The Final Love รักครั้งสุดท้าย ครั้งสุดท้ายที่จะรัก
บทนำ
แพรวา รณฤทธิ์ หญิงสาวที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมไปเสียทุกด้านทั้งรูปร่างหน้าตา ฐานะ และการศึกษา แต่ไฉนโชคชะตาจึงทำให้เธอต้องพบกับความผิดหวังในความรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า
พชร เตชะรัตน์ คือ ชายหนุ่มคนแรกที่มาขอยกเลิกการแต่งงานเพียงสองอาทิตย์ล่วงหน้า
วัชรพล ทรัพย์วิจิตร คือ หนุ่มคนถัดมาที่หักอกเธออย่างยับเยิน
แพรวาจะได้พบกับรักแท้และจะสมหวังในรักครั้งใหม่หรือไม่ โปรดติดตามอ่าน......อาทิตา
แพรวา รณฤทธิ์ หญิงสาวที่มีคุณสมบัติเพียบพร้อมไปเสียทุกด้านทั้งรูปร่างหน้าตา ฐานะ และการศึกษา แต่ไฉนโชคชะตาจึงทำให้เธอต้องพบกับความผิดหวังในความรักซ้ำแล้วซ้ำเล่า
พชร เตชะรัตน์ คือ ชายหนุ่มคนแรกที่มาขอยกเลิกการแต่งงานเพียงสองอาทิตย์ล่วงหน้า
วัชรพล ทรัพย์วิจิตร คือ หนุ่มคนถัดมาที่หักอกเธออย่างยับเยิน
แพรวาจะได้พบกับรักแท้และจะสมหวังในรักครั้งใหม่หรือไม่ โปรดติดตามอ่าน......อาทิตา
Tags: รัก อกหัก รักใหม่ ผิดหวัง รักแท้
ตอน: ตอนที่ 5 ความแตก.........70%
“อย่าเลยค่ะ พวกนั้นน่ะเขากลัวแดดกลัวดำกันทั้งนั้นแหละค่ะ ดาวว่าเราไปกันแค่นี้ดีกว่าค่ะ” เพียงดาวพูดพลางฉุดมือของภูมิให้ออกเดินเพื่อตรงไปยังบันได หญิงสาวหันมาเบี่ยงตัวให้ภูมิปีนขึ้นจากสระไปก่อนแล้วจึงยื่นมือให้เขาช่วยฉุดเธอตามขึ้นไป นี่เป็นอีกวิธีการในการล่าเหยื่อของเธอและรัมภาที่เคยพูดกันแบบทีเล่นทีจริง
‘ให้เป้าหมายยืนข้างบน เราอยู่ข้างล่าง จะได้โชว์ตู้มๆๆได้ชัด ๆ อิๆๆ’ แต่ภูมิซึ่งมีความเป็นสุภาพบุรุษและ ‘รู้ทัน’ เพียงดาว เขาจึงเพียงยื่นมือให้เธอแล้วหันหน้ามองไปยังฝั่งตรงข้ามของสระน้ำแทน จังหวะนั้นเองที่ภูมิหันไปสบตากับแพรวาที่กำลังหันมามองทางเขาและเพียงดาวเข้าพอดี เขาจึงตะโกนถามเธอว่า
“คุณแพรไปเล่นน้ำทะเลด้วยกันไหมครับ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ ขอบคุณนะคะ” แพรวายกมือทั้งสองข้างโบกไปมาประกอบคำพูด อันที่จริงเธอไม่ได้ตั้งใจจะหันมามองที่ภูมิและเพียงดาว เธอกำลังจะหันไปบอกกับวัชรพลว่าเธอขอตัวกลับห้องพักก่อนแต่ภาพการหยอกล้ออย่างสนิทสนมของวัชรพลกับพงศธรทำให้เธอต้องมองดูอย่างนิ่งงันและสับสนอยู่ในหัวใจ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ภูมิหันมาเห็นและสบตากับเธอเข้าพอดี
“งั้นผมไปก่อนนะครับ” ภูมิบอกอย่างเสียดาย แล้วจึงออกเดินมุ่งหน้าไปทางชายหาดกับเพียงดาวตามลำพัง
“แพรจะกลับห้องแล้วเหรอ ไปพักผ่อนก่อนก็ดีนะ หน้าแดงหมดแล้ว เดี๋ยวตอนเย็น ๆ ค่อยออกมาทานข้าวกันนะ” วัชรพลพูดกับแพรวาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่งแฝงไปด้วยเจตนาอย่างชัดเจน ตอนนี้เขาอยากอยู่ตามลำพังกับพงศธรที่ดูเหมือนจะมีเรื่องให้เขาต้อง ‘ง้อ’ ต้องอยู่หลายเรื่อง
“ค่ะ งั้นเจอกันตอนเย็นนะคะ” แพรวาตอบสั้น ๆ เธอเองก็เริ่มไม่แน่ใจในบางสิ่งบางอย่าง แต่ก็ได้แต่บอกกับตัวเองว่า ‘สิ่งที่เห็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นก็เป็นได้’ เพราะอย่างน้อยตอนเย็นเธอกับเขาในฐานะคู่รักอาจจะได้มีเวลาเป็นส่วนตัวมากกว่านี้
“งั้นทุกคนตอนเย็นมาพบกันที่ล็อบบี้นะครับ เราจะไปทานมื้อเย็นกันที่ร้าน ‘เคียงเล’ นะครับ” เสียงของพงศธรดังแทรกขึ้นมาและทำให้ความคิดในใจของแพรวาพังครืนลงมาอย่างไม่เป็นท่า หญิงสาวหันไปสบตากับชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักของเธอเพื่อให้แน่ใจกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน เขายังยิ้มร่าและไม่มีปฏิกิริยาพิเศษใด ๆ แพรวาจึงยกมือขึ้นโบกลาและลุกเดินกลับห้องพักไปอย่างหงอยเหงาโดยมีไพลินคอยเดินตามอยู่ห่าง ๆ เพราะเจ้าตัวมัวแต่ถ่ายรูปมุมต่าง ๆ ของรีสอร์ตที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม
************************
“คุณภูมิทำหน้าที่อะไรในไร่ครับ” เสียงพงศธรถามขึ้นบนโต๊ะอาหารมื้อเย็นซึ่งทางคณะของบริษัท ‘อราวด์ เดอะ เวิร์ล ทราเวล’ ได้เชิญสองหนุ่มบ้านไร่มาร่วมรับประทานด้วย และในระหว่างที่รับประทานต่างก็พูดคุยสัพเพเหระกันไปอย่างสนุกสนาน
“ผมเป็นผู้จัดการไร่น่ะครับ” ภูมิบอกเพียงแค่นั้น ซึ่งทำให้เพียงลูกน้องคนสนิทที่นั่งติดอยู่กับรัมภาถึงกับหยุดชะงักไปชั่ววินาที ก่อนที่จะรีบปรับสีหน้าท่าทางให้เป็นปกติและรับประทานอาหารต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ผมนึกว่าเป็นเจ้าของไร่เสียอีก ดูคุณภูมิมีมาดมากเลยนะครับ” พงศธรพูดหยิกแกมหยอก
“มาดเจ้าของไร่หรือครับ หรือว่ามาดชาวไร่บ้านนอกกันแน่ครับ” ภูมิพูดติดมุกซึ่งก็ทำให้หลาย ๆ คนหัวเราะอย่างครื้นเครง
“งั้นเพียงขอตามไปเป็นสาวบ้านนอกด้วยคนสิคะ” เพียงดาวเสริมบท ยิ่งเธอได้คุยกับภูมิตอนที่เล่นน้ำทะเลด้วยกันเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาเธอก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาน่าสนใจ ยิ่งเห็นเขาไม่ ‘รุก’ เธอเหมือนผู้ชายอื่น ๆ เธอก็ยิ่งสนุก เพราะอยากรอดูว่าตอนที่เขา ‘รุก’ จะ ‘มัน’ ขนาดไหน เธอบอกกับตัวเองว่าภูมิเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์และน่าสนใจ และเธอแอบคิดว่าอาจจะพัฒนาความสัมพันธ์ให้จริงจังมากขึ้น.....หากว่าเขายอมร่วมมือด้วย
“เชิญได้เลยครับ ไปเที่ยวที่ไร่ได้เลยนะครับ มันคนละแบบกับทะเลนะครับแต่รับรองว่าสวยไม่แพ้กันอย่างแน่นอน เรียนเชิญทุกคนเลยนะครับ” ภูมิกล่าวเชิญทุกคนออกมาด้วยความจริงใจจึงทำให้เพียงดาวรู้สึกว่าภูมิปิดกั้นและกันตัวเองให้ห่างออกจากเธอ ซึ่งตามปกติและที่ผ่านมาเธอก็ไม่ได้คิดมากหรือกังวลอะไรเพราะเธอก็คิดเพียง ‘สนุก’ กับทุกคนเท่านั้นแต่กับภูมิเธออยากให้ ‘พิเศษ’ มากกว่านี้เธอจึงอดที่จะเสียความรู้สึกไม่ได้
เพียงดาวที่นั่งติดกันกับภูมิจึงหันไปลอบมองชายหนุ่มอีกครั้งและครั้งนี้เธอก็เห็นสายตาที่เขากำลังทอดมองไปยังแพรวา แม้เพียงไม่กี่เสี้ยววินาทีแต่ผู้หญิงที่ ‘จัดเจน’ และ ‘ผ่านโลก’ มามากอย่างเธอก็สามารถมองออกได้อย่างชัดเจนว่าภูมิคงแอบ ‘ปิ๊ง’ แพรวา....สาวน้อยหน้าหวานที่มีเส้นทางชีวิตที่แตกต่างจากเธอ….ราวเหวกับฟ้า ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใด เพราะระหว่างสาวน้อยใส ๆ กับสาวมั่นกร้านโลกอย่างเธอใคร ๆ ต่างก็ต้องเลือกแพรวาเป็นธรรมดา แม้จะคิดได้และปลงตกในสัจธรรมแต่คราวนี้เธอกลับ ‘เจ็บจี๊ด’ อย่างบอกไม่ถูก ยิ่งได้หันมาเห็นเพื่อนซี้อย่างรัมภากับเพียงที่ดูจะ ‘เข้าขา’ กันได้เป็นอย่างดี เธอก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยและอดที่จะอิจฉาเพื่อนสาวคนสนิทไม่ได้ที่ดูจะ ‘ราบรื่นและลัคกี้อินเลิฟ’ มากกว่าเธอ แต่เพราะพื้นนิสัยเดิมที่ไม่ได้เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นหรือคิดร้ายกับใคร เพียงดาวจึงได้แต่นั่งเงียบ ๆ และพยายามสงบจิตสงบใจ นอกจากนั้นเธอยังพยายามมองโลกในด้านบวกโดยเปลี่ยนมุมมองเสียว่า
‘แพรวาคงไม่เล่นด้วยกับคุณภูมิเพราะเธอมีวัชรพลเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว ดังนั้นอีกไม่นานคุณภูมิก็ต้องหันมามองเธอแทน แม้ว่าจะต้องเป็นการมองแบบชั่วครั้งชั่วคราวก็ตามที มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ต้องผิดหวัง ดังนั้นอย่าไปคิดอะไรมากเลย’ เพียงดาวบอกกับตัวเองอยู่ในใจก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเบา ๆ แล้วจึงก้มหน้ารับประทานอาหารต่อ
“แล้วผู้จัดการไร่นี่ ขอบข่ายงานเป็นยังไงหรือทำหน้าที่อะไรบ้างครับ” พงศธรถามด้วยความสนใจ ในมื้อนี้เขาเป็นคนที่พูดคุยมากที่สุด ไกด์หนุ่มใจสาวชวนทุกคนพูดคุยอย่างอารมณ์ดีเพราะเขาเพิ่ง ‘ปรับความเข้าใจ’ กับวัชรพลไปเมื่อบ่ายที่ผ่านมาอย่าง ‘ถึงพริกถึงขิง’ จะมีก็แต่กับแพรวาเท่านั้นที่เขายังคงตึง ๆ อยู่บ้างแต่ก็ไม่มากนักเพราะวัชรพลได้ย้ำกับเขาอย่างหนักแน่นแล้วว่า ใครคือตัวจริง ใครคือหนังหน้าไฟ!!!
