ฝากรักไว้ในสายหมอก (เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อมE-Book)
มวยเกล้าผมวาง บนกล๋างกระหม่อม

แล้วเหน็บโอบล้อม ด้วยดอกเกี้ยวเกล้า
แดงเฮย...งามแต๊ บ่แลโศกเศร้า

สดใสเริงเลา ใคร่เฝ้าอยู่ใกล้
ผ่อจนเหลียวหลัง เป๋นดีใคร่ได้

โอบล้อมหัวใจ๋ ดวงนี้
แต่เก๊าเจ้าหวง สมแล้วว่าอี้

บ่ดีเด็ดเล่น เนอนายฯ.....



...........................................................................


เพราะความรัก ความผูกพันช่วงหนึ่งในวัยเยาว์

ที่เคยเติมเต็มหัวใจอันอ้างว้างของเขาให้อบอุ่นขึ้นมาได้

ความรู้สึกเหล่านั้นฝังแน่นอยู่ในใจตลอดมา

จนกระทั่งถึงวันนี้ที่เขากลับมาตามหาความรัก

ความผูกพันที่ได้ฝากไว้กับใครบางคน.



ฝากรักไว้ในสายหมอก

เป็นนิยายเรื่องแรกที่ได้รับการตีพิมพ์กับสนพ.กรียมายด์

ตอนนี้หมดสัญญาแล้วจึงเอามาทำเองค่ะ

ติดตามกันได้ในรูปแบบอีบุ๊คนะคะ




Tags: เกี้ยวเกล้า ไตรศูรย์ เชียงใหม่ ล้านนา โรงแรม ความรัก ความผูกพัน วัยเยาว์ สายหมอก

ตอน: ตอนที่ 28




##เปิดจองนิยายรัก 2 เรื่อง 2 รส##
‘ลิขิตรักเก็บตก’
มี 2 เล่มจบ ราคาเล่มละ 339 บ.
2 เล่มลดเหลือ 670 บ.
‘ฝากรักไว้ในสายหมอก’
ราคา 369 บ. ลดเหลือ 360 บ.
*สั่งซื้อ 3 เล่ม ในราคาพิเศษเพียง 999 บ. เท่านั้น*
สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้
ทางอินบ็อกเฟส : pirita ametrine
หรือในเพจ ‘พิริตา อเมทริน นักเขียน’
Email: kanplu@windowslive.com
โทร.0626656247 หรือทางไลน์ ID: pirita-ametrine
วันนี้-20 สิงหาคม นี้ เท่านั้น!!


ตอนที่ 28


ตุลภัทรเริ่มศึกษางานจริงจังโดยมีไตรศูรย์ดูแลอยู่ไม่ห่าง ไม่นานนักเขาก็เริ่มเข้าใจในงานของตัวเอง ไตรศูรย์จึงเริ่มปล่อยให้เขารับผิดชอบงานในบางส่วน และวันนี้ก็เป็นเช่นทุกวัน ขณะที่ตุลภัทรกำลังคุยกับผู้จัดการตรงข้างล็อบบี้ของโรงแรมอยู่นั้น...

“สวัสดีค่ะคุณเกี้ยว มาหาคุณไตรเหรอคะ” เขาหันไปมองตามเสียงพนักงานที่ทักทายคนที่เข้ามาใหม่อย่างคุ้นเคยนั่น

“เอ่อ...ค่ะ” หญิงสาวร่างบางที่อยู่ในชุดผ้าทอพื้นเมืองนั้นรับคำพลางยิ้มเก้อเขิน แล้วเดินไปนั่งที่โซฟาในส่วนของล็อบบี้ ทำให้ตุลภัทรนิ่งงันไปครู่หนึ่ง พยายามระงับหัวใจที่เต้นแรง ก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับคู่สนทนาต่อ

เมื่อผู้จัดการจากไปแล้วเขาจึงทำเป็นเดินสำรวจโน่นสำรวจนี่อยู่แถวบริเวณนั้น และรักษาระยะห่างแอบมองคนที่ก้มง่วนอยู่กับหนังสือในมืออยู่เป็นระยะ จนกระทั่งเห็นร่างสูงของไตรศูรย์เดินมาทางล็อบบี้และตรงไปยังคนที่กำลังรออยู่ โดยไม่สังเกตเห็นตุลภัทรแต่อย่างใด

