ลิขิตรักเก็บตก (พิริตา) เปิดจองรูปแบบเล่มพร้อมE-Book
‘หวาย’ หรือ ‘วาสุรีย์’ เจ้าของสวนกล้วยไม้วาสุรีย์ ได้ให้การช่วยเหลือชายหนุ่มต่างชาติที่ถูกทำร้ายปางตายคนหนึ่ง
เขาฟื้นขึ้นมาพร้อมกับอาการความจำเสื่อม ด้วยความเห็นใจเธอจึงตัดสินใจรับภาระดูแลเขาต่อจนกว่าจะรู้ว่าเขาเป็นใคร
และในที่สุดชายชาวต่างชาติหน้ารกที่มีชื่อใหม่หมาดว่า ‘บักสีดา’ ก็เป็นสมาชิกคนหนึ่งของสวนกล้วยไม้วาสุรีย์
ท่ามกลางความสงสัยในที่มาที่ไปของเขา ชายหนุ่มกลับเป็นขวัญใจของคนงานด้วยกันได้ไม่ยาก
ระหว่างนั้นสวนกล้วยไม้วาสุรีย์กลับมีภัยถาโถมรอบด้าน ‘บักสีดา’ จึงกลายเป็นเรี่ยวแรงกำลังสำคัญให้กับหญิงสาวและสวนวาสุรีย์โดยไม่รู้ตัว และก็เช่นกัน... ความเป็นมาของเขายังคงเต็มไปด้วยความมืดดำ อีกทั้งไม่รู้ว่า ‘ภัย’ ที่กำลังเกิดขึ้นกับสวนวาสุรีย์นั้นเกี่ยวข้องกับเขาหรือไม่อย่างไร? เขาเป็นใคร? มาจากไหน?
ปริศนาที่เป็นป้ายติดหน้าผากของเขาจะถูกปลดออกไปได้อย่างไร และที่สำคัญไม่แพ้กันก็คือทั้งคู่จะฝ่าอันตรายจากผู้ไม่หวังดีไปได้หรือไม่? โปรดตามลุ้นเรื่องราวความรักซ่อนเงื่อน ที่เต็มไปด้วยความสนุกสนาน ตื่นเต้น ได้ใน ‘ลิขิตรักเก็บตก’ เร็วๆ นี้!!!




Tags: หวาย แวนด้า กล้วยไม้ สายลับ ฝรั่ง ขี้นก บักสีดา FSB KGB รัสเซีย นครนายก เมมโมรี่การ์ด

ตอน: บทที่ 9 ไฟไหม้!!

​##เปิดจองนิยายรัก 2 เรื่อง 2 รส##
‘ลิขิตรักเก็บตก’
มี 2 เล่มจบ ราคาเล่มละ 339 บ.
2 เล่มลดเหลือ 670 บ.
‘ฝากรักไว้ในสายหมอก’
ราคา 369 บ. ลดเหลือ 360 บ.
*พิเศษ!! สั่งซื้อ 3 เล่ม ในราคาเพียง 999 บ. เท่านั้น*
สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดได้
ทางอินบ็อกเฟส : pirita ametrine
หรือในเพจ ‘พิริตา อเมทริน นักเขียน’
Email: kanplu@windowslive.com
โทร.0626656247 หรือทางไลน์ ID: pirita-ametrine
วันนี้-20 สิงหาคม นี้ เท่านั้น!!


บทที่ 9 ไฟไหม้!!


เมื่อกลับมาถึงสวนวาสุรีย์ ก็เป็นเวลาบ่ายคล้อยแล้ว วาสุรีย์บอกเรื่องอุบัติเหตุกับป้าแจ้ม ซึ่งก็ตกอกตกใจไปตามคาด โชคดีที่ลุงสมไม่เป็นอะไรมาก หญิงสาวจึงให้คนงานขับรถไปส่งป้าแจ้มที่โรงพยาบาล เพื่อเฝ้าลุงสมพร้อมกับเจิดลูกชาย

วาสุรีย์เข้าออฟฟิศเพื่อดูงานตามปกติ โดยมีชายหนุ่มเดินตามพร้อมอะไรบางอย่างในมือ เมื่อเธอนั่งลงหลังโต๊ะทำงานแล้วเขาก็นั่งลงตรงข้าม โดยมีโต๊ะทำงานกั้นกลางระหว่างคนทั้งคู่

