The D.O.L.L.S โศกนาฏกรรมปีศาจตุ๊กตามหาเวท SEASON 2
"นักขายความฝันผู้เลือดร้อน & นักโทษประหารผู้เริงร่า & หัวขโมยผู้เย็นชา"
ต่างถิ่น ต่างความคิด ต่างอาชีพ ต่างนิสัย ต่างจุดมุ่งหมาย ต่างเผ่าพันธุ์
กลับต้องมาอยู่ด้วยกันเพราะเหตุบางอย่าง... The D.O.L.L.S

ตุ๊กตาปีศาจมีลักษณะรูปร่างเหมือนมนุษย์ทุกประการ

ถ้าอย่างนั้น...จะรู้ได้อย่างไร?
...เป็นปีศาจ...หาใช่มนุษย์ไม่...

ระวังไว้ให้ดี...ทุกอย่างอาจเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา...

...ที่ใครบางคนสร้างขึ้นเท่านั้น...

สงครามระหว่างผู้มีพลังเวทกับมนุษย์ธรรมดา
ใครจะอยู่รอดเป็นผู้กำชัยชนะ!?


- ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านจากใจจริง -

แผนที่นครเซ็นทรัม http://i49.photobucket.com/albums/f290/thunchanoks/map122e1.jpg
Tags: ตุ๊กตา,ปีศาจ,คำสาป,เวทมนตร์,สงคราม,แฟนตาซี,ผู้ใช้เวท,มนุษย์,โศกนาฏกรรม,mystery

ตอน: Episode 35 : || ตัวโชคร้าย ||

SEASON II

STARTS!!​



EPISODE 35

ตัวโชคร้าย



เพล้ง!



เสียงอะไรบางอย่างตกแตกเรียกให้เด็กหนุ่มเงยหน้าขึ้นจากถ้วยน้ำชาในมือ ก้มมองเศษถ้วยน้ำชาอีกใบบนพื้นด้วยความรู้สึกงุนงงอยู่ชั่วครู่ อ๋อ เมื่อกี้เขาปัดมือไปโดนนี่เอง มันถึงได้ตกลงไปแตกกระจายบนพื้นแบบนั้น



“ซุ่มซ่ามจริงๆ” เสียงบ่นจากเด็กสาวเจ้าของนามเชย์ล่าซึ่งนั่งอยู่ด้านตรงข้าม นัยน์ตาสีม่วงอ่อนมองคนงกเงินตรงหน้าด้วยสายตาตำหนิ ทั้งๆ ที่เป็นคนทำถ้วยแตกเองแท้ๆ แต่เจ้าบ้านี่กลับเอาแต่นั่งจิบชาต่ออย่างสบายอารมณ์อยู่ได้



“รูรันมันไม่รำคาญคนขี้บ่นบ้างเหรอไงนะ” เด็กหนุ่มทำเสียงอุบอิบอย่างหงุดหงิด เขาทำอะไรนิดอะไรหน่อยก็โดนยัยขี้บ่นนี่ดุโน่นดุนี่อยู่ได้ ไม่ปล่อยให้หายใจกันมั่งเลย ไม่เข้าใจจริงๆ ว่ารูรันทนยัยเชย์ล่าเข้าไปได้ยังไง จริงๆ แล้วเด็กหนุ่มไม่ได้มีเจตนาจะเปิดศึกเลยสักนิด แต่ยัยขี้บ่นผู้แสนจะหูไวกลับทนไม่ไหว จ้องเขม็งตรงมาด้วยสายตาดุดันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ เสียงแข็งกร้าวตะโกนขึ้นอย่างเดือดดาล



“มิลอง!!”



++++++++++



“...มิลอง...มิลอง!”