“ก็ดูแลทั่ว ๆ ไปนั่นล่ะครับ ต้องรับผิดชอบทุกอย่าง ต้องแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน เช่น คนงานไม่พอบ้าง พืชที่ปลูกเจอโรคภัยหรือถูกทำลาย หรือพวกสัตว์เลี้ยงเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ ก็ประมาณนี้ล่ะครับ” ภูมิอธิบายคร่าว ๆ
“น่าสนุกดีนะคะ” แพรวาที่ตั้งใจฟังอย่างสนใจพูดขึ้น หญิงสาวตั้งใจฟังภูมิอย่างใจจดจ่อด้วยดวงตาที่เป็นประกายสุกสกาว
“คุณแพรพูดประชดหรือเปล่าครับ” เพียงหันมาถามแทบจะทันทีที่ได้ยินความคิดเห็นของหญิงสาวที่นายของตนนั้นให้ความสนใจอยู่ ด้วยความที่สนิทสนมกับภูมิมานานเขาจึงมองภูมิออกได้ไม่ยาก
“ไม่ได้ประชดค่ะคุณเพียง แพรหมายความตามนั้นจริง ๆ ค่ะ ลองนึกภาพตามสิคะ ได้ทำงานในทุ่งกว้าง ๆ เขียวขจี อากาศก็ดี สดชื่นดีออกค่ะ” แพรวารีบอธิบายตอบ
“ทำงานกลางทุ่งหญ้านะครับไม่ใช่ห้องแอร์ อากาศดีอะไรกันล่ะครับร้อนจะตายนะครับคุณแพร” เพียงตอบอย่างขำ ๆ เพราะถ้าให้เขาต้องมาทำงานในห้องแอร์เหมือนพนักงานออฟฟิศทั่วไป เขาก็คงอึดอัดตายพอดี
“ใช่ น้องแพร นี่มันเมืองไทยนะคะ ไอ้ทุ่งกว้างเขียวขจีที่น้องแพรว่า พี่ว่ามีแต่ในหนังหรอกนะคะ หรือไม่ก็ต้องทุ่งกว้างในต่างประเทศโน่น บ้านเราแดดแรง ร้อนจะตาย มันจะเขียวขจีได้เหรอคะ” รัมภาค้านอีกคน
“แหม! พี่ภาก็ แพรหมายถึงมันน่าจะสดชื่นกว่าออฟฟิศห้องแอร์ที่เราทำงานกันอยู่น่ะค่ะ ไม่ต้องเขียวขจีแบบเมืองนอกก็ได้ค่ะ แค่ลมเย็น ๆ ได้เห็นทุ่งหญ้าเห็นพวกวัวพวกแกะเล็มหญ้า แค่นี้ก็สดชื่นกว่าห้องทำงานของพวกเราแล้วล่ะค่ะ”
“งั้นคุณแพรก็ต้องลาออกจากบริษัท อราวด์ เดอะ เวิร์ล ทราเวล ของเราแล้วล่ะครับ เพราะเราคงไม่มีความสามารถที่จะเอาทุ่งหญ้าเขียวขจี และอากาศบริสุทธิ์แบบนั้นมาไว้ในห้องทำงานของพวกเราได้เป็นแน่แท้” พงศธรกล่าวทีเล่นทีจริงด้วยน้ำเสียงจริงจังและท่าทางขึงขังผิดวิสัย แถมยังส่งสายตาที่ไม่ค่อยเป็นมิตรนักไปยังแพรวา แม้จะเพียงแวบเดียวเท่านั้นแต่เจ้าตัวก็รู้สึกได้ แม้จะรู้ดีว่าถูกกระทบกระเทียบแต่แพรวาก็ไม่ถือสาหาความเพราะคิดว่าพงศธรคงโกรธที่เธอเอาบริษัทที่เขาเป็นหุ้นส่วนอยู่นั้นไปเปรียบเทียบกับไร่กว้างของภูมิ
เสียงภูมิแทรกขึ้นมาขัดจังหวะ
“ถ้าคิดว่าสนุก มันก็สนุกนะครับ เพราะได้อยู่กับธรรมชาติอย่างที่คุณแพรว่า แต่ถ้าคิดว่าน่าเบื่อมันก็น่าเบื่อเช่นกัน เพราะงานที่ทำมันซ้ำซากจำเจแทบทุกวัน หนักก็ว่าได้ อาบเหงื่อต่างน้ำกันเลยทีเดียว ใช่ไหมเพียง” ภูมิหันไปถามลูกน้องคนสนิทเพื่อให้ช่วยแก้ไขสถานการณ์ที่ดูจะอึมครึม
“ครับ งานหนักจริง แต่เงินเดือนก็ดีตามไปด้วยนะครับ ฮ่าๆๆ” เพียงพูดติดตลก แต่ใครจะรู้ว่าเขาหมายความตามนั้นจริง ๆ เพราะภูมิดูแลคนงานในไร่รวมทั้งครอบครัวของพวกเขาเป็นอย่างดี พวกเขามีรายได้ที่อยู่กันได้อย่างไม่ลำบากลำบน นอกจากนั้นเมื่อไม่ก็ปีที่ผ่านมาภูมิยังแบ่งหุ้นให้กับบรรดาคนงานที่อยู่ทำงานในไร่มาเป็น 10 ปีขึ้นไปคนละ 1 หุ้น ซี่งก็ได้ผลกำไรและเงินปันผลประจำปีกันไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งระบบนี้เป็นการสร้างกำลังใจในการทำงานให้แก่คนงาน และยังสร้างความรู้สึกของการได้เป็นเจ้าของในกิจการไปด้วย ทุกคนจึงตั้งใจทำงานกันอย่างเต็มที่เพราะต่างก็คิดว่าทำงานให้กับไร่ของตนเอง
