Crazy Love Song เพลงรักลวงใจ
เธอ ฝันอยากจะเป็นนักร้อง เลือกเดินหนีจากทุกสิ่งเพื่อไขว่คว้าหาอิสระ
เขา นักดนตรีผู้ไร้ความฝัน เลือกเดินหนีจากทุกอย่างเพื่อไขว่คว้าหาที่พักของหัวใจ


พวกเขาจะพากันหนีไปจนสุดขอบฟ้า... หรือว่าจะดิ่งลงเหวไปด้วยกัน


Tags: วัยรุ่น,ดราม่า,ดนตรี,วง,รัก,ดาร์ก

ตอน: บทเพลงที่ 14

บทเพลงที่ 14
Interrogation



หลายวันต่อมาก็มีข่าวดีให้ทุกคนต้องเฉลิมฉลองอีกครั้งหนึ่ง เมื่อวง May-B ได้รับการคัดเลือกให้ผ่านเข้ารอบที่สอง ซึ่งถูกคัดออกจนเหลือแค่สิบวงเท่านั้น ดังนั้นบอยจึงเรียกซ้อมหนักขึ้นกว่าเดิม เพื่อเตรียมพร้อมเพลงที่สามสำหรับส่งเข้าประกวดในรอบต่อไป



เมื่อพวกไนท์ยุ่งอยู่กับการซ้อนดนตรีจนพวกเราไม่ค่อยได้คุยกัน ฉันจึงไม่มีโอกาสที่จะขอยาจากเขา เพราะว่าไม่ได้ไปที่ห้องของไนท์สักเท่าไหร่ และฉันมาหาเขาที่เดอะมิราเคิลแทน ซึ่งหลายวันที่ผ่านมานี้ ฉันสังเกตเห็นว่าไนท์ดูซึมๆ ไม่ได้ดูง่วงเหมือนแต่ก่อน แต่เหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ดูเหม่อลอย ไม่ค่อยอยากจะเล่นกีตาร์ ไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น จนทำให้บอยต้องเรียกเขาไปคุยอยู่หลายรอบเลยทีเดียว หลังจากนั้นไนท์ก็มักจะขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ซึ่งถือว่าบ่อยมาก แต่เมื่อกลับมาที่นี่อีกครั้งเขาก็จะดูร่าเริงขึ้นกว่าเดิมก่อนที่จะไปซ้อมเพลงกับพวกบอยต่อ



ส่วนฉันก็เริ่มรู้สึกคัดจมูกมาหลายวันแล้ว เหมือนกับว่ากำลังเป็นหวัด อีกทั้งยังมีน้ำมูกไหลอยู่เกือบตลอดเวลาจนน่ารำคาญมาก แต่คิดว่าอาการยังไม่ได้หนักอะไรถึงขนาดที่จะต้องไปหาหมอ ดังนั้นฉันก็เลยยังคงทำตามกิจวัตรประจำวันอยู่เช่นเดิม



วันนี้ฉันมาที่เดอะมิราเคิลอีกเช่นเคย เมื่อเข้าช่วงพักหลังจากที่พวกเขาซ้อมติดต่อกันนานเกือบสามชั่วโมง ไนท์ก็เดินมานั่งข้างๆ ฉันที่โซฟา



ฉันหันไปมองคนข้างกายด้วยความเป็นห่วง วันนี้เขาดูซึมๆ อีกแล้ว ไม่พูดไม่จากับใครเลย มาถึงก็เอาแต่ซ้อมอย่างเดียว แถมยังดูไม่ค่อยอยากจะซ้อมเท่าไหร่ด้วย บอยเองก็คงจะสังเกตได้ว่าไนท์แปลกๆ ไปเหมือนกัน เพราะว่าในระหว่างที่กำลังซ้อมอยู่นั้น เขาหันไปมองไนท์ด้วยสายตาตำหนิอยู่หลายรอบเลยทีเดียว



