เจ้าชายในฝัน
เจ้าชายคนรองแห่งอียิปต์ต้องปลอมตัวออกตามหา กาฬศิลา เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตน ทว่า ใครจะรู้เล่า ระหว่างการเดินทางนั้น หัวใจของพระองค์ก็ถูกพิสูจน์ด้วยเช่นกัน
Tags: อียิปต์ ฟาโรห์ ย้อนยุค ทะเลทราย เจ้าชาย

ตอน: ตอนที่ 3 (1)

ปกติอินเนเฟอร์จะไปตลาดไปทุก ๆ สามวันหรือตามแต่จำเป็น เพื่อไปหาของใช้ส่วนตัว ส่วนจำเป็นสำหรับโรงเบียร์ และของพวกคนงาน มีบางครั้งที่คนงานในบ้านจะฝากของที่ทำขึ้นมาเอง เช่น ผ้าปัก หรืออาหารอย่างเนื้อตากแห้ง ให้นำไปแลกของที่ต้องการมาให้ด้วย

และวันนี้ก็ถึงกำหนดที่ต้องไปตลาดอีกครั้งเนื่องจากได้นัดแนะกับคนขายผ้าไว้เมื่อคราวก่อน อินเนเฟอร์แต่งตัวดีกว่าชุดอยู่บ้านประจำวัน ใส่ตุ้มหูและกำไลไว้ด้วย ตูตูยามักจะตามไปเพื่อช่วยจูงลาซึ่งจะบรรทุกของในบ้านไปและแบกของที่แลกได้กลับมา

ทว่าวันนี้ บ่าวคนสนิทไม่ต้องไปจูงลามารับเหมือนเช่นทุกวัน เพราะมีคนมาขอตามไปด้วย โดยรับอาสาจะจูงลาไปให้

ระหว่างยืนรอ ตูตูยาก็กระซิบกระซาบกับอินเนเฟอร์เรื่องคนมาใหม่ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวของเขา อย่างเช่น “เงียบกริบเลยเจ้าค่ะคุณหนู วัน ๆ พูดแค่จำเป็น หยิ่งเหมือนกันนะเจ้าคะ” จนถึงเรื่องที่คนอื่นกระทำกับเขา อย่าง “โอ๊ย นังพวกเด็กสาว ๆ วี๊ดว้ายกันใหญ่ หาว่าผู้ชายพูดน้อยไม่น่ารำคาญ รูปร่างก็ง๊าม งาม นี่ถ้าไม่มีรอยบากบนหน้าคงงามอย่างนู้น งามอย่างนี้ ไหวที่ไหนเล่าเจ้าคะ”

อินเนเฟอร์ตัดสินไม่ได้ว่าที่ว่าจะ ‘ไหวที่ไหน’ นั้น หมายถึงเหล่าสาว ๆ หรือชายหนุ่มผู้มาใหม่กันแน่ แต่เท่าที่เห็นเขารับอาสาเป็นผู้ช่วยขนเบียร์ไปส่งและคอยรับข้าวของตอบแทนจากยุ้งฉางหลวงอย่างขยันขันแข็งแล้ว ก็ไม่เห็นจะเอาที่ใดมาติได้

รอไม่ถึงอึดใจ ร่างสูงของชายหนุ่มผู้ถูกพูดถึงก็ก้าวข้ามช่องว่างของรั้วเตี้ยเข้ามาพร้อมลาสองตัว ซาทค้อมศีรษะให้อินเนเฟอร์เล็กน้อยเมื่อเจอหน้า เจ้าของโรงเบียร์จึงหันไปสั่งคนสนิทให้นำลาตัวหนึ่งไปบรรทุกเบียร์เหยือกใหญ่สองเหยือกที่เตรียมไว้ในสำหรับแลกของที่ตลาด