“เงินเดือนดีจริงหรือคะ” รัมภาหันมาถามพร้อมทั้งรอคำตอบจากเพียง
“ครับ ก็ใช้กินใช้เที่ยวคนเดียวนี่ครับ” เพียงตอบเพียงแค่นั้น แม้เขาจะ ‘ถึงเนื้อถึงตัว’ กับรัมภาไปถึงหนต่อไหนแล้ว แต่เขาก็คิดว่ารัมภาไม่เหมาะที่มาเป็นคู่ครองตัวจริงให้กับเขา เพราะเท่าที่สัมผัสเธอคงไม่ชอบชีวิตในท้องนาท้องไร่ ที่ไร้แสง สี เสียง อย่างในเมืองหลวง
“แหม! คุณเพียงเล่นพูดกำกวมแบบนี้ ดูสิ! ทำเอานังภาที่เพิ่งตาโตเท่าไข่ห่านเสียเส้นไปเลย ฮ่าๆๆ” เพียงดาวกระเซ้าเย้าแหย่เพื่อนสาว
“ก็ใช่น่ะสิ! ฉันกำลังคิดว่าจะลาออกไปทำไร่ดีไหมพอดีเลยนะนี่ เฮ้อ! เซ็งห่านเลย!” รัมภาแกล้งทำท่าทางผิดหวังเพื่อเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคน
“ลองไปเที่ยวก่อนก็ได้ครับคุณภาคุณแพร ถ้าชอบจริงและอยู่ได้ ค่อยว่ากันอีกที” ภูมิเอ่ยปากชวนอีกครั้ง เขาแอบคิดในใจว่าคงจะดีไม่น้อยถ้าแพรวาอาจจะตกหลุมรักไร่เทวาอาศรมของเขาก็เป็นได้
“อ้าว! คุณภูมิ ไหนมาแย่งพนักงานผมกันแบบนี้ล่ะครับ” เสียงแซวดังขึ้นจากวัชรพล
“โอ้ว! ผมขอโทษครับ ไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ครับ” ภูมิรีบกล่าวขอโทษขอโพย
“ผมแซวเล่นหรอกครับ อย่าซีเรียสไปเลย เพราะยังไงแบบยายภานั่นน่ะไม่มีทางไปอยู่ที่ไร่คุณได้เกิน 10 วันหรอกครับ ผมหมายถึงไปทำงานนะครับ ไม่ใช่ไปเที่ยว” วัชรพลผู้เป็นเจ้านายที่รู้จักลูกน้องดีคนหนึ่งพูดแซวรัมภา
“แหม! บอส ของแบบนี้มันก็ไม่แน่หรอกค่ะ ภาอาจจะติดใจบรรยากาศที่นั่นก็เป็นได้นะคะ ท้องฟ้า สายลม แสงแดด แบบที่น้องแพรว่าไงล่ะคะ แต่อย่างน้องแพรน่ะบอสไม่ต้องห่วง ไปไหนไม่รอดหรอกค่ะ เพราะติดใจคนแถวนี้เสียแล้ว ฮ่าๆๆ ใช่ไหมจ๊ะน้องแพร” สิ้นเสียงรัมภา บรรดาพนักงานบริษัท อราวด์ เดอะ เวิร์ล ทราเวล ก็ส่งเสียงกิ๊วก๊าวกันอย่างสนุกสนานทำเอาแพรวาถึงกับออกอาการเขินอาย
“ไหน ๆ คุณภูมิก็เอ่ยปากชวนแล้ว งั้นใครจะลองไปอยู่ก่อนหรือไปทำงานเลยก็ได้นะ ฉันอนุญาต แต่บอกไว้ก่อนว่า.......” พงศธรแกล้งหยุดเพื่อเรียกความสนใจจากคนฟัง
“......ถ้าไปแล้วกลับมา......ฉันก็รับกลับเข้าทำงานเหมือนเดิมนะ” พงศธรพูดแล้วหยุดเพียงเท่านั้น ทำเอาเพื่อนร่วมงานและลูกน้องยิ้มกันหน้าบาน
“เย่ๆๆๆ”
แต่ก็ต้องหุบยิ้มกันแทบไม่ทันเมื่อพงศธรเอ่ยเพิ่มเติมออกมาว่า
“แต่ตอนที่กลับเข้ามาใหม่นี่ ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่เลยนะ เหมือนพนักงานใหม่คนหนึ่งเลย เริ่มทั้งฐานเงิน เดือนและสวัสดิการกันใหม่หมดเลยนะ ถ้ารับได้ฉันก็โอเค แฟร์ๆ กันทั้งสองฝ่าย ตกลงไหมจ๊ะ” พงศธรหัวเราะชอบใจ
“เขี้ยวลากดิน!” รัมภาแกล้งบ่นเสียงดังออกมา ทุกคนที่ได้ยินต่างก็หัวเราะร่วน บรรยากาศในการกินอาหารจึงเป็นไปอย่างสนุกสนาน เสียงพูดคุยหยอกล้อดังอย่างต่อเนื่องจนสิ้นสุดมื้ออาหารกระชับมิตรมื้อนั้นในเวลาสี่ทุ่มเศษ