“ไนท์...” ฉันเกริ่นอย่างกล้าๆ กลัวๆ ตอนแรกฉันคิดอยากจะขอยาวิเศษจากเขา แต่แล้วก็ต้องเปลี่ยนใจเพราะว่าไม่กล้า ดังนั้นฉันจึงเปลี่ยนไปถามเรื่องที่กำลังกังวลอยู่ตอนนี้แทน “นายมีเรื่องอะไรรึเปล่า บอกฉันได้นะ”



ชายหนุ่มหันมายิ้มน้อยๆ ให้กับฉัน ก่อนจะเอ่ยตอบเสียงเบากลับมา “ไม่มีอะไรหรอก ฉันแค่นอนไม่พอน่ะ”



ฉันยิ้มเจื่อนๆ ให้เขา ก่อนจะหันไปมองที่พื้นอย่างรู้สึกไม่สบายใจ



นอนไม่พอ... มันจะแค่นอนไม่พอจริงๆ น่ะเหรอ แล้วทำไมถึงดูซึมๆ ติดต่อกันเป็นอาทิตย์ๆ ได้ถึงขนาดนี้เลยล่ะ



หลังจากที่นั่งเงียบๆ กันไปได้พักใหญ่ ฉันก็เริ่มรู้สึกอึดอัดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ไม่รู้ว่าจะชวนไนท์คุยเรื่องอะไรดี เพราะว่าเขาเอาแต่เหม่อลอยเหมือนจะไม่สนใจอะไรเลยสักอย่างเดียว



เมื่อไม่รู้ว่าจะคุยเรื่องอะไร ฉันจึงอดที่จะนึกย้อนไปถึงเรื่องพาไนท์ไปเจอพ่อแม่ของฉันไม่ได้ ฉันยังไม่ได้บอกเขาเรื่องนี้เลย จริงๆ แล้วฉันเองก็อยากจะลองชั่งใจเขาดูเหมือนกันว่าไนท์จริงจังกับฉันแค่ไหน แต่แล้วฉันก็ต้องรู้สึกเกลียดตัวเองที่คิดจะลองใจเขาแบบนี้



“...ไนท์ คือว่าฉันมีเรื่องอยากจะคุยด้วยนิดหน่อย” ฉันพูดขึ้นทำลายความเงียบ เรียกให้ไนท์หันมามองฉัน “แม่ฉันอยากเจอนายน่ะ...ก็เลยเสนอว่าอยากจะให้ฉันพานายไปกินข้าวที่บ้าน...”



“ที่บ้านเธอน่ะเหรอ...” เสียงเรียบถามทวนกลับมา



“อือ วันไหนก็ได้ ว่างเมื่อไหร่ค่อยไป”



ไนท์หลุบสายตาลงต่ำโดยที่ไม่ยอมพูดอะไรอีกไปพักใหญ่ เขาดูท่าทางลังเลเหมือนกับว่าไม่อยากตอบตกลง ใจหนึ่งฉันก็รู้สึกเศร้านิดๆ ที่เขาอาจจะตอบปฏิเสธ แต่อีกใจหนึ่งฉันก็อดที่จะรู้สึกโล่งอกไม่ได้ เพราะว่าฉันไม่อยากให้เขาต้องพบกับพ่อ



“...อือ ได้สิ” เสียงเรียบเอ่ยตอบตกลงในที่สุด ทำให้ฉันต้องยิ้มแป้นออกมาโดยพลัน แม้ว่าฉันจะยังคงกังวลเรื่องพ่อ แต่มันก็ทำให้ฉันรู้สึกดีใจมากที่ไนท์ตอบตกลงว่าจะไปพบกับครอบครัวของฉัน แสดงว่าเขาคงจะคิดจริงจังกับฉันเหมือนกันแน่เลย ความรักของพวกเราช่างสุดยอดจริงๆ ด้วย



“วันไหนดีล่ะ” ฉันเอ่ยถามอย่างตื่นเต้น จะว่าไปแล้ว ไม่ว่าพ่อจะพูดพล่ามอะไรแค่ไหน ฉันก็แค่บอกให้ไนท์ไม่ต้องไปสนใจสิ่งที่พ่อพูดก็ได้นี่นา ใช่แล้ว เรื่องแค่นี้เอง ทำไมฉันถึงคิดไม่ออกกันนะ เพราะฉะนั้นจึงไม่น่ามีอะไรที่ต้องเป็นห่วงแล้ว



“...วันไหนก็คงเหมือนกัน” ไนท์ยิ้มน้อยๆ ขณะก้มมองไปที่พื้น พลางประสานมือเข้าด้วยกัน “เพราะว่าฉันคงเปลี่ยนตัวเองไม่ได้มากหรอก”



ฉันรู้สึกขัดใจเล็กน้อยที่เขาพูดแบบนั้น เพราะฉันไม่ได้อยากให้เขาเปลี่ยนอะไรสักหน่อย ฉันชอบที่เขาเป็นแบบนี้ ฉันรักที่เขาเป็นแบบนี้อยู่แล้วต่างหาก



“แม่กับพี่ฉันน่าจะชอบนายนา เพราะว่านายดูนอบน้อม พี่คงชอบถ้านายไม่พูดแย้งอะไร เพราะพี่ชอบคิดว่าตัวเองประเสริฐที่สุด” ฉันเริ่มพูดถึงที่บ้านของตัวเอง พร้อมกับยิ้มสดใสไปด้วยอย่างอารมณ์ดี “ส่วนแม่... นายเล่นกีตาร์เก่ง มีเสน่ห์ดึงดูดแม่ฉันแน่ ไม่ต้องกลัว แต่สองคนนั้นอาจจะเคืองที่ฉันมาอยู่กับนาย แล้วก็อาจจะโทษนาย ทั้งที่ฉันเลือกที่จะมาเองแท้ๆ เพราะฉะนั้นถ้าพวกเขาว่าอะไรมาก็อย่าไปใส่ใจเลย”



เขารับฟังฉันเงียบๆ โดยที่ไม่พูดแย้งอะไรกลับมา ดังนั้นฉันจึงนึกต่อไปถึงพ่อ



“ส่วนคนที่มีปัญหาสุดก็คือพ่อ...” ฉันพูดพึมพำกับตัวเองพร้อมกับตีหน้าเครียดขณะครุ่นคิดอะไรบางอย่าง ก่อนจะหันไปบอกคนข้างกายเมื่อคิดอะไรได้ “เอาเป็นว่า ให้นายทำเป็นว่าพ่อฉันไม่มีตัวตนเลยก็แล้วกัน”



“ถ้าทำแบบนั้นฉันคงเละเป็นนวมแน่” ไนท์อมยิ้มน้อยๆ



ฉันหัวเราะคิกคักออกมาเบาๆ ก่อนที่ความเงียบจะเข้าปกคลุมโดยรอบอีกครั้งหนึ่ง หลังจากนั้นฉันก็เหลือบสายตาไปมองไนท์ จึงเห็นว่าเขากลับไปมีท่าทางเหม่อลอยเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่อีกแล้ว แต่ฉันก็ไม่อยากเร่งให้เขาต้องบอกฉัน ฉันจะไม่ใช่แฟนประเภทรบเร้าเซ้าซี้เด็ดขาด ฉันจะให้เวลาเขา แล้วเขาก็จะเห็นความรักของฉัน และยอมเล่าสิ่งที่คิดออกมาเองนั่นแหละ



#########



เสียงกริ่งหน้าประตูบ้านดังขึ้น ก่อนที่จะมีเสียงพี่แดนตะโกนออกมาจากในครัวว่าให้ฉันไปเปิดประตู



ฉันหยุดสำรวจความเรียบร้อยของตัวเองในกระจกตรงทางเดินหน้าบันไดดูคร่าวๆ ด้วยความรู้สึกประหม่าเล็กน้อย ก่อนที่จะวิ่งไปเปิดประตูให้กับแขกคนสำคัญ



“มาเร็วจังเลย” เสียงสดใสเอ่ยทักคนตรงหน้าทันทีที่เปิดประตูออกไป



ไนท์ยิ้มน้อยๆ โดยไม่ได้พูดตอบอะไร วันนี้เขาใส่เสื้อเชิ้ตแขนยาวสีขาว ซึ่งให้ความรู้สึกดูสุภาพกว่าเคย และดูเป็นทางการจนทำให้ฉันต้องลอบอมยิ้มกับตัวเอง ถ้ามีเสื้อสูทกับเน็กไทด้วยล่ะก็ เขาคงเหมือนหนุ่มออฟฟิศเต็มตัวเลยทีเดียว



“ฉันไม่รู้ว่าจะต้องแต่งตัวยังไง ก็เลย...ไปค้นในเน็ตมาน่ะ” ชายหนุ่มบอกยิ้มๆ พร้อมกับใช้มือขวาจับเสื้อเชิ้ตของตัวเอง ก่อนจะยื่นถุงพลาสติกในมืออีกข้างมาให้ฉัน “ของฝาก”



ฉันหลุดขำออกมาเบาๆ พร้อมกับดันมือของเขาออกไปเล็กน้อย “นายต้องเอาไปให้พ่อกับแม่ฉันต่างหาก”



ไนท์ยิ้มแหยๆ อย่างเก้อเขิน ก่อนจะลดมือลง



ฉันหลีกทางให้เขาเดินเข้ามาข้างใน แล้วเดินนำเขาไปที่ห้องกินข้าวซึ่งทุกคนกำลังนั่งคอยอยู่



“มาแล้วเหรอ เชิญนั่งได้เลยจ้ะไม่ต้องเกรงใจ” แม่ยิ้มต้อนรับไนท์ทันทีที่เห็นพวกเราเดินเข้ามา พี่แดนคงสีหน้าเรียบๆ ของตัวเองเอาไว้ขณะมองสำรวจไนท์ตั้งแต่หัวจรดเท้า ส่วนพ่อก็ยังคงเอาแต่นั่งอ่านอะไรบางอย่างในไอแพด โดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมามองพวกเราด้วยซ้ำ



“สวัสดีครับ” ไนท์กล่าวทักทายพร้อมกับยกมือไหว้แม่ ก่อนจะหันไปทางพ่อที่ยังคงไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมามองอยู่เหมือนเดิม แล้วนั่งลงที่เก้าอี้ข้างๆ ฉัน ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับพี่แดนพอดี



“แนะนำตัวกันก่อน ชื่ออะไรเหรอลูก” แม่เอ่ยถามต่ออย่างสนใจ เห็นทีคนที่จะคอยกระตุ้นบรรยากาศเป็นกันเองได้ดีที่สุดนั้นก็คงจะไม่พ้นแม่ของฉันนั่นเอง



“ไนท์ครับ” คนถูกถามตอบกลับเสียงเรียบ ฉันเห็นเขานั่งตัวตรง ประสานมือไว้บนตัก ท่าทางดูเกร็งๆ ไม่ใช่น้อย ซึ่งให้ความรู้สึกเหมือนกับว่าเขากำลังจะมาสัมภาษณ์งานไม่มีผิด พอเห็นท่าทีประหม่าของเขาแล้วฉันก็ต้องอมยิ้มขำขัน พยายามกลั้นหัวเราะเอาไว้อย่างสุดความสามารถ



“ไม่ต้องเกร็ง ทำตัวตามสบายให้เหมือนตอนนั่งกินข้าวกับครอบครัวที่บ้านเถอะจ้ะ” แม่เองก็คงจะสัมผัสได้ว่าไนท์กำลังเกร็งอยู่เหมือนกับฉัน จึงยิ้มแย้มอย่างใจดี พร้อมกับดันชามกับข้าวหลายอย่างบนโต๊ะให้เข้าไปใกล้เขามากขึ้นอีก



ชายหนุ่มยิ้มเจื่อนๆ พร้อมกับพยักหน้ารับทีหนึ่งโดยไม่ได้พูดตอบอะไร แต่ฉันก็เห็นว่าเขายังคงมีท่าทีอึดอัดอยู่เหมือนเดิม และไม่ได้ดูเกร็งน้อยลงไปเลยแม้แต่นิดเดียว ท่าทางกระสับกระส่ายเหมือนคนทำตัวไม่ถูก ราวกับว่าเขาไม่เคยนั่งร่วมโต๊ะแบบครอบครัวมาก่อนอย่างนั้นแหละ บางทีเขาคงจะกลัวพ่อของฉันล่ะมั้ง เพราะว่าเมื่อกี้นี้พ่อยังไม่แม้แต่จะรับไหว้เขาเลยด้วยซ้ำ คิดๆ แล้วฉันก็ชักจะเคืองพ่อขึ้นมาตงิดๆ ที่ทำให้ไนท์รู้สึกกดดันแบบนี้



“ทานได้เลยจ้ะ แม่ทำสุดฝีมือเลยนะ” แม่ผายมือไปที่ชามอาหารบนโต๊ะ “นั่นไก่ทอด ของชอบของเดย์เขาล่ะ”



ไนท์ชะงักไปเล็กน้อยพร้อมกับเหลือบสายตามาทางฉันแวบหนึ่ง ก่อนจะตอบรับกลับไปเสียงเบา ซึ่งฉันรู้ได้ทันทีว่าสาเหตุที่เขาดูงงๆ ไปพักหนึ่งแบบนั้นเพราะเขารู้ว่าฉันไม่ชอบไก่ทอด



หลังจากนั่งทานอาหารกันไปได้สักพักใหญ่ บรรยากาศรอบโต๊ะอาหารก็เริ่มเข้าสู่ความวังเวงเมื่อไม่มีใครเอ่ยพูดอะไรออกมาเลยแม้แต่คำเดียว โดยเฉพาะพ่อที่ยังคงเอาแต่นั่งดูไอแพด ไม่ยอมแตะอาหารบนโต๊ะเลยสักนิด ฉันรู้สึกสงสารไนท์ แต่ก็ไม่รู้ว่าชวนคุยเรื่องอะไรดี เพราะว่าปกติแล้วฉันก็มักจะนั่งเงียบแบบนี้เหมือนกัน



“เอ่อไนท์...” แม่คงทนบรรยากาศอึมครึมอยู่แบบนี้ต่อไปไม่ไหว จึงต้องเป็นฝ่ายเอ่ยพูดทำลายความเงียบในที่สุด “ดูจากหน้าตาแล้ว ไนท์คงจะเป็นลูกครึ่งใช่หรือเปล่าลูก”



ชายหนุ่มพยักหน้ารับเล็กน้อยอย่างสุภาพ



“เขาหน้าตาดีนะคะ ว่ามั้ยคุณ” แม่หันไปขอความคิดเห็นจากพ่อ



“หน้าตาดีแล้วไง ไม่ได้ทำให้บอกได้เสียหน่อยว่าเป็นคนดี” พ่อพูดตอบเสียงห้วน ก่อนจะละสายตาจากไอแพดขึ้นมาจ้องไนท์เขม็ง “พ่อแม่ทำงานอะไรล่ะ”



แม้จะรู้สึกโกรธที่พ่อพูดจาแบบนั้นไนท์ แต่จะว่าไปฉันก็ยังไม่เคยถามเขาเรื่องนี้เหมือนกัน



คนถูกถามมีท่าทีอึดอัดเหมือนไม่รู้ว่าจะตอบยังไง ฉันสังเกตเห็นว่าเขาเอาแต่เปลี่ยนท่าประสานมือไปมาอยู่บนตักไม่ยอมหยุด พร้อมกับก้มหน้าน้อยๆ เหมือนไม่กล้าสบสายตากับพ่อแม่ของฉัน รวมทั้งยังมีสีหน้าซีดมากขึ้นเรื่อยๆ จนฉันต้องรู้สึกเป็นห่วงว่าเขาไม่สบายตรงไหนหรือเปล่า



“...ผม...” ชายหนุ่มพึมพำออกมา ก่อนจะเลียริมฝีปากแห้งผากตัวเอง “...ผมไม่ทราบครับ”



ฉันมองคนข้างกายด้วยความแปลกใจ นอกจากฉันแล้ว ทั้งพ่อกับแม่และพี่แดนต่างก็มองไปที่เขาอย่างประหลาดใจด้วยเช่นกัน พร้อมกับรอให้เขาขยายความเพิ่มเติมมากกว่านี้ โดยที่ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีก



“...ผมไม่เคยพบกับพ่อ ก็เลยไม่ทราบครับว่าพ่อทำงานอะไร” เสียงเรียบเอ่ยขณะหลุบสายตาลงต่ำ มองไปที่มือของตัวเอง



“แล้วแม่ล่ะ” พ่อของฉันถามเสียงห้วนขึ้นมาอีก



“เปลี่ยนไปคุยกันเรื่องอื่นไม่ได้เหรอไงคะ” ฉันสาวสวนกลับไปอย่างหงุดหงิด ก็เห็นๆ กันอยู่ว่าไนท์ลำบากใจที่จะตอบคำถามเรื่องนี้ แล้วยังจะซักถามเขาต่ออยู่ได้



“แกเงียบไปซะเดย์” พ่อหันมาทำตาขวางใส่ฉัน ก่อนจะหันไปคาดคั้นเอาคำตอบจากไนท์อีกครั้ง “ว่าไงล่ะ แม่ทำงานอะไร”



ชายหนุ่มดูอ้ำๆ อึ้งๆ ขณะนั่งตัวเกร็ง พร้อมกับบีบมือที่ประสานกันอยู่บนตักแน่นมาก จนเห็นได้ชัดว่าข้อนิ้วกลายเป็นเนื้อสีขาวๆ



“...ผมไม่ได้เจอแม่นานแล้วครับ” ไนท์เอ่ยตอบกลับมาในที่สุด ซึ่งดูใช้ความพยายามอย่างมากในการเปล่งเสียงพูดออกมาทีละคำ “...ก็เลยไม่ทราบเหมือนกันว่าแม่ทำงานอะไร”



“อะไรกัน เธออายุเท่าไหร่กันนี่ แล้วตอนนี้อาศัยอยู่กับใคร” พ่อถามต่ออย่างสงสัย ซึ่งทำให้ฉันต้องหันไปส่งสายตาอาฆาตไปให้ผู้เป็นพ่ออย่างโมโห เนื่องจากอีกฝ่ายยังคงเอาแต่ซักประวัติของไนท์ต่อไม่ยอมหยุดเสียที



“ยี่สิบเอ็ดครับ ผมเช่าหอพักอยู่คนเดียว”



“ตายจริง งั้นก็ไม่มีคนอื่นอยู่อีกน่ะสิ” แม่ร้องออกมาด้วยความตกใจ ก่อนจะหันมามองฉันและไนท์สลับกันไปมา



“ยี่สิบเอ็ด...” พ่อทวน ขณะยังคงจ้องไปที่ไนท์เขม็ง “เรียนอะไรอยู่ เรียนมหา’ลัยอะไร หรือจบแล้ว แล้วทำงานอะไร”



บทสนทนาเริ่มกลายเป็นการสอบสวนผู้ต้องสงสัยเข้าไปทุกที พ่อกับแม่ของฉันเอาแต่ยิงคำถามใส่ไนท์เพื่อซักประวัติเขาไม่หยุด แม้ว่าฉันจะตกใจไม่น้อยเรื่องพ่อแม่ของเขา ซึ่งฉันคาดเดาต่อเอาเองว่าแม่ของไนท์คงจะแยกทางกับพ่อ แล้วก็อาจจะมีปัญหาอะไรบางอย่างที่ทำให้เขาต้องไปอาศัยอยู่กับญาติแทน จึงทำให้ไม่ได้เจอกัน แต่ฉันก็ไม่เห็นว่าประเด็นเรื่องครอบครัวของเขานั้นจะมาเกี่ยวข้องกับฉันตรงไหน

.
.
.
.
.
50%



LazyMe
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 18 ก.ค. 2560, 00:27:17 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 18 ก.ค. 2560, 00:27:17 น.

จำนวนการเข้าชม : 732





<< บทเพลงที่ 13   
สิรินดา 19 ก.ค. 2560, 09:11:05 น.
ชอบวิธีการเขียนประโยคสนทนาค่ะ (^__^)


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account