เมื่อตูตูยาพาลาเดินจากไป สองหนุ่มสาวก็ยืนอยู่ด้วยกันลำพัง ชั่วขณะที่ความเงียบเข้าครอบงำ อินเนเฟอร์ก็ลอบสังเกตคนข้างเคียง เขาดูเงียบขรึมจริงอย่างที่ตูตูยาว่า ใบหน้าคมเข้มที่ประกอบไปด้วยดวงตาสีดำสนิท คิ้วเข้ม จมูกโด่งเป็นสัน ปากอิ่มเหยียดตรง และสันกรามเป็นแนว รวมกันดูได้สัดส่วนจนแม้เจ้าตัวจะทำหน้าเฉยเมยอยู่เป็นนิตย์ก็ยังน่ามอง รูปร่างสูงดูแข็งแกร่ง แผ่นหลังตั้งตรงจนส่งให้ดูสง่างาม

... ‘สง่างาม’ …

อินเนเฟอร์ถามตัวเองในใจ นี่นางกำลังคิดว่าบ่าวในบ้านที่เคยเป็นนักรบไร้สังกัดดู สง่างาม งั้นหรือ!

“คุณหนูเคยไปวิหารเทพฮอรัสหรือไม่”

อยู่ ๆ ชายหนุ่มก็ถามออกมา อินเนเฟอร์ตกใจเล็กน้อย แต่ก็ตอบได้อย่างปกติ

“เคย ตอนข้ามาอยู่ที่นี่ใหม่ ๆ แต่ก็เข้าได้แค่ส่วนที่อนุญาตนะ เพราะตอนนี้มีงานก่อสร้าง ที่ทางยิ่งจำกัด” หญิงสาวหยุดถาม “เหตุใด เจ้าอยากไปรึ”

ชายหนุ่มนิ่งคิด “หากมีโอกาส”

“ข้าจะอนุญาตก็ได้ การไปสักการะเทพเจ้าย่อมนำมาแต่ความดีงาม”

เธอบอกน้ำเสียงจริงใจ ในขณะที่ชายหนุ่มมองตอบด้วยแววตาที่ดูอ่อนลง หญิงสาวนึกสงสัยจึงถามอีกครั้ง

“เจ้าคงไม่เคยมาเนเคนเลยสินะ”

“เคย เมื่อนานมาแล้ว”

ซาทตอบพลางเอาผ้าสีน้ำตาลผืนใหญ่โพกคลุมศีรษะปกปิดใบหน้าไว้ส่วนหนึ่ง อินเนเฟอร์เองก็มีผ้าเอาไว้โพกกันแดดเช่นกัน ทว่าไม่คลุมลงมาปิดใบหน้าอย่างที่ซาททำ หญิงสาวคิดว่าเขาอาจต้องการปกปิดรอยแผลก็เป็นได้ แต่ก็แปลกอยู่ที่แผลเป็นแทบไม่ถูกปกปิดอันใด ดูแล้วเหมือนเขาจะอยากปิดหน้าข้างที่ไร้แผลมากกว่า

“มาแล้วเจ้าค่ะ”

ตูตูยาเอ่ยเสียงดังพร้อมกับลาที่มีเหยือกเบียร์ขนาดใหญ่ผูกห้อยอยู่ข้างตัวทั้งสองด้าน

อินเนเฟอร์ตรวจสอบดูความเรียบร้อยอีกครั้งก่อนจะเดินนำหน้าออกประตูไป



“นี่นะเจ้าคะคุณหนู เมื่อครู่ที่ข้าน้อยเข้าไปในโรงเบียร์นะเจ้าคะ นังพวกสาว ๆ จะขอตามมาด้วยกันใหญ่”

ตูตูยาเอ่ยขึ้นทันทีที่ก้าวพ้นประตูออกมาได้

“เหตุใดรึ หรือพวกนางอยากมาเที่ยวบ้าง”

