หญืงตีสองหน้าคนนี้มาร่วมสกุล!
(เปิดให้ทดลองอ่านเท่านั้น!!)
***เปิดให้ทดลองอ่านบางส่วนเท่านั้น!!***
ประพันธ์โดย..กันต์ระพี
ลิขสิทธิ์งานเขียนนี้เป็นสนพ. Touch Publishing
พบกันครั้งแรก...เขาคิดว่าหล่อนเป็นสาวสายอ่อย ไร้ยางอาย!
แต่หล่อนกลับกลายมาเป็นคู่หมั้นแสนดีของน้องชายเขา
ฝันไปเถอะ! ยังไงเขาก็ไม่ยอมให้ผู้หญืงตีสองหน้าคนนี้มาร่วมสกุล!
(เปิดให้ทดลองอ่านเท่านั้น!!)
***เปิดให้ทดลองอ่านบางส่วนเท่านั้น!!***
Tags: ผู้แต่งยังไม่ได้กำหนด tags ของนิยายเรื่องนี้
ตอน: ตัวอย่างเนื้อเรื่อง
พิมลเลือกร้านอาหารไทยริมน้ำเป็นสถานที่จัดเลี้ยงฉลองหมั้นให้กับบุตรชายและว่าที่ลูกสะใภ้คนเล็ก ท่ามกลางบรรยากาศสบายๆ มีสายลมเย็นพัดเอื่อยผสานกับเสียงดนตรีแผ่วเบาแว่วมาเป็นระยะ ทุกคนที่มาร่วมงานต่างก็ผ่อนคลายและพากันเจริญอาหาร
พิชญาเองก็เช่นกัน วันนี้หล่อนรับประทานอาหารที่ศิวาตักให้ได้มากกว่าปกติ ไม่เคอะเขิน แต่วางตัวตามสบายและร่วมวงสนทนากับญาติพี่น้องของเขา รวมทั้งแสดงอัชฌาสัยอันดีด้วยการโปรยยิ้มให้ทุกคน เว้นแต่นรุตม์ที่นั่งค่อนไปทางท้ายโต๊ะห่างจากหล่อนกับศิวา
“หนูไม่ได้บอกคุณพ่อคุณแม่ว่าจะหมั้นกับตาศิวาเหรอจ๊ะ” พิมลเปรยขึ้นระหว่างมื้ออาหาร นางคิดจะถามคำถามนี้หลายครั้ง แต่ก็ลืมไปเสียสนิท เพราะมัวแต่วุ่นวายกับพิธีการต่างๆ จนกระทั่งมานึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่เดินทางมาถึงจนพิธีหมั้นนั้นแล้วเสร็จ นางก็ยังไม่เห็นบิดามารดาของอีกฝ่าย
“คือ...คุณพ่อคุณแม่พีชประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเมื่อสองปีก่อนค่ะ”
“ตายจริง! แม่เสียใจด้วยนะ แม่ไม่น่าพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องก็ผ่านมานานมากแล้ว” พิชญายิ้มบาง แม้จะทำใจได้บ้างแล้ว แต่ทุกครั้งที่นึกถึงการสูญเสียในครั้งนั้นขึ้นมาคราใดก็อดเศร้าใจไม่ได้
“แล้วญาติพี่น้องคนอื่นๆ ละจ๊ะ หนูไม่ได้บอกใครเหรอ”
“พอดีว่าพวกญาติๆ อยู่ต่างจังหวัดน่ะค่ะ เราไม่ได้ติดต่อกันมานานมากแล้ว จะมีก็แต่พ่อบุญธรรมที่สนิทกันมากหน่อย แต่ท่านก็อายุมากและก็อยู่ต่างประเทศด้วย พีชก็เลยไม่อยากรบกวนน่ะค่ะ” พิชญาชี้แจงคร่าวๆ ไม่ได้แจกแจงรายละเอียดเกี่ยวกับที่มาที่ไปของรอยด์ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของบิดาจากการร่วมงานกันในต่างแดนมานานหลายปี ด้วยเห็นว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรนัก
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะจ้ะ แต่ยังไงก็ต้องบอกผู้ใหญ่ทางฝ่ายหนูให้รับรู้ ส่วนพ่อบุญธรรมของหนูจะมาหรือไม่มาร่วมงานก็อีกเรื่องหนึ่ง”
“ค่ะ แล้วพีชจะเรียนให้ท่านทราบ”
“ดีแล้วล่ะจ้ะ เราเป็นคนไทยจะทำอะไรก็ต้องให้ถูกต้องตามประเพณี” พิมลยิ้มอย่างมีเมตตา นึกถูกชะตาว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้นัก นั่นอาจเป็นเพราะพิชญาเป็นคนหัวอ่อนว่านอนสอนง่าย อีกทั้งยังเคยผ่านช่วงเวลาเลวร้ายที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไม่ต่างกัน เวลานี้จากที่นึกเอ็นดู พิมลก็ยิ่งสงสารและเห็นใจ จนอดที่จะเปรยขึ้นกับบุตรชายไม่ได้ “แล้วนี่เราพาหนูพีชไปหาฤกษ์หายามหรือยังตาศิวา ตกลงจะแต่งกันเมื่อไหร่?”
“คงอีกสักพักครับ พอดีช่วงนี้ผมกับพีชยังเคลียร์งานไม่เสร็จ อีกอย่าง...ผมเองก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร ก็แค่อยากหมั้นไว้ก่อน กลัวพีชเปลี่ยนใจ” ศิวาพูดไปพลางก็วางมือลงบนหลังมือนุ่มอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ
“ถ้ากลัวนักก็รีบแต่งสิ แม่จะพาไปหาท่านพระครูให้หาฤกษ์หายามให้เอาไหม”
“อย่าลำบากเลยครับ แค่ฤกษ์สะดวกก็พอ”
“จะดีเหรอลูก เราจะจัดงานมงคลทั้งที แม่ว่าไปให้ท่านพระครูผูกดวงดูหน่อยก็ดีนะ” พิมลติง แม้นางจะไม่ใช่คนหลงงมงายเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ แต่ก็เป็นหญิงสูงวัยที่ยังยึดติดกับขนบธรรมเนียมประเพณีที่สืบทอดกันมานาน และอยากให้ลูกหลานรักษาความดีงามนั้นไว้ ทว่า...
“เสียเวลาเปล่าๆ ครับ เพราะผมกับพีชตั้งใจว่าจะไปจดทะเบียนสมรสแล้วย้ายมาอยู่ด้วยกันเลย”
“อะไรนะ...!?!”