‘ให้เป้าหมายยืนข้างบน เราอยู่ข้างล่าง จะได้โชว์ตู้มๆๆได้ชัด ๆ อิๆๆ’ แต่ภูมิซึ่งมีความเป็นสุภาพบุรุษและ ‘รู้ทัน’ เพียงดาว เขาจึงเพียงยื่นมือให้เธอแล้วหันหน้ามองไปยังฝั่งตรงข้ามของสระน้ำแทน จังหวะนั้นเองที่ภูมิหันไปสบตากับแพรวาที่กำลังหันมามองทางเขาและเพียงดาวเข้าพอดี เขาจึงตะโกนถามเธอว่า
“คุณแพรไปเล่นน้ำทะเลด้วยกันไหมครับ”
“ไม่ดีกว่าค่ะ ขอบคุณนะคะ” แพรวายกมือทั้งสองข้างโบกไปมาประกอบคำพูด อันที่จริงเธอไม่ได้ตั้งใจจะหันมามองที่ภูมิและเพียงดาว เธอกำลังจะหันไปบอกกับวัชรพลว่าเธอขอตัวกลับห้องพักก่อนแต่ภาพการหยอกล้ออย่างสนิทสนมของวัชรพลกับพงศธรทำให้เธอต้องมองดูอย่างนิ่งงันและสับสนอยู่ในหัวใจ ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่ภูมิหันมาเห็นและสบตากับเธอเข้าพอดี
“งั้นผมไปก่อนนะครับ” ภูมิบอกอย่างเสียดาย แล้วจึงออกเดินมุ่งหน้าไปทางชายหาดกับเพียงดาวตามลำพัง
“แพรจะกลับห้องแล้วเหรอ ไปพักผ่อนก่อนก็ดีนะ หน้าแดงหมดแล้ว เดี๋ยวตอนเย็น ๆ ค่อยออกมาทานข้าวกันนะ” วัชรพลพูดกับแพรวาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน แต่งแฝงไปด้วยเจตนาอย่างชัดเจน ตอนนี้เขาอยากอยู่ตามลำพังกับพงศธรที่ดูเหมือนจะมีเรื่องให้เขาต้อง ‘ง้อ’ ต้องอยู่หลายเรื่อง
“ค่ะ งั้นเจอกันตอนเย็นนะคะ” แพรวาตอบสั้น ๆ เธอเองก็เริ่มไม่แน่ใจในบางสิ่งบางอย่าง แต่ก็ได้แต่บอกกับตัวเองว่า ‘สิ่งที่เห็นอาจจะไม่ใช่สิ่งที่เป็นก็เป็นได้’ เพราะอย่างน้อยตอนเย็นเธอกับเขาในฐานะคู่รักอาจจะได้มีเวลาเป็นส่วนตัวมากกว่านี้
“งั้นทุกคนตอนเย็นมาพบกันที่ล็อบบี้นะครับ เราจะไปทานมื้อเย็นกันที่ร้าน ‘เคียงเล’ นะครับ” เสียงของพงศธรดังแทรกขึ้นมาและทำให้ความคิดในใจของแพรวาพังครืนลงมาอย่างไม่เป็นท่า หญิงสาวหันไปสบตากับชายหนุ่มที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักของเธอเพื่อให้แน่ใจกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน เขายังยิ้มร่าและไม่มีปฏิกิริยาพิเศษใด ๆ แพรวาจึงยกมือขึ้นโบกลาและลุกเดินกลับห้องพักไปอย่างหงอยเหงาโดยมีไพลินคอยเดินตามอยู่ห่าง ๆ เพราะเจ้าตัวมัวแต่ถ่ายรูปมุมต่าง ๆ ของรีสอร์ตที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม
************************
“คุณภูมิทำหน้าที่อะไรในไร่ครับ” เสียงพงศธรถามขึ้นบนโต๊ะอาหารมื้อเย็นซึ่งทางคณะของบริษัท ‘อราวด์ เดอะ เวิร์ล ทราเวล’ ได้เชิญสองหนุ่มบ้านไร่มาร่วมรับประทานด้วย และในระหว่างที่รับประทานต่างก็พูดคุยสัพเพเหระกันไปอย่างสนุกสนาน
“ผมเป็นผู้จัดการไร่น่ะครับ” ภูมิบอกเพียงแค่นั้น ซึ่งทำให้เพียงลูกน้องคนสนิทที่นั่งติดอยู่กับรัมภาถึงกับหยุดชะงักไปชั่ววินาที ก่อนที่จะรีบปรับสีหน้าท่าทางให้เป็นปกติและรับประทานอาหารต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ผมนึกว่าเป็นเจ้าของไร่เสียอีก ดูคุณภูมิมีมาดมากเลยนะครับ” พงศธรพูดหยิกแกมหยอก
“มาดเจ้าของไร่หรือครับ หรือว่ามาดชาวไร่บ้านนอกกันแน่ครับ” ภูมิพูดติดมุกซึ่งก็ทำให้หลาย ๆ คนหัวเราะอย่างครื้นเครง