อินเนเฟอร์แสร้งถาม เดาอยู่ในใจว่าคำตอบน่าจะเป็นอื่น

“เที่ยวหรือเจ้าคะ นังพวกนี้เที่ยวบ่อยแล้วละเจ้าค่ะ เวลาว่าง ๆ ช่วงบ่ายน่ะชอบออกไปข้างนอกประจำ ดีไม่ดีจะได้ไปมากกว่าคุณหนูด้วยซ้ำ เพียงแต่...” บ่าวสาวชำเลืองมองกลับหลังไปยังชายที่จูงลาตามมา แล้วพูดด้วยเสียงดังขึ้น นัยว่าจะให้ได้ยินกันทั้งหมด “ก็อยากตามพ่อหนุ่มหน้าเฉยท่าเข้มที่มาวันนี้อย่างไรเล่าเจ้าคะ”

อินเนเฟอร์ได้แต่ส่ายหน้าคร้านจะว่ากระไร แต่ตูตูยาได้ทีก็ไม่ละ หันกลับไปถามชายหนุ่ม

“นี่ ซาท ข้าถามจริง ๆ อันที่จริงก็ควรถามให้รู้หัวนอนปลายเท้าบ้างอยู่แล้ว ...เจ้าน่ะ ดูวัยก็น่าจะออกเรือนแล้วนะ ไม่มีลูกมีเมียซ่อนอยู่ที่ใดบ้างรึ”

“เหตุใดต้องซ่อน”

เสียงนิ่ง ๆ ที่ตอบกลับมาทำให้อินเนเฟอร์รู้สึกขำ แต่ตูตูยาทำท่าฉุน

“เอ้า ไม่ซ่อนก็ได้ แล้วมีหรือยังเล่า”

“ไม่มี”

“ทำไมจะไม่มี เจ้าก็ท่าทางถูกใจสาวน้อยสาวใหญ่ปานนั้น ไม่มีจริงรึ”

“ไม่มี”

“วุ้ย” ตูตูยาทำท่าไม่ถูกใจ “ไม่มีจริงรึ ทำไมเล่า”

คราวนี้อินเนเฟอร์ตอบแทน “ไม่มีก็ไม่มีสิ”

ตูตูยาทำท่าตัดพ้อ แต่อินเนเฟอร์ปรามไว้เมื่อรู้สึกว่าบ่าวคนสนิทเริ่มวุ่นวายเรื่องผู้อื่นจนเกินงาม พลันทั้งสองก็ได้ยินเสียงทุ้มหัวเราะดัง หึหึ มาจากข้างหลัง

บ่าวคนสนิทปราดเข้ามากระซิบ “อุ้ย หัวเราะเป็นด้วยนะเจ้าคะคุณหนู”

“ถ้าเช่นนั้นนะ ซาท” ตูตูยายังทำลอยหน้าพูด “เจ้าก็ลองหาสักคนสิ จะได้ลงหลักปักฐานเสียตั้งแต่ตอนยังหนุ่มยังแน่น สาวที่โรงเบียร์นี่ก็ไม่เลวนะเจ้า มองหาไว้สักคนน่าจะไม่ผิดหวังนา”

คนยังหนุ่มฟังแล้วก็เงียบไปจนเกือบเหมือนจะไม่ตอบอันใด ทว่าจู่ ๆ เขาก็เอ่ยขึ้น

“ได้” ซาทเอ่ยเสียงเข้ม บางอย่างในน้ำเสียงนั้นทำให้อินเนเฟอร์หันหลังกลับโดยไม่ทันคิด แล้วก็ได้สบกับดวงตาวาว ๆ ที่มองมาอยู่แล้ว รอยยิ้มของเขาปรากฏขึ้นน้อย ๆ ยามพูด “ข้าจะลองหาดู”

อินเนเฟอร์รีบหันกลับไปมองทางข้างหน้า เกือบเดินสะดุดเสียด้วยซ้ำเมื่อรู้สึกคล้ายกับว่ายังถูกมองด้วยแววตาเช่นนั้นจากคนเดินตามหลังอยู่

“ขอโทษเถิด นั่นเบียร์ใช่หรือไม่”