เสียงคุ้นเคยกำลังตะโกนเรียกชื่อเขาอยู่ เด็กชายลอบอมยิ้มกับตัวเองขณะแอบหลบซ่อนตัวอยู่หลังพุ่มไม้ นอนราบไปกับพื้นพร้อมกับก้มหัวให้ต่ำที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพ่งสายตาไปยังร่างน้อยๆ ที่กำลังวิ่งวนไปมาด้วยสีหน้าร้อนใจ



ปีนี้เขาอายุครบหกขวบแล้ว แต่ก็ยังคงชอบเล่นซ่อนหาอยู่ ต่างจากคนเป็นพี่ที่อายุมากกว่าแค่ปีเดียว รายนั้นชอบทำตัวเป็นผู้ใหญ่ หาว่าเล่นซ่อนแอบเหมาะสำหรับพวกเด็กอมมือเท่านั้น แต่พอเขาเซ้าซี้มากเข้า มิเวลก็ชักจะเริ่มทนไม่ไหวจึงยอมเล่นด้วย และแล้วเขาก็พบว่าตัวเองสามารถหาอีกฝ่ายพบได้อย่างง่ายดาย เพราะคนชอบทำตัวแก่นั้นซ่อนแอบได้ห่วยแตกมาก ไม่ไปซ่อนที่หลังต้นไม้ก็หลบอยู่หลังก้อนหิน แถมยังปกปิดร่องรอยได้ห่วยสุดขีด



แต่ผ่านไปแค่ไม่กี่วันก็ชักอยากจะเล่นซ่อนแอบขึ้นมาอีก วันนี้มิเวลวิ่งหาเขาตั้งแต่เช้า เนื่องจากเด็กชายนึกสนุกจึงแอบหนีมาซ่อนตัว หลบอยู่นานเกือบชั่วโมงมิเวลก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะหาเขาเจอสักที คนชอบแกล้งหัวเราะเบาๆ อย่างขบขัน ตั้งใจจะกระโจนออกไปหลอกให้พี่สาวตกใจสักหน่อย



มิเวลเดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ แล้ว เด็กชายกลั้นหายใจเตรียมพร้อมเต็มที่ รอให้ร่างเล็กเดินเข้ามาใกล้กว่านี้อีกนิด



ตอนนี้แหละ!



“แฮ่!”



เด็กหญิงสะดุ้งโหยงด้วยความตกใจ แต่พอเห็นว่าเป็นใครก็ต้องลอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก แล้วหันไปส่งสายตาดุใส่อีกฝ่ายอย่างเคืองๆ



“ตกใจหมดเลย นี่เจ้าแกล้งข้าเหรอ”



เด็กชายยิ้มกว้างพร้อมกับกระโดดกอดพี่สาวแน่น คนถูกกอดมีสีหน้าตกใจในตอนแรก แต่แล้วใบหน้าบึ้งตึงก็ต้องคลายออกอย่างช่วยไม่ได้ให้กับเจ้าคนขี้อ้อน อารมณ์หงุดหงิดก่อนหน้านี้หายวับไปอย่างรวดเร็ว



“มิเวลมาเรียกข้าทำไมเหรอ” เสียงใสเอ่ยถามพร้อมกับเอียงคอมองผู้เป็นพี่อย่างน่ารัก ท่าทางน่าเอ็นดูของเขาทำให้มิเวลต้องลอบอมยิ้มน้อยๆ



“ท่านย่าให้มาตามเจ้าไปพบน่ะ”



พอได้ยินดังนั้น คนฟังกลับมีสีหน้าสลดลง สองมือที่กำลังกอดแน่นปล่อยเธอให้เป็นอิสระ พร้อมกับเบือนหน้าไปทางอื่นเหมือนต้องการจะหลบสายตา เห็นใบหน้าเศร้าๆ ของน้องชายแล้วมิเวลก็ชักจะรู้สึกเจ็บแปลบในอกอย่างบอกไม่ถูก ไม่อยากให้เขาทำหน้าแบบนี้เลย



“มิเวล พี่ว่าท่านย่าเกลียดข้าหรือเปล่าน่ะ” เด็กชายเปรยถามขึ้นเบาๆ โดยไม่หันกลับมามอง เสียงเศร้าๆ ของเขาทำให้คนถูกถามต้องกัดริมฝีปาก กลั้นความรู้สึกของตัวเองเอาไว้แล้วพยายามทำสีหน้าให้ร่าเริงเหมือนปกติ