“งั้นเพียงขอตามไปเป็นสาวบ้านนอกด้วยคนสิคะ” เพียงดาวเสริมบท ยิ่งเธอได้คุยกับภูมิตอนที่เล่นน้ำทะเลด้วยกันเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาเธอก็ยิ่งรู้สึกว่าเขาน่าสนใจ ยิ่งเห็นเขาไม่ ‘รุก’ เธอเหมือนผู้ชายอื่น ๆ เธอก็ยิ่งสนุก เพราะอยากรอดูว่าตอนที่เขา ‘รุก’ จะ ‘มัน’ ขนาดไหน เธอบอกกับตัวเองว่าภูมิเป็นผู้ชายที่มีเสน่ห์และน่าสนใจ และเธอแอบคิดว่าอาจจะพัฒนาความสัมพันธ์ให้จริงจังมากขึ้น.....หากว่าเขายอมร่วมมือด้วย
“เชิญได้เลยครับ ไปเที่ยวที่ไร่ได้เลยนะครับ มันคนละแบบกับทะเลนะครับแต่รับรองว่าสวยไม่แพ้กันอย่างแน่นอน เรียนเชิญทุกคนเลยนะครับ” ภูมิกล่าวเชิญทุกคนออกมาด้วยความจริงใจจึงทำให้เพียงดาวรู้สึกว่าภูมิปิดกั้นและกันตัวเองให้ห่างออกจากเธอ ซึ่งตามปกติและที่ผ่านมาเธอก็ไม่ได้คิดมากหรือกังวลอะไรเพราะเธอก็คิดเพียง ‘สนุก’ กับทุกคนเท่านั้นแต่กับภูมิเธออยากให้ ‘พิเศษ’ มากกว่านี้เธอจึงอดที่จะเสียความรู้สึกไม่ได้
เพียงดาวที่นั่งติดกันกับภูมิจึงหันไปลอบมองชายหนุ่มอีกครั้งและครั้งนี้เธอก็เห็นสายตาที่เขากำลังทอดมองไปยังแพรวา แม้เพียงไม่กี่เสี้ยววินาทีแต่ผู้หญิงที่ ‘จัดเจน’ และ ‘ผ่านโลก’ มามากอย่างเธอก็สามารถมองออกได้อย่างชัดเจนว่าภูมิคงแอบ ‘ปิ๊ง’ แพรวา....สาวน้อยหน้าหวานที่มีเส้นทางชีวิตที่แตกต่างจากเธอ….ราวเหวกับฟ้า ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่แต่อย่างใด เพราะระหว่างสาวน้อยใส ๆ กับสาวมั่นกร้านโลกอย่างเธอใคร ๆ ต่างก็ต้องเลือกแพรวาเป็นธรรมดา แม้จะคิดได้และปลงตกในสัจธรรมแต่คราวนี้เธอกลับ ‘เจ็บจี๊ด’ อย่างบอกไม่ถูก ยิ่งได้หันมาเห็นเพื่อนซี้อย่างรัมภากับเพียงที่ดูจะ ‘เข้าขา’ กันได้เป็นอย่างดี เธอก็ยิ่งรู้สึกหงุดหงิดเล็กน้อยและอดที่จะอิจฉาเพื่อนสาวคนสนิทไม่ได้ที่ดูจะ ‘ราบรื่นและลัคกี้อินเลิฟ’ มากกว่าเธอ แต่เพราะพื้นนิสัยเดิมที่ไม่ได้เป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้นหรือคิดร้ายกับใคร เพียงดาวจึงได้แต่นั่งเงียบ ๆ และพยายามสงบจิตสงบใจ นอกจากนั้นเธอยังพยายามมองโลกในด้านบวกโดยเปลี่ยนมุมมองเสียว่า
‘แพรวาคงไม่เล่นด้วยกับคุณภูมิเพราะเธอมีวัชรพลเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว ดังนั้นอีกไม่นานคุณภูมิก็ต้องหันมามองเธอแทน แม้ว่าจะต้องเป็นการมองแบบชั่วครั้งชั่วคราวก็ตามที มันไม่ใช่ครั้งแรกที่ต้องผิดหวัง ดังนั้นอย่าไปคิดอะไรมากเลย’ เพียงดาวบอกกับตัวเองอยู่ในใจก่อนที่จะถอนหายใจออกมาเบา ๆ แล้วจึงก้มหน้ารับประทานอาหารต่อ
“แล้วผู้จัดการไร่นี่ ขอบข่ายงานเป็นยังไงหรือทำหน้าที่อะไรบ้างครับ” พงศธรถามด้วยความสนใจ ในมื้อนี้เขาเป็นคนที่พูดคุยมากที่สุด ไกด์หนุ่มใจสาวชวนทุกคนพูดคุยอย่างอารมณ์ดีเพราะเขาเพิ่ง ‘ปรับความเข้าใจ’ กับวัชรพลไปเมื่อบ่ายที่ผ่านมาอย่าง ‘ถึงพริกถึงขิง’ จะมีก็แต่กับแพรวาเท่านั้นที่เขายังคงตึง ๆ อยู่บ้างแต่ก็ไม่มากนักเพราะวัชรพลได้ย้ำกับเขาอย่างหนักแน่นแล้วว่า ใครคือตัวจริง ใครคือหนังหน้าไฟ!!!