“นี่เป็นบิลของที่ผมนำไปส่ง แล้วนี่ก็เป็นเช็ค” บักสีดาส่งกระดาษทั้งสองอย่างให้เธอ หญิงสาวรับไปดูด้วยสีหน้าครุ่นคิดและมีแววบางอย่างที่ทำให้คนมองเป็นห่วงมากกว่าเดิม “มันอาจจะได้ไม่มาก แต่... ”

“ช่างเถอะค่ะ ดีกว่าไม่ได้อะไรเลย ยังไงก็ขอบคุณมากนะคะ” วาสุรีย์ว่า ก่อนจะฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ “จริงสิคะ ลุงสมไม่อยู่เสียคนคงจะวุ่นวายสักหน่อย ยังไงเรื่องเวรยามฉันคงต้องรบกวนคุณแล้วล่ะค่ะ”

“คุณวางใจเถอะ เรื่องนี้ผมจัดการเอง” คนหน้ารกเอ่ยพลางมองดวงหน้างามของคนตรงหน้า ซึ่งยังมีแววบางอย่างที่ทำให้ชายหนุ่มพลอยไม่สบายใจไปด้วย แต่ทว่าเมื่อเจ้าตัวหันมาเห็นเขาจ้องมองก็รีบออกคำสั่ง

“คุณมีอะไรก็ไปทำเถอะค่ะ ฉันจะทำงานต่อ” บางอย่างที่กรุ่นอยู่รอบตัวของเธอ ราวกับกระไออันหนักอึ้งนั้น ทำให้คนตัวโตยังไม่ยอมขยับเขยื้อนไปไหน

“คุณเป็นอะไรมากหรือเปล่า” เขาโน้มใบหน้าไปใกล้ดวงหน้างาม

“ปล่ะ...เปล่า ไม่เป็นไร ฉันจะทำงาน” วาสุรีย์หลบตาเขา พลางดึงแฟ้มมากางให้วุ่นวายไปหมด ชายหนุ่มจึงตัดสินใจถอยออกมา

แต่พอพ้นประตูเขาก็ลอบมองผ่านช่องประตูที่ปิดไม่สนิทนั้น เจ้าของร่างโปร่งบางถอนหายใจหนักหน่วง หยิบบิลขึ้นมาดูอีกครั้ง ก่อนจะเอนศีรษะพิงพนักเก้าอี้ หลับตานิ่งๆ โดยไม่รู้เลยว่ามีดวงตาคู่คมแอบมองอยู่ด้วยความห่วงใยเพียงใด

*-*-*-*-*-*

ตอนเย็นหญิงสาวกลับมาบ้าน หลังเลิกงานตามเวลาปกติ อาบน้ำเสร็จกะจะเข้าครัวหาอะไรทาน แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นอาหารวางอยู่บนโต๊ะเรียบร้อย มีทั้ง ไข่เจียว น้ำพริกกะปิ ต้มจืด และผัดผักรวม เหมือนพึ่งทำเสร็จใหม่ๆ ด้วยอีกต่างหาก ทั้งที่ป้าแจ้มไม่อยู่

“กลับมาแล้วเหรอครับ คุณหวาย” เจ้าของเสียงที่คุ้นเคย ออกมาจากห้องครัวพร้อมจานหมูทอดกลิ่นหอมกรุ่นยั่วน้ำลาย

“คุณเป็นคนทำเหรอคะ” สีหน้าท่าทางของวาสุรีย์เต็มไปด้วยความประหลาดใจ คนตัวโตทำเสียงรับในลำคอ

“เป็นไงครับ น่ากินไหม” ถามพร้อมรอยยิ้มภาคภูมิใจ

“หน้าตาน่ากินดีนะคะ แต่ไม่รู้ว่าจะกินได้หรือเปล่า ต้องชิมดูก่อน” หญิงสาวว่า ก่อนหยิบหมูทอดชิ้นเล็กจากจานที่เขาพึ่งนำมาวางเข้าปาก