“พูดอะไรน่ะมิลอง ท่านย่าจะเกลียดเจ้าทำไมกัน” เสียงหัวเราะแห้งๆ ดังอยู่พักหนึ่งก่อนจะเงียบหายไป นัยน์ตาสีเพลิงมองแผ่นหลังสั่นไหวน้อยๆ ของคนตรงหน้าด้วยสายตาเจ็บปวด ถึงจะพยายามปลอบอีกฝ่ายสักแค่ไหน แต่เธอก็ปฏิเสธเด็ดขาดไม่ได้จริงๆ ว่าไม่ได้คิดสงสัยเช่นนั้น เพราะเธอเองก็ไม่เข้าใจทั้งความคิดความรู้สึกและการกระทำของท่านย่าทวดเลยสักนิด



มิลองยืนกำหมัดแน่น พยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา ช่วงนี้เขาชักจะขี้แยมากเกินไปแล้ว ยังไม่ทันไรน้ำตามันก็พาลจะไหลออกมาเสียให้ได้ เขาเห็นมิเวลจ้องมองมาด้วยสายตาเป็นกังวลอยู่หลายครั้ง นึกสมเพชตัวเองที่อ่อนแอเหลือเกิน แล้วแบบนี้เขาจะไปปกป้องพี่สาวได้อย่างไรกัน เด็กชายสะบัดหน้าน้อยๆ เพื่อไล่ความรู้สึกเศร้าหมองให้ออกไป พร้อมกับขยับยิ้มแย้มเหมือนปกติ แต่ถึงอย่างนั้นผู้เฝ้ามองก็ยังคงสามารถสัมผัสความโศกเศร้าในจิตใจของคนเป็นน้องได้อยู่ดี



เพราะพลังมหาศาลและสายเลือดที่สืบทอดต่อกันมา ทำให้ท่านย่าเมอีมห์ของพวกเธอได้ดำรงตำแหน่งเป็นถึงท่านเจ้าแห่งเผ่ามายา ใบหน้าเคร่งขรึมของท่านย่ามักจะคงไว้ด้วยความน่าเกรงขามอยู่เสมอ จึงไม่แปลกเลยที่พวกเด็กๆ จะรู้สึกกลัว ไม่กล้าเข้าใกล้ แต่ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้น ท่านย่าก็ยังคงมีรอยยิ้มให้เห็นประปรายอยู่บ้าง และไม่เคยมีสักครั้งเดียวที่จะมองเด็กคนอื่นๆ ด้วยสายตาเกลียดชัง เหมือนยามที่มองหลานชายของตนเอง



ในเวลาต่อมา ไม่ช้าเหล่าเด็กๆ ในเผ่ามายาทั้งหลายต่างก็พากันซึมซับสายตารังเกียจของท่านเจ้าเผ่า ใช้สายตาแบบเดียวกันจ้องมอง ‘ตัวประหลาด’ พร้อมกับแสดงทีท่าขยะแขยงเด็กชายอย่างไม่ปิดบัง



ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนที่โรงเรียน หรือเด็กแถวบ้าน ต่างก็มองเขาเป็นตัวประหลาดกันไปหมด ความรู้สึกตอนที่ถูกมองด้วยสายตาแบบนั้นมันช่างเจ็บปวดและเย็นยะเยือกเหลือเกิน จนต้องวิ่งไปหลบซ่อนตัวเพื่อหนีจากสายตาเหล่านั้น มิลองคิดว่าถ้ามิเวลเป็นเขา ป่านนี้เด็กพวกนั้นคงจะถูกดาบของพี่สาวฟันขาดเป็นท่อนๆ หรือไม่ก็ถูกเวทไฟเผาราบเป็นหน้ากองแล้วแน่ๆ มันน่าเจ็บใจจริงๆ ที่เขาไม่ใช่มิเวล เขาไม่ได้เข้มแข็งเหมือนพี่ แถมยังใช้ดาบไม่เป็น และก็ไม่ใช่พวกเวทธาตุหลักที่ถนัดการโจมตี เขามันเป็นคนอ่อนแอที่ขี้แยและทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง



หลังจากกลับถึงบ้านแล้วมิลองก็จะรีบวิ่งไปหลบซ่อนตัวไม่ให้ท่านย่าเห็นทุกครั้ง มิเวลเคยพยายามหาทางให้ทั้งสองคนพูดคุยกันอยู่หลายหน แต่ท่านย่าของเธอก็ไม่เคยปริปากพูดกับมิลองเลยสักครั้งเดียว แล้วในสองสามปีมานี้ ท่านย่าเมอีมห์ก็แทบจะไม่ได้มองหน้าเขาด้วยซ้ำ ทำให้เธอรู้สึกเสียใจและโกรธผู้เป็นย่าจนจะทนอยู่นิ่งๆ อีกต่อไปไม่ไหวแล้ว เธอเคยถามบุพการีทั้งสองท่านถึงสาเหตุที่ทำให้ท่านย่าทำเย็นชาใส่มิลอง แต่คำตอบที่ได้รับกลับเป็นเพียงคำบอกปัดว่าเธอยังเด็กเกินไป



ทำไม? เพราะอะไรกัน? ท่านย่าโกรธเกลียดอะไรมิลองงั้นหรือ น้องชายของเธอทำอะไรผิดถึงต้องมารับโทษอันแสนโหดร้ายนี้ เธอเจ็บที่เห็นน้องของตัวเองเจ็บ แต่ถึงอย่างนั้น เธอก็มั่นใจว่ามิลองคงเจ็บมากกว่าเธอเป็นร้อยๆ เท่าแน่



เวลาดำเนินผ่านไปเรื่อยๆ อย่างรวดเร็ว แต่คำถามค้างคาทั้งหลายนั้นก็ยังคงไม่ได้รับการอธิบายให้หายข้องใจ ความสงสัยและความไม่เข้าใจกำลังฆ่าพวกเธอทั้งเป็น



และแล้ววันนั้นก็มาถึง...



++++++++++



วันนี้เป็นเหมือนวันธรรมดาทั่วไปที่ไม่มีอะไรพิเศษ มิเวลตื่นแต่เช้าเพื่อไปโรงเรียน มิลองเลิกไปโรงเรียนตั้งแต่ปีที่แล้วเพราะถูกเพื่อนๆ รังแก ดังนั้นท่านแม่จึงเป็นคนสอนเขาที่บ้านตอนช่วงเช้าแทน พอถึงบ่ายเธอก็จะกลับบ้านมาเล่นกับเขาจนถึงเย็น ทุกอย่างควรจะเป็นไปตามนี้ แต่ทว่า...



“นี่เพื่อนของข้าล่ะ เขาชื่อลูเวียด” น้ำเสียงตื่นเต้นเอ่ยแนะนำบุคคลข้างกายพร้อมด้วยรอยยิ้มสดใส รอยยิ้มจากใจจริงที่เธอไม่เคยเห็นมานานมากแล้ว



หลังจากมิเวลกลับมาจากโรงเรียน เธอก็รีบวิ่งไปที่ห้องของมิลองเพื่อเล่นกับเขาเหมือนทุกๆ วัน แต่วันนี้ภายในห้องสี่เหลี่ยมนั้นกลับมีใครอีกคนกำลังนั่งแกว่งเท้าเล่นอยู่บนเตียงนอน นัยน์ตาสีดำสนิทสีเดียวกันกับเส้นผมของเจ้าตัวหันขวับมามอง แวบแรกที่เธอเห็นเด็กคนนี้ ความรู้สึกกดดันก็ทำให้ร่างกายแข็งชาไปทั้งตัว ใบหน้าหมองๆ ดูลึกลับของเขาประดับด้วยรอยยิ้มน้อยๆ หากแต่ให้ความรู้สึกแห้งแล้งอย่างบอกไม่ถูก ผิดกับอีกคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตรงข้ามกัน นัยน์ตาสีแสดมีประกายชีวิตชีวามองเธอด้วยรอยยิ้มร่าเริง