“ก็ดูแลทั่ว ๆ ไปนั่นล่ะครับ ต้องรับผิดชอบทุกอย่าง ต้องแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน เช่น คนงานไม่พอบ้าง พืชที่ปลูกเจอโรคภัยหรือถูกทำลาย หรือพวกสัตว์เลี้ยงเจ็บป่วยหรือบาดเจ็บ ก็ประมาณนี้ล่ะครับ” ภูมิอธิบายคร่าว ๆ
“น่าสนุกดีนะคะ” แพรวาที่ตั้งใจฟังอย่างสนใจพูดขึ้น หญิงสาวตั้งใจฟังภูมิอย่างใจจดจ่อด้วยดวงตาที่เป็นประกายสุกสกาว
“คุณแพรพูดประชดหรือเปล่าครับ” เพียงหันมาถามแทบจะทันทีที่ได้ยินความคิดเห็นของหญิงสาวที่นายของตนนั้นให้ความสนใจอยู่ ด้วยความที่สนิทสนมกับภูมิมานานเขาจึงมองภูมิออกได้ไม่ยาก
“ไม่ได้ประชดค่ะคุณเพียง แพรหมายความตามนั้นจริง ๆ ค่ะ ลองนึกภาพตามสิคะ ได้ทำงานในทุ่งกว้าง ๆ เขียวขจี อากาศก็ดี สดชื่นดีออกค่ะ” แพรวารีบอธิบายตอบ
“ทำงานกลางทุ่งหญ้านะครับไม่ใช่ห้องแอร์ อากาศดีอะไรกันล่ะครับร้อนจะตายนะครับคุณแพร” เพียงตอบอย่างขำ ๆ เพราะถ้าให้เขาต้องมาทำงานในห้องแอร์เหมือนพนักงานออฟฟิศทั่วไป เขาก็คงอึดอัดตายพอดี
“ใช่ น้องแพร นี่มันเมืองไทยนะคะ ไอ้ทุ่งกว้างเขียวขจีที่น้องแพรว่า พี่ว่ามีแต่ในหนังหรอกนะคะ หรือไม่ก็ต้องทุ่งกว้างในต่างประเทศโน่น บ้านเราแดดแรง ร้อนจะตาย มันจะเขียวขจีได้เหรอคะ” รัมภาค้านอีกคน
“แหม! พี่ภาก็ แพรหมายถึงมันน่าจะสดชื่นกว่าออฟฟิศห้องแอร์ที่เราทำงานกันอยู่น่ะค่ะ ไม่ต้องเขียวขจีแบบเมืองนอกก็ได้ค่ะ แค่ลมเย็น ๆ ได้เห็นทุ่งหญ้าเห็นพวกวัวพวกแกะเล็มหญ้า แค่นี้ก็สดชื่นกว่าห้องทำงานของพวกเราแล้วล่ะค่ะ”
“งั้นคุณแพรก็ต้องลาออกจากบริษัท อราวด์ เดอะ เวิร์ล ทราเวล ของเราแล้วล่ะครับ เพราะเราคงไม่มีความสามารถที่จะเอาทุ่งหญ้าเขียวขจี และอากาศบริสุทธิ์แบบนั้นมาไว้ในห้องทำงานของพวกเราได้เป็นแน่แท้” พงศธรกล่าวทีเล่นทีจริงด้วยน้ำเสียงจริงจังและท่าทางขึงขังผิดวิสัย แถมยังส่งสายตาที่ไม่ค่อยเป็นมิตรนักไปยังแพรวา แม้จะเพียงแวบเดียวเท่านั้นแต่เจ้าตัวก็รู้สึกได้ แม้จะรู้ดีว่าถูกกระทบกระเทียบแต่แพรวาก็ไม่ถือสาหาความเพราะคิดว่าพงศธรคงโกรธที่เธอเอาบริษัทที่เขาเป็นหุ้นส่วนอยู่นั้นไปเปรียบเทียบกับไร่กว้างของภูมิ
เสียงภูมิแทรกขึ้นมาขัดจังหวะ
“ถ้าคิดว่าสนุก มันก็สนุกนะครับ เพราะได้อยู่กับธรรมชาติอย่างที่คุณแพรว่า แต่ถ้าคิดว่าน่าเบื่อมันก็น่าเบื่อเช่นกัน เพราะงานที่ทำมันซ้ำซากจำเจแทบทุกวัน หนักก็ว่าได้ อาบเหงื่อต่างน้ำกันเลยทีเดียว ใช่ไหมเพียง” ภูมิหันไปถามลูกน้องคนสนิทเพื่อให้ช่วยแก้ไขสถานการณ์ที่ดูจะอึมครึม
“ครับ งานหนักจริง แต่เงินเดือนก็ดีตามไปด้วยนะครับ ฮ่าๆๆ” เพียงพูดติดตลก แต่ใครจะรู้ว่าเขาหมายความตามนั้นจริง ๆ เพราะภูมิดูแลคนงานในไร่รวมทั้งครอบครัวของพวกเขาเป็นอย่างดี พวกเขามีรายได้ที่อยู่กันได้อย่างไม่ลำบากลำบน นอกจากนั้นเมื่อไม่ก็ปีที่ผ่านมาภูมิยังแบ่งหุ้นให้กับบรรดาคนงานที่อยู่ทำงานในไร่มาเป็น 10 ปีขึ้นไปคนละ 1 หุ้น ซี่งก็ได้ผลกำไรและเงินปันผลประจำปีกันไม่น้อยเลยทีเดียว ซึ่งระบบนี้เป็นการสร้างกำลังใจในการทำงานให้แก่คนงาน และยังสร้างความรู้สึกของการได้เป็นเจ้าของในกิจการไปด้วย ทุกคนจึงตั้งใจทำงานกันอย่างเต็มที่เพราะต่างก็คิดว่าทำงานให้กับไร่ของตนเอง