“เราจะไม่จัดงานแต่งงานครับ”
“ไม่ได้นะ! ยังไงก็ไม่ได้เด็ดขาด ถ้าบ้านเราอับจนก็ว่าไปอย่าง นี่อะไร...จะไม่ตบไม่แต่ง ทำอะไรไม่เห็นแก่หน้าแม่บ้างเลย”
“เอ่อ คือผม...” ศิวาหลุบสายตาลงต่ำ ไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร ครั้นจะบอกออกไปว่าพิชญาเป็นต้นคิดเรื่องนี้ก็ใช่ที่ เพราะเขาเองก็ไม่ได้คัดค้าน เมื่อหล่อนยืนกรานว่าจะไม่จัดงานวิวาห์ ด้วยเกรงว่าจะไม่ยอมหมั้นหมาย ทั้งที่ตัวเขาเองอยากจะประกาศให้ทุกคนรู้ว่าสละโสด
“ตาศิวานะตาศิวา ทำไมถึงได้คิดอะไรแผลงๆ อย่างนี้ นี่ถ้าใครรู้เข้า...เขาคงหาว่าลูกชายคุณนายพิมลไม่มีปัญญาแม้กระทั่งจะแต่งเมีย!”
“คุณแม่ขา คุณแม่อย่าตำหนิพี่ศิวาเลยค่ะ พีชผิดเองที่ไม่อยากจัดงานแต่งงาน” พิชญาเห็นพิมลตีโพยตีพายก็เกรงว่าเรื่องจะบานปลาย อีกทั้งยังไม่อยากให้ศิวาต้องลำบากใจมากกว่าที่เป็นอยู่ เวลานี้ความอึดอัดจึงตกอยู่ที่หล่อน เมื่อพิมลหันมองมาอย่างนึกฉงน
“เมื่อกี้หนูว่าอะไรนะ!?”
“คือพีชไม่อยากจัดงานใหญ่โตให้ยุ่งยากน่ะค่ะ ก็เลยบอกพี่ศิวาไปอย่างนั้น พีชต้องขอโทษจริงๆ ที่ไม่ได้คิดหน้าคิดหลังให้ดีเสียก่อน จนลืมนึกถึงผลกระทบที่จะตามมา”
“ถ้าหนูกลัวว่าจะยุ่งยากก็มาจัดที่ไร่ของเราก็ได้นี่จ๊ะ ที่รีสอร์ทของตารุตม์ก็รับจัดเลี้ยงเป็นประจำอยู่แล้ว หนูอยากจัดงานแบบไหนก็ปรึกษาเขาได้” พิมลพูดไปพลางก็หันมองนุรตม์เชิงฝากฝัง แต่เขายังไม่ทันรับคำมารดา พิชญาก็ชิงเอ่ยขึ้นเสียก่อน
“อย่าเลยค่ะ พีชเกรงใจ”
“จะเกรงใจทำไมกัน หนูเองก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลสักหน่อย ต่อไปก็ต้องเป็นคนในตระกูลพชรภาคิน ถ้าไม่จัดงานอะไรเลยนี่สิแปลก เดี๋ยวคนอื่นเขาจะหาว่าแม่รังเกียจลูกสะใภ้”
“นั่นสิพีช ที่แม่พี่พูดมาก็มีเหตุผลนะ พี่ว่าเราทำตามที่แม่บอกเถอะ อย่างน้อย...แม่พี่จะได้สบายใจด้วย” ศิวาเสริมขึ้นอีกแรง
“ก็ได้ค่ะ แล้วแต่คุณแม่กับพี่ศิวาจะเห็นสมควรก็แล้วกัน” พิชญายิ้มเจื่อน จำใจต้องรับคำอย่างเสียไม่ได้ แม้จะไม่ชอบสถานการณ์ถูกมัดมือชกอย่างนี้เลยก็ตาม...
ครั้นเวลาผ่านไป...หัวข้อสนทนาบนโต๊ะอาหารก็เปลี่ยนเป็นเรื่องธุรกิจภายในครอบครัว ทุกคนต่างหันไปให้ความสนใจนรุตม์ แม้ศิวาจะชวนพิชญาคุยบ้างเป็นครั้งคราว แต่หล่อนก็ยังนั่งหง่าวแอบหาวหวอด โดยหารู้ไม่ว่าอากัปกิริยาเผลอไผลนั้นตกอยู่ในสายตาของนรุตม์ ซึ่งเขาก็รอจังหวะให้หล่อนลุกจากโต๊ะแล้วเดินตามไปดักรอหน้าห้องน้ำ
“อย่านึกว่าผมไม่รู้ คุณเอาอาชีพนางแบบมาบังหน้า”
พิชญาหันขวับทีเดียว ครั้นเห็นเจ้าของคำพูดลอยๆ ยืนกอดอกอิงหลังกับผนังหน้าห้องน้ำในอิริยาบถสบายๆ ซ้ำยังทอดสายตามองมาแล้วยิ้มเหยียด หล่อนก็อยากจะถอนความคิดที่เคยชื่นชมเขาก่อนหน้านี้นั้นทิ้งเสีย เพราะเวลานี้ผู้ชายหล่อเหลาแลดูดีคนนี้กำลังกระตุกต่อมหงุดหงิดของหล่อนให้ทำงาน ด้วยท่าทางยียวนกวนประสาท
แม้พิชญาจะไม่พอใจ แต่ก็ตระหนักดีว่านรุตม์อยู่ในฐานะพี่ชายคู่หมั้น ซึ่งอีกไม่นานหล่อนก็ต้องก้าวเข้าไปเป็นคนในครอบครัวเดียวกับเขา ดังนั้นการตั้งป้อมวางตนเป็นอริจึงไม่ใช่เรื่องสมควร แต่ควรเก็บอารมณ์และอ่อนน้อมถ่อมตนให้ความเคารพยำเกรงเขา อย่างน้อย...การผูกมิตรก็ดีกว่าสร้างศัตรู ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้นรุตม์จะแสดงออกว่าต้องการประกาศสงครามกับหล่อนก็ตาม
“นี่คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไรคะ?”
“อย่ามาทำใสซื่อหน่อยเลย ผมไม่หลงกลคุณง่ายๆ หรอก” รอยยิ้มหยันบนริมฝีปากบอกให้รู้ว่าเขาไม่เชื่อคำพูดนั้นเลยสักนิด แต่ฝังใจและเชื่อในสิ่งที่เห็นมากกว่า
“คุณพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง...ฉันไม่เข้าใจ?”
“ไม่เอาน่า...เลิกเล่นละครตบตาเสียทีเถอะ ผมไม่มีรางวัลจะมอบให้หรอก”
“เอ๊ะ! คุณนี่ยังไงนะ พูดไม่รู้เรื่องหรือไง”
“คุณต่างหากที่พูดไม่รู้เรื่อง”
“แล้วฉันผิดเหรอที่ไม่เข้าใจ ฉันไม่รู้ว่าคุณพูดถึงเรื่องอะไรแล้วยังจะมาเซ้าซี้อยู่ได้ น่ารำคาญชะมัด!” พิชญาหงุดหงิดในอารมณ์ก็เดินหนี ไม่อยากเสวนากับคนพูดไม่รู้ฟัง แต่นรุตม์ก็ยังไม่วายส่งคำพูดไล่หลัง
“ที่เดินหนีเนี่ย...จะไม่ยอมรับความจริงใช่ไหม หรือต้องให้ผมประกาศต่อหน้าทุกคนว่าคู่หมั้นแสนดีของนายศิวา ที่แท้...ก็เป็นแค่สาวไซด์ไลน์!”