“...ลูเวียด...เหรอ” มิเวลทวนชื่อของอีกฝ่าย เดินเข้าไปในห้องอย่างระแวดระวังเล็กน้อยพร้อมกับวางกระเป๋าลงบนเตียงใกล้ๆ เขา



พอมองใกล้ๆ แล้วเธอก็ยิ่งรู้สึกแปลกๆ กับเจ้าของนาม ‘ลูเวียด’ นี่มากขึ้นไปอีก เหมือนเธออยากจะวิ่งหนีเขาอย่างนั้นแหละ แต่มิเวลก็ต้องขมวดคิ้วอย่างงุนงงว่าเธอจะวิ่งหนีเด็กอายุไล่เลี่ยกันคนนี้ไปทำไม แถมมิลองยังบอกแล้วด้วยว่าลูเวียดเป็นเพื่อนของเขา



“เจ้าชื่อมิเวลใช่มั้ย มิลองเล่าเรื่องเจ้าให้ข้าฟังเยอะแยะเลย” เสียงเรียบกล่าวพร้อมกับยิ้มให้อย่างเป็นมิตร มิเวลพยักหน้าน้อยๆ ลอบมองคนพูดอย่างสงสัย ทั้งๆ ที่เด็กอายุใกล้ๆ กับกับเธอก็มีอยู่แค่ไม่กี่คนเท่านั้น และพวกเขาทุกคนก็ต้องเคยมาหาท่านแม่ของเธอเพื่อรักษาแผลเล็กๆ น้อยๆ จากการเล่นซนไปทั่ว แต่เธอกลับไม่เคยเห็นลูเวียดมาก่อนเลย



“บ้านของเจ้าอยู่ที่ไหนเหรอ” เด็กสาวลองเลียบๆ เคียงๆ ถามดู



“บ้านของลูเวียดอยู่ไกลมากเลยล่ะ” เสียงใสตอบแทน พร้อมกับหันไปส่งยิ้มกว้างให้กับเพื่อนใหม่ ซึ่งหันมายิ้มให้กับเขาด้วยเช่นกัน มิเวลมองทั้งสองคนสลับกันไปมาด้วยความรู้สึกแปลกๆ บรรยากาศอึดอัดรอบๆ ตัวทำให้เธอรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก



เด็กหญิงหันกลับไปมองน้องชายของตัวเองอีกครั้ง พยายามไม่สนใจความรู้สึก ‘กลัว’ ที่กำลังก่อตัวขึ้นภายในจิตใจ ยิ้มแย้มแจ่มใสพร้อมกับทำเสียงร่าเริงเหมือนปกติ



“...มิลอง เราไปเล่นข้างนอกกันดีกว่า” คำชักชวนด้วยน้ำเสียงสดใสเหมือนทุกครั้ง แต่แล้วร้อยยิ้มบนใบหน้าก็ต้องจางหาย เมื่อได้รับคำตอบเป็นอาการส่ายหน้าน้อยๆ จากคนถูกชวน



“วันนี้ข้าไม่เล่นกับพี่หรอก ข้าจะเล่นกับลูเวียด” คำตอบที่ทำให้มิเวลรู้สึกเย็นวาบ มองเขาลุกจากเก้าอี้ไปดึงแขนเพื่อนใหม่ แล้ววิ่งออกจากห้องไปด้วยกัน