เสียงถามจากชายโพกหน้าที่เดินสวนมาทำให้อินเนเฟอร์ชะงักจากห้วงความรู้สึก ชายผู้นั้นรูปร่างสูงท่าทางล่ำสันเหมือนจะยังหนุ่มนัก แต่ใส่เสื้อผ้ามอซอเนื้อตัวดูเปรอะไปด้วยฝุ่นดินราวกับเดินเร่ร่อนริมทางมาแล้วหลายวัน ตูตูยาดึงนายสาวออกห่างเล็กน้อย ในขณะทีอินเนเฟอร์พยักหน้าให้แทนคำตอบ

“ข้าขอแลกสักขวดได้หรือไม่ ข้ามีขวดมาเอง กับน้ำผึ้งนี่”

ชายผู้นั้นยื่นขวดใส่น้ำผึ้งขนาดย่อมออกมาให้ดู แต่อินเนเฟอร์ส่ายหน้า

“ขออภัยด้วยนะท่าน เบียร์ทั้งหมดนี้มีคนสั่งไว้แล้ว ข้าคงแบ่งไม่ได้”

ชายเร่ร่อนทำท่าผิดหวังแม้จะดูไม่ออกว่าเขามีสีหน้าเช่นไรภายใต้ผ้าโพกหน้า แต่แล้วซาทก็เอ่ยขึ้น

“ข้าพอมี”

เบียร์นั้นถือเป็นอาหารหลักที่นอกจากบ่าวจะได้รับจากเจ้าบ้านแล้ว ยังถือเป็นค่าแรงได้อีกด้วย จึงไม่แปลกนักหากซาทจะมีเก็บไว้เพื่อแลกสิ่งของที่ตนต้องการบ้าง

ชายหนุ่มปล่อยสายจูงลาล้วงหยิบเอาเบียร์ขวดกลมแป้นขนาดใหญ่กว่าฝ่ามือเล็กน้อยออกมาจากถุงที่ผูกไว้ข้างเอว ผู้เร่ร่อนรีบปราดเข้าไปหาเขาทันที ก่อนยื่นสิ่งของแลกเปลี่ยนกัน ก้มหน้าก้มตาทำท่าขอบคุณเหมือนดีใจจนสุดประมาณที่ได้เบียร์ไปประทังชีวิตก่อนเดินจากไป

ตูตูยาทักขึ้นเมื่อเห็นขวดน้ำผึ้งที่ถูกนำมาแลก

“ดูท่าเจ้าจะขาดทุนนะ ซาท”

“ไม่หรอก”

ซาททำท่าไม่ใส่ใจนัก ว่าพลางเก็บขวดน้ำผึ้งลงถุงก่อนกระตุกลาให้เดินต่อ ทุกคนจึงเริ่มออกเดินกันอีกครั้ง คราวนี้ตูตูยาไม่หาเรื่องคุยกับชายหนุ่มอีก กลับหันไปชวนนายสาวคุยกันพลางเดินกันพลาง จึงไม่มีผู้ใดทันเห็นว่า ในขณะเดียวกับที่มือข้างหนึ่งถือเชือกบังคับลา มืออีกข้างของซาทก็เก็บกระดาษปาปิรุสขนาดเล็กกว่าฝ่ามือเสียบไว้ในถุงข้างเอว และเดินตามหญิงสาวทั้งสองไปอย่างเงียบ ๆ ตลอดทาง


+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



วินตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 11 ก.ค. 2560, 22:37:25 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 11 ก.ค. 2560, 22:37:25 น.

จำนวนการเข้าชม : 666





<< ตอนที่ 2 (3 - จบตอน)   
วินตา 11 ก.ค. 2560, 22:38:29 น.
คุณแว่นใส่ >>> 555 เรียกว่ายายแก ตาถึง มั้งคะ


แว่นใส 12 ก.ค. 2560, 06:25:04 น.
แลกเปลี่ยนข่าวสารกันแล้ว
เมียหน่ะเล็งใครไว้น๊า


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account