พิชญาชะงักปลายเท้ากึก นัยน์ตาวาวโรจน์ฉาบโทสะตวัดมองนรุตม์ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ หากเวลานี้ความโกรธเปรียบดั่งไฟเผาผลาญ เขาคงไม่ได้มายืนถากถางอย่างนี้เป็นแน่ แต่คงมอดไหม้เป็นจุณเพราะสายตาหล่อนไปแล้ว
“ตกใจเหรอที่ผมรู้ความลับ”
“ความลับบ้าบออะไร!”
“ก็เรื่องที่คุณมั่วผู้ชายในโรงแรมไง”
“นี่อย่ามากล่าวหากันนะ ถ้าคุณยังพูดจาไม่ให้เกียรติกันอย่างนี้ ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดกับคุณ!” พิชญาสะบัดหน้าพรืดแล้วออกเดินอีกครั้ง คราวนี้หล่อนโกรธเป็นจริงเป็นจัง แต่นรุตม์ก็ยังไม่วายเดินตามมาคว้าข้อมือไว้ จนหล่อนต้องกระชากกลับแล้วแหวออกมาเสียงเขียว
“อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ!”
“ทีอย่างนี้ทำมาหวงตัว แตะไม่ได้อย่างนั้นเหรอ ทั้งที่ผู้หญิงอย่างคุณมันก็แค่...” แม้นรุตม์จะละคำพูดไว้แค่นั้น แต่สายตาดูแคลนก็ยังฟาดฟันพิชญาไม่ยั้ง จนหล่อนแทบจะเต้นเร่าๆ
“แค่อะไร...พูดให้ดีๆ นะ ผู้หญิงอย่างฉันเป็นยังไง!”
“ก็สาวไซด์ไลน์จะมีอะไร๊ นอกจากจ้องจับผู้ชายไปวันๆ เพราะอยากได้ลูกค้าจนตัวสั่น”
“คุณนรุตม์!”
“อย่ามาตะเบ็งเสียงขู่ผม มันใช้ไม่ได้ผลหรอก เพราะผมไม่ใช่นายศิวา!”
“ฉันไปขู่อะไรคุณ ไม่เข้าใจจริงๆ คุณพูดจาเหลวไหลอย่างนี้ออกมาได้ยังไงกัน ทั้งที่ฉันไม่เคยทำอะไรอย่างที่คุณว่าเลยสักนิด”
“ไม่เคยอย่างนั้นเหรอ แล้ววันนั้นในโรงแรมคุณยิ้มให้ท่าผมทำไม อ่อยกันเห็นๆ ถ้าไม่ติดว่านัดไอ้ฝรั่งหัวงูนั่น คุณคงกระโจนใส่ผมตั้งแต่อยู่ในลิฟต์แล้วมั้ง”
พิชญาอ้าปากค้าง มองคนปากร้ายที่พ่นคำพูดออกมาอย่างไม่ไว้หน้าตา พลันนึกถึงเหตุการณ์ที่รอยด์มาเมืองไทย วันนั้น...หล่อนรีบร้อนไปพบพ่อบุญธรรม ทันทีที่ก้าวเข้าไปในโรงแรมแล้วเห็นประตูลิฟต์กำลังจะปิดก็รีบวิ่ง โชคดีที่คนข้างในมีน้ำใจช่วยกดลิฟต์รอ หล่อนเลยส่งยิ้มให้เป็นการตอบแทน
ผู้ชายที่มีน้ำใจคนนั้น คือเขาหรือนี่!?!
พิชญาครุ่นคิด ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้นรุตม์เข้าใจผิดหรือคิดเป็นอื่น หล่อนก็แค่อยากขอบคุณในความมีน้ำใจ ไม่คิดว่าเขาจะมองในแง่ลบ และหากปล่อยให้เรื่องนี้ค้างคาใจนรุตม์ก็คงไม่ดีแน่ เพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนกับศิวา
“นี่คุณคือ...”
“ทำไม...อึ้งจนพูดไม่ออกเลยเหรอที่ผมจำคุณได้”
“ไม่ใช่นะ! มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด” พิชญาปฏิเสธลิ้นรัวพลางส่ายหน้าลนลาน แต่นรุตม์ไม่รับฟัง
“แต่ผมเห็นเต็มสองตา คุณยังกล้าปฏิเสธอีกเหรอ!”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ใช่อย่างที่คุณคิด คุณกำลังเข้าใจผิด ที่จริงแล้วรอยด์เป็น...”
“เป็นลูกค้ารายที่เท่าไหร่ล่ะ หรือผ่านมานับไม่ถ้วนจนจำไม่ได้” นรุตม์ถากถางเสียงหยัน
แค่คำปรามาส...พิชญาก็โมโหเดือดดาลมากพอแล้ว แต่สายตาเขายังมองมาอย่างหยามเหยียด ราวกับเห็นเป็นปฏิกูลเน่าเหม็น วินาทีนั้นความอดทนของพิชญาก็สิ้นสุดลง พร้อมกับฝ่ามือนุ่มๆ ฟาดเปรี้ยงไปที่ใบหน้าหล่อเหลาแทนคำตอบ
“ทุเรศที่สุด! ฉันไม่รู้ว่าคุณไปเอาความคิดสกปรกพวกนี้มาจากไหนกัน แต่อย่าคิดว่าคนอื่นจะต่ำเหมือนคุณไปเสียหมด” พิชญาโกรธจนตัวสั่นเทิ้มทีเดียว อยากจะไปให้พ้นๆ จากตรงนี้ หล่อนก็ออกเดินโดยไม่คิดจะอธิบายอะไรอีก ทว่า...อารามรีบร้อนไม่ทันระวัง สองเท้าที่ก้าวฉับๆ เลยพันกัน
“ว้ายย...ย!” พิชญาอุทานอย่างเสียขวัญ แรกทีเดียวคิดว่าตัวเองคงหกล้มหน้าคะมำโชว์เปิ่นเป็นแน่ แต่โชคดีที่นรุตม์คว้าตัวไว้ทันแล้วรั้งเข้ามาไว้ในอ้อมแขน
แม้พิชญาจะโล่งใจ แต่ก้อนเนื้อในอกก็ยังเต้นตึกตัก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตกใจ หรือเกิดจากความใกล้ชิดที่สัมผัสได้ถึงไออุ่นจากสรีระแข็งแกร่งที่อยู่เบื้องหลัง แต่ที่แน่ๆ ความรู้สึกนั้นกำลังรบกวนจิตใจหล่อน จนลืมเลือนเรื่องที่โกรธเคืองไปหมดสิ้น หลงเหลือเพียงความกระดากอายกึ่งกระอักกระอ่วนใจ แน่ล่ะ...ก็เมื่อครู่หล่อนเพิ่งตบหน้านรุตม์ฉาดใหญ่ แต่เขาไม่ถือโกรธ ซ้ำยังมีน้ำใจให้ความช่วยเหลือ เวลานี้หล่อนเลยตะขิดตะขวงใจ ไม่รู้ว่าจะผลักไสหรือขอบคุณเขาดี...