นี่มัน...เกิดอะไรขึ้น...? เกิดคำถามขึ้นภายในใจหลังจากทั้งสองคนออกไปจากห้องแล้ว เธอยังไม่รู้เลยว่าเจ้าลูเวียดนี่เป็นใคร มันน่าแปลกที่เขาเข้ามาพูดคุยเป็นมิตรด้วย ในขณะที่เด็กคนอื่นๆ ในเผ่ามายานั้นไม่มีใครอยากเข้ามายุ่งกับมิลองเลยสักคน แล้วยังความรู้สึกน่าหวาดหวั่นที่เธอสัมผัสได้จากบรรยากาศรอบๆ ตัวของลูเวียดอีก เขาเป็นใครกันแน่ มีจุดประสงค์อะไรถึงเข้ามาตีสนิทกับมิลอง อะไรบางอย่างในตัวเจ้าของนามลูเวียดนั่นทำให้เธอรู้สึกไม่ไว้ใจ



หลายวันต่อจากนั้น มิเวลก็ยังคงรีบกลับบ้านมาเพื่อมาเล่นกับมิลอง แต่เด็กชายกลับไม่สนใจเธอเลยสักนิด เขาเอาแต่อยู่กับกับลูเวียดตลอดวัน เป็นแบบนี้อยู่วันแล้ววันเล่าจนเวลาผ่านไปเป็นอาทิตย์ มิเวลไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าลางสังหรณ์ของตัวเองจะถูกต้อง และกว่าเธอจะรู้ตัว มันก็ได้สายไปเสียแล้ว



ร่างเล็กของเด็กชายสองคนกำลังนั่งห้อยขาแกว่งไปมาอยู่บนต้นไม้ริมลำธาร นัยน์ตาสีแสดมองตรงไปยังกลุ่มเด็กผู้ชายสี่คนเบื้องล่างที่กำลังเดินผ่านมาทางนี้พอดี ทั้งสี่คนคือพวกเด็กที่ชอบแกล้งเขาอยู่เรื่อยๆ เด็กชายกำหมัดแน่นด้วยอารมณ์โกรธ จินตนาการเห็นตัวเองกระโดดลงไปชกหน้าสี่คนนั้นจนพากันร้องไห้น่าสังเวช เขายืนหัวเราะด้วยความสะใจ ตะโกนไล่พวกมันให้ออกไปจากที่นี่



“...เด็กร้ายกาจพวกนั้น ถ้าอยู่คนเดียวก็ทำอะไรไม่ได้หรอก” เสียงเปรยขึ้นเบาๆ เรียกสติของมิลองให้กลับคืนมา หันไปมองคนพูดซึ่งกำลังจ้องเขม็งมาทางเขา ใบหน้าหมองปรากฏรอยยิ้มน้อยๆ ให้เห็นเหมือนทุกที



“ข้า...”



“เจ้าคงสงสัยสินะ ว่าทำไมเด็กพวกนั้น...” คนตรงหน้าค่อยๆ ขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีก กิ่งไม้แข็งสั่นไหวเล็กน้อยเนื่องจากการขยับเคลื่อนที่ของลูเวียด มิลองกลืนน้ำลายลงคอขณะจ้องนัยน์ตาสีดำสนิทตรงหน้า “...ถึงต้องเกลียดเจ้าด้วย”



คำพูดแทงใจดำทำให้ลมหายใจของเด็กชายติดขัด รู้สึกเย็นวาบไปทั่วร่างจนทำให้ขยับไปไหนไม่ได้ ริมฝีปากแห้งผากพูดอะไรไม่ออก



“แล้วเพราะอะไรกันนะ... ท่านย่าของเจ้าถึงต้องรังเกียจเจ้า...” เสียงกระซิบข้างหูราวกับมีมนตร์สะกด พร้อมด้วยรอยแสยะยิ้มเย็น



“มะ...ไม่จริง ท่านย่าไม่ได้รังเกียจข้า” มิลองแย้ง น้ำเสียงไม่มั่นใจบ่งบอกได้ชัดว่าเขาเองก็รู้สึกเคลือบแคลงใจเช่นกัน นัยน์ตาสั่นไหวเหมือนใกล้จะร้องไห้เต็มที