“เงินเดือนดีจริงหรือคะ” รัมภาหันมาถามพร้อมทั้งรอคำตอบจากเพียง
“ครับ ก็ใช้กินใช้เที่ยวคนเดียวนี่ครับ” เพียงตอบเพียงแค่นั้น แม้เขาจะ ‘ถึงเนื้อถึงตัว’ กับรัมภาไปถึงหนต่อไหนแล้ว แต่เขาก็คิดว่ารัมภาไม่เหมาะที่มาเป็นคู่ครองตัวจริงให้กับเขา เพราะเท่าที่สัมผัสเธอคงไม่ชอบชีวิตในท้องนาท้องไร่ ที่ไร้แสง สี เสียง อย่างในเมืองหลวง
“แหม! คุณเพียงเล่นพูดกำกวมแบบนี้ ดูสิ! ทำเอานังภาที่เพิ่งตาโตเท่าไข่ห่านเสียเส้นไปเลย ฮ่าๆๆ” เพียงดาวกระเซ้าเย้าแหย่เพื่อนสาว
“ก็ใช่น่ะสิ! ฉันกำลังคิดว่าจะลาออกไปทำไร่ดีไหมพอดีเลยนะนี่ เฮ้อ! เซ็งห่านเลย!” รัมภาแกล้งทำท่าทางผิดหวังเพื่อเรียกเสียงหัวเราะจากทุกคน
“ลองไปเที่ยวก่อนก็ได้ครับคุณภาคุณแพร ถ้าชอบจริงและอยู่ได้ ค่อยว่ากันอีกที” ภูมิเอ่ยปากชวนอีกครั้ง เขาแอบคิดในใจว่าคงจะดีไม่น้อยถ้าแพรวาอาจจะตกหลุมรักไร่เทวาอาศรมของเขาก็เป็นได้
“อ้าว! คุณภูมิ ไหนมาแย่งพนักงานผมกันแบบนี้ล่ะครับ” เสียงแซวดังขึ้นจากวัชรพล
“โอ้ว! ผมขอโทษครับ ไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ครับ” ภูมิรีบกล่าวขอโทษขอโพย
“ผมแซวเล่นหรอกครับ อย่าซีเรียสไปเลย เพราะยังไงแบบยายภานั่นน่ะไม่มีทางไปอยู่ที่ไร่คุณได้เกิน 10 วันหรอกครับ ผมหมายถึงไปทำงานนะครับ ไม่ใช่ไปเที่ยว” วัชรพลผู้เป็นเจ้านายที่รู้จักลูกน้องดีคนหนึ่งพูดแซวรัมภา
“แหม! บอส ของแบบนี้มันก็ไม่แน่หรอกค่ะ ภาอาจจะติดใจบรรยากาศที่นั่นก็เป็นได้นะคะ ท้องฟ้า สายลม แสงแดด แบบที่น้องแพรว่าไงล่ะคะ แต่อย่างน้องแพรน่ะบอสไม่ต้องห่วง ไปไหนไม่รอดหรอกค่ะ เพราะติดใจคนแถวนี้เสียแล้ว ฮ่าๆๆ ใช่ไหมจ๊ะน้องแพร” สิ้นเสียงรัมภา บรรดาพนักงานบริษัท อราวด์ เดอะ เวิร์ล ทราเวล ก็ส่งเสียงกิ๊วก๊าวกันอย่างสนุกสนานทำเอาแพรวาถึงกับออกอาการเขินอาย
“ไหน ๆ คุณภูมิก็เอ่ยปากชวนแล้ว งั้นใครจะลองไปอยู่ก่อนหรือไปทำงานเลยก็ได้นะ ฉันอนุญาต แต่บอกไว้ก่อนว่า.......” พงศธรแกล้งหยุดเพื่อเรียกความสนใจจากคนฟัง
“......ถ้าไปแล้วกลับมา......ฉันก็รับกลับเข้าทำงานเหมือนเดิมนะ” พงศธรพูดแล้วหยุดเพียงเท่านั้น ทำเอาเพื่อนร่วมงานและลูกน้องยิ้มกันหน้าบาน
“เย่ๆๆๆ”
แต่ก็ต้องหุบยิ้มกันแทบไม่ทันเมื่อพงศธรเอ่ยเพิ่มเติมออกมาว่า
“แต่ตอนที่กลับเข้ามาใหม่นี่ ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่เลยนะ เหมือนพนักงานใหม่คนหนึ่งเลย เริ่มทั้งฐานเงิน เดือนและสวัสดิการกันใหม่หมดเลยนะ ถ้ารับได้ฉันก็โอเค แฟร์ๆ กันทั้งสองฝ่าย ตกลงไหมจ๊ะ” พงศธรหัวเราะชอบใจ
“เขี้ยวลากดิน!” รัมภาแกล้งบ่นเสียงดังออกมา ทุกคนที่ได้ยินต่างก็หัวเราะร่วน บรรยากาศในการกินอาหารจึงเป็นไปอย่างสนุกสนาน เสียงพูดคุยหยอกล้อดังอย่างต่อเนื่องจนสิ้นสุดมื้ออาหารกระชับมิตรมื้อนั้นในเวลาสี่ทุ่มเศษ
อาทิตา
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 20 ก.ค. 2560, 00:10:34 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 20 ก.ค. 2560, 00:10:34 น.
จำนวนการเข้าชม : 832
<< ตอนที่ 5 ความแตก ...... 20% | ตอนที่ 5 ความแตก.........100% >> |