อีกด้านหนึ่ง ศิวาเห็นพิชญาหายไปนานก็นึกเป็นห่วงขึ้นมา จนต้องลุกจากโต๊ะอาหารออกมาเดินตามหา ครั้นผ่านมาเห็นนรุตม์ยืนโอบกอดพิชญาก็โมโหหึงจนเลือดขึ้นหน้า ไม่ฟังอีร้าค่าอีรม ก็ปรี่เข้าไปกระชากคอเสื้อนรุตม์ พลางเงื้อหมัดอย่างไม่คิดจะนับถือกันแล้ว
“ไอ้บ้าเอ้ย...จะทำอะไรวะ!”
“อย่าค่ะพี่ศิวา!” พิชญาเห็นท่าไม่ดีก็รีบคว้าแขนศิวาไว้ แต่คนโมโหหึงจนเลือดขึ้นหน้ากลับระเบิดคำพูดออกมาอย่างหัวเสีย
“พีชจะห้ามพี่ทำไม ก็เห็นอยู่ว่ามันลวนลาม”
“ไม่ใช่นะคะ ไม่ใช่อย่างที่พี่ศิวาคิดหรอกค่ะ พอดีพีชสะดุดขาตัวเอง โชคดีที่คุณรุตม์ผ่านมาเห็นเข้าเลยช่วยไว้” พิชญาไม่ได้ปด แต่ไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด เพราะไม่อยากให้สองศรีพี่น้องต้องผิดใจกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ครั้นเห็นศิวามองมาเหมือนไม่เชื่อคำพูดนั้น หล่อนก็รีบแก้ไขสถานการณ์ ด้วยการถือโอกาสหันไปขอบคุณนรุตม์เสียงเบาแล้วดึงแขนศิวาพาเดินแยกมาอีกทาง
แม้ระหว่างทางศิวาจะไม่พูดอะไร แต่ความรู้สึกในก้นบึ้งจิตใจก็ยังสะท้อนออกมาทางใบหน้า จนพิชญาที่ลอบมองอยู่บ่อยครั้งต้องถอนหายใจออกมา ไม่อยากให้บรรยากาศตึงเครียดจนเกินไปนัก หล่อนก็ชะงักปลายเท้าแล้วกระเซ้าออกมาเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
“ยิ้มหน่อยสิคะพี่ศิวา ยิ้มเร็วๆ เข้า” พิชญาดึงสองแก้มของคนรักเชิงหยอกล้อ แต่นอกจากจะไม่ได้รับรอยยิ้ม เขายังตีหน้าขรึม จนหล่อนต้องลดมือลงยอมจำนนต่อความพ่ายแพ้ “พี่ศิวายังโกรธพีชอยู่เหรอคะ พีชก็บอกแล้วไงว่าไม่มีอะไร หรือว่าพี่ไม่เชื่อใจพีชแล้ว”
“ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่พี่ไม่ไว้ใจพี่รุตม์มากกว่า”
“เอ๋...?” คิ้วเรียวสวยของพิชญาขมวดมุ่นทีเดียว ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดนั้นหลุดจากปากคนรัก ทั้งที่นรุตม์เองก็เป็นพี่ชายแท้ๆ ของเขา จนอดสงสัยในความสัมพันธ์ของพี่น้องคู่นี้ไม่ได้
“ตอนนี้พี่คงพูดอะไรมากไม่ได้ เอาเป็นว่า...พีชอยู่ห่างๆ พี่รุตม์ไว้ก็พอ เขาไม่ใช่คนที่ผู้หญิงควรเข้าใกล้หรอก” ศิวาวางมือลงมาบนลาดไหล่พิชญาแล้วบีบเบาๆ โดยหารู้ไม่ว่าคำพูดกำกวมนั้นทำให้คำถามมากมายผุดขึ้นในใจหล่อน ใคร่รู้...อยากค้นหาคำตอบ แต่ยังไม่ทันเอ่ยปากสอบถาม เสียงโทรศัพท์มือถือของศิวาก็กรีดร้องขึ้นมาเสียก่อน
“พีชกลับไปรอพี่ที่โต๊ะก่อนนะ พี่ขอตัวสักครู่แล้วจะตามไป” ศิวาหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าแล้วเดินแยกไปอีกทาง ครั้นเดินห่างมาสักระยะและเห็นว่าปลอดคนก็กดรับสาย แต่อีกฝ่ายก็ไม่วายต่อว่าต่อขาน
“ทำไมรับโทรศัพท์ช้านักล่ะ”
“พอดีผมยุ่งๆ อยู่น่ะ คุณก็รู้นี่นาว่าวันนี้เป็นวันหมั้นของผมกับพีช”
“แล้วคุณโอเคไหม เป็นยังไงบ้าง...ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือเปล่า?”