“รสชาติเป็นยังไงบ้าง” ชายหนุ่มจ้องมองอย่างลุ้นเต็มที่

“ไม่ไหวเลยคุณ แย่มาก” วาสุรีย์แกล้งทำท่าผะอืดผะอม นั่นทำให้คนทำหน้าจืดเจื่อนลง

“แต่ผมทำตามที่ป้าแจ้มสอนเด๊ะๆ เลยนะ ชั่งตวงตามที่แกบอกเลย” เธอจึงหัวเราะคิกกับท่าทางของเขา

“ฉันล้อเล่นค่ะ ความจริงมันไม่ถึงกับแย่หรอก มันอาจจะไม่เป๊ะอย่างที่ป้าแจ้มทำเท่านั้นเอง พอดีฉันไม่เรื่องมากก็เลยกินได้” หญิงสาวว่า คนตัวโตหน้ารกจึงได้หัวเราะออกมาบ้าง

“คุณนี่นะ นึกว่าทำเป็นแต่หน้าเครียดๆ เสียอีก” ก่อนเปรยออกมา

“อะไรนะ” วาสุรีย์ทำหน้าเอาเรื่อง อีกฝ่ายยกมือสองข้างยอมแพ้ แต่หน้าตาระรื่นดวงตาพราว “ช่างเถอะ ตอนนี้ฉันหิวแล้วล่ะค่ะ กินข้าวก่อนดีกว่า ” หญิงสาวนั่งลง แล้วจึงเริ่มกินข้าว

ชายหนุ่มหน้ารกเห็นหญิงสาวชอบผัดผักรวมเป็นพิเศษ จึงตักใส่จานให้เธอ วาสุรีย์เอ่ยขอบคุณพร้อมรอยยิ้มบาง และก็ตั้งหน้าตั้งตากินต่ออย่างสบายใจ นั่นทำให้เขาเบาใจที่หญิงสาวกลับมายิ้มแย้มเป็นปกติ

บักสีดานึกห่วงความรู้สึกของเธอไม่น้อยกับสิ่งที่เจอในวันนี้ ในใจนึกทึ่งในความเข้มแข็งของผู้หญิงตัวเล็กๆ คนนี้มากขึ้นทุกวัน อีกทั้งความห่วงใยอันมากล้นทำให้เขาอยากจะแบ่งเบาทุกสิ่งที่เธอแบกรับเอาไว้

แม้แต่เรื่องเล็กๆ อย่างการเข้าครัว ทำอาหารให้ทานเช่นนี้ เขาแค่อยากให้เธอมีความสุข สบายใจ ชายหนุ่มไม่รู้หรอกว่าความรู้สึกเหล่านี้ยิ่งนานวันก็ยิ่งเปิดเผยตัวมากยิ่งขึ้น เขารู้แต่ว่าไม่อาจห้ามความรู้สึกของตัวเองได้เลย

ทั้งคู่ทานอาหารเย็นเสร็จก็ช่วยกันทำความสะอาด ล้างจาน ชายหนุ่มหน้ารกที่เช็ดทำความสะอาดเตาฮัมเพลงลูกทุ่งแบบแปร่งๆ ไปพลาง เป็นเหตุให้วาสุรีย์ที่ทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จหันมามองด้วยรอยยิ้มขำ เธอจำได้ว่าเป็นเพลงที่คนงานชอบเปิดฟังกันบ่อยๆ นั่นเอง

ดวงหน้างามเปื้อนรอยยิ้ม ขณะกอดอกมองเขานิ่งๆ และอะไรบางอย่างทำให้ความรู้สึกสงสัยผุดขึ้นในใจ รูปร่างหน้าตาแบบนี้ ทักษะความสามารถในการต่อสู้ไม่เป็นรองใคร และการเรียนรู้สิ่งต่างๆ ได้อย่างรวดเร็วจนน่าทึ่ง

ทุกอย่างที่ถูกแสดงตัวออกมาในช่วงหลังนี้ ทำให้เธอรู้สึกได้ว่าเขาคงไม่ใช่คนธรรมดา แต่... เขาเป็นใครกันนะ? ความสงสัยนั้นทำให้หญิงสาวหรี่ตามองราวกับจะให้ทะลุถึงหัวใจ หรือตัวตนที่แท้จริงของเขา