“ไม่หรอกมิลอง เจ้าเองก็รู้ดีแก่ใจไม่ใช่หรือว่าท่านย่าเกลียดเจ้า” เสียงกระซิบยังคงพูดต่อ แย้มยิ้มด้วยความพอใจกับปฏิกิริยาของอีกฝ่าย “...และเพราะอะไรกันนะท่านย่าถึงไม่เกลียดมิเวล เจ้ารู้สึกน้อยใจใช่มั้ยล่ะ เจ้าอิจฉามิเวลที่ทุกคนรักและชื่นชอบ แท้จริงแล้วเจ้ารู้สึกชิงชังมิเวลที่เป็นคนแย่งชิงทุกสิ่งทุกอย่างของเจ้าไป”



“ไม่ใช่!” เด็กชายตะโกนลั่นพร้อมกับยกมือสองข้างปิดหูแน่น ร่างกายสั่นเทาจากความรู้สึกสับสน ในใจคิดปฏิเสธสิ่งที่ลูเวียดพูดมาทั้งหมด ไม่จริง มันไม่ใช่ความจริง!



“เจ้าหลอกตัวเองไม่ได้หรอก” รอยยิ้มเหมือนรู้ทันพร้อมด้วยประกายกร้าวฉายวูบในดวงตาสีดำสนิทคู่นั้น “ความจริงแล้วมิเวลเองก็รู้สึกเกลียดเจ้าเหมือนกันนั่นแหละ ถ้าไม่มีเจ้าสักคน มิเวลก็ไม่ต้องรีบกลับบ้านทุกวันแบบนี้ ไม่ต้องทนลำบากคอยปกป้องเจ้า ถ้าไม่มีเจ้าอยู่บนโลกนี้ ทั้งท่านแม่และท่านพ่อ รวมทั้งพี่สาวของเจ้าก็จะไม่ต้องทนทุกข์ทรมานเพราะสายตาเย็นชาของคนอื่นๆ เข้าใจหรือยังล่ะว่าเจ้ามันเป็นตัวโชคร้าย”



“...ไม่...จริง...” หยดน้ำใสๆ ไหลรินอาบใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวด กัดริมฝีปากแน่นจนได้รสเลือด ภาพรอยยิ้มร่าเริงของพี่สาวแสนดีในจิตใจพังทลายลงกลายเป็นเพียงเศษเสี้ยว ถึงเขาจะพยายามคิดปฏิเสธความเป็นจริงสักแค่ไหน แต่มันก็เป็นเพียงความหวังลมๆ แล้งๆ ที่ไม่มีวันเป็นจริง



“แล้วใครที่ไหนเขาจะมาสนใจตัวโชคร้ายอย่างเจ้ากัน สิ่งที่มิเวลแสดงออกให้เห็นนั้นมันก็เป็นเพียงแค่การแสดงจอมปลอมเท่านั้น และเจ้าเองก็หลอกลวงความรู้สึกของตัวเองด้วยเหมือนกัน...” เสียงกระซิบของลูเวียดดังขึ้นอีกครั้ง ชักจูงจิตใจของเด็กชายให้คล้อยตามได้อย่างสมบูรณ์ รอยยิ้มเจ้าเล่ห์แสยะกว้างขึ้นอีกด้วยความพึงพอใจ “...จริงๆ แล้วเจ้าเกลียดพวกมันใช่มั้ย เกลียดพวกมันทุกคนที่ทิ้งให้เจ้าอยู่คนเดียว เกลียดมิเวลที่แย่งทุกสิ่งไป เกลียดพ่อแม่ที่ไม่เคยสนใจไยดีเจ้าเลยสักนิด เกลียดทุกๆ คนที่ทำให้เจ้าต้องเจ็บปวด”



คำพูดของลูเวียดดังกึกก้องอยู่ในหัว ค่อยๆ ฝังลึกเข้าไปในใจทีละนิด และแล้วนัยน์ตาสีส้มก็เริ่มอ่อนแสงลงจนไร้ความมีชีวิตชีวาไปในที่สุด จิตใจของเขากำลังดำดิ่งลงสู่ความมืดมิด สิ่งที่ลูเวียดพูดมานั้นถูกต้องทั้งหมด สายตาเจ็บปวดเปลี่ยนเป็นเย็นชาโดยฉับพลัน