“อืม...พอดีพี่ชายผมช่วยจัดการให้ แล้วก็ยังเจ้ากี้เจ้าการพาญาติมาร่วมงานด้วย” ศิวาบ่นกลายๆ
“ก็ดีแล้วนี่นา มีคนช่วยจัดการอะไรให้จะได้ไม่เหนื่อย”
“วุ่นวายไม่เข้าท่าล่ะสิไม่ว่า คุณไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่า!” ศิวายังหัวเสียจากเหตุการณ์เมื่อครู่เลยพาลพาโลไม่ชอบใจไปเสียหมด จนคนฟังยังจับความรู้สึกได้จากน้ำเสียง
“ทำไมต้องอารมณ์เสียด้วย”
“ผมก็แค่เหนื่อยนิดหน่อยน่ะ ถ้าคุณไม่มีธุระอะไรไว้ค่อยคุยกันทีหลังก็แล้วกัน” ศิวาปดคำโตกลบเกลื่อนอาการ พยายามตัดบท แต่อีกฝ่ายก็ท้วงขึ้นเสียก่อน
“เดี๋ยวสิ! ขอถามอะไรหน่อย”
“มีอะไรก็ว่ามา ผมมีเวลาไม่มากนัก”
“ก็แค่คำถามเดียว ทำไมต้องเป็นผู้หญิงคนนี้ด้วย”
ศิวาได้ยินคำถามผ่านเข้าหูก็หันมองพิชญาที่เดินลิ่วๆ กลับโต๊ะอาหาร แม้เวลานี้สายตาเขาจะสะท้อนความรักความปรารถนาที่มีต่อหล่อนอย่างเห็นได้ชัด แต่คำพูดที่หลุดจากปากกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
“แล้วไม่ดีหรือไง นางแบบทำงานไม่เป็นเวลา เธอจะได้ไม่สงสัยเรื่องของเรา”
****วางจำหน่ายแล้วค่ะ***
พิชญาเองก็เช่นกัน วันนี้หล่อนรับประทานอาหารที่ศิวาตักให้ได้มากกว่าปกติ ไม่เคอะเขิน แต่วางตัวตามสบายและร่วมวงสนทนากับญาติพี่น้องของเขา รวมทั้งแสดงอัชฌาสัยอันดีด้วยการโปรยยิ้มให้ทุกคน เว้นแต่นรุตม์ที่นั่งค่อนไปทางท้ายโต๊ะห่างจากหล่อนกับศิวา
“หนูไม่ได้บอกคุณพ่อคุณแม่ว่าจะหมั้นกับตาศิวาเหรอจ๊ะ” พิมลเปรยขึ้นระหว่างมื้ออาหาร นางคิดจะถามคำถามนี้หลายครั้ง แต่ก็ลืมไปเสียสนิท เพราะมัวแต่วุ่นวายกับพิธีการต่างๆ จนกระทั่งมานึกขึ้นได้ว่าตั้งแต่เดินทางมาถึงจนพิธีหมั้นนั้นแล้วเสร็จ นางก็ยังไม่เห็นบิดามารดาของอีกฝ่าย
“คือ...คุณพ่อคุณแม่พีชประสบอุบัติเหตุเสียชีวิตเมื่อสองปีก่อนค่ะ”
“ตายจริง! แม่เสียใจด้วยนะ แม่ไม่น่าพูดเรื่องนี้ขึ้นมาเลย”
“ไม่เป็นไรค่ะ เรื่องก็ผ่านมานานมากแล้ว” พิชญายิ้มบาง แม้จะทำใจได้บ้างแล้ว แต่ทุกครั้งที่นึกถึงการสูญเสียในครั้งนั้นขึ้นมาคราใดก็อดเศร้าใจไม่ได้
“แล้วญาติพี่น้องคนอื่นๆ ละจ๊ะ หนูไม่ได้บอกใครเหรอ”
“พอดีว่าพวกญาติๆ อยู่ต่างจังหวัดน่ะค่ะ เราไม่ได้ติดต่อกันมานานมากแล้ว จะมีก็แต่พ่อบุญธรรมที่สนิทกันมากหน่อย แต่ท่านก็อายุมากและก็อยู่ต่างประเทศด้วย พีชก็เลยไม่อยากรบกวนน่ะค่ะ” พิชญาชี้แจงคร่าวๆ ไม่ได้แจกแจงรายละเอียดเกี่ยวกับที่มาที่ไปของรอยด์ ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของบิดาจากการร่วมงานกันในต่างแดนมานานหลายปี ด้วยเห็นว่าไม่ใช่เรื่องสำคัญอะไรนัก
“ถึงอย่างนั้นก็เถอะจ้ะ แต่ยังไงก็ต้องบอกผู้ใหญ่ทางฝ่ายหนูให้รับรู้ ส่วนพ่อบุญธรรมของหนูจะมาหรือไม่มาร่วมงานก็อีกเรื่องหนึ่ง”
“ค่ะ แล้วพีชจะเรียนให้ท่านทราบ”
“ดีแล้วล่ะจ้ะ เราเป็นคนไทยจะทำอะไรก็ต้องให้ถูกต้องตามประเพณี” พิมลยิ้มอย่างมีเมตตา นึกถูกชะตาว่าที่ลูกสะใภ้คนนี้นัก นั่นอาจเป็นเพราะพิชญาเป็นคนหัวอ่อนว่านอนสอนง่าย อีกทั้งยังเคยผ่านช่วงเวลาเลวร้ายที่ต้องสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักไม่ต่างกัน เวลานี้จากที่นึกเอ็นดู พิมลก็ยิ่งสงสารและเห็นใจ จนอดที่จะเปรยขึ้นกับบุตรชายไม่ได้ “แล้วนี่เราพาหนูพีชไปหาฤกษ์หายามหรือยังตาศิวา ตกลงจะแต่งกันเมื่อไหร่?”
“คงอีกสักพักครับ พอดีช่วงนี้ผมกับพีชยังเคลียร์งานไม่เสร็จ อีกอย่าง...ผมเองก็ไม่ได้รีบร้อนอะไร ก็แค่อยากหมั้นไว้ก่อน กลัวพีชเปลี่ยนใจ” ศิวาพูดไปพลางก็วางมือลงบนหลังมือนุ่มอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ
“ถ้ากลัวนักก็รีบแต่งสิ แม่จะพาไปหาท่านพระครูให้หาฤกษ์หายามให้เอาไหม”
“อย่าลำบากเลยครับ แค่ฤกษ์สะดวกก็พอ”
“จะดีเหรอลูก เราจะจัดงานมงคลทั้งที แม่ว่าไปให้ท่านพระครูผูกดวงดูหน่อยก็ดีนะ” พิมลติง แม้นางจะไม่ใช่คนหลงงมงายเชื่อเรื่องไสยศาสตร์ แต่ก็เป็นหญิงสูงวัยที่ยังยึดติดกับขนบธรรมเนียมประเพณีที่สืบทอดกันมานาน และอยากให้ลูกหลานรักษาความดีงามนั้นไว้ ทว่า...
“เสียเวลาเปล่าๆ ครับ เพราะผมกับพีชตั้งใจว่าจะไปจดทะเบียนสมรสแล้วย้ายมาอยู่ด้วยกันเลย”
“อะไรนะ...!?!”
“เราจะไม่จัดงานแต่งงานครับ”
“ไม่ได้นะ! ยังไงก็ไม่ได้เด็ดขาด ถ้าบ้านเราอับจนก็ว่าไปอย่าง นี่อะไร...จะไม่ตบไม่แต่ง ทำอะไรไม่เห็นแก่หน้าแม่บ้างเลย”
“เอ่อ คือผม...” ศิวาหลุบสายตาลงต่ำ ไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร ครั้นจะบอกออกไปว่าพิชญาเป็นต้นคิดเรื่องนี้ก็ใช่ที่ เพราะเขาเองก็ไม่ได้คัดค้าน เมื่อหล่อนยืนกรานว่าจะไม่จัดงานวิวาห์ ด้วยเกรงว่าจะไม่ยอมหมั้นหมาย ทั้งที่ตัวเขาเองอยากจะประกาศให้ทุกคนรู้ว่าสละโสด
“ตาศิวานะตาศิวา ทำไมถึงได้คิดอะไรแผลงๆ อย่างนี้ นี่ถ้าใครรู้เข้า...เขาคงหาว่าลูกชายคุณนายพิมลไม่มีปัญญาแม้กระทั่งจะแต่งเมีย!”