“น้องเกี้ยวรอพี่ไตรนานไหมครับ บอกให้ขึ้นไปที่ห้องทำงานก็ไม่ยอม” เขาได้ยินเสียงของไตรศูรย์ดังขึ้น

“แป๊บเดียวเองค่ะ เกี้ยวไม่อยากขึ้นไปกวนเวลาทำงานของพี่ไตร แล้วนี่พี่ไตรทำงานเสร็จแล้วเหรอคะ”

“พรุ่งนี้ค่อยทำต่อก็ได้ครับ งานไม่ด่วนเท่าไหร่ น้องเกี้ยวปิดร้านแล้วนะ”

“ค่ะ ไปกันเถอะค่ะ” ขณะที่ทั้งคู่กำลังจะก้าวเท้าออกจากตรงนั้น ตุลภัทรก็รีบเดินเข้าไปหา

“พี่ไตรฮะ เอ่อ...” ไตรศูรย์และเกี้ยวเกล้าหันไปมองทางเสียงเรียกพร้อมกัน หญิงสาวชะงักงันไปนิดหนึ่ง พอตั้งสติได้จึงรีบถอยไปหลบด้านหลังไตรศูรย์โดยอัตโนมัติ แต่ไม่มีใครนึกเอะใจกับความผิดปกตินี้

“อ้าว นายตุล เอ่อ...นี่คุณเกี้ยวเกล้าคู่หมั้นพี่เอง น้องเกี้ยวครับนี่ตุลภัทรน้องชายพี่ไตรที่เคยบอกไงครับ” ไตรศูรย์แนะนำ พร้อมกับดึงมือเรียวของคนข้างตัวมาเกาะกุมไว้

“สวัสดีฮะคุณเกี้ยว” น้ำเสียง รอยยิ้มที่เกี้ยวเกล้าจำได้ดี แม้วันนี้จะไม่มีร่องรอยความเมามายแต่เธอก็อดหวาดหวั่นในใจไม่ได้อยู่ดี เธอบีบกระชับมือใหญ่ของคนรักแนบแน่น

“เอ่อ...สวัสดีค่ะ” และยิ้มทักทายตุลภัทรอย่างเสียมิได้

“พี่ไตรโชคดีจังนะฮะ ที่มีคู่หมั้นสวยอย่างนี้” ตุลภัทรชมด้วยรอยยิ้ม ดวงตายังจับจ้องเกี้ยวเกล้าอย่างไม่วางตา

“อันนั้นพี่รู้อยู่แล้วล่ะนายไม่ต้องบอกหรอก” ไตรศูรย์แกล้งรับคำแบบโอ่ๆ พลางมองมาทางคู่หมั้นของตัวเองที่ทำหน้าตาแปลกๆ และบีบมือเขาแน่น แต่ชายหนุ่มไม่ได้เอะใจไปในทางเลวร้ายเลยสักนิด เขาคิดว่าเธอคงประหม่าเพราะความไม่คุ้นเคยมากกว่าอย่างอื่น เพราะบางครั้งที่เจอเพื่อนของเขาครั้งแรก เกี้ยวเกล้ามักจะออกอาการประหม่าขัดเขินอยู่บ้าง แม้ไม่มากเท่าครั้งนี้ก็ตาม

“พี่กับคุณเกี้ยวกำลังจะไปดูหนังกัน ไปด้วยกันไหมนายตุล”

“เห็นทีต้องขอตัวละฮะพี่ผมมีนัดฮะ ตามสบายนะครับคุณเกี้ยว”

“เอ่อ...ค่ะ” เกี้ยวเกล้ารับคำแผ่วเบา พอตุลภัทรเอ่ยลาและเดินจากไป เธอจึงได้แต่มองตามหลังเขาและแอบผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอก

“น้องเกี้ยวครับ มองอะไรนักหนานะนั่น บีบมือพี่ไตรซะแน่นเชียวเป็นอะไรหรือเปล่าครับ หรือตะลึงในความหล่อของนายตุลมันอีกคนนะ” ไตรศูรย์แกล้งเย้าในตอนท้าย หญิงสาวจึงได้รู้สึกตัวและถอนสายตากลับมา

“ปละ เปล่าค่ะ ไม่ใช่ซักหน่อย” จะบอกเขาได้อย่างไรว่าเธอมองด้วยความรู้สึกไม่ไว้วางใจต่างหาก

การพบเจอผู้ชายคนนี้ครั้งแรกที่ร้านอาหารเธอก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจจำ แต่ก็มาเจออีกครั้งในคืนนั้นต่างหากที่สร้างความหวาดหวั่นให้กับหญิงสาว เธอไม่เคยคิดว่าจะได้พบเจอผู้ชายคนนี้อีก โดยเฉพาะใครจะคาดคิดว่าเขาจะกลายมาเป็นคนใกล้ชิดกับคนที่เธอรักขนาดนี้

เกี้ยวเกล้าไม่เคยเอะใจเลยสักนิดว่า ‘นายตุล’ หรือ ‘ตุลภัทร’ น้องชายของไตรศูรย์คนที่เขาพูดถึง ‘นายตุลอย่างนั้น นายตุลอย่างนี้ ฯ ’ ให้เธอฟัง จะเป็นคนเดียวกันกับผู้ชายขี้โวยวายหน้าร้านอาหารคนนั้น และเป็นคนเดียวกันกับขี้เมาหน้าตาหล่อเหลาที่มาทำจาบจ้วง รุ่มร่ามเอากับเธอที่ผับ

“นายตุลน่ะ เสน่ห์แรงจะตาย สาวๆ ตอมกันเกรียว แต่ไม่เห็นเจ้านี่มันจะจริงจังด้วยสักคน ตอนนี้นายตุลเริ่มจริงจังกับงานจนพี่ไตรเบาใจขึ้นมาก เวลามันฮึดทำอะไรขึ้นมาจริงๆ ก็ทำได้ดีเกินคาดเลยนะน้องเกี้ยว” ไตรศูรย์ยังคงบอกเล่าด้วยความภาคภูมิใจ

แม้มีบางครั้งที่ไตรศูรย์จะบ่นอยู่บ้างกับความประพฤติที่ออกแนวเกเรเกตุงของน้องชาย แต่ก็เต็มไปด้วยความรักความห่วงใยมากกว่าจะบ่นว่าจริงจัง เท่าที่ได้ยินเรื่องราวของตุลภัทรจากปากเขา เธอคิดว่าคงไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าคนที่ถูกตามใจมาตั้งแต่เด็ก แล้วชอบทำตัวมีปัญหากับพ่อก็แค่นั้น

และเหตุการณ์คืนนั้นอาจจะเป็นเพราะความเมา เธอได้แต่หวังว่าความเมามายจะทำให้เขาลืมเหตุการณ์นั่นไปแล้ว เกี้ยวเกล้าพยายามคิดในแง่ดี อย่างน้อยที่สุดก็เพื่อคนที่เธอรักและเธอก็มีเขาอยู่เคียงข้าง มือใหญ่ที่เกาะกุมมือเธอไว้นั้น ยังบีบกระชับเบาๆ นั่นทำให้หญิงสาวรู้สึกอุ่นใจ และความอบอุ่นนั้นยังได้ขับไล่ความหวาดกลัวเมื่อครู่ให้มลายไปเสียสิ้น

ที่ร้านอิ่นคำในตอนสายของวันหนึ่ง เสียงกระดิ่งตรงประตูดังขึ้น เกี้ยวเกล้าที่กำลังทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอร์ตรงเค้าเตอร์ด้านในเงยหน้าขึ้นมอง เมื่อเห็นผู้ที่เข้ามาในร้านถนัดตาเธอจึงรีบก้าวออกมาต้อนรับลูกค้าคนพิเศษในทันที

“สวัสดีค่ะคุณป้าภัทรา อ่า...คุณตุล” เกี้ยวเกล้ายกมือไหว้คุณภัทรา และอดชะงักไม่ได้เมื่อเห็นคนที่เดินตามคุณภัทราเข้ามา แม้ว่าช่วงหลังมานี้ ทั้งเธอและตุลภัทรจะมีโอกาสเจอกันบ่อยขึ้นก็ตาม ตุลภัทรยิ้มกว้างขวางให้เธอ

“วันนี้ตาตุลอาสามาเป็นเพื่อนป้าน่ะจ๊ะ จะได้ไม่ต้องรบกวนหนูเกี้ยวกับแสงหล้าให้กะเต็งของไปส่งให้อีก” คุณภัทราพูดอย่างอารมณ์ดี เกี้ยวเกล้ายิ้มรับ

“ไม่เป็นไรหรอกค่ะคุณป้า พวกเรายินดีรับใช้เสมอค่ะ ว่าแต่วันนี้คุณป้าต้องการผ้าแบบไหนเป็นพิเศษไหมคะ”

“พอดีป้าแวะมาดูผ้าเก่าที่คุณอิ่นคำเก็บไว้ให้น่ะจ้ะ”

“อ๋อ...ค่ะ เดี๋ยวเกี้ยวไปหยิบมาให้นะคะ เชิญข้างในก่อนค่ะ” เกี้ยวเกล้ากุลีกุจอเชื้อเชิญ

“แล้วนี่คุณอิ่นคำไม่อยู่หรือจ๊ะหนูเกี้ยว” คุณภัทราถามขณะเดินตามเกี้ยวเกล้าเข้ามาด้านใน

“ป้าอิ่นไปรับผ้าคงจะกลับเย็นๆ น่ะค่ะ เชิญคุณป้ากับคุณตุลที่โซฟาก่อนนะคะ”

“ป้าขอดูผ้าที่โชว์หน่อยละกัน ตุลไปนั่งรอแม่ก่อนสิลูก ถ้ารอนานอย่าบ่นล่ะอยากตามแม่มาเองนะ” คุณภัทราหันไปพูดกับตุลภัทรยิ้มๆ

“เชิญคุณแม่ตามสบายเถอะฮะ วันนี้ช่วงเช้าผมรอได้ฮะ” เขาบอกพร้อมยิ้มตอบแม่ แล้วจึงก้าวตามเกี้ยวเกล้าไปที่โซฟา

ตุลภัทรทอดสายตามองร่างบางที่เดินนำหน้า เธออยู่ในชุดผ้าซิ่นตีนจก เสื้อแขนกระบอกห่มทับด้วยสไบ ผมเกล้ามวยวันนี้ทัดด้วยดอกกล้วยไม้สีม่วงอ่อนหวาน

“เชิญนั่งค่ะคุณตุล อาจต้องรอคุณป้าภัทรานานหน่อยนะคะ อ่านหนังสือรอก็ได้นะคะ” หญิงสาวผายมือไปที่โซฟารับแขก พร้อมรอยยิ้มหวานประจำตัว

“ขอบคุณคุณเกี้ยวมากฮะ เชิญคุณเกี้ยวทำงานตามสบายเถอะฮะ ไม่ต้องห่วงผม” ตุลภัทรพูดก่อนก้าวไปยังโซฟาด้านใน วูบที่เขาเดินผ่านร่างบางที่ยืนยิ้มอยู่นั่น เขาได้กลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกไม้แตะจมูก กลิ่นดอกไม้ที่เขาไม่รู้จักชื่ออาจเป็นน้ำหอมชนิดหนึ่ง แต่มันช่างหอมกรุ่น อ่อนหวานติดจมูก แม้กระทั่งเจ้าของกลิ่นนั้นได้เดินจากไปแล้วก็ตาม หัวใจเขาวูบไหวอย่างที่ไม่เคยรู้สึกกับใครมาก่อน

ตั้งแต่เขาตั้งใจมาทำงานที่โรงแรม เขาได้มีโอกาสพบเจอเกี้ยวเกล้ามากยิ่งขึ้นเกือบทุกวันด้วยซ้ำ เพราะหากเจอไตรศูรย์เป็นต้องเจอเกี้ยวเกล้าเป็นเงาตามตัวทุกครั้งไป ยกเว้นเวลาทำงานเช่นนี้ และยกเว้นอีกทีตอนที่เขาทำเป็นมีธุระผ่านมาแถวร้านนี้และมองหาก็จะพบเธออยู่เสมอ

นี่เป็นครั้งแรกที่ตุลภัทรอาสาตามคุณภัทราผู้เป็นแม่มาร้านนี้อย่างเต็มใจ โดยที่คุณภัทราไม่ได้เอ่ยปากขอให้มาเป็นเพื่อนแต่อย่างใด เขามาตามเสียงหัวใจเรียกร้อง เพราะยิ่งนับวันที่เขาได้เห็นหน้า พบเจอเกี้ยวเกล้าบ่อยเข้า ประกอบกับเธอเองก็มักจะยิ้มแย้ม แจ่มใสพูดคุยกับเขาเป็นอันดี ทำให้เขาอดคิดฝันไปไกลไม่ได้ ทั้งที่เขาเองก็รู้ว่าไม่สมควร

แต่เขาก็ไม่ได้ทำอะไรนี่นะ แค่อยากมาเห็นเธอโดยที่ไม่ต้องแอบมองอยู่ข้างร้าน อยากเจอเธอโดยที่ไม่ต้องมีไตรศูรย์ยืนเคียงข้างเท่านั้นเอง ตุลภัทรพร่ำบอกตัวเองอย่างนั้น ซ้ำแล้วซ้ำเล่า...

ภายในผับที่คราคร่ำด้วยนักเที่ยวยามค่ำคืน ตุลภัทรนั่งอยู่โซนโอเพ่นแอร์ด้านนอก พร้อมกับเพื่อนสนิท ในมือของทั้งคู่ถือแก้วที่บรรจุด้วยน้ำสีอำพันผสมก้อนน้ำแข็ง เสียงดนตรีและเสียงอึกทึกครึกโครมดังมาจากข้างในห้องกระจกที่มีการแสดงดนตรีสดอยู่บนเวที แต่ทั้งคู่หาสนใจไม่

“กลุ้มใจอะไรนักหนาวะมึง อย่าบอกว่าเรื่องผู้หญิงที่เป็นคู่หมั้นพี่มึงนะ” เพื่อนสนิทคนนี้เป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนอยู่ที่เมืองไทย และเป็นคนที่เขาเคยร่ำระบายเรื่องนี้ให้ฟังทุกครั้งที่อึดอัดใจ

“เออ” ตุลภัทรรับคำเสียงหนัก ก่อนจะยกแก้วเหล้าขึ้นกระดกอีกรอบ

“กูนึกว่ามึงแค่หลงไหลได้ปลื้มแล้วก็จบเหมือนทุกที แต่นี่มึงบ้ากว่าที่กูคาดไว้ซะอีกนะเนี่ย”

“แต่คนนี้ไม่เหมือนทุกทีนะโว้ยไอ้มิกซ์ มึงอย่าเหมารวม” ตุลภัทรค้าน

“แต่ยังไงก็เป็นว่าที่พี่สะใภ้มึง แล้วมึงจะหวังอะไร นอกจากว่าโลกนี้ไม่มีพี่มึงเท่านั้นแหล่ะมึงถึงจะมีหวัง” มิกซ์พูดอย่างเห็นขันมากกว่าแนะนำจริงจัง

“ทำไมถึงไม่มีความหวังอะไรสำหรับกูเลยวะ ทั้งที่คนอย่างกูชอบผู้หญิงคนไหนไม่เคยพลาด” ตุลภัทรรำพันเสียงเครียด

“ก็มึงหล่อ มึงรวย มึงเพอร์เฟ็คสำหรับผู้หญิงพวกนั้นนี่หว่า แต่ผู้หญิงคนนี้อาจไม่ได้มองมึงตรงนั้นก็ได้ และเหตุผลสำคัญ เขารักพี่มึง จบ! ” มิกซ์สรุปให้ แต่ด้วยอารมณ์ขุ่นมัวเป็นทุนเดิมทำให้ตุลภัทรกลับคิดไปอีกทาง

“นั่นสินะ ทำไมคนอย่างพี่ไตรถึงได้ทุกอย่างที่เป็นความรักของกูไปก่อนก็ไม่รู้ พ่อก็รักเทิดทูนแต่พี่ไตร ยังกะอะไรดี ทั้งที่ก็เป็นแค่หลาน แม่ก็พลอยเออ ออไปด้วย แล้วยังจะมาคุณเกี้ยวอีก”

“พี่มึงอาจจะปะเหลาะพ่อ แม่มึงเก่งกว่ามึงก็ได้ ส่วนคุณเกี้ยวอะไรนั่น มึงก็แค่ไม่มีโอกาสใกล้เขาเพราะพี่มึงดันมาก่อน แต่มึงเคยบอกไม่ใช่เหรอว่า เหนือสิ่งอื่นใดพี่มึงรัก ตามใจ เอาใจมึงยิ่งกว่าน้องในไส้ เป็นกูนะ กูขอจีบคุณเกี้ยวไปแล้ว”

“เฮ้ย ไอ้มิกซ์! ” ตุลภัทรร้องตกใจกับความคิดของเพื่อน

“อ้าว! ไงล่ะ มึงตัดใจจากเขาไม่ได้ เขาเองก็ยังไม่ได้แต่งงานกันไม่เห็นแปลก มึงทนมองเขาอยู่อย่างนี้จนกระทั่งเขาแต่งงานแต่งการไปได้ไหมล่ะ กูรู้นิสัยอยากได้อะไรเป็นต้องได้ของมึงดี” มิกซ์เดาไม่ผิด เพราะความที่เป็นเพื่อนร่วมวงสำมะเลเทเมากันมานาน ทำให้เขารู้จักตุลภัทรคนนี้ดี ถึงดีมาก

“แล้วมึงจะให้กูทำยังไง” ชายหนุ่มชักสนใจสิ่งที่เพื่อนพูดขึ้นมาแล้ว

“ก็บอกพี่มึงไปตามตรงว่ามึงชอบคุณเกี้ยว แล้วขอโอกาสจีบกันหน้าด้านๆ อย่างนั้นแหล่ะ แค่พี่มึงเปิดโอกาสให้ที่เหลือก็อยู่ที่ความสามารถของมึงแล้ว และที่สุดก็อยู่ที่ตัวผู้หญิงถ้ามึงเอาชนะใจเขาได้ เขาก็เลือกมึงอยู่ดี มึงเชี่ยวชาญเรื่องผู้หญิงดีนี่นา มึงลงมือเมื่อไหร่ไม่เคยพลาดอยู่แล้วไม่ใช่หรือไง” ตอนนี้มิกซ์แนะอย่างจริงจัง

“พี่ไตรเอากูตาย” ตุลภัทรเปรยอย่างอดหวั่นใจไม่ได้

“มึงกลัวหรือไง พี่มึงเป็นหนี้บุญคุณครอบครัวมึงอยู่นะโว้ย! เขาไม่กล้าทำอะไรมึงหรอก อีกอย่างนะเขาเอาความรัก ความไว้ใจจากพ่อมึงไปแล้ว มึงก็ควรขออะไรจากเขาบ้างก็เท่านั้น” ตุลภัทรนิ่งคิด

เขารู้สึกเหมือนที่เพื่อนว่า ไตรศูรย์เอาความรัก ไว้ใจไปจากพ่อของเขา เป็นสิ่งที่ติดอยู่ลึกๆ ในใจมาตลอด ตั้งแต่วันที่ไตรศูรย์ก้าวเข้ามาในครอบครัว ความสำคัญของเขาที่มีต่อครอบครัวก็พลอยถูกลดทอนลงไป เขาได้กลายเป็นคนอ่อนด้อยเมื่อเทียบกับไตรศูรย์ เป็นคนใช้การไม่ได้จนต้องให้ไตรศูรย์คอยดูแล เขากลายเป็นดำในขณะที่ไตรศูรย์เป็นขาว

ยิ่งโตเขาก็ยิ่งรู้สึกมากขึ้น และยิ่งชัดเจนรุนแรงมากยิ่งขึ้นในตอนที่เขาได้พบว่าเกี้ยวเกล้าเป็นคู่หมั้นของไตรศูรย์ เขาแอบฝันอยู่เสมอว่าสักวันคนที่ยืนเคียงข้างเกี้ยวเกล้าจะเป็นเขาไม่ใช่ไตรศูรย์ จะเป็นเขาที่เธอมองด้วยสายตาอ่อนหวานและเต็มไปด้วยความรัก

“แค่ได้โอกาสมึงไม่ได้ไปฉุดกระชากลากถูเอามาซักหน่อย ไม่มีอะไรเลวร้ายหรอกมึงเชื่อกู” มิกซ์ตอกย้ำมาอีกครั้ง ทำให้มุมปากข้างหนึ่งของคนฟังยกขึ้นเล็กน้อย แล้ว...ตอนนี้มีอะไรที่เราจะต้องแคร์อีกเล่า ตุลภัทรถามตัวเอง ดวงตาหรี่ลงอย่างหมายมาด

วันต่อมา...ไตรศูรย์แปลกใจไม่น้อยเมื่อเห็นคนที่ถือแฟ้มงานเดินเข้ามาในห้องทำงานของเขาเป็นตุลภัทร

“ทำไมไม่ให้เลขานายเอามาให้ล่ะ ไม่เห็นต้องมาเองเลย” เขาเปรยกับน้องชาย พลางละสายตาจากเอกสารตรงหน้าขึ้นมามอง

“ไม่เป็นไรฮะ พอดีผมมีธุระอยากคุยกับพี่ด้วย” ตุลภัทรตอบและนั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามกับเจ้าของโต๊ะ ทำให้ไตรศูรย์เลิกคิ้ว แต่คาดว่าคงเป็นเรื่องงานบางส่วนที่ตุลภัทรยังไม่ค่อยเข้าใจ

“ทุกทีนายจะโทร.มานี่ คงเป็นเรื่องสำคัญมากสินะ เอาสิ...มีอะไรว่ามาเลย” ชายหนุ่มกล่าวอารมณ์ดี

“เอ่อ...คือ พี่ไตรจะแต่งงานเมื่อไหร่ฮะ” เขาโพล่งออกไป ไตรศูรย์หัวเราะ

“แค่มาถามว่าพี่จะแต่งงานเมื่อไหร่เนี่ยนะ” ไตรศูรย์เห็นเป็นเรื่องขำที่ตุลภัทรให้ความสนใจเรื่องนี้ของเขา แทนที่จะเป็นเรื่องงานอย่างที่คาดการณ์ไว้ “โอเค.คือ พี่กับน้องเกี้ยวอยากทำงานต่ออีกสักพัก ทำไม? หรือนายจะลัดคิวแต่งก่อน พี่ก็ไม่ว่านะ” ที่สุดเขาก็ตอบตรงประเด็น เมื่อเห็นว่าคนถามไม่ขำด้วย แต่ยังคงหยอกเย้าในท้ายประโยค

“พี่ไตรรักคุณเกี้ยวมากหรือเปล่าฮะ”

“อือ ‘มาก’ ทำไม” เขาเน้นคำตอบด้วยรอยยิ้ม แม้คำถามนั้นจะทำให้ไตรศูรย์ประหลาดใจมากขึ้นไปอีก

“พี่คิดว่าพี่สามารถดูแลคุณเกี้ยวได้ดีแค่ไหน” มาถึงคำถามนี้ รอยยิ้มบนริมฝีปากของไตรศูรย์เริ่มจางลง

“พี่ไม่เข้าใจในสิ่งที่นายถาม มีอะไรพูดมาตรงๆ เลยดีกว่า” ชายหนุ่มถามเสียงเรียบไม่มีอารมณ์จะยิ้มหัวอีกต่อไป ทั้งกับคำถามและท่าทางของตุลภัทรทำให้เขาได้กลิ่นอะไรบางอย่างที่ไม่สู้ดีนัก เขามองเห็นตุลภัทรทำหน้าลำบากใจ แต่ความเด็ดเดี่ยวกลับฉายอยู่ในดวงตาคู่นั้น

“ผมชอบคุณเกี้ยว ชอบมาก” ไตรศูรย์ตะลึงกับคำสารภาพนั้น “และผมอยากขอพี่ให้โอกาสผมใกล้ชิดคุณเกี้ยวบ้าง”

“ตลกน่านายตุล ใครใช้ให้นายมาล้อเล่นหรือลองใจพี่หรือเปล่า หรือน้องเกี้ยว...” พอตั้งสติได้ไตรศูรย์จึงยิงคำถามออกไปทันที ทั้งที่รู้สึกใจคอไม่ดีสักนิด

“ผมไม่ได้ล้อเล่น และไม่มีใครใช้ผมมาลองใจอะไรทั้งนั้น ผมซีเรียสนะพี่ ผมชอบคุณเกี้ยวมาก อย่างที่ไม่เคยชอบใครมาก่อน ผมหมายความตามที่พูดมาทุกอย่าง” ตุลภัทรยืนยันหนักแน่นทั้งน้ำเสียงและท่าทาง ทำให้ไตรศูรย์เริ่มมองน้องชายอย่างค้นคว้า ดวงตาของตุลภัทรยามนี้ดูจริงจังจนเขาหวั่นใจ นี่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่นเป็นแน่ โดยเฉพาะกับหัวใจของใครคนใดคนหนึ่ง

“น้องเกี้ยวเป็นคู่หมั้นของพี่ ไม่ใช่ของเล่นหรือสิ่งของที่จะมาขอกันอย่างนี้” ไตรศูรย์พยายามทำสุ้มเสียงให้ปกติ

“ผมไม่ได้ขอคุณเกี้ยวสักหน่อย ผมขอแค่โอกาสจากพี่ให้ผมมีโอกาสได้ใกล้ชิดคุณเกี้ยวบ้าง หากคุณเกี้ยวไม่หวั่นไหวผมจะไม่ยุ่งด้วยอีก ไม่ดีเหรอฮะ พี่จะได้พิสูจน์ว่าคุณเกี้ยวมั่นคงกับพี่แค่ไหน”

“พี่ไม่อยากพิสูจน์อะไรอย่างนั้น มันไม่จำเป็นเลยสักนิด พี่กับน้องเกี้ยวรู้จักกันมาตั้งแต่เด็กเราเข้าใจกันดี” เขาตอบออกไปด้วยความมั่นใจในตัวเอง และเชื่อใจในตัวคนรัก

“แต่หากพี่รักคุณเกี้ยวจริง พี่น่าจะให้เธอได้มีโอกาสเจอคนอื่นบ้าง คนที่อาจจะดีกว่าพี่และบางทีคนนั้นอาจจะดูแลคุณเกี้ยวได้ดีกว่าพี่ก็ได้ พี่รู้ได้ยังไงว่าสิ่งที่พี่มีอยู่คือสิ่งที่ดี เหมาะสมกับคุณเกี้ยวที่สุดแล้ว” คำพูดนั้นทำให้ไตรศูรย์สะอึกในทันที

เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย ชายหนุ่มรู้แต่ว่าเขารักเกี้ยวเกล้าและเธอก็รักเขา ไม่รังเกียจที่เขาไม่มีอะไร เขาไม่เคยคิดว่าเธอจะต้องการบ้านหลังใหญ่มากกว่าบ้านเก่าของยายที่มีอยู่ เขาไม่คิดว่าเธอจะต้องการทรัพย์สินเงินทองมากกว่าที่เขามีอยู่ ไม่คิดว่าเธอจะต้องการรักใครคนอื่นที่ดีกว่าเขา เหมือนที่เขาไม่ต้องการอะไรในชีวิตอีกแล้วนอกจากเธอ เขาเชื่อว่าตัวเองรู้จักเธอดีมาตั้งแต่เด็ก เกี้ยวเกล้าไม่ใช่คนฟุ้งเฟ้อ หลงไหลอะไรง่ายๆ หรือมองอะไรแค่ผิวเผิน และเขาก็รักในสิ่งที่เธอเป็นเหล่านี้

“พี่ไม่คิดว่าน้องเกี้ยวจะพอใจถ้าทำอย่างนั้น พี่ทำไม่ได้หรอกนายขออย่างอื่นเถอะ” ที่สุดชายหนุ่มก็ปฏิเสธน้องชายต่างบิดา มารดา แม้คำพูดของตุลภัทรจะทำให้เขาสะอึกไปบ้าง แต่เขาก็จะไม่หวั่นไหว

“ปัง!!” ตุลภัทรผุดลุกขึ้นตบโต๊ะเสียงดัง ดวงตาวาวโรจน์ด้วยอารมณ์ที่รุนแรง “ผมไม่คิดเลยว่าพี่จะกล้าขัดใจผม! ” เขาตะโกนใส่หน้าไตรศูรย์เสียงกร้าว


###ตอนนี้อีบุ๊ค ‘ฝากรักไว้ในสายหมอก’ ลงขายแล้วนะคะ###
ตามลิ้งค์ที่แนบมาค่ะ ใครสนใจอยากเก็บพี่ไตร+น้องเกี้ยวเข้ากรุสมบัติ เข้าไปโหลดกันได้รัวๆเลยจร้า
หรือสนใจนิยายเรื่องอื่นๆในนาม ‘พิริตา’ และ ‘อเมทริน’ ก็สามารถเข้าไปโหลดกันได้นะคะ ทั้งตัวอย่างและอีบุ๊ค
ขอบคุณค่า
meb
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&da
ta=YToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO3M6N
joiNzEyOTE2IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiNTc3OTMiO30
hytexts
https://www.hytexts.com/ebook/B012031-ฝากรักไว้ในสายหมอก
ookbee
http://www.ookbee.com/shop/BookInfo?pid=a927a107-7f6d-4c43-9301-a8c03f420109&affiliateCode=1168c15837084f8bbb5cf6fde0ca707d
นายอินทร์ปัณณ์
https://naiin.com/product/detail/214536

ebooks.in.th
http://ebooks.in.th/ebook/45108/%E0%B8%9D%E0%B8%B2%
E0%B8%81%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B
9%84%E0%B8%A7%E0%B9%89%E0%B9%83%E0%B8%99%
E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A2%E0%B8%AB%E0%
B8%A1%E0%B8%AD%E0%B8%81/



กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 29 ก.ค. 2560, 10:24:55 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 29 ก.ค. 2560, 10:24:55 น.

จำนวนการเข้าชม : 840





<< ตอนที่ 27   
แว่นใส 30 ก.ค. 2560, 07:34:25 น.
นายมันเลว นายตุล


กานพลู 2 ส.ค. 2560, 13:35:51 น.
อินจ้า อิ อิ


เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account