“ทำไมมองผมอย่างนั้น” บักสีดาหันมาเจอสายตาของเธอเข้า จึงรู้สึกตัว

“ฉันชักสงสัยเสียแล้วสิว่า ความจริงคุณอาจจะเป็นพวกก่อการร้าย หรือไม่ก็ตำรวจ เห็นคล่องแคล่วเรื่องการต่อสู้เสียเหลือเกิน” ข้อสงสัยของ

หญิงสาว ทำให้เขาละมือจากสิ่งที่ทำพลางก้าวเข้ามาใกล้

“คุณก็พูดไป ความจริงผมอาจจะเป็นแค่พนักงานรักษาความปลอดภัยก็ได้ เพราะผมรู้สึกดีมากๆ ที่ ได้ทำงานนี้ โดยเฉพาะรักษาความปลอดภัยให้คนสวยๆ อย่างคุณ ” ชายหนุ่มว่าพลางขยิบตาให้เธออย่างมีความหมายในประโยคสุดท้าย นั่นทำให้วาสุรีย์เบะปากใส่ในทันที

“ไม่ต้องมาทำปากหวานแถวนี้เลยนะ” แต่ทว่าเขายังไม่หยุด

“คุณน่าจะมีญาติเป็นสไปเดอร์แมนนะ” แถมยังพูดต่อหน้าตาเฉย พร้อมขยับเข้ามาชิดอีกนิด

“ทำไม ? ” หญิงสาวขมวดคิ้วงงๆ “ก็คุณจะได้มีเยื่อใยให้ผมบ้างน่ะสิ” มุกไม่เอาอ่าวกับภาษาไทยแปร่งๆ

นั้น ทำให้วาสุรีย์หัวเราะพรืดออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

“อะไรนะ นี่ถามจริงๆ คุณไปได้คำเลี่ยนๆ นี่มาจากไหน” ก่อนถาม

“ลูกพี่เจิดของผมไง ยังมีอีกเยอะแยะเลยนะที่เจิดสอนผม” บักสีดาเฉลยอย่างไม่ทุกข์ร้อน

“คุณก็เชื่อนะ เจิดน่ะทะเล้นจะตายไป ฉันจะขึ้นห้องแล้ว” วาสุรีย์ได้แต่ส่ายหน้าอย่างระอาใจพลางขยับตัว แต่ชายหนุ่มกลับขวางเอาไว้

“เดี๋ยวๆ !! อย่าเพิ่งขยับครับ ผมหายใจไม่ออก เพราะคุณคือลมหายใจของผม” แล้วแจกให้อีกดอก

“คนบ้า! ” หญิงสาวพึมพำกึ่งค้อนกึ่งขำ

แต่น่าแปลก... ที่มุกควายแบบนี้กลับทำให้เธอหัวเราะและยิ้มออกมาได้ ที่สำคัญมันทำให้ความร้อนผะผ่าวบนใบหน้าอย่างไม่อาจห้ามได้

“ถึงหน้าจะเหมือนโจรเหมือนยักษ์ ที่แน่คั่กๆ คือรักเธอ” เมื่อเห็นเธอมีอาการขวยเขินก็เล่นใหญ่

“หลีกไปเลย ฉันจะขึ้นห้อง” วาสุรีย์ที่เริ่มทำอะไรไม่ถูกผลักร่างใหญ่โตให้พ้นทาง แต่นอกจากเขาจะไม่สะเทือนแล้ว มือบางข้างหนึ่งของเธอกลับถูกคนตัวโตถือวิสาสะยึดเอาไว้มั่น

“ปล่อยมือฉันค่ะ... ” หญิงสาวเอ่ยขึ้นเสียงสั่น ขณะสบตาคู่คมเปล่งประกายวิบวับ แต่ชายหนุ่มกลับไม่นำพา มือบางที่ถูกเกาะกุมไว้เมื่อครู่ถูกเลื่อนขึ้นแตะกับริมฝีปากหยักได้รูปของเขา

ราวกับริมฝีปากของเขาเป็นเปลวไฟ พอสัมผัสกับมือบาง หญิงสาวก็ร้อนวูบวาบ ไม่ใช่แค่ที่มือเท่านั้น แต่ความร้อนนั้นมันลามไปถึงดวงหน้างามเลยทีเดียว