“คุณแม่ขา คุณแม่อย่าตำหนิพี่ศิวาเลยค่ะ พีชผิดเองที่ไม่อยากจัดงานแต่งงาน” พิชญาเห็นพิมลตีโพยตีพายก็เกรงว่าเรื่องจะบานปลาย อีกทั้งยังไม่อยากให้ศิวาต้องลำบากใจมากกว่าที่เป็นอยู่ เวลานี้ความอึดอัดจึงตกอยู่ที่หล่อน เมื่อพิมลหันมองมาอย่างนึกฉงน
“เมื่อกี้หนูว่าอะไรนะ!?”
“คือพีชไม่อยากจัดงานใหญ่โตให้ยุ่งยากน่ะค่ะ ก็เลยบอกพี่ศิวาไปอย่างนั้น พีชต้องขอโทษจริงๆ ที่ไม่ได้คิดหน้าคิดหลังให้ดีเสียก่อน จนลืมนึกถึงผลกระทบที่จะตามมา”
“ถ้าหนูกลัวว่าจะยุ่งยากก็มาจัดที่ไร่ของเราก็ได้นี่จ๊ะ ที่รีสอร์ทของตารุตม์ก็รับจัดเลี้ยงเป็นประจำอยู่แล้ว หนูอยากจัดงานแบบไหนก็ปรึกษาเขาได้” พิมลพูดไปพลางก็หันมองนุรตม์เชิงฝากฝัง แต่เขายังไม่ทันรับคำมารดา พิชญาก็ชิงเอ่ยขึ้นเสียก่อน
“อย่าเลยค่ะ พีชเกรงใจ”
“จะเกรงใจทำไมกัน หนูเองก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลสักหน่อย ต่อไปก็ต้องเป็นคนในตระกูลพชรภาคิน ถ้าไม่จัดงานอะไรเลยนี่สิแปลก เดี๋ยวคนอื่นเขาจะหาว่าแม่รังเกียจลูกสะใภ้”
“นั่นสิพีช ที่แม่พี่พูดมาก็มีเหตุผลนะ พี่ว่าเราทำตามที่แม่บอกเถอะ อย่างน้อย...แม่พี่จะได้สบายใจด้วย” ศิวาเสริมขึ้นอีกแรง
“ก็ได้ค่ะ แล้วแต่คุณแม่กับพี่ศิวาจะเห็นสมควรก็แล้วกัน” พิชญายิ้มเจื่อน จำใจต้องรับคำอย่างเสียไม่ได้ แม้จะไม่ชอบสถานการณ์ถูกมัดมือชกอย่างนี้เลยก็ตาม...
ครั้นเวลาผ่านไป...หัวข้อสนทนาบนโต๊ะอาหารก็เปลี่ยนเป็นเรื่องธุรกิจภายในครอบครัว ทุกคนต่างหันไปให้ความสนใจนรุตม์ แม้ศิวาจะชวนพิชญาคุยบ้างเป็นครั้งคราว แต่หล่อนก็ยังนั่งหง่าวแอบหาวหวอด โดยหารู้ไม่ว่าอากัปกิริยาเผลอไผลนั้นตกอยู่ในสายตาของนรุตม์ ซึ่งเขาก็รอจังหวะให้หล่อนลุกจากโต๊ะแล้วเดินตามไปดักรอหน้าห้องน้ำ
“อย่านึกว่าผมไม่รู้ คุณเอาอาชีพนางแบบมาบังหน้า”
พิชญาหันขวับทีเดียว ครั้นเห็นเจ้าของคำพูดลอยๆ ยืนกอดอกอิงหลังกับผนังหน้าห้องน้ำในอิริยาบถสบายๆ ซ้ำยังทอดสายตามองมาแล้วยิ้มเหยียด หล่อนก็อยากจะถอนความคิดที่เคยชื่นชมเขาก่อนหน้านี้นั้นทิ้งเสีย เพราะเวลานี้ผู้ชายหล่อเหลาแลดูดีคนนี้กำลังกระตุกต่อมหงุดหงิดของหล่อนให้ทำงาน ด้วยท่าทางยียวนกวนประสาท
แม้พิชญาจะไม่พอใจ แต่ก็ตระหนักดีว่านรุตม์อยู่ในฐานะพี่ชายคู่หมั้น ซึ่งอีกไม่นานหล่อนก็ต้องก้าวเข้าไปเป็นคนในครอบครัวเดียวกับเขา ดังนั้นการตั้งป้อมวางตนเป็นอริจึงไม่ใช่เรื่องสมควร แต่ควรเก็บอารมณ์และอ่อนน้อมถ่อมตนให้ความเคารพยำเกรงเขา อย่างน้อย...การผูกมิตรก็ดีกว่าสร้างศัตรู ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้นรุตม์จะแสดงออกว่าต้องการประกาศสงครามกับหล่อนก็ตาม
“นี่คุณกำลังพูดถึงเรื่องอะไรคะ?”
“อย่ามาทำใสซื่อหน่อยเลย ผมไม่หลงกลคุณง่ายๆ หรอก” รอยยิ้มหยันบนริมฝีปากบอกให้รู้ว่าเขาไม่เชื่อคำพูดนั้นเลยสักนิด แต่ฝังใจและเชื่อในสิ่งที่เห็นมากกว่า
“คุณพูดอย่างนี้หมายความว่ายังไง...ฉันไม่เข้าใจ?”
“ไม่เอาน่า...เลิกเล่นละครตบตาเสียทีเถอะ ผมไม่มีรางวัลจะมอบให้หรอก”
“เอ๊ะ! คุณนี่ยังไงนะ พูดไม่รู้เรื่องหรือไง”
“คุณต่างหากที่พูดไม่รู้เรื่อง”
“แล้วฉันผิดเหรอที่ไม่เข้าใจ ฉันไม่รู้ว่าคุณพูดถึงเรื่องอะไรแล้วยังจะมาเซ้าซี้อยู่ได้ น่ารำคาญชะมัด!” พิชญาหงุดหงิดในอารมณ์ก็เดินหนี ไม่อยากเสวนากับคนพูดไม่รู้ฟัง แต่นรุตม์ก็ยังไม่วายส่งคำพูดไล่หลัง
“ที่เดินหนีเนี่ย...จะไม่ยอมรับความจริงใช่ไหม หรือต้องให้ผมประกาศต่อหน้าทุกคนว่าคู่หมั้นแสนดีของนายศิวา ที่แท้...ก็เป็นแค่สาวไซด์ไลน์!”
พิชญาชะงักปลายเท้ากึก นัยน์ตาวาวโรจน์ฉาบโทสะตวัดมองนรุตม์ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ หากเวลานี้ความโกรธเปรียบดั่งไฟเผาผลาญ เขาคงไม่ได้มายืนถากถางอย่างนี้เป็นแน่ แต่คงมอดไหม้เป็นจุณเพราะสายตาหล่อนไปแล้ว
“ตกใจเหรอที่ผมรู้ความลับ”
“ความลับบ้าบออะไร!”