“ไม่ต้องกังวลไป มากับข้าสิมิลอง แล้วบาดแผลในหัวใจของเจ้าก็จะได้รับการเยียวยา”



“ไปกับเจ้า...?” เสียงเนิบถามกลับไปเหมือนไม่ได้สนใจอะไรมากมาย ใบหน้าเรียบนิ่งหลุบสายตาลงต่ำไปยังพื้นเบื้องล่างอย่างเหม่อลอย



“ใช่แล้วล่ะ เจ้าไม่ต้องไปสนใจคนที่มันไม่เห็นคุณค่าในพลังของเจ้าหรอก” เสียงกระซิบพูดเกลี้ยกล่อม ลอบยิ้มเย็นเมื่อเห็นทีท่าคล้อยตามของอีกฝ่าย



“พลังของข้า...”



“ใช่ พวกมันต่างก็รังเกียจเจ้าเพราะพลังนั่น แล้วรู้อะไรมั้ยมิลอง...” ลูเวียดพูดค้างไว้แค่นั้น พเยิดหน้าไปด้านซ้ายเป็นการบอกให้เขาหันไปมอง นัยน์ตาสีส้มเบือนสายตามองตาม สิ่งที่อีกฝ่ายต้องการให้เขาเห็นก็คือภาพการรวมตัวของพวกผู้ใหญ่ที่กำลังจะร่วมประชุมเผ่าซึ่งจัดขึ้นทุกๆ เดือน



“สิ่งที่เจ้าเห็นนั้นก็คือความกลัว พวกมันกลัวพลังของเจ้า ก็เลยต้องใช้ความเกลียดชังปกปิดความรู้สึกหวาดกลัวนั่นเอาไว้ และมันก็ต้องการให้เจ้าอ่อนแอ เพื่อลดความกลัวในจิตใจของพวกมัน”



“ตลอดเวลาที่ผ่านมามันทำให้ข้ารู้สึกเหมือนกำลังใช้ชีวิตอยู่ในนรก...” เสียงพึมพำเอ่ยระบายความรู้สึกในใจ กัดฟันกรอดอย่างเคียดแค้น พร้อมกับใช้สายตากร้าวจ้องเขม็งไปยังร่างหนึ่งที่เพิ่งเดินพ้นจากประตูออกมาปรากฏกายให้เห็น



เมอีมห์ เจ้าเผ่ามายา



“อยากทำอะไรที่มันน่าตื่นเต้นดูมั้ยล่ะ ชีวิตที่ต้องคอยหวาดกลัวการถูกทำร้ายตลอดหกปีที่ผ่านมานี่มันฟังดูหดหู่อยู่ไม่น้อยเลยนะ มิลอง ขอเพียงเจ้ามากับข้าเท่านั้น” น้ำเสียงนุ่มกล่าวชวนพร้อมกับยื่นมือขวาส่งมาให้



มิลองก้มมองมือข้างนั้นของอีกฝ่าย แววตากร้าวฉายประกายคุกรุ่นราวกับจะปะทุรุนแรงได้ทุกเมื่อ แล้วยื่นมือไปจับทันทีโดยไม่มีท่าทีลังเลใจเลยแม้แต่นิดเดียว



เจ้าของนามลูเวียดยิ้มน้อยๆ ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ



“...เด็กดีของข้า”



++++++++++

โปรดติดตามตอนต่อไป!!
แผนที่ทวีปเซ็นทรัม http://i49.photobucket.com/albums/f290/thunchanoks/map122e1.jpg



โฮป
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 15 มิ.ย. 2560, 00:11:08 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 15 มิ.ย. 2560, 10:57:01 น.

จำนวนการเข้าชม : 691





   Episode 36 : || กลัว || >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account