วาสุรีย์พยายามดึงมือกลับ แต่ร่างโปร่งบางกลับถูกรั้งเข้าสู่อ้อมกอด เธอเบิกตาโต พยายามดันตัวออกห่าง แต่กลับไม่สามารถสั่นคลอนร่างใหญ่โตนั้นได้ด้วยเรี่ยวแรงอันน้อยนิด

ชายหนุ่มก้มมองดวงหน้านวลแดงปลั่งของคนในอ้อมกอด อีกทั้งอาการยุกยิก หลบสายตาเขาอย่างเอาเป็นเอาตายนั้นด้วยรอยยิ้มพราวพราย ช่างไม่รู้ตัวเสียบ้างเลยว่ายิ่งเขย่าหัวใจของเขาให้ปั่นป่วน

เพราะกิริยาท่าทางที่แสดงออกมานั้นบ่งบอกว่าเธอไม่ได้รังเกียจเดียดฉันท์ แม้เขาจะเป็นแค่ฝรั่งขี้นก เป็นคนไม่รู้หัวนอนปลายเท้า ความรู้สึกท่วมท้นหัวใจ ส่งผลให้ชายหนุ่มอดใจไม่ไหว ต้องโน้มหน้าลงไปใกล้ดวงหน้างามที่กำลังก้มงุด

กดริมฝีปากกับหน้าผากมน เป็นเหตุให้ร่างที่กำลังดิ้นรนชะงักงัน ดวงหน้างามเงยขึ้น ดวงตาคู่สดใสนั้นจ้องเขาด้วยอาการตะลึงงันยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า ชายหนุ่มจึงกดจุมพิตแก้มเนียนทั้งสองข้าง

ความหอมของแก้มสาวที่ปรารถนาอยากสัมผัสสักครั้ง ทำเอาอารมณ์เขาเตลิด แต่ขณะริมฝีปากหยักได้รูปกำลังโฉบลงสู่เป้าหมายที่เขาอยากลิ้มลองความหอมหวาน วาสุรีย์เบี่ยงหน้าหลบได้ทัน

“ยะ... อย่าค่ะ” พลางร้องห้ามเสียงสั่นพลิ้ว หัวใจดวงน้อยสั่นระรัว

“ขอโทษ... คือ... ผม... ” นั่นจึงทำให้เขารู้สึกตัว แล้วปล่อยร่างนุ่มนิ่มในทันที วาสุรีย์รีบถอยห่าง

ทั้งคู่เบนหน้าหลบสายตากันและกัน ฝ่ายหนึ่งนั้นเพื่อระงับความรู้สึกที่พลุ่งพล่านในหัวใจ แต่อีกฝ่ายก็เพื่อกลบเกลื่อนอาการขวยเขิน ทว่าเสียงร้อนรนระคนตื่นตระหนกของคนงานดังขัดขึ้นเสียก่อน

“คุณหวายครับคุณหวาย แย่แล้วครับ”

“พี่พจน์ มีอะไรหรือคะ เกิดอะไรขึ้น” วาสุรีย์รีบถามทันที

“ไฟครับ ไฟไหม้โรงเรือนด้านเหนือครับ”

“อะไรนะ!! ” คนทั้งสองร้องขึ้นเกือบพร้อมกัน

“ผมจะไปดูเดี๋ยวนี้” บักสีดาได้สติรีบบอก

“ฉันไปด้วยค่ะ” ก่อนที่ทั้งคู่จะสบตากัน แล้วโดยไม่ได้นัดหมายต่างก็รีบวิ่งไปยังห้องนอนของตัวเอง และกลับมาพร้อมปืนพกสั้นประจำตัว

*-*-*-*-*-*

เมื่อมาถึงโรงเรือนขนาดใหญ่ด้านหนึ่ง ในความมืดของค่ำคืน เพลิงกำลังโหมไหม้วัสดุที่ปลูกสร้าง และสิ่งของในโรงเรือนนี้ ก่อเกิดควันอันเข้มข้น เปลวเพลิงสีแดงฉานกระพือไหว ผสานเสียงแตกปะทุที่มีมาเป็นระยะ

คนงานส่วนหนึ่งระดมกำลังตักน้ำมารดกองไฟ ที่ไม่มีทีท่าจะราแรงลง ยังคงโหมกระพือยิ่งกว่าเดิม บางคนก็วิ่งไปมาร้องตะโกนกันอย่างตื่นตระหนก ความวุ่นวายโกลาหลเกิดขึ้นไปทั่วบริเวณนั้น วาสุรีย์หัวใจเต้นแรง

“มีใครอยู่ในนั้นหรือเปล่า” แต่ก็ละล่ำละลักถามขึ้น

“ไม่มีครับคุณหวาย เลิกงานแล้วไม่มีใครอยู่เลยครับ” คนงานคนหนึ่งบอก หญิงสาวหันรีหันขวางอย่างสติแตก ทว่ามือใหญ่กลับฉวยมือเธอเอาไว้

“ตั้งสติเอาไว้นะคุณหวาย แล้วรีบโทร.แจ้งหน่วยดับเพลิงกับตำรวจ ทางนี้ผมจัดการเอง” บักสีดาบอกพลางบีบมือบางเบาๆ

ก่อนจะวิ่งไปทางคนงานและสั่งการเป็นภาษาไทยแปร่งๆ เสียงดัง

วาสุรีย์พยายามตั้งสติ แล้วจึงรีบกดโทรศัพท์แจ้งหน่วยดับเพลิงอย่างที่ชายหนุ่มแนะนำ และตามด้วยสารวัตรทวิพันธุ์

ก่อนที่เธอกับบังอรจะรีบไปช่วยตักน้ำมาดับไฟอีกแรง จนกระทั่งเวลาผ่านไปไม่นานระบบจ่ายน้ำของสวนก็ทำงาน นั่นคงเป็นฝีมือของบักสีดานั่นเอง แต่ทว่าละอองน้ำพุ่งตรงมาจากท่อที่ยังใช้การได้ ก็เพียงแค่พอเลี้ยงไฟไม่ให้ลุกลามไปยังโรงเรือนใกล้เคียงเท่านั้น เปลวไฟยังคงลุกไหม้โรงเรือนต้นเพลิงอย่างไม่หยุดยั้ง

จากนั้นเพียงไม่นานรถดับเพลิงก็เข้ามาพร้อมเสียงไซเรน และได้ฉีดพ่นน้ำควบคุมไฟเอาไว้ได้ ก่อนจะดับลงในที่สุด ทว่า... โรงเรือนถูกเผาวอดวายไปครึ่งค่อน ที่ยังเหลืออยู่ก็มีสภาพไม่อาจใช้การได้เลย

ทวิพันธุ์นำทีมตำรวจเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ ในขณะที่เกศราเองก็ติดตามทีมแพทย์พยาบาลมาด้วย แม้จะเป็นเวลาเลิกงานของตนแล้วก็ตาม

“หวายทำใจดีๆ เอาไว้นะ” เกศรามาถึงก็ตามประกบเพื่อนที่เอาแต่ซึม

“ฉันไม่เข้าใจเลยเกศ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับฉันกันแน่” หญิงสาวเปรย เรี่ยวแรงที่มีเมื่อครู่เหมือนจะหายไปในฉับพลันเมื่อเหตุการณ์สงบลง ดวงตามองไปยังซากโรงเรือนส่วนที่เสียหายเหลือเพียงตอตะโก ควันไฟยังกรุ่น

“ใจเย็นๆ นะหวาย” เกศราปลอบพลางโอบกอดเพื่อนเอาไว้

คราวนี้วาสุรีย์ไม่สามารถเสแสร้งทำเป็นเข้มแข็งได้แล้วจริงๆ เธอไม่สามารถแบกรับอะไรได้อีกต่อไปแล้ว แม้แต่ร่างกายของตัวเอง หญิงสาวทิ้งน้ำหนักทั้งหมดลงในอ้อมกอดของเกศรา ซบหน้าลงกับไหล่ของเพื่อนร้องไห้สะอึกสะอื้น พยาบาลสาวลูบหลังลูบไหล่ปลอบโยนตลอดเวลา

“หวายเป็นยังไงบ้าง” เวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ไม่รู้ แรงสะอื้นคลายลง พร้อมกับเสียงของสารวัตรทวิพันธุ์ดังขึ้น ทำให้หญิงสาวผละจากอกเพื่อน และเช็ดน้ำตาอย่างรวดเร็ว

“หวายไม่เป็นไรแล้วค่ะพี่พันธุ์ ก็แค่ตกใจนิดหน่อย หวายอยากรู้ว่าสาเหตุของไฟไหม้ครั้งนี้มาจากอะไรคะพี่พันธุ์”

“คนของพี่กำลัง... ” ยังไม่ทันสารวัตรหนุ่มจะพูดจบประโยค เสียงแปร่งๆ ก็ดังแทรกขึ้น

“สารวัตรครับ ผมพบร่องรอยบางอย่างตรงรั้วครับ” ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นหันไปมองเจ้าของร่างสูงใหญ่ ที่กำลังก้าวเข้ามาเป็นจุดเดียวกัน

“ความจริงคุณไม่ควรยุ่งกับหลักฐานต่างๆ นะครับ มันเป็นหน้าที่ของตำรวจ” ทวิพันธุ์พูดอย่างไม่พอใจชัดเจน

“เอาเป็นว่าผมขอโทษที่ก้าวก่าย แต่ตอนนี้พักเรื่องนี้ไว้ก่อนแล้วตามผมมาเถอะครับ” บักสีดาว่าพลางก้าวนำไปทางริมรั้วที่ติดกับโรงเรือนแห่งนี้

พอส่องไฟฉายดู พบรอยเท้าเหยียบย่ำหญ้า รอยเท้าที่ตรงเข้าไปยังโรงเรือนที่เกิดเหตุไม่ชัดเจนจนเตะตา ราวกับเจ้าของรอยเท้าได้พยายามกลบเกลื่อนอย่างเต็มที่แล้ว

คนปกติอาจจะมองไม่เห็นโดยเฉพาะในความมืดอย่างนี้ อีกทั้งกลิ่นน้ำมันที่เจือจางในบรรยากาศนั่นอีก มีแต่คนจมูกไวเท่านั้นจะได้กลิ่น แต่ตำรวจอย่างทวิพันธุ์กลับมองเห็น และได้กลิ่นความผิดปกตินั้น

“หรือนี่จะเป็นการวางเพลิงจริงๆ ” สารวัตรหนุ่มเปรยขึ้น

“มันเป็นหน้าที่ของตำรวจอย่างสารวัตรแล้วล่ะครับ”

คำพูดของเจ้าของร่างสูงใหญ่ทำให้ทวิพันธุ์ฉุกคิดขึ้นมาได้ว่า การค้นพบหลักฐานที่แทบจะเรียกได้ว่าถูกกลบเกลื่อนเกือบมิดในตอนนี้ ไม่ได้มาจากตัวเขาหรือลูกน้องแต่อย่างใด แต่มาจากคนความจำเสื่อมคนหนึ่งต่างหาก

“คุณเป็นใครกันแน่? ” สารวัตรหนุ่มตั้งคำถาม พลางมองคนตรงหน้าอย่างสงสัย ส่งผลให้คนความจำเสื่อมถึงกับชะงักไป

“ผมก็บักสีดาไงล่ะครับ แล้วคุณสารวัตรคิดว่าผมเป็นใครล่ะครับ” ก่อนตอบกลั้วเสียงหัวเราะราวกับขำความคิดของอีกฝ่ายเต็มประดา “หรือสารวัตรสงสัยว่าผมเป็นคนทำ”

“เปล่า ผมไม่ได้คิดอย่างนั้น แต่ที่ผมสงสัยคือคุณเป็นใคร ทำไมถึงดูเหมือนเชี่ยวชาญหลายๆ เรื่องเหมือนพวกเจ้าหน้าที่อย่างผม”

“ผมจำไม่ได้จริงๆ นั่นมันเป็นหน้าที่ของสารวัตรต้องหาคำตอบให้ผมไม่ใช่เหรอครับ ผมเองก็รออยู่ทุกวัน อยากรู้เหมือนกันว่าตัวเองเป็นใครกันแน่” บักสีดาพูดด้วยหน้าตาสลดลงในตอนท้าย ราวกับว่าเรื่องนี้แสนจะอ่อนไหวสำหรับเขาอย่างนั้นแหล่ะ แต่ทวิพันธุ์ยังคงหรี่ตามองเขาด้วยแววตาคลางแคลงใจไม่หาย

“ได้หลักฐานอะไรเพิ่มไหมคะ” เสียงของวาสุรีย์ที่ดังขึ้น เป็นเหตุให้

ชายหนุ่มทั้งคู่ต้องยุติการสนทนาพาเครียดกันเพียงแค่นั้น ต่างก็หันไปทาง

หญิงสาว

“นิดหน่อยจ้ะหวาย พี่ว่าตอนนี้เกศพาหวายกลับไปรอที่บ้านก่อนดีกว่า เสร็จงานตรงนี้แล้วเราค่อยคุยกัน”

“เดี๋ยวค่ะพี่พันธุ์ แสดงว่าไฟไหม้ครั้งนี้ไม่ใช่อุบัติเหตุอีกแล้วใช่ไหมคะ”

“เอ่อ... ให้พี่รวบรวมหลักฐานให้แน่ชัดก่อนนะ แล้วพี่ถึงจะบอกกับหวายได้” สารวัตรหนุ่มพยายามแบ่งรับแบ่งสู้

“เรากลับไปรอที่บ้านก่อนเถอะยัยหวาย อยู่ตรงนี้เกะกะการทำงานของตำรวจเปล่าๆ มีอะไรค่อยคุยกันอีกที” เกศราที่สบตากับสารวัตรหนุ่มรีบบอกเพื่อน วาสุรีย์พยักหน้า พลางขยับตัว แต่ทว่าร่างโปร่งบางนั้นกลับเซไป “ว้าย!! ยัยหวาย”

ก่อนที่ใครจะตั้งตัวได้ทัน บักสีดาก็ปราดเข้าไปรับเอาร่างที่กำลังซวนเซเสียหลักเอาไว้

“ยัยหวายๆ ” เกศราเรียกเพื่อนด้วยความตกใจ

“ผมจะพาคุณหวายกลับบ้านเอง” เจ้าของใบหน้ารกรื้นที่หอบเอาร่างไร้สติของหญิงสาวบอกกับเกศรา และทุกคนที่อยู่ตรงนั้น สารวัตรทวิพันธุ์นิ่งขึง ขบกรามแน่นด้วยความขุ่นใจ




**ลิงค์ E-Book 'ลิขิตรักเก็บตก' ค่าาา**
#Meb
เล่ม 1
https://www.mebmarket.com/index.php?action=Book
Details&data=YToyOntzOjc6InVzZXJfaW
QiO3M6NjoiNzEyOTE2IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M
เล่ม 2
https://www.mebmarket.com/index.php?action=BookDetails&data=Y
ToyOntzOjc6InVzZXJfaWQiO
3M6NjoiNzEyOTE2IjtzOjc6ImJvb2tfaWQiO3M6NToiNTg2MjUiO30

#ookbee
เล่ม 1
http://www.ookbee.com/shop/BookInfo?pid=274409f7-13d0-4632-811d-bf78ed5a4645&affiliateCode=1168c15837084f8bbb5cf6fde0ca707d
เล่ม2
http://www.ookbee.com/shop/BookInfo?pid=897b2657-9548-401d-bb1b-76bf11bd35ef&affiliateCode=1168c15837084f8bbb5cf6fde0ca707d

#hytexts
https://www.hytexts.com/ebook/B012230-ลิขิตรักเก็บตก (เล่ม 1)
https://www.hytexts.com/ebook/B012231-ลิขิตรักเก็บตก (เล่ม 2)

#นายอินทร์ปัณณ์
เล่ม 1
https://naiin.com/product/detail/215446/
เล่ม 2
https://naiin.com/product/detail/215447/



กานพลู
เผยแพร่ครั้งแรกเมื่อ : 2 ส.ค. 2560, 13:34:00 น.
แก้ไขครั้งล่าสุด : 2 ส.ค. 2560, 13:34:00 น.

จำนวนการเข้าชม : 617





<< บทที่ 8 คนสำคัญ   
เข้าระบบ เพื่อแสดงความคิดเห็นด้วย weblove account