“ก็เรื่องที่คุณมั่วผู้ชายในโรงแรมไง”
“นี่อย่ามากล่าวหากันนะ ถ้าคุณยังพูดจาไม่ให้เกียรติกันอย่างนี้ ฉันก็ไม่มีอะไรจะพูดกับคุณ!” พิชญาสะบัดหน้าพรืดแล้วออกเดินอีกครั้ง คราวนี้หล่อนโกรธเป็นจริงเป็นจัง แต่นรุตม์ก็ยังไม่วายเดินตามมาคว้าข้อมือไว้ จนหล่อนต้องกระชากกลับแล้วแหวออกมาเสียงเขียว
“อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ!”
“ทีอย่างนี้ทำมาหวงตัว แตะไม่ได้อย่างนั้นเหรอ ทั้งที่ผู้หญิงอย่างคุณมันก็แค่...” แม้นรุตม์จะละคำพูดไว้แค่นั้น แต่สายตาดูแคลนก็ยังฟาดฟันพิชญาไม่ยั้ง จนหล่อนแทบจะเต้นเร่าๆ
“แค่อะไร...พูดให้ดีๆ นะ ผู้หญิงอย่างฉันเป็นยังไง!”
“ก็สาวไซด์ไลน์จะมีอะไร๊ นอกจากจ้องจับผู้ชายไปวันๆ เพราะอยากได้ลูกค้าจนตัวสั่น”
“คุณนรุตม์!”
“อย่ามาตะเบ็งเสียงขู่ผม มันใช้ไม่ได้ผลหรอก เพราะผมไม่ใช่นายศิวา!”
“ฉันไปขู่อะไรคุณ ไม่เข้าใจจริงๆ คุณพูดจาเหลวไหลอย่างนี้ออกมาได้ยังไงกัน ทั้งที่ฉันไม่เคยทำอะไรอย่างที่คุณว่าเลยสักนิด”
“ไม่เคยอย่างนั้นเหรอ แล้ววันนั้นในโรงแรมคุณยิ้มให้ท่าผมทำไม อ่อยกันเห็นๆ ถ้าไม่ติดว่านัดไอ้ฝรั่งหัวงูนั่น คุณคงกระโจนใส่ผมตั้งแต่อยู่ในลิฟต์แล้วมั้ง”
พิชญาอ้าปากค้าง มองคนปากร้ายที่พ่นคำพูดออกมาอย่างไม่ไว้หน้าตา พลันนึกถึงเหตุการณ์ที่รอยด์มาเมืองไทย วันนั้น...หล่อนรีบร้อนไปพบพ่อบุญธรรม ทันทีที่ก้าวเข้าไปในโรงแรมแล้วเห็นประตูลิฟต์กำลังจะปิดก็รีบวิ่ง โชคดีที่คนข้างในมีน้ำใจช่วยกดลิฟต์รอ หล่อนเลยส่งยิ้มให้เป็นการตอบแทน
ผู้ชายที่มีน้ำใจคนนั้น คือเขาหรือนี่!?!
พิชญาครุ่นคิด ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้นรุตม์เข้าใจผิดหรือคิดเป็นอื่น หล่อนก็แค่อยากขอบคุณในความมีน้ำใจ ไม่คิดว่าเขาจะมองในแง่ลบ และหากปล่อยให้เรื่องนี้ค้างคาใจนรุตม์ก็คงไม่ดีแน่ เพราะอาจจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนกับศิวา
“นี่คุณคือ...”
“ทำไม...อึ้งจนพูดไม่ออกเลยเหรอที่ผมจำคุณได้”
“ไม่ใช่นะ! มันไม่ใช่อย่างที่คุณคิด” พิชญาปฏิเสธลิ้นรัวพลางส่ายหน้าลนลาน แต่นรุตม์ไม่รับฟัง
“แต่ผมเห็นเต็มสองตา คุณยังกล้าปฏิเสธอีกเหรอ!”
“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ใช่อย่างที่คุณคิด คุณกำลังเข้าใจผิด ที่จริงแล้วรอยด์เป็น...”
“เป็นลูกค้ารายที่เท่าไหร่ล่ะ หรือผ่านมานับไม่ถ้วนจนจำไม่ได้” นรุตม์ถากถางเสียงหยัน
แค่คำปรามาส...พิชญาก็โมโหเดือดดาลมากพอแล้ว แต่สายตาเขายังมองมาอย่างหยามเหยียด ราวกับเห็นเป็นปฏิกูลเน่าเหม็น วินาทีนั้นความอดทนของพิชญาก็สิ้นสุดลง พร้อมกับฝ่ามือนุ่มๆ ฟาดเปรี้ยงไปที่ใบหน้าหล่อเหลาแทนคำตอบ
“ทุเรศที่สุด! ฉันไม่รู้ว่าคุณไปเอาความคิดสกปรกพวกนี้มาจากไหนกัน แต่อย่าคิดว่าคนอื่นจะต่ำเหมือนคุณไปเสียหมด” พิชญาโกรธจนตัวสั่นเทิ้มทีเดียว อยากจะไปให้พ้นๆ จากตรงนี้ หล่อนก็ออกเดินโดยไม่คิดจะอธิบายอะไรอีก ทว่า...อารามรีบร้อนไม่ทันระวัง สองเท้าที่ก้าวฉับๆ เลยพันกัน
“ว้ายย...ย!” พิชญาอุทานอย่างเสียขวัญ แรกทีเดียวคิดว่าตัวเองคงหกล้มหน้าคะมำโชว์เปิ่นเป็นแน่ แต่โชคดีที่นรุตม์คว้าตัวไว้ทันแล้วรั้งเข้ามาไว้ในอ้อมแขน
แม้พิชญาจะโล่งใจ แต่ก้อนเนื้อในอกก็ยังเต้นตึกตัก ไม่รู้ว่าเป็นเพราะตกใจ หรือเกิดจากความใกล้ชิดที่สัมผัสได้ถึงไออุ่นจากสรีระแข็งแกร่งที่อยู่เบื้องหลัง แต่ที่แน่ๆ ความรู้สึกนั้นกำลังรบกวนจิตใจหล่อน จนลืมเลือนเรื่องที่โกรธเคืองไปหมดสิ้น หลงเหลือเพียงความกระดากอายกึ่งกระอักกระอ่วนใจ แน่ล่ะ...ก็เมื่อครู่หล่อนเพิ่งตบหน้านรุตม์ฉาดใหญ่ แต่เขาไม่ถือโกรธ ซ้ำยังมีน้ำใจให้ความช่วยเหลือ เวลานี้หล่อนเลยตะขิดตะขวงใจ ไม่รู้ว่าจะผลักไสหรือขอบคุณเขาดี...
