Honey Pie...สัญญา(รัก)ร้าย / เพิ่มตอนพิเศษ
เมื่อหนึ่งอยากสานสัมพันธ์
แต่อีกหนึ่งกลับพยายาม "ตัด"
ปฏิบัติการ "รัก" พาตัว จึงเริ่มต้นขึ้น!


-------------------------------------------


เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันใย...ฉันทำอะไรให้เธอเคืองขุ่น

ปรักปรำฉันเป็นจำเลย? เชลย? ตัวประกัน?

จู่ๆ สติก็ดับวูบ ตื่นมาอีกครั้ง “พาริน” ก็พบว่านอนอยู่บนเตียงใหญ่ภายในห้องที่ไม่คุ้นเคย พร้อมๆ กับพบว่าตัวเองถูกลักพาตัว!!!

ราวกับฉากในละครที่เพิ่งย้อนดู เสียงเพลงประกอบดังกระหึ่มในหัว...

ไม่นะ นี่มันยุคไหนสมัยไหนแล้ว ยังจะมีการลักพาตัวอยู่อีก ต้องบ้าไปแล้วแน่ๆ หึ...แต่อย่าหวังว่าลูกพระพายอย่างเธอจะยอมให้ใครกดขี่ง่ายๆ ลองดูสิ ได้เห็นดีกันแน่!

ทว่าทุกอย่างกลับไม่ง่ายอย่างที่คิด ดูเหมือน “ธารณ์” เตรียมตัวมาดี เขาสามารถแก้เกมของเธอได้ทุกกระบวน รู้ทันไปเสียทุกเรื่องราวกับเลี้ยงกุมารทองเอาไว้อย่างไรอย่างนั้น

ถูกลักพาตัว ริบเงิน โทรศัพท์มือถือว่าร้ายแล้ว การอยู่ใกล้ธารณ์กลับร้ายยิ่งกว่า รับมือกับเขาไม่พอ ยังมีของแถมเป็นอริของเขาด้วยสิ โอ๊ยยยย เธออยากจะบ้า!



** เรื่องนี้มีตัวละครเกี่ยวเนื่องกับเรื่อง เลื่อมลายดอกรัก ที่วางแผงไปกับสนพ.แจ่มใสนะคะ
แต่สามารถอ่านแยกกันได้ค่ะ จะไม่ได้งงอะไรน้าาาา
Tags: เนตรนภัส, ธารณ์, พาริน, พาย, รักโรแมนติก, Oh! My Honey

ตอน: บทที่ 3 [1/2]





พารินกำลังรอจังหวะ

หลังจากธารณ์ออกจากบ้านไปโดยไม่มีอาการแปลกๆอย่างที่พารินแน่ใจว่าไม่มีอะไรเจือปนอยู่ในอาหาร เธอก็จัดการฟาดทุกอย่างด้วยความเร็วชนิดตลอดชีวิตยังไม่เคยมีมื้อไหนที่เธอรับประทานอาหารเสร็จเร็วขนาดนี้มาก่อน

เมื่อท้องอิ่ม สมองก็เริ่มแล่น เธอวางแผนใช้ผ้าปูที่นอนมาฉีกครึ่ง จะได้ผูกกับเสาระเบียงได้ง่าย และมีความยาวมากพอให้โหนแล้วกระโดดลงพื้นด้วยความสูงไม่มากนัก จะได้ไม่บาดเจ็บแข้งหักขาแพลงจนไปต่อไม่ได้ แล้วก็หาทางหนีไปขอความช่วยเหลือจากคนที่ผ่านไปผ่านมาให้พาไปสถานีตำรวจ เท่านี้ทุกอย่างก็น่าจะเรียบร้อย

ทว่าแค่เริ่มต้นก็ไม่เป็นอย่างคิดเสียแล้ว ไม่รู้ว่าผ้าปูที่นอนที่ชายหนุ่มใช้เนื้อดีเกินไปหรือเปล่า ฉีกเท่าไรก็ไม่ขาด ไม่เห็นเหมือนในละครที่เคยดูสักนิด ในนั้นตัวละครออกแรงฉีกผ้าแค่ครั้งสองครั้งก็ขาดแควก แต่เธอลองจนมือแทบพองก็ไม่ปรากฏรอยแยกให้เห็นสักนิด ครั้นพยายามหาตัวช่วยเป็นกรรไกรหรือของมีคมอะไรสักอย่างมาช่วยตัดก็ไม่เจออีก ขนาดตรงโต๊ะทำงาน คัตเตอร์สักอันก็ไม่มีให้เห็น

ไม่รู้ธารณ์รอบคอบหรือว่าจริงๆแล้วมุมทำงานนั้นสร้างไว้ประดับบารมีกันแน่ ถึงได้ไม่มีอะไรให้ใช้เป็นอาวุธสักอันแต่อย่าหวังว่าคนอย่างพารินจะหมดความพยายาม เรื่องแค่นี้ไม่เหนือบ่ากว่าแรงของเธอหรอก ไม่มีมีด เธอเอาผ้าไปสีกับเหลี่ยมอะไรสักอย่างก็ได้ ขอให้มีรอยแยก คราวนี้จะฉีกให้ขาดคงไม่ใช่เรื่องยากนัก

ขณะกำลังมุ่งมั่นกับการเอาตัวรอดอย่างเอาเป็นเอาตาย เสียงเคาะประตูก็ทำให้เธอผวา คิดว่าธารณ์กลับมาแล้ว จึงรีบเอาผ้าปูที่นอนไปซุกในห้องน้ำเพื่อซ่อนหลักฐานอย่างรวดเร็ว ด้วยไม่อยากให้แผนพังครืนโดยยังไม่ได้เริ่มต้นหนี

พอกลับมานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้อยู่ตรงมุมดูทีวี คนที่เดินเข้ามากลับกลายเป็นภาษิต คนสนิทของธารณ์ที่เธอเคยเจอ นับจำนวนครั้งก็เท่ากับที่เจอธารณ์นั่นละ

เธอไม่รู้ควรโล่งใจหรือเสียใจดี ถึงเขาไม่กลับมา ก็ดูเหมือนส่งคนมาคุม...แสดงให้เห็นว่าเขาไม่ไว้ใจว่าเธอไม่หนีตามที่เอ่ยปากไว้

ฉลาดเป็นกรดจริงๆ

ตอนแรกเธอคิดว่าจะถูกภาษิตคุมเป็นนักโทษเสียอีก เอาเข้าจริงฝ่ายนั้นแค่นำอาหารเที่ยงมาให้แล้วกลับออกไป ทว่ายังไม่วายขู่ว่าเขายังเฝ้าเธออยู่ชั้นล่าง

โอ๊ย...ไม่อยู่ก็ส่งลูกน้องมา แล้วเธอจะเอาจังหวะไหนหนีล่ะแต่จะให้นั่งรอนอนรอธารณ์กลับมา ก็ไม่ไหวหรอกนะ ไม่ว่าอย่างไรเธอต้องหนีให้ได้

หรือจะรอให้ภาษิตกลับไปก่อน แต่มองรูปการณ์แล้ว ตอนที่ภาษิตกลับไปคงเป็นเวลาเดียวกับธารณ์กลับมาแน่ครั้นจะหลอกให้ไปทำอย่างอื่น เช่นอยากกินนั่นกินนี่ ดูท่าแล้วภาษิตไม่ใช่คนโง่ เขาไม่เชื่อแน่ หรือเธอควรแกล้งปวดหัว ปวดท้อง ไส้ติ่งแตกดี แต่นายนั่นคงรีบโทร.บอกนายธารณ์ก่อนเอาตัวเธอส่งโรงพยาบาล ทั้งหมอ พยาบาลอีกกี่ชีวิตก็ไม่รู้ที่เธอต้องเจอ จะเอาจังหวะไหนหนีล่ะ

โอ๊ย...ปวดหัวจริง

ปวดหัว...ใช่แล้ว เธอต้องทำให้ภาษิตปวดหัว รำคาญจนไม่อยากเห็นหน้า

หลังจากนั้นทุกๆห้านาที พารินจะแหกปากร้องเรียกภาษิต เพื่อให้เขาวิ่งแจ้นขึ้นบันไดมาเคาะห้องเพื่อถามว่าเธอเป็นอะไร แล้วเหตุผลของพารินในการโวยวายแต่ละครั้งก็ไร้สาระชวนถูกตบกะโหลกนัก ผ่านไปแค่ไม่เกินสิบครั้ง ผู้คุมก็ไม่มาเคาะประตูอีกเลย

พารินกระหยิ่ม รอจนแน่ใจว่าประตูบานใหญ่คงไม่ถูกภาษิตเปิดออกขณะกำลังไต่ระเบียงหนี เธอจึงจัดการผูกผ้าเข้ากับเสาระเบียง...งานนี้ต้องขอบคุณวิชาเนตรนารีที่ทำให้เธอรู้ว่าควรมัดด้วยปมแบบไหน เวลารับน้ำหนักมากๆจะไม่คลายทำให้ตกลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่บนดินเมื่อเรียบร้อยแล้วจึงจัดแจงกระตุกผ้าทดสอบอีกครั้งเพื่อความมั่นใจ จึงโยนปลายลงไปด้านล่าง

หญิงสาวเหลือบไปมองด้านในห้องอีกครั้ง แน่ใจว่าภาษิตไม่ขึ้นมาตอนนี้แน่ จึงสูดหายใจเข้าปอดลึกๆเพื่อเรียกกำลังใจ ปีนข้ามระเบียงไปยืนอยู่อีกด้าน วางเท้าไว้ระหว่างซี่ลูกกรง กระชับผ้าที่มัดเป็นปมเอาไว้ตลอดสายจนแน่น แล้วค่อยๆหย่อนตัวเองลงอย่างระมัดระวัง ใช้ปลายเท้าจิกผนังเอาไว้เพื่อไม่ให้ผ้ารับน้ำหนักมากเกินไป

พารินไต่ลงมาทีละนิดเงียบๆ หลายครั้งที่ต้องเหลือบมองลงไปด้านล่างเพื่อกะความสูงว่าพอจะกระโดดลงไปได้หรือยัง จนได้ระยะที่คิดว่าไม่บาดเจ็บแน่หญิงสาวจึงปล่อยมือ

ของหนักตกจากที่สูงทำให้เกิดเสียงดังตุ้บ พารินที่ยืนทรงตัวได้รีบยอบตัวให้ต่ำ ด้วยไม่แน่ใจว่าภาษิตจะได้ยินเสียงผิดปกติแล้วออกมาดูหรือไม่ เธอรีบวิ่งไปยังต้นไม้ใหญ่ที่หมายตาเอาไว้ หญิงสาวใช้ความเล็กของตัวให้เป็นประโยชน์ หลบหลังต้นไม้แล้วกวาดตามองเพื่อหาว่าประตูทางออกอยู่ด้านไหนกันแน่ เมื่อครู่ตอนอยู่บนห้อง เธอพยายามเพ่งฝ่าต้นไม้สูงใหญ่ทั้งหลายก็หาไม่เจอ ดูเหมือนอาณาบริเวณบ้านของเขาคงใหญ่ไม่น้อย

พารินหันซ้ายหันขวาอย่างตัดสินใจไม่ได้ สุดท้ายก็พึ่งการเดา แต่อย่างน้อยก็ขอมีหลักการหน่อย เธอเคยอ่านผ่านๆตามาว่า บ้านหันไปทางทิศใต้ลมจะดี ฮวงจุ้ยมั่งคั่ง

“เอาวะ ทิศใต้แล้วกัน” พารินสำรวจพระอาทิตย์จนแน่ใจก็วิ่งเลาะโคนต้นไม้ไปเรื่อยๆ จากจุดหนึ่งไปยังจุดหนึ่ง หยุดเพื่อมองหาประตูทางออกบ้าง ตอนนี้เธอหลบอยู่ตรงโคนต้นมะมุดเมื่อมองเห็นประตูทางออกอยู่ไม่ไกล ทว่าต้องหลบวูบเมื่อได้ยินเสียงรถแล่นผ่านเข้ามา เธอจำรถคันใหญ่ที่เห็นไกลๆนั้นได้แม่น

“ทำไมกลับมาไวจังนะ” ขณะพารินคิดอย่างหงุดหงิด ยื่นหน้าออกจากโคนต้นไม้ไปมองตามรถคันใหญ่ที่แล่นใกล้เข้ามา ความใหญ่ของต้นไม้ทำให้แน่ใจว่าธารณ์ไม่เห็นว่าเธออยู่ตรงนี้ แต่อีกไม่นานเขาต้องรู้แน่ว่าเธอหนีออกมา

ใจของพารินเต้นรัวด้วยความกลัว ด้วยรู้ดีว่าถูกจับได้ตอนนี้มีหวังจบเห่แน่ อยู่เฉยๆก็ถูกจับได้ วิ่งหนีตอนนี้อาจโชคดี ถ้าเขามองไม่เห็นก็ยังมีทางรอด

เอาวะ เป็นไงเป็นกัน

พารินไม่ยอมเสียเวลาอีกสักวินาที หญิงสาวลุกขึ้นแล้วออกวิ่งไปยังประตูทางออกที่เห็นอยู่ลิบๆอย่างไม่คิดชีวิต เรียกได้ว่าแรงมีเท่าไรก็ดึงออกมาใช้ทั้งหมด

อีกไม่ถึงยี่สิบเมตรเธอจะถึงประตูทางออกอยู่แล้ว เสียงโหวกเหวกก็ดังขึ้น ทำให้หญิงสาวแน่ใจว่าตอนนี้ธารณ์รู้ตัวแล้ว เธอไม่คิดหันกลับไปมองให้เสียเวลา รีบใส่เกียร์หมามากกว่าเดิม

โฮ่ง

เสียงเห่าดังก้องทำให้คนที่กำลังวิ่งสุดฝีเท้าถึงกับสะดุ้ง เผลอเหลียวหลังกลับไปมอง แล้วพารินก็ขนลุกชันเมื่อเห็นเจ้าของเสียงเห่าเมื่อครู่เต็มตา

ร็อตไวเลอร์ตัวดำเมื่อมพุ่งตรงมาทางเธออย่างเร็วและแรง ไม่รู้พารินอุปาทานไปหรือเปล่าว่าอาการแสยะยิ้มจนเห็นเขี้ยวขาวของมันเหมือนกำลังมองอาหารอันโอชะ

พารินไม่รู้เลยว่าเท้าที่กำลังวิ่งอ้าวในตอนแรกหยุดนิ่ง แถมยังยืนตัวแข็งทื่อ แม้ความกลัวแล่นปราดไปทั่วกาย แต่ไม่สามารถละสายตาจากดวงตาดำวาววับที่มองมาได้แม้แต่น้อย

ในวินาทีที่เจ้าตัวใหญ่กระโจนเข้าใส่ด้วยความแรง หญิงสาวทำได้เพียงยกแขนขึ้นเพื่อป้องกันใบหน้าเอาไว้เท่านั้น

ตายแน่แล้ว

“กรี๊ด”



-----------------------------------------------------


หนูพายจะเป็นยังไง ถูกหมากัดจนต้องฉีดยาไหม มาลุ้นกันอีกส่วนวันเสาร์นะคะ ^^



เนตรนภัส
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 19 ก.ค. 2560, 13:43:11 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 19 ก.ค. 2560, 13:43:11 น.

จำนวนการเข้าชม : 820





<< บทที่ 2 [2/2] ครบ   บทที่ 3 [2/2] ครบแล้วจ้า >>
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account