The D.O.L.L.S โศกนาฏกรรมปีศาจตุ๊กตามหาเวท SEASON 2
"นักขายความฝันผู้เลือดร้อน & นักโทษประหารผู้เริงร่า & หัวขโมยผู้เย็นชา"
ต่างถิ่น ต่างความคิด ต่างอาชีพ ต่างนิสัย ต่างจุดมุ่งหมาย ต่างเผ่าพันธุ์
กลับต้องมาอยู่ด้วยกันเพราะเหตุบางอย่าง... The D.O.L.L.S
ตุ๊กตาปีศาจมีลักษณะรูปร่างเหมือนมนุษย์ทุกประการ
ถ้าอย่างนั้น...จะรู้ได้อย่างไร?
...เป็นปีศาจ...หาใช่มนุษย์ไม่...
ระวังไว้ให้ดี...ทุกอย่างอาจเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา...
...ที่ใครบางคนสร้างขึ้นเท่านั้น...
สงครามระหว่างผู้มีพลังเวทกับมนุษย์ธรรมดา
ใครจะอยู่รอดเป็นผู้กำชัยชนะ!?
- ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านจากใจจริง -
แผนที่นครเซ็นทรัม http://i49.photobucket.com/albums/f290/thunchanoks/map122e1.jpg
ต่างถิ่น ต่างความคิด ต่างอาชีพ ต่างนิสัย ต่างจุดมุ่งหมาย ต่างเผ่าพันธุ์
กลับต้องมาอยู่ด้วยกันเพราะเหตุบางอย่าง... The D.O.L.L.S
ตุ๊กตาปีศาจมีลักษณะรูปร่างเหมือนมนุษย์ทุกประการ
ถ้าอย่างนั้น...จะรู้ได้อย่างไร?
...เป็นปีศาจ...หาใช่มนุษย์ไม่...
ระวังไว้ให้ดี...ทุกอย่างอาจเป็นเพียงแค่ภาพลวงตา...
...ที่ใครบางคนสร้างขึ้นเท่านั้น...
สงครามระหว่างผู้มีพลังเวทกับมนุษย์ธรรมดา
ใครจะอยู่รอดเป็นผู้กำชัยชนะ!?
- ขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านจากใจจริง -
แผนที่นครเซ็นทรัม http://i49.photobucket.com/albums/f290/thunchanoks/map122e1.jpg
Tags: ตุ๊กตา,ปีศาจ,คำสาป,เวทมนตร์,สงคราม,แฟนตาซี,ผู้ใช้เวท,มนุษย์,โศกนาฏกรรม,mystery
ตอน: Episode 40 : || อ้อมกอดที่โหยหา ||
EPISODE 40
อ้อมกอดที่โหยหา
“...นี่มันหมายความว่ายังไงกันคะ... ท่านย่า”
เอเวนเพ่งสายตามองไปยังร่างในชุดคลุมตรงหน้า สัมผัสได้ว่าเวทเขตอาคมหายไปเขาจึงตัดสินใจลดดาบลงทั้งที่ยังคงแคลงใจอยู่ไม่น้อย ผู้ดำรงตำแหน่งเจ้าเผ่าแห่งเผ่ามายามาทำอะไรที่นี่
เมอีมห์มองสบสายตากับเด็กสาวตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่เอ่ยตอบอะไรทั้งสิ้น สายตานิ่งๆ เบือนไปยังเด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินที่อยู่ด้านหลังของมิเวล
“นั่นเพื่อนคนที่เจ้าอยากให้ช่วยรึ ดูเหมือนว่าจะแข็งแรงดีแล้วนี่”
มิเวลขมวดคิ้วนิดๆ อย่างแปลกใจก่อนที่จะเหลือบสายตาไปยังเอเวน แล้วก็สังเกตเห็นว่าที่ข้อมือขวาของเขามีกำไลทองสวมอยู่ ตั้งแต่มีเรื่องดีเฟน เธอก็เก็บกำไลเอาไว้ในกระเป๋าเสื้อโดยที่ไม่ได้เอาออกมาสวมอีกเลย
“ไม่ใช่ค่ะ” เด็กสาวตอบเสียงเรียบ
เมอีมห์มองเอเวนด้วยความรู้สึกสงสัย ทั้งที่เจ้าเด็กนี่เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาแท้ๆ แต่รอบตัวกลับเต็มไปด้วยจิตสังหารคุกรุ่นรุนแรงยิ่งกว่าผู้ใช้เวทระดับสูงของเผ่ามายาเสียอีก
เจ้าเผ่ามายาเหลือบสายตาไปยังเด็กหนุ่มผมสีเงินอีกคนที่ยังคงนอนสลบไสลอยู่กับพื้นห่างออกไปไม่กี่เมตร ถ้าไม่ใช่เจ้าหนูจิตสังหารดุเดือดคนนี้ก็คงเป็นเด็กคนนั้น พลังชีวิตของเด็กหนุ่มผมเงินเบาบางเสียจนตอนแรกเธอแทบมองไม่เห็นเขาด้วยซ้ำไป เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายคงกำลังทรมานกับอาการบาดเจ็บอะไรสักอย่างอยู่แน่นอน
เด็กคนนั้นก็ไม่มีไอเวทเช่นกัน
มือเหี่ยวย่นกำแน่นด้วยความรู้สึกไม่พอใจ เพราะอะไรกันหลานสาวของเธอถึงได้ไปคบหาสมาคมกับเจ้าพวกมนุษย์ธรรมดาแบบนี้
“ไม่นึกเลยนะว่าหลานสาวคนเดียวของข้าจะไปเข้าพวกกับมนุษย์ธรรมดา” เสียงเย็นชากล่าวขึ้นอย่างขุ่นเคือง
พอได้ยินผู้เป็นย่าพูดเช่นนั้นมิเวลก็อดที่จะรู้สึกผิดหวังในตัวอีกฝ่ายไม่ได้ เธอรู้ดีอยู่แล้วก็จริงว่าท่านย่าของเธอไม่ได้ชื่นชอบมนุษย์ธรรมดา แต่ก็ไม่คิดว่าจะแสดงท่าทีรังเกียจถึงขนาดนี้
ทีแรกเด็กสาวตั้งใจจะแก้ความเข้าใจผิดของผู้เป็นย่าว่าเอเวนเป็นผู้ใช้เวท แต่แล้วเธอก็ต้องเปลี่ยนใจ เพราะว่าสำหรับเธอแล้วการเป็นผู้ใช้เวทหรือมนุษย์ธรรมดานั้นไม่ได้สำคัญอะไร มันไม่ใช่สิ่งที่จะระบุถึงความเป็นตัวตนของใครสักคน
สิ่งสำคัญกว่านั้นคือการที่ท่านย่ามาอยู่ในสถานที่แห่งนี้ต่างหาก
“ท่านยังไม่ได้ตอบคำถามข้าเลย ทำไมท่านย่าถึงมาอยู่ที่นี่ได้คะ”
คนถูกถามนิ่งเงียบไม่ตอบอะไรอีกเหมือนเคย แต่สายตาเย็นชากลับปรากฏแววหมองเศร้าขึ้นอีกครั้ง มิเวลไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องนี้ เธอไม่ต้องการให้ใครมารับรู้ทั้งนั้น และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอก็จะขอกุมความเป็นจริงตลอดไปจนกระทั่งลงหลุมศพไปด้วยกันนั่นแหละ
“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้” เสียงเย็นเอ่ย “พวกเจ้าออกไปจากที่นี่ซะ”
แต่คำตอบของคนสูงวัยกว่ากลับทำให้มิเวลต้องรู้สึกฉุน เริ่มไม่ไว้ใจคนตรงหน้ามากขึ้นทุกที ทั้งที่อีกฝ่ายมีสายเลือดเดียวกันและเป็นถึงท่านย่าของเธอแท้ๆ แต่ยิ่งเมอีมห์ทำแบบนี้เธอก็ยิ่งสงสัย เห็นได้ชัดว่าเจ้าเผ่ามายามีเรื่องอะไรปิดบังแน่นอน ยิ่งมีเรื่องปิดบัง เธอก็ยิ่งอยากรู้
“ที่นี่คือนครสาบสูญใช่มั้ยคะ” เด็กสาวมองสบสายตากลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ เธอจะมายอมแพ้แค่นี้ได้อย่างไรในเมื่อมีมิลองเป็นเดิมพัน เพราะฉะนั้นเธอจะต้องเค้นความจริงจากผู้เป็นย่าให้ได้
แม้ว่าสีหน้าของคนถูกถามจะราบเรียบไม่เปลี่ยนแปลง แต่แววตาของเมอีมห์กลับสั่นไหวเล็กน้อย ทำให้มิเวลมั่นใจมากขึ้นว่าที่นี่คือนครสาบสูญจริงๆ
แต่ความมั่นใจนั้นกลับมาพร้อมกับความไม่เข้าใจอย่างใหญ่หลวง ถ้าอย่างนั้นทำไมเมอีมห์ถึงมาอยู่ที่นี่ ทั้งที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่ามิลองถูกลักพาตัวไปไว้ที่นครสาบสูญ และรู้ดีว่าเธอออกเดินทางไปยังที่แห่งนั้นเพื่อที่จะพาตัวมิลองกลับมาให้ได้
เพราะอะไร...
เด็กสาวมองผู้เป็นย่าด้วยความรู้สึกอัดแน่นซึ่งเธอไม่แน่ใจว่าตัวเองรู้สึกอะไรกันแน่ ทั้งเจ็บแปลบในหัวใจและโกรธเคืองคนตรงหน้ามากเหลือเกิน หลานชายแท้ๆ ถูกลักพาตัวไป ทั้งที่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน แต่เมอีมห์กลับปิดบังมาโดยตลอด
“มิลองอยู่ที่ไหนคะ” เสียงสั่นเอ่ยถามพร้อมกับก้าวเดินเข้าไปหาคนตรงหน้า สายตาไม่ยอมแพ้จ้องเขม็งไปที่อีกฝ่ายอย่างคาดคั้น เบื้องหลังของผู้เป็นย่าคือวอลที่ยังคงนอนไม่ได้สติอยู่กับพื้น แต่ในเวลานี้เด็กสาวกลับมีเรื่องของมิลองอยู่เต็มหัวจนแทบลืมไปเสียแล้วว่าเขานอนอยู่ตรงนั้น
“ข้าบอกให้พวกเจ้าออกไปเดี๋ยวนี้!” แววตาของเมอีมห์วาวโรจน์พร้อมกับเงื้อแขนขวาขึ้นสูง แล้วออกแรงดึงหอกยาวสีดำขนาดยักษ์ออกมาจากกลางอากาศ หากจำเป็นต้องใช้กำลังกัน เธอก็คงไม่มีทางเลือกอื่น ต่อให้ต้องสู้จนเลือดตกยางออกกันไปข้าง มันก็ยังดีกว่าการที่จะให้หลานสาวของเธอมารับรู้เรื่องนี้
มิเวลจับดาบที่เอวแน่นด้วยความรู้สึกเจ็บปวด มันไม่มีหนทางอื่นอีกแล้วจริงๆ เหรอ เธอไม่ได้อยากสู้กับท่านย่า เธอแค่อยากพบมิลองเท่านั้น เธอก็แค่อยากเห็นหน้าเขาเพื่อให้รู้ว่าเขายังปลอดภัยดี ไม่ว่าตอนนี้เขาจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
มิลอง...เจ้าอยู่ที่ไหนกัน
ทันใดนั้นเองเอเวนก็สัมผัสความรู้สึกบางอย่างได้ อะไรบางอย่างกำลังพุ่งตรงมาที่เขาด้วยความเร็วสูง เด็กหนุ่มรีบคว้าดาบเงินออกมาพร้อมกับหันขวับไปรับมือกับอะไรบางอย่างนั่น
แต่ร่างปริศนากลับกระโดดข้ามหัวเขาไปยังใครอีกคนที่อยู่ข้างหลัง
“มิเวล!” เด็กหนุ่มตะโกนลั่นเรียกชื่อเด็กสาวซึ่งยืนขนานกับเขาอยู่พอดี
ผู้เป็นเจ้าของชื่อหันขวับไปมองเอเวนตามเสียงเรียก แต่ไม่ทันไรเธอก็ถูกร่างหนึ่งกระโจนเข้าหาสุดแรง สองแขนกอดรัดตัวเธอไว้แน่น
มิเวลยืนนิ่งค้างไปอย่างอึ้งๆ รู้สึกสับสนว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ ถึงมีใครก็ไม่รู้พุ่งตัวเข้ามากอดเธอ นัยน์ตาสีแดงหลุบต่ำมองคนที่กำลังกอดรัดอยู่ด้วยความงงงวย
เส้นผม...สีแสด...
คนถูกกอดรู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมาทันควันขณะมองเด็กหนุ่มในอ้อมกอดค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาทีละนิด นัยน์ตาสีแสดซึ่งแฝงไว้ด้วยความเศร้าสร้อยเลื่อนขึ้นมองสบสายตากับเธอพอดี
“มิเวล”
นี่ไม่ใช่ความฝันใช่มั้ย เขาอยู่ตรงนี้จริงๆ ใช่มั้ย คนที่กำลังกอดเธออยู่ตอนนี้ก็คือคนที่เธอเฝ้าตามหามาโดยตลอด...
“มิ...ลอง”
ภาพความทรงจำในวัยเด็กฉายแวบขึ้นมาในหัว ตอนเด็กๆ พวกเธอชอบเล่นซ่อนแอบกันเป็นประจำ มิลองเล่นเก่งมาก ตามหาตัวเธอเจอได้ในเวลาเพียงน้อยนิดอยู่เสมอ แถมยังหนีไปซ่อนตัวได้อย่างไร้ร่องรอยอีกด้วย เธอไม่เคยตามหาเขาเจอเลยสักครั้ง จนทำให้ในที่สุดเขาก็ต้องเป็นฝ่ายออกมาหาเธอเอง
เหมือนอย่างครั้งนี้...
ใบหน้าไร้เดียงสาของเด็กหนุ่มปรากฏรอยยิ้มขึ้นจางๆ มิเวลจำรอยยิ้มอบอุ่นของอีกฝ่ายได้ดี มิลองไม่เปลี่ยนไปเลย เขายังคงเป็นมิลองผู้น่ารักคนที่อยู่ในความทรงจำของเธอไม่มีผิดเพี้ยน เขากลับมาหาเธอแล้ว เขาอยู่กับเธอตรงนี้แล้วจริงๆ
นัยน์ตาสีแดงสั่นไหวระริกพร้อมกับยกแขนทั้งสองข้างขึ้นกอดตอบน้องชายผู้เป็นที่รักด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ เธอจะจับมือเขาเอาไว้ ไม่ให้พวกเธอทั้งคู่ต้องพรากจากกันอีกเป็นครั้งที่สอง
แต่ทว่า...
ฉึก!!
นัยน์ตาสีแดงเพลิงเบิกกว้าง มองกริซในมือของมิลองด้วยความตกตะลึง หลังจากที่มีมือหนึ่งพุ่งเข้ามาฉุดกระชากตัวมิเวลให้ออกห่างจากเด็กหนุ่มตรงหน้าได้ทันเส้นยาแดงผ่าแปด ทำให้กริซเล่มคมปะทะเข้ากับดาบเงินของเอเวนแทน
ทำไม...
เจ้าของฉายาผู้รอบรู้จ้องเขม็งไปยัง ‘ศัตรู’ ตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา พร้อมกับกำด้ามดาบเงินเอาไว้มั่นขณะที่โอบมิเวลเอาไว้ในอ้อมแขนอีกข้าง พอได้มอง ‘มิลอง’ ชัดๆ แล้วเขาก็ต้องรู้สึกผิดสังเกต มิเวลเคยบอกว่าเธออายุห่างกับน้องชายแค่ปีเดียวเท่านั้น แต่คนตรงหน้ากลับดูเด็กกว่าผู้เป็นพี่สาวพอสมควร อาจจะอายุน้อยกว่าสักสามหรือสี่ปีเลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นอีกฝ่ายต้องไม่ใช่มิลองตัวจริงอย่างแน่นอน
คนตกเป็นเป้าสายตามีสีหน้าเรียบสนิท มองกริซในมือตัวเองอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะเลื่อนสายตาไปยังเอเวนและมิเวลซึ่งกำลังเขม็งมาที่เขาไม่วางตา จากนั้นนัยน์ตาสีแสดก็เลื่อนไปยังเมอีมห์ซึ่งอยู่ด้านหลังของทั้งคู่
“ท่านดูไม่แปลกใจเลยนะ” จู่ๆ ก็มีเสียงปริศนาของใครบางคนเอ่ยขึ้น ทำให้พวกมิเวลต้องหันมองรอบด้านด้วยความฉงนว่าเสียงดังกล่าวดังมาจากทางไหน “...ท่านเจ้าเผ่า”
ทันใดนั้นเองตรงที่ว่างข้างกายมิลองก็ปรากฏเงาจางๆ ของอะไรบางอย่าง ก่อนที่เงานั้นจะค่อยๆ ฉายชัดเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นจนกระทั่งกลายเป็นร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งในชุดสูทลายทางตรงสีขาวสลับดำ สวมหมวกทรงสูงปิดเส้นผมสีน้ำตาลอ่อน ปอยผมด้านหน้ายาวปรกลงมาปิดตาข้างขวา แต่ยังคงเผยให้เห็นดวงตาสีมรกตอีกข้างหนึ่ง ดูๆ แล้วน่าจะอายุมากกว่าพวกมิเวลไม่มากนัก
เด็กหนุ่มปริศนาแบมือขวาตัวเองออก เผยให้เห็นว่าบนฝ่ามือสลักเป็นรูปปัดนาฬิกาจนเต็มพื้นที่ มีเข็มนาฬิกาหมุนติ้วๆ อยู่ด้วยความเร็วสูง ใบหน้าบึ้งตึงเหลือบมองนาฬิกาบนฝ่ามือแวบหนึ่งก่อนจะส่งเสียงสบถออกมาด้วยความไม่พอใจ
“ช้าไปเหรอเนี่ย” เสียงพึมพำบ่นอย่างหงุดหงิด
มิเวลตั้งใจจะเอ่ยปากถามว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่แล้วเธอก็แทบหัวใจสลายเมื่อจู่ๆ เด็กหนุ่มนิรนามก็ใช้สันมือฟาดเข้าที่หลังคอของมิลองอย่างแรง
“มิลอง!”
ผู้เป็นพี่ตั้งใจจะวิ่งเข้าไปหาน้องชายด้วยความเป็นห่วงแม้ว่าจะยังไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้มันเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แต่เธอกลับถูกคนข้างกายคว้าแขนหมับรั้งตัวเอาไว้เสียก่อน
เอเวนจ้องเขม็งไปยังผู้มาใหม่ด้วยสายตาเคร่งเครียด ในใจพร่ำตำหนิตัวเองว่าไม่ควรสะเพร่าเลยจริงๆ เขาไม่น่ายอมให้มิเวลมาที่นี่เลย โดยเฉพาะในเวลาที่เขาไร้พลัง แถมยังต้องมาเผชิญหน้ากับศัตรูประเภทที่รับมือยากที่สุดแบบนี้
นัยน์ตาสีอำพันเป็นประกายกร้าวขณะมองคนตรงหน้าทำอะไรบางอย่างกับมิลอง ทำให้ร่างสลบไสลที่มีพลังบางอย่างห่อหุ้มตัวเอาไว้ค่อยๆ ลอยขึ้นจากพื้นดินเล็กน้อย ร่างในชุดสูทใช้มือขวาจับคอของคนไม่ได้สติเอาไว้ ทันใดนั้นเองร่างกายของมิลองก็ปรากฏเป็นรูปหน้าปัดนาฬิกาขึ้นทั่วทั้งร่าง ทั้งมิเวลและเอเวนต่างก็มองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังอะไรอยู่กันแน่
บุรษปริศนาจับมิลองค้างเอาไว้อยู่ชั่วครู่ จนในที่สุดก็ปล่อยมือออก ทันทีที่คอของเด็กหนุ่มเป็นอิสระรูปนาฬิกาบนตัวเขาก็หายวับไป พร้อมกับที่ร่างของมิลองล้มพลั่กลงกับพื้น นัยน์ตาสีแสดเปิดค้างดูล่องลอยไร้ชีวิต
“มิลอง!!” เสียงแตกพร่ากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด นัยน์ตาสีแดงเบิกกว้างมองภาพตรงหน้าด้วยความตกตะลึง
เด็กสาวพยายามดิ้นสุดชีวิตให้ตัวเองหลุดจากการอ้อมแขนของเอเวน แต่ไม่ว่าเธอจะทุบจะตีแรงแค่ไหน คนแรงเยอะกว่าก็ไม่ยอมปล่อย เนื่องจากตอนนี้เอเวนไม่มีเวลามานั่งปลอบใจมิเวลเพราะกำลังปวดหัวอยู่กับการคิดหาวิธีหนีจากศัตรูตรงหน้า เขาเคยประมือกับพวกมันมาแล้วครั้งหนึ่ง เพียงแค่สัมผัสไอเวทอันน่าสยองขวัญของคนตรงหน้าเขาก็รู้ได้ทันทีว่ามันเป็นพวกเดียวกันกับหยาดน้ำตาของพระผู้เป็นเจ้า เจ้าพวกนี้กุมเรื่องของคารอฟเอาไว้ ยังไงก็ต้องเค้นคำตอบจากพวกมันให้ได้ ถ้าหากเป็นเวลาอื่นเขาคงไม่มีวันหนีเด็ดขาด แต่ไม่ใช่ในเวลาอย่างนี้...เวลาที่ทั้งเขาและมิเวลต่างก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะสู้ได้กันทั้งคู่
“เจ้าจะฟูมฟายไปทำไม นี่มันตุ๊กตาของข้า ใช่น้องชายของเจ้าซะที่ไหน” เสียงห้วนพูดบ่นอย่างรำคาญ
“ตุ๊กตา...?” มิเวลทวนอย่างงุนงง พร้อมกับเหลือบมองไปยังร่างคุ้นตาของผู้เป็นน้องที่ยังคงนอนแน่นิ่งอยู่แทบเท้าคนตรงหน้า เดี๋ยวนะ มันหมายความว่ายังไงกัน เขาหมายความว่ามิลองคนนั้นไม่ใช่มิลองตัวจริงอย่างงั้นเหรอ
“ข้าใส่เวลาผิดไปหน่อย เจ้าตุ๊กตานี่มันเลยแทงเจ้าช้าไป” เสียงห้วนร่ายคำบ่นต่อด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ ราวกับว่าเป็นเรื่องผิดพลาดเล็กน้อยที่แสนน่ารำคาญ พร้อมกับใช้เท้าเขี่ยๆ ‘ตุ๊กตามิลอง’ บนพื้นอย่างหงุดหงิด เขาไม่ถนัดควบคุมเลยจริงๆ เขาชอบสร้างมากกว่า สร้างง่ายกว่ากันตั้งเยอะ
ตุ๊กตาของข้า... ใส่เวลา...
ขณะเดียวกันนั้นเอเวนกำลังวิเคราะห์คำพูดของศัตรูตรงหน้า หรือว่ามันจะหมายถึงการสร้างตุ๊กตาด้วยการใส่เวลา ถ้าอย่างนั้นเจ้าหมอนี่อาจจะเป็นพระผู้สร้าง...
“เจ้าเป็นใคร” มิเวลเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับกดความรู้สึกสับสนเกี่ยวกับเรื่องที่มิลองเป็นตัวปลอมเอาไว้อย่างสุดความสามารถ แม้ว่ามันจะแทบทำให้เธอล้มทั้งยืนก็ตาม แต่เธอจะแสดงความอ่อนแอของตัวเองให้ใครเห็นไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ต่อให้โกรธแค้นอีกฝ่ายที่หลอกลวงมากแค่ไหน เธอก็ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนั้น
นัยน์ตาสีมรกตตวัดไปที่คนถามอย่างไม่พอใจ เขาไม่ชอบให้ใครมาถามเซ้าซี้ ถ้าก่อนหน้านี้ใส่เวลาให้ตุ๊กตาถูกนะ เขาก็ไม่ต้องมาทนฟังเสียงของเจ้าหนูหัวแดงแบบนี้ แย่ชะมัด ไม่น่าพลาดเลยจริงๆ ถ้าจิเซลรู้เรื่องนี้ เขาคงถูกหัวเราะเยาะตายเลย
“ข้าชื่อคูส” เสียงห้วนเอ่ยตอบอย่างเซ็งๆ “พวกข้าสัมผัสได้ว่ามีหนูบุกรุกเข้ามาในนครสาบสูญ แล้วข้าดันดวงซวย อยู่ใกล้ที่สุด ก็เลยถูกโยนงานมาให้”
เด็กสาวทำตาโตทันทีเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดถึงนครสาบสูญ
“เจ้าหมายความว่าที่นี่คือนครสาบสูญจริงๆ ใช่มั้ย” มิเวลร้องถามอย่างคาดหวัง ถ้างั้น...มิลองก็ต้องอยู่ที่นี่... “แล้วมิลองล่ะ น้องชายของข้าอยู่ที่ไหน”
คูสเห็นเด็กสาวดูท่าทางเป็นจะตายเหลือเกินจึงแค่นหัวเราะออกมาอย่างเวทนา ทั้งที่เพิ่งเฉลยไปว่าเป็นตุ๊กตามิลองแท้ๆ แต่เจ้าเด็กหัวแดงนี่ยังคิดอยู่อีกเรอะว่าไอ้มิลองมันอยู่ที่นี่จริงๆ
“เจ้าเพี้ยนไปแล้วรึไง ผู้ใช้เวทที่ไหนจะอยากมาอยู่ในที่รกร้างแบบนี้ โดยเฉพาะที่นี่ในอดีต...”
ทันใดนั้นเองก็มีแสงสว่างปรากฏวาบขึ้นเป็นรูปวงกลมขนาดยักษ์ที่พื้นดิน คูสหายตัววับไปปรากฏตัวอยู่กลางอากาศ นัยน์ตาสีมรกตหรี่มองร่างของตุ๊กตามิลองบนพื้นเบื้องล่างค่อยๆ หลอมละลายจนกลายเป็นเพียงซากไม้ ก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังเอเวนกับมิเวลภายในเวทเกราะป้องกันของเมอีมห์ รู้สึกฉุนขาดขึ้นมาโดยพลัน
“ข้าก็สงสัยอยู่เชียวว่าทำไมเจ้าเผ่าอย่างท่านถึงได้ปิดปากเงียบเหลือเกิน ที่แท้ก็กำลังเค้นพลังหาจังหวะเล่นงานข้าอยู่นี่เอง” ใบหน้าไม่สบอารมณ์มองคนสูงวัยซึ่งยืนเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าเกราะป้องกัน ก่อนที่จะปรากฏรอยยิ้มเหี้ยมขึ้นตรงมุมปากเล็กน้อยด้วยอารมณ์คุกรุ่น “...แต่จะว่าไปแล้ว พอข้าพูดถึงที่นี่ท่านก็ดูร้อนรนแปลกๆ นะ เป็นอะไรไปล่ะท่านเจ้าเผ่า อย่าบอกนะว่าท่านไม่ได้เล่าเรื่องของนครสาบสูญแห่งนี้ให้เจ้าพวกนี้ฟัง”
“หุบปาก!”
เสียงแข็งตวาดลั่นพร้อมกับระเบิดพลังมหาศาล วงกลมแสงบนพื้นดินปรากฏแสงสว่างวาบขึ้นอีกครั้งพร้อมกับมีสายลมพุ่งพรวดออกมาตามเส้นรอบวง พลังของผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดแห่งเผ่ามายาเป็นธาตุแสงก็จริง แต่เมอีมห์ก็ยังมีพรสวรรค์ในการใช้ธาตุบริสุทธิ์ได้อย่างไร้ที่ติ ทำให้เธอกลายเป็นที่น่าเกรงขามในหมู่ชาวเผ่ามายาจนกระทั่งได้รับตำแหน่งเจ้าเผ่าตั้งแต่อายุยังน้อย
เหล่าสายลมทั้งหลายพุ่งเข้าโจมตีใส่คูสที่ลอยอยู่เบื้องบนพร้อมกัน แต่คนตกเป็นเป้ากลับขยับตัวหลบได้อย่างคล่องแคล่ว ก่อนที่จะหายตัววับไปกลางอากาศ
เมอีมห์เร่งมองหาร่างศัตรูด้วยความร้อนรน ทันใดนั้นเองเธอก็ต้องรีบใช้เวทเคลื่อนย้ายขยับทั้งตัวเธอและเกราะป้องกันพวกมิเวลให้หลบไปพ้นทาง เมื่อจู่ๆ พื้นดินเบื้องล่างของทั้งสามก็แยกออกจากกันโดยไม่ทันให้ตั้งตัว เจ้าเผ่ามายาทำหน้าเครียดทันทีที่เห็นว่ามีกล่องไม้ขนาดยักษ์โผล่โพรดออกมาจากรอยแยกที่พื้น บานประตูของกล่องไม้ปริศนาเปิดอ้าออก พร้อมกับมีตุ๊กตาไม้พากันคืบคลานออกมาเป็นจำนวนมาก แต่ละตัวประดับรอยยิ้มแสยะแบบเดียวกันกับรอยยิ้มบนใบหน้าของผู้เป็นเจ้าของไม่มีผิด
เมอีมห์เบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อสัมผัสถึงไอเวทจากตุ๊กตาประหลาดพวกนั้นได้... เป็นไปไม่ได้ เธอไม่เคยพบเจออะไรพิสดารแบบนี้มาก่อน แต่ละตัวมีไอเวทเป็นของตัวเองได้ยังไง!
แต่คนที่รู้สึกคุ้นเคยกับเวทชนิดนี้เป็นอย่างดีก็คือเอเวน เด็กหนุ่มเพ่งสายตาเคร่งเครียดไปยังเหล่าตุ๊กตาไม้ยั้วเยี้ยพวกนั้นด้วยความแปลกใจ เขาจำได้แม่นว่าตัวเองเคยสู้กับหยาดน้ำตาของพระผู้เป็นเจ้าคนหนึ่งที่มีพลังแบบเดียวกันนี้ เจ้านั่นแนะนำตัวเองว่าชื่อแอช... ทำไมเจ้าชุดสูทนี่ถึงใช้พลังแบบเดียวกันได้
หรือว่าเป็นพลังประเภทหนึ่งที่พวกหยาดน้ำตาใช้ได้กันอยู่แล้ว?
เนื่องจากตุ๊กตาแต่ละตัวมีพลังเวทเป็นของตัวเอง เจ้าเผ่ามายาจึงถูกบีบให้ต้องขยับตัวออกห่างจากผู้เป็นหลานและตึงมืออยู่กับเวทโจมตีหลากหลายชนิดของศัตรู ขณะที่เมอีมห์กำลังรับมือกับเหล่าตุ๊กตาไม้ด้วยหอกยาวคู่ใจนั่นเอง คูสก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งตรงหน้าเกราะป้องกันพวกมิเวล
“พวกเจ้าอยากรู้ใช่มั้ยว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่นี่” เสียงเรียบเอ่ยขึ้นอย่างสะใจ เมื่อคิดว่าเขาจะทำให้เมอีมห์ต้องสติแตกหลังจากนี้ได้แน่นอน “และเจ้าก็อยากรู้ว่ามิลองอยู่ที่ไหน”
มิเวลรู้สึกคล้อยตามไปกับคำพูดของคูสทันที เขาพูดถูก เธออยากรู้ว่าท่านย่ากำลังปิดบังเรื่องอะไรอยู่ และเรื่องสำคัญที่สุดก็คือเรื่องของมิลอง เธออยากรู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน
คนถูกถามตัดสินใจพยักหน้าเบาๆ เป็นคำตอบ ทำให้รอยยิ้มแสยะของอีกฝ่ายกว้างขึ้นอย่างพอใจ
“อย่านะ!”
เวทแสงพุ่งตรงออกจากร่างของเมอีมห์ ตรงเข้าใส่คูสด้วยความเร็วสูง แต่เวทของเมอีมห์กลับปะทะเข้ากับเกราะป้องกันของคูส ทำให้พลังโจมตีสลายหายวับไปในพริบตา
คูสหัวเราะหึๆ ในลำคออย่างชอบใจ ก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับมิเวล
“ที่นี่ก็คือ...เบื้องล่างของหมู่บ้านฟรอซเซล เป็นเมืองของผู้ใช้เวทเมื่อสามร้อยปีก่อน ก่อนที่จะถูกพวกมนุษย์ธรรมดากวาดล้างจนเหลือแค่ซากอย่างที่เห็น...ท่านเจ้าเผ่ามายาผู้น่านับถือได้ร่วมมือกับรัฐบาลมนุษย์ ช่วยปกปิดความเป็นจริงในประวัติศาสตร์ด้วยการใช้เวทมายาอันทรงพลังซ่อนเอาไว้ยังไงล่ะ”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โปรดติดตามตอนต่อไป!!
อ้อมกอดที่โหยหา
“...นี่มันหมายความว่ายังไงกันคะ... ท่านย่า”
เอเวนเพ่งสายตามองไปยังร่างในชุดคลุมตรงหน้า สัมผัสได้ว่าเวทเขตอาคมหายไปเขาจึงตัดสินใจลดดาบลงทั้งที่ยังคงแคลงใจอยู่ไม่น้อย ผู้ดำรงตำแหน่งเจ้าเผ่าแห่งเผ่ามายามาทำอะไรที่นี่
เมอีมห์มองสบสายตากับเด็กสาวตรงหน้าด้วยสีหน้าเรียบเฉย ไม่เอ่ยตอบอะไรทั้งสิ้น สายตานิ่งๆ เบือนไปยังเด็กหนุ่มผมสีน้ำเงินที่อยู่ด้านหลังของมิเวล
“นั่นเพื่อนคนที่เจ้าอยากให้ช่วยรึ ดูเหมือนว่าจะแข็งแรงดีแล้วนี่”
มิเวลขมวดคิ้วนิดๆ อย่างแปลกใจก่อนที่จะเหลือบสายตาไปยังเอเวน แล้วก็สังเกตเห็นว่าที่ข้อมือขวาของเขามีกำไลทองสวมอยู่ ตั้งแต่มีเรื่องดีเฟน เธอก็เก็บกำไลเอาไว้ในกระเป๋าเสื้อโดยที่ไม่ได้เอาออกมาสวมอีกเลย
“ไม่ใช่ค่ะ” เด็กสาวตอบเสียงเรียบ
เมอีมห์มองเอเวนด้วยความรู้สึกสงสัย ทั้งที่เจ้าเด็กนี่เป็นแค่มนุษย์ธรรมดาแท้ๆ แต่รอบตัวกลับเต็มไปด้วยจิตสังหารคุกรุ่นรุนแรงยิ่งกว่าผู้ใช้เวทระดับสูงของเผ่ามายาเสียอีก
เจ้าเผ่ามายาเหลือบสายตาไปยังเด็กหนุ่มผมสีเงินอีกคนที่ยังคงนอนสลบไสลอยู่กับพื้นห่างออกไปไม่กี่เมตร ถ้าไม่ใช่เจ้าหนูจิตสังหารดุเดือดคนนี้ก็คงเป็นเด็กคนนั้น พลังชีวิตของเด็กหนุ่มผมเงินเบาบางเสียจนตอนแรกเธอแทบมองไม่เห็นเขาด้วยซ้ำไป เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายคงกำลังทรมานกับอาการบาดเจ็บอะไรสักอย่างอยู่แน่นอน
เด็กคนนั้นก็ไม่มีไอเวทเช่นกัน
มือเหี่ยวย่นกำแน่นด้วยความรู้สึกไม่พอใจ เพราะอะไรกันหลานสาวของเธอถึงได้ไปคบหาสมาคมกับเจ้าพวกมนุษย์ธรรมดาแบบนี้
“ไม่นึกเลยนะว่าหลานสาวคนเดียวของข้าจะไปเข้าพวกกับมนุษย์ธรรมดา” เสียงเย็นชากล่าวขึ้นอย่างขุ่นเคือง
พอได้ยินผู้เป็นย่าพูดเช่นนั้นมิเวลก็อดที่จะรู้สึกผิดหวังในตัวอีกฝ่ายไม่ได้ เธอรู้ดีอยู่แล้วก็จริงว่าท่านย่าของเธอไม่ได้ชื่นชอบมนุษย์ธรรมดา แต่ก็ไม่คิดว่าจะแสดงท่าทีรังเกียจถึงขนาดนี้
ทีแรกเด็กสาวตั้งใจจะแก้ความเข้าใจผิดของผู้เป็นย่าว่าเอเวนเป็นผู้ใช้เวท แต่แล้วเธอก็ต้องเปลี่ยนใจ เพราะว่าสำหรับเธอแล้วการเป็นผู้ใช้เวทหรือมนุษย์ธรรมดานั้นไม่ได้สำคัญอะไร มันไม่ใช่สิ่งที่จะระบุถึงความเป็นตัวตนของใครสักคน
สิ่งสำคัญกว่านั้นคือการที่ท่านย่ามาอยู่ในสถานที่แห่งนี้ต่างหาก
“ท่านยังไม่ได้ตอบคำถามข้าเลย ทำไมท่านย่าถึงมาอยู่ที่นี่ได้คะ”
คนถูกถามนิ่งเงียบไม่ตอบอะไรอีกเหมือนเคย แต่สายตาเย็นชากลับปรากฏแววหมองเศร้าขึ้นอีกครั้ง มิเวลไม่จำเป็นต้องรู้เรื่องนี้ เธอไม่ต้องการให้ใครมารับรู้ทั้งนั้น และไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอก็จะขอกุมความเป็นจริงตลอดไปจนกระทั่งลงหลุมศพไปด้วยกันนั่นแหละ
“เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้” เสียงเย็นเอ่ย “พวกเจ้าออกไปจากที่นี่ซะ”
แต่คำตอบของคนสูงวัยกว่ากลับทำให้มิเวลต้องรู้สึกฉุน เริ่มไม่ไว้ใจคนตรงหน้ามากขึ้นทุกที ทั้งที่อีกฝ่ายมีสายเลือดเดียวกันและเป็นถึงท่านย่าของเธอแท้ๆ แต่ยิ่งเมอีมห์ทำแบบนี้เธอก็ยิ่งสงสัย เห็นได้ชัดว่าเจ้าเผ่ามายามีเรื่องอะไรปิดบังแน่นอน ยิ่งมีเรื่องปิดบัง เธอก็ยิ่งอยากรู้
“ที่นี่คือนครสาบสูญใช่มั้ยคะ” เด็กสาวมองสบสายตากลับไปอย่างไม่ยอมแพ้ เธอจะมายอมแพ้แค่นี้ได้อย่างไรในเมื่อมีมิลองเป็นเดิมพัน เพราะฉะนั้นเธอจะต้องเค้นความจริงจากผู้เป็นย่าให้ได้
แม้ว่าสีหน้าของคนถูกถามจะราบเรียบไม่เปลี่ยนแปลง แต่แววตาของเมอีมห์กลับสั่นไหวเล็กน้อย ทำให้มิเวลมั่นใจมากขึ้นว่าที่นี่คือนครสาบสูญจริงๆ
แต่ความมั่นใจนั้นกลับมาพร้อมกับความไม่เข้าใจอย่างใหญ่หลวง ถ้าอย่างนั้นทำไมเมอีมห์ถึงมาอยู่ที่นี่ ทั้งที่รู้ดีอยู่แก่ใจว่ามิลองถูกลักพาตัวไปไว้ที่นครสาบสูญ และรู้ดีว่าเธอออกเดินทางไปยังที่แห่งนั้นเพื่อที่จะพาตัวมิลองกลับมาให้ได้
เพราะอะไร...
เด็กสาวมองผู้เป็นย่าด้วยความรู้สึกอัดแน่นซึ่งเธอไม่แน่ใจว่าตัวเองรู้สึกอะไรกันแน่ ทั้งเจ็บแปลบในหัวใจและโกรธเคืองคนตรงหน้ามากเหลือเกิน หลานชายแท้ๆ ถูกลักพาตัวไป ทั้งที่รู้ว่าเขาอยู่ที่ไหน แต่เมอีมห์กลับปิดบังมาโดยตลอด
“มิลองอยู่ที่ไหนคะ” เสียงสั่นเอ่ยถามพร้อมกับก้าวเดินเข้าไปหาคนตรงหน้า สายตาไม่ยอมแพ้จ้องเขม็งไปที่อีกฝ่ายอย่างคาดคั้น เบื้องหลังของผู้เป็นย่าคือวอลที่ยังคงนอนไม่ได้สติอยู่กับพื้น แต่ในเวลานี้เด็กสาวกลับมีเรื่องของมิลองอยู่เต็มหัวจนแทบลืมไปเสียแล้วว่าเขานอนอยู่ตรงนั้น
“ข้าบอกให้พวกเจ้าออกไปเดี๋ยวนี้!” แววตาของเมอีมห์วาวโรจน์พร้อมกับเงื้อแขนขวาขึ้นสูง แล้วออกแรงดึงหอกยาวสีดำขนาดยักษ์ออกมาจากกลางอากาศ หากจำเป็นต้องใช้กำลังกัน เธอก็คงไม่มีทางเลือกอื่น ต่อให้ต้องสู้จนเลือดตกยางออกกันไปข้าง มันก็ยังดีกว่าการที่จะให้หลานสาวของเธอมารับรู้เรื่องนี้
มิเวลจับดาบที่เอวแน่นด้วยความรู้สึกเจ็บปวด มันไม่มีหนทางอื่นอีกแล้วจริงๆ เหรอ เธอไม่ได้อยากสู้กับท่านย่า เธอแค่อยากพบมิลองเท่านั้น เธอก็แค่อยากเห็นหน้าเขาเพื่อให้รู้ว่าเขายังปลอดภัยดี ไม่ว่าตอนนี้เขาจะอยู่ที่ไหนก็ตาม
มิลอง...เจ้าอยู่ที่ไหนกัน
ทันใดนั้นเองเอเวนก็สัมผัสความรู้สึกบางอย่างได้ อะไรบางอย่างกำลังพุ่งตรงมาที่เขาด้วยความเร็วสูง เด็กหนุ่มรีบคว้าดาบเงินออกมาพร้อมกับหันขวับไปรับมือกับอะไรบางอย่างนั่น
แต่ร่างปริศนากลับกระโดดข้ามหัวเขาไปยังใครอีกคนที่อยู่ข้างหลัง
“มิเวล!” เด็กหนุ่มตะโกนลั่นเรียกชื่อเด็กสาวซึ่งยืนขนานกับเขาอยู่พอดี
ผู้เป็นเจ้าของชื่อหันขวับไปมองเอเวนตามเสียงเรียก แต่ไม่ทันไรเธอก็ถูกร่างหนึ่งกระโจนเข้าหาสุดแรง สองแขนกอดรัดตัวเธอไว้แน่น
มิเวลยืนนิ่งค้างไปอย่างอึ้งๆ รู้สึกสับสนว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมจู่ๆ ถึงมีใครก็ไม่รู้พุ่งตัวเข้ามากอดเธอ นัยน์ตาสีแดงหลุบต่ำมองคนที่กำลังกอดรัดอยู่ด้วยความงงงวย
เส้นผม...สีแสด...
คนถูกกอดรู้สึกหายใจติดขัดขึ้นมาทันควันขณะมองเด็กหนุ่มในอ้อมกอดค่อยๆ เงยหน้าขึ้นมาทีละนิด นัยน์ตาสีแสดซึ่งแฝงไว้ด้วยความเศร้าสร้อยเลื่อนขึ้นมองสบสายตากับเธอพอดี
“มิเวล”
นี่ไม่ใช่ความฝันใช่มั้ย เขาอยู่ตรงนี้จริงๆ ใช่มั้ย คนที่กำลังกอดเธออยู่ตอนนี้ก็คือคนที่เธอเฝ้าตามหามาโดยตลอด...
“มิ...ลอง”
ภาพความทรงจำในวัยเด็กฉายแวบขึ้นมาในหัว ตอนเด็กๆ พวกเธอชอบเล่นซ่อนแอบกันเป็นประจำ มิลองเล่นเก่งมาก ตามหาตัวเธอเจอได้ในเวลาเพียงน้อยนิดอยู่เสมอ แถมยังหนีไปซ่อนตัวได้อย่างไร้ร่องรอยอีกด้วย เธอไม่เคยตามหาเขาเจอเลยสักครั้ง จนทำให้ในที่สุดเขาก็ต้องเป็นฝ่ายออกมาหาเธอเอง
เหมือนอย่างครั้งนี้...
ใบหน้าไร้เดียงสาของเด็กหนุ่มปรากฏรอยยิ้มขึ้นจางๆ มิเวลจำรอยยิ้มอบอุ่นของอีกฝ่ายได้ดี มิลองไม่เปลี่ยนไปเลย เขายังคงเป็นมิลองผู้น่ารักคนที่อยู่ในความทรงจำของเธอไม่มีผิดเพี้ยน เขากลับมาหาเธอแล้ว เขาอยู่กับเธอตรงนี้แล้วจริงๆ
นัยน์ตาสีแดงสั่นไหวระริกพร้อมกับยกแขนทั้งสองข้างขึ้นกอดตอบน้องชายผู้เป็นที่รักด้วยความคิดถึงสุดหัวใจ เธอจะจับมือเขาเอาไว้ ไม่ให้พวกเธอทั้งคู่ต้องพรากจากกันอีกเป็นครั้งที่สอง
แต่ทว่า...
ฉึก!!
นัยน์ตาสีแดงเพลิงเบิกกว้าง มองกริซในมือของมิลองด้วยความตกตะลึง หลังจากที่มีมือหนึ่งพุ่งเข้ามาฉุดกระชากตัวมิเวลให้ออกห่างจากเด็กหนุ่มตรงหน้าได้ทันเส้นยาแดงผ่าแปด ทำให้กริซเล่มคมปะทะเข้ากับดาบเงินของเอเวนแทน
ทำไม...
เจ้าของฉายาผู้รอบรู้จ้องเขม็งไปยัง ‘ศัตรู’ ตรงหน้าด้วยสายตาเย็นชา พร้อมกับกำด้ามดาบเงินเอาไว้มั่นขณะที่โอบมิเวลเอาไว้ในอ้อมแขนอีกข้าง พอได้มอง ‘มิลอง’ ชัดๆ แล้วเขาก็ต้องรู้สึกผิดสังเกต มิเวลเคยบอกว่าเธออายุห่างกับน้องชายแค่ปีเดียวเท่านั้น แต่คนตรงหน้ากลับดูเด็กกว่าผู้เป็นพี่สาวพอสมควร อาจจะอายุน้อยกว่าสักสามหรือสี่ปีเลยด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นอีกฝ่ายต้องไม่ใช่มิลองตัวจริงอย่างแน่นอน
คนตกเป็นเป้าสายตามีสีหน้าเรียบสนิท มองกริซในมือตัวเองอยู่พักหนึ่งก่อนที่จะเลื่อนสายตาไปยังเอเวนและมิเวลซึ่งกำลังเขม็งมาที่เขาไม่วางตา จากนั้นนัยน์ตาสีแสดก็เลื่อนไปยังเมอีมห์ซึ่งอยู่ด้านหลังของทั้งคู่
“ท่านดูไม่แปลกใจเลยนะ” จู่ๆ ก็มีเสียงปริศนาของใครบางคนเอ่ยขึ้น ทำให้พวกมิเวลต้องหันมองรอบด้านด้วยความฉงนว่าเสียงดังกล่าวดังมาจากทางไหน “...ท่านเจ้าเผ่า”
ทันใดนั้นเองตรงที่ว่างข้างกายมิลองก็ปรากฏเงาจางๆ ของอะไรบางอย่าง ก่อนที่เงานั้นจะค่อยๆ ฉายชัดเป็นรูปเป็นร่างมากขึ้นจนกระทั่งกลายเป็นร่างของเด็กหนุ่มคนหนึ่งในชุดสูทลายทางตรงสีขาวสลับดำ สวมหมวกทรงสูงปิดเส้นผมสีน้ำตาลอ่อน ปอยผมด้านหน้ายาวปรกลงมาปิดตาข้างขวา แต่ยังคงเผยให้เห็นดวงตาสีมรกตอีกข้างหนึ่ง ดูๆ แล้วน่าจะอายุมากกว่าพวกมิเวลไม่มากนัก
เด็กหนุ่มปริศนาแบมือขวาตัวเองออก เผยให้เห็นว่าบนฝ่ามือสลักเป็นรูปปัดนาฬิกาจนเต็มพื้นที่ มีเข็มนาฬิกาหมุนติ้วๆ อยู่ด้วยความเร็วสูง ใบหน้าบึ้งตึงเหลือบมองนาฬิกาบนฝ่ามือแวบหนึ่งก่อนจะส่งเสียงสบถออกมาด้วยความไม่พอใจ
“ช้าไปเหรอเนี่ย” เสียงพึมพำบ่นอย่างหงุดหงิด
มิเวลตั้งใจจะเอ่ยปากถามว่าอีกฝ่ายเป็นใคร แต่แล้วเธอก็แทบหัวใจสลายเมื่อจู่ๆ เด็กหนุ่มนิรนามก็ใช้สันมือฟาดเข้าที่หลังคอของมิลองอย่างแรง
“มิลอง!”
ผู้เป็นพี่ตั้งใจจะวิ่งเข้าไปหาน้องชายด้วยความเป็นห่วงแม้ว่าจะยังไม่รู้ว่าก่อนหน้านี้มันเกิดอะไรขึ้นก็ตาม แต่เธอกลับถูกคนข้างกายคว้าแขนหมับรั้งตัวเอาไว้เสียก่อน
เอเวนจ้องเขม็งไปยังผู้มาใหม่ด้วยสายตาเคร่งเครียด ในใจพร่ำตำหนิตัวเองว่าไม่ควรสะเพร่าเลยจริงๆ เขาไม่น่ายอมให้มิเวลมาที่นี่เลย โดยเฉพาะในเวลาที่เขาไร้พลัง แถมยังต้องมาเผชิญหน้ากับศัตรูประเภทที่รับมือยากที่สุดแบบนี้
นัยน์ตาสีอำพันเป็นประกายกร้าวขณะมองคนตรงหน้าทำอะไรบางอย่างกับมิลอง ทำให้ร่างสลบไสลที่มีพลังบางอย่างห่อหุ้มตัวเอาไว้ค่อยๆ ลอยขึ้นจากพื้นดินเล็กน้อย ร่างในชุดสูทใช้มือขวาจับคอของคนไม่ได้สติเอาไว้ ทันใดนั้นเองร่างกายของมิลองก็ปรากฏเป็นรูปหน้าปัดนาฬิกาขึ้นทั่วทั้งร่าง ทั้งมิเวลและเอเวนต่างก็มองสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยความไม่เข้าใจว่าอีกฝ่ายกำลังอะไรอยู่กันแน่
บุรษปริศนาจับมิลองค้างเอาไว้อยู่ชั่วครู่ จนในที่สุดก็ปล่อยมือออก ทันทีที่คอของเด็กหนุ่มเป็นอิสระรูปนาฬิกาบนตัวเขาก็หายวับไป พร้อมกับที่ร่างของมิลองล้มพลั่กลงกับพื้น นัยน์ตาสีแสดเปิดค้างดูล่องลอยไร้ชีวิต
“มิลอง!!” เสียงแตกพร่ากรีดร้องด้วยความเจ็บปวด นัยน์ตาสีแดงเบิกกว้างมองภาพตรงหน้าด้วยความตกตะลึง
เด็กสาวพยายามดิ้นสุดชีวิตให้ตัวเองหลุดจากการอ้อมแขนของเอเวน แต่ไม่ว่าเธอจะทุบจะตีแรงแค่ไหน คนแรงเยอะกว่าก็ไม่ยอมปล่อย เนื่องจากตอนนี้เอเวนไม่มีเวลามานั่งปลอบใจมิเวลเพราะกำลังปวดหัวอยู่กับการคิดหาวิธีหนีจากศัตรูตรงหน้า เขาเคยประมือกับพวกมันมาแล้วครั้งหนึ่ง เพียงแค่สัมผัสไอเวทอันน่าสยองขวัญของคนตรงหน้าเขาก็รู้ได้ทันทีว่ามันเป็นพวกเดียวกันกับหยาดน้ำตาของพระผู้เป็นเจ้า เจ้าพวกนี้กุมเรื่องของคารอฟเอาไว้ ยังไงก็ต้องเค้นคำตอบจากพวกมันให้ได้ ถ้าหากเป็นเวลาอื่นเขาคงไม่มีวันหนีเด็ดขาด แต่ไม่ใช่ในเวลาอย่างนี้...เวลาที่ทั้งเขาและมิเวลต่างก็ไม่ได้อยู่ในสภาพที่จะสู้ได้กันทั้งคู่
“เจ้าจะฟูมฟายไปทำไม นี่มันตุ๊กตาของข้า ใช่น้องชายของเจ้าซะที่ไหน” เสียงห้วนพูดบ่นอย่างรำคาญ
“ตุ๊กตา...?” มิเวลทวนอย่างงุนงง พร้อมกับเหลือบมองไปยังร่างคุ้นตาของผู้เป็นน้องที่ยังคงนอนแน่นิ่งอยู่แทบเท้าคนตรงหน้า เดี๋ยวนะ มันหมายความว่ายังไงกัน เขาหมายความว่ามิลองคนนั้นไม่ใช่มิลองตัวจริงอย่างงั้นเหรอ
“ข้าใส่เวลาผิดไปหน่อย เจ้าตุ๊กตานี่มันเลยแทงเจ้าช้าไป” เสียงห้วนร่ายคำบ่นต่อด้วยน้ำเสียงเซ็งๆ ราวกับว่าเป็นเรื่องผิดพลาดเล็กน้อยที่แสนน่ารำคาญ พร้อมกับใช้เท้าเขี่ยๆ ‘ตุ๊กตามิลอง’ บนพื้นอย่างหงุดหงิด เขาไม่ถนัดควบคุมเลยจริงๆ เขาชอบสร้างมากกว่า สร้างง่ายกว่ากันตั้งเยอะ
ตุ๊กตาของข้า... ใส่เวลา...
ขณะเดียวกันนั้นเอเวนกำลังวิเคราะห์คำพูดของศัตรูตรงหน้า หรือว่ามันจะหมายถึงการสร้างตุ๊กตาด้วยการใส่เวลา ถ้าอย่างนั้นเจ้าหมอนี่อาจจะเป็นพระผู้สร้าง...
“เจ้าเป็นใคร” มิเวลเอ่ยถามขึ้นพร้อมกับกดความรู้สึกสับสนเกี่ยวกับเรื่องที่มิลองเป็นตัวปลอมเอาไว้อย่างสุดความสามารถ แม้ว่ามันจะแทบทำให้เธอล้มทั้งยืนก็ตาม แต่เธอจะแสดงความอ่อนแอของตัวเองให้ใครเห็นไปมากกว่านี้ไม่ได้อีกแล้ว ต่อให้โกรธแค้นอีกฝ่ายที่หลอกลวงมากแค่ไหน เธอก็ไม่มีเวลามาสนใจเรื่องนั้น
นัยน์ตาสีมรกตตวัดไปที่คนถามอย่างไม่พอใจ เขาไม่ชอบให้ใครมาถามเซ้าซี้ ถ้าก่อนหน้านี้ใส่เวลาให้ตุ๊กตาถูกนะ เขาก็ไม่ต้องมาทนฟังเสียงของเจ้าหนูหัวแดงแบบนี้ แย่ชะมัด ไม่น่าพลาดเลยจริงๆ ถ้าจิเซลรู้เรื่องนี้ เขาคงถูกหัวเราะเยาะตายเลย
“ข้าชื่อคูส” เสียงห้วนเอ่ยตอบอย่างเซ็งๆ “พวกข้าสัมผัสได้ว่ามีหนูบุกรุกเข้ามาในนครสาบสูญ แล้วข้าดันดวงซวย อยู่ใกล้ที่สุด ก็เลยถูกโยนงานมาให้”
เด็กสาวทำตาโตทันทีเมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดถึงนครสาบสูญ
“เจ้าหมายความว่าที่นี่คือนครสาบสูญจริงๆ ใช่มั้ย” มิเวลร้องถามอย่างคาดหวัง ถ้างั้น...มิลองก็ต้องอยู่ที่นี่... “แล้วมิลองล่ะ น้องชายของข้าอยู่ที่ไหน”
คูสเห็นเด็กสาวดูท่าทางเป็นจะตายเหลือเกินจึงแค่นหัวเราะออกมาอย่างเวทนา ทั้งที่เพิ่งเฉลยไปว่าเป็นตุ๊กตามิลองแท้ๆ แต่เจ้าเด็กหัวแดงนี่ยังคิดอยู่อีกเรอะว่าไอ้มิลองมันอยู่ที่นี่จริงๆ
“เจ้าเพี้ยนไปแล้วรึไง ผู้ใช้เวทที่ไหนจะอยากมาอยู่ในที่รกร้างแบบนี้ โดยเฉพาะที่นี่ในอดีต...”
ทันใดนั้นเองก็มีแสงสว่างปรากฏวาบขึ้นเป็นรูปวงกลมขนาดยักษ์ที่พื้นดิน คูสหายตัววับไปปรากฏตัวอยู่กลางอากาศ นัยน์ตาสีมรกตหรี่มองร่างของตุ๊กตามิลองบนพื้นเบื้องล่างค่อยๆ หลอมละลายจนกลายเป็นเพียงซากไม้ ก่อนจะเลื่อนสายตาไปยังเอเวนกับมิเวลภายในเวทเกราะป้องกันของเมอีมห์ รู้สึกฉุนขาดขึ้นมาโดยพลัน
“ข้าก็สงสัยอยู่เชียวว่าทำไมเจ้าเผ่าอย่างท่านถึงได้ปิดปากเงียบเหลือเกิน ที่แท้ก็กำลังเค้นพลังหาจังหวะเล่นงานข้าอยู่นี่เอง” ใบหน้าไม่สบอารมณ์มองคนสูงวัยซึ่งยืนเด่นเป็นสง่าอยู่หน้าเกราะป้องกัน ก่อนที่จะปรากฏรอยยิ้มเหี้ยมขึ้นตรงมุมปากเล็กน้อยด้วยอารมณ์คุกรุ่น “...แต่จะว่าไปแล้ว พอข้าพูดถึงที่นี่ท่านก็ดูร้อนรนแปลกๆ นะ เป็นอะไรไปล่ะท่านเจ้าเผ่า อย่าบอกนะว่าท่านไม่ได้เล่าเรื่องของนครสาบสูญแห่งนี้ให้เจ้าพวกนี้ฟัง”
“หุบปาก!”
เสียงแข็งตวาดลั่นพร้อมกับระเบิดพลังมหาศาล วงกลมแสงบนพื้นดินปรากฏแสงสว่างวาบขึ้นอีกครั้งพร้อมกับมีสายลมพุ่งพรวดออกมาตามเส้นรอบวง พลังของผู้ดำรงตำแหน่งสูงสุดแห่งเผ่ามายาเป็นธาตุแสงก็จริง แต่เมอีมห์ก็ยังมีพรสวรรค์ในการใช้ธาตุบริสุทธิ์ได้อย่างไร้ที่ติ ทำให้เธอกลายเป็นที่น่าเกรงขามในหมู่ชาวเผ่ามายาจนกระทั่งได้รับตำแหน่งเจ้าเผ่าตั้งแต่อายุยังน้อย
เหล่าสายลมทั้งหลายพุ่งเข้าโจมตีใส่คูสที่ลอยอยู่เบื้องบนพร้อมกัน แต่คนตกเป็นเป้ากลับขยับตัวหลบได้อย่างคล่องแคล่ว ก่อนที่จะหายตัววับไปกลางอากาศ
เมอีมห์เร่งมองหาร่างศัตรูด้วยความร้อนรน ทันใดนั้นเองเธอก็ต้องรีบใช้เวทเคลื่อนย้ายขยับทั้งตัวเธอและเกราะป้องกันพวกมิเวลให้หลบไปพ้นทาง เมื่อจู่ๆ พื้นดินเบื้องล่างของทั้งสามก็แยกออกจากกันโดยไม่ทันให้ตั้งตัว เจ้าเผ่ามายาทำหน้าเครียดทันทีที่เห็นว่ามีกล่องไม้ขนาดยักษ์โผล่โพรดออกมาจากรอยแยกที่พื้น บานประตูของกล่องไม้ปริศนาเปิดอ้าออก พร้อมกับมีตุ๊กตาไม้พากันคืบคลานออกมาเป็นจำนวนมาก แต่ละตัวประดับรอยยิ้มแสยะแบบเดียวกันกับรอยยิ้มบนใบหน้าของผู้เป็นเจ้าของไม่มีผิด
เมอีมห์เบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อสัมผัสถึงไอเวทจากตุ๊กตาประหลาดพวกนั้นได้... เป็นไปไม่ได้ เธอไม่เคยพบเจออะไรพิสดารแบบนี้มาก่อน แต่ละตัวมีไอเวทเป็นของตัวเองได้ยังไง!
แต่คนที่รู้สึกคุ้นเคยกับเวทชนิดนี้เป็นอย่างดีก็คือเอเวน เด็กหนุ่มเพ่งสายตาเคร่งเครียดไปยังเหล่าตุ๊กตาไม้ยั้วเยี้ยพวกนั้นด้วยความแปลกใจ เขาจำได้แม่นว่าตัวเองเคยสู้กับหยาดน้ำตาของพระผู้เป็นเจ้าคนหนึ่งที่มีพลังแบบเดียวกันนี้ เจ้านั่นแนะนำตัวเองว่าชื่อแอช... ทำไมเจ้าชุดสูทนี่ถึงใช้พลังแบบเดียวกันได้
หรือว่าเป็นพลังประเภทหนึ่งที่พวกหยาดน้ำตาใช้ได้กันอยู่แล้ว?
เนื่องจากตุ๊กตาแต่ละตัวมีพลังเวทเป็นของตัวเอง เจ้าเผ่ามายาจึงถูกบีบให้ต้องขยับตัวออกห่างจากผู้เป็นหลานและตึงมืออยู่กับเวทโจมตีหลากหลายชนิดของศัตรู ขณะที่เมอีมห์กำลังรับมือกับเหล่าตุ๊กตาไม้ด้วยหอกยาวคู่ใจนั่นเอง คูสก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งตรงหน้าเกราะป้องกันพวกมิเวล
“พวกเจ้าอยากรู้ใช่มั้ยว่ามันเกิดอะไรขึ้นที่นี่” เสียงเรียบเอ่ยขึ้นอย่างสะใจ เมื่อคิดว่าเขาจะทำให้เมอีมห์ต้องสติแตกหลังจากนี้ได้แน่นอน “และเจ้าก็อยากรู้ว่ามิลองอยู่ที่ไหน”
มิเวลรู้สึกคล้อยตามไปกับคำพูดของคูสทันที เขาพูดถูก เธออยากรู้ว่าท่านย่ากำลังปิดบังเรื่องอะไรอยู่ และเรื่องสำคัญที่สุดก็คือเรื่องของมิลอง เธออยากรู้ว่าตอนนี้เขาอยู่ที่ไหน
คนถูกถามตัดสินใจพยักหน้าเบาๆ เป็นคำตอบ ทำให้รอยยิ้มแสยะของอีกฝ่ายกว้างขึ้นอย่างพอใจ
“อย่านะ!”
เวทแสงพุ่งตรงออกจากร่างของเมอีมห์ ตรงเข้าใส่คูสด้วยความเร็วสูง แต่เวทของเมอีมห์กลับปะทะเข้ากับเกราะป้องกันของคูส ทำให้พลังโจมตีสลายหายวับไปในพริบตา
คูสหัวเราะหึๆ ในลำคออย่างชอบใจ ก่อนจะหันกลับไปเผชิญหน้ากับมิเวล
“ที่นี่ก็คือ...เบื้องล่างของหมู่บ้านฟรอซเซล เป็นเมืองของผู้ใช้เวทเมื่อสามร้อยปีก่อน ก่อนที่จะถูกพวกมนุษย์ธรรมดากวาดล้างจนเหลือแค่ซากอย่างที่เห็น...ท่านเจ้าเผ่ามายาผู้น่านับถือได้ร่วมมือกับรัฐบาลมนุษย์ ช่วยปกปิดความเป็นจริงในประวัติศาสตร์ด้วยการใช้เวทมายาอันทรงพลังซ่อนเอาไว้ยังไงล่ะ”
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
โปรดติดตามตอนต่อไป!!
โฮป
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 6 ก.ค. 2560, 01:16:09 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 6 ก.ค. 2560, 01:17:32 น.
จำนวนการเข้าชม : 585
<< Episode 39 : || ผ่านรูกุญแจ || |