อีกด้านหนึ่ง ศิวาเห็นพิชญาหายไปนานก็นึกเป็นห่วงขึ้นมา จนต้องลุกจากโต๊ะอาหารออกมาเดินตามหา ครั้นผ่านมาเห็นนรุตม์ยืนโอบกอดพิชญาก็โมโหหึงจนเลือดขึ้นหน้า ไม่ฟังอีร้าค่าอีรม ก็ปรี่เข้าไปกระชากคอเสื้อนรุตม์ พลางเงื้อหมัดอย่างไม่คิดจะนับถือกันแล้ว
“ไอ้บ้าเอ้ย...จะทำอะไรวะ!”
“อย่าค่ะพี่ศิวา!” พิชญาเห็นท่าไม่ดีก็รีบคว้าแขนศิวาไว้ แต่คนโมโหหึงจนเลือดขึ้นหน้ากลับระเบิดคำพูดออกมาอย่างหัวเสีย
“พีชจะห้ามพี่ทำไม ก็เห็นอยู่ว่ามันลวนลาม”
“ไม่ใช่นะคะ ไม่ใช่อย่างที่พี่ศิวาคิดหรอกค่ะ พอดีพีชสะดุดขาตัวเอง โชคดีที่คุณรุตม์ผ่านมาเห็นเข้าเลยช่วยไว้” พิชญาไม่ได้ปด แต่ไม่ได้พูดความจริงทั้งหมด เพราะไม่อยากให้สองศรีพี่น้องต้องผิดใจกันด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง ครั้นเห็นศิวามองมาเหมือนไม่เชื่อคำพูดนั้น หล่อนก็รีบแก้ไขสถานการณ์ ด้วยการถือโอกาสหันไปขอบคุณนรุตม์เสียงเบาแล้วดึงแขนศิวาพาเดินแยกมาอีกทาง
แม้ระหว่างทางศิวาจะไม่พูดอะไร แต่ความรู้สึกในก้นบึ้งจิตใจก็ยังสะท้อนออกมาทางใบหน้า จนพิชญาที่ลอบมองอยู่บ่อยครั้งต้องถอนหายใจออกมา ไม่อยากให้บรรยากาศตึงเครียดจนเกินไปนัก หล่อนก็ชะงักปลายเท้าแล้วกระเซ้าออกมาเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ
“ยิ้มหน่อยสิคะพี่ศิวา ยิ้มเร็วๆ เข้า” พิชญาดึงสองแก้มของคนรักเชิงหยอกล้อ แต่นอกจากจะไม่ได้รับรอยยิ้ม เขายังตีหน้าขรึม จนหล่อนต้องลดมือลงยอมจำนนต่อความพ่ายแพ้ “พี่ศิวายังโกรธพีชอยู่เหรอคะ พีชก็บอกแล้วไงว่าไม่มีอะไร หรือว่าพี่ไม่เชื่อใจพีชแล้ว”
“ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่พี่ไม่ไว้ใจพี่รุตม์มากกว่า”
“เอ๋...?” คิ้วเรียวสวยของพิชญาขมวดมุ่นทีเดียว ไม่คิดว่าจะได้ยินคำพูดนั้นหลุดจากปากคนรัก ทั้งที่นรุตม์เองก็เป็นพี่ชายแท้ๆ ของเขา จนอดสงสัยในความสัมพันธ์ของพี่น้องคู่นี้ไม่ได้
“ตอนนี้พี่คงพูดอะไรมากไม่ได้ เอาเป็นว่า...พีชอยู่ห่างๆ พี่รุตม์ไว้ก็พอ เขาไม่ใช่คนที่ผู้หญิงควรเข้าใกล้หรอก” ศิวาวางมือลงมาบนลาดไหล่พิชญาแล้วบีบเบาๆ โดยหารู้ไม่ว่าคำพูดกำกวมนั้นทำให้คำถามมากมายผุดขึ้นในใจหล่อน ใคร่รู้...อยากค้นหาคำตอบ แต่ยังไม่ทันเอ่ยปากสอบถาม เสียงโทรศัพท์มือถือของศิวาก็กรีดร้องขึ้นมาเสียก่อน
“พีชกลับไปรอพี่ที่โต๊ะก่อนนะ พี่ขอตัวสักครู่แล้วจะตามไป” ศิวาหยิบโทรศัพท์ออกจากกระเป๋าแล้วเดินแยกไปอีกทาง ครั้นเดินห่างมาสักระยะและเห็นว่าปลอดคนก็กดรับสาย แต่อีกฝ่ายก็ไม่วายต่อว่าต่อขาน
“ทำไมรับโทรศัพท์ช้านักล่ะ”
“พอดีผมยุ่งๆ อยู่น่ะ คุณก็รู้นี่นาว่าวันนี้เป็นวันหมั้นของผมกับพีช”
“แล้วคุณโอเคไหม เป็นยังไงบ้าง...ทุกอย่างเรียบร้อยดีหรือเปล่า?”
“อืม...พอดีพี่ชายผมช่วยจัดการให้ แล้วก็ยังเจ้ากี้เจ้าการพาญาติมาร่วมงานด้วย” ศิวาบ่นกลายๆ
“ก็ดีแล้วนี่นา มีคนช่วยจัดการอะไรให้จะได้ไม่เหนื่อย”
“วุ่นวายไม่เข้าท่าล่ะสิไม่ว่า คุณไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่า!” ศิวายังหัวเสียจากเหตุการณ์เมื่อครู่เลยพาลพาโลไม่ชอบใจไปเสียหมด จนคนฟังยังจับความรู้สึกได้จากน้ำเสียง
“ทำไมต้องอารมณ์เสียด้วย”
“ผมก็แค่เหนื่อยนิดหน่อยน่ะ ถ้าคุณไม่มีธุระอะไรไว้ค่อยคุยกันทีหลังก็แล้วกัน” ศิวาปดคำโตกลบเกลื่อนอาการ พยายามตัดบท แต่อีกฝ่ายก็ท้วงขึ้นเสียก่อน
“เดี๋ยวสิ! ขอถามอะไรหน่อย”
“มีอะไรก็ว่ามา ผมมีเวลาไม่มากนัก”
“ก็แค่คำถามเดียว ทำไมต้องเป็นผู้หญิงคนนี้ด้วย”
ศิวาได้ยินคำถามผ่านเข้าหูก็หันมองพิชญาที่เดินลิ่วๆ กลับโต๊ะอาหาร แม้เวลานี้สายตาเขาจะสะท้อนความรักความปรารถนาที่มีต่อหล่อนอย่างเห็นได้ชัด แต่คำพูดที่หลุดจากปากกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง
“แล้วไม่ดีหรือไง นางแบบทำงานไม่เป็นเวลา เธอจะได้ไม่สงสัยเรื่องของเรา”
****วางจำหน่ายแล้วค่ะ***
กันต์ระพี
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 มิ.ย. 2560, 14:19:53 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 30 ก.ย. 2560, 13:41:41 น.
จำนวนการเข้าชม : 943
<< ตัวอย่างเนื้อเรื่อง | ภาพปก ตีพิมพ์สนพ